ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Starfallen Origin Series : กำเนิดเมเธอร์

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 9

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ค. 64


    “องค์จักรพรรดิกำลังตามหาของล้ำค่าที่ไม่ควรตกอยู่ในมือของคนชั่วค่ะ พวกเราก็เลยถูกเลือกให้ทำภารกิจนี้ แต่ที่องค์จักรพรรดิให้เข้าร่วมกิลด์นักผจญภัยเพราะคงต้องการให้หาข้อมูลบางส่วนจากที่นี่น่ะ” เนโรอธิบาย

    “อย่างงั้นเองหรอ ถ้าพวกเธอไม่ได้โกหกหรือเจตนาร้ายพวกเราก็ยินดีให้ข้อมูล ต้องการอะไรล่ะ” เรเชลถาม

    “ตำแหน่งของเมืองใต้น้ำค่ะ” เนโรตอบพลางหันไปมองหน้าเพื่อนคนอื่น ๆ ของเธอ

    “มีใครในกิลด์นี้รู้ตำแหน่งของนครใต้สมุทรบ้าง” เรเชลตะโกนถามคนอื่น ๆ ในกิลด์นี้ด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม

    “ฉันรู้ค่ะ” หญิงสาวใส่แว่นหนาคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเรเชล “ฉันรู้ค่ะว่านครใต้สมุทรอยู่ที่ไหน”

    “ว่ามาเลย”

    ทุกคนต่างจับจ้องไปที่สาวที่ใส่แว่นคนนี้ ทำให้เธอรู้สึกกดดันจนพูดตะกุกตะกักเล็กน้อย

    “ค…ค่ะ คือว่า เรื่องของนครใต้น้ำน่ะถูกสั่งให้พูดคุยได้กับสมาชิกระดับสูงเท่านั้นนี่คะ”

    “ไม่เป็นไรหรอกฉันก็ระดับสูงนะ และยังไงเรื่องนี้ก็คงเป็นคำสั่งจากองค์จักรพรรดิด้วย พูดต่อเลย”

    “ค่ะ…คือว่าครั้งหนึ่งที่ฉันเคยผจญภัยไปกับเรือขนสินค้าของเมลตันที่จะไปส่งยังเมลตันตะวันออก มีครั้งหนึ่งที่ลูกเรือบนเรือนั้นพูดถึงนครใต้สมุทร ถ้าจะไม่ผิดพวกเขาบอกว่า ‘ใต้นี้แหละมีสมบัติล้ำค่าของจ้าวสมุทร แต่ไม่มีใครกล้าไปยุ่ง’ เขาพูดแบบนี้แหละค่ะ แต่พอพวกเขาเห็นฉันเขาก็เปลี่ยนเรื่องคุยทันที” หญิงสาวคนนั้นบอก

    “แล้วจำได้ไหมครับว่าเรือลำนั้นใช้เส้นทางเดินเรือเส้นทางไหน” ฟรากอร์ถาม

    “ก็พอจะจำได้อยู่นะคะ”

    “แล้วเธอได้สังเกตอะไรไว้อีกมั้ย ตอนที่เธอได้ยินลูกเรือพวกนั้นพูด เธอเห็นเกาะหรืออะไรบ้างไหม มันอาจจะทำให้ตามหาตำแหน่งของนครใต้สมุทรได้ง่ายขึ้นก็ได้นะ” เรเชลถามเพิ่มเติมอีก

    “เหมือนจะเห็นเกาะที่มีภูเขาที่สูงมาก ๆ ค่ะ แต่ว่าเกาะนั้นมีหมอกดำปกคลุมอยู่ด้วย คงจะเป็นที่อยู่ของอสุรกายล่ะมั้งคะ…”

    “ไปกันเลยไหมครับ” เกลดอสถาม

    “เห้ย จะรีบไปไหนเนี่ย หาข้อมูลอีกสักนิดหน่อยสิ เรายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจะดำน้ำนาน ๆ ได้ยังไง” อิจิโกะแย้ง

