ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ exo ] the teacher เปิดตำนานอาจารย์พันธุ์ รั่ว★ chanbaek

    ลำดับตอนที่ #2 : - t h e thecher : part 1 { 100% }

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ย. 56


               

     

     

    "ทุกก้าวของชีวิต  เป็นคนกำหนดเอง  หรือฟ้ากำหนด"

    ตอนที่ 1

                เช้าที่สดใสใครหลายๆคน  อาจจะเป็นเช้าที่มืดมิดของผม  ท่ามกลางเสียงนกร้องกับธรรมชาติรอบตัว  มันคือเสียงของลางร้าย  ที่คอยควักมือเรียกอยู่รำไร  แสงสว่างภายในชีวิตเริ่มหดหายไปทีละนิด  ทันทีที่ก้าวเข้ามาในรั้วสูงตระหง่านที่ตั้งเรียงยาวสุดลูกหูลูกตา  ตึกสูงเด่นโครงสร้างเก่าและโบราณ   หรือสิ่งที่เขาเรียกกันว่า...โรงเรียน

     

                สองขาหยุดเดินเพื่อทำใจ  ก่อนจะเดินต่อไปอย่างอ้อยอิ่ง  ซ้ายขวาเต็มไปด้วยต้นไม้สูง  ทับซ้อนกับจนเกิดเป็นที่ร่ม  คล้ายกับอุโมงค์สีเขียว  ทางเดินที่แสนเย็นสบายมีแดดเล็ดลอดเข้ามาเล็กน้อย    กลับไม่ทำให้จิตใจเย็นลงไปได้เลย 

     

                ไม่รู้ว่าโกรธ  กลัว  กังวลหรืออะไรกันแน่  ที่ผมต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้  ก็เพราะไอ้พวกหน้า เชี่ย! ทั้งหลายที่มาไถเงินผม  ทำไมต้องเป็นผมด้วยวะ  เวรเอ้ย  อยู่บ้านสบายๆไม่ต้องลำบากทำงานหาอะไร  เกาะพ่อแม่กินไปวันๆก็ดีอยู่แล้วเชียว  เพราะมัน!  ถ้าพวกมันไม่มายุ่งผมก็ไม่ต้องมีเรื่องจนถูกพ่อกับแม่เนรเทศออกมาจากบ้านหรอก !  คิดแล้วแค้น  หงุดหงิดชิบ!

     

                คงจะสงสัยสินะครับ  ทำไมเรื่องแค่นี้  แถมเป็นฝ่ายเสียเปรียบอีก  ผมถึงต้องโดนไล่ออกจากบ้านด้วย  ทั้งๆที่พ่อแม่ควรปลอบลูกรึเปล่าครับ  ที่มีคนมาไถเงินขู่กรรโชกอะไรทำนองนี้

                ยกเว้นผม  บยอนแบคฮยอน

     

              โลกของผมมันไม่เหมือนชาวบ้าน  เรียกง่ายๆเลยคือ ไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง!  เพราะผม...

              เป็นนักเลงมาก่อนยังไงล่ะ :)

     

              โลกของพวกผมต่างกันออกไป  เราจะใช้กำลังเพื่อผดุงความยุติธรรม  เราไม่ใช่นักเลงมั่วซั้วนะครับ  แต่พวกผู้ใหญ่เนี่ยสิ  ไม่เข้าโลกของพวกผมเอาซะเลย...

     

                แก๊งของเราคือแก๊งที่ใหญ่ที่สุดในโซลครับ  เราจะไม่ลุกลามกันข้ามเขต  แบ่งกันดูแลไป  มีหัวหน้า  มีรอง มีลูกน้อง  แล้วก็เด็กฝึกหัดครับ  พวกเราจะคอยสอดส่องสอดแนมในที่ที่มีการกระทำที่ไม่ถูกต้อง  เรื่องเล็กๆน้อยที่เจอกันบ่อยๆก็คือรีดไถ  เหมือนซุปเปอร์แมน  ตำแหน่งของผมในแก๊งคือ  รองหัวหน้าครับ  แน่นอนว่าใหญ่รองลงมา  อำนาจความสามารถก็ใช่ย่อย  เห็นตัวเล็กๆน่าตาดีลูกคุณหนู  ผิวขาวสีน้ำนมแบบนี้  ผมเก่งจนใครๆก็เกรงขามกันเลยทีเดียว  พูดแล้วจะหาว่าคุย 

