ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Starfallen Origin Series : กำเนิดเมเธอร์

    ลำดับตอนที่ #1 : Prologue บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ค. 64


    หลังจากที่จักรวาลได้ก่อกำเนิดขึ้นจากพลังของเทพทั้งสาม ดาวเมลตันเป็นดาวดวงแรกที่ถูกสร้างขึ้น และถูกสร้างด้วยพลังของเทพแห่งความสมดุล เอวานิล เป็นดาวเคราะห์ดวงแรกที่มีสิ่งมีชีวิตถือกำเนิดขึ้น เป็นเวลา 4000 กว่าปีบนดาวเมลตันมีการพัฒนาและการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์ แต่ในระหว่างที่สิ่งมีชีวิตกำลังเติบโตและพัฒนานั้น ก็ได้มีภัยอันตรายจากภายนอกดาวเมลตัน ทำให้เทพแห่งผืนแผ่นดินยอมสละวิญญาณและใช้พลังทั้งหมดเพื่อปกป้องดาวเมลตันจากภัยอันตรายนั้นจนพลังนั้นกลายเป็นเศษอัญมณีที่เต็มไปด้วยพลังของเทพแห่งผืนแผ่นดินและได้กระจัดกระจายไปทั่วแผ่นดินดาวเมลตัน แต่ไม่มีใครร่วงรู้เรื่องนี้จนกระทั่งถึงปีที่ 4684 เทพองค์หนึ่งได้พบกับอัญมณีชิ้นหนึ่งที่ลอยอยู่เหนือพื้นดิน มันชิ้นเล็กและเปล่งประกาย เทพองค์นั้นรับรู้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่จึงเก็บมันมาและนำไปให้เทพแห่งความสมดุลได้ดู ไม่นานนักจึงได้มีการพูดคุยหารือเกี่ยวกับอัญมณีที่เจอนี้

    “เทพแห่งสายฟ้ากัมปนาทได้พบเจอกับอัญมณีทรงพลังชิ้นนี้ ข้ารับรู้ถึงพลังที่อยู่ภายใน สิ่งนี้เป็นสิ่งที่แตกออกมาจากแก่นพลังของเทพแห่งผืนแผ่นดินองค์ก่อนหน้านี้ ซึ่งแก่นพลังที่แตกออกนั้นได้กลายเป็นเม็ดอัญมณีและกระจัดกระจายอยู่ที่ใดสักแห่งและไม่ทราบจำนวน” เทพเอวานิลกล่าวแก่เทพทุกองค์ที่เข้าร่วมการพูดคุยครั้งนี้ในขณะที่องค์เทพเอวานิลนั้นประทับอยู่บนบัลลังก์ที่สูงและใหญ่โต

    “แล้วท่านจะทำอย่างไรกับอัญมณีชิ้นนั้น” เทพองค์หนึ่งได้เอ่ยปากถาม

    “ข้าจะเก็บรักษามันไว้ และคอยสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับชิ้นอื่น ๆ แล้วจึงทำการเก็บรวบรวมเพื่อไม่ให้พวกมนุษย์หรือปีศาจนำมันไปได้ เหล่าเทพทั้งหลายจงร่วมมือกันในเรื่องนี้เถิด” เทพเอวานิลลุกขึ้นแล้วกล่าวขอความร่วมมือกับเทพองค์อื่น “หากเทพองค์ใดประสงค์ที่จะร่วมมือเพื่อค้นหาอัญมณีชิ้นอื่น ๆ จงลุกขึ้น”

    เทพหลายองค์ที่เห็นด้วยจึงลุกขึ้น แต่ก็มีเทพบางองค์ที่ไม่เห็นด้วยและไม่สนใจจึงนั่งต่อไป แต่เทพเอวานิลไม่ได้ใส่ใจจึงสั่งให้เทพทุกองค์แยกย้ายกันได้ เทพเอวานิลจึงเข้าไปคุยกับเทพีแห่งปัญญา ลาฟิต้า 

