ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องเก็บของในจินตนาการ

    ลำดับตอนที่ #7 : LÆVA - ตำนานแห่งการจุติ : The Last Einherjar

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ย. 63


    ใบสมัคร

    Japanese # #Japan # #Samurai # #Fantasy # #Samourai # #Sakura # | Manga  figuren, Charakterdesign, Anime jungs

    “ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่ข้าตัดไม่ได้”

     

    ชื่อ-สกุล : คุโรกาเนะ ยามาโตะ (Kurogane Yamato)

    อายุ : 24 

    เพศ : ชาย

    ถิ่นฐาน : หมู่เกาะอาทิตย์อัสดง ดินแดนลับแลที่ถูกปกคลุมด้วยกลุ่มหมอกมายาที่ทำให้ไม่สามารถระบุตำแหน่งที่ตั้งที่ชัดเจนของหมู่เกาะได้ เพราะบางครั้งหมู่เกาะนี้ก็ปรากฎตัวขึ้นมาให้สัมผัส แต่บางครั้งก็ไร้ร่องรอยเหมือนกับว่ามันไม่เคยมีอยู่จริง เป็นดินแดนเอกเทศที่ไม่ต้อนรับคนนอกให้เข้ามาและไม่ยอมให้คนในออกไป มีระบอบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่มีองค์จักรพรรดิเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดเพียงพระองค์เดียว และตำแหน่งของผู้ปกครองจะต้องสืบทอดผ่านทางสายเลือดเท่านั้น ผู้คนภายในหมู่เกาะอาทิตย์อัสดงไม่เคยมีใครสามารถใช้เวทมนต์ได้เพราะถูกกลุ่มหมอกที่ปกคลุมหมู่เกาะปิดกั้นพลังเวทย์ไว้ แต่ก็ยังมีศาสตร์แห่งดวงดาว (โหราศาสตร์) เป็นศาสตร์ประจำดินแดน หากว่านับกันตามแผนที่แล้วหมู่เกาะอาทิตย์อัสดงถือว่าตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเฮเฟนการ์ด

     

