ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Starfallen Origin Series : กำเนิดเมเธอร์

    ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 8

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ค. 64


    “เอาล่ะฟังให้ดีนะ เขียนชื่อและอายุของตัวเองลงไปในกระดาษที่เตรียมไว้ให้ แล้วเดี๋ยวจะมอบภารกิจสักสองสามอย่างให้ทำ ถ้าทำเสร็จภายในวันนี้ก็จะได้เข้าร่วมกิลด์นักผจญภัยอย่างเป็นทางการ” กัสตันบอก “มากันสี่คนสินะ”

    “สามคนค่ะ” เนโรท้วง แต่กัสตันก็ชี้ไปที่ด้านหลังของทั้งสามคน ทั้งสามคนจึงหันหลังไปดู

    “ว่าไง” ฟรากอร์เพิ่งจะเดินเข้ามากิลด์

    “นายเปลี่ยนใจแล้วสินะ” อิจิโกะถาม

    “ก็อาจจะใช่” ฟรากอร์จึงเดินเข้าไปรวมกับคนอื่น ๆ “งั้นขอก่อนนะ” ฟรากอร์ยืนมือไปหยิบกระดาษที่กัสตันถือเอาไว้ กัสตันจึงแจกจ่ายกระดาษให้ทุกคน ฟรากอร์จึงรีบเขียนชื่อกับอายุของเขาแล้วยื่นกลับไปให้กัสตัน

    ฟรากอร์ อัลมาคัส, อายุ 16” กัสตันอ่าน คนอื่น ๆ ก็เขียนเสร็จกันพอดีจึงรวบรวมกระดาษให้กัสตัน “อืม…ใช้ได้ งั้นรับภารกิจคนละสองสามอย่าง เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมจะเขียนรายละเอียดไว้ในกระดาษที่มีชื่อของแต่ละคนนะ นั่งรอไปก่อน”

    กัสตันเดินกลับเข้าไปในห้องปฏิบัติงานของกิลด์ มีเก้าอี้สามตัววางอยู่ใกล้ ๆ นั้น อิจิโกะจึงเสียสละและให้เพื่อนคนอื่น ๆ ได้นั่ง

    “เราคงจะได้ภารกิจต่างกันสินะ น่าสนุกจริง ๆ” ฟรากอร์พูด

    “ฉันนึกว่านายจะเดินหนีไปแล้วซะอีก แล้วทำไมถึงกลับมาล่ะ” เนโรถาม

    “บางทีการอยู่คนเดียวมันก็เหงานะ” ฟรากอร์ตอบพลางหันไปยิ้มให้อิจิโกะที่ยืนพิงกำแพงอยู่

    “มาแล้ว ๆ” กัสตันเดินผ่านผ้าม่านออกมา “ภารกิจง่าย ๆ เที่ยงนี้ก็คงเสร็จหมดทุกคนแน่นอน”

    กัสตันวางกระดาษทั้งหมดลงบนเคาน์เตอร์แล้วให้แต่ละคนเดินมาหยิบกระดาษที่มีชื่อของตนเองไป ทุกคนหยิบกระดาษกันทีละคนแล้วอ่านดูรายละเอียดภารกิจต่าง ๆ ที่ได้รับ

    เกลดอส -หาสมุนไพรป่าที่มีฤทธิ์ช่วยทำให้เลือดจากบาดแผลเล็กน้อยหยุดไหล -ตามหาหนังสือเล่มใดก็ได้ที่มีคำว่า ‘สมบัติอันยิ่งใหญ่’ แล้วยืมหนังสือเล่มนั้นมาเพื่อยืนยัน

    อิจิโกะ -ค้นหาและพานักดาบที่คิดว่าเก่งที่สุดในเมืองหลวงแห่งนี้มา -ค้นหาและนำดอกไม้ลีแมอันที่มีสีแดงมา

