คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5
“เมื่อหลายปีก่อน เคยเกิดวิกฤตซึ่งเป็นมหันตภัยจากปีศาจในอวกาศที่เดินทางผ่านมาใกล้กับดาวเมลตัน มันจึงเดินทางเข้ามาเพื่อสูบพลังจากดาวเมลตัน แต่เทพเจ้าแห่งผืนแผ่นดินองค์ก่อนหน้านี้ได้ปกป้องดาวเมลตันเอาไว้ด้วยการต่อสู้กับปีศาจตนนั้นทำให้เทพองค์นั้นต้องยอมใช้พลังที่มีทั้งหมดปล่อยออกมาและกำจัดปีศาจตนนั้น จนทำให้เทพองค์นั้นสูญเสียตัวตนและทำให้ร่างและวิญญาณสูญสลายไปเหลือไว้เพียงพลังที่ถูกปล่อยออกมา ซึ่งมันรวมตัวกันจนกลายเป็นอัญมณีชิ้นเล็กชิ้นน้อยและเกิดระเบิดจนมันกระจัดกระจายไปทั่วดาวเมลตัน อัญมณีเหล่านั้นจึงถูกว่า อัญมณีพลัง ซึ่งอาจจะพบอยู่ที่ไหนสักที่หนึ่งก็ได้ ไม่มีใครรู้ว่าอัญมณีพลังเหล่านั้นอยู่ที่ไหนบ้าง ข้าจึงได้ส่งกองกำลังให้กระจัดกระจายตามหาไปทั่วดาวดวงนี้ แต่ก็ยังไม่ละเอียดมากพอ ถ้าจะเก็บให้ครบทุกเม็ดก็อาจจะใช้เวลาหลายปีเลยล่ะ” จักรพรรดิอากัสเล่าเรื่องราวให้เด็กทั้งสี่คนได้ฟัง
“แล้วทำไมถึงต้องตามเก็บอัญมณีพลังให้ครบทุกเม็ดล่ะครับ จะเอามาเสริมพลังหรือครับ” เกลดอสเอ่ยถาม
“เพราะว่าพลังนี้เป็นพลังของเทพ จึงเป็นพลังอำนาจที่แข็งแกร่ง ถ้าหากว่าผู้คิดร้ายรวบรวมอัญมณีทั้งหมดไปได้พวกนั้นก็อาจจะใช้พลังจากอัญมณีพลังทั้งหมดเพื่อที่จะปลุกปีศาจชั่วร้ายขึ้นมา จะทำให้เกิดสงครามและดาวเมลตันจะล่มสลาย เหล่าเทพจะต้องต่อสู้และอาจถูกขโมยพลังไป ข้าจึงต้องรีบออกตามหาอัญมณีเหล่านั้นทันที”
“แล้วเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับพวกเราครับ” ฟรากอร์ถาม
“เพราะว่าองค์จักรพรรดิต้องการให้พวกเราเป็นคนไปตามหาอัญมณีเหล่านั้นสินะคะ” เนโรพูดขึ้นก่อนหันไปมองฟรากอร์
“นั่นก็ใช่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเดินไปหาแล้วเจอทันที ข้ายังต้องส่งกองกำลังไปเพื่อค้นหาตามที่ต่าง ๆ แล้วนี่ก็ต้องไปขอความร่วมมืออจากอาณาจักรคริสซอส”
“แล้วเราต้องทำอะไรหรอครับ” เกลดอสถาม
“ข้ายังไม่ได้บอกเรื่องนึงเลย งั้นข้าจะบอกไว้เพื่อเป็นประโยชน์แก่พวกเจ้า อัญมณีพลังมีจำนวนหลายสิบเม็ด ที่พบตอนนี้มีเพียงแค่สอง เม็ดแรกที่พบนั้นอยู่กับดาบของเกลดอส”
จักรพรรดิอากัสพูดถึงอัญมณีที่ประดับอยู่กับดาบของเกลดอส จนทำให้เกลดอสรู้สึกตะลึง คนอื่น ๆ จึงจ้องมองไปที่เกลดอสจนทำให้เขารู้สึกอึดอัด
