คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : คุณหนูเป็นสตรีนะเจ้าคะ
ณ หอชุ่ยเหลียง สถานที่พักผ่อนของเหล่าบุรุษ
ร่างอรชรร่ายรำอยู่กลางห้องรับรอง มีบรรดาคุณชายสกุลใหญ่อยู่ครบครัน
หลวนอี้เหนียง สตรีงามอันดับหนึ่งประจำหอชุ่ยเหลียงร่ายรำเสร็จก็ปรี่ตรงเข้ามานั่งลงข้างกายของถังไป๋ซาน ยกมือลูบไล้แผงอกกำยำของเขา
“คุณชาย... จะไม่ตบรางวัลให้ข้าหน่อยหรือเจ้าคะ” กล่าวออดอ้อนแล้วยื่นใบหน้าไป ตั้งใจจะประทับรอยจูบ แต่เขาปัดใบหน้านางออก
แม้ถังไป๋ซานจะเป็นบุรุษเสเพลที่ขึ้นชื่ออันดับหนึ่งของแคว้นเยียนหนาน เลื่องชื่อเรื่องเจ้าชู้มากสตรี ไม่เคยมีสตรีใดที่กล้าปฏิเสธเขา แม้จะปรนเปรอด้วยเรือนร่างสมส่วนดั่งรูปสลักให้พวกนาง ทว่าไม่เคยมอบจุมพิตให้ผู้ใด
หลวนอี้เหนียงเม้มริมฝีปาก ท่าทางเกียงงอน ตลอดมานางสนใจในตัวถังไป๋ซานมาโดยตลอด คาดหวังให้เขารักนางตอบ และซื้อตัวนางไปเป็นอนุ แต่เขาไม่เคยแยแส เสร็จกิจทางกายก็จากไปอย่างไร้เยื้อใยเฉกเช่นสตรีอื่น
นางคว้ามือเขามาวางบนหน้าอก นัยน์ตาหวานฉ่ำ “คืนนี้อยู่กับข้านะเจ้าคะ”
ยามแรกเอาแต่ขบคิดเรื่องการจากไปของเว่ยอิงเหมย ครั้นฝ่ามือได้รับสัมผัสนุ่มหยุ่นพลางทำให้อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย
หลิวเหลียง หงจื่อ และเฉิงเล่อพิศมองพร้อมรอยยิ้มกรุ่มกริ่ม “แหมๆ... ในสายตาแม่นางหลวนคงมีแต่คุณชายถัง ข้าขอค้างแรมสักคืนยังถูกปฏิเสธหลายครา”
ถังไป๋ซานส่งยิ้มให้สหายรัก ก่อนกดสายตามองเนินอกอวบอิ่ม ใช้ปลายนิ้วเขี่ยผ้าสีแดงที่บดบังออก หลวนอี้เหนียงร่างสะท้าน “คุณชาย... ต่อหน้าทุกคน” เสียงเล็กเอ่ยอย่างเอียงอาย
“พวกเขาเป็นสหายรักของข้า ในเมื่อมีของดี แล้วข้าจะไม่แบ่งปันให้พวกเขาเชยชมได้อย่างไร”
หลวนอี้เหนียงเม้มริมฝีปาก มือเล็กกำเสื้อของถังไป๋ซาน รู้สึกถึงสัมผัสซาบซ่านที่ไล้ผ่านยอดอกพลันตัวร้อนขึ้นก่อนหลุดเสียง “อ้า...” ออกมา
คนตัวใหญ่กดปลายนิ้วขยี้ยอดไตแข็งกลางร่างที่ยามนี้กองบนตักอย่างไร้เรี่ยวแรง
“พวกเจ้าอยากลองชิมหรือไม่” ถามกลุ่มสหายแล้วคีบเนื้อบนโต๊ะ วางลงบนยอดบัวงาม ก้มตวัดลิ้นชิมรสชาติเนื้ออ่อน
“อืม... ไก่นี้รสชาติไม่เลว” กระแสเสียงทุ้มเรียบกล่าวในลำคอ
สหายทั้งสามจ้องมองมาอย่างอิจฉาตาร้อน กวักมือเรียกนางคณิกาคนอื่นให้มาปรนนิบัติบ้าง
ครู่นั้นเอง หงจื่อนึกเรื่องสำคัญขึ้นได้ เขากล่าวโผงผางขึ้น
“ออ... วันนี้ข้าได้ข่าวมาว่าคุณหนูเว่ยฟื้นจากความตายแล้ว ช่างปาฏิหาริย์นัก ตอนแรกตั้งใจว่าจะบอก แต่เห็นแม่นางหลวนร่ายรำงดงามจนลืมเสียสิ้น”
ถังไป๋ซานผละมือออก ดันร่างหลวนอี้เหนียงจนลอยละลิ่วไปกองบนพื้น
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าแม่นางเว่ยฟื้นจากความตายหรือ?”
