ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พ่ายรักคุณชายเสเพล (มี e-book)

    ลำดับตอนที่ #5 : ทีเด็ดของฮูหยินคนใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ค. 64


         พิธีมงคลถูกจัดขึ้นตามกำหนดวันอย่างเอิกเกริก ชาวเมืองต่างร่วมยินดีกับการเกี่ยวดองกันของสองตระกูลใหญ่

     

         ในเรือนหอ เทียนมงคลคู่ถูกจุดขึ้นสร้างแสงสว่าง กลางห้องตั้งโต๊ะจัดวางอาหารและสุรามงคลแก่บ่าวสาว เว่ยอิงเหมยนั่งอยู่บนเตียงมีเมล็ดธัญพืชห้าชนิดพร้อมยอดทับทิมวางไว้ตามแบบพิธีการอย่างเคร่งครัด

     

         นางมองผ่านผ้าคลุมหน้าสีแดง เห็นภาพในห้องเลือนราง ยังไร้เงาของเจ้าบ่าวจึงเปิดผ้าคลุมขึ้น ลุกเดินไปยังโต๊ะอาหาร มือหนึ่งลูบท้อง หิวปานไส้จะขาด

     

         ไตร่ตรองแล้วว่างานนี้นางเองก็ไม่ได้เต็มใจสักเท่าใด มิหนำซ้ำเจ้าบ่าวก็เป็นคนไม่น่าเคารพสักนิด เหตุใดต้องให้เกียรติรอเขามาทานร่วมกัน ดึกดื่นกระนั้นแล้วยังไม่ยอมกลับห้องแสดงว่าคงยังเมามายกับสุราพร้อมสหายร่วมปณิธาณความเสเพลเป็นแน่ ขบคิดรอบคอบแล้วพลางเอื้อมมือจับตะเกียบคีบอาหารเข้าปาก รู้สึกคล้ายกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

     

         อาหารในจานลดลงไปไม่มากก็มีเสียงโวยวายของถังไป๋ซานดังมาก่อนตัว เว่ยอิงเหมยรีบยกสุราซดพรวดเดียวแล้วเดินกลับไปนั่งสงบราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

     

         เสียงประตูเปิดลั่นดังปัง ถังไป๋ซานเดินซวนเซเพราะฤทธิ์สุรา มองร่างบางในชุดสีแดงนั่งเรียบร้อยรอคอยเขา รอยยิ้มเหยียดกว้าง ก่อนก้าวขาอย่างรวดเร็วมาถึงตัวของนาง

     

         เว่ยอิงเหมยรู้สึกประหม่า แม้จะไม่ยินดีในงานแต่งเท่าใด ทว่าสำหรับสตรีแล้วสามารถแต่งงานได้ครั้งเดียว ดังนั้นจึงนับว่ามีความสำคัญที่จะกำหนดชั่วชีวิตของนางว่าจะอยู่ดีมีสุขเพียงใด

     

         ถังไป๋ซานจับไม้เปิดผ้าคลุมหน้าของนางออก ใบหน้าหวานล้ำที่แต่งแต้มสีสันมงคลงดงามจนเขาเผลอจ้องค้างอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนกระแอมเสียงในลำคอหนึ่งครั้งอย่างมีชั้นเชิง แล้วทิ้งตัวลงนั่งด้านข้าง

     

         เว่ยอิงเหมยรีบลุกพรวด “ท่านพี่ดื่มสุรามงคลก่อนเถิด”

     

         เขายิ้มกริ่ม ลุกขึ้นตามคำเชิญ ทอดมองนางตาไม่กระพริบ

     

         “ไหนว่าไม่อยากแต่งกับข้า”

     

         เว่ยอิงเหมยสะอึก ปรับสีหน้าแล้วแค่นยิ้ม

     

         “โธ่... ข้าก็แค่พูดไปเช่นนั้นเอง ท่านพี่... ท่านดื่มสุรามงคลจอกนี้ก่อนนะเจ้าคะ” กล่าวออดอ้อนอย่างมีความนัย

     

         ถังไป๋ซานกระลิ้มกระเหลี่ย เช่นนี้ค่อยดูว่านางน่ารักดั่งคราแรกที่พบกัน เขาวางใจขึ้นมากจึงรับสุราจอดสำคัญมาซดดื่ม

     

         เวยอิงเหมยยังทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยม คีบอาหารป้อนใส่ปากเขา

     

         “กินกับแกล้มด้วยนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นคืนนี้ท่านพี่อาจไม่มีแรง...” เอ่ยไปท่าทางเหนียมอายเล็กน้อย

     

         ถังไป๋ซ่านใจฟูฟ่อง แต่เดิมก็ชื่นชอบสตรีอ่อนหวานเอาอกเอาใจเป็นทุนเดิม อีกทั้งส่วนหนึ่งในใจยังตราตรึงเรื่องที่นางเคยช่วยชีวิตไว้ ยามนี้จึงลืมเลือนคำพูดดูแคลนที่หอชุ่ยเหลียงเสียสิ้น อ้าปากรับอาหารที่ป้อนเข้าปากครั้งแล้วครั้งเล่า พร้อมดื่มสุราจากมือนางจนหมดกา