    “ท่านลาฟิต้า ข้าอยากจะให้ท่านช่วยส่องดูเกี่ยวกับเรื่องนี้” เทพเอวานิลกล่าวขอร้องกับเทพีแห่งปัญญา เพื่อให้ส่องดูช่วงเวลาในอนาคตและทำนายโชคชะตาที่จะเกิดขึ้น ทั้งคู่จึงเดินเข้าไปในวิหารแห่งปัญญา

    “ข้าจะเริ่มแล้วนะ ข้าจำเป็นต้องใช้อัญมณีด้วย” เทพีลาฟิต้าจึงขออัญมณีจากเทพเอวานิล แล้ววางอัญมณีนั้นลงบนโต๊ะที่ตั้งอยู่กลางห้องโถงภายในวิหาร จากนั้นเทพีลาฟิต้าจึงหลับตาลง ผายมือทั้งสองข้างออกและปลดปล่อยพลังออกมาเพื่อทำการตรวจสอบอัญมณี จนผ่านไปได้สักพัก เธอก็ลืมตาขึ้นแล้วหันไปพูดคุยกับเทพเอวานิล “สงคราม ความหวัง สายเลือด” 

    “อัญมณีก้อนนี้จะทำให้เกิดสงครามในภายภาคหน้าอย่างนั้นหรือ”

    “ภัยร้ายจากสิ่งรอบตัว, ไม่ใช่หรอก แต่อัญมณีเหล่านี้จะนำมาซึ่งพลังทั้งหมดของเทพแห่งผืนแผ่นดิน หรือว่าให้ง่ายขึ้นก็คือถ้านำชิ้นอัญมณีทั้งหมดมารวมกันก็จะสามารถใช้พลังของเทพแห่งผืนแผ่นดินได้ ถึงแม้ว่าพลังนี้จะไม่เทียบเท่ากับพลังของท่านเลยแม้แต่น้อย แต่ถ้าหากพลังนี้ไปตกอยู่ในมือของผู้ที่ไม่คิดดีก็จะเกิดเรื่องไม่ดีได้ ดังนั้น คำแนะนำและคำใบ้ของข้ามีเพียงเท่านี้” เทพีลาฟิต้าจึงก้าวเท้าเดินออกไปยังประตู

    “เดี๋ยวก่อน ช่วยบอกข้าเถิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น และข้าต้องทำอย่างไร”

    “การกระทำล้วนแล้วแต่จะทำให้เกิดเป็นโชคชะตาได้ ดังนั้น ท่านจงเดินต่อไปแล้วปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตาเถิด เพราะพวกเราไม่ได้เป็นผู้กำหนด ท่านเองก็รู้ได้นี่ว่าสร้างใครมาเพื่อดูแลโชคชะตาของทุกสิ่ง” เทพีลาฟิต้าพูดจบก็เดินออกจากวิหาร เทพเอวานิลจึงกลับไปยังวิหารของตนเพื่อเก็บรักษาอัญมณีไว้ในลูกแก้วพลังที่เขาสร้างขึ้นเพื่อเอาไว้ปกป้องจากพลังด้านลบ

    เวลาผ่านไปไม่นานนัก เทพบางองค์กลับมาเพื่อขอคำแนะนำจากเทพแห่งปัญญา เทพแห่งปัญญาจึงอธิบายไปว่าตัวเองนั้นส่องเห็นอนาคตของอัญมณีเม็ดนั้นและยังเห็นสถานที่ของอัญมณีเม็ดอื่น ๆ แต่ไม่สามารถบอกกับเทพองค์อื่นได้เพราะเป็นสิ่งที่อันตรายเกินไปที่นั่นเป็นเพราะเทพแห่งปัญญาไม่เชื่อใจเทพบางองค์ 