หงจื่อพยักหน้ารวดเร็ว
เขาเผยรอยยิ้มแล้วลุกขึ้นอย่างคล่องแคล่ว ก้าวขาฉับไวออกไปจากห้อง ทุกคนตะโกนถามตามหลังว่า “เจ้าจะรีบไปไหน” ทว่าไร้คำตอบ
หลวนอี้เหนียงรีบถกผ้าปกปิดเรือนร่าง มองทางถังไป๋ซานที่ไม่ชายตาแลกลับแล้วขบฟันเจ็บไปทั้งหัวใจ
หลิวเหลียงหันไปสบตาสหายรัก บอกเป็นนัยว่าให้ทุกคนออกไป ไม่นานภายในห้องก็เหลือเพียงเขาและหลวนอี้เหนียง
เขาผลักนางลงบนพื้น กดฝ่ามืออย่างหื่นกระหายลงบนเนินเนื้อกลางอก บีบแรงๆ หลายครั้งจนนางร้องเจ็บ “วันนี้ข้าไม่รับแขกเจ้าคะ”
คำปฏิเสธไม่เป็นผล อาภรณ์สีสวยขาดวิ่นในพริบตา ใบหน้าขาวซุกลงบนเรืองร่างนั้น กลืนกินทุกส่วน ตักตวงทุกสัมผัส
“เจ้าจะแสร้งไม่สนใจข้าไม่ได้ วันนี้ข้าจะไม่ยอมเจ้าอีกแล้ว” กล่าวไปก็จับท่อนเนื้อยัดลงกลางร่างบอบบางนั้น
หลวนอี้เหนียงถูกแยกร่างด้วยแท่งใหญ่อันอบอุ่น กระแทกแรงๆ มาหลายครั้ง พร้อมกดริมฝีปากดูดดึงติ่งไตที่เกาะตัวแข็งขึ้นราวกับตอไม้เล็กที่ไวต่อสัมผัส
แม้ร่างกายจะตอบรับ ทว่าจิตใจยังคะนึงถึงถังไป๋ซานยิ่ง นางหลุดเรียกชื่อเขา ทำให้ร่างโปร่งที่สอดกระแทกฉุนเฉียว
หลิวหลียงหมายตาหลวนอี้เหนียงมานาน นางไม่รับแขกอื่นนอกจากถังไป๋ซาน ทำให้เขาต้องแอบซ่อนความเจ็บใจที่ถูกหมางเมินหลายครา ครานี้ได้สุขสมดังใจหมายทว่านางกลับครางชื่อบุรุษอื่น ทำให้เขาสิ้นสุดความอดทน จึงใส่อารมณ์ลงบนร่างนางอย่างรุนแรง
สะโพกสอบขยับเคลื่อนรื่นไหลราวกับไถลบนน้ำแข็ง ก้มขบผิวขาวจนขึ้นรอยฟัน โพรงถ้ำที่ผ่านการใช้งานตอดรัดแท่นเอ็นจนเขาครางออกมาไม่เป็นเสียง ฟาดฝ่ามือลงบนสะโพกพายจนขึ้นรอยแดง สั่งให้นางพลิกร่าง
หลิวเหลียงปาดแท่งใหญ่ลงปากถ้ำ ก่อนทะลวงลึกถึงพื้นผิวขรุขระที่อยู่ด้านใน จิกมือขยำบั่นท้าย มือข้างหนึ่งกำกลุ่มผมจนนางแหงนหน้าลอยขึ้น
“เรียกชื่อข้า” สั่งเสียงเข้ม
“คะ..คุณชาย...”
