คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4
หลายวันผ่านไป ในวันที่ช่วงเช้าสดใสและสดชื่นกว่าปกติ เกลดอสนั่งนับเหรียญทองอยู่ในบ้านของเขา ซึ่งเป็นจำนวนเงินจำนวนหนึ่งที่ถูกส่งมาจากวังหลวง ไม่มีใครรู้ว่าทำไมถึงได้เงินส่วนนี้มา เหรียญทองพวกนี้ถูกส่งมาวันละ 10 เหรียญตั้งแต่วันที่เกลดอสไปส่งดาบแต่ได้ดาบกลับคืนมา และวันนี้เกลดอสก็ได้เพิ่มอีก 10 เหรียญพร้อมกับจดหมาย ลูเซียสเดินมาเห็นเกลดอสกำลังนั่งอ่านจดหมายโดยที่มีเหรียญทองมากมายวางกระจัดกระจายบนโต๊ะ
“จดหมายจากใครหรอ” ลูเซียสถาม เกลดอสจึงยื่นจดหมายให้ดู
วันที่ 46 ฤดูใบไม้ผลิ, ปี 4687
หวังว่าจะได้พบกับเจ้าอีก ถ้าหากเจ้าประสงค์ที่จะเข้าเมืองหลวงเพื่อพบข้า โปรดมาเจอกันที่โรงเรียนผู้วิเศษแล้วข้าจะพาอิจิโกะไปพบกับเจ้าด้วย
อากัส เดออุส มิวจิน
“ส่งมาจากวังหลวงครับ นี่ก็หลายวันมาแล้วนะครับที่เราได้เงินจากวังหลวง ผมยังไม่รู้เลยว่าทำไมพวกเขาถึงส่งเงินนี้มาทุกวัน วันนี้ผมเลยคิดว่าจะไปพบกับองค์จักรพรรดิอีกครั้งครับ พ่อจะไปด้วยกันมั้ย” เกลดอสพูด
“พ่อไม่ไปหรอก พอดีมีลูกค้าสั่งอาวุธมาอีกเยอะแยะเลยนะหลังจากที่ได้เห็นพลังจากของดาบของลูกน่ะ แต่พ่อก็แอบเสียดายนะที่องค์จักรพรรดิไม่ได้รับดาบเล่มนั้นเอาไว้ ฮ่า ๆ จะว่าไปลูกจะตั้งชื่อดาบเล่มนั้นไหม” ลูเซียสดึงเก้าอี้มานั่งใหญ่ ๆ กับเกลดอส
“ผมยังไม่ได้คิดที่จะตั้งชื่อเลยครับ พ่อจะตั้งให้หรอ เอาชื่ออะไรดี”
“เดลซิอุส ดีมั้ย” ลูเซียสเสนอชื่อให้กับดาบ
“นั่นมันชื่อจริงของผมนะ” เกลดอสแย้ง
“ก็จริง งั้นเอาเป็น บรีดด้า ที่แปลว่าเลือด”
“ไม่เอาครับ งั้นเอาเป็น กลาดิโอ ดีมั้ยครับพ่อ เป็นภาษาของประเภททางเมลตันตะวันออกล่ะซึ่งแปลว่า ดาบ” เกลดอสจึงหยิบดาบของเขาออกมาดู