    เนโร -ไขปริศนาแล้วตามหาสิ่งนี้ ‘ดอกไม้ไร้สีสันที่ไม่มีวันเบ่งบาน’ จากนั้นขยายความให้ฟังว่ามันคืออะไร

    ฟรากอร์ -จับสัตว์ร้ายอัลคูนิตัส ที่มีขนสีน้ำเงิน -ค้นหาและนำแตรสงครามจากสุสาน

    “ทำไมเนโรได้ภารกิจแค่อย่างเดียวล่ะ แต่คนอื่น ๆ กลับได้ตั้งสองภารกิจ” ฟรากอร์พูดขึ้นมา

    “ใจเย็น ๆ สิ นี่มันไม่ได้ง่ายเลยนะ ถ้านายคิดว่านายแก้ปริศนาได้ก็ลองดูสิลองเก็บไปคิดระหว่างทำภารกิจของนาย” เนโรพูด

    “เอาเถอะ ๆ ตอนนี้เริ่มทำภารกิจได้เลยนะ” กัสตันพูดจบก็เดินกลับไปเข้าในห้องปฏิบัติงาน

    “ขอให้โชคดีกันนะ” ฟรากอร์พูดก่อนจะเดินออกไปข้างนอกเพื่อไปตามหาสัตว์ร้ายที่ถูกระบุในภารกิจ

    เนโรจึงนั่งลงเพื่อที่จะแก้ปริศนาที่ได้รับ อิจิโกะกับเกลดอสจึงเดินออกไปข้างนอกแล้วแยกย้ายเพื่อไปทำภารกิจของตนเอง เกลดอสเดินไปยังห้องสมุดที่ใกล้ที่สุดซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับกิลด์นักผจญภัยทำให้ไปถึงได้รวดเร็ว เกลดอสเดินเข้าไปในห้องสมุดนั้นแล้วเข้าไปถามบรรณารักษ์

    “มีหนังสือที่เกี่ยวกับสมบัติหรือการผจญภัยไหมครับ”

    “น่าจะอยู่ในหมวดประวัติศาสตร์นะ เดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายตรงชั้นวางหนังสือที่เจ็ดก็จะเจอหมวดประวัติศาสตร์”

    “ขอบคุณครับ” เกลดอสเดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายตรงชั้นวางหนังสือที่ 7 ตามที่บรรณารักษ์ได้บอกเอาไว้ “ประวัติศาสตร์เมลตัน หมวดนี้จะมีอะไรเกี่ยวกับสมบัติด้วยหรอ”

    อิจิโกะเดินไปยังร้านดอกไม้เพื่อจะสอบถามเกี่ยวกับดอกไม้ลีแมอัน

    “สวัสดีครับ มีดอกไม้ลีแมอันสีแดงขายมั้ยครับ”

    “ฉันไม่เคยได้ยินชื่อของดอกไม้นั้นเลยนะ คุณลองถามร้านอื่นหรือไม่ก็ไปถามกับผู้เชี่ยวชาญเรื่องดอกไม้เถอะ”

    “ขอบคุณครับ” อิจิโกะเดินออกมาจากร้านดอกไม้แล้วมองหาร้านอื่น ๆ “ไอ้ดอกไม้นี่มันเป็นยังไงกันนะ หากยากหรอ”

    ไม่ว่าอิจิโกะจะเดินหาทุกร้านแล้วแต่ก็ไม่เจอดอกไม้ลีแมอันเลย เขาจึงเข้าวังหลวงเพื่อไปจะขอคำแนะนำจากองค์จักรพรรดิ แต่องค์จักรพรรดิติดธุระอยู่จึงไม่ว่างที่จะให้ความช่วยเหลือได้ อิจิโกะจึงไปเข้าร้านอาหารของนิโคลัสแทน

    “ช่วยผมหน่อยสิ ดอกไม้ลีแมอันน่ะ ช่วยถามเทพีลาฟิต้าให้หน่อยครับ”

