ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Starfallen Origin Series : กำเนิดเมเธอร์

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.ค. 64


    เกลดอสเดินตามทางเดินไปเรื่อย ๆ จนพบกับทางแยกเห็นป้ายที่อยู่ระหว่างทางแยกนั้นซึ่งทางซ้ายจะเป็นชื่อเมืองหลวงแห่งเมลตันกลาง เบลยอร์จ และทางขวาจะเป็นเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่งชื่อว่า ราเบอร์ตัน เกลดอสจึงเลือกเดินไปทางขวาเพื่อไปยังเมืองหลวงที่เดินอีกไม่ไกลก็ถึง ในระหว่างที่เขาเดินไปอยู่นั้นก็มีทั้งรถม้า อัศวินขี่ม้า และพ่อค้า ผ่านไปผ่านมาอยู่บ่อยครั้งและทุก ๆ ครั้งที่ผู้คนเหล่านั้นกำลังจะเข้าเมืองหลวง พวกเขาก็จะถามกับเกลดอสว่าต้องการขึ้นไปด้วยไหม แต่เขาก็ปฏิเสธและเดินทางไปจนถึงเมืองหลวงโดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เกลดอสจึงเดินไปที่ทางเข้าเมืองซึ่งจะเป็นประตูกำแพงที่เปิดไว้และมีทหารตรวจคนเข้าเมืองหลวง เกลดอสจึงต้องต่อแถวที่มีคนยืนกันอยู่ยาวเหยียด

    “นี่คนเข้าเมืองเยอะขนาดนี้เลยหรอ” เกลดอสพูดกับตัวเองแล้วหันไปดูบรรยากาศรอบนอกกำแพงเมือง 

    “นายเป็นนักดาบหรอ เพิ่งมาเมืองหลวงครั้งแรกใช่มั้ย” เด็กหนุ่มที่ยืนข้างหลังเกลดอสสะกิดและถามเพียงเพราะเห็นดาบที่เกลดอสถือไว้ เกลดอสจึงหันหลังไปมองเด็กหนุ่มคนนั้นซึ่งดูแล้วมีอายุราว ๆ เดียวกันกับเขาและแต่งตัวธรรมดาเหมือนกับคนที่มาจากนอกเมืองหลวง

    “เอ่่อ ผมไม่ได้ใช้ดาบเป็นหลักหรอกครับ และนี่เป็นดาบที่พ่อผมเพิ่งทำเสร็จและต้องนำไปส่งให้คน ๆ นึง” เกลดอสพูดพลางเดินตามแถวที่ต่อไปเรื่อย ๆ เกลดอสจึงหันหลังไปมองเด็กหนุ่มคนนั้นอีกรอบ ทำให้เขาเห็นดาบในมือของเด็กหนุ่มคนนั้น “คุณก็เป็นนักดาบหรอครับ”

    “ใช่แล้วล่ะ เราเป็นนักดาบที่เก่งที่สุดในเมืองหลวงแล้วล่ะ”  เด็กหนุ่มคนนั้นตอบ เกลดอสจึงคิดว่าเขาล้อเล่นก็ไม่ได้สนใจและเดินไปจนถึงทหารที่คุมอยู่ที่หน้าประตู หลังจากที่เกลดอสถูกตรวจและได้รับอนุญาตให้เข้าไป เขาก็รีบมองหาทางที่จะไปยังวังหลวงซึ่งเขาไม่รู้ว่าต้องไปทางไหน จึงมองซ้ายมองขวาอย่างสับสนมึนงง ผู้คนมากมายเดินสวนกันไปมา รถม้าและรถขนของวิ่งอยู่บนถนนที่กำลังมีคนเดินอยู่ จำนวนคนมากมายจนทำให้เกลดอสตาลาย

    “วังหลวงไปทางไหนเนี่ย หรือจะถามคนแถวนี้ดูนะ” เกลดอสไม่รู้ว่าเข้าต้องไปทางไหน เด็กหนุ่มคนเดิมจึงเดินมาสะกิดเกลดอสอีกครั้ง 

    “สวัสดี เราชื่อ อิจิโกะ เรามาเป็นเพื่อนกันมั้ย” เด็กหนุ่มคนนั้นแนะนำตัวและถือดาบไว้ที่มือด้านซ้าย

