ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Starfallen Origin Series : กำเนิดเมเธอร์

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 6

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ค. 64


    เกลดอสกับอิจิโกะเดินไปยังกิลด์ของนักผจญภัยเพื่อที่จะหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเมืองใต้น้ำ แต่เมื่อไปถึงก็พบว่ากิลด์ยังไม่เปิด จึงต้องเปลี่ยนเป้าหมายแล้วไปยังท่าเรือแทน

    “กิลด์ยังไม่เปิดล่ะ เราต้องไปท่าเรือแทนแล้วล่ะ”

    ทั้งคู่จึงเดินไปตามทางเท้าเพื่อไปยังท่าเรือที่ใกล้ที่สุดซึ่งอยู่ใกล้กับแม่น้ำที่ไหลผ่านกลางเมือง ซึ่งมีเรืออยู่จำนวนหนึ่งจอดเทียบท่าอยู่ ซึ่งมีคนขนของขึ้นไปยังบนเรืออยู่เรื่อย ๆ อิจิโกะจึงเข้าไปถามชายคนหนึ่งที่กำลังขนของขึ้นเรือ

    “คุณครับ มีนักเดินเรือคนไหนบ้างไหมที่เคยเดินเรือไปทุกที่แล้วบ้าง”

    “ถ้าขนาดนั้นก็เป็นพวกคนจากกิลด์ผจญภัยหรือไม่ก็พวกโจรสลัดแล้วล่ะ” เขาตอบแล้วเดินขนของขึ้นเรือต่อไป

    “อิจิโกะ เราไปหาข้อมูลที่ห้องสมุดมั้ย รอจนกว่ากิลด์นักผจญภัยจะเปิดแล้วค่อยเข้าไปถาม” เกลดอสถาม

    “ห้องสมุดหรอ ที่เมืองนี้มีห้องสมุดหรอ”

    “มีสิ หอสมุดหลวงตามที่องค์จักรพรรดิบอกไงล่ะ ไปกันเถอะน่าจะอยู่ในเขตวังหลวงสินะ”

    เกลดอสเดินนำไปยังเขตวังหลวงอิจิโกะก็เดินตามไป เกลดอสนึกไปพลาง ๆ ขณะเดินอยู่ว่าเมืองใต้น้ำควรจะอยู่ที่ไหนได้บ้างแล้วถ้าหากว่าไปที่นั่นแล้วจะเจอกับอะไรบ้าง แต่จู่ ๆ เนโร ราเบลนอสก็เดินผ่านมา อิจิโกะอดใจไม่ไหวต้องทักทายเธอ

    “เนโร กำลังจะไปที่ไหนหรอ”

    “เดินเล่นน่ะ พอดีว่าว่างทั้งเช้านี้เลยน่ะ แล้วพวกนายล่ะ”

    “พวกเรากำลังจะไปยังหอสมุดหลวงน่ะ พวกเราไปเจอข้อมูลเกี่ยวกับอัญมณีพลังเม็ดนึง น่าจะอยู่ที่เมืองใต้น้ำน่ะแต่เราก็ไม่รู้ว่าเมืองใต้น้ำนั้นอยู่ที่ไหน เธออยากจะช่วยพวกเราหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ไหม” เกลดอสเอ่ยถาม

    “อืม….” เนโรยืนคิดอยู่สักพักหนึ่งก็มีคนรับใช้จากตระกูลของเธอวิ่งเข้ามาหา

    “คุณหนูเนโรครับ ตามหาตัวตั้งนานเลย ตอนนี้ถึงเวลาเรียนแล้วนะครับรีบไปกันเถอะ”

    “ได้สิ” เนโรหันไปหาเกลดอส “เดี๋ยวฉันจะช่วยถามคนในบ้านให้นะ เพราะคนในบ้านของฉันก็เคยเดินทางไปหลายที่มาแล้วล่ะนะ งั้นขอตัวก่อนนะ”