    “ดำน้ำได้นาน ๆ น่ะมีวิธีอยู่หรอกนะ แต่ตอนนี้ต้องหาตำแหน่งให้เจอก่อน” เรเชลบอก “แล้วเธอจำได้มั้ยว่าเกาะนั่นอยู่ไหน”

    เรเชลลุกขึ้นไปหยิบแผนที่แผ่นใหญ่ที่วางอยู่บนชั้นหนังสือแล้วกางวางลงบนโต๊ะ หญิงสาวคนนั้นจึงเข้าไปดูใกล้ ๆ

    “ไม่แน่ใจเลยค่ะ อาจจะแถวนี้” เธอแตะนิ้วลงไปบนแผนที่ ซึ่งชี้ไปยังส่วนที่เป็นเกาะโดดเดี่ยว

    “ขอบคุณนะ แค่นี้คงพอแล้วล่ะ” เรเชลยิ้มให้หญิงสาวคนนั้น “พวกนายได้ข้อมูลแล้วนี่ เอาไปคุยกันเองนะ” เรเชลลุกขึ้นแล้วเดินไปพูดคุยกับคนอื่น ๆ ในกิลด์ เกลดอสได้ยินเสียงกระดิ่งดังขึ้นในหัวของเขา และคิดว่านั่นก็คงเป็นเสียงที่นึกได้จากอะไรสักอย่าง หญิงสาวที่ใส่แว่นคนเดิมแตะไหล่เกลดอสแล้วยิ้มให้ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะของเธอ

    “เอายังไงต่อดีล่ะ จะให้องค์จักรพรรดิพาเราไปดีไหมเพราะยังไงพรุ่งนี้องค์จักรพรรดิก็ต้องผ่านทางนี้อยู่ดี” อิจิโกะถามคนอื่น ๆ

    ฟรากอร์ลุกขึ้นอย่างไม่สนใจใคร เขาเดินตรงไปหาหญิงสาวที่ใส่แว่นคนที่ช่วยให้ข้อมูล

    “มีอะไรให้ช่วยหรือคะ” เธอถามด้วยรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของฟรากอร์ละลาย เธอนั้นทั้งสวยและน่ารัก หน้าตาดีและยังดูฉลาด

    “คือว่า ผมชื่อฟรากอร์ อัลมาคัส มาจากตระกูลที่มีสายเลือดของเทพเจ้าสายฟ้ากัมปนาทเลยนะครับ แล้วคุณมีชื่อว่าอะไรล่ะ” ฟรากอร์ถาม

    เนเรอุส ซาบิร่าค่ะ ทำไมหรือคะ” เธอตอบ

    “ผมแค่อยากมาทำความรู้จักเฉย ๆ น่ะครับ” ฟรากอร์ยิ้มแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะเพื่อคุยกับเพื่อนของเขาต่อ

    แต่กลายเป็นว่าไม่มีใครคุยอะไรกันเลย เกลดอสนั่งมองรอบ ๆ และดูคนอื่นทำกิจกรรมต่าง ๆ อิจิโกะก็เท้าคางมองเกลดอสคิดอะไรเรื่อยเปื่อย และเนโรก็นั่งจดรวบรวมข้อมูลและคิดวิเคราะห์เรื่องต่าง ๆ ฟาร์กอร์เห็นอย่างนั้นจึงไม่อยากเข้าไปรบกวนเขาเลยเดินออกไปข้างนอกและนึกขึ้นได้ว่าขังอัลคูนิตัสไว้ในกรงเขาจึงรีบวิ่งออกไปดู มันกำลังนอนขดตัวอยู่อย่างสงบและหายใจแรงจนทำให้ใบไม้รอบ ๆ นั้นปลิวอยู่ตลอดเวลา ฟรากอร์จึงเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ

    “ว่าไง หยุดแล้วคุยกันดี ๆ ได้ไหม” ฟรากอร์คุยกับอัลนูคิตัส คนทั่วไปไม่ทำแบบนั้นกันทำให้ชาวเมืองที่เดินผ่านไปผ่านมาต้องมองกันด้วยความสงสัย