    “ไม่ได้หรอกนะ ถ้ามันไม่ได้เป็นเรื่องเร่งด่วนหรือเรื่องสำคัญก็คงให้ช่วยไม่ได้หรอก ว่าแต่ดอกไม้ลีแมอันสีแดงนี่มันมีอยู่จริง ๆ หรอ” นิโคลัสทำหน้าสงสัย

    “นั่นสิครับ ไม่รู้เหมือนกัน แต่เขาคงไม่ให้ภารกิจตามหาดอกไม้ที่ไม่มีอยู่จริงหรอก ผมคงต้องพึ่งตัวเองแล้วล่ะ ขอบคุณนะครับ” อิจิโกะจึงเดินออกจากร้านไป

    “เข้ามาร้านเราทั้งทีไม่คิดจะสั่งเครื่องดื่มเลยแฮะ…” นิโคลัสพึมพำ

    ในขณะเดียวกัน ฟรากอร์เดินทางไปในป่าและเจอเข้ากับสัตว์ร้ายอัลคูนิตัสที่นอนขดตัวอยู่ เป็นสัตว์ที่มีร่างกายเป็นหมาป่ามีร่างกายใหญ่กว่าคนปกติหลายเท่า แต่อัลคูนิตัสมีหลายประเภทสังเกตได้จากสีขน ถ้ามีสีแดงหรือส้มจะปลอดภัยไม่ทำร้ายคน สีเหลืองมีนิสัยดุร้าย แต่ถ้าเป็นน้ำเงินจะมีนิสัยดุร้าย ทำร้ายคนและสามารถปล่อยพลังไฟฟ้าออกมาได้ มักจะเป็นสัตว์ที่ไม่ชอบเข้าสังคมจึงอยู่เป็นฝูง ฟรากอร์จึงเผชิญหน้ากับอัลคูนิตัสตัวเดียวและมีขนสีน้ำเงิน

    ฟรากอร์ตัดสินใจที่จะจัดมันในการโจมตีครั้งเดียว เขารวบรวมพลังทั้งหมดไว้ที่มือแล้วปล่อยออกไปใส่อัลคูนิตัสที่นอนขดตัวอยู่ ทำให้พลังที่ปล่อยออกมาระเบิดและกลายเป็นสายฟ้าที่ช็อตอัลคูตัส แต่มันกลับไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมันจึงตื่นและลุกขึ้นมาก่อนจะวิ่งเข้าใส่ฟรากอร์อย่างรวดเร็ว

    “ไม่นะ…” ฟรากอร์ปล่อยสายฟ้าลงพื้นเพื่อให้พื้นเกิดระเบิดนั่นทำให้เขาถูกแรงระเบิดดีดลอยขึ้นไปบนอากาศ แล้วตกลงมาบนตัวของอัลคูนิตัส มันจึงปล่อยไฟฟ้าใส่เขาแต่ด้วยพลังสายฟ้าของฟรากอร์ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายทำให้เขาไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากไฟฟ้าที่อัลคูนิตัสตัวนี้ปล่อยออกมา

    “หยุดเลยนะ” มันพยายามสะบัดตัวให้ฟรากอร์หลุดออกไปจากหลังของมัน ฟรากอร์ดึงขนมันไว้แน่นแล้วปล่อยสายฟ้าเพื่อทำร้ายมันไปเรื่อย ๆ แต่มันก็ไม่เป็นอะไรเลย “นี่เขาเลือกภารกิจที่ไม่เข้าทางมาให้ทำไมเนี่ย”

