ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Starfallen Origin Series : กำเนิดเมเธอร์

    ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 10

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ค. 64


    เช้าวันรุ่งขึ้น เกลดอสสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาบนเตียงที่เขาไม่คุ้นเคยแล้วหลับลงไปต่อ อิจิโกะเดินเข้ามาในห้องนอนอย่างช้า ๆ แล้วจิ้มเอวของเกลดอสจนต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา เกลดอสจึงลุกขึ้นมาจากเตียงเพราะถูกปลุก

    “ตื่นได้แล้ว นอนบ้านคนอื่นแล้วยังตื่นสายอีกนะ” อิจิโกะว่า

    “ยังง่วงอยู่เลย ขอนอนต่อนะ” เกลดอสนอนลงไปบนเตียงอีกรอบหนึ่ง

    “ไม่ได้! ต้องรีบไปเตรียมตัวนะ ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” อิจิโกะจึงจับขาเกลดอสแล้วลากจนตกจากเตียง

    “โอ๊ย รุนแรงกันจังเลย” เกลดอสลุกขึ้นมาในสภาพที่ยังงัวเงียอยู่ อิจิโกะจึงเปิดประตูทิ้งไว้แล้วเดินออกไปจากห้องนอนและเกลดอสก็เดินตามออกไป อิจิโกะหยิบของใช้ที่เขาคิดว่าจำเป็นยัดใส่ลงไปในถุงกระเป๋าและเขาหยิบสายสะพายดาบที่ทำตั้งแต่เมื่อวานมาสะพายไว้ที่หลังเพื่อที่จะเก็บดาบของเขา หลังจากที่เกลดอสทำกิจวัตรประจำวันของเขาจนเสร็จ เขาก็เตรียมตัวที่จะไปยังท่าเรือโรดส์ แต่สิ่งเดียวที่เขาเตรียมมามีแค่เสื้อผ้ากับดาบกลาดิโอ ฟอร์ติสเท่านั้น เขาจึงฝากเสื้อผ้าทั้งหมดไว้ในถุงกระเป๋าของอิจิโกะ

    “รีบหน่อยนะ ทุกคนน่าจะไปรอที่ท่าเรือแล้วล่ะ” อิจิโกะเร่งเกลดอสในขณะที่เขายืนอยู่หน้าบ้าน

    “พร้อมแล้วล่ะ ๆ” เกลดอสถือดาบกลาดิโอแล้วเดินออกจากบ้านของอิจิโกะ แล้วทั้งคู่ก็เดินตามทางเดินเพื่อไปยังท่าเรือโรดส์ “ไม่อยู่บ้านหลายวันนายไม่กลัวมีใครจะแอบเข้าไปในบ้านหรอ”

    “ไม่เป็นไรหรอก เมืองนี้ปลอดภัยจากพวกโจรเพราะว่ามีผู้พิทักษ์ประจำเมืองน่ะ แต่ทำหน้าที่แค่ป้องกันพวกคนร้ายแอบเข้าไปขโมยของในบ้านน่ะ” อิจิโกะตอบ

    “แล้วทำไมเขาไม่ปกป้องวังหลวงด้วยล่ะ”

    “นั่นสิ….ช่วงนี้ก็ได้ยินข่าวมีคนถูกปล้นหรือถูกขโมยของในบ้านอยู่นะ แต่องค์จักรพรรดิคงจะแก้ไขแล้วล่ะ”

    แต่แล้วก็มีสัตว์ตัวใหญ่ขนฟูวิ่งตรงมาหาพวกเขาทั้งสอง ทำให้ทั้งคู่ต้องกระโดดหลบไปด้านข้าง เกลดอสมองไปที่เจ้าสัตว์ตัวใหญ่ตัวนั้นแล้วพิจารณาไปครู่หนึ่งถึงรู้ว่านั่นคืออัลคูนิตัสพร้อมกับฟรากอร์ที่ขี่อยู่บนหลังของมัน ชาวเมืองต่างจับตาจ้องมองมาที่ฟรากอร์และสัตว์เลี้ยงของเขา ฟรากอร์จึงต้องลงจากหลังของมันเพื่อพูดคุยกับเพื่อนอีกสองคน

    “สวัสดียามเช้านะ”