    “เอ๊ะ!” เกลดอสรู้สึกตกใจนิดหน่อยที่อยู่ดี ๆ ก็มีคนแนะนำตัวแก่เขา เกลดอสจึงต้องแนะนำตัวกลับไป “ผมชื่อเกลดอส ถ้าจะเป็นเพื่อนกันก็ได้แหละนะ แต่ตอนนี้ผมต้องการหาทางไปที่วังหลวง ช่วยหน่อยได้ไหม” 

    “ได้สิ ตามมาเลย” อิจิโกะจึงเดินตรงไปตามทางเท้าที่ยาวไปสุดลูกหูลูกตา เกลดอสจึงเดินตามไป “แล้วนายจะเอาดาบไปส่งให้ใครหรอ บอกเราได้ไหม”

    “เอ่อ องค์จักรพรรดิมีรับสั่งให้พ่อเราตีดาบแล้วนำไปส่งให้ที่วังหลวงน่ะ” เกลดอสตอบอย่างกังวลใจ “แต่ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าองค์จักรพรรดิต้องการให้เรื่องนี้เป็นความลับไหม” 

    “ไม่หรอก เราเองก็รู้เรื่องนี้เหมือนกัน เรื่องที่องค์จักรพรรดิต้องการให้ลูกชายของช่างตีดาบในตำนานได้ตีดาบขึ้นมาเล่มหนึ่ง แล้วให้ลูกชายคนโตของช่างตีดาบคนนั้นนำมาส่งถึงที่โดยห้ามให้ใครใช้เหลือในตอนที่เดินทาง นั่นคือนายใช่มั้ย” อิจิโกะพูดและหันไปยิ้มให้กับเกลดอสที่เดินตามหลังมา

    “ใช่” เกลดอสตอบและถามคำถามกลับไป “บ้านนายอยู่ที่ไหน แล้วเข้ามาที่เมืองหลวงทำไมหรอ”

    “เรื่องนั้นเอาไว้ตอบที่หลังดีกว่า ตอนนี้ใกล้จะถึงวังหลวงแล้วล่ะ นายเห็นข้างหน้านั่นไหม” อิจิโกะชี้ไปยังกำแพงที่สูงใหญ่และตระการตา “ผ่านกำแพงนี้แล้วเข้าไปก็จะเป็นเขตของวังหลวงน่ะ” ผู้คนหลายคนที่พยายามจะเข้าไปก็จะถูกห้ามเอาไว้โดยทหารที่หน้าประตู ถ้าหากเข้าไปโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต

    “งั้นเราเข้าไปกันเลยเถอะ” เกลดอสรีบวิ่งไปหาทหารสี่คนที่ยืนเฝ้าอยู่เพื่อที่จะขอเข้าไปข้างใน แต่ทหารเหล่านั้นก็ปฏิเสธและห้ามเกลดอสเอาไว้ อิจิโกะจึงเดินตามเกลดอสไปอย่างช้า ๆ

    “นั่นเพื่อนเราเอง ให้เขาเข้าไปกับเราเถอะ” อิจิโกะพูดกับทหารสี่คนนั้น ไม่นานนักทหารก็ปล่อยให้ทั้งสองคนเข้าไป อิจิโกะเดินนำหน้าและผ่านประตูเข้าไป เกลดอสจึงต้องเดินตามอิจิโกะให้ทัน “เราเป็นคนของที่นี่น่ะ เลยมีสิทธิ์ที่จะเข้าออกได้ง่าย ๆ” 

    “สุดยอดไปเลยแฮะ นายเป็นคนชั้นสูงหรอ” 

    “เปล่าหรอก เอาเป็นว่าเดี๋ยวเราจะพาไปพบกับองค์จักรพรรดิเองแล้วกัน ไม่ต้องกลัวหรอกนะ” 

    อิจิโกะเดินนำหน้าตามทางเดินที่ถูกปูด้วยหินสีขาวสวยงาม ทางเดินนั้นกว้างมากด้านข้างทางเดินก็ถูกตกแต่งไปด้วยเสาไฟคบเพลิงและพุ่มไม้ที่มีดอกไม้หลากสีสวยงาม ในขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินไปตามทางเดินนั้นก็มีทหารขี่ม้าหลายนายขี่ม้าผ่านไปมาอยู่เรื่อย ๆ และทหารทุกนายที่ผ่านแล้วพบกับอิจิโกะก็จะทักทายกันอย่างสุภาพ จนทำให้เกลดอสคิดว่าอิจิโกะคงจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงในวังหลวงแน่ ๆ จนกระทั่งทั้งสองเดินไปตามทางเดินจนไปถึงหน้าประตูของวังหลวงที่มีทหารเฝ้าอยู่ อิจิโกะก็พาเกลดอสผ่านเข้าไปได้อย่างง่ายดาย เมื่อเข้าไปก็จะพบกับโถงทางเดินที่ยาวและกว้าง องครักษ์กลุ่มหนึ่งเดินผ่านมาพอดี