“ดาบที่ชื่อดาบ ก็แปลกดีนะ ฮ่า ๆ งั้นเอาคำว่า ฟอร์ติส ไปใส่ข้างหลังด้วยสิ เป็นกลาดิโอ ฟอร์ติส ที่แปลว่าดาบอันแข็งแกร่ง” ลูเซียสเสนอก่อนจะลุกขึ้นเพราะได้ยินเสียงน้ำเดือด “โอ๊ะ พ่อลืมไปว่าต้มน้ำไว้ ตอนนี้คงเดือดมากแล้วล่ะ” และลูเซียสก็เดินเข้าครัวไป
“กลาดิโอ ฟอร์ติส…” เกลดอสนั่งมองดาบของเขา ปากพูดพึมพำ “ก็น่าจะได้นะ แต่อาจจะยาวหน่อย เวลาเรียกก็เรียกสั้น ๆ เอาเป็นกลาดิโอก็ได้”
“แล้วลูกจะเข้าเมืองหลวงตอนไหนล่ะ” ลูเซียสเดินกลับมาพร้อมกับแก้วกาแฟของเขา ก่อนจะวางแก้วลงบนโต๊ะและดึงเก้าอี้ออกมาจากโต๊ะแล้วนั่งลง
“อีกสักพักครับ แล้วก็จะรีบไปรีบมานะครับ เห็นว่ามีลูกค้าสั่งอาวุธเพิ่มผมอาจจะช่วยพ่อได้นะ”
“ไม่เป็นไรหรอก จะไปทั้งวันเลยก็ได้ ไปทำความรู้จักหรือตีสนิทกับองค์จักรพรรดินี่สิยิ่งดี บางทีอาจจะทำให้ลูกได้งานที่ได้เงินเยอะกว่านี้นะ ถ้าเป็นแบบนั้นก็จะดีมากเลย เพราะแค่พ่อทำอาวุธหรือตีเหล็กนี่ก็เหนื่อยมากและได้เงินยังไม่เยอะเท่าคนในเมืองหลวงเลย” ลูเซียสพูดจบแล้วดื่มกาแฟในแก้ว
“แล้วทำไมพ่อไม่ย้ายไปทำงานในเมืองหลวงล่ะ ทำไมยังยึดติดอยู่กับที่นี่”
“พ่อไม่อยากทิ้งที่นี่ไป ก็เพราะว่าแม่ของลูกน่ะทิ้งบ้านหลังนี้และสมบัติไว้ให้พ่อดูแล พ่อก็ต้องทำ”
“แต่แม่ก็ทิ้งพ่อไปแล้วนี่ ที่แม่ทิ้งพ่อไปก็เพราะไม่ยอมขายที่ดินของบ้านหลังนี้นี่แหละ แม่เลยต้องพาพี่ชายหนีไปอยู่ที่อื่น แต่ถ้าพ่อทิ้งบ้านหลังนี้ไปแล้วเอาทรัพย์สมบัติเข้าไปในเมืองหลวงเพื่อเริ่มชีวิตใหม่มันก็จะดีกว่านี้นะ อาจจะไปเป็นช่วงตีเหล็กประจำเมืองหลวง” เกลดอสนำเสนอความคิดที่จะย้ายบ้าน
“แต่ที่นั่นก็มีช่างตีอาวุธแล้วนี่นา ถ้าพ่อไปก็อาจเกิดปัญหาได้” ลูเซียสเป็นกังวลใจและกระดกกาแฟในแก้วไปจนหมด
“ถ้างั้นเดี๋ยวผมจะไปขอคำแนะนำจากองค์จักรพรรดิให้ครับ แล้วก็จะไปหาคำตอบทั้งเรื่องเงินที่ถูกส่งมาด้วย งั้นผมจะไปเดี๋ยวนี้เลยครับ” เกลดอสโกยเงินที่กองอยู่บนโต๊ะเข้าใส่ถุงและมัดถุงเอาไว้กับชายเสื้อของเขา จากนั้นก็หยิบดาบแล้วเดินออกจากบ้านไปทันที
“ฝากด้วยนะ!”
