คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter three / I look at you and see the rest of my life in front of my eyes.
I look at you and see the rest of my life in front of my eyes.
เสียงจอแจของผู้คนชวนให้เด็กสาวอึดอัด วิคตอเรียยิ้มบางๆเป็นการขอบคุณเอลฟ์ มันกระพริบตาอย่างงุนงงเล็กน้อย ก่อนจะโค้งกายเป็นการตอบกลับ และหายไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อส่งเจ้านายเสร็จสิ้น วิคตอเรียไม่ต้องกังวลสิ่งใดอีก เพราะสัมภาระของเธอเอลฟ์ประจำบ้านจัดการให้เธอแล้ว วิคตอเรียจึงมีโอกาสเดินขึ้นมาบนขบวนรถไฟ เพื่อหาตู้ในการสิงสถิตอยู่ เด็กสาวพบว่าห้องท้ายๆนั้นมีคนค่อนข้างน้อย สงสัยระยะทางไกลเกินไป ไหนจะต้องแบกสัมภาระมาอีก ตั้งแต่ห้องแรกจนถึงห้องกลาง จึงมีคนจับจองไปเกือบหมด แน่นอนว่าวิคตอเรียไม่ต้องการแชร์ห้องกับคนจำนวนมากเช่นนั้น จึงตัดปัญหามานั่งคนเดียวภายในตู้ของขบวน ตำราเล่มไม่หนาว่าด้วยเรื่องการปรุงยา เด็กสาวหยิบมันขึ้นมาอ่านเพื่อรอเวลา จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น วิคตอเรียจึงละความสนใจหันเหไปจ้องมองเด็กชายที่เปิดประตูเข้ามา
เขามีลักษณะค่อนข้างผอมรวมถึงสวมเสื้อผ้าเก่าๆ เด็กชายนั้นมีผมสีดำดวงตาสีดำราบเรียบไร้ซึ่งคลื่นแห่งความยินดีหรืออารมณ์ใดๆนอกจากคำว่า นิ่ง
"ขออนุญาตนั่งด้วยนะ"
วิคตอเรียพยักหน้าพร้อมกับตอบกับไปด้วยรอยยิ้มการค้า
"ได้เลยตามสบาย"
นัยตาสีฟ้าสว่างละความสนใจออกไปที่ด้านนอกของหน้าต่าง ทั้งที่ควรจะสนใจกับเนื้อหาภายในตำราแท้ๆ แต่อีกใจกลับรํ่าร้องเด็กชายตรงหน้า แน่นอนว่าเขามีส่วนที่คุ้นเคยในความทรงจำของเธอ แต่วิคตอเรียจำไม่ได้สักเท่าไหร่ นั่นคืออุปสรรคอีกอย่างที่ทำให้เธอเสียสมาธิ เด็กสาวปัดความคิดน่ารำคาญในหัวออกไป ก่อนจะทำใจให้นิ่งและเพ่งสมาธิกับตำราตรงหน้าอีกครั้ง เด็กชายฝั่งตรงข้ามที่จัดการกับข้าวของของเขาเสร็จ ก็หันมานั่งหลับตานิ่งไม่ไหวติง เปลือกตาสีอ่อนเปิดขึ้น และเริ่มหยิบหนังสือคาถาพื้นฐานออกมาอ่านบ้าง ซึ่งเขาเริ่มมีความรู้สึกรํ่าร้องบอกว่าเธอตรงหน้ามีอะไรบางอย่างที่สามารถเข้ากันได้ บางทีในอนาคตเธออาจจะเป็นประโยชน์แก่เขา ใช่เขาหวังไว้ว่าอย่างนั้น ในใจลึกๆได้ตอบรับเขาว่า เธอตรงหน้าเหมาะสมเป็นอย่างมาก..