     

         เขาเริ่มรู้สึกนัยน์ตาพร่าเบลอ ทั้งทีปกติเป็นคนคอแข็งดื่มเท่าใดก็ไม่เมามาย แต่ยามนี้กลับมีอาการแปลกประหลาด เขาลุกขึ้นแทบทรงตัวยืนไม่อยู่ ภาพที่เห็นหมุนบิดเบี้ยว

     

         “เจ้า... สุรานี้มีปัญหา” เสียงแหบพร่าสั่นเล็กน้อยเพราะเริ่มไร้เรี่ยวแรงแม้จะเอ่ย

     

         เว่ยอิงเหมยฉีกยิ้มอย่างมีชัย ก่อนเขาจะเข้ามา นางลอบใส่ผงหลับใหลในกาสุราไว้ วางแผนมอมเมาเขาเพื่อที่จะได้ผ่านพ้นคืนร่วมหอ และแล้วแผนการก็เป็นไปดั่งตั้งใจ

     

         ถังไป๋ซานสติเหลือหนึ่งส่วน เห็นรอยยิ้มของนางเป็นภาพสุดท้าย จากนั้นภาพทุกอย่างก็ดับวูบ

     

     

         แสงอรุณสาดเข้ามาผ่านกระดาษฝ้าสีขาวบางๆ ในห้องสว่างจนมองเห็นร่องรอยการตกแต่งห้องด้วยผ้าแดงของวันวิวาห์ เทียนคู่และอาหารบนโต๊ะยังวางอยู่ที่เดิม


     

         ถังไป๋ซานได้สติรู้สึกปวดศีรษะเจียนจะระเบิด เขาพยายามเอื้อมมือจับศีรษะตนเองทว่าไม่อาจขยับได้ ครั้นก้มมองก็พบว่าสองมือถูกมัดด้วยเชือกเส้นใหญ่ มิหนำซ้ำร่างตนยังกองอยู่บนพื้น ไม่ใช่บนเตียง ด้านข้างมีรองเท้าสตรีคู่หนึ่งวางอยู่เฉียดปลายจมูก

     

         ทันใดนั้นเสียงบิดขี้เกียจของบางคนดังมาจากบนเตียง มือเล็กจับผ้าม่านรวบมัดไว้ที่ขอบเตียง ผินมองร่างใหญ่ที่จ้องตาถลึงกว้าง

     

         “ตื่นแล้วหรือ สามีข้า” เส้นเสียงสดใสกึ่งหยอกล้อ

     

         ถังไป๋ซานทบทวนถึงเรื่องคืนก่อน ชั่วแล่นก็นึกออก “เจ้า... เจ้าใส่อะไรลงไปในสุรา”

     

         เว่ยอิงเหมยตีหน้าซื่อ “ท่านพี่พูดถึงเรื่องอันใดเจ้าคะ ข้านั้นจำมิได้เลยเจ้าค่ะ”

     

         เขาเบิกตากว้าง ตกตะลึงในจริตมารยานั้น ก่อนสำนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังถูกมัดด้วยเชือก “ฝีมือเจ้าใช่หรือไม่”

     

         เว่ยอิงเหมยเงียบเสียง ใบหน้าสงบนิ่ง คว้ากระดาษขึ้นมาหนึ่งใบ บนนั้นมีข้อความที่นางตั้งใจเขียน มีเนื้อหาใจความว่า

     

         ‘ข้าถังไป๋ซาน เป็นบุรุษเสเพลที่สุดในใต้หล้า ข้าได้ร่วมประเวณีกับสตรีมากหน้าจนทำให้ติดโรคผ่านเพศสัมพันธ์มา ข้าที่เป็นโรคร้ายแรงรู้สึกอับอายต่อฮูหยินที่เพิ่งตบแต่งของข้า นามว่าเว่ยอิงเหมยยิ่งนัก จึงได้เขียนจดหมายนี้เพื่อขอสารภาพผิด หวังว่านางจะเห็นใจสามีที่ชั่วช้าเช่นข้า

     

         ‘ต่อแต่นี้ไป ข้าขอสัญญาว่า ข้าถังไป๋ซานจะรักเพียงเว่ยอิงเหมย ฮูหยินของข้าแต่เพียงผู้เดียว และขอยกให้นางเป็นใหญ่ในเรือน มีอำนาจตัดสินใจในทุกเรื่องเหนือการตัดสินใจของข้า และชั่วชีวิต ข้าจะไม่ไปหาเศษหาเลยกับสตรีใดอีก หากพบว่าข้าได้กระทำผิด ข้ายินยอมให้ฮูหยินของข้าปลดสามีเช่นข้า และยินยอมแบ่งสมบัติครึ่งหนึ่งเพื่อเป็นการชดเชยให้นางด้วย

     

         ลงนาม ถังไป๋ซาน

         บุรุษเสเพล”

     

     

         ถังไป๋ซานอ่านแล้วนัยน์ตาสีนิลวาวโรจน์ โรคทางเพศสัมพันธ์อันใด เขาไม่เคยเป็นด้วยซ้ำ แม้จะเคยร่วมหลับนอนกับสตรีมามาก ทว่าล้วนป้องกันทั้งสิ้น แล้วเนื้อหาในจดหมายยังข่มขู่ให้ต่อไปนี้ไม่สามารถไปเที่ยวสำราญได้อีก บอกว่าถ้าผิดสัญญาจะยอมถูกปลดสามีบ้าอันใดกัน มิหนำซ้ำยังต้องยกสมบัติไถ่โทษให้นาง

     

         เว่ยอิงเหมย เจ้าคือนางมารจริงแท้!