เกลดอสเดินทางออกจากบ้านของเขาไปพร้อมกับดาบและเงินบางส่วน เขาเดินไปที่หน้าหมู่บ้านเพราะมีรถม้าบริการอยู่แถวนั้น เขาจึงเข้าไปใช้บริการและให้ไปส่งยังเมืองหลวง ในระหว่างการเดินทางนั้นเกลดอสก็มองดูธรรมชาติอันสวยงาม ทุ่งหญ้ากว้างและดอกไม้ที่ขึ้นตามฤดู ในช่วงนี้จึงมีดอกไม้ของฤดูร้อนขึ้นเต็มไปหมด เมื่อรถม้าวิ่งไปได้ไกลขึ้นเกลดอสก็เริ่มมองเห็นทางแยกมาแต่ไกล ๆ แล้ว ซึ่งนั่นหมายความว่าใกล้จะถึงเมืองหลวงแล้ว คงใช้เวลาอีกไม่ถึง 10 นาที เกลดอสก็นั่งคิดและนั่งพูดพึมพำกับตัวเองไปเรื่อย
“ถ้าพ่อย้ายเข้ามาในเมืองหลวงก็ดีนะ ขายที่ดินเก่าก็คงได้เงินมาค่อนข้างเยอะเลย ถ้าทำงานในเมืองหลวงก็คงได้งานเยอะเลย เงินก็จะเยอะตามไปด้วย เราเองก็คงจะอยู่ช่วยพ่อไปเรื่อย ๆ นั่นแหละ แล้วพ่อจะยอมย้ายง่าย ๆ มั้ยนะ”
“ถึงแล้วครับ” รถม้าเคลื่อนที่ช้าลงก่อนจะหยุดนิ่ง เกลดอสลงจากรถม้าและจ่ายเงินก่อนจะเดินตรงไปที่ประตูเมืองหลวงเพื่อที่จะตรวจคนเข้าเมือง และเมื่อเกลดอสเข้าไปในเมืองหลวงได้นั้นเขาก็พบกับอิจิโกะกำลังเดินเล่นอยู่บริเวณนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปหา
“สวัสดีอิจิโกะ” ทันทีที่เกลดอสวิ่งเข้าไปใกล้อิจิโกะเขาก็ทักทายทันที
“เอ๊ะ วันนี้มีอะไรรึเปล่า ทำไมถึงมาเช้าขนาดนี้ล่ะ” อิจิโกะเอ่ยถามทันที
“ก็เห็นว่าองค์จักรพรรดิส่งจดหมายมา แต่ไม่ได้นัดเวลาไว้ก็เลยคิดว่ามาตอนเช้า ๆ เลยแล้วกัน ก็ว่าจะถามกับองค์จักรพรรดิหลายเรื่องเลยแหละ แล้วเช้านี้นายกินอะไรหรือยัง”
“ยังเลย”
“งั้นไปหาอะไรกินกันดีมั้ย เห็นว่านายเป็นลูกเลี้ยงขององค์จักรพรรดินี่นา ได้กินของในวังบ้างไหม” เกลดอสถามด้วยความตื่นเต้น
“ก็ได้กินเฉพาะตอนที่ถูกเชิญเท่านั้นแหละ แล้วก็มักจะได้ไปนั่งรวมกับพวกขุนนางที่ไม่ชอบเรา แต่สักวันเราจะแข็งแกร่งและมีอำนาจกว่าพวกนั้นให้ได้ นายเองก็มาทำงานรับใช้องค์จักรพรรดิได้นะ” อิจิโกะพูดพลางแตะไหล่ของเกลดอส และในขณะที่ทั้งสองคนกำลังยืนคุยกันอยู่นั้นก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็ว เด็กคนนั้นไม่ได้มองทางจึงทำให้ชนเข้ากับเกลดอสจนทั้งคู่ล้มลงกับพื้น
“เฮ้!” อิจิโกะร้องด้วยความโกรธใส่เด็กคนนั้น “ถ้าจะวิ่งก็หัดดูทางหน่อยสิ” เด็กคนนั้นจึงลุกขึ้นและวิ่งต่อไป เด็กหนุ่มอีกวิ่งตามหลังมาจึงมาหยุดที่เกลดอส
“ขอโทษแทนเพื่อนของผมด้วยนะครับ เอ๊ะ พี่อิจิโกะ สวัสดียามเช้าครับ” เด็กคนนั้นกล่าวขอโทษแทนเพื่อนของเขาก่อนจะช่วยจับเกลดอสให้ลุกขึ้นและวิ่งตามเพื่อนของเขาไป