    เนโรเดินจากไปพร้อมกับคนรับใช้ของเธอ เกลดอสกับอิจิโกะจึงเดินทางต่อไป

    ในขณะที่องค์จักรพรรดิกำลังวุ่นวายกับการเตรียมการต่าง ๆ และยังต้องหาเวลาว่างมานั่งอ่านหนังสือความลับของเมลตันเพื่อที่จะหาตำแหน่งของอัญมณีพลังชิ้นอื่น ๆ เมฆดำเริ่มจับกลุ่มกันจนท้องฟ้ามืดครึ้มไปหมด ชาวเมืองต่างเก็บของของตัวเองเข้าไปในบ้าน ไม่นานนักลมก็เริ่มพัดแรงขึ้นและแรงขึ้น ฝนเม็ดใหญ่ซัดกระหน่ำลงมา ผู้คนมากมายที่ยังเดินอยู่ข้างนอกต้องรีบหาที่หลบ บางคนก็วิ่งอย่างตื่นตระหนก บางคนก็เดินเฉื่อยชาตากลมตากฝนไปเรื่อย แต่จู่ ๆ ก็มีแสงสีม่วงและแดงส่องสว่างไปทั่วก่อนจะมีเสียงฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว

    เกลดอสและอิจิโกะจำเป็นต้องหาที่หลบฝนที่ใกล้ที่สุด อิจิโกะจึงพาเกลดอสเข้าไปหลบฝนในร้านอาหารที่อยู่ใกล้ ๆ ซึ่งเปิดอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้ทั้งสองเข้าไปหลบฝนได้

    “ขอมาหลบฝนที่นี่หน่อยนะครับ” อิจิโกะพูดพลางยิ้มให้กับเจ้าของร้าน

    “ดีนะที่หลบเข้ามาทัน ไม่งั้นเปียกกันหมดแน่ ๆ แล้วนี่ได้เพื่อนใหม่แล้วหรอ”

    “ผมชื่อเกลดอส เฟอราริอุส ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

    “ส่วนคนนี้ก็เป็นเจ้าของร้านอาหารร้านนี้ชื่อว่า นิโคลัส อัลวิส”

    อิจิโกะแนะนำชื่อของเจ้าของร้านให้เกลดอสรู้จัก เกลดอสจึงโค้งเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทาย

    “เชิญนั่งก่อนสิทั้งสองคน”

    อิจิโกะจึงเดินไปนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่บ้านเคาน์เตอร์ เกลดอสเดินตามไปนั่งข้าง ๆ

    “นมมั้ย” นิโคลัสถาม

    “เอาสิ” อิจิโกะตอบอย่างรวดเร็ว นิโคลัสจึงหันหลังไปเพื่อหยิบกล่องนมมาวางบนเคาน์เตอร์ก่อนจะหยิบแก้วแล้วคีบน้ำแข็งใส่ลงไปในแก้วแล้ววางไว้ข้างกับกล่องนม

    “ขอบคุณนะ” อิจิโกะหยิบกล่องนมขึ้นและรินลงในแก้วที่วางอยู่ใกล้ ๆ นั้น

    “แล้วเกลดอสทำไมนั่งเงียบจังเลยล่ะ รับเครื่องดื่มหน่อยมั้ยหรือว่าจะรับอาหารเที่ยงเลยดีไหม กินอะไรมารึยังล่ะ” นิโคลัสจึงก้มตัวลงไปที่ชั้นวางของด้านล่างของเคาน์เตอร์แล้วหยิบขนมขบเคี้ยวที่อยู่ในจานมาให้กับเกลดอส

    “ขอบคุณครับ ว่าแต่คุณรู้จักใครสักคนที่รู้เกี่ยวกับเมืองใต้น้ำไหมครับ”

    “เมืองใต้น้ำหรอ พวกนายจะตามหาเมืองใต้น้ำไปทำไมน่ะ ไม่สาบสูญไปแล้วนี่อีกอย่างก็ไม่เคยมีใครคิดจะไปที่นั่นหรอก บางทีจ้าวสมุทรอาจจะยังอยู่ที่นั่นก็ได้นะ ถึงแม้ว่าเรื่องของสมบัติพวกนั้นยังเป็นตำนานอยู่ พวกนายก็ไม่ควรเชื่อคำพูดหรือคำแนะนำอะไรที่ได้จากคนอื่นนะ” นิโคลัสพูดแล้วจ้องไปที่เกลดอส