“อัญมณีที่ผมเจอก็คือหนึ่งในอัญมณีพลังงั้นหรอครับ แล้วทำไมท่าน-- อะ…เอ่อ หมายถึงคุณอากัสถึงไม่เก็บไว้เองล่ะครับ”
“เมื่อเลือดของเจ้าไปสัมผัสกับอัญมณีเม็ดนั้น จะทำให้อัญมณีได้รับพลังของเจ้าและรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้า ข้าจึงคิดว่าดาบควรเป็นของเจ้า-- อ้อ แล้วก็อีกเรื่องหนึ่งที่ยังไม่ได้บอก อัญมณีพลังน่ะมีเพียงแค่เทพเจ้าเท่านั้นที่แตะต้องได้แค่ครั้งเดียว ถ้าหากว่าปล่อยมือจากอัญมณีพลังแล้วจับมันอีก มันก็จะระเบิดพลังออกมาและต่อต้าน มีแค่มนุษย์ที่จับต้องได้อย่างอิสระ”
“แล้วทำไมตอนที่ท่านพ่อจับดาบของเกลดอสเล่มนั้นถึงไม่มีพลังอะไรระเบิดออกมาเลยล่ะครับ” อิจิโกะจึงถามบ้าง
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” จักรพรรดิอากัสตอบแล้วเอามือเกาหัว
“เกลดอส” อิจิโกะเดินเข้าไปที่ด้านหลังที่เกลดอสนั่งอยู่ “ดาบของนายมีชื่อรึยังหรอ”
“เมื่อเช้าเรากับพ่อช่วยกันตั้งชื่อให้ดาบแล้วน่ะ ชื่อค่อนข้างยาวเลยล่ะชื่อว่า กลาดิโอ ฟอร์ติส เป็นภาษาโบราณของชาวเมลตันตะวันออก” เกลดอสตอบกลับไปพลางหยิบดาบขึ้นมา
“ถ้ามีชื่อแล้วก็น่าจะสลักชื่อเอาไว้นะ เราขอสลักชื่อให้กับดาบของนายได้ไหม”
“ได้สิ”
อิจิโกะจึงดึงดาบของเกลดอสออกมาเพื่อที่จะสลักชื่อดาบ
“เอาล่ะ ที่ข้าเรียกทุกคนมาที่นี่ก็เพราะเรื่องที่ข้าเล่าไปเท่านั้น แต่เห็นว่าทุกคนก็ยังเป็นเด็กและไม่มีงานทำ ข้าจึงรวบรวมคนเพื่อที่จะสร้างทีมขึ้นมาและทำภารกิจต่าง ๆ แลกกับเงินหรือของต่าง ๆ และข้าก็ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้สักเท่าไหร่หรอก แต่ข้าก็เชื่อใจพวกเจ้านะจึงอยากให้ช่วยทำภารกิจพวกนี้”
“แต่ว่าฉันต้องเรียนอีกเยอะเพื่อให้ใช้พลังได้ดีกว่านี้นะคะ” เนโรไม่เห็นด้วยที่จะเข้าร่วมทีม
“ผมก็ต้องฝึกฝนการควบคุมพลังอีกตั้งเยอะเลยครับ” ฟรากอร์ก็ไม่ปฏิเสธเช่นกัน
“ถ้าเช่นนั้นก็ไม่เป็นไร แยกย้ายกันได้เลยนะ ข้าจะอยู่ที่นี่อีกสักพัก”
จักรพรรดิอากัสจึงสั่งให้แยกย้าย เนโรกับฟรากอร์โค้คำนับแล้วเดินออกไปจากห้อง แต่เกลดอสยังนั่งอยู่ในห้องและมีอิจิโกะยืนแกะสลักชื่อให้แก่ดาบอยู่ข้างหลังเกลดอส
“คือว่าผมมีปัญหาที่อยากขอคำแนะนำและอยากถามครับ เงินที่ส่งมาให้ผมทุก ๆ เช้าคือเงินค่าอะไรหรอครับ” เกลดอสถามกับจักรพรรดิอากัส
“อะ….เอ่อ ข้าแค่อยากช่วยเหลือเจ้าเท่านั้นเอง” จักรพรรดิอากัสตอบอย่างเลิ่กลั่ก