    เวลาผ่านไปได้สักพักใหญ่ ๆ เด็กหนุ่มสาวทั้ง 4 คนยังคงทำภารกิจของตัวเองต่อไปแม้ว่ามันจะยากลำบากขนาดไหน เกลดอสค้นหาหนังสือที่มีคำที่กำหนดจนเจอและยืมมาได้สำเร็จ เขาจึงเดินทางเข้าไปในป่าที่ใกล้กับบ้านของเขาเพื่อไปตามหาสมุนไพรในภารกิจของเขาต่อไป อิจิโกะยังคงเดินไปตามป่าและทุ่งหญ้าเพื่อหาดอกลีแมอัน ที่เขาหาเท่าไรก็หาไม่เจอสักที ถามใครก็ไม่มีใคร อิจิโกะจึงต้องออกตามหามันต่อไป ส่วนเนโรก็ยังนั่งแก้ปริศนาที่เธอได้รับซึ่งเธอไขออกได้มากกว่าครึ่งแล้ว แต่ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าดอกไม้นั้นคืออะไรและอยู่ที่ไหน และฟรากอร์ต้องงัดวิชาที่เขาเคยเรียนมาทั้งหมดเพื่อจัดการกับสัตว์ร้ายด้วยมือเปล่าด้วยกันให้มันสลบ จากนั้นเขาก็เดินทางกลับไปในเมืองหลวงเพื่อที่จะหาข้อมูลเกี่ยวกับแตรสงครามในสุสาน

    ในขณะเดียวกันนั้น ในวังก็ได้มีการประชุมหลวงเกิดขึ้น

    “องค์จักรพรรดิครับ มีรายงานมาว่าพ่อค้าคนที่ขายอัญมณีพลังให้กับบุคคลลึกลับได้พบว่าถูกฆ่าแล้วครับ และทหารของเราได้ปะทะกับบุคคลลึกลับคนนั้นครับ พลังจากอัญมณีพลังนั้นแข็งแกร่งมากจึงทำให้ทหารของเราพ่ายแพ้และบุคคลลึกลับนั้นกำลังเดินทางมาที่เมืองหลวงครับ” แม่ทัพฝั่งซ้ายขององค์จักรพรรดิรายงานสถานการณ์ให้องค์จักรพรรดิได้ฟังขณะกำลังเข้าประชุม

    “อย่างงั้นหรอ ตอนนี้เรายังไม่รู้จุดประสงค์ของคนคนนั้น ดังนั้นเราควรเตรียมพร้อมรับมือกับเขาและปกป้องเมืองหลวงเอาไว้ เราต้องเพิ่มความปลอดภัยให้แก่เมืองหลวงและวังหลวงมากขึ้นจากเหตุการณ์ที่มีปีศาจแฝงตัวเข้ามาในวังหลวงทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายมากมาย ตอนนี้ก็ยังตามหาปีศาจตนนั้นไม่เจอเสียที ต้องความเข้มงวดในการตรวจคนเข้าเมือง และไม่อนุญาตให้ใครที่น่าสงสัยเข้ามาในวังหลวงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากขุนนางระดับ 4 ขึ้นมา” จักรพรรดิอากัสจึงสั่งการ

    “พวกเราขอน้อมรับ” เหล่าขุนนางที่ร่วมประชุมต่างน้อมรับคำสั่ง

    “เอาล่ะ เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือการตามหาอัญมณีพลัง ตอนนี้ข้าได้รวบรวมเด็กหนุ่มสาวให้ร่วมภารกิจนี้แล้ว”

    “ทำไมถึงต้องใช้เด็กด้วยล่ะครับ เด็กจะมีประสบการณ์มากพอที่จะช่วยเหลือพวกเราหรอครับ” ขุนนางนายหนึ่งเอ่ยถาม