    “อะ…เอ่อ พวกผมแค่อ่านเจอในหนังสือครับ แล้วเหมือนว่ามีสิ่งที่ต้องตามหาให้เจออยู่ที่นั่นด้วยน่ะครับผมเลยต้องการหาทางไปที่นั่นให้ได้” เกลดอสตอบ

    “อัญมณีพลังน่ะ” อิจิโกะพูด

    “เอ๊ะ บอกไปแบบนั้นจะดีหรอ ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้องค์จักรพรรดิต้องการให้มันเป็นภารกิจลับ ๆ หรอ”

    “ใช่ เรื่องนี้นะยิ่งคนรู้เยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตรายนะ แต่ว่าการที่บอกเรื่องนี้ให้กับนิโคลัสน่ะไม่ใช่เรื่องที่อันตรายหรอก เพราะว่าเขาเป็นผู้ส่งสารของเทพน่ะ” อิจิโกะตอบพลางหยิบขนมบนจานที่วางอยู่ใกล้กับเกลดอสมากินแล้วดื่มนมตามลงไป

    “ถูกต้องครับ! แต่ก็อย่างที่ผมบอกไปนะ เมืองใต้น้ำนั่นน่ะอันตรายแล้วก็อาจจะมีจ้าวสมุทรอยู่ พวกนายสู้พลังจากอัญมณีพลังไม่ได้หรอก แต่ก็มีเพียงเทพที่มีพลังมากกว่าเท่านั้นที่สู้ได้ก็รวมถึงองค์จักรพรรดิด้วยนั่นแหละ องค์จักรพรรดิเคยบอกพวกนายไปแล้วใช่ไหมว่ามีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่จับต้องอัญมณีและใช้พลังได้อย่างอิสระ ซึ่งยังมีอีกหลายเรื่องที่เราไม่รู้เกี่ยวกับอัญมณีพลัง ยังไม่มีใครรู้ว่าอัญมณีจะส่งผลยังไงกับเทพที่เข้าไปยุ่งกับมันหรือพยายามที่ต่อต้านพลังของมัน”

    นิโคลัสพูดจบก็หันหลังไปหยิบขวดเครื่องดื่มมาสองสามของแล้ววางลงบนเคาน์เตอร์

    “รับเครื่องดื่มไหม นี่สำหรับเด็กหมดเลยนะ”

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ งั้นผมขอสั่งอาหารเลยนะครับ เอาอาหารที่มีซุปกับเนื้อไก่แบบไหนก็ได้ครับ” เกลดอสสั่งเลือกสั่งอาหารเป็นซุปไก่ นิโคลัสจึงเดินไปสุดฝั่งด้านซ้ายของเคาน์เตอร์ซึ่งจะมีช่องเปิดปิดได้อยู่ข้างด้านหลังของเคาน์เตอร์เพื่อที่จะส่งคำสั่งอาหารของลูกค้าไปให้กับคนทำอาหาร

    “ร้านนี้น่ะอาหารอร่อยนะ ไม่ว่างจะสั่งอะไรมากินก็อร่อยไปหมด คนทำอาหารของที่นี่ทำได้ดีมากเลย เจ้าของร้านก็เป็นบาร์เทนเดอร์ที่เก่งมากด้วย” อิจิโกะกล่าวชม

    “ขอบคุณที่ชมนะ” นิโคลัสโค้งคำนับเพื่อขอบคุณ

    “บาร์เทนเดอร์? คืออะไรหรอ” เกลดอสหันไปหาอิจิโกะแล้วทำคิ้วขมวดด้วยความงง

    “อ้อ บาร์เทนเดอร์เป็นพวกคนที่ผสมเครื่องดื่มต่าง ๆ น่ะ บาร์เทนเดอร์เป็นภาษาที่มาจากสิ่งมีชีวิตบนดาวดวงอื่นน่ะ” อิจิโกะตอบ