“ขอบคุณนะครับ แล้วก็อีกเรื่องนึงครับ พ่อของผมไม่กล้าที่จะย้ายเข้ามาทำงานในเมืองและไม่อยากทิ้งบ้านของแม่ของผมครับ พ่อของผมกลัวว่าถ้าเข้ามาทำงานที่นี่แล้วอาจจะเกิดปัญหาเพราะว่าคนตีเหล็กหรือคนทำอาวุธในเมืองหลวงมีจำนวนมากและกระจัดกระจายอยู่ทั่วเมือง”
“เจ้าไม่รู้ใช่ไหมว่าสามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้ในร้านเดียวกัน แต่ข้าว่าชื่อเสียงของฝีมือการตีดาบของวงศ์ตระกูลของเจ้านั้นก็มีมาอย่างยาวนาน ดังนั้นข้าอาจจะรับให้พ่อของเจ้าเข้ามาร่วมงานกับช่างทำอาวุธของหลวงก็ได้ จะได้ทำงานในเขตวังหลวง ได้บ้านอยู่ใกล้กับเขตวังหลวงด้วยนะ” จักรพรรดิอากัสจึงแนะนำให้เกลดอสและลูเซียสย้ายเข้ามาทำงานในเมืองหลวง
“ขอบคุณมาก ๆ เลยครับ ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” เกลดอสลุกขึ้นแล้วหันไปหาอิจิโกะที่ยืนพิงกำแพงรออยู่หลังจากที่สลักชื่อบนดาบเสร็จแล้ว เกลดอสจึงรับดาบเล่มนั้นกลับมาและเก็บใส่ฝักดาบเหมือนเดิม “ขอบคุณมากนะอิจิโกะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงเราก็พกหินที่เอาไว้สลักชื่อไว้กับตัวตลอดอยู่แล้ว” อิจิโกะยิ้มให้ก่อนจะเดินนำออกไปจากห้องแล้วทั้งคู่ก็เดินตรงไปที่ประตูทางออกของโรงเรียนทันที
“แล้วนายมีเพื่อนคนอื่นไหม พาไปเจอหน่อยสิ”
“ไม่มีหรอก เพื่อนคนอื่น ๆ ก็เลิกสนใจเราตั้งแต่ที่ใช้ดาบกับพลังไฟได้เก่งขึ้นน่ะ แต่ไม่นานหลังจากนั้นก็มาเจอนายนี่แหละเกลดอส”
อิจิโกะยิ้มให้ก่อนจะเดินนำหน้าไป
“ไปไหนดีล่ะ” เกลดอสถาม
“ไปบ้านเรามั้ย”
“ได้สิ”
ทั้งคู่จึงเดินเข้าเมืองไปด้วยกัน ซึ่งอิจิโกะเดินนำทางไปในระหว่างทางก็มีเหล่าชาวเมืองโบกมือทักทายเขา ทำให้เกลดอสรู้สึกว่าอิจิโกะเป็นที่รู้จักของหลาย ๆ คน เกลดอสจึงสงสัยว่าทำไมอิจิโกะถึงถูกเพื่อนทิ้งแต่เขาก็ไม่คิดจะถามถึงรายละเอียดของเรื่องนี้จึงปล่อยมันผ่านไป
“สวัสดีอิจิโกะ เพื่อนใหม่หรอ” ชายหนุ่มร่างใหญ่ที่มีขนเต็มตัว มีหัวและหูยาวเหมือนกับกระต่าย ทักทายอิจิโกะทำให้ทั้งสองคนจึงหยุดเดินเพื่อพูดคุยกับชายคนนั้น
“สวัสดีครับ พี่อาคิโตะ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ นี่เป็นเพื่อนของผมน่ะเพิ่งจะรู้จักกันเมื่อหลายวันก่อน เขาชื่อเกลดอสน่ะ” อิจิโกะพูดกับชายคนนั้น เกลดอสจึงยืนยิ้มและกะพริบตาปริบ ๆ “ส่วนนี่ก็คือพี่อาคิโตะนะ เป็นเผ่าเกอรินอสน่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ว่าแต่เผ่าเกอรินอสคืออะไรหรอครับ”