    อัลคูนิตัสพยายามปล่อยไฟฟ้าออกมาเพื่อจะโจมตีใส่ฟรากอร์ แต่กรงที่เขาใช้ขังมันเป็นโลหะที่เอาไว้ล่อไฟฟ้ากักเก็บไฟฟ้าไว้ภายในกรงมีเขาสร้างเป็นบาเรียป้องกันไฟฟ้าล่องหน ทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะไม่โดนไฟฟ้าของมันช็อต

    “งั้นก็อยู่เฉย ๆ ซะนะ” ฟรากอร์พูดกับมันก่อนจะเดินกลับเข้าไปในกิลด์ อัลคูนิตัสตัวนั้นจึงนอนขดตัวเหมือนเดิม

    “ไปไหนมาน่ะ” อิจิโกะถามฟรากอร์ที่เพิ่งจะเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ

    “แค่ไปดูเจ้าตัวอัลคูนิตัสที่อยู่ข้างนอกน่ะ เราว่ามันก็ดูน่าเลี้ยงอยู่นะ” ฟรากอร์ตอบ

    “เจ้านั่นอันตรายมากเลยนะ มันปล่อยไฟฟ้าใส่นายได้นะ

    “ไม่เป็นไรหรอก ยังไงก็พลังของเจ้านั่นกับเราก็เป็นพลังประเภทเดียวกัน ถ้าไม่ได้แรงมาก ๆ ก็ทำอะไรกันไม่ได้หรอก” ฟรากอร์บอก “แล้วเป็นยังไงบ้าง จดอะไรไปบ้างแล้วล่ะ” ฟรากอร์ชะเง้อหน้าไปดูกระดาษที่เนโรกำลังเขียนอยู่

    “ก็แค่เอาข้อมูลหลาย ๆ อย่างมารวมกันน่ะ” เนโรตอบ เธอวางปากกาหมึกซึมที่เป็นคอแร้งลงบนโต๊ะ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเลื่อนกระดาษไปตรงกลางโต๊ะ “ลองอ่านดูนะ พวกนายคิดว่ายังไง”

    อิจิโกะจึงยื่นหน้าเข้าไปดูใกล้ ๆ แล้วลากกระดาษมาหาตัวเอง

    “'สมบัติล้ำค่าแห่งนครใต้สมุทร อยู่ลึกสุดของมหาสมุทรสุดขอบฟ้า จงมองไปบนท้องนภา แล้วจักเห็นสิ่งที่ข้ากำลังบอก เป็นเพียงแค่คำพูดที่ส่งต่อกันมาหลายรุ่นแต่มีความหมายลึก ๆ ซ่อนอยู่' ความหมายลึก ๆ ที่ซ่อนอยู่หรอ แล้วทำไมเธอไม่เขียนบอกด้วยล่ะว่ามันมีความหมายว่ายังไง”

    “ขอโทษนะ แต่ฉันยังตีความหมายของมันไม่ได้เลย ฮ่า ๆ”

    “อย่างนี้ก็ไม่ต้องเขียนไว้ก็ได้นะว่ามีความหมายซ่อนอยู่ อ่า ๆ งั้นหัวข้อต่อไป ‘ตำแหน่งที่ตั้งของเมืองใต้น้ำอยู่ใกล้กับเมลตันตะวันออกและอยู่ใกล้กับเกาะโดดเดี่ยวที่มีหมวกสีดำปกคลุมอยู่ แต่ก็ยังไม่ทราบทิศที่แน่ชัด…ระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทางด้วยเรือ เร็วที่สุดประมาณ 2 เดือน’ นานขนาดนี้เราว่าให้องค์จักรพรรดิช่วยดีกว่านะ เพราะไหน ๆ องค์จักรพรรดิก็ต้องไปเยือนอาณาจักรคริสซอสในวันพรุ่งนี้แล้วน่ะ” อิจิโกะวางกระดาษนั้นลง เกลดอสจึงหยิบมาอ่านต่อ

    “งั้นฝากด้วยนะ” เนโรพูด

    อิจิโกะจึงลุกขึ้นเพื่อที่จะเดินไปข้างนอก เกลดอสจึงดึงแขนเอาไว้

    “รอก่อนนะอิจิโกะ” เกลดอสบอกก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปคุยกับเรเชล

    “มีอะไรหรอ”

    “ผมขอยืมแผนที่ได้ไหมครับ พอดีจะไปหาองค์จักรพรรดิน่ะครับ” เกลดอสขอร้อง เรเชลจึงพยักหน้าแล้วยิ้มให้เกลดอสเพื่อบอกว่าได้ “ขอบคุณนะครับ”

    เกลดอสจึงเดินไปหยิบแผนที่ที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วเดินตามอิจิโกะไป ทั้งคู่เดินออกไปข้างนอกแล้วพบกับกรงขังอัลคูนิตัส และมันยังนอนขดตัวนิ่งอยู่ในนั้น

    “แล้วถ้าเราขอให้องค์จักรพรรดิช่วย เขาจะช่วยพวกเรายังไงหรอ” เกลดอสถาม

    “ก็อาจจะเป็นการที่ทำให้เรือของเราเดินทางได้เร็วขึ้นกว่าเรือปกติ อาจจะล่องเรือโดยไม่ต้องให้เรือแตะน้ำเพื่อความเสียหายคลื่นน้ำน่ะ หรือถ้าองค์จักรพรรดิอยากให้มันง่ายกว่านี้แต่ใช้พลังเยอะหน่อยก็แค่ยกเรือแล้วเหาะพาเรือของเราเหาะไปด้วย แต่นั่นก็จะกินพลังงานไปเยอะมากเลยล่ะ แต่วิธีที่ง่ายสุดก็อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้นั่นแหละ” อิจิโกะตอบ

    “แต่การเดินเรือโดยที่ไม่ให้เรือแตะน้ำทะเลมันก็แปลกดีนะ ฮ่า ๆ เรือลอยฟ้า….”

    “เรือลอยฟ้าหรอ….ความคิดน่าสนใจดีนี่”

    ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเดินไปที่วังหลวงอยู่นั้น อิจิโกะก็เหลือบไปเห็นองครักษ์คนหนึ่งเดินผ่านมา เขาจึงเข้าไปถามองครักษ์คนนั้น

    “นี่คุณ องค์จักรพรรดิอยู่ไหนหรอ” อิจิโกะถาม

    “เห็นว่าเพิ่งจะออกจากวังหลวงมาน่ะครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าองค์จักรพรรดิไปที่ไหน” องครักษ์ตอบก่อนจะเดินหนีไป

    เกลดอสบังเอิญเจอพ่อของเขากำลังนั่งอยู่ในร้านกาแฟกับองค์จักรพรรดิ เขาจึงไปเรียกอิจิโกะให้เข้าไปที่ร้านกาแฟ ทั้งคู่จึงเดินเข้าไปในร้านนั้น เสียงกระดิ่งของร้านกาแฟดังขึ้นจนทำให้เกลดอสต้องเงยหน้าขึ้นไปมองที่ด้านบนของประตูร้าน อิจิโกะเห็นองค์จักรพรรดินั่งชิดกับกระจกของร้านกาแฟ เขาจึงรีบเดินดุ่ม ๆ เข้าไปหาพร้อมกับแผนที่และกระดาษแผ่นหนึ่งในมือทันที เกลดอสก็เดินตามไปอย่างช้า ๆ

    “ขอรอบกวนหน่อยนะครับ พ่อครับ เราหาข้อมูลมาได้แล้วล่ะ เหลือแค่วางแผนที่จะเดินทาง” อิจิโกะพูดกับองค์จักรพรรดิพลางวางกระดาษและแผนที่ลงบนโต๊ะ

    “อ้าว เกลดอสนี่นา” ลูเซียสโบกมือให้เกลดอสเห็น เกลดอสจึงเดินเร็วขึ้นแล้วไปยืนข้าง ๆ อิจิโกะ