    “นี่มันสัตว์อันตรายนะเนี่ย ระวังหน่อยสิ" อิจิโกะบอก

    “ไม่เป็นไรหรอกน่ามันน่าจะเชื่องแล้วล่ะ ดูหน้ามันสิ” ฟรากอร์ลูบหน้าอัลคินูตัสของเขา ซึ่งมันกำลังแลบลิ้นและกระดิกหางเหมือนกับหมาน่ารัก ๆ “เราตั้งชื่อให้มันว่า ทอร์คัส เป็นอัลคูนิตัสที่แตกต่างจากตัวอื่น ๆ เพราะว่าอัลคูนิตัสตัวนี้ไม่ทำร้ายคนถ้าไม่ไปยุ่ง ถึงแม้ว่ามันจะเห็นคนเดินเต็มไปหมดแต่ก็ไม่ทำร้าย มีนิสัยชอบนอนทั้ง ๆ ที่มันเป็นนิสัยของอัลคูนิตัวขนสีแดงกับส้ม”

    “ก็ดีนะ เราไปกันเถอะ” อิจิโกะเดินหนีไปโดยไม่สนใจที่ฟรากอร์พูด เกลดอสจึงเดินตามอิจิโกะไปในไม่ช้า

    “รอด้วยสิ!” ฟรากอร์ขึ้นไปขี่หลังเจ้าทอร์คัสแล้วสั่งให้มันเดินตามอิจิโกะไป “มาด้วยกันนะ เร็วกว่าเดินเท้าเปล่านะ”

    “งั้นเราขอขึ้นด้วยสิ” เกลดอสขอร้องฟรากอร์จึงสั่งให้ทอร์คัสนั่งลงแล้วเขาก็ยื่นมือไปรับเกลดอสให้เกาะขึ้นมาที่หลังของเข้าทอร์คัส “ขอบคุณนะ”

    “อิจิโกะก็มาด้วยนะกัน” ฟรากอร์บอก

    “ไม่เป็นไรหรอก พวกนายไปก่อนได้เลย”

    ฟรากอร์โบกมือให้อิจิโกะแล้วสั่งให้ทอร์คัสวิ่งเร็วขึ้นกว่าเดิมเพื่อให้ไปถึงยังท่าเรือโรดส์ได้เร็วขึ้น แต่ถนนก็เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย และร่างกายของทอร์คัสก็ใหญ่กว่ารถม้าด้วย ทำให้มันวิ่งด้วยความเร็วที่มากกว่ารถม้าได้ลำบากแต่นั่นก็เร็วกว่าความเร็วที่อิจิโกะเดิน ฟรากอร์เริ่มมองเห็นหอคอยที่อยู่ใกล้กับท่าเรือ แต่จู่ ๆ เขาก็เห็นอิจิโกะวิ่งออกมาจากซอยเล็ก ๆ ด้านขวามือแล้ววิ่งตรงไปยังท่าเรือที่อยู่ไม่ไกล

    “ทำไมเจ้านั่นวิ่งเร็วขนาดนั้นได้ล่ะ เร็วขึ้นอีกทอร์คัส เร็วขึ้นอีก” ฟรากอร์สั่ง ทำให้ทอร์คัสเลือกที่รวบรวมแรงทั้งหมดไปที่ขาแล้วกระโดดไปข้างหน้าจนลอยขึ้นไปสูงเหมือนกับบินได้ ชาวเมืองต่างมองอัลคูนิตัสตัวใหญ่ที่กำลังลอยอยู่บนฟ้าด้วยความตกใจ

    “โดดได้สูงขนาดนี้เลยหรอครับ สุดยอดไปเลย” เกลดอสกล่าวชมทอร์คัส

    จนกระทั่งมันเริ่มลดระดับต่ำลงไปเรื่อย ๆ จนใกล้จะถึงพื้น แต่มันก็กระโดดไกลมาจนถึงท่าเรือโรดส์พอดีมันจึงเลือกที่จะตกลงไปในแม่น้ำแทนที่จะลงบนพื้นแข็ง ๆ