เขาลงแรงหนักหน่วงขึ้น ราวกับต้องการให้ภายในของนางแหลกลาญด้วยมือเขา
“ข้าบอกให้เรียกชื่อ” เส้นเสียงแหบพร่ากำชับอีกครั้ง
หลิวอี้เหนียงกัดฟัน ปั่นป่วนไปทั้งร่าง “ละ...หลิว...อ้า...หลิวเหลียง”
เขากระหยิ่มยิ้มย่องในใจ ในที่สุดนางที่เขาปรารถนาก็กลายเป็นของเขา พลันควงแท่งใหญ่หมุนวนราวกับกงล้อ น้ำหวานกลางร่างไหลทะลัก
หลิวอี้เหนียงรู้ดีว่ารสสัมผัสจากหลิวเหลียงแม้จะสู้ถังไป๋ซานไม่ได้ ทว่าเพียงเท่านี้ก็ไม่อาจต่อต้าน นางตอบรับด้วยการโยกบั่นท้ายดูดกลืนตัวตนของบุรุษ ครางเสียงเลือนลั่นห้อง สุขสมเฉกเช่นนี้ครู่หนึ่ง ทั้งสองก็กระตุกเกร็ง กรีดร้องเสียงหลงอย่างลืมความอาย
.
.
รุ่งสางท้องฟ้าสาดแสงสีทองเรืองรอง
ตระกูลถังส่งตัวแทนมาเจรจาตอกย้ำว่าอย่าลืมนัดหมายวันมงคล เว่ยซานเฉินกระอักกระอ่วนใจ คิดจะใช้เรื่องความตายของธิดาตนมาเป็นข้ออ้างยกเลิกงานแต่ง ทว่าตัวแทนผู้มาเจรจาได้ยื่นจดหมายจากถังโชวจิ้ง เนื้อหาใจความย้ำเตือนเรื่องคดีเก่า
เว่ยอิงเหมยเดินเข้ามาในห้องรับรอง คว้าจดหมายจากมือบิดา ทอดมองแล้วใจเดือดดาล นี่น่ะหรือการสู่ขอ แท้จริงก็มาข่มขู่ คราก่อนก็ข่มขู่เช่นนี้จนทำให้เว่ยอิงเหมยผู้ล่วงลับต้องคิดสั้น ยามนอนในโล่งก็ไม่เห็นคนสกุลถังจะมาแยแส พอมีข่าวว่าฟื้นจากความตายกลับมาทวงสัญญาเก่า
นางลดตัวนั่งลงข้างบิดา “ตอบรับไปเถิดเจ้าคะ ข้าไม่อยากทำให้ท่านพ่อต้องทุกข์ใจกว่านี้แล้ว”
‘ใช่... ตอบรับเถิด ไว้ข้าจะหาวิธีจัดการกับคนสกุลถังเอง’
ตัวแทนยิ้มรับ รีบอวยพรประโยคยาวเหยียด จากนั้นก็นำข่าวดีกลับไปแจ้งต่อถังไป๋ซาน ว่าอีกเจ็ดวันงานมงคลจะยังคงไม่ล้มเลิก
.
.