รถไฟหัวจักรไอน้ำเริ่มเคลื่อนตัวออกจากชานชะลา วิคตอเรียปิดตำราเล่มหนาลง และนวดไปตามดวงตาเล็กน้อย เธอพบว่าตนเองน่าจะได้พักสายตาสักครั้ง โดยการจ้องมองการเคลื่อนที่ของธรรมชาติด้านนอกแทน เด็กชายก็เช่นกันเขาหันเหความสนใจออกมาจากหนังสือว่าด้วยเรื่องคาถา นอกหน้าต่างไม่มีสิ่งใดน่าสนใจ ยกเว้นก็แต่ธรรมชาติอันเขียวขจี คิ้วของเขาเลิกขึ้นโดยที่วิคตอเรียไม่ทันได้สังเกต เด็กสาวคนนี้เยือกเย็นได้มากกว่าที่เขาคิด งั้นในตอนที่เธอยิ้มทักทายเขา คงเป็นการสวมหน้ากากสินะ เขาแน่ใจเป็นอย่างยิ่งว่าทฤษฎีของตนเองไม่มีทางผิดพลาด เขาคาดการณ์ไม่เคยพลาด รวมถึงการสังเกตลักษณะบุคคลิกของคนที่ต้องการใช้ประโยชน์
วิคตอเรียหลับตาพักผ่อนเธอไม่ได้หลับลึกแต่อย่างใด นิสัยติดตัวของเธอคือจะไม่หลับในขณะอยู่ในสถานที่ที่มีคนไม่คุ้นเคยอยู่ แน่นอนว่าเด็กสาวอยู่กับความระแวดระวังตัวมาสักพักหนึ่ง ตั้งแต่บิดามารดาได้เสียชีวิตไป ดวงตาสีไพลินปรือขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่คนร่วมห้องจะสังเกตเห็นประกายความเศร้าในแววตานั้น เด็กชายไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก คงเพราะเขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้ ถึงจะเคยแต่ก็ไม่เผยออกมาให้ใครเห็นเด็ดขาด ในยามที่คนเราอ่อนแอย่อมต้องอยากเผยออกมาให้ใครสักคนได้รับรู้ และหวังว่าคนคนนั้นจะสามารถปลอบหัวใจที่เหี่ยวเฉาดวงนั้นได้เป็นอย่างดี เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความรู้สึกลึกซึ้งเท่าใดนัก รู้จักเพียงแค่ประโยควลีที่ใช้บอกความรู้สึก ภายในหนังสือของห้องสมุดเท่านั้น
เด็กชายไม่เอ่ยอะไรออกมา นอกจากการเบือนหน้าหนีไปจ้องมองหน้าต่าง ทิวทัศน์ด้านนอกอุดมไปด้วยธรรมชาติอันแสนจะเงียบสงบ เขารู้สาเหตุที่ดวงตาสีไพลินจ้องมองแทบไม่วางตาแล้ว จนกระทั่งผ่านมาได้สักพักหนึ่ง เธอก็เริ่มขยับตัวลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งส่งรอยยิ้มมาให้แก่เขา
"เปลี่ยนชุดก่อนหรือไม่ ถ้าหากเปลี่ยนช้าคนจะเยอะเอานะ"
วิคตอเรียทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินออกไปเปลี่ยนที่ห้องนํ้าบนขบวนรถไฟเพียงลำพัง แววตาของเด็กชายในห้องนั้นเต็มไปด้วยความลํ้าลึก แต่ไม่รู้ทำไมรอยยิ้มของเด็กสาวช่างตราตรึงใจ ไม่เคยมีใครยิ้มให้เขาแบบนั้นมาก่อน เขารู้ว่านั่นคือรอยยิ้มจอมปลอมของเธอ แน่นอนว่าเด็กชายเต็มใจที่จะน้อมรับว่านั่นคือรอยยิ้มที่มาจากใจจริง มันสวยงามเสียจนภาพลักษณ์ของเธอดูสง่างามขึ้นทันตา เขาหลับตาไล่ความคิดไร้สาระออกไปจากหัว ก่อนจะเริ่มปิดม่านและเปลี่ยนชุดตามที่เด็กสาวคนนั้นได้บอกกล่าวเอาไว้ เมื่อเปลี่ยนเสร็จแล้วจึงปลดล็อคประตู และเปิดม่านให้กลับไปตามเดิม เขานั่งไขว่ห้างอ่านหนังสือต่อด้วยท่วงท่าที่ดูมีระเบียบ วิคตอเรียที่ผ่านการเปลี่ยนชุดมาแล้ว ได้เห็นภาพนี้ก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมอง เด็กชายปิดหนังสือลงเมื่อพบว่าวิคตอเรียกลับมาแล้ว