    “เพราะว่าชาวเมลตันทุกคนที่มีอายุตั้งแต่สิบห้าถึงยี่สิบสี่จะมีพลังที่แข็งแกร่งกว่าคนอื่น ๆ ฝังอยู่ในใจลึก ถ้าหากปลุกพลังเหล่านั้นมาได้ตั้งแต่ยังเด็ก พอถึงช่วงวัยนี้ก็ใช้พลังได้ในระดับที่สูงพอควรเลย แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถใช้พลังได้นะ เพราะการปลุกพลังขึ้นมาจากใจตัวเองน่ะมันไม่ง่ายหรอกและเด็กแต่ละคนก็มีความแตกต่างกันออกไปด้วย เด็กหนุ่มสาวที่ข้าได้รวบรวมมาน่ะ ถูกสวรรค์เลือกเอาไว้แล้วล่ะนะ ดังนั้นพวกเจ้าจงยอมรับเด็กพวกนี้เถอะ” จักรพรรดิอากัสอธิบาย

    “ครับ!” ขุนนางทุกคนตอบอย่างห้าวหาญ

    “อ้อ มาพูดเรื่องอัญมณีพลังต่อแล้วกันนะ ข้าได้พบหนังสือเล่มหนึ่งที่มีเนื้อหาบางส่วนเกี่ยวกับอัญมณีพลังและนั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ปีศาจบุกเข้ามาขโมยหนังสือเล่มนั้นไป ข้าจึงจะขอให้พวกเจ้าช่วยตามหาปีศาจตนนั้นด้วย ถ้าหากเราได้หนังสือคืนก็อาจจะรู้ที่อยู่ของอัญมณีชิ้นอื่น ๆ ก็ได้”

    “แล้วทำไมอัญมณีพลังถึงถูกบันทึกไว้ในหนังสือล่ะครับ ไม่ใช่ว่ามันเพิ่งจะมีมาเมื่อไม่นานหรือครับ”

    “ตามที่ข้าเข้าใจนะ อัญมณีพลังเหล่านั้นน่ะกระจายไปทั่วเมลตันตั้งแต่ 1000 กว่าปีที่แล้วแล้วล่ะ แต่แค่เพิ่งจะรู้ว่ามันเป็นพลังอำนาจของเทพแห่งผืนแผ่นดินที่ปกป้องดาวดวงนี้เอาไว้ก็ไม่นานมานี้เอง หลังจากที่เหล่าเทพรู้เรื่องนี้ก็ต่างช่วยกันตามหาแต่ก็ไม่พบ นั่นเป็นเพราะว่ามันถูกเหล่าสิ่งมีชีวิตบนดาวดวงนี้พบเข้าจึงถูกนำไปเสริมพลังให้กับอาวุธและอุปกรณ์ต่าง ๆ ในอดีตจึงปรากฏประวัติศาสตร์บางส่วนที่เกี่ยวกับอัญมณีพลัง ถ้าใครเจอเรื่องราวประวัติศาสตร์หรือข้อมูลที่เกี่ยวกับอัญมณีพลังก็ส่งข้อมูลนั้นมาให้ข้าด้วย ขอความร่วมมือด้วยนะ”

    “รับทราบแล้วครับ!” ขุนนางทุกคนตอบอย่างห้าวหาญ

    “แล้วพรุ่งนี้ข้าต้องเดินทางไปที่อาณาจักรคริสซอสคนเดียว พวกเจ้าจงดูแลเมืองหลวงและวังหลวงด้วย…ปิดการประชุมได้” จักรพรรดิอากัสกล่าวปิดประชุมก่อนจะเดินลงจากบัลลังก์ ขุนนางทั้งหมดจึงโค้งคำนับ

    เกลดอสเดินกลับมายังกิลด์นักผจญภัยเพื่อที่จะส่งของตามภารกิจ แต่เมื่อเกลดอสเข้าไปในกิลด์ก็ไม่พบกับเนโรเขาจึงวางของสองอย่างที่หามาได้ลงบนเคาน์เตอร์และนั่งพักให้หายเหนื่อย

    “อ้าว กลับมาแล้วเรอะ” กัสตันเดินออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

    “ได้ของมาครบแล้วล่ะครับ”