    “เราเข้ามาในวังหลวงแล้วนะ เดี๋ยวจะถามองครักษ์ให้ว่าองค์จักรพรรดิอยู่ที่ไหน รออยู่ตรงนี้นะ” อิจิโกะจึงเดินเข้าไปถามกับองครักษ์เหล่านั้น ก่อนจะได้คำตอบและเดินกลับไปมาเกลดอส “ตามมา”

    เกลดอสไม่พูดอะไร เขาทำเพียงแค่เดินตามอิจิโกะพร้อมกับจับดาบไว้แน่่น เขามองดูรอบ ๆ โถงทางเดินที่ถูกตกแต่งไปด้วยสถาปัตยกรรมอันสวยงาม ทั้งยังตกแต่งด้วยทองและมีลวดลายสวยงามตามเสาและคบเพลิงอยู่ข้างโถงทางเดิน อิจิโร่ก็ยังเดินต่อไปไม่หยุด เกลดอสเริ่มมองเห็นว่าข้างหน้ามีประตูอยู่บานหนึ่ง เมื่อทั้งคู่เข้าไปใกล้ประตูบ้านนั้นทำให้เขาเห็นรายละเอียดของประตูที่ถูกแกะสลักไว้อย่างสวยงาม แล้วประตูก็ถูกเปิดออกด้านทหารสองคนที่อยู่ด้านหลังประตูนั้น อิจิโร่จึงเดินเร็วขึ้นเพื่อที่จะเข้าไปในห้องหลังประตูนั้น เมื่อทั้งคู่เดินเข้าไปถึงก็เจอกับห้องที่กว้างใหญ่และมีบัลลังก์ตั้งอยู่สุดทางเดินในห้องนั้น ซึ่งเป็นที่ประทับขององค์จักรพรรดิ ห้องทั้งห้องนั้นเป็นสีขาวทั้งหมดและถูกตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมต่างกันในแต่ละมุมของห้อง โดยหลังคาหรือเพดานของห้องนี้จะเป็นทรงครึ่งวงกลมและมีจิตรกรรมฝาผนัง

    “ยินดีต้อนรับ เด็กหนุ่มที่มาส่งดาบสินะ” องค์จักรพรรดิกล่าวต่อเกลดอส ทั้งคู่จึงเดินเข้าไปให้ใกล้กว่านี้

    “นี่คือองค์จักรพรรดิแห่งเมลตัน โคชิโร่ อากัส เดออุส มิวจิน” อิจิโกะหันไปพูดกับเกลดอส นั่นทำให้เกลดอสรู้สึกตกตะลึงและมึนงง “เดินเอาดาบไปให้องครักษ์ใกล้ ๆ นั้นแล้วเดี๋ยวองครักษ์จะเอาดาบไปมอบให้แก่องค์จักรพรรดิเอง”

    “ไม่เป็นไรหรอก ให้เขามามอบดาบแก่ข้าด้วยตนเองเถอะ” องค์จักรพรรดิพูด เกลดอสจึงต้องถือดาบและเดินเข้าไปหาองค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดิจึงพูดทักทาย “ว่าไงเจ้าหนู เจอกันอีกแล้วนะ”

    “เราเคยเจอกันมาก่อนใช่ไหมครับ” เกลดอสจึงถือดาบไว้สองมือแล้วชูขึ้น

    “ใช่แล้วล่ะ ตอนนั้นข้าแค่ออกไปเดินเล่น” องค์จักรพรรดิลุกขึ้นยืนและรับดาบเล่มนั้นจากเกลดอส 