"สวัสดี ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ทักทายเธอ"
"ฉัน ทอม ริดเดิ้ล"
นามสกุลของเขามาจากมักเกิ้ลไม่มีผิด วิคตอเรียที่มาจากเลือดบริสุทธิ์ เธอรับรู้ว่าเขาคงจะไม่ชอบแน่หากเธอท้วงติงเรื่องนามสกุลของเขา เธอจึงยิ้มและแนะนำตัวกลับไปอย่างเป็นธรรมชาติ
"ฉัน วิคตอเรีย เซลวิน"
"ยินดีที่ได้รู้จักนะ คุณริดเดิ้ล"
"เช่นกันคุณเซลวิน"
นี่คือจุดเริ่มต้นของมิตรภาพ..ที่สวยงาม
*
ปีสี่ , สลิธีริน
"สวัสดีเซลวิน"
"สวัสดีริดเดิ้ล"
หญิงสาวผมสีครีมตรงสยาย ดวงตาสีไพลินสว่าง และโครงหน้าที่เรียกได้ว่าไร้ที่ตินั้น กำลังฉีกยิ้มสดใสดูเหมือนไร้ซึ่งหน้ากาก ทอมเผลอจ้องมองเธออย่างเลื่อนลอย เมื่อได้สติจึงเข้ามานั่งด้านข้างในตู้ขบวนของเหล่าพรีเฟ็คชั้นปีสูง เธอไม่เคยเปลี่ยนไป ยกเว้นเพียงความงามที่เพิ่มมากขึ้นตามอายุขัย ทอมยอมรับว่าเซลวินเป็นคนที่สวยมาก เธอมีมารยาทที่ดีและสามารถใช้เสน่ห์ได้อย่างมีประโยชน์ เธอให้เกียรติคนอื่นเสมอไม่ว่าคนคนนั้นจะมาจากชาติตระกูลไหน รวมถึงมันสมองอันชาญฉลาดที่สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ถูกจุด อย่างรวดเร็วว่องไวคล่องแคล่ว นั่นคือนิยามสำหรับ วิคตอเรีย เซลวิน ในมุมมองของทอม
"เราคงไม่ต้องสาธยายเรื่องหน้าที่ของพรีเฟ็คมากนัก แต่อย่างไรก็ตาม..เมื่อถึงฮอกวอตส์หรือแม้กระทั่งถึงชานชาลา เราทุกคนจะต้องไปเคาะตู้บอกกล่าวกับรุ่นน้อง ฉันหวังว่าทุกคนจะเข้าใจตรงกันนะ"
เหล่าพรีเฟ็คปีสี่ต่างพยักหน้ารับพร้อมกัน ประธานนักเรียนยิ้มบางๆก่อนจะหันเหความสนใจไปที่วิคตอเรีย
"คุณเซลวินกระผมขอเสียมารยาทได้หรือไม่"
หญิงสาวผมสีครีมเงยหน้าขึ้นก่อนจะฉีกยิ้มบางๆ
"ได้สิคะ"
"ทำอย่างไรจึงจะเป็นมหาอำนาจทางด้านธุรกิจแบบคุณ? ผมนั้นสงสัยจริงๆ"
"ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ ฉันแค่สานต่อธุรกิจจากทางที่บ้าน แล้วก็ปรับเปลี่ยนรูปแบบของบริษัท รวมถึงอะไรหลายอย่าง ซึ่งมันค่อนข้างที่จะกดดันสำหรับใครบางคน ฉันอยู่และเติบโตมาเนิ่นนานกับธุรกิจเหล่านี้ จึงไม่แปลกที่ฉันจะเป็นดังที่คุณพูดหรือกล่าวอ้าง"
หลายคนในตู้รถไฟที่ได้ฟังการสนทนาของทั้งสองก็เริ่มตาลุกวาว และจดจ้องอยู่กับวิคตอเรีย เธอเป็นมหาอำนาจแห่งการค้า ของจะเป็นคำกล่าวอ้างที่ไม่ผิดนัก ดูเหมือนวิคตอเรียจะชื่นชอบมันเอามาก เธอย่อมเป็นบุคคลที่มีความทะเยอทะยาน และชื่นชอบสีทองของสกุลเงินต่างๆ ที่กำลังหลั่งไหลเข้าสู่คลังตระกูลเซลวิน มันช่างเป็นภาพที่งดงามเสียยิ่งกว่าสิ่งใด เธอเป็นคนที่โลภคำกล่าวนั้นก็ไม่ผิด อำนาจเงินตราคือสิ่งที่จะสามารถศิโรราบให้คนบางกลุ่มอยู่ใต้แทบเท้าได้ การกดคนอื่นก็เป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่วิคตอเรียไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดี พวกเขาคิดเองเออเองต่างหาก...