                มีอยู่ครั้งหนึ่งเราไปดักจัดการกลุ่มผู้ค้าอาวุธข้ามชาติ  ตามจริงก็ไม่อยากทำอะไรหรอกครับ  ตำรวจก็มีไม่อยากข้ามเส้นอะนะ  ถ้ามันไม่มาเรียกเด็กฝึกหัดในแก๊งผมไปใช้ทำงานชั่วๆ  ผิดศีลธรรมแบบนั้น  ผมก็คงไม่ลงมือ...แน่นอนครับมันมีอาวุธครบมือ  มีบอดี้การ์ดชุดดำร่างถึกประมานสิบคน  ภายในสามนาที...ย้ำสามนาที!  ผมจัดการกับลูกน้องคนสนิท....

     

                เรียบครับ  สลบเหมือด

     

                แล้วทีนี้  คนเลวมันเยอะใช่มั้ยครับ  ผมคนดีก็เลยพาลูกน้องไปจัดการ  แล้วผมผิดอะไร  ตำรวจถึงไม่เข้าใจ  ไล่จับพวกผมเอาๆ  ชิส์...

     

                พวกคุณคงสงสัยล่ะสิทำไมผมออกงานเยอะจัง  แล้วหัวหน้าแก๊งล่ะ  ทำอะไร?  ประเด็นคือผมไม่อาจทราบได้เหมือนกันว่าเขาทำอะไรอยู่ที่ไหน  ผมไต่เต้าด้วยความสามารถตัวเองตั้งแต่อยู่มัธยม  ตอนนี้ก็จบมาห้าปีแล้ว  ผมก็ไม่เคยเห็นหน้าคร่าตาที่เขาพากันเรียกว่าหัวหน้าเลย  เห็นลูกน้องเล่าๆกันว่า  เป็นคนที่เก่งมากกก  แค่มองตาก็สามารถทำให้ตายได้ 

                จะบ้าเหรอ!  คนนะไม่ใช่แม่มดพ่อมด  จะได้จ้องตาแล้วตายได้น่ะ

                ไม่เคยมีใครเห็นเขา...หัวหน้าแก๊งผู้คุมรอบโซล

                ไม่เคยมีใครได้ยินแม้แต่ชื่อ.... 

                ผมว่าบางทีเขาอาจจะตัวใหญ่ล้ำบึก  เป็นนักเพาะกล้าม  มีกล้ามเป็นก้อนซิคแพคเป็นร่อง  ผิวคล้ำ หัวเล็ก  หน้าตาน่ากลัว 

                อื้มมม...แรกๆก็อยากจะเจอ  แต่หลังๆเริ่มไม่แล้วครับ ขี้เกียจ

     

                อ๋อ  อีกเหตุผลหนึ่งที่แม่ไล่ผมออกจากบ้าน  ก็เพราะว่า...ผมว่างงานครับ  ที่จริงเลือกเรียนแฟชั่นหลังจากจบม.หก  ก็ไม่ใช่อยากเรียนอะไร  แบรนดังบลาๆผมไม่ค่อยรู้จักสักเท่าไร  ที่เรียนก็เพราะมันเรียนแค่สองปี  ศิลปะเบาสมอง สบายๆชิลๆคล้ายเด็กศิลป์  ไม่ต้องสอบเข้า  ไม่ต้องอ่านหนังสือ... ก็อย่างผมเกรดรึจะไปสู้ใครเขาได้ถ้าจะเข้ามหาลัย  เกรดผมห่วยแตกมากครับ  ห่วยจนก่อนจะจบปีสาม  แม่ได้ร้องไห้ขอให้ผมทำคะแนนให้ดีในปีสุดท้าย  ผมเลยต้องไปขอร้องลูกน้องในแก๊งช่วยติวให้หน่อย   มันเก่งมากครับลูกน้องคนสนิทคนนี้  สุดท้ายผมก็ผ่าน...นี่ถ้าเกิดตอนเลื่อนขั้นเป็นรองหัวหน้า  มีทดสอบทางวิชาการ  ผมว่า...ผมคงชวดตำแหน่งแน่ๆ...

