คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บุกหอคณิกา ตัวแม่มาเอง!
ณ หอชุ่ยเหลียง
บรรยากาศในหอชุ่ยเหลียงกรุ่นด้วยกลิ่นสุรา สตรีหลายนางแห่มาต้อนมารับบุรุษถึงด้านหน้าประตูทางเข้า
เว่ยอิงเหมยปลอมตัวเป็นบุรุษสวมอาภรณ์สีขาวปลอด เดินถือพัดท่วงท่างามสง่า ร่างอรชรทั้งหลายแก่งแย่งรับแขก นางวิเคราะห์แล้วคิดว่าคุณชายชื่อดังอย่างถังไป๋ซานคงไม่อยู่ในห้องธรรมดาเช่นนี้
“ข้าอยากได้ห้องพิเศษ” กล่าวไปก็เขย่าถุงเงินที่พกข้างเอว
ลี่เหนียงฉีกยิ้มกว้าง รีบเดินนำหน้า เชื้อเชิญให้ขึ้นบนชั้นสอง บนนั้นมีห้องแบ่งแยกเป็นสัดส่วน นางได้ยินเสียงดนตรีดังมาจากห้องหนึ่