    “ถ้าข้ารู้ที่อยู่ของอัญมณีพวกนั้น ข้าจะไปตามเก็บมาให้ครบด้วยความรวดเร็วของข้า” เทพแห่งสายฟ้ากัมปนาทพูดขึ้น

    “ข้ารู้ว่าท่านไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่ความลับอย่างหนึ่งเกี่ยวกับอัญมณีก่อนนั้นก็คือ เทพองค์ใดที่แตะต้องมันแล้วออกห่างจากอัญมณี จะไม่สามารถควบคุมพลังของอัญมณีนั้นได้และอัญมณีทุกเม็ดจะต่อต้านพลังของเทพองค์นั้น ทำให้ไม่สามารถจับต้องได้ แต่ถ้าหากถือไว้หรือเก็บไว้กับตัวตลอด เทพองค์นั้นจะควบคุมพลังของอัญมณีได้ตลอดและยังสามารถตามเก็บให้ครบได้ แต่สิ่งที่อันตรายที่สุดคือมนุษย์ ผลพลังนี้จะมีผลกับเทพเพียงเท่านั้นแต่ไม่มีผลกับมนุษย์ นี่อาจเป็นประสงค์ของเทพแห่งผืนแผ่นดินองค์ก่อนก็ได้” 

    “จะบอกว่าข้าไม่สามารถจับต้องอัญมณีเม็ดอื่น ๆ ได้อีกงั้นหรอ” เทพแห่งสายฟ้ากัมปนาทรู้สึกกลุ้มใจ

    “แล้วอนาคตที่ท่านเห็นเป็นอย่างไรบ้าง” เทพีแห่งธรรมชาติและต้นไม้โลกกล่าวถาม

    “ข้าบอกได้เพียงแค่ว่ามนุษย์จะเป็นคนรวบรวมอัญมณี ซึ่งจะเกิดสงครามในระหว่างนั้น แต่ไม่ว่าท่านจะทำอะไรก็ไม่สามารถแก้ไขโชคชะตาได้หรอกนะ” 

    ในขณะที่เทพทั้งสามองค์กำลังคุยกันอยู่ที่ลานหน้าวิหารแห่งปัญญา เทพแห่งสงคราม ออลันเดล ได้แอบดักฟังที่เทพทั้งสนามองค์คุยกันตั้งแต่ต้นจนจบ เขาจึงแอบคิดแผนชั่วร้ายก่อนที่จะโดนเทพแห่งสายฟ้ากัมปนาทจับได้ว่าแอบฟัง

    “ออลันเดล! เจ้าแอบฟังพวกเราคุยกันหรือ” เทพแห่งสายฟ้ากัมปนาทจึงรีบเข้าไปจับเทพออลันเดล

    “ท่านราเกล เฟอราเดอนัลอย่าเพิ่งใจร้อนไป ท่านออลันเดลคงจะไม่กล้าร่วมวงสนทนา ถ้าอย่างนั้นขอให้ท่านออลันเดลนำเรื่องที่ได้ยินไปบอกบิดาของท่านด้วย ท่านเทพสายฟ้าเองก็ไปด้วยสิ” เทพีแห่งธรรมชาติและต้นไม้โลก กัลเลปิล กล่าวกับเทพแห่งสายฟ้ากัมปนาทและเทพแห่งสงคราม"

    “ได้!” เทพออลันเดลตอบอย่างหนักแน่น “ถ้าเรื่องมีแค่นี้ ข้าจะไปบอกกับท่านบิดาของข้า” 

    “ข้าหวั่นใจกับนิสัยของเขามากเลย” เทพีกัลเลปิลพูดกับเทพลาฟิต้า “แล้วเห็นอะไรเกี่ยวกับเขาบ้าง”