     

                เฮ้อ  เล่าตั้งนาน  เล่าให้หายเครียดครับ  สรุปง่ายๆคือแม่กับพ่อผมอยากให้หางานทำ  จะได้ไม่มีเวลาไปทะเลาะวิวาทกับใคร

                ผมทำความดีนะ  ผมผิดอะไร...

                ตั้งแต่นี้ไป...ผมจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในรั้วโรงเรียนที่แสนน่าเบื่อ  เจอคนมากหน้าหลายตา...

                เปล่าครับ  ผมไม่ได้มาเรียน...แต่ผมกำลัง

                จะเป็นอาจารย์ของโรงเรียน "เซจุน"  หรือที่เขาเรียกกันว่า  โรงเรียนผู้ดีนั่นเอง  เห็นอยู่บ้านนอกห่างไกลผู้คนแบบนี้  ขอโทษนะครับ...โรงเรียนแม่งกว้างมากกก  กินพื้นที่แถบภูเขา ป่าไม้ โรงเรียนมันถึงได้มีต้นไม้เยอะยังกับโรงเรียนในหนังเรื่องแฮรี่อะไรนั้น 

                 

               

                ตลอดทางที่เดินมา  เพื่อจะไปรายงานตัวในการทำงานวันแรก  ผมก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของคนรวยทันที  เพราะนอกจะรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว  นักเรียนที่นี่ยังหรู  ดูดี  และผู้ดีทุกคน  เครื่องแบบที่เนี้ยบแสนเนี้ยบ  อื้ม...แล้วผมจะรอดมั้ยครับ

                ที่สำคัญพวกเขามองผมกันตั้งแต่หัวจรดเท้า

                ขอโทษนะครับ  นี่ผมเลือกเสื้อที่ดูดีสุดในกระเป๋ามาแล้วนะ...

     

                ผมกำลังจะไปห้องผอ.  แต่คือผมหลงทาง  ตอนนี้เลยได้แต่เดินวนไปวนมา  ยิ่งเดินก็เหมือนจะยิ่งลึก  ยิ่งเงียบและไร้ผู้คน  บรรยากาศวังเวงคล้ายป่าช้า  ผมได้ยินเสียงเหมือนนกร้องดังก้องเป็นจังหวะในความเงียบ  ต้นไม้และหญ้ารกสูงขึ้นถึงเข่า  ไม่รู้เหมือนกันว่าเดินมาถึงจุดนี้ได้ยังไง  คือมันดูน่ากลัวมากครับ 

                รองหัวหน้าแก๊ง "มังกรหกหัว" ไม่กลัวตาย  แต่กลัวผี...

               

                อยู่แต่ในเมืองมานาน  ตรอกซอกซอยออกตรงไหน  ทางลัดไปยังไงรู้หมด  แต่ไม่เคยเดินป่าเลยหลงทาง

     

                "ไอ้เวร!"

                เฮือก!

                เสียงใครวะ

                ผมหันไปมองรอบๆ  ที่มีแต่ต้นไม้กับหญ้าสีเขียวทั้งชื้นทั้งแฉะ 

                แล้วเสียงมาจากไหน?

     

                ปึก!

                "บอกแล้วไงว่าไม่มีงะ...อึก"

                "กูบอกแล้วไงว่าอย่าให้กูลงไม้ลงมือ  เอาเงินมา!"

               

                ผมเดินหาต้นเสียงที่ก้องกังวานไปไม่นาน  ก็ต้องชะงัก...แล้วรีบหลบหลังต้นไม้ใหญ่อย่างเงียบเฉียบที่สุดทันที  ตรงนั้นมีคนกำลังเดือดร้อน  พวกเขากำลังรีดไถเงินจากนักเรียนโรงเรียนนี้ 

                เวรกรรมอะไรวะเนี่ย   อุตส่าห์จะประพฤติตัวอยู่ในระเบียบสังคมคนดีแล้วเชียว แบคฮยอนจะกลับตัวกลับใจ  ทำไมสวรรค์ต้องกลั่นแกล้งกันด้วย

                เอาไง...ดี  ไม่อยากผิดสัญญาลูกผู้ชายที่เคยกล่าวไว้  แต่จะเมินเฉยเหมือนไม่เห็นก็ไม่ได้ 

                เอาไงดี

                ผัวะ! ผัวะ!