    “เอ๊ะ ท่านเคยเจอเกลดอสด้วยหรือครับ” อิจิโกะถามด้วยความสงสัยและตกใจ

    “แต่ตอนนั้นเจ้าหนูคนนี้ยังไม่รู้ว่าข้าเป็นใครเพียงเท่านั้นเอง แต่ตอนนี้ความจริงก็กระจ่างแล้ว ข้าเพียงต้องการที่จะออกไปเดินเล่นแล้วไปพบกับเจ้าพอดี” องค์จักรพรรดิจึงบอกความจริงไปว่าตนเองก็คือ อากัส เดออุส ที่เจอกันในระหว่างการเดินทางของเกลดอส องค์จักรพรรดิอากัสจึงลูบหัวเกลดอส “ส่วนอิจิโกะก็เป็นลูกในการอุปถัมภ์ของข้าเอง อิจิโกะไม่มีบ้าน ไม่มีครอบครัว ข้าเลยรับเลี้ยงและพามาอยู่ในวัง แต่คนในวังบางคนก็ไม่พอใจ ข้าจึงต้องให้เขาอยู่ในเขตวังหลวงแทน-- อ๊ะ ไปข้างนอกกันเถอะ” 

    “จะไปไหนหรือครับ” อิจิโกะถาม อากัสไม่ตอบและเดินลงจากบัลลังก์พร้อมกับดาบแล้วเดินไปยังที่ประตู ทั้งคู่จึงต้องเดินตามไป อิจิโกะจึงระซิบถามกับเกลดอส “นายเคยพบกับองค์จักพรรดิมาก่อนแต่ไม่รู้ว่าเป็นองค์จักรพรรดิเนี่ยนะ”

    “ผมไม่เคยพบเห็นมาก่อนนี่นา แค่ชื่อยังไม่เคยได้ยินเลย” เกลดอสตอบ

    อากัสยังคงเดินต่อไปจนกระทั่งออกจากเขตวังหลวงและเข้าไปในเมือง ชาวเมืองที่เดินอยู่ตามท้องถนนเห็นองค์จักรพรรดิก็ทำความเคารพอย่างนอบน้อม ทั้งสามคนเดินไปยังเมืองที่อยู่ด้านขวาของวังหลวงซึ่งมีสนามฝึกซ้อมต่อสู้อยู่เมื่อจะเดินไปยังสนามต่อสู้นั้นจากประตูเขตวังหลวงก็จะต้องเดินเลี้ยวขวาไปตามถนนและจะมีตรอกซอกซอยมากมาย แต่อากัสเลือกเดินอยู่บนถนนเส้นหลักและเลี้ยวซ้ายเมื่อถึงขอบมุมของกำแพงกั้นระหว่างเขตเมืองกับเขตวังหลวง จากนั้นก็เดินไปเรื่อย ๆ ก็จะพบกับโรงเรียนผู้วิเศษทั่วไป ซึ่งเป็นโรงเรียนที่เอาไว้สอนสำหรับผู้ที่ต้องการใช้พลังเวทหรือปลุกพลังลึกลับในตัวของตัวเองให้ตื่น ซึ่งด้านซ้ายของโรงเรียนนั้นจะมีลานกว้างที่ใช้สำหรับฝึกต่อสู้อยู่ อากัสจึงเดินเข้าไปที่สนามฝึกต่อสู้นั้น

    “เอ๊ะ ถ้าจะลองใช้ดาบที่เพิ่งได้มาก็ใช้สนามในเขตวังหลวงก็ได้นี่ครับมีตั้งเยอะแยะ ทำไมถึงมาที่นี่ล่ะ” อิจิโกะถามด้วยความสงสัยและย่นคิ้วข้างหนึ่ง

    “มีเหตุผลบางอย่างที่ข้าบอกไม่ได้ และที่ข้ามาที่นี่ไม่ใช่เพราะข้าต้องการทดสอบดาบเล่มนี้หรอกนะ ข้าต้องการให้พวกเจ้าทั้งสองสู้กัน” อากัสพูดก่อนจะยื่นดาบให้กับเกลดอส “รับไปสิ”

    “เอ๊ะ จะให้ผมใช้ดาบสู้กับอิจิโกะหรือครับ”

    “แสดงพลังของดาบนั้นให้ข้าเห็นซะว่ามันเป็นดาบที่ดีที่สุดหรือเปล่า”