“อ้อ ผมเป็นชาวอาแรนธอร์โดยสายเลือดน่ะ เผ่าพันธุ์ของเรามีชื่อว่าเกอรินอส เป็นสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับมนุษย์แต่มีขนยาวขึ้นตามตัวแต่พฤติกรรมอื่น ๆ คล้ายมนุษย์นั่นแหละ ยินดีที่ได้รู้จักนะ แล้วกำลังเดินไปที่ไหนกันหรือ”
“ผมจะพาเกลดอสไปที่บ้านของผมน่ะครับ แล้วพี่กำลังจะไปไหนล่ะ” อิจิโกะพูด
“ก็เดินเล่นรอบ ๆ เมืองให้หายเครียดสักหน่อยน่ะ งั้นพี่ขอตัวละนะ” อาคิโตะพูดจบก็เดินผ่านทั้งสองคนไป
“อิจิโกะ เราเห็นร้านขายหนังสือตรงฝั่งขวานั่นน่ะ นายชอบอ่านหนังสือไหมไปดูกันเถอะ” เกลดอสชักชวนให้อิจิโกะเข้าร้านหนังสือ
“ได้สิ” อิจิโกะจึงเดินนำเข้าไปทันที เกลดอสก็เดินตามเข้าไปในร้าน
“นายชอบอ่านหนังสือแบบไหนหรอ” เกลดอสถามเมื่อทั้งคู่เดินเข้าไปในร้านหนังสือ
“ปกติไม่ค่อยอ่านหนังสือน่ะ แล้วนายล่ะอ่านแบบไหน”
“เรามักจะโดนพ่อยัดเยียดให้อ่านหนังสือเกี่ยวกับการทำอาวุธน่ะ พ่อเราก็คงอยากจะให้สืบทอดวิชาการทำอาวุธนั่นแหละ เพราะตระกูลของเราก็เป็นช่างทำอาวุธมานานแล้วนะ”
เกลดอสเดินเข้าไปดูตามตู้ต่าง ๆ เขาเห็นหนังสือเล่มหนึ่งที่แปลกตาจึงหยิบออกมา
“นี่เป็นภาษาอะไรหรอ มันอ่านว่าอะไรหรอ”
“นี่เป็นอักษรโบราณน่ะ ไม่รู้ว่าอ่านว่าอะไรแต่มันแปลว่า… ความลับของเมลตัน น่าสนใจดีนะลองซื้อไปอ่านไหม”
เกลดอสรู้สึกสนใจมันจึงส่งให้อิจิโกะแล้วดูเล่มอื่นต่อไป จนสะดุดตาเข้ากับหนังสือประวัติศาสตร์
“ประวัติศาสตร์แห่งเมลตัน น่าสนใจดีนี่นา งั้นเอาแค่สองเล่มแล้วกัน” เกลดอสจึงเดินไปที่เคาน์เตอร์และวางหนังสือทั้งสองเล่มลงเพื่อคิดเงิน
“2 กาเบรียลค่ะ”
เกลดอสจึงหยิบถุงเงินออกมาก่อนจะล้วงเข้าไปเพื่อหยิบเหรียญทองออกมา 2 เหรียญและยืนให้กับเจ้าของร้าน
“ไปกันเถอะ” เกลดอสหยิบหนังสือทั้งหมดแล้วยื่นให้อิจิโกะถือ จากนั้นทั้งคู่ก็เดินออกไปจากร้านหนังสือ
“นี่เราเป็นเพื่อนหรือคนรับใช้เนี่ย”
“เดี๋ยวเราช่วยก็ได้นะ ฮ่า ๆ” เกลดอสหัวเราะก่อนจะหยิบหนังสือมาเล่มหนึ่งจากอิจิโกะ “เราไปกันต่อเถอะ”