    ประวัติ : ยามาโตะเป็นเด็กประหลาดที่เกิดมาจากศพของหญิงแก่ที่กำลังตั้งท้องอยู่ซึ่งลอยมาตามแม่น้ำในป่า เขาถูกพบและได้รับการเลี้ยงดูมาจากนินจาตาบอดที่เป็นผู้เหลือรอดคนสุดท้ายของตระกูลคุโรกาเนะ บ้านของเขาตั้งอยู่ในป่าลึกไร้ผู้คนทำให้ตั้งแต่ไม่เคยได้พบเจอใครมาก่อน ในทุกๆคืนเขามักจะฝันถึงสถานที่ประหลาดที่ดูเหมือนห้องโถง ภายในสถานที่นี้เต็มไปด้วยบุคคลที่ดูเหมือนนักรบจากหลากหลายสถานที่ และภายในความฝันนั้นเขายังสามารถพูดหรือแม้กระทั่งได้ยินเสียงต่างๆได้ นอกจากนั้นเขาได้รับการดูแลจากทุกคนที่นั่นเป็นอย่างดีอีกด้วย ที่นี่ตัวของเขาได้เรียนรู้ศาสตร์ที่หลากหลายจากทุกคนที่นี่ ไม่ว่าจะเป็น การอ่าน การเขียน การคำนวณ การต่อสู้ หรือแม้กระทั่งประวัติศาสตร์ ซึ่งตัวของเขาไม่ได้คิดอะไรมากและได้เรียนรู้ไปเรื่อยๆ แต่พอตื่นขึ้นมาเขากลับหลงลืมเรื่องราวที่ประสบพบเจอในความฝันทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ได้เรียนรู้หรือความสุขภายในนั้น แต่พอเขาหลับเขาก็จะกลับมาจำทุกสิ่งได้อีกครั้ง เป็นอย่างนี้เรื่อยมาจนกระทั่งวันที่เขาอายุได้ 12 ปีมันก็กลายเป็นจุดเปลื่ยนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา พ่อบุญธรรมที่เลี้ยงดูเขามาได้เสียชีวิตลงแต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเขากลับไม่ได้รู้สึกเศร้าเลยซักนิดและเมื่อยามค่ำคืนมาถึงเขาก็ได้หลับลงไปตามปกติและได้ปรากฏตัวในดินแดนฝันนี้ หากแต่คราวนี้กลับมีเรื่องราวที่แปลกประหลาดเกิดขึ้น นั้นคือทุกคนในสถานที่นี้ได้เตรียมพร้อมต่อการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้นในดินแดนนอกสถานที่นี้ และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับรู้ถึงชื่อของสถานที่นี้ วัลฮัลล่า นั่นคือนามของสถานที่แห่งนี้ สถานที่ซึ่งเป็นที่พำนักของเหล่านักรบที่สิ้นชีพไปแล้ว และเมื่อเสียงแตรแห่งกจัลลาฮอร์นได้ดังขึ้น เหล่านักรบในห้องโถงนี้ก็ได้เดินทางออกไปต่อสู้โดยที่เขาไม่สามารถตามไปได้เพราะเขาเป็นมนุษย์ไม่ใช่วิญญาณผู้วายชนม์เชกเช่นนักรบคนอื่น ทำให้เขาทำได้แต่เพียงนั่งรออยู่ภายในห้องโถงนี้เท่านั้น จนเวลาได้ล่วงเลยผ่านไปนับสัปดาห์ตั้งแต่ที่ตัวเขาไม่ได้ตื่นจากฝันนี้ ห้องโถงนี้ก็ได้เริ่มที่จะสลายไปเผยให้เขาเห็นถึงดินแดนภายนอก ที่ซึ่งสงครามที่เกิดขึ้นยังไม่จบสิ้น เมื่อหันสายตาไปทางขวาเขาก็ได้พบกับดาบใหญ่เล่มหนึ่งปักอยู่ภายในเศษซากของห้องโถง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรแต่ตัวเขากลับเดินไปที่ดาบเล่มนั้นแล้วดึงมันออกมา ด้วยพลังของดาบเล่มนั้นทำให้เขาได้มองเห็นโลกในอีกมุมมองหนึ่ง แต่ไม่นานเขาก็สลบไปเพราะร่างกายของเขาไม่สามารถรองรับมุมมองทั้งหมดได้ แต่เมื่อตื่นขึ้นมาเขากลับพบว่าตัวเองได้กลับมาที่โลกแห่งความเป็นจริงแล้ว และด้วยพลังของดาบใหญ่ที่ยังหลงเหลืออยู่ในตัวของเขาทำให้เขารับรู้ได้ว่าดินแดนแห่งนั้นได้ล่มสลายไปแล้ว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาไม่ว่าเขาจะหลับไปซักกี่ครั้งเขาก็ไม่เคยฝันถึงที่นั่นอีกเลย ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ได้ออกเดินทางเพื่อตามหาความจริงว่าทำไมเขาจึงได้ไปปรากฏตัวที่นั่น 