ดวงตาของทอมฉายแววลุกวาว ราวกับเปลวไฟที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นมาท่ามกลางป่าเขาอันเงียบสงบ เขาค่อนข้างชอบคนแบบเธอไม่น้อย อีกอย่างเธอยังถือว่าเป็นมิตรสหายคนแรก จะเรียกสหายก็ไม่อาจเต็มปากได้มากนัก ว่าไปเธอเป็นผู้หญิงคนแรกมากกว่าที่ไม่รังเกียจในสิ่งที่เขาเป็น ตลอดสามปีที่ผ่านมาเธอไม่ได้เมตตาหรือมอบความช่วยเหลือให้ แต่เธอยัดเยียดมันมาให้เขามากกว่า เธอเป็นคนหวังดีและร้ายกาจมากในเวลาเดียวกัน ทอมค่อนข้างชอบบุคลิกของวิคตอเรีย แน่นอนว่าหากมองให้ลึกลงไป เธอแทบจะฝังหน้ากากนั่นไว้บนใบหน้าแล้วด้วยซ้ำ ราวกับมันฝังจนเป็นบุคลิกลักษณะนิสัยของเจ้าหล่อนไปแล้ว ต้องเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบใดกัน จึงจะสามารถหลอมหน้ากากเข้ากับใบหน้าได้แบบเรียบสนิท ทอมก็ยังคงตั้งคำถามเกี่ยวกับตัวเธอไว้เช่นนั้น
วิคตอเรียในชุดคลุมสลิธีรินกำลังเดินไล่เคาะห้องของเด็กๆท้ายขบวนไปเรื่อย จนวนมาถึงห้องสุดท้ายที่ถือว่าเป็นอันจบงานแรกในการเป็นพรีเฟ็ค หญิงสาวโบกมือให้แก่เหล่าเด็กน้อยที่กำลังขึ้นเรือบดเพื่อชมทิวทัศน์อันงดงามของปราสาทฮอกวอตส์ ถือว่าเป็นปีที่พลาดไม่ได้ ด้วยความเป็นมิตรไมตรีของหญิงสาว ทำให้ผู้คนพบเห็นล้วนติดอยู่ในภวังค์แห่งมนต์สะกดของหล่อน ทอมจ้องการกระทำของเธอไม่วางตา ก่อนจะขึ้นรถม้าคันสุดท้าย ที่เหลือเพียงเขาและหญิงสาวผมสีครีมเท่านั้น เจ้าหล่อนยังมีรอยยิ้มน้อยๆประดับอยู่ที่มุมปากเช่นเคย เขาไม่รู้ว่าตัวเองคิดเช่นไรจึงเผลอยื่นมือไปใกล้ใบหน้าของหล่อน พร้อมกับทัดปอยผมที่ตกลงมาข้างแก้มไปไว้ด้านหลังใบหู
"อ่ะ..เอ่อ ขอบใจนะริดเดิ้ล"
วิคตอเรียชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะกลับมายิ้มหวานให้ทอมอย่างเป็นธรรมชาติ
ทั้งสองแยกตัวลงจากรถม้าที่ลากด้วยเทรสตรอล วิคตอเรียเดินเคียงคู่กับชายหนุ่มผมดำล่วงหน้าไปที่ห้องโถง เพื่อให้ทันเวลาสำหรับการคัดสรรค์เหล่าเด็กปีหนึ่ง โต๊ะอาหารมีพื้นที่ค่อนข้างมาก แต่ไม่รู้ด้วยเหตุอันใดทำไมริดเดิ้ลต้องมานั่งด้านข้าง เธอนั้นไม่ทราบเช่นกันว่าเขามีแผนอะไรที่จะนำมาใช้ประโยชน์จากเธอ การกระทำเล็กๆนั่นวิคตอเรียไม่คิดจะใส่ใจ เมื่อการคัดสรรค์บ้านได้เริ่มขึ้น วิคตอเรียยิ้มทักทายเพื่อนร่วมบ้านพอประปรายก่อนที่เธอจะนั่งจ้องมองการคัดสรรค์ด้วยอารมณ์ที่เบื่อหน่าย