                ภาพตรงหน้าทำผมอยากจะวิ่งเข้าไปช่วยซะให้รู้แล้วรู้รอด  สี่รุมหนึ่ง  เลวมาก  ผู้ชายร่างถึกสี่คนกำลังใช้เท้ากระทืบผู้ชายผิวขาวตัวเล็ก  ที่กำลังสั่นเป็นลูกหมาอยู่ตรงต้นไม้  กับผู้ชายผิวคล้ำร่างบางอีกหนึ่งคนที่ยืนหน้านิ่ง  กอดอกแล้วทำสีหน้าเหมือนกับง่วงนอนอย่างเซ็งๆ  ถ้าดูไม่ผิด...เขาเองก็ใส่เครื่องแบบเหมือนกัน  เครื่องแบบนักเรียนเหมือนที่ผู้เคราะห์ร้ายใส่

                ทำไมทำแบบนี้วะ  ไม่เข้าไปช่วยเพื่อนเหรอ...

               

                "อ๊ากกก" เด็กที่ถูกทำร้ายร้องขึ้น

                "มึงอย่าแหกปากมากได้มั้ย  พวกมึงก็ด้วย  ช่วยทำให้มันเงียบที  กูง่วง  กูรำคาญ!"  คนผิวคล้ำพูดขึ้น 

                "ไอ้...นาย"

                หึ!

                หนึ่งในสี่เตรียมปล่อยหมัดเข้าใส่อีก  จังหวะนี้เอง  ที่ผมทนต่อไปไม่ไหวแล้ว

     

                โธ่เว้ย!  ทนไม่ไหวต่อไปแล้ว
                "หยุดเลยนะพวกมึง
    !!"  ผมเดินวิ่งไปพร้อมตะโกนขึ้น  ท่ามกลางความเงียบสงัดมันเลยดูก้องกังวาน

                "มึงเป็นใครวะ!"

                ไม่รอช้าและแนะนำตัวใดๆทั้งสิ้น  ผมวิ่งไปจัดการพวกมันสี่คนด้วยความเร็ว  ไม่ปล่อยจังหวะให้เล็ดลอดหรือให้มันได้หายใจหายคอ

                THE END

               

                เดี๋ยวสิ  แล้วอีกคนล่ะ?

                ผมหันซ้ายหันขวาเพื่อหาอีกคน  แต่ก็ไม่พบ

                หายไปแล้ว...

                หันมาอีกทีผู้เคราะห์ร้ายก็สลบไปแล้ว...

     

                หวังว่า...เขาคงไม่เอาไปพูดอะไรนะ  อ๊ากกก  แบคฮยอนแกพลาดแล้วไง  มาทำงานวันแรกก็ชกต่อยเลย  ฮือออ  แม่คร้าบบพ่อคร้าบบ  ผมผิดไปแล้วอย่าส่งไปอยู่ค่ายกักกันเลย  ! ! !

     

                แปะแปะ

     

                หืม...เสียงใครปรบมือ?

     

                เรื่องเครียดยังไม่ทันซา  เรื่องใหม่ก็เพิ่มเข้ามาอีก  และดูเหมือนจะไม่จบสิ้น...เพราะว่ามันดันมีอีกคน...โผล่เข้ามากลางวง  พร้อมกับเสียงปรบมือสองสามที

                หาววว

     

                ชายหนุ่มปริศนา  หน้าตาหล่อเหลาจนชวนใจเต้น  ชายหนุ่มสวมแว่นสายตาขยับแว่นเล็กน้อยพอประมาณ  ก่อนเดินเข้ามาใกล้มากขึ้น  มากขึ้น  จนชิดตัวผม  ทำให้รู้ว่าเขาสูงมากแค่ไหน  เขาสูงมาก และดูสง่ามากในเวลาเดียวกัน 

     

                "หึ!"