    “ข้าเห็นเพียงสงคราม” เทพลาฟิต้าตอบก่อนจะเดินจากไป หลังจากนั้นเทพแต่ละองค์ก็แยกย้ายกัน บ้างก็ออกตามหาอัญมณี บ้างก็ไปปรึกษาเพิ่มเติมกับเทพเอวานิล แต่มีเพียงเทพแห่งสงครามเท่านั้นที่วางแผนชั่วร้ายเพื่อจะยึดพลังจากอัญมณี เทพออลันเดลรู้ว่าเทพเอวานิลนั้นไม่ได้เก็บอัญมณีไว้กับตัวซึ่งจะไม่สามารถควบคุมพลังของอัญมณีได้และยังจะโดนพลังจากอัญมณีต่อต้านให้ออกห่าง เขาจึงลอบเข้าไปในวิหารของเทพแห่งความสมดุลเพื่อไปขโมยอัญมณีแล้วหนีไปยังดาวเมลตันเพื่อไปค้นหาอัญมณีชิ้นอื่น ๆ เพื่อรวบรวมแล้วก่อสงครามเพื่อสงบต่อเทพองค์อื่น ๆ และต้องการทำตามประสงค์ของตนเองนั่นคือ อยู่เหนือหัวเทพทุกองค์เพื่อเป็นเทพที่แข็งแกร่งและมีอำนาจมากที่สุดในจักรวาล

    เทพออลันเดลขโมยอัญมณีมาสำเร็จจึงรีบหนีทันที หลังจากที่เขาออกไปจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือที่เรียกว่าสวรรค์ได้แล้วจึงสร้างปีกบนหลังและกางปีกเพื่อโบยบินลงไปยังดาวเมลตัน แต่ไม่นานนักเทพหลายองค์ก็รู้ว่าอัญมณีถูกขโมยไป ทำให้องครักษ์สวรรค์นั้นตามไปเพื่อจับตัวเทพเอวานิล เทพแห่งสายฟ้ากัมปนาทและเทพแห่งผืนแผ่นดินองค์ปัจจุบัน โคชิโร่ อากัส เดออุส มิวจิน เทพทั้งสองจึงตามองครักษห์แห่งสวรรค์เพื่อตามไปจับเทพเอวานิล เทพเอวานิลเห็นดังนั้นจึงโจมตีด้วยการสร้างหอกขึ้นแล้วปาใส่เทพและองครักษ์ที่ตามมาจับตัวเขา เทพีแห่งนภา ไคลูมินัสเห็นเหตุการณ์อยู่ไกล ๆ จึงรีบเหาะตรงไปยังเหตุการณ์จากนั้นใช้มือสะบัดไปมาควบคุมภูมิอากาศทำให้ก้อนเมฆสีดำปกคลุมรอบตัวเทพออลันเดล 

    “ดีล่ะ ไม่มีใครมองเห็นแน่” เทพออลันเดลบินตรงไปที่พื้นดิน แต่ยังไม่ทันออกไปจากกลุ่มเมฆดำก็โดนสายฟ้าของเทพแห่งสายฟ้าเข้าให้ ทำให้เขาสูญเสียปีกที่สร้างขึ้นมาและพลังเริ่มอ่อน เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้จึงร่วงหล่นลงไปอย่างไม่มีเป้าหมาย เทพออลันเดลเหลือแรงเพียงน้อยนิด เขาจึงนำอัญมณีออกมาแล้วขว้างมันออกไปจากดาวเมลตัน ก่อนที่จะถูกทำให้หมดสติด้วยพลังของเทพและองครักษ์สวรรค์ที่ตามมาจับเขา ร่างกายเริ่มมีขนนกขึ้นตามตัวและไม่นานนักก็เปลี่ยนร่างกลายเป็นนกสีดำก่อนจะตกลงไปในป่าที่มีต้นไม้หนาทึบ ทั้งเทพและองครักษ์จึงช่วยกันตามหาตัวเทพออลันเดลที่เปลี่ยนร่างเป็นนกสีดำให้เจอ แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่าการไปตามหาอัญมณีที่เทพออลันเดลได้ส่งไปในอวกาศ ซึ่งอาจจะแตกสลายไปแล้วก็ได้ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×