“เด็กสองคนนั้นเป็นใครกันหรอ” เกลดอสจึงเอ่ยถาม
“นั่นน่ะไม่เด็กเท่าไหร่หรอก อายุน้อยกว่าเราปีนึงเองเราอายุ 17 ปี แล้วนายอายุเท่าไรล่ะ”
“เราอายุ 17 ปีเหมือนกันเลย แต่เกิดในฤดูร้อน วันที่ 33 น่ะ”
“ว้าว ใกล้กันเลยนี่นา ส่วนของเราก็วันเกิดใกล้จะมาถึงแล้วล่ะ วันที่ 1 ฤดูร้อน เป็นวันที่ดีมากเลยล่ะ เพราะเป็นวันแรกของฤดูร้อนแล้วยังเป็นวันปีใหม่ของชาวเมลตันตะวันออกบางประเทศด้วยนะ” อิจิโกะพูด จนท้องของเขาร้องออกมา “เอ๊ะ ท้องร้องล่ะ น่าหิวแล้วล่ะมั้งไปหาอะไรกินกันดีกว่า”
“ได้สิ แนะนำร้านอร่อย ๆ ให้หน่อยนะ” เกลดอสจึงเดินตามอิจิโกะไป
เมืองหลวงมีชื่อเต็มว่า เบลยอร์จ เป็นเมืองที่เปิดกว้างให้ทุกคนบนดาวเมลตันสามารถเข้ามาอาศัยอยู่ที่เมืองนี้ได้ ซึ่งทำให้เมืองนี้เติบโตอยู่ตลอดเวลาและมีการขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ เมืองนี้เปิดกว้างและต้อนรับสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์ อย่างเช่น มนุษย์สัตว์ที่มีรูปลักษณ์เป็นสัตว์แต่เดินสองขา ซึ่งสายพันธุ์นี้มีอาณาจักรเป็นของตนเองคืออาณาจักรสัตว์ อาแรนธอร์ ตั้งอยู่ในตอนกลางของเมลตันกลาง อาจเรียกได้ว่า เกอรินอส, เผ่าพันธุ์ชาดิโก้ เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์แต่มีหูยาวและมีปีก ตัวก็เล็กกว่ามนุษย์ และอีกหลายเผ่าพันธุ์มารวมกันอยู่ในเมืองหลวงจนกลายเป็นเมืองศูนย์กลางที่ใหญ่ที่สุดและนั่นเป็นสาเหตุที่องค์จักรพรรดิแห่งเมลตันถึงประทับอยู่ที่นี่
“โค้งคำนับ!” เสียงของชายคนหนึ่งตะโกนออกมาเป็นคำสั่ง ทหารที่ยืนเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบก็โค้งคำนับอย่างนอบน้อม เหล่าขุนนางที่ยืนอยู่อีกฝั่งก็โค้งคำนับตามไปด้วย จักรพรรดิอากัสเดินผ่านทหารเหล่านั้นและนั่งลงบัลลังก์
“เอาล่ะ รายงานมาได้เลย” จักรพรรดิอากัสกล่าว
“ตอนนี้ทหารของกองกำลังของเรากำลังเดินทางไปตรวจสอบที่เมลตันเหนือและตอนเหนือบางส่วนของเกาะเมลตันกลางครับ และให้อีกหน่วยหนึ่งไปตรวจสอบที่ตอนใต้สุดของเกาะเมลตันกลางครับ ซึ่งมีรายงานกลับมาว่าพบเบาะแสบางส่วนที่เชื่อมโยงเกี่ยวกับอัญมณีพลังแล้วครับ ซึ่งพ่อค้าคนหนึ่งพบเข้าและถูกขายให้กับบุคคลลึกลับคนหนึ่งที่ไม่ทราบทั้งชื่อและหน้าตา คาดว่าจะห่มผ้าคลุมเอาไว้เพื่อปิดบังตัว ตอนนี้ยังหาตัวไม่พบครับ!” หัวหน้ากองกำลังทหารฝ่ายสำรวจรายงานความคืบหน้าแก่องค์จักรพรรดิ
“บุคคลลึกลับงั้นหรอ ตามหาคนคนนั้นให้พบแล้วนำอัญมณีพลังกลับมาให้ได้” จักรพรรดิอากัสพูด