     

                เขาก้มลงมองพวกที่นอนสลบเป็นเดนตายเมื่อกี้  ก่อนจะทำเสียงหึในลำคอ  แล้วเอาเท้าที่ใส่รองเท้าทำงานผู้ชายสีดำมันวาวเขี่ยพวกนั้นอย่างขยะแขยง  เพื่อให้หลีกทางแล้วเดินมาหาผมได้สะดวก

                ถึงหน้าเขาจะหล่อมากและท่าทางดูอบอุ่นนั่น...มันก็ไม่ช่วยให้ผมรู้สึกอึดอัดน้อยลง...ทำไมใจผมสั่นแบบนี้นะ  รู้สึกไม่ดียังไงก็ไม่รู้สิ...รอยยิ้มของเขา  ดวงตาของเขา...ที่จ้องมาที่ผมวาบหนึ่ง  มันดูสนุก...เหลือเกิน 

     

                "นะ...ไม่ดิ...เมื่อกี้ไม่เห็นอะไรใช่มั้ยครับ"  ผมถามเสียงขาดหาย

                 ทะ...ทำไม  พูดไม่ออก   

                คือผมจะไม่สามารถให้ใครรับรู้ได้ว่าตัวตนที่แท้จริงผมเป็นยังไง  แล้วในเวลาเดียวกันผมก็ถูกห้ามไม่ให้เกิดทะเลาะวิวาท  หรือชกต่อย  ไม่อย่างนั้นแม่กับพ่อจะส่งไปค่ายกักกันคนเถื่อน...

                "อ่าฮะ  แล้วคิดว่าผมเห็นอะไรงั้นเหรอครับ..."  เขาโน้มใบหน้าขาวใสเข้ามาใกล้ผม  มากขึ้น มากขึ้น  และมากขึ้น  ก่อนที่สายตาเราสองคนจะอยู่ระดับเดียวกัน "ผมแค่มานอน...แถวนี้พอดี...แล้ว"

                ตึกตัก  ตึกตัก

     

                "..."

                ผมรอคำตอบของเขาด้วยใจที่ลุ้นระทึก  หวังว่าเขาคงไม่เห็นนะ 

                "แล้วผมก็ตื่น  พอตื่นก็เจอคุณยืนอยู่ตรงนี้น่ะครับ..."

                คนตัวสูงเผยรอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย  ก่อนจะเอานิ้วไปขยี้ตาตัวเอง  พร้อมชูแขนซ้ายขึ้นบิด

    ขี้เกียจ  มือขวากระชับกระเป๋าเป้สีดำ  เป็นเชิงไล่ความขี้เกียจออกจากตัว  จากนั้นก็...

                "ไปนะครับ"

                ขยับไม่ได้...

                เฮือก!

                เพราะอะไรกันร่างกายมันไม่ขยับตามใจสั่ง  รู้สึกหนักแขนหนักขาเหลือเกิน  อยากจะหันไปมองคนร่างสูงที่ปล่อยทิ้งให้เขาเป็นแบบนี้  ความหนาวเย็นยะเยือกเข้ามาเกาะกุมหัวใจไว้เป็นระลอก  คำแรกที่ผุดขึ้นมาได้จับจิตจับใจ  กลัว  สิ่งที่ผุดขึ้นมาอย่างไม่ได้นัดหมาย  ไม่อยากคิดแบบนั้น  แต่ร่างกายกับสัมผัสได้เร็วเหลือเกิน  และปักใจว่าสิ่งนี้เรียกว่ากลัว  รอยยิ้มยมทูตเมื่อกี้

                ความรู้สึกอึดอัดจนหายใจยากลำบากนี่มันอะไรกัน  เหมือนกับหายใจไม่เต็มปอด  สายตาเริ่มพล่ามัวราวกับเป็นเป็นลม  แข้งขาอ่อนระทวยทำให้ทรุดนั่งอยู่ที่พื้น

               

                ทำไม  ถึงแบบนี้วะ!  ตั้งสติหน่อยสิ บยอนแบคฮยอน!!