    ในระหว่างเดินทางเขาได้สังหารและแย่งชิงดาบของช่างตีดาบผู้ชั่วร้ายที่ได้หนีออกมาจากนิฟเฟลไฮม์ รวมถึงได้รับเบาะแสของอาณาจักรที่อยู่เบื้องนอกหมู่เกาะจากบันทึกที่ช่างตีดาบผู้นั้นพกติดตัวไว้ ทำให้เขาได้รับเป้าหมายใหม่ในการออกเดินทาง แต่ทว่าหลังจากที่ได้ลักลอบเดินทางออกจากหมู่เกาะเขาก็ต้องฝ่ากลุ่มหมอกมายาที่คอยปกปิดหมู่เกาะไว้ และถึงแม้เขาจะฝ่ากลุ่มหมอกมาได้แต่ตัวเขากับต้องประสบกับพายุที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรงจนเรืออัปปาง จนกระทั่งเขาถูกคลื่นทะเลซัดมาเกยตื้นที่เฮเฟนการ์ด เขาได้ถูกช่วยไว้โดยหญิงสาวที่ไม่ยอมพูดและตั้งแต่นั้นเขาก็อยู่กับเธอเพื่อทดแทนหนี้ชีวิตนี้มาโดยตลอด จนกระทั่งเขาได้พบบันทึกของเธอที่ถูกเขียนด้วยภาษาภาษาโบราณ ส่วนเนื้อหาข้างในเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเวทมนต์โบราณของดินแดนแห่งนี้และตำแหน่งของ ฮิมินบยอร์ก ดินแดนแห่งความปรารถนาที่สามารถดลบันดาลพรใดๆให้กลายเป็นจริงก็ได้ รวมถึงประวัติความเป็นมาของเธอและเรื่องราวของประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของโลกใบนี้ที่ไม่มีมนุษย์คนใดเคยล่วงรู้มาก่อน ซึ่งการได้อ่านสมุดบันทึกเล่มนี้ก็ได้ไขปริศนาและความข้องใจทั้งหมดไปจากจิตใจของเขา จนสุดท้ายแล้วเป้าหมายเดียวที่เหลืออยู่ของเขาก็คือการชดใช้หนี้ชีวิตให้กับหญิงสาวที่ได้ช่วยเขาไว้เท่านั้น ประจวบเหมาะกับที่ในช่วงเวลานี้ได้มีข่าวลือเกี่ยวกับสถานที่ตั้งของ ฮิมินบยอร์ก ทำให้เธอมาขอให้เขาช่วยพาออกเดินทางเพื่อทำตามความปรารถนาให้เป็นจริง ซึ่งเขาก็ตอบรับโดยไม่โต้แย้ง

     

    นิสัย : เป็นคนใจร้อนและก็มักมีปัญหาในการควบคุมอารมณ์อยู่เสมอ เย็นชา ขี้เบื่อ แต่ก็ไม่เคยละทิ้งความพยายาม มีความอดทนในบางสถานการณ์ เช่น ตอนที่ฝึกหรือต่อสู้ ชอบความท้าทาย แต่ก็ไม่เคยคิดทำอะไรเกินตัว รักษาสัญญา ไม่เคยผิดคำพูด ยึดมั่นในเกียรติ ไม่เคยไปทำร้ายผู้ที่อ่อนแอกว่าตัวเองก่อน ไร้ความปราณีต่อศัตรู ไม่เคยประมาทคู่ต่อสู้ ไม่กลัวอะไรแม้กระทั่งความตาย หรือความเจ็บปวด 

     

    ความปรารถนา : อยากให้ความปรารถนาของเฟเรียเป็นจริง เพื่อชดใช้หนี้ชีวิต

     