“แล้วก็มีอีกเรื่องครับ ตอนนี้เหล่านักเวทและจอมเวทจากตระกูลราเบลนอสเดินทางมาถึงแล้วครับ ส่วนคนจากตระกูลอัลมาคัสเดินทางมาถึงเมื่อสองสามวันก่อนแล้วครับแต่เพิ่งจะแจ้งเรื่องมาเมื่อวานนี้” อำมาตย์จึงรายงานอีกเรื่องหนึ่งให้แก่องค์จักรพรรดิ
“เรื่องของตระกูลอัลมาคัสที่มาถึงแล้วน่ะ ข้ารู้แล้วล่ะ ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปพบกับพวกเขาหลังจากนี้…ตอนนี้ข้าวางแผนไว้ว่างจะส่งกองกำลังฝ่ายสำรวจให้เดินทางไปยังเมลตันตะวันออก เพื่อจะไปพบกับกษัตริย์ที่มีอำนาจที่สุดของที่นั่นและขอความช่วยเหลือในการตามหาอัญมณี พวกเจ้าคิดว่ามันเสี่ยงเกินไปหรือเปล่าถ้าหากขอความร่วมมือจากอาณาจักรอื่น” จักรพรรดิอากัสจึงถามกับอำมาตย์
“การเปิดเผยภารกิจของเราอาจเป็นภัยต่ออำนาจของท่าน ถ้าหากว่าผู้มีอำนาจต่างรู้เรื่องนี้แล้วเริ่มออกตามหาอัญมณีพลังก็จะเริ่มกลายเป็นเรื่องใหญ่โต ถึงแม้ว่าท่านจะจัดการพวกมันเหล่านั้นได้ แต่ถ้าหากมันใช้พลังอำนาจจากอัญมณีพลังที่ท่านองค์จักรพรรดิไม่สามารถสู้ได้เราก็คงจะพ่ายแพ้ แต่ข้าเชื่อว่าไม่เป็นเช่นนั้น พลังอำนาจของท่านนั้นเหลือล้นและสามารถกำราบผู้คิดร้ายได้ ดังนั้นข้าว่าควรจะขอความช่วยเหลือจากอาณาจักรอื่น ๆ ในจักรวรรดิของเราครับ” อำมาตย์กล่าว
“อย่างงั้นหรอ ถ้างั้นข้าก็ไปพบกับกษัตริย์ของอาณาจักรในแถบเมลตันตะวันออกด้วยตนเองดีกว่า ถึงแม้ว่าจะเร็วกว่าทหารหลายร้อยนาย แต่ก็ดีกว่าส่งทหารหลายร้อยนายเพื่อไปขอความช่วยเหลือและออกตามหา ซึ่งนั่นอาจใช้เวลาหลายปี ดังนั้นข้าจะไปอาณาจักรที่ใกล้ที่สุดนั่นคือ อาณาจักรคริสซอส ซึ่งเป็นอาณาจักรโดดเดี่ยวที่ตั้งอยู่บนเกาะและอยู่ตรงปากแม่น้ำ ทำให้แม่น้ำนั้นถูกตั้งชื่อว่าคริสซอสไปด้วย งั้นเลิกการประชุมได้” จักรพรรดิอากัสจึงจบการประชุมครั้งนี้ ทหารและเหล่าขุนนางที่เข้าร่วมการประชุมต่างโค้งคำนับพร้อมกันและเดินออกไปจากห้องบัลลังก์ทันที
องค์จักรพรรดิอากัสจึงรีบเดินทางออกไปนอกเขตวังหลวงและตามหาตัวอิจิโกะจนพบว่ากำลังกินอาหารเช้าอยู่กับเกลดอสในร้านอาหารใกล้ ๆ กับประตูทางเข้าเขตวังหลวง นั่นเป็นช่วงที่ทั้งสองคนกินอาหารเสร็จพอดีคุยกับองค์จักรพรรดินิดหน่อยก่อนจะถูกแนะนำให้ไปที่ที่หนึ่ง
“ท่านจะพาเราไปที่ไหนอีกหรอ สนามฝึกต่อสู้หรอ วันนี้ผมไม่ค่อยอยากจะใช้ดาบหรอกนะครับ” เกลดอสพูดในขณะที่ทั้งสามคนกำลังเดินอยู่บนทางเท้า คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็ต่างโค้งคำนับเมื่อเห็นองค์จักรพรรดิ