    “พวกนายลงไปในแม่น้ำทำไมน่ะ” เนโรถามในขณะที่เธอนั่งรอคนอื่น ๆ อยู่ที่ท่าเรือ

    แต่แล้วอิจิโกะก็วิ่งมาจนถึงท่าเรือแต่เหมือนว่าหยุดไม่อยู่จึงทำให้ตกลงไปในแม่น้ำอีกคนหนึ่ง ทั้งสามคนจึงว่ายน้ำขึ้นฝั่งในสภาพตัวเปียกปอน ส่วนเจ้าทอร์รัสก็รีบว่ายน้ำขึ้นมาแล้วสะบัดขนจนน้ำจากขนมันชกระจายไปทั่ว

    “ฟรากอร์จะเลี้ยงเจ้านี่จริง ๆ หรอ”

    “มันแตกต่างจากตัวอื่นน่ะ ไม่ได้ดุร้ายเหมือนกับอัลคูนิตัสขนสีน้ำเงินตัวอื่น” ฟรากอร์ตอบ

    “แล้วคนอื่น ๆ ยังไม่มาอีกหรอครับ” เกลดอสถามแล้วมองไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่เห็นองค์จักรพรรดิหรือเรเชลเลย

    “อีกสักพักก็คงจะมานั่นแหละ” อิจิโกะตอบ

    “อิจิโกะ แล้วกระเป๋าล่ะ” เกลดอสถามเมื่อสังเกตุเห็นว่ากระเป๋าไม่ได้อยู่กับตัวอิจิโกะ “นายทำตกน้ำหรอ”

    “เฮ้ย ใครมันกระเป๋าตกไว้แล้วไม่เก็บ มารับคืนด้วย!” เสียงตะโกนของเรเชลดังมาแต่ไกล เธอเดินมาพร้อมกับเนเรอุสที่ถือกระเป๋าของอิจิโกะเอาไว้ ฟรากอร์จึงรีบวิ่งเข้าไปรับทันที

    “ขอบคุณนะที่เอามาให้” ฟรากอร์วิ่งเข้าไปหาเนเรอุสแล้วขอกระเป๋าที่เธอถืออยู่

    “นี่ไม่ใช่ของนายนะ ของอิจิโกะต่างหาก” เนเรอุสเดินผ่านฟรากอร์ไปโดยไม่ใส่ใจ เธอจึงเอากระเป๋าไปให้กับอิจิโกะ

    “ขอบคุณนะ”

    “นั่นอะไรน่ะ” เกลดอสชี้ไปที่เรือลำหนึ่งที่ลอยอยู่บนอากาศ

    เรือลำใหญ่ที่ลอยอยู่บนอากาศค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ ๆ ท่าเรือโรดส์แต่ก็ยังลอยอยู่ แต่แล้วก็มีร่างกายร่างหนึ่งโดดลงมาจากเรือลำนั้นก่อนจะกางปีกออกแล้วบินร่อนลงมาบนพื้นดินต่อหน้าเรเชลที่ยืนมองอยู่ ปรากฎให้เห็นเป็นร่างกายที่เป็นนกยืนสองขา

    “สวัสดีครับ ผมเป็นกัปตันเรือลำนี้ คงจะพร้อมกันแล้วสินะงั้นขึ้นเรือกันได้เลยครับ” ผู้ชายคนนั้นพูดก่อนจะมีแผ่นไม้แผ่นใหญ่สองแผ่นลอยตัวลงมาจากเรือที่ลอยฟ้าแล้ววางลงบนพื้น “วางของและสัมภาระไว้ที่แผ่นไม้นี้ได้เลยส่วนอีกแผ่นหนึ่งก็ให้ทุกคนขึ้นไปยืนครับ นั่นเรียกว่าลิฟต์เพลตจะช่วยยกตัวเราให้ลอยสูงขึ้นไปได้”

    “แปลกใหม่ดีนี่นา” อิจิโกะว่าก่อนจะเอากระเป๋าของตัวเองวางไปที่แผ่นไม้ทางด้านขวา

    “เรือแบบใหม่หรือเนี่ย ไม่เคยเห็นเลยแฮะ” เรเชลพูดขณะที่เธอเดินขึ้นไปยืนบนแผ่นไม้ทางด้านซ้าย

    ทุกคนจึงนำสัมภาระทั้งหมดไปวางที่แผ่นไม้ด้านขวาแล้วขึ้นไปยืนบนแผ่นไม้ด้านซ้าย โดยมีทั้งเกลดอส อิจิโกะ เนโร ฟรากอร์ เรเชล เนเรอุส และกัปตันของเรือ แต่มีเพียงทอร์รัสเท่านั้นที่ไม่ได้ขึ้นไปกับพวกเขาเพราะมันเป็นอัลนูคิตัสที่ตัวใหญ่เกินกว่าจะยืนอยู่กับคนอื่น ๆ แผ่นไม้ทั้งสองแผ่นจึงเริ่มลอยตัวสูงขึ้น

    “ไม่ต้องกลัวนะครับ ภายในพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสของแผ่นไม้ทั้งสองนี้จะมีเวทมนตร์ที่ป้องกันไม่ให้เราล้มหรือพลัดตกลงไปข้างล่างครับ” กัปตันเรือพูดจนกระทั่งแผ่นไม้ทั้งสองลอยขึ้นไปจนชิดกับขอบเรือเพื่อให้คนได้เดินขึ้นไปบนเรือได้และทันทีที่เกลดอสก้าวขึ้นไปบนเขาก็เหลือบไปเห็นจักรพรรดิอากัสเดินออกมาจากประตูพอดี เขาจึงรีบเดินเข้าไปหา

    “ขึ้นมากันแล้วหรอ” องค์จักรพรรดิถามแล้วสังเกตเห็นว่ามีเด็กหนุ่มสามคนตัวเปียกปอนอยู่ เขาจึงผ่านมือออกไปข้างหน้าเพื่อปลดปล่อยพลังบางส่วนออกไปทำให้สามคนนั้นตัวแห้ง

    “ใช่ครับ แต่ก็ยังเหลือสัตว์เลี้ยงของฟรากอร์ที่ยังไม่ได้ขึ้นมาครับ” เกลดอสตอบ

    “แล้วนี่มันเรืออะไรกันครับทำไมถึงลอยได้ล่ะ ถ้าเป็นเรือลอยได้ก็ไม่จำเป็นต้องมาที่ท่าเรือก็ได้นี่ครับ” อิจิโกะเดินเข้ามาหาองค์จักรพรรดิทันที

    “แค่ก็ให้มันมีจุดนัดหมายน่ะ…แล้วก็เรือลำนี้ เมื่อวานได้ยินว่าอยากได้เรือที่เหาะบนฟ้าแล้วก็ไม่แตะน้ำทะเล พ่อก็เลยสร้างเรือลำนี้ทั้งคืนเลยนะ” จักรพรรดิอากัสพูดกับอิจิโกะแล้วลูบหัวที่นุ่มฟูของอิจิโกะ

    “ได้ยินที่พวกเราคุยกันด้วยหรอครับ”

    “เปล่านี่นา” จักรพรรดิอากัสรีบเปลี่ยนเรื่องแล้วไปคุยกับคนอื่นหลังจากที่เห็นว่าคนขึ้นมากันเยอะแล้ว “มากันครบรึยังเอ่ย”

    “พาหมาของผมขึ้นมาด้วยสิ” ฟรากอร์พูดพลางเกาะกับขอบเรือแล้วมองไปที่ทอร์คัสที่ยืนรออยู่ แผ่นไม้ที่ใช้รับคนจึงลอยตัวลงไปเพื่อรับเจ้าทอร์คัสที่รออยู่ด้านล่าง

    “ผมขอแนะนำตัวอีกครั้งอย่างเป็นทางการนะครับ ผมชื่อ แจ็ค เป็นเผ่าพันธุ์เทอรินอสครับ และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันเรือลำนี้ครับ” กัปตันเรือเดินมาที่ดาดฟ้าเรือแล้วแนะนำตัวกับลูกเรือคนอื่น ๆ

    “จริง ๆ การคุมเรือเหาะนี้มันก็แตกต่างจากเรือเดินสมุทรปกตินะ หวังว่าเจ้าจะทำได้นะ” จักรพรรดิอากัสพูด

    “ตอนนี้มากันครบแล้วใช่ไหม” เรเชลถามแล้วเดินสำรวจจำนวนคน “เจ็ดคน! รวมถึงเนเรอุสกับเจ้าอัลคูนิตัสสีน้ำเงิน เดี๋ยวนะ มันไม่ทำร้ายคนหรอ”

    “มันแตกต่างจากอัลคูนิตัสขนสีน้ำเงินตัวอื่น ๆ ครับ แล้วก็มีชื่อว่า ทอร์คัส” ฟรากอร์พูดก่อนจะเดินไปลูบหัวทอร์คัสที่นอนขดตัวอยู่ใกล้กับขอบเรือ

    “คนมาครบกันแล้วสินะครับ ถ้าอย่างงั้นจะเริ่มเดินเรือเลยนะครับ” กัปตันแจ๊คถามก่อนจะไปที่แท่นควบคุม “เรือเหาะลำนี้มีระบบซับซ้อนที่ซ่อนอยู่ในตัวเรือนะครับ พยายามอย่าไปยุ่งกับมันล่ะเพราะผมก็ไม่รู้ว่ามันซ่อมยังไง แล้วก็เป็นระบบการเร่งความเร็วของเรือเหาะครับ อาจจะเร็วจนทำให้ปลิวได้เลยล่ะ”

    เรือเหาะเริ่มเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ แล้วเร็วขึ้น ๆ ทุกคนต่างตื่นเต้นกับเรือที่เหาะได้บนอากาศ ชาวเมืองที่อยู่ด้านล่างก็ต่างมองมาที่เรือเหาะด้วยความตื่นเต้นและสงสัย องค์จักรพรรดิจึงโผล่ตัวออกไปแล้วโบกมือให้ชาวเมืองเห็นทั้งสองฝั่งของเรือ จนกระทั่งเรือเหาะเริ่มเคลื่อนที่เร็วขึ้นและลอยตัวสูงขึ้นไปกว่าเดิม ลอยขึ้นไปจนอยู่เหนือเมฆไม่มีใครมองเห็นพื้นดินข้างล่างอีกเลย

    “ต่อจากนี้จะเป็นการเคลื่อนที่แบบความเร็วสูงนะครับ” กัปตันแจ็คพูด ก่อนจะร่ายเวทบางอย่างวาดมือเป็นวงกลมปรากฏออกมาให้เห็นเป็นวงเวท แสงสว่างส่องออกมาจากวงเวทที่เขาอัญเชิญออกมาจากนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นแล้วปกคลุมเรือเหาะทั้งลำ

    “เคลื่อนที่แบบความเร็วสูง…” อิจิโกะทวนคำ แล้วหันไปถามกับองค์จักรพรรดิ “มันจะเร็วขนาดไหนครับ”

    “ก็เร็วจนทำให้คนปลิวและเรือพังได้เลยน่ะสิ กัปตันเรือก็เลยต้องร่ายเวทที่คุ้มกันเอาไว้ เป็นเหมือนกับโล่ที่เอาไว้ต้านทานแรงที่เรือจะได้รับจากการเคลื่อนที่ความเร็วสูง” องค์จักรพรรดิตอบ ทุกคนจึงหันมามอง

    “จะเริ่มแล้วนะครับ”

    กัปตันแจ็คพูดก่อนจะมีใบพัดใบใหญ่ปรากฏขึ้นมาที่ท้ายเรือ แล้วมันเริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว เร็วขึ้นและเร็วขึ้น จนทำให้เรือเหาะเริ่มเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่เรือเดินสมุทรทำไม่ได้ เรือเหาะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วทำให้เจ้าทอร์คัสรู้สึกเวียนหัวจนต้องไปนอนขดตัวอยู่ใกล้ ๆ กับฟรากอร์

    “ความเร็วนี้ใช้เวลาไปถึงเป้าหมายได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงครับ อาจจะประมาณสองถึงสามชั่วโมง และถ้าหากว่าเพิ่มความเร็วมากกว่านี้เวทคุ้มกันของผมก็อาจจะพังเอาได้ แล้วก็พยายามอยู่ไปยุ่งกับเวทคุ้มกันและระบบที่ห้องเครื่องยนต์นะครับ” กัปตันแจ็คบอกก่อนจะลงมาจากแท่นควบคุมแล้วกลับเข้าไปในห้องที่อยู่ในตัวเรือ

    “แล้วถ้าอยู่สูงขนาดนี้แล้วก็ไปด้วยความเร็วขนาดนี้ ถ้าเจอพวกสัตว์ปีกที่บินอยู่สูง ๆ หรือคนเผ่าอื่น ๆ ที่บินอยู่ระดับความสูงแบบนี้จะทำยังไงหรือครับ” เกลดอสถามกับองค์จักรพรรดิ

    “เวทคุ้มกันจะทำให้ไม่มีผลกับสิ่งเหล่านั้นน่ะ ก็เหมือนกับว่าสามารถทะลุผ่านไปได้” องค์จักรพรรดิตอบ

    “นี่ ๆ แล้วพวกเราจะดำลงไปในน้ำนาน ๆ ได้ยังไงหรอ” เนโรถามฟรากอร์

    “ไม่รู้สิ เธอก็ลองไปถามหัวหน้าทีมเอาสิ” ฟรากอร์ตอบก่อนจะเดินเข้าไปหาเนเรอุสที่ยืนมองเมฆลอยผ่านไปอย่างรวดเร็วจนมองไม่ทัน

    “ต่อจากนี้ ข้าจะเดินทางไปยังอาณาจักรคริสซอสด้วยตัวเอง ขอให้พวกเจ้าโชคดีนะ” องค์จักพรรดิพูดเสียงดังให้ทุกคนได้ยินก่อนที่ร่างกายจะเปล่งประกายและส่องสว่าง ร่างนั้นค่อย ๆ หายไปพร้อมกับแสงสว่างที่ริบหรี่ลง

    “ไปเร็วจังเลยแฮะ” ฟรากอร์พูด

    “อ้าว ถ้าไปแบบนั้นได้ก็น่าจะพาพวกเราไปด้วยสิ” เนโรฉงนใจ

    “ไม่เป็นไรหรอกน่า พวกเธอเป็นนักผจญภัยระดับหนึ่งนะ อยู่บนนี้ไปเถอะ” เรเชลบอกก่อนจะเดินไปนั่งบนลังไม้

    กัปตันแจ็คเดินออกมาจากห้องในตัวเรือพร้อมกับกล่องไม้เล็ก ๆ ในมือข้างหนึ่งของเขา เขาเปิดกล่องไม้นั้นออกมาและทันใดนั้นก็มีแสงสว่างที่เปล่งประกายออกมาจากกล่องไม้นั้น ทุกคนจึงเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ กัปตันแจ็คจึงหยิบสิ่งที่อยู่ข้างในออกมาให้ทุกคนได้ดู

    “นี่เป็นหินพลังธาตุประเภทหนึ่ง ในนี้ประกอบไปด้วยพลังแห่งท้องทะเล ถ้าพกไว้กับตัวจะช่วยให้ว่ายน้ำได้ดีขึ้น สามารถหายใจในน้ำได้ และทำให้อยู่ภายใต้แรงดันน้ำที่สูงได้ครับ หินพลังธาตุมีพลังที่ไม่เท่ากันบางก้อนอาจจะหมดพลังได้เร็วกว่าหินพลังธาตุประเภทเดียกัน และผมไม่รู้ว่าพวกคุณจะไปนานแค่ไหน ดังนั้นผมจะให้ไปคนละสองก้อน เก็บไว้กับตัวให้ดีนะครับและพลังจะเริ่มส่งผลเมื่อลงไปในน้ำและหยุดเมื่อขึ้นบนบก” กัปตันแจ็คอธิบายก่อนจะวางกล่องไม้นั้นลงบนลังไม้สองลังที่ตั้งสูงจนถึงอกของเขาแล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง แต่ละคนจึงเดินมาหยิบกันคนละสองก้อน

    “เตรียมพร้อมได้ดีเยี่ยมเลยแฮะ” ฟรากอร์พูด

    “แล้วมันกินได้ไหม” อิจิโกะถามกวน ๆ

    “ได้เลย นายกินมันให้หมดเลยก็ได้” เรเชลพูดประชด “เก็บไว้ให้ดีล่ะ ระวังอย่าทำตกไม่งั้นไม่รอดแน่ ตอนนี้ก็รอกันไปก่อนนะอีกนานกว่าจะถึง"

    “แล้วจุดหมายคือตรงไหนหรอครับ ลงบนเกาะใกล้ ๆ นั้นเลยหรือว่ารู้ตำแหน่งของที่ตั้งเมืองใต้น้ำแล้วหรือครับ” เกลดอสเอ่ยถามขึ้น

    “นั่นสิเมื่อวานให้เนเรอุสเอาเรื่องนี้ไปบอกกับองค์จักรพรรดิ เธอบอกว่าอะไรบ้างแล้วบอกให้ลงจอดที่ไหน” เรเชลหันไปถามเนเรอุส

    “ก็ทะเลส่วนที่ใกล้กับเกาะน่ะค่ะ แต่ว่ายังไม่รู้ว่าตำแหน่งไหนเป็นตำแหน่งที่ถูกต้องก็อาจจะเลือกลงสักที่หนึ่งแล้วว่ายน้ำหารอบ ๆ ตรงนั้นเอา” เนเรอุสตอบ

    “งั้นทุกคนก็รอไปก่อนแล้วกันนะ” เรเชลจึงกลับไปนั่งที่ลังไม้ที่เธอเคยนั่งมาก่อนหน้านี้

    จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณสองชั่วโมง ทุกคนต่างอดทนรออย่างมีความหวัง เกลดอสนั่งบนพื้นแล้วคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย อิจิโกะก็นอนพิงเกลดอสเอาไว้พร้อมกับดาบในมือของเขา ฟรากอร์นอนพิงเจ้าทอร์คัสที่มีขนนุ่มฟู ส่วนเนโรก็อ่านหนังสือที่เธอเตรียมมา เธอวาดมือเป็นรูปบางอย่างเพื่อลองใช้เวทมนตร์คาถาต่าง ๆ จากที่เธออ่านเจอในหนังสือเล่มนั้น เรเชลยังคงนั่งอยู่ที่เดิม แต่เนเรอุสไปที่ห้องเสบียงที่อยู่ในห้องใต้ท้องเรือเพื่อนำอาหารเหล่านั้นมาแบ่งให้คนอื่น ๆ กิน แต่ทันใดนั้นกัปตันแจ๊คก็เดินออกมาจากห้องที่เขาอยู่ เป็นช่วงที่เนเรอุสเดินออกมาจากห้องเสบียงพอดี

    “ตอนนี้ผมเริ่มมองเห็นเกาะที่มีเมฆสีดำปกคลุมอยู่ จะทำการลดความเร็วนะครับ” กัปตันแจ็ครีบเดินขึ้นไปบนแท่นควบคุมแล้วทำการลดความเร็วและเก็บใบพัดใหญ่ยักษ์ที่อยู่ด้านท้ายเรือ “จะลงตรงไหนกันหรือครับ” 

    อิจิโกะกับฟรากอร์ได้ยินเสียงของกัปตันเรือทั้งคู่จึงตื่นขึ้นมา

    “นั่นสิเนเรอุส ลงตรงไหนดีล่ะ” เรเชลถาม เนเรอุสจึงเดินไปดูที่ด้านล่างของเรือแล้ววิ่งไปดูที่ดาดฟ้าเรือ

    “แถวนี้ก็ได้ค่ะ” เนเรอุสตอบ

    แต่จู่ ๆ ก็มีควันพวยพุ่งออกมาอย่างรวดเร็วจากดาดฟ้าเรือ ไฟเริ่มไหม้บริเวณดาดฟ้าเรืออย่างรวดเร็วจนทำให้เนเรอุสถูกล้อมไปด้วยไฟ กัปตันแจ็คเห็นอย่างนั้นจึงรีบคลายเวทคุ้มกันออก เนโรจึงร่ายเวทเพื่อควบควมน้ำจากทะเลให้ลอยขึ้นมาแต่นั่นก็ไม่ทันเวลา ดาดฟ้าเรือเกิดระเบิดรุนแรงจนตัวเรือทั้งหมดแตกกระจายไปพร้อมกับเพลิงและควันไฟ ทุกคนกระเด็นกระจัดกระจายหากันไม่เจอ เวทมนตร์ทุกอย่างถูกคลายออกไม่มีใครสามารถใช้เวทมนตร์ของตัวเองเพื่อช่วยเหลือคนอื่น ๆ ได้จนกระทั่งทุกคนตกลงไปในทะเลกันหมด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×