    “ไหนดูซิ” กัสตันเดินเข้าไปดูของที่เกลดอสหามา เขากยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาแล้วเปิดไปตามหน้าที่ถูกคั่นเอาไว้ “สมบัติอันยิ่งใหญ่ ภารกิจแรกของนายผ่านแล้วล่ะ…ไหนดูสมุนไพรห้ามเลือดซิ”

    กัสตันหยิบมีดพกขึ้นมาแล้วจิ้มที่นิ้วของตัวเองให้เลือดไหลออกมา

    “บอกมาซิว่าใช้มันยังไง”

    “ก็แค่บีบเอาน้ำจากใบสมุนไพรแล้วแปะไว้ที่แผลครับ รอไม่นานมันก็จะช่วยหยุดเลือดเอาไว้แล้วแผลก็จะปิดตัวได้เร็วขึ้น” เกลดอสอธิบาย

    “เยี่ยมมาก นายผ่านแล้วล่ะ อีกสักพักกิลด์ก็จะเปิดแล้วถ้าเปิดเมื่อไหร่ก็จะได้รับเข้าเป็นสมาชิกในกิลด์อย่างสมบูรณ์ แต่ตอนนี้นั่งพักแล้วรอคนอื่น ๆ ไปก่อนนะ” กัสตันพูดก่อนจะเดินกลับเข้าไป

    ในระหว่างนั้นเนโรและฟรากอร์ก็เดินกลับมา เนโรเดินมาพร้อมกับเพชรเม็ดหนึ่งที่อยู่ในมือของเธอ แต่ฟรากอร์เดินมาพร้อมกับสัตว์ร้ายอัลคูนิตัสที่ถูกจับยัดใส่กรงและถือแตรสงครามไว้ในมืออีกข้างหนึ่ง ทั้งคู่เดินเข้าไปยังกิลด์นักเดินทาง แต่กรงที่ใช้ขังอัลคูนิตัสใหญ่เดินไป เขาเลยต้องปล่อยกรงของมันไว้ข้างนอกก่อน ทำให้คนในเมืองต่างจับตามองอัลคูนิตัสที่ดุร้ายแต่นอนอยู่ในกรงในสภาพที่ยังสลบอยู่

    “โอ๊ะ มากันเกือบครบแล้วนี่ วางของลงบนเคาน์เตอร์ได้เลย” กัสตันพูด ทั้งสองคนจึงวางของที่คิดว่าเป็นคำตอบของภารกิจที่ได้ลงบนเคาน์เตอร์ กัสตันจึงหยิบแตรสงครามขึ้นมาก่อน “นี่แตรสงครามอะไร”

    “แตรสงครามแห่งลาซอสครับ จริง ๆ แล้วผมเดินไปเจอมันวางอยู่ตรงหลุมศพของใครบางคนเลยหยิบมา” ฟรากอร์ตอบ

    “ไม่กลัวผีบ้างเลยหรอเนี่ย เอาเป็นว่าภารกิจที่สองของนายผ่านแล้วล่ะ งั้นมาดูของภารกิจแรกดีกว่าอยู่ข้างนอกสินะ” กัสตันจึงเดินออกไปดูข้างนอก “เยี่ยมเลย นายฆ่ามันแล้วหรอ”

    “เปล่าครับ แค่ทำให้มันสลบจัดการยากเกินไป แล้วก็ไม่อยากจะฆ่ามันด้วยครับ” ฟรากอร์ตอบอย่างเห็นใจอัลคูนิตัสที่เขาทำให้มันสลบ

    “เอาเป็นว่านายผ่านแล้วล่ะ” กัสตันจึงเดินกลับเข้าไปในกิลด์ตามเดิม “อ้อ แล้วก็ถ้างานรับคนเข้ากิลด์เสร็จแล้วนายก็เอาเข้าอัลนิคูตัสนั่นกลับบ้านแล้วเลี้ยงมันซะ”