“ข้าก็บอกไว้ในจดหมายแล้วนี่ว่าจะพาไปไหน”
“โอ๊ะ จริงด้วย” เกลดอสจึงหยิบจดหมายฉบับเดิมขึ้นมาอ่าน “โรงเรียนผู้วิเศษ…ท่านจะพาเราไปฝึกเวทอย่างนั้นหรอครับ”
“ไม่หรอก เห็นว่านัดคนไว้ คงจะให้เราไปพบกับใครสักคนนี่ล่ะ” อิจิโกะแย้งก่อนที่องค์จักรพรรดิจะเดินเร็วขึ้น “รีบอย่างงั้นหรอครับ” อิจิโกะสงสัยที่องค์จักรพรรดิเดินเร็วขึ้น เขาจึงวิ่งแซงหน้าไปก่อน
“อะ…อ้าว นั่นก็รีบเกินไป แล้วท่านจะให้เราไปพบกับใครหรอครับ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องถามหรอกเพราะกำลังจะถึงในอีกไม่ช้า แล้วก็ไม่ต้องเรียกข้าว่า ท่าน ก็ได้นะ ข้าเพียงแค่อยากสนิทสนมกับเหล่าเด็ก ๆ เท่านั้นเอง” จักรพรรดิอากัสพูด
“ครับ คุณอากัส” เกลดอสยิ้มอย่างร่าเริง จนกระทั่งทั้งคู่เดินไปจนถึงโรงเรียนผู้วิเศษ ซึ่งมีอิจิโกะยืนรออยู่ที่ลานด้านหน้าโรงเรียน
“เข้าไปกันเลยเถอะ” จักรพรรดิอากัสจึงพาทั้งสองคนเข้าไปในโรงเรียนนั้น แต่เมื่อไปถึงประตูมันก็เปิดออกอัตโนมัติเพื่อต้อนรับแขกและภายในนั้นเป็นทางเดินยาวที่มีห้องแต่ละห้องอยู่ด้านซ้ายและด้านขวาของทางเดิน เป็นห้องเรียนของเหล่าผู้วิเศษชั้นเริ่มต้น “นี่เป็นห้องเรียนของเด็ก ๆ ที่มีพลังวิเศษและเป็นห้องสำหรับเด็ก ๆ ที่เพิ่งจะเริ่มเรียนรู้วิธีควบคุมพลัง อย่างห้องนี้เป็นห้องหมายเลข 1 มีจำนวนนักเรียนไม่มากเท่าไหร่เพราะว่าพลังวิเศษนั้นไม่ได้มีกันทุกคน ทำให้ห้องเรียนอื่น ๆ ไม่มีนักเรียนอยู่เลย”
“แต่ถ้าเป็นห้องที่มีระดับสูงกว่านี้ก็จะเริ่มเจอกับพวกที่เป็นผู้วิเศษระดับต้นจนถึงกลางที่ควบคุมพลังและใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว” อิจิโกะอธิบายให้เกลดอสฟัง
“น่าสนใจดีแฮะ แล้วนายเรียนวิธีควบคุมพลังจากที่นี่หรอ” เกลดอสถามอิจิโกะ
“เปล่าหรอก พลังของเราน่ะให้องค์จักรพรรดิช่วยสอนให้น่ะ” อิจิโกะตอบกลับไป
"เรียกข้าว่า พ่อ ก็ได้นะ, อิจิโกะ"
“ครับพ่อ” อิจิโกะขานรับก่อนจะเดินนำไปข้างหน้าแล้วไปส่องดูห้องต่าง ๆ ตามทางเดิน จนกระทั่งไปชนเข้ากับเด็กหนุ่มคนหนึ่งจนทั้งคู่ล้มลงไป “เอ๊ะ นายอีกแล้วหรอ”
“ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มคนนั้นกล่าว
“ฟรากอร์สินะ ไม่ได้พบกันนานเลย” จักรพรรดิอากัสเห็นเด็กหนุ่มคนนั้นจึงรีบเดินเข้าไปหา เกลดอสจึงต้องรีบเดินตามไป เด็กหนุ่มคนนั้นเห็นองค์จักรพรรดิจึงรีบลุกขึ้นแล้วโค้งคำนับทันที “โตแล้วก็ยังดื้อเหมือนเดิมเลยนะ”