จนกระทั่งอิจิโกะพาเกลดอสเดินไปถึงบ้านของเขา ซึ่งบ้านของอิจิโกะนั้นอยู่ไม่ห่างจากเขตวังหลวงมากนัก เป็นบ้านไม้สองชั้นที่องค์จักรพรรดิตั้งใจสร้างและมอบให้กับอิจิโกะ ถึงแม้ว่าอิจิโกะจะต้องอยู่คนเดียว แต่องค์จักรพรรดิก็ช่วยส่งทั้งเงินทองและอาหารมาให้เป็นบางครั้ง แต่ก็มีบางครั้งที่เขาต้องไปทำภารกิจหรือหน้าที่ที่องค์จักรพรรดิสั่งจึงทำให้ไม่ได้ทำความสะอาดบ้าน แต่กลับมีแม่บ้านมาทำความสะอาดให้ทุก ๆ วัน
“บ้านนายสะอาดและเป็นระเบียบจังเลยแฮะ”
“แม่บ้านน่ะ” อิจิโกะพูดเสริมก่อนจะเปลี่ยนรองเท้าและเดินเข้าไปในตัวบ้าน เกลดอสเห็นอย่างนั้นจึงทำตาม เขาถอดรองเท้าออกแล้วเปลี่ยนเป็นคู่ที่ถูกเตรียมเอาไว้
“ต้องเปลี่ยนรองเท้าทุกครั้งเลยหรอ” เกลดอสถาม
“แม่บ้านบอกว่าทำความสะอาดค่อนข้างยากน่ะ เลยต้องให้ใส่รองเท้าที่เตรียมไว้-- เชิญนั่งเลย ๆ”
อิจิโกะยกโต๊ะไม้ลักษณะกลมมาวางก่อนจะนั่งลงใกล้ ๆ นั้น เกลดอสจึงนั่งลงไป
“นาน ๆ ทีจะมีแขกมาน่ะ ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไงดี เอาเป็นว่าทำตัวตามสบายเลยแล้วกันนะ แล้วหิวอะไรอีกไหม ใกล้จะเที่ยงแล้วด้วยอยากกินอะไรไหม” อิจิโกะรู้สึกตื่นเต้นจนทำตัวไม่ถูก
“ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้เรายังไม่หิวหรอกนะ แต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรดีเรามานั่งคุยกันดีกว่านั้น งั้นขอเสียมารยาทแล้วถามหน่อยนะว่าทำไมองค์จักรพรรดิถึงรับเลี้ยงนายล่ะ”
“เอ่อ ตอนที่เรายังเป็นทารกอยู่ ตอนนั้นเราน่าจะอยู่ในหมู่บ้านที่อยู่ในเมลตันตะวันออกน่ะ แล้วมีความขัดแย้งระหว่างประเทศแถว ๆ นั้นทำให้หมู่บ้านของเราถูกเผาทำลาย คนในหมู่บ้านก็อพยพหนีกันหมดกระจัดกระจายกันไปทั่ว แต่ในความชุลมุนทำให้เราพลัดหลงกับพ่อแม่ของเรา แต่แล้วก็มีเทพองค์หนึ่งปรากฏขึ้นและมาเพื่อช่วยเหลือเราโดยเฉพาะ องค์จักรพรรดิจึงสนใจและอยากจะรับเลี้ยงเราในตอนนั้นเราจึงถูกนำตัวมาที่เมืองหลวงและได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี แต่คนในวังก็ไม่ชอบที่เราเป็นคนที่มีเชื้อชาติที่เคยกบฏและหักหลังองค์จักรพรรดิมาก่อน และทั้งนิสัยของเราที่เป็นคนที่รีบร้อนแล้วก็เอาแต่ใจล่ะมั้ง ก็เลยถูกไล่ออกจากวัง องค์จักรพรรดิก็เลยสร้างบ้านหลังนี้ให้น่ะ ส่วนเรื่องตอนที่เรายังเป็นทารกน่ะองค์จักรพรรดิเป็นคนที่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เราฟังเองนั่นแหละ”
อิจิโกะเล่าเรื่องราวของเขาก่อนจะทำหน้าเศร้า เกลดอสจึงต้องเข้าไปปลอบใกล้ ๆ