    “จะให้ผมเลี้ยงสัตว์ร้ายแบบนั้นหรอครับ…น่าจะยากครับ”

    “งั้นไปต่อที่สาวน้อยเนโรแล้วกันนะ” กัสตันเดินไปที่เคาน์เตอร์แล้วหยิบเพชรที่ถูกวางอยู่ขึ้นมาดู “ขยายความให้ฟังหน่อยสิ”

    “ได้ค่ะ ‘ดอกไม้ไร้สีสันที่ไม่มีวันเบ่งบาน’ ตามที่ฉันเข้าใจแล้ว ดอกไม้ไร้สีสันนั้นหมายถึงสิ่งที่ไม่มีสีสันแต่ก็ยังคงความงามเอาไว้ได้ ส่วนคำว่าไม่มีวันเบ่งบาน อาจเหมือนถึงว่ามันไม่มีชีวิตค่ะ” เนโรตอบอย่างมั่นใจ เธอจึงส่งยิ้มให้กัสตัน

    “เยี่ยมเลย ถึงจะไม่ถูกไปซะทุกอย่างแต่ก็ผ่านแล้วล่ะ” กัสตันตอบแล้วส่งยิ้มกลับไป

    หญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาโต้ง ๆ ในกิลด์นักผจญภัย เธอมีร่างกายที่ใหญ่กว่าคนปกตินิดหน่อยและยังมีกล้ามพอให้เห็นได้บ้างแต่ไม่มาก

    “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย เด็กใหม่หรอ แล้วเจ้าสัตว์ขนสีน้ำเงินที่อยู่ข้างนอกนั่นคืออะไร” เธอตะคอกใส่กัสตัน

    “อ๊ะ ใจเย็น ๆ ก่อนนะ…นี่เป็นเด็กใหม่ที่เพิ่งจะมีสมัครเข้าร่วมกิลด์ของเรา ทำภารกิจเสร็จหมดทุกอย่าง ผ่านหมดทุกคนแล้วล่ะ เหลือแค่พิธีต้อนรับ” กัสตันบอก

    “อ้าว สวัสดีนะจ๊ะเด็ก ๆ” เธอคนนั้นเปลี่ยนน้ำเสียงให้ฟังดูนุ่มนวลมากขึ้น “ยินดีต้อนรับนะ ฉันชื่อ เรเชล คาร์ตันเบิร์ก เป็นหลานสาวของหัวหน้ากิลด์แห่งนี้”

    “สวัสดีครับคุณป้า” ฟรากอร์พูดล้อเลียน

    “อะไรกัน ฉันเพิ่งจะอายุสิบเก้าเองนะ ดูแก่ขนาดนั้นเลยหรอ” เธอหงุดหงิดแล้วเบ่งกล้ามแขนออกมาให้เห็น ทุกคนถึงกับตาโตเพราะตกใจกับกล้ามแขนของเธอ

    “ห่างกับผมแค่ปีเดียวเองนะครับเนี่ย ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ เอ๊ะ แต่เดี๋ยวก่อนนะครับ อิจิโกะยังไม่กลับมาเลยนี่นา” เกลดอสนึกขึ้นได้ว่ายังไม่เห็นอิจิโกะเลย

    “เอ๋ คงจะตามหาดอกลีแมอันอยู่สินะ ฮ่า ๆ ดอกไม้นั่นไม่มีอยู่จริงหรอก แค่คิดชื่อขึ้นมาเล่น ๆ เพื่อนจะได้ทดสอบพวกนาย” กัสตันหัวเราะต่อหลังพูดจบ

    “จริงหรอครับ” อิจิโกะโผล่มาพอดี เขาเดินเข้ามาในกิลด์ด้วยสภาพที่เหนื่อยล้า เกลดอสจึงไปรับเขามานั่งพักที่เก้าอี้