     

         เขาขบคิดถี่ถ้วนแล้วไม่อาจให้จดหมายบ้อบอนั้นหลุดไปให้ผู้ใดเห็นได้ รีบเขย่าเชือก

     

         “เจ้า... ปลดเชือกให้ข้าเดี๋ยวนี้ แล้วจดหมายนั้นอีก ทำลายทิ้งเดี๋ยวนี้”

     

         เว่ยอิงเหมยยิ้มกริ่ม ตระหนักดีว่าทำเกินไป ทว่าสำหรับเขาที่เป็นบุรุษเจ้าสำราญแล้ว นางจะมีอนาคตอันใดกับสามีเช่นนี้ การที่ตัดสินใจหักหน้าเขา ยอมใช้วิธีข่มขู่ทางอ้อม นับว่าเป็นการควบคุมไม่ให้เขากล้าทำเรื่องที่ผิดต่อนาง ให้นางต้องกลายเป็นฮูหยินที่คนทั่วเมืองลั่วหยางหัวเราะขบขันเป็นแน่

     

         “ยังไม่ปล่อยข้าอีก!” เสียงใหญ่เดือดดาลถึงขีดสุด

     

         “ปล่อยแน่... แต่ประเดี๋ยวก่อน” เสียงเล็กเอ่ยพร้อมรอยยิ้มแพรวพราว ก่อนลุกไปหยิบเข็มมาหนึ่งเล่ม จิ้มลงนิ้วของเขาที่ดิ้นขัดขืน จากนั้นจับนิ้วที่ย้อมโลหิตประทับลายนิ้วมือลงในข้อความของจดหมาย

     

         “เท่านี้ก็เรียบร้อย” กล่าวแล้วเดินหายออกไปจากห้องครู่ใหญ่กว่าจะเดินกลับมาถึง ถังไป๋ซานก็หาทางกำจัดเชือกได้สำเร็จ

     

         เขารวบตัวนางที่เดินกลับเข้ามาถึง “เอาจดหมายเมื่อครู่มาเดี๋ยวนี้”

     

         “ปล่อยข้านะ ถ้าเจ้ายังไม่ปล่อย รับรองว่าจดหมายนั้นจะถึงมือท่านพ่อแน่”

     

         เขาผงะทันที สีหน้าวิตกกังวลหนักหนา เนื้อหาที่สร้างอับอายให้เขา หากบิดาได้อ่านหรือคนนอกได้อ่านล้วนแล้วแต่ทำให้สกุลถังเสื่อมเสียชื่อเสียง

     

         “เอาจดหมายมาให้ข้า” ข่มโทสะ เอ่ยน้ำเสียงเยียบเย็นพร้อมแบมือ จ้องตาเขียวใส่นาง ทว่าเว่ยอิงเหมยถือไพ่เหนือกว่า

     

         “ข้าขอรับรองว่าจดหมายนั้นจะไม่มีผู้ใดได้เห็นแน่ เพราะข้าก็ไม่อยากให้สามีของข้ามีเรื่องอื้อฉาว แต่เจ้าก็ต้องเข้าใจข้าด้วย ข้าเป็นสตรีตัวเล็กๆ เข้ามาอยู่ในจวนของสกุลถัง ข้าก็ต้องมีหลักประกันไว้บ้าง”

     

         เขาขบกรามนับหนึ่งถึงสิบในใจ “เจ้าเลยเอาจดหมายมาขู่ข้า?”

     

         “เปล่าขู่” มือเล็กส่ายปฏิเสธ เอ่ยอีกว่า “ขอแค่เจ้าทำตามที่ข้าบอก ห้ามไปเที่ยวหอชุ่ยเหลียงนั่นอีก ข้าเป็นฮูหยินของเจ้าแล้ว เจ้าต้องให้เกียรติข้า หากเจ้าให้เกียรติข้า ข้าก็จะให้เกียรติเจ้าเช่นกัน ถือเป็นสัญญาข้อตกลงของเรา”

     

         ถังไป๋ซานข่มโทสะ คิดว่ายอมนางไปก่อนคงไม่เสียหาย จากนั้นค่อยคิดหาวิธีเอาคืน

     

         นางกล้ากระตุกหนวดเสือ ก็คงเตรียมใจที่จะโดนเสือขย้ำไว้แล้วกระมัง

     

         ..........

         จะรอดหรือจะร่วงนะ 

         กดหัวใจ กดคอมเม้นต์กันมาได้นะคะ มันเงียบเกิ๊น ใจคอไม่ดี 

     

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×