“ไม่เป็นไรหรอกนะ อย่างน้อยองค์จักรพรรดิก็รักและเมตตานะ เรามาเปลี่ยนบรรยากาศกันดีกว่า เริ่มด้วยการอ่านหนังสือดีกว่านะ” เกลดอสจึงหยิบหนังสือที่เป็นภาษาบางอย่างที่เขาก็อ่านไม่ออกขึ้นมาและเปิดออกดู “อย่างน้อยเล่มนี้ก็มีภาพประกอบนะ แต่เราอ่านไม่ออกเลย นายอ่านอักษรโบราณพวกนี้ได้หรอ งั้นช่วยอ่านฟังหน่อยสิ”
เกลดอสวางกลับไปที่โต๊ะแล้วผลักหนังสือเบา ๆ ไปหาอิจิโกะ
“โอ้ ได้สิ แต่จริง ๆ แล้วองค์จักรพรรดิเป็นคนสอนการอ่านภาษาพวกนี้ให้น่ะ งั้นจะเริ่มอ่านละนะ”
“งั้นไม่เกรงใจละนะ” เกลดอสเขยิบเข้าไปชิดอิจิโกะเพื่อที่จะฟังและดูภาพประกอบไปด้วย
“งั้นสุ่มมาสักเรื่องแล้วกัน” อิจิโกะเปิดไปที่หน้าสารบัญจากนั้นหลับตาแล้วเอานิ้วจิ้มลงไป “อ๊ะ ได้แล้วล่ะ เรื่องนี้เกี่ยวกับสมบัติแห่งจ้าวสมุทร… ตำนานถูกเล่าขานมาอย่างยาวนานเกี่ยวกับจ้าวสมุทรที่เป็นเหมือนผู้พิทักษ์แห่งท้องทะเล จ้าวสมุทรทั้งทรงพลังและมีพลังอำนาจ ปกครองเมืองใต้น้ำและปกครองเหล่าสิ่งมีชีวิตใต้น้ำทั้งหมด บุคคลภายนอกที่บุกเข้าไปในเมืองใต้น้ำก็จะถูกจับเอาไว้ และเหตุผลที่คนบกส่วนใหญ่บุกเข้าไปในเมืองใต้น้ำนั้นก็คือสมบัติอันล้ำค่าของจ้าวสมุทรที่ถูกรวบรวมมาจากทองและเงินที่คนบนบกได้ทำตกลงในน้ำ มันมีจำนวนเยอะมากพอที่จะทำให้กลายเป็นเศรษฐีและรวยพอ ๆ กับราชวงศ์ที่ปกครองจักรวรรดิทาคีนอซัส”
“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ จักรวรรดิทาคีนอซัสก็คือจักรวรรดิที่ปกครองทั้งเมลตันกลาง เมลตันใต้และเหนือสินะ”
“ใช่แล้วล่ะ แต่ก็จักรวรรดินั้นสิ้นสุดลงและมีจักรพรรดิอากัสขึ้นปกครองแทน ซึ่งไม่ได้แค่ปกครองเป็นจักรวรรดิเล็ก ๆ แต่ปกครองดาวทั้งดวงเลยล่ะ งั้นอ่านต่อละนะ… จนเรื่องเล่าเกี่ยวกับสมบัติของจ้าวสมุทรก็ดังไปถึงหูของจักรพรรดิองค์หนึ่งในจักรวรรดิทาคีนอซัส จนทำให้จักรพรรดิองค์นั้นยกกองทัพทั้งหมดเพื่อบุกเข้าไปโจมตีเมืองใต้น้ำและแย่งสมบัติทั้งหมดมา แต่ทุกอย่างก็ล้มเหลว จ้าวสมุทรเอาชนะได้ทำให้จักรพรรดิองค์นั้นต้องถูกจับเอาไว้และไม่มีใครช่วยได้ แต่เรื่องราวเกี่ยวกับสมบัติก็เริ่มเลือนหายไปจากความทรงจำของผู้คน จนปัจจุบันไม่มีใครรู้เรื่องราวเกี่ยวกับสมบัติเหล่านั้นอีกเลย แต่มีสิ่งลึกลับบางสิ่งที่ไม่มีใครล่วงรู้เรื่องนี้มาก่อน นั่นคือสามง่ามของจ้าวสมุทรอันทรงพลังที่มีอายุมามากกว่า 1000 ปี แต่สิ่งที่ทรงพลังจริง ๆ แล้วคืออัญมณีที่ประดับอยู่กับสามง่าม… เอ๊ะ! อัญมณีพลังหรอ”