    ธาตุเวทมนตร์ : ไฟและสายฟ้า(สีดำ) แต่มันก็ทำให้เขาหูหนวก 

    อาวุธประจำตัว : โคคุเทน (Kokuten) ศาตราวุธต้องสาปที่ถูกหลอมขึ้นมาจากวัสดุหลากหลายชนิดโดยช่างตีดาบผู้ถูกสาปให้โดนแผดเผาด้วยไฟนรกตราบชั่วกัลปาวสาน ใบดาบสีดำล้วนที่ดำมืดที่สุดในโลกยาว 1.6 เมตรถูกสร้างขึ้นจากแร่อุกกาบาตและดวงวิญญาณที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นของยอดนักรบแห่งยุคทั้ง 666 ดวง และได้ถูกอาบย้อมด้วยเลือดของเทพีแห่งดวงตะวัน โซล กั้นดาบเป็นรูปสวัสติกะถูกสร้างขึ้นมาจากล้อของรถเทียมสุริยะ ด้ามจับสีดำสลับแดงยาว 0.4 เมตรถูกสร้างขึ้นมาโดยใช้ไม้จากเสาของศาลเจ้าร้างที่ถูกทาทับด้วยเลือดของเสือภูเขา หุ้มไว้ด้วยผ้าที่ถักทอขึ้นมาจากขนของอีกาและเส้นผมของหญิงสาวท้องแก่ที่ตายทั้งกลม มีสายโซ่เหล็กสีดำเส้นเล็กๆห้อยออกมาจากปลายด้ามดาบยาว 2 เมตรซึ่งถูกหลอมขึ้นมาจากแร่ที่ถูกสร้างขึ้นโดยมีวัสดุ 8 อย่าง ดังนี้ ร่างของสาวพรหมจรรย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ 4 ร่าง กระดูกสันหลังของมนุษย์เพศชายที่ยังมีชีวิตอยู่ เขี้ยวทั้งหมดของหมาป่าเพศผู้ ขนทั้งหมดของนกกระจอกเพศเมีย สายลมจากการกระพือปีกของนกกระเรียนสีดำ เขาทั้ง 2 ข้างของกระทิงยักษ์ หางของจิ้งจอกสีขาว 9 ตัว และสุดท้ายคือ ดวงวิญญาณของงู 8 ตัว โดยใช้เปลวเพลิงสีดำแห่งขุมนรกในการสร้างขึ้นมา และสุดท้ายปลอกดาบสีเดียวกับใบดาบที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเปลือกของตะขาบยักษ์

    เป็นดาบอาถรรพ์ที่คมที่สุดในประวัติศาสตร์ของหมู่เกาะอาทิตย์อัสดงสามารถตัดได้แม้กระทั่ง พร คำสาป และดวงวิญญาณ ส่วนปลอกดาบมีความสามารถในการปิดกั้นพลังของดาบ และโซ่มีความสามารถในการผูกจิตของดาบเข้ากับวิญญาณของผู้ใช้ทำให้สามารถเรียกดาบกลับมาหาผู้ใช้ได้ทุกเมื่อ โซ่จะปรากฏขึ้นมาก็ต่อเมื่อชักดาบเล่มนี้ออกจากฝัก ทำให้ในเวลาปกติไม่สามารถมองเห็นหรือแตะต้องโซ่นี้ได้ สามารถดูดซับพลังจากดวงอาทิตย์มาเก็บไว้ในใบดาบและปลดปล่อยออกมาในรูปของเปลวเพลิงสีดำทมิฬที่มีความร้อนดุจดั่งดวงอาทิตย์ได้ และสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ด้วยการอาบแสงอาทิตย์หรือดื่มเลือดของเจ้าของและศัตรู

    Bleach - Kurosaki Ichigo's "Tensa Zangetsu" Nodachi – Fire and Steel

    พลังเวทมนตร์ : 

    เทวาจุติ (Itan-Shin Shutsugen) - การผสานพลังของธาตุไฟและสายฟ้าเข้ากับร่างกาย โดยธาตุสายฟ้าจะเข้าไปกระตุ้นและเสริมพลังให้กับทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นพละกำลัง ความทนทาน ความเร็วการเคลื่อนที่ และความเร็วการฟื้นฟู ส่วนธาตุไฟจะใช้ห่อหุ้มร่างกายและอาวุธเหมือนอาภรณ์ (เหมือนท่า มุเงซึ : จันทร์ทลาย ของอิจิโกะ) เพื่อเสริมพลังในการโจมตีและการป้องกัน อาภรณ์เปลวเพลิงสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างให้กลายเป็นสิ่งต่างๆได้ตามแต่จินตนาการของผู้ใช้ เช่น การสร้างอวัยวะหรืออาวุธเพลิงขึ้นมา 