    “ใครน่ะ พ่อของนายหรอ” อิจิโกะกระซิบถาม

    “พ่อครับ นี่เพื่อนของผมเอง เขาชื่ออิจิโกะ” เกลดอสบอก

    “ยินดีที่ได้รู้จักนะ ผมชื่อลูเซียสเป็นพ่อของเกลดอสเองแหละ” ลูเซียสบอก

    “แล้วได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง ไหนดูซิ” จักรพรรดิอากัสจึงหยิบกระดาษที่เขียนรายละเอียดต่าง ๆ ขึ้นมาอ่าน “อยู่ใกล้กับเมลตันตะวันออกสินะ”

    “ใช่ครับ แล้วพ่อก็จะเดินทางไปอาณาจักรคริสซอสอยู่แล้วด้วย เราเลยอยากจะให้ช่วยเรื่องการเดินทางน่ะครับ ช่วยพวกเราได้ไหมครับ” อิจิโกะขอร้องพลางคลี่แผนที่ที่ม้วนอยู่ออกมาแล้วชี้ตำแหน่งของเกาะ

    “ได้สิ ๆ เดี๋ยวจะหาวิธีให้ แล้ววันนี้ก็เตรียมตัวไว้เลยนะ พรุ่งนี้ให้มาพร้อมกันที่ท่าเรือโรดส์นะ”

    “ขอบคุณนะครับ เกลดอสเรากลับไปที่กิลด์กันเถอะ” อิจิโกะมองดูเกลดอสที่กำลังยืนคุยกับพ่อของเขาอยู่ เกลดอสจึงหันมาพยักหน้าให้ “เดี๋ยวถ้าคุยเสร็จก็ตามมานะ เดี๋ยวเราไปรอที่กิลด์” อิจิโกะจึงเดินออกไปจากร้านกาแฟทันที

    “พ่อได้งานแล้วล่ะ แล้วก็จะต้องมาทำงานอยู่ในวังหลวงเลยต้องย้ายบ้านน่ะ พรุ่งนี้พ่อจะย้ายบ้านมาอยู่ในเมืองหลวงนะ แล้วก็นะองค์จักรพรรดิก็บอกกับพ่อแล้วล่ะว่าลูกต้องทำภารกิจ ทั้งยังเข้าร่วมกิลด์นักผจญภัยแล้วก็ต้องไปต่างเมืองด้วย ขอให้โชคดีนะ เพื่อนของลูกไปนู่นแล้วล่ะ ตามไปเร็ว” ลูเซียสพูดกับเกลดอส

    “ครับ งั้นผมไปละนะ” เกลดอสเดินออกจากร้านแล้ววิ่งตามอิจิโกะที่เดินไปจนเกือบจะถึงกิลด์นักผจญภัย

    อิจิโกะและเกลดอสเดินกลับไปจนถึงกิลด์นักผจญภัย อิจิโกะจึงบอกคนอื่น ๆ ว่าพรุ่งนี้เช้าให้ทุกคนมารอที่ท่าเรือโรดส์เพื่อที่จะออกเดินทาง โดยที่องค์จักรพรรดิยังไม่ได้บอกรายละเอียดว่าจะช่วยอย่างไรบ้าง เนโรจึงไปถามสมาชิกในกิลด์คนอื่น ๆ ซึ่งมีไม่กี่คนที่จะให้คำตอบหรือให้ข้อมูลที่สำคัญกับเธอได้เลย มีเพียงแค่เนเรอุสเท่านั้นที่บอกข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เนโรจึงถามเพิ่มเติมอีกแต่เธอก็ตอบเหมือนกับที่เคยเล่าให้ฟัง จึงไม่มีอะไรเพิ่มเติมขึ้นมาเลย เรเชลเดินมาที่โต๊ะสีเหลี่มผืนผ้าแล้วเรียกให้เนโร อิจิโกะ เกลดอส และฟรากอร์มานั่งรวมกันที่โต๊ะ

    “เอาล่ะ พรุ่งนี้พวกนายจะออกเดินทางเพื่อไปผจญภัยและตามหานครใต้สมุทร และฉันมีข้อแนะนำเมื่อเข้ามาในกิลด์นี้ การเดินทางหรือผจญภัยไปที่ไหนก็ตามควรมีทีมหรือกลุ่มย่อยภายในกิลด์ แต่พวกนายก็อยู่กันเป็นทีมอยู่แล้วนี่นาดังนั้นเรามาเลือกหัวหน้ากันดีกว่า” เรเชลกล่าว