    เกลดอสจึงรับดาบจากมือของอากัสก่อนจะดึงดาบออกจากฝัก

    “ได้ครับ” เกลดอสวางฝักดาบไว้ที่โต๊ะใกล้ ๆ นั้น อิจิโกะดึงดาบของเขาออกจากดาบแล้วโยนฝักดาบไปยังโต๊ะจากนั้นก็เดินไปกลางสนามนั้น ซึ่งมีคนยืนดูอีกสี่ห้าคนรอบ ๆ สนาม อิจิโกะยืนตั้งท่ารอ เกลดอสเดินไปไปสนามและยืนตรงข้ามกับอิจิโกะ เขาจับดาบนั้นไว้สองมือซึ่งคมดาบเล่มนี้มีลักษณะยาวบางแต่หนักและแข็งแรงเพราะทำมาจากกินพลังอดาแมนไทน์ ด้ามจับก็ถูกออกแบบให้จับได้สบายและถนัดมือ อีกทั้งยังถูกตกแต่งด้วยอัญมณีที่มีสีแดงเลือด ส่วนคมดาบของอิจิโกะนั้นเป็นดาบที่โค้งเล็กน้อยและมีคมดาบด้านเดียว ด้ามจับก็ทำอย่างเรียบง่าย ดาบเล่มนี้มีต้นแบบจากดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่อยู่คนละจักรวาลกับดาวเมลตัน 

    “พร้อมรึยังเอ่ย” อิจิโกะพูดขึ้นพร้อมกับปล่อยพลังในตัวของเขาออกมา ทำให้เริ่มมีเปลวเพลิงออกมาจากดาบและมือของเขา 

    “พลังของนายคือไฟอย่างงั้นหรอ” เกลดอสจับดาบไว้แน่นกว่าเดิมแล้วพยายามควบคุมพลังในตัวของเขาให้ออกมา “เริ่มละนะ” 

    “เข้ามาเลย” 

    อิจิโกะวาดดาบไปข้างหน้าทำให้เพลิงจากดาบของเขาจับกลุ่มกันและพุ่งเข้าตรงไปยังเกลดอส เกสดอสหาทางที่จะหลบไม่ทันจึงใช้ดาบของเขากันเอาไว้แต่ก็ไม่ได้ผลเต็มที่ คราวนี้ถึงตาเกลดอสบุกบ้าง เขาจับลากและดาบไปกับพื้นที่เป็นหญ้า พุ่งเข้าไปใกล้ตัวอิจิโกะและงัดดาบไปข้างหน้าทำให้เปลวไฟออกมาจากดาบของเกลดอส ดาบทั้งคู่จึงปะทะกันอย่างรุนแรง ทั้งเพลิงที่ถูกปล่อยออกมาจนทำให้เกลดอสรู้สึกเหมือนกับโดนลวกทำให้ตอนกระโดดถอยหลังออกมา แต่อิจิโกะบุกไปอย่างต่อเนื่องใช้ดาบฟาดไปที่ด้านหน้าแล้วกระโดดขึ้นบนอากาศจนเกิดเป็นคลื่นเพลิง เกลดอสพยายามหลบเปลวเพลิงของอิจิโกะและใช้ดาบป้องกันเอาไว้ เมื่ออิจิโกะลงมาถึงพื้นก็วิ่งบุกเข้าไปหาเกลดอสทันที เขาจึงวาดดาบไปแนวเฉียงลงซ้ายเพื่อปล่อยเปลวเพลิงให้โจมตีใส่เกลดอสเรื่อย ๆ เกลดอสก็ทำได้เพียงให้ดาบกันเอาไว้ ดาบทั้งสองจึงปะทะกันอีกครั้ง คราวนี้เกลดอสร่ายเวททำให้ดาบของอิจิโกะหนักมากขึ้นจนหลุดมืออิจิโกะไป เกลดอสจึงกระโดดถอยหลังเพื่อหนีและตั้งท่ารอตั้งรับ ไม่นานนักเวทที่เกลดอสร่ายแก่ดาบของอิจิโกะก็หมดพลังไปอิจิโกะจึงจับดาบขึ้นมาอีกครั้ง

    “พลังเวทหรอ นักดาบใช้พลังเวทงั้นหรอ” 

    อิจิโกะรู้สึกแปลกใจที่ได้เห็นนักดาบที่ใช้พลังเวทคนแรก แต่เขาก็ไม่หวั่นใจที่ต้องเจอแบบนี้ เขาจึงจับดาบเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ยืนตั้งท่าเพื่อโจมตีเกลดอสและเปลวเพลิงเริ่มลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เปลวเพลิงกลับเยอะกว่าเดิมทำให้เกลดอสมองไม่ออกว่าอีกฝ่ายกำลังบุกมาทางไหน เกลดอสจึงวิ่งหลบไปตามขอบสนาม อิจิโกะที่เห็นเกลดอสกำลังวิ่งหนีจึงหมุนตัวพร้อมกับดาบไปเป็นรอบวงกลม