    “จะว่าไปนายก็ดื่มนมนี่นา นมนั่นผสมกับอะไรหรอ” เกลดอสเอียงหัว

    “ไม่มีหรอกครับ นมนั่นเป็นแค่นมวัวเฉย ๆ น่ะฮ่า ๆ” นิโคลัสตอบพลางหัวเราะ “เอาล่ะ อาหารเสร็จแล้วล่ะ” อาหารถูกส่งออกมาจากช่องว่างที่เชื่อมกับหลังร้าน นิโคลัสจึงนำถ้วยน้ำซุปนั้นไว้วางบนเคาน์เตอร์ด้านหน้าเกลดอส

    “เร็วมากเลยนะครับเนี่ย ขอบคุณครับ” เกลดอสจึงหยิบช้อนขึ้นมาและซดน้ำซุป “อู้ว อร่อยจริง ๆ ด้วยครับ”

    “ดีแล้วครับ งั้นกินให้อิ่มเลยนะ”

    นิโคลัสยิ้มให้เกลดอส แต่จู่ ๆ เขาก็เกิดรู้สึกปวดหัวขึ้นมาจนทำให้เข่าทรุดจนต้องล้มลงไปบนพื้น อิจิโกะเห็นอย่างนั้นจึงรีบวิ่งอ้อมผ่านประตูเข้าไปหลังเคาน์เตอร์นั้น เขาจึงตรวจดูว่านิโคลัสมีอาการเป็นอย่างไรบ้าง

    “ไม่เป็นไรหรอก” นิโคลัสพูดพลางหายใจแรง “แค่มีเรื่องด่วนจากเทพีลาฟิต้าน่ะ”

    อิจิโกะจึงประคองนิโคลัสแล้วลุกขึ้นยืน นิโคลัสเริ่มทรงตัวได้อิจิโกะจึงปล่อยมาออกมาแล้วถาม

    “มีเรื่องอะไรมาหรอครับ แล้วทำไมถึงทรุดลงกับพื้นแบบนั้นล่ะ”

    “นายไปนั่งก่อนเถอะ แต่ที่ทรุดไปเมื่อกี้นี้เพราะว่าเทพีลาฟิต้าไม่ได้ส่งสัญญาณอะไรมาบอกก่อนจึงไม่ได้เตรียมตัวให้ทันเลยเกิดอาการปวดหัวแล้วเวียนหัวนิดหน่อย”

    อิจิโกะจึงเดินกลับไปนั่งอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์เหมือนเดิม

    “ตอนที่ฝนเริ่มตกน่ะ พวกนายเห็นแสงสีม่วง ๆ แดง ๆ กับเสียงฟ้าร้องที่ดังมากจนรู้สึกว่าตัวสั่นมั้ย นั่นเป็นสัญญาณเตือนภัยร้ายจากเทพแห่งสายฟ้าน่ะ แต่ผมผิดเองแหละที่ลืมใส่ใจเพราะตอนนั้นก็เป็นจังหวะที่พวกนายเข้ามาหลบฝนพอดีด้วย แต่ว่าเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นน่ะเป็นการเตือนล่วงหน้า เทพีลาฟิต้าบอกให้พวกนายระวังตัวเอาไว้และให้รวมกลุ่มกับเด็กอีกสองคน แล้วจะพบกับคำตอบเกี่ยวกับเมืองใต้น้ำ”

    “ระวังตัวและให้รวมกลุ่ม…” สมองของเกลดอสกำลังประมวลผลเกี่ยวกับเรื่องนี้ “หรือว่าจะมีคนอื่นรู้เรื่องอัญมณีพลังแล้วกำลังจะไปเอา-- หรือว่าคนพวกนั้นจะมาทำร้ายเรา”

    “คิดมากน่า ก็คงเป็นแค่ภารกิจนั่นแหละ เทพเจ้าคงอยากให้เราร่วมมือกับคนอื่นแล้วตามหาอัญมณีพลังให้ครบ แต่ที่ให้ความร่วมมือและจับกลุ่มอาจจะเป็นการรวมพลังก็ได้นะ” อิจิโกะพูดเพื่อเปลี่ยนความคิดของเกลดอส