หากเป็นเด็กบ้านอื่นทางเราสลิธีรินจะปรบมือให้พอเป็นพิธี แต่หากเป็นเด็กตระกูลเลือดบริสุทธิ์ที่ถูกคัดสรรค์เข้าที่บ้านแห่งนี้ พวกเราจะปรบมือแสดงความยินดีอย่างล้นหลาม นั่นคือตัวกำหนดบรรทัดฐานของลำดับชั้น ว่าคุณมีค่าแค่ไหน.. สังคมมันก็เป็นเช่นนี้การแบ่งชนชั้นทางสังคม ต่อให้จะอยู่ในสถานศึกษาหรืออะไรใดๆก็ตาม
วิคตอเรียนั่งฟังศาสตราจารย์ดิพพิตอภิปรายอยู่สักพัก เมื่อได้เวลาอาหารเย็นเด็กทุกคนต่างพากันรับประทานอาหารตรงหน้า วิคตอเรียหยิบซุปของโปรดขึ้นมานั่งตักทาน การทานไม่ได้ดำเนินไปรวดเร็ว แต่ทว่าการทานไม่หยุดนั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดี ว่าหญิงสาวชื่นชอบอาหารของที่นี่มาก เมื่ออิ่มแล้วจึงวางช้อนลงเป็นอันเสร็จ มือบางหยิบผ้ามาซับมุมปาก ก่อนจะเหลือบตามองคนข้างกาย ทอมนั้นเขานั่งรับประทานอาหารอย่างสุภาพ ต่างจากเด็กกริฟฟินดอร์ขนานแท้ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอขัดเคืองใจก็คือ ฟลีมอนร์ พอตเตอร์ เจ้าของสายตานั้นไม่คิดจะปกปิดมันเลยสักนิด เจ้าตัวตามตอแยเธอมาตั้งแต่ปีสอง มันเป็นอะไรที่น่ารำคาญมากในเมื่อเขามาคอยตามจี้ตามจิกกันอยู่เช่นนี้ หากจะขอให้ใครสักคนมาเล่นบทเป็นแฟนหนุ่ม ก็เกรงว่าประเด็นนี้จะมีแต่ทำให้เธอใช้ชีวิตได้ยากขึ้นเสียเปล่า ไม่ว่าทางไหนก็ล้วนแต่ยํ่าแย่ทั้งนั้น
ชายหนุ่มข้างกายสังเกตเห็นแววตาของวิคตอเรีย ดูทีประกายความลำบากใจพาดผ่าน เข้ากวาดสายตามองไปรอบห้องโถงเพื่อหาที่มานั้น ก่อนจะพบตัวต้นเหตุที่ว่านั้นเอง ทอมแสร้งบดเบียดเข้าไปนั่งใกล้ชิดกับวิคตอเรีย ก่อนจะยิ้มพร้อมทั้งแสร้งส่งสายตาอ่อนโยนไปให้แก่เธอ ส่วนมือนั้นก็ทัดปอยผมที่ปรกลงมาเคลียคลอข้างแก้มอย่างเป็นธรรมชาติ วิคตอเรียสบตาของชายหนุ่มกลับไป ซึ่งประกายแววตาสนุกสนานของเขานั้น สร้างความปั่นป่วนให้แก่เธอได้ไม่ยาก หญิงสาวรับรู้ได้ทันทีว่าเขาต้องการที่จะช่วยเธอ โดยไม่รีรอวิคตอเรียแสร้งทำหน้าตาเขินอาย เหล่าผู้ร่วมขบวนการบนโต๊ะอาหาร ต่างจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างทำอะไรไม่ถูก สาบานได้ว่าจากข่าวลือที่ทั้งสองกำลังดูใจกันอยู่ การกระทำตรงหน้าของพวกเขาสามารถยืนยันได้เลยว่า ทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องจริง