    ขบวนร้อยอสูร (Hyakki Yagyō) - การปลดปล่อยพลังเวทย์ออกมาผสานกับดาบแล้วชักนำเอาดวงวิญญาณที่ถูกดาบเล่มนี้สังหารให้ปรากฎตัวออกมาบนโลกในรูปแบบของมนุษย์เพลิงและอสูรอัสนีสีดำอันแสนบ้าคลั่งในรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันเพื่อโจมตีและทำลายทุกสิ่งทีขวางหน้าไม่ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรู

    มังกรเทวะพิโรธ (Ryūjin Ikari) - การรวบรวมและบีบอัดธาตุไฟและสายฟ้าให้อยู่ในรูปของมังกรแล้วส่งออกออกไปโจมตีศัตรู (ลักษณะของมังกรจะเหมือนในภาพด้านบน ส่วนท่าปล่อยการโจมตีจะเหมือนอันติของเกนจิ)

    เทพอัสนีคำราม (Raijin Hōkō) - การรวบรวมและบีบอัดธาตุสายฟ้าให้อยู่ในรูปของเสือโคร่งแล้วระเบิดพลังสายฟ้าทั้งหมดออกมาในทีเดียว จนเหมือนกับการคำรามของเสือ

    เปลวแห่งสุริยาทมิฬ (Kuroi Taiyō-En) - การบีบอัดพลังเวทย์แห่งเปลวเพลิงทั้งหมดลงไปในดาบ มันไม่ได้ทำให้ไฟไหม้หรือประทุ แต่จะทำการเผาผลาญทุกสิ่งที่สัมผัสจนไม่เหลือแม้แต่เถ้าถ่าน ด้วยความที่รอบๆใบดาบนั้นมีอุณหภูมิที่สูงมากจึงทำให้สามารถบิดเบือนกระแสอากาศและรบกวนการมองเห็นได้ (หลักการเดียวกับปรากฏการณ์มิราจ)

    เพิ่มเติม : เขาใช้วิชาดาบเทพอสุรา (Ken-Ryū Ashura) ที่เป็นเทคนิคการใช้ดาบที่ครอบคลุมถึงทุกรูปแบบของวิชาดาบ ไม่ว่าจะเป็น การเคลื่อนไหว การกำหนดจิต การป้องกัน การโจมตีระยะใกล้ การโจมตีระยะไกล และกระบวนท่าสังหาร ในการต่อสู้

    1) ย่างก้าวภูติมายา - เทคนิคการเคลื่อนที่หลบหลีกที่จะทิ้งจิตส่วนหนึ่งไว้ที่ร่างเงาที่เกิดจากการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงเพื่อหลอกลวงการรับรู้ของศัตรู เป็นเทคนิคการเคลื่อนที่ที่เหมาะสมกับพื้นที่ที่เต็มไปด้วยสิ่งกีดขวาง

    2) ก้าวพริบตาเทพมรณะ - การลบกระแสจิตของตังเองแล้วหลอมรวมสมาธิให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติเพื่อลบตัวตนออกไปจากการรับรู้ของศัตรูแล้วพุ่งตัวออกไปดวยความเร็วสูงแล้วไปโผล่ที่ข้างหลังของศัตรู เป็นเทคนิคการเคลื่อนที่ที่เหมาะสมกับการเคลื่อนที่ในพื้นที่โล่งที่ไร้ซึ่งสิ่งกีดขวาง

    3) เจตจำนงแห่งดาบ - การกำหนดจิตใจเพื่อสร้างดาบจิตภาพจำนวนนับไม่ถ้วนขึ้นมาล้อมรอบและกดดันผู้ใช้และเป้าหมายเอาไว้ เพื่อสร้างสภาวะหยุดนิ่งที่ทั้งผู้ใช้และเป้าหมายไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ แต่เพราะเขาไม่รู้สึกหวาดกลัวต่อดาบจิตภาพจึงทำให้ยังสามารถเคลื่อนไหวในสภาวะนี้ได้ เนื่องจากมันเป็นแค่ดาบจิตภาพจึงไม่สามารถสร้างความเสียหายได้จริง และหากเป้าหมายไม่รู้สึกหวาดกลัวต่อดาบจิตภาพทักษะนี้ก็ไร้ประโยชน์