    “ก็อาจจะจริงนะ แล้วก็อาจทำให้ภารกิจง่ายขึ้นด้วยนะ แต่ที่บอกให้ระวังตัวก็คงเกี่ยวกับศัตรูที่กำลังตามหาอัญมณีพลังเหมือนกันนั่นแหละ” นิโคลัสเสริม “แล้วก็เรื่องนี้ไม่ควรไปพูดโดยตรงนะ ยิ่งไปถ้าไปถามเรื่องเมืองใต้น้ำกับนักผจญภัยบางทีพวกนั้นอาจจะรู้เกี่ยวกับอัญมณีพลังด้วยก็ได้ แล้วยิ่งไปถามถึงสถานที่พวกนั้นก็คงดั้นด้นไปหาถึงที่โดยที่ไม่บอกเราหรอกว่าเมืองใต้น้ำอยู่ที่ไหน”

    กริ๊ง~ เสียงกระดิ่งดังมาจากในร้าน ในขณะที่ข้างนอกยังมีลมแรงและฝนตกอยู่ "กริ๊ง ๆ " เสียงกริ่งดังเป็นจังหวะและมันดังขึ้นในหัวของเกลดอส

    “เสียงกริ่งหรอ” เกลดอสหัวของเขาไปดูที่ประตูร้านแล้วพูดพึมพำกับตัวเอง “กริ่งก็อยู่ข้างในนี่นา ลมพัดเข้ามาหรอ”

    “มีอะไรหรอ” นิโคลัสสงสัย

    “เปล่าหรอกครับ ผมแค่ได้ยินเสียงกระดิ่งน่ะเลยสงสัยว่าลมพัดเข้ามาหรอ ข้างนอกร้านก็ไม่มีกระดิ่งนี่นา”

    “ไม่มีนะครับ ไม่มีลมเข้ามาเลยนะหน้าต่างและประตูไม่ได้ถูกเปิดไว้ นายคงคิดไปเองนั่นแหละนะ แล้วจะเอาอาหารอะไรเพิ่มอีกมั้ย แค่ซุปนั่นมันอาหารเรียกน้ำย่อยนะ” นิโคลัสพูด

    “งั้นผมเอาเหมือนเดิมเลยนะนาน ๆ จะได้มากิน” อิจิโกะจึงสั่งออาหารบ้าง

    “นายนี่เหมือนเดิมทุกอย่างตั้งแต่นมเลยนะ ลองเปลี่ยนรสนมบ้างไหม” นิโคลัสจึงก้มตัวลงไปใต้เคาน์เตอร์แล้วหยิบกล่องนมขึ้นมาอีกสองสามกล่อง

    “น่าสนใจดีนี่นา” อิจิโกะจึงรินนมลงในแก้วเพื่อชิมรสชาติของนมแต่ละกล่อง

    “…” เกลดอสยังนั่งเงียบและพยายามคิดทบทวนเกี่ยวกับเสียงกระดิ่ง

    ไม่นานหลังจากนั้นฝนก็เริ่มซาลงบ้างแล้ว เป็นช่วงที่เนโรเรียนในสิ่งที่ครอบครัวของเธอจัดไว้ให้เสร็จแล้ว เธอก็ตรงดิ่งไปยังพักของพ่อของเธอแล้วนั่งลงบนโซฟาหนัง

    “พ่อคะ หนูมีเรื่องจะถาม”

    “มีอะไรหรอลูก”

    “เมื่อเช้านี้ที่พ่อให้หนูไปพบกับองค์จักรพรรดิที่โรงเรียนผู้วิเศษน่ะ องค์จักรพรรดิบอกว่าอยากให้หนูรวมกลุ่มกับคนอื่น ๆ เพื่อทำภารกิจ ซึ่งมันน่าจะอันตรายมากหนูเลยปฏิเสธไป พ่อคิดว่ายังไงคะ” เนโรถามกับพ่อของเธอ