อย่างไรก็ตามคนที่มองการกระทำของทั้งสองคนออกก็คือ นายน้อยตระกูลเลสสแตรงค์รวมถึงผู้ที่ค่อนข้างสนิทชิดเชื้อกับสองคนนี้ สายตาของพวกเขาบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่า เหลือจะเชื่อกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า การแสดงของทั้งสองเข้าค่ายนักแสดงยอดเยี่ยมแห่งปีของฮอกวอตส์ แต่ติดตรงที่ท่าทีเฉยชาของพวกเขาแต่แรก จู่ๆก็หันมายิ้มหวานกุ๊กกิ๊กกัน ดั่งกับว่าโลกใบนี้มีเพียงแค่สองเรา กางเกงในเมอลินเป็นพยาน..เลสสแตรงค์คนนี้ขนลุกเป็นอย่างมาก ในสถานการณ์ของทั้งสองนั้นวิคตอเรียแอบบีบต้นแขนของชายหนุ่มเล็กน้อย เป็นสัญญาณว่าให้หยุดการกระทำนี้ลงเสียที หากมากไปกว่านี้เกรงว่าพวกเขาคงกลายเป็นคู่รักประจำฮอกวอตส์ไปแล้ว! ทอมกระตุกยิ้มอย่างชอบใจเมื่อได้กลั่นแกล้งให้ข่าวลือโหมกระพือดั่งไฟลามทุ่ง ไม่ต้องเดาเลยว่าเหล่าแฟนคลับของริดเดิ้ล จะต้องมาสร้างความวุ่นวายให้แก่คุณหนูเซลวิน รวมถึงความสงบที่เขานั้นไม่รับรู้เลยแม้แต่น้อย ว่ามันกำลังค่อยๆจางหายไปจากการเล่นบทแสดงอันยอดเยี่ยม
"นายมัน..ร้ายกาจ"
วิคตอเรียจงใจกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน ซึ่งประโยคที่ว่าเขาร้ายกาจนั้น ทอม ริดเดิ้ล ล้วนแล้วแต่ยิ้มรับด้วยความยินดี เขาหันไปกล่าวประโยคเสียดสีกับเธอเบาๆว่า
"เราเหมาะสมกันที่สุดแล้ว..ใช่ไหม?"
เธอบีบต้นแขนเขาอีกครั้ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะยอมปล่อยต้นแขนขาวเนียนของเธอภายใต้ผ้าคลุม ด้วยสีหน้ายอมแพ้แต่ทว่ารอยยิ้มนั้น ถ้าดูไม่ผิดนั้นมันเจ้าปีศาจจอมเจ้าเล่ห์ชัดๆ
:
:
.
*ข้อมูล
Tom Mavolo Riddle
(ทอม มาโวโล่ ริดเดิ้ล)
ตระกูล:เลือดผสม(เพราะกำเนิดจากแม่ที่เป็นผู้วิเศษและพ่อผู้เป็นมักเกิ้ล)
Luciano Lestrange
(ลูเซียโน่ เลสสแตรงค์)
ตระกูล:เลือดบริสุทธิ์
Fleamont Potter
(ฟลีมอนต์ พอตเตอร์)
ตระกูล:เลือดบริสุทธิ์(แต่ปัจจุบันถูกถอดถอนรายชื่อออกจากตระกูลเลือดบริสุทธิ์แล้ว สาเหตุเกิดจากการคลุกคลีกับมักเกิ้ลมากเกินไป)
Talk:
ทุกคนจะเดากันได้รึป่าวเอ่ย? ว่าทำไมคุณพี่ทอมถึงต้องช่วยน้อง
พูดคุย:
ไรท์: อะแฮ่ม!พอดีเรามีบทสัมภาษณ์ที่ต้องการให้คุณตอบ
ทอม: ถ้าผมไม่ตอบ?
ไรท์: คือว่าต้องตอบครับ
ทอม: ...
ไรท์: กางเกงในสีโปรดของคุ---อ๊ะจ๊าก!!! ช่วยไรท์ด้วยยยย //กลิ้งหลบลำแสงสีเขียว
ความคิดเห็น