ในห้องนอนของเว่ยอิงเหมย
นางนั่งขยี้ผ้าเช็ดหน้าด้วยความเจ็บแค้น “เจ้าลองเล่าเรื่องของคุณชายถังให้ฟังหน่อย ข้าอยากรู้ว่าสามีในอนาคตของข้าแท้จริงแล้วสร้างวีรกรรมใดไว้บ้าง”
ชีอี้ยิ้มเหยเก “คุณหนูคงลืมจนสิ้นแล้ว... ความจริงภายนอกเล่าลือว่าคุณชายถังผู้นี้หล่อเหลางดงามที่สุดในแผ่นดินเยี่ยนหนาน มากด้วยความสามารถ แต่เสียที่นิสัยรักสนุก เจ้าชู้มากสตรี ในเมืองลั่วหยางแห่งนี้แทบจะไม่มีสตรีคนใดที่ไม่เคยหลับนอนกับเขา นอกจากคนที่มีสามี เด็กและหญิงชรา”
เว่ยอิงเหมยอ้าปากค้าง “ถึงขนาดนั้นเชียว ตายแล้ว! นี่ข้าจะติดเอดส์จากเขาไหมเนี่ย”
“เอด... อันใดหรือเจ้าคะ” สาวใช้ถามด้วยความสงสัย
นางชะงัก ลืมเสียสนิทว่าในภพโบราณคงไม่รู้จัดโรคเอดส์ “ออ... ข้าหมายถึงโรคที่เกิดจากการมีอะไรกันน่ะ นอนกับสตรีไปทั่ว ไม่กลัวเกิดโรคหรือ”
ชีอี้หน้าแดง “คุณหนู... เหตุใดตั้งแต่ฟื้นจากความตาย คุณหนูก็เปลี่ยนไปเช่นนี้ กล้าพูดถึงเรื่องอย่างว่าโจ่งแจ้งเพียงนี้เชียว”
ร่างบางกรอกนัยน์ตา “อย่าพูดถึงข้าในอดีตอีก ข้าตอนนี้ก็คือเว่ยอิงเหมยคนปัจจุบัน”
ชีอี้พยักหน้า “ความจริงแล้ว... เรื่องอย่างว่าก็สามารถป้องกันได้นะเจ้าคะ” กล่าวจบก็ก้มกระซิบ “ใช้กระเพาะปลาหรือไม่ก็ไส้แพะสวมตรงนั้นของบุรุษไว้ก่อนมีอะไรกัน ป้องกันไม่ให้สตรีที่นอนด้วยท้องและสามารถป้องกันโรคได้ด้วยเจ้าคะ”
เว่ยอิงเหมยตาลุกวาว “โห... ทีแท้สมัยนี้ก็มีวิธีแบบนี้ด้วย”
ชีอี้เกาศีรษะ รู้สึกว่านับวันคุณหนูที่ฟื้นจากความตายจะยิ่งกล่าวคำที่เข้าใจยากนัก
ครู่นั้น เว่ยอิงเหมยเกิดความคิด “ข้าอยากไปดูหน้าถังไป๋ซานผู้นี่เสียหน่อย เจ้าคิดว่ายามนี้เขาน่าจะอยู่ที่ใดกัน ใช่สกุลถังหรือไม่”
ผู้ฟังตกใจอย่างมาก “ยามนี้หรือเจ้าคะ คุณชายถังน่าจะอยู่ที่หอชุ่ยเหลียง ปกติก็คลุกอยู่ที่นั่น”
เว่ยอิงเหมยถลึงตากว้าง “หอคณิกาน่ะหรือ”
อีกฝ่ายพยักหน้า นางดวงตาวาวโรจน์ ดื้อรั้นจะขอนางแต่งงานแท้ๆ แต่กลับไปคลุกคลีกับหญิงคณิกาอีก สงสัยว่าถังไป๋ซานผู้นี้จะรู้จักนางน้อยไปเสียแล้ว
“แต่งตัวให้ข้า ข้าจะปลอมตัวเป็นบุรุษเข้าไปดูหน้าคนถ่อยเสียหน่อย”
“คุณหนูเป็นสตรีนะเจ้าคะ หากถูกจับได้มันจะดูมิงาม”
“ไม่งงไม่งามอะไร โอกาสดีเช่นนี้ เหมาะให้ไปถอนหมั้นนัก เจ้าคิดสิ... ข้าอาจใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างไม่แต่งงานกับเขา”
ชีอี้สีหน้ามุ่งมั่น พยักหน้าอย่างมีความหวังแล้วรีบไปจัดหาชุดบุรุษให้เจ้านายอย่างฉับไว
……………..
ความคิดเห็น