“ครับ… เอ๊ะ คนเมื่อเช้านี้ ผมขอโทษด้วยนะที่วิ่งไปชนแล้วไม่ได้ขอโทษ” เด็กหนุ่มที่ชื่อฟรากอร์กล่าวขอโทษกับเกลดอส
“ไม่เป็นอะไรหรอก”
“เกือบจะครบแล้วล่ะ…..” จักรพรรดิพูดพึมพำคนเดียวก่อนจะหันไปหาอิจิโกะ “อิจิโกะ จำเด็กผู้หญิงที่ชื่อ เนโร ราเบลนอสได้ไหม เธอมารอเจ้าอยู่ที่นี่แล้วล่ะ น่าจะอยู่ชั้นบนช่วยไปตามให้หน่อยนะ พวกเราจะนั่งรอที่ห้องใกล้ ๆ นี้”
“จำได้ครับ เธอมาที่นี่หรอเนี่ย!” อิจิโกะกระโดดโลดเต้นก่อนจะวิ่งตรงไปยังบันไดเพื่อขึ้นไปชั้นสอง
“เอ๊ะ เรื่องอะไรกันล่ะครับเนี่ย” เกลดอสรู้สึกมึนงง
“พวกเราก็เข้าไปในห้องนั้นกันเถอะ” จักรพรรดิอากัสเดินนำหน้าเข้าไปในห้องต้อนรับแขกที่อยู่ไม่ใกล้ อีกสองคนจึงเดินตามเข้าไปและไปนั่งรออยู่บนเก้าอี้ จักรพรรดิอากัสจึงดึงเก้าอี้ตัวหนึ่งที่ถูกวางไว้จนฝุ่นเกาะออกมานั่ง “เดี๋ยวจะรอมากันให้ครบแล้วข้าจะเริ่มคุยกันทีเดียวเลย”
“ครับ!” เกลดอสพูดพร้อมกับฟรากอร์จนทำให้ทั้งคู่ต้องหันมามองหน้ากัน
“มาแล้วครับบบบบ” อิจิโกะลากเสียงและเดินเข้ามาพร้อมกับเด็กสาวที่งดงามคนหนึ่ง อิจิโกะจึงดึงเก้าอี้ตัวหนึ่งออกมาและเช็ดฝุ่น “เธอนั่งเลย ๆ”
“เอาล่ะ มาพร้อมกันแล้วนะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวจะแนะนำแต่ละคนก่อนแล้วกัน” จักรพรรดิอากัสลุกขึ้นจากเก้าอี้ “นั่นคือเดลเซียส เกลดอส เฟอราริอุส เป็นลูกชายของช่างตีเหล็กที่มีชื่อเสียงแต่อยู่นอกเมืองหลวง ซึ่งเขาได้ครอบครองดาบที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่พ่อของเขาเคยทำมา”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” เกลดอสวางดาบของเขาลงบนพื้นแล้วยิ้มให้ทุกคนในห้อง จักรพรรดิอากัสจึงเดินไปหาเด็กสาวที่งดงาม
“เนโร ราเบลนอส เป็นเด็กสาวที่งดงามและมีพรสวรรค์ในด้านการใช้พลังเวทธาตุน้ำ เป็นผู้ที่มาจากตระกูลราเบลนอสหรือตระกูลของเหล่าจอมเวทสุดแข็งแกร่งที่เคยเคียงบ่าเคียงไหล่กับกองทัพ”
“ขอบคุณค่ะ” เนโรกล่าวขอบคุณ จักรพรรดิอากัสจึงเดินไปหาคนถัดไป
“ส่วนคนนี้คือ เอ็นกะ อิจิโกะ มีชื่อเสียงในเรื่องการดวลดาบและพลังธาตุไฟ ทุกคนคงรู้จักกันอยู่แล้วล่ะ” จักรพรรดิอากัสพูดก่อนจะเดินไปหาคนถัดไปทันที
“คนสุดท้าย…ฟรากอร์ อัลมาคัส เป็นอีกคนหนึ่งที่มีสายเลือดของเทพเจ้าไหลเวียนอยู่ในตัว แต่เป็นลูกหลานห่าง ๆ จากผู้สืบเชื้อสายตรง และเขามีพลังสายฟ้า” จักรพรรดิอากัสพูดจบก็เดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ของตน
“ข้ามีเรื่องจะให้ช่วยน่ะ ทุกคนจงตั้งใจฟัง…”
ความคิดเห็น