    อัคคีสลาตัน!” อิจิโกะพูดชื่อของท่าการโจมตีนั้น ทำให้เพลิงหมุนเป็นเกลียวและพุงเข้าไปหาอีกฝ่าย ทำให้เกลดอสถูกลมและเพลิงพัดจนต้องล้มลงไปกับพื้น ดาบของเกลดอสจึงหลุดจากมือและตกลงบนพื้น แต่แล้วเพลิงทั้งหมดที่อิจิโกะปล่อยออกมาก็ถูกดูดเข้าไปยังดาบของเกลดอส แต่เกลดอสไม่ทันเห็นช่วงนั้นจึงหยิบดาบขึ้นมาอย่างไม่คิดอะไร

    “งั้นจะบุกบ้างล่ะนะ” เกลดอสรู้สึกถึงพลังของดาบที่กำลังสื่อสารกับเขา ซึ่งดาบนั้นบอกให้บุกเข้าไปโจมตีที่ดาบของอิจิโกะโดยตรง เกลดอสยังรู้สึกมึนงงกับความรู้สึกนั้นทำให้อิจิโกะเข้ามาบุกซะก่อน เกลดอสจึงฟาดดาบปะทะกับไปจนดาบของอิจิโกะกระเด็นหลุดมือไปที่ข้างสนาม เปลวเพลิงจำนวนมากถูกปล่อยออกมาจากดาบของเกลดอสและยังสร้างเป็นลมพายุหมุนขนาดเล็กที่มีเปลวเพลิงเข้าไปอยู่ในลมหมุนนั้น ทำให้ดาบหลุดจากมือของเกลดอสไปอีกรอบ สนามหญ้าถูกแผดเผาไปด้วยเพลิงนั้น และจากที่อิจิโกะจะไม่รู้สึกถึงความร้อนจากเปลวเพลิงแต่เขากลับรู้สึกโดนลวกด้วยไฟร้อนเขาจึงต้องรีบดีดตัวถอยออกไป องค์จักรพรรดิิอากัสที่นั่งดูอยู่ก็เห็นว่าพลังของดาบนั้นแข็งแกร่งเกินไป 

    “เอาล่ะ การดวลจบแล้วล่ะ” อากัสผายมือออกไปข้างหน้าและรวบรวมพลังจากดาบที่เกลดอสก่อไว้ให้มารวมที่มือของเขาก่อนจะเก็บเข้าไปในร่างกาย นั่นทำให้พายุเพลิงและเปลวเพลิงที่กำลังแผดเผาสนามหญ้านั้นหายไป นั่นคือพลังบางส่วนที่อากัสใช้เพื่อหยุดพลังของดาบ “พลังจากดาบของเจ้านั้นรุนแรงกันทั้งคู่ เพลิงจากดาบของอิจิโกะจะเป็นเพลิงที่ควบคุมเอาไว้ไม่ให้มีพลังทำลายล้างมากเกินไป แต่ก็ถูกดาบของเกลดอสขโมยเปลวเพลิงเหล่านั้นไปและปล่อยมันออกมาด้วยพลังทำลายล้างที่เต็มที่ ข้าจึงต้องหยุดการดวลดาบนี้ ไหนลองบอกข้ามาสิว่าดาบของเจ้ามีความสามารถอะไร เกลดอส”

    “ดะ…ดาบเล่มนี้” เกลดอสหยิบดาบของเขาขึ้นมาและเก็บใส่ฝักดาบ “น่าจะเป็นการขโมยพลังของคนอื่นนะครับ”

    “ไม่ใช่! และจงไปหาคำตอบเอาเอง” 

    “เอ๋! แต่ดาบเล่มนี้ต้องให้กับท่านนี่ครับ” เกลดอสจึงยื่นดาบให้คืน 

    “แล้วเหตุผลที่ท่านให้พ่อของเกลดอสตีดาบเล่มนี้ขึ้นมาคืออะไรครับ” อิจิโกะเดินกลับมาพอดี จึงเอ่ยปากถาม