    “ขอโทษนะ แต่จริง ๆ แล้วการทดสอบของเราไม่ได้มีเอาไว้รับคนหรอก แต่เป็นเพียงแค่บททดสอบความอดทนและความซื่อสัตย์ นายถือว่าอดทนและมีความพยายามสูงเลยล่ะ ว่าแต่นักดาบที่เก่งที่สุดล่ะ”

    “นักดาบที่เก่งที่สุดก็คือผมยังไงล่ะ!!” อิจิโกะชักดาบออกมาแรงจนหลุดมือพุ่งไปปักที่กำแพง

    “โอเค เหตุผลที่เข้าใจได้” กัสตันดึงดาบของอิจิโกะออกมาแล้วเก็บใส่ฝักดาบให้เขา

    “แล้วเจ๊กล้ามโตคนนี้คือใครครับ” อิจิโกะถามถึงเรเชล หญิงสาวที่มีกล้ามบึกบึนและยืนอยู่ข้างเขา

    “นี่นายน่ะ ฉันอายุมากกว่านายนะ จำกันไม่ได้หรอ”

    “อ้าว สวัสดีครับพี่เรเชล” อิจิโกะโบกมือทักทาย

    “เอาล่ะ ทุกคนได้รับอนุญาตให้เข้าไปห้องปฏิบัติงานของที่นี่แล้วน่ะ จะเรียกว่าห้องรวมพลก็ได้” กัสตันเดินเข้าไปในห้องปฏิบัติการที่เพิ่งจะถูกเปลี่ยนให้เรียนเป็นห้องรวมพล ทุกคนจึงเดินตามเข้าไปในนั้น

    “ว่าไง” มีคนจำนวนหนึ่งที่อยู่ในห้องนั้นทักทาย

    “นี่คือเด็กใหม่ที่พวกนายเพิ่งจะให้ภารกิจไป ตอนนี้จะให้เข้าร่วมกิลด์อย่างเป็นทางการน่ะ ที่เหลือก็แค่ลงชื่อแล้วลงในสมุดรายชื่อเพียงเท่านั้น” กัสตันรีบเดินไปหยิบหนังสือที่วางอยู่บนหิ้งแล้ววางลงบนโต๊ะใกล้ ๆ

    “ในที่สุด” ฟรากอร์รีบเดินดุ่ม ๆ เข้าไปที่สมุดรายชื่อนั้นแล้วเขียนชื่อของตนเองลงไปตามกัสตันได้ชี้

    “งั้นเราขอเป็นคนต่อไปแล้วกันนะ” อิจิโกะเดินเข้าไปเพื่อที่จะลงชื่อเช่นกัน

    “ยินดีต้อนรับนะ ชื่อฟรากอร์ใช่ไหม” ฟรากอร์ถูกหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งอ่านหนังสืออยู่มุมห้องเรียก เขาจึงเดินเข้าไปพูดคุยกับเธอ

    จนกระทั่งเด็กทั้งสี่คนลงชื่อจนครบ พิธีรับคนเข้ากิลด์จึงเสร็จสมบูรณ์ เรเชลดึงเก้าอี้ออกมาจากโต๊ะไม้ที่มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า เธอจึงนั่งลงที่หัวโต๊ะเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอมีอำนาจ

    “เด็กใหม่มานั่งรวมกันตรงนี้หน่อย” เรเชลเรียกหาคนอื่น ๆ ที่เพิ่งจะเข้าร่วมกิลด์มาได้ไม่นาน เกลดอสและอิจิโกะจึงมานั่งฝั่งขวามือของเรเชล เนโรกับฟรากอร์มานั่งฝั่งซ้ายมือของเธอ “ช่วยบอกเหตุผลที่พวกนายเข้าร่วมกิลด์กับเราคนละหนึ่งข้อสิ”

    “พวกเรามีจุดประสงค์เดียวกันค่ะ และถูกเสนอตัวโดยองค์จักรพรรดิ” เนโรบอก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×