    “พ่อว่าพลังของลูกที่ได้รับสืบทอดจากบรรพบุรุษน่าจะใช้ในการป้องกันตัวได้ดีเลยล่ะ ถ้าลูกฝึกการป้องกันตัวก็คงจะดีและถ้าลูกต้องการจะทำภารกิจพวกนั้นก็ทำเลยนะ ได้ทั้งชื่อเสียงและเงินทอง” พ่อของเธอตอบ

    “แต่บ้านเราก็มีเงินแล้วนี่คะ ชื่อเสียงจากตระกูลของเราก็มีเยอะแยะเลย”

    “ใช่แล้วล่ะ แต่เรื่องนี้นะอาจจะเป็นประสงค์ของสวรรค์ก็ได้นะ แต่เอาเถอะ ลูกอยากจะใช้ชีวิตแบบไหนก็ตามใจลูกเลย หลังจากนี้พ่อจะไม่จู้จี้จุกจิกแล้วก็จะไม่เข้มงวดแล้วนะ ปลดปล่อยตัวเองแล้วลุยเลย”

    “ขอบคุณค่ะพ่อ” เนโรลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปกอดพ่อของเธอที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงกันข้าม “แล้วก็มีอีกเรื่องนึงค่ะ คือว่า…พ่อก็เคยเดินทางไปหลายที่เลย ทั้งเดินทางไปเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีหรือไม่ก็ท่องเที่ยว หนูก็เลยอยากรู้ค่ะว่าพ่อรู้อะไรเกี่ยวกับเมืองใต้น้ำบ้างไหม องค์จักรพรรดิคงจะต้องการรู้ตำแหน่งที่ตั้งของเมืองนั้นน่ะค่ะ”

    “ถึงจะบอกว่าพ่อเคยเดินทางไปหลายที่แต่พ่อก็ไม่รู้หรอกนะว่าเมืองใต้น้ำน่ะอยู่ที่ไหน ตอนพ่อยังเด็กพ่อเคยได้ยินมานิดหน่อยนะว่า สมบัติล้ำค่าแห่งนครใต้สมุทร อยู่ลึกสุดของมหาสมุทรสุดขอบฟ้า จงมองไปบนท้องนภา แล้วจักเห็นสิ่งที่ข้ากำลังบอก น่าจะแค่นี้แหละพ่อก็จำไม่ได้แล้ว ปู่ของลูกน่ะเคยมีแผนที่อยู่นะแต่ว่าขายให้กับพ่อค้าคนหนึ่งที่มาขอซื้อ แต่ก็ผ่านมาห้าสิบปีกว่าปีได้แล้วล่ะ คงจะหายากกว่าหาเมืองใต้น้ำทั้งเมืองซะอีก”

    “ขอบคุณค่ะพ่อ เดี๋ยวหนูจะเอาข้อมูลนี้ไปให้กับองค์จักรพรรดินะคะ”

    “แต่ตอนนี้ฝนยังตกอยู่เลยนะ อย่าเพิ่งออกไปไหนล่ะ”

    เนโรจึงวิ่งกลับเข้าห้องของเธอไป เธอจึงหยิบกระดาษและปากกาขนนกเพื่อที่จะเขียนจดหมายเกี่ยวกับข้อมูลที่เธอเพิ่งได้มา และเมื่อฝนหยุดตกเธอก็เขียนจดหมายเสร็จพอดี จึงฝากคนรับใช้ประจำตัวของเธอให้ส่งไปหาองค์จักรพรรดิ

         สมบัติล้ำค่าแห่งนครใต้สมุทร อยู่ลึกสุดของมหาสมุทรสุดขอบฟ้า จงมองไปบนท้องนภา แล้วจักเห็นสิ่งที่ข้ากำลังบอก และข้อมูลนี้เป็นเพียงแค่คำใบ้ที่ถูกส่งต่อกันมาค่ะ แต่ว่ามีแผนที่ที่เป็นต้นฉบับของข้อความเหล่านี้อีกทั้งยังบอกตำแหน่งที่ตั้งของเมืองใต้น้ำ แต่แผนที่นั้นถูกขายไปแล้วเมื่อ 50 กว่าปีที่แล้ว และฉันจะยอมเข้าร่วมกลุ่มที่ท่านจัดตั้งขึ้นเพื่อทำภารกิจนี้ค่ะ