     

                กว่าจะได้ไปรายงานตัวที่ห้องผอ.  ก็ปาไปเที่ยงกว่าแล้ว  ไหนจะต้องไปตอบคำถามนู่นนี่นั้นตอนถ้าไอ้เด็กแว่นไปห้องพยาบาลอีก  แล้วคุณคิดว่าผมจะรู้มั้ยครั้บ  ว่าห้องพยาบาลอยู่ไหน  ถามใครก็ไม่มีใครตอบ  เอาแต่ตกอกตกใจเป็นเจ้าเข้า  เบื่อพวกสำออยจริงๆ  สุดท้ายก็พึ่งพาใครไม่ได้นอกจากตัวเอง  วิ่งหาตามแผนที่เก่าๆที่โรงเรียนมีไว้ให้  กว่าจะไปถึงเล่นเอาลมจับ 

     

                จนในที่สุดผมก็มาห้องผอ.ได้อย่างปลอดภัย  (หลังจากที่วิ่งวนหาหลายรอบ)  ป้ายเล็กๆขนาดครึ่งเอสี่พับตามแนวยาว  ถูกแขวนไว้เหนือหัวตรงประตูไม้บานใหญ่ว่า ห้องผอ.    

     

                ผมสุดลมหายใจเข้าออกเพื่อเรียกสติ  เช็ดและปัดฝุ่นที่เสื้อออกให้เรียบร้อย 

                มือเล็กเคาะประตูสามครั้งตามหลักมารยาท  ก่อนที่จะแง้มประตูออกเล็กน้อยเพื่อสอดส่องภายในห้องให้แน่ใจก่อนว่าผอ.อยู่รึเปล่า 

                แอ๊ดดด

                ประตูไม้ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดตามสภาพความเก่า 

     

                "ทำอะไรอยู่"

                เฮือก!

     

                ตกใจสุดขีด  เมื่ออยู่ๆก็มีเสียงหวานแสนนุ่มนวลเอยภาษาเกาหลีช้าๆเหมือนหนังผี  มาทักผมจากด้านหลัง  พอหันมากปะทะเข้ากับผู้ชายที่สูงกว่าผมเล็กน้อย  นัยน์ตาน้ำตาลเข้มจดจ้องผมอย่างไม่ละวางตา  ใบหน้าขาวซีดกับปากอมชมพูหยักได้รูป  ก่อนจะหัวเราะออกมาเล็กน้อย  ทำให้ผมใจชื่นขึ้นมานิดหน่อย  มั่นใจว่าเขาไม่ใช่ผี  ในมือเขาถือแก้วกาแฟสีชาวร้อนๆไว้ในมือ

     

                "ผะ...ผมจะเข้าไปข้างในครับ"  ผมตอบกลับ 

                "อ๋อ  ฉันก็จะเข้าเหมือนกัน"  เขาพูดอย่างอารมณ์ดี  "แบคฮยอนใช่มั้ย  ใช่แบคฮยอนรึเปล่า" 

     

                "ครับ  สวัสดีครับผมบยอนแบคฮยอน  อาจารย์คนใหม่วิชาศิลปะการออกแบบพื้นฐานครับ!"

                "โห  เสียงดังฉะฉานดีจัง  จริงจังจังเลยน้า"

                "หาาา?"

                "คิกคิก  ฉันเลย์นะ  รองผอ.ของโรงเรียนแห่งนี้จ้า"  คุณเลย์พูด  ก่อนจะเปิดประตูเข้าห้องไป  และไม่ลืมที่จะกวักมือเรียกผมให้ตามเข้าไป

               

                ภายในห้องที่ตกแต่งไปด้วยไม้ซะส่วนใหญ่  ทำให้ห้องดูทึบแสง  แม้จะเปิดผ้ามานตรงกระจกบานใหญ่ออกมาก็ยังไม่สว่างมาก  ทำให้ต้องเปิดไฟสว่างสีส้มอยู่ด้านบน  แอร์ที่ถูกตั้งไว้ในอุณหภูมิที่สูง  ไม่เข้ากับบรรยากาศภายนอกเลยด้วยซ้ำ  ข้างนอกหนาวจะตายแต่กลับเปิดแอร์แทนฮิตเตอร์

               

              แปลก...

     

              หรือว่าคนที่นี่ประหลาดกันไปหมด  ไม่นานนักเราสองคนก็เดินเข้ามาถึงห้องทำงานของผอ.  ซึ่งด้านนอกจะเป็นห้องรับแขกมีเก้าอี้หลุยส์ครบชุด  ส่วนด้านให้ห้องทำงานนี่มันค่อนข้างจะ  เอ่อ...จะเรียกว่าอะไรดีล่ะ  มันค่อนข้างจะ  แบบว่า...