    “ข้าก็แค่ต้องการดาบที่แข็งแกร่งเอาไว้เป็นอาวุธสำรองของข้า เผื่อว่าใครอยากจะประลองดาบกับข้า จะได้มีดาบดี ๆ ไว้ใช้ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วล่ะ แล้วก็คิดว่าดาบนั้นคงจะมีเจ้าของที่ใช้งานได้ดีกว่าอยู่แล้วล่ะ และนี่คือข้อสรุปทั้งหมด” อากัสพูด

    “ท่านครับ ผมมีเรื่ออยากจะถาม” เกลดอสหยิบเศษผ้าในกระเป๋าของเขาออกมา

    “อะไรหรือ”

    “เศษผ้าจนเสื้อผ้าของคุณขาดเพราะเกาะกับตะปูที่อยู่ในม้านั่ง แล้วผมก็เคยเห็นลายของผ้าแบบนี้มาก่อน ที่ที่ผมเห็นมันเป็นป่าที่รอบ ๆ นั้นมีเกร็ดน้ำแข็งขึ้นอยู่เต็มไปหมดเลยครับ คุณเคยไปที่นั่นมาหรือเปล่าครับ” เกลดอสพูดพร้อมกับยื่นเศษผ้านั้นให้แก่อากัส

    “ก็อาจจะใช่ เจ้าลองเก็บไปคิดดูนะ-- ข้าต้องไปแล้วล่ะ แล้วพบกันใหม่เด็กน้อยทั้งสอง” อากัสพูดจบก็รีบเดินหลบออกไป

    “แล้วพบกันใหม่ครับ” อิจิโกะกล่าวลาก่อนจะหยิบดาบของเขาขึ้นแล้วหันกลับมามองหน้าเกลดอส “แล้วนายจะเอายังไงต่อ ดาบนั่นน่ะองค์จักรพรรดิมอบให้แก่นายนะ”

    “อะ…เอ่อ จริงด้วยสิ ผมไม่น่าพลาดเลย ถ้าตอนที่กำลังตรวจสอบอัญมณีผมไม่ทำพลาดล่ะก็คงไม่มีเลือดติดเข้าไปในอัญมณีหรอก” เกลดอสเริ่มทำหน้าหงอย 

    “มันเกิดอะไรขึ้นหรอ แล้วอัญมณีที่ว่าคืออะไร” 

    “ตอนนั้นเราแค่ทดสอบพลังของอัญมณีที่จะเอามาเสริมพลังให้กับดาบเล่มนี้น่ะ เราเลยเอาค้อนไปทุบล่ะ ฮ่า ๆ ตู้ม แสงสว่างส่องออกมาแล้วมันก็ปล่อยพลังจนทำให้ค้อนปลิวไปตกบนหลังคาบ้านเลย แล้วตอนนั้นอัญมณีก็แตกเป็นชิ้น ๆ มันปักเข้าที่มือของเราไปชิ้นนึง พอเลือดไหลอัญมณีชิ้นนั้นเลยดูดเลือดเราเข้าไป” เกลดอสจึงผายมือออกเพื่อให้อิจิโกะดูแผลที่เกิดจากการโดนเศษอัญมณีปัก ซึ่งแผลหายแล้วและทิ้งไว้เพียงรอยแผลเป็น

    “โอ้โห แล้วอัญมณีนั่นมันเป็นประเภทอะไรหรอ หินพลังธาตุ หรือว่าอัญมณีพลัง”

    “ไม่รู้สิ แต่ตอนที่ไปเจอมันน่ะ เหมือนจะมาจากอวกาศล่ะ แล้วมันก็ดูมีพลังมาก ๆ ด้วย หรือบางทีมันอาจจะเป็นอัญมณีอะไรสักอย่างที่มีพลังแข็งแกร่งมาก ๆ ก็ได้นะ ฝากไปถามเรื่องนี้กับองค์จักรพรรดิด้วยนะ” 

    “ได้สิ งั้นไปตอนนี้เลยดีกว่า”

    “แต่เราต้องกลับบ้านแล้วล่ะ เจอกันใหม่นะ” เกลดอสหยิบดาบของเขาและเดินจากสนามฝึกซ้อมต่อสู้เพื่อเดินทางกลับไปยังบ้านและคราวนี้เขาก็สามารถนั่งรถม้าได้แล้ว จึงกลับบ้านได้โดยไม่เหนื่อยและไม่ใช้เวลานาน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×