“อาจจะเกี่ยวกันก็ได้นะ ในนั้นมีอะไรบอกไว้อีกไม่”
ทั้งสองคนเริ่มรู้สึกตื่นเต้น จนทำให้อิจิโกะเปิดดูหน้าอื่นอย่างรวดเร็ว
“เรื่องนี้จบแค่นี้อะ มีหน้าเดียวเอง”
“เราควรเอาเรื่องนี้ไปบอกกับองค์จักรพรรดินะ รีบไปกันเถอะ”
ทั้งสองคนรีบลุกแล้วหยิบหนังสือก่อนจะวิ่งไปที่หน้าประตูบ้านเพื่อเปลี่ยนรองเท้า เกลดอสจึงวิ่งออกมาพร้อมกับหนังสือและวิ่งไปที่ทางเข้าเขตวังหลวงทันที แต่ก็ห้ามเอาไว้โดยทหารที่เฝ้าหน้าประตูอยู่ จากนั้นอิจิโกะก็วิ่งตามมาทั้งสองคนจึงเข้าไปข้างในได้ แต่ในขณะที่ทั้งสองกำลังวิ่งอยู่บนทางเดินที่พาไปยังวังหลวงนั้นก็พบกับองค์จักรพรรดิเสียก่อน
“พวกเจ้ารีบร้อนอะไรกัน จะมาพบข้าสินะ มีอะไรหรือ”
“พวกเราเจอข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับอัญมณีในหนังสือเล่มนี้ครับ” เกลดอสยื่นหนังสือความลับแห่งเมลตันให้กับองค์จักรพรรดิ
“ผมอ่านหน้าที่เกี่ยวกับสมบัติแห่งจ้าวสมุทรครับ น่าจะอยู่หน้าที่ 245” อิจิโกะบอก
“สมบัติแห่งจ้าวสมุทร…” จักรพรรดิอากัสทวนคำพลางเปิดหนังสือไปเรื่อย ๆ “เจอแล้วล่ะ” จักรพรรดิอากัสจึงตั้งใจอ่านตั้งแต่ต้นจนจบแล้วทำหน้าตาตื่น
“เอายังไงดีครับ ออกไปตามหาเลยไหมครับ” อิจิโกะถาม
“ไม่ได้หรอก”
“ทำไมล่ะครับ ยังไงก็ไปที่เมืองใต้น้ำนั่นแล้วไปเอาสามง่ามมาเลยก็น่าจะง่ายนี่ครับ คุณเป็นเทพนะ” เกลดอสพูด
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก เพราะว่าเมืองใต้น้ำนั่นน่ะล่มสลายไปแล้ว…ข้าก็ไม่รู้ด้วยว่าอยู่ที่ไหน ถึงแม้ว่าเราจะมีเป้าหมายแล้วแต่ไม่รู้ว่าเป้าหมายอยู่ที่ใดเราก็ทำอะไรไม่ได้หรอกนะ ข้าจะหาข้อมูลเกี่ยวกับสามง่ามและเมืองใต้น้ำ เจ้าก็ช่วยด้วยล่ะ อาจจะหาข้อมูลจากหอสมุดหลวงหรือไม่ก็ถามกับคนที่พอรู้ แต่ตอนนี้ข้ามีเรื่องอื่นที่ต้องไปทำ ขอตัวก่อนนะ แล้วก็ขอหนังสือเล่มนี้นะ”
“ไว้เจอกันไหมครับพ่อ” อิจิโกะบอกลาองค์จักรพรรดิ ทำให้องค์จักรพรรดิรู้สึกดีและยิ้มออกมาก่อนจะเดินจากไป
“นายคิดว่าเราจะหาใครที่รู้เรื่องเมืองใต้น้ำบ้าง” เกลดอสถาม
“ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับมหาสมุทร ก็ต้องถามนักเดินเรือสิหรือไม่ก็นักผจญภัยที่มักจะเดินทางไปทั่ว” อิจิโกะบอก
“งั้นไปกันเลย!”
ความคิดเห็น