    4) จิตดาบสังหาร - การผสานจิตสังหารเข้ากับดาบจิตภาพที่ถูกสร้างขึ้นมาจากดาบที่เขาถืออยู่ แล้วปลดปล่อยออกไปโจมตีศัตรู หากเป้าหมายเป็นผู้ที่มีจิตใจอ่อนแอก็จะถูกสังหารทิ้งด้วยดาบจิตภาพ แต่หากเป้าหมายเป็นผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งก็จะเห็นเป็นแค่ภาพของดาบจิตภาพที่พุ่งมาเพียงเท่านั้น ทำให้ผลลัพธ์ของกระบวนท่านี้อยู่กับสภาวะจิตใจของศัตรู สามารถป้องกันได้อย่างง่ายๆด้วยเวทย์จิตใจ

    5) การปกปักแห่งวายุ - การตวัดดาบด้วยความถี่สูงเพื่อสร้างช่องว่างสุญญากาศที่จะดึงดูดกระแสลมเข้าไปเพื่อเบื่ยงการโจมตีระยะไกลออกไปจากตัวผู้ใช้

    6) กระจกสะท้อนกลับ - การใช้ดาบปัดการโจมตีระยะใกล้ออกจากตัวผู้ใช้แล้วตวัดดาบเพื่อสวนกลับการโจมตี

    7) พายุหใบมีด - การตวัดดาบเพื่อฟันออกไปในทุกๆมุมพร้อมกันเหมือนกับพายุในช่วงเสี้ยววินาที เพื่อสร้างคุกที่ทำให้ไม่สามารถหลบหนีหรือป้องกันการโจมตีนี้ได้ เป็นกระบวนท่าที่ใช้เมื่อมีศัตรูเพียงคนเดียว

    8) วงแหวนอัคคี - การวาดดาบออกไปรอบตัวของผู้ใช้เหมือนกับวงแหวนด้วยความเร็วสูงเพื่อสร้างความร้อนขึ้นมาจากการเสียดสีจำนวนมากเพื่อตัดทุกสิ่งรอบตัวของผู้ใช้ออกไป เป็นกระบวนท่าที่เหมาะจะใช้เมื่อมีศัตรูเป็นจำนวนมาก

    9) วังวนจันทร์เสี้ยว - การตวัดดาบด้วยความเร็วสูงเพื่อสร้างคลื่นดาบที่มีความโค้งเหมือนกับบูมเมอแรงค์ แล้ววาดออกไปในระยะไกลเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งกีดขวางหรือสิ่งที่อยู่ในระยะของใบดาบ แต่จะวาดผ่านร่างของศัตรูเพียงเป้าหมายเดียว เนื่องจากเป็นการโจมตีที่จะย้อนกลับมาหาผู้ใช้เองทำให้ต้องเตรียมการสวนกลับไว้ด้วย เป็นเทคนิคการโจมตีระยะไกลในรูปแบบเจาะจงเป้าหมาย

    10) คลื่นดาบดาวตก - การตวัดดาบอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างคลื่นความร้อนจากการเสียดสีของดาบกับอากาศจนกลายเป็นไฟแล้วปลดปล่อยออกมาในรูปแบบของคลื่นดาบ เป็นเทคนิคการโจมตีระยะไกลในรูปแบบทำลายล้าง

    11) นิพพาน-เทพอสูรสบั้นดวงตะวัน - การหลอมรวมจิตใจเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับดาบแล้วตวัดฟันออกไปด้วยความเร็วสูง เนื่องจากกระบวนท่านี้เป็นการผสานเจตจำนง ความคิด ร่างกาย และวิญญาณเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับจึงสามารถปลดปล่อยพลังทำลายที่สามารถตัดทุกสรรพสิ่งได้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยอาการบาดเจ็บทั้งทางร่างกายและจิตใจในระดับมหาศาล 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×