                มากกว่าโคตรหรูคืออะไร?

                มันประมาณนั้นเลยแหละความรู้สึก  โคตรของโคตรหรู  หรือที่เรียกว่าอลังการนั่นแหละ

     

                ผมที่กำลังตกตะลึงกับภาพสิ่งแวดล้อม  พวกข้าวของเครื่องใช้  รวมไปถึงเฟอนิเจอร์ทุกอย่าง  สุดยอด...

                อะแฮ่ม!

                เสียงไอเบาๆของใครสักคนมาหยุดอาการตะลึงของผม  ทำให้ผมต้องละสายตาจากสิ่งเหล่านั้นไปสนใจคนตรงหน้าแทน 

     

                เฮ้ย!  หล่อมาก  หล่อไม่บันยะบันยัง 

                "แบคฮยอนจ้ะ  นี่คริสผอ.โรงเรียนนี้จ้า"  คุณเลย์พูดขึ้น  แล้วก็จัดแจงวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะที่คุณคริสนั่งอยู่

     

                เหมือน...สามีภรรยาเลย

               

                เฮ้ย!  ฉันคิดอะไรวะเรา

                "มาวันแรกก็สายเลยนะครับคุณบยอนแบคฮยอน  นักเลงแห่งโซล" 

     

                ผมผงะทันทีที่ได้ยินแบบนั้น  คือ...เขารู้ได้ไง

     

                "ไม่ครับไม่ต้องตกใจขนาดนั้น  มีผมกับเลย์เท่านั้นที่รู้...ผมคริส  เป็นลูกของเพื่อนแม่คุณนั่นเอง  แล้วที่คุณเข้ามาอยู่ที่โรงเรียนนี้ได้  ก็เพราะแม่คุณฝากฝังไว้กับผม"

                อ๋อ  ก็ว่าอยู่ทำไมถึงได้มาทำงานที่แบบนี้

     

                "แล้วด้วยวุฒิที่คุณมีอยู่  บวกกับประสบการณ์ผมรู้สึกว่ายังไม่มีอะไรที่จะสามารถมาสอนได้เลย  ดังนั้นพวกเราเลยค้นหาประวัติและเฝ้าดูความสามารถ  จนในที่สุดก็รู้ว่าคุณมีความรู้ด้านการออกแบบแฟชั่นมากที่สุดในเซลล์สมอง  เราเลยเลือกให้คุณไปดำรงตำแหน่งครูประจำชั้นควบกันกับวิชาที่สอนไปเลยแล้วกัน  เพราะไหนๆก็เก่ง...เรื่องควบคุมคนอยู่แล้วนี่นา   เนอะ"

     

                ไอ้คุณคริสนี่...มันใหญ่มาจากไหนวะ  พูดซะผมเป็นคนไม่มีประวัติเลย  อยากชกแม่ง  แต่ไม่ได้...อดทนไว้แบคฮยอน

                ถ้าแกใช้กำลังอีกครั้ง  ฉันจะส่งแกไปสถานกักกันความบ้า

              เสียงพี่เล็ดลอดออกมาในความทรงจำ  เลยได้แต่ถอนหายใจแล้วยิ้มอย่างอ่อนหวาน

              "มีอะไรอีกน้า..."  คุณคริสใช้มือชันคางไว้แบบเด็กๆ แล้วขมวดคิ้วเหมือนกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง  "จริงสิ  ฉันออกกฏไว้ให้นายด้วยนะ  เผื่อนายจะทำอะไรนอกกฏฉันจะได้รายงานพ่อแม่นายทันที  เลย์จ้ะ  พี่ขอแฟ้มระเบียบการต่างๆของแบคฮยอนหน่อยสิ"

     

                เหวอออ 

                ประโยคแรกที่เขาพูดกับผมเสียงยังแข็งกระด่าง  เย็นชาแล้วก็ขี้เก๊กอยู่เลย  ไหงพอหันไปพูดกับพี่เลย์อ่อนหวานชวนระทวยแบบนั้นล่ะ  โหยไอ้เงิ้ง

     

                "อ้ะ  นี่เอกสารต่างๆ  ก่อนอ่านก็อ่านกฎที่แนบไว้แล้วเซ็นชื่อพร้อมส่งมาให้กับฉันที"

                ผมพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ  แล้วก็เอามาอ่านอย่างละเอียด 

                กฎสำหรับบยอนแบคฮยอน  ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีในการเป็นครู  ของมัธยมปลายปีสามห้องบีจะไม่เกิดการชกต่อยด้วยกำลัง  หรือทะเลาะวิวาทกับนักเรียนและเหล่าครูอาจารย์เด็ดขาด  และจะไม่ให้ใครรู้เรื่อง เรื่องที่ตัวเองเป็นนักเลงจากแก๊งโซล  จะต้องบอกกับคนอื่นว่าเป็นนักเรียนแฟชั่นแสนธรรมดา  หากแบคฮยอนไม่รักษากฎจะถูกส่งตัวไปสถานกักกันสันกานทันที  ลงชื่อ........................ขอสัญญา

     

                เอื้อก

                หลังจากอ่านจบก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ  เพราะเมื่อเช้าก็ดันมีเรื่องกับคนอื่นก่อนจะมารายงานตัว  หนึ่งปีเต็มกับการเสแสร้ง...

     

                "เซ็นด้วยนะแบคฮยอน"  คุณเลย์ที่ยืนข้างๆผอ.พูดแล้ว  ยื่นปากกามาให้

     

                ผมตัดสินใจเซ็นๆไปเพื่อตัดปัญหา  แค่สามเดือนยังจะลงแดง... 

     

                เมื่อเซ็นอะไรเสร็จเรียบร้อย  คุณคริสก็จัดการหาไกด์พาทัวร์โรงเรียนให้ผม  เวลาไปสอนจะได้ไม่หลงทางให้เสียเวลาอีก 

     

                สักพักคุณคริสก็ผายมือใหญ่ของตัวเองให้คนที่เพิ่งมาถึงนั่งลงข้างๆเก้าอี้ตัวที่ผมนั่งอยู่ 

                "เรียกมามีอะไรวะ"  คนมาใหม่มาถึงก็ถาม

                "เออ  ลูกพี่ลูกน้องกูมา  เลยอยากให้พาไปทัวร์โรงเรียนที  บ่ายนี้ไม่มีสอนนิ  แล้วก็เลยไปส่งเขาที่ห้องเรียนด้วยล่ะกัน"  พี่คริสร่ายยาว

     

                "ส่วนแบคฮยอน  นี่ตารางการสอนของเดือนนี้"  คุณเลย์ที่ยืนข้างๆจัดแจงส่งแฟ้มมาให้ผม  ผมรับแฟ้มมาก่อนที่จะแอบลอบมองในหน้าของคนที่เพ่งมาใหม่  ไม่แน่เราอาจจะได้เป็นเพื่อนกันนับตั้งแต่นี้ไปก็ได้

                หือออ???

                แล้วผมก็ต้องรู้สึกว่าคิดผิด  ที่อยากจะทำความรู้จักกับคนนี้

                "อ๋อ  นี่ชานยอลนะแบคฮยอน  นี่แบคฮยอน  รู้จักกันแล้วนะ  ออกไปได้ล่ะ"  คำพูดห้วนๆพูดไปของคุณคริสที่พูดออกมา  ยังไม่เข้าโสตประสาทของผมเลยตอนนี้

               

                "นาย!"  ผมอุทานขึ้น

                "อ้าว  คุณเมื่อตอน..."

                พรึบ!

                ผมแทบจะกระโดดฟรีคิกที่ปากเขาไปแล้ว  ติดที่ว่าเพิ่งเซ็นสัญญาไป  เลยกระโดดปิดปากเขาก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกไป

                "เฮ้  สนิทกันแล้วนี่นา  งั้นก็รีบๆออกไปได้แล้ว"

     

                เงิบ!!  ผู้ชายที่ตอนเช้าผมเจอแล้วแทบขยับร่างกายไม่ได้  มาอยู่ข้างหน้าผมแล้วครับ  แถมยังเป็นครูอีกต่างหาก 

     

                รู้สึกว่าโรงเรียนนี้แม่งมีแต่เรื่องแปลกๆ  แบคฮยอนจะเป็นคนดีมั้ยครับ!!

     







    100%
    n e x t part 2>>




     
    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×