    เนโร ราเบลนอส     

    “ดีจริง ๆ อย่างน้อยข้าก็ต้องมาไขปริศนาด้วยตัวเองแทนที่จะอ่านหนังสือมากมายเพื่อหาคำตอบ”

    “แล้วท่านจะทำอย่างไรต่อ” อำมาตย์ที่ยืนอยู่ด้านโต๊ะทำงานของจักรพรรดิอากัสถาม

    “เทพีลาฟิต้าคงไม่ช่วยข้าในเรื่องนี้เป็นแน่ ข้าคงจะต้องให้เด็ก ๆ ช่วยเรื่องนี้แล้วล่ะ ในวันพรุ่งนี้ข้าจะไปพบกับเด็กหนุ่มสาวเหล่านั้นและมอบภารกิจให้พวกเขา”

    “แต่ว่าเรายังไม่รู้จักครับว่านครใต้น้ำอยู่ส่วนใดของเมลตัน ปริศนานั่นก็ยังต้องแก้ไขอีก”

    “ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก…”

    จนกระทั่งเวลาช่วงบ่ายหมดลง แสงเริ่มริบหรี่ลงเรื่อย ๆ เกลดอสบอกลาอิจิโกะเพื่อที่จะเดินทางกลับไปยังบ้านของตนเอง อิจิโกะก็ยังนั่งคุยเล่นอยู่กับนิโคลัสที่ร้านอาหารของนิโคลัส เนโรก็กำลังฝึกฝนการควบคุมพลังน้ำแล้วเปลี่ยนให้เป็นน้ำแข็งในบ้านพักของตระกูลของเธอ ฟรากอร์ก็กำลังนอนอย่างอิ่มเอิบตั้งแต่บ่ายจนถึงเย็น องค์จักรพรรดิพยายามไขปริศนาเกี่ยวกับคำใบ้ที่ได้มา

    ทุกคนต่างยุ่งอยู่กับสิ่งที่ทำ เหล่าทหารและองครักษ์ก็ยุ่งอยู่กับการเฝ้ายามและรักษาความปลอดภัยให้กับเมืองหลวง แต่แล้วปีศาจร้ายก็เริ่มแฝงตัวเข้ามายังเมืองหลวงโดยที่ไม่มีใครล่วงรู้ พวกมันจับชาวเมืองบางคนไปแล้วเปลี่ยนร่างให้มีรูปลักษณ์ให้เหมือนกับคนที่ถูกจับไปและเดินออกมาบนถนนเพื่อทำตัวตามปกติ ปีศาจตนนั้นแนบเนียนเดินเข้าไปหมู่ฝูงชนที่กำลังเดินผ่านไปผ่านมาในตลาด มันเดินไปได้สักพักก็แยกตัวจากฝูงชนแล้วเข้าไปในตรอกมืด ๆ ที่ไม่มีคนอยู่ แต่จู่ ๆ ร่างกายร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น แต่เป็นเพียงแค่เงามืดที่ไม่สามารถมองเห็นได้

    “มีหนังสือเล่มหนึ่งที่เจ้าต้องให้ข้าไปเอา มันเป็นหนังสือที่สำคัญที่สุดในภารกิจของเรา”

    “อืม…” ปีศาจตนนั้นร้องเบา ๆ แล้วโยกหัวไปข้างหน้า

    “จักรพรรดินั่นเก็บหนังสือเล่มนั้นไว้ เจ้าจงไปเอามันมาให้ได้” เมื่อสิ้นเสียงร่างมืดที่มองไม่เห็นนั้นก็หายไปทันที

    ปีศาจตนนั้นจึงเดินออกจากตรอกมืดแล้วแฝงตัวเข้าไปในฝูงชนตามเดิม จู่ ๆ มันก็หายตัวไปอย่างลึกลับโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×