    “เห็นด้วยครับ” อิจิโกะยกมือแล้วพูด

    “โดยจากที่ฉันสังเกตมาเนโรและอิจิโกะเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำทีม เนโรนั้นเป็นคนที่ใจเย็นและคิดอะไรอย่างรอบคอบ แม้จะไม่ถูกเสมอก็เถอะแต่เธอก็ใจเย็นและตัดสินใจได้รวดเร็ว ส่วนอิจิโกะนั้นมีความมุ่งมั่นและอดทน แต่อีกสองคนคือเกลดอสและฟรากอร์ ที่ไม่ได้บอกว่าพวกนายเหมาะสมเพราะว่า เกลดอส นายเงียบเกินไปนะ พูดน้อย ไม่ค่อยคุยอะไรกันคนอื่นเลย ส่วนฟรากอร์ก็ใจร้อนและดุเดือดเลือดพล่านในบางที แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เหมาะสมกับผู้นำนะ”

    “คุณสังเกตพวกเราตอนไหนหรือคะ” เนโรถาม

    “ฉันไม่ได้สังเกตพวกเธอหรอก แต่หัวหน้ากิลด์บอกมาน่ะ” เรเชลตอบ

    “ผมใจร้อนเกินไปงั้นหรอ ไม่น่าจะใช่นะ” ฟรากอร์ท้วง

    “แต่ก็นะ ผู้ที่เหมาะสมกับเป็นผู้นำทีมของพวกนายที่สุดก็คือ….เรเชล คาร์ตันเบิร์ก เธอเหมาะที่สุดแล้ว”

    “แต่นั่นชื่อของคุณนะ” อิจิโกะท้วง

    “ใช่ ฉันรักการผจญภัยและในเมื่อการผจญภัยในครั้งนี้เป็นภารกิจจากองค์จักรพรรดิ ฉันก็จะเป็นผู้นำทีมให้พวกนายเองให้คนที่มีประสบการณ์จะเหมาะกว่า มีใครจะคัดค้านไหม” เรเชลยิ้ม

    “เชิญเลยครับ” ฟรากอร์บอก

    “งั้นก็เป็นอันตกลง ไว้เจอกันพรุ่งนี้ที่ท่าเรือโรดส์นะ แล้วกิลด์ก็ปิดเที่ยงคืนนะ เป็นเด็กเป็นเล็กอย่างกลับบ้านดึกกันล่ะ” เรเชลลุกขึ้นแล้วไปทักทายสมาชิกคนอื่น ๆ ในกิลด์

    “ผมว่าเธอก็เหมาะสมนะ” เกลดอสพูดพลางนอนฟุบลงกับโต๊ะแล้วใช้แขนพิงเอาไว้

    “นี่ก็เลยเที่ยงมาแล้วอะ หิวกันบ้างมั้ยเนี่ย ไปหาอะไรกินกันเถอะ แล้วก็ช่วงบ่ายฉันมีธุระต้องไปทำนะ” เนโรพูดก่อนจะเดินออกไปข้างนอก

    “นั่นสิไปหาอะไรกินดีกว่า” ฟรากอร์เดินออกไปข้างนอกอีกคน

    “ไปหาอะไรกินกันเถอะเกลดอส” อิจิโกะเขย่าตัวเกลดอส

    “ร้านของคุณนิโคลัสแล้วกัน” เกลดอสนั่งตัวตรงก่อนจะลุกขึ้น แล้วทั้งคู่ก็เดินออกไปข้างนอกด้วยกัน

    กระดาษแผ่นหนึ่งยังวางอยู่บนโต๊ะ เป็นกระดาษที่เนโรใช้จดรวบรวมข้อมูลแต่เธอลืมมันไว้บนโต๊ะ เนเรอุสเห็นเข้าจึงเก็บมันมาแล้วเขียนอะไรบางอย่างเพิ่มเติมลงไปในกระดาษก่อนจะวางลงบนโต๊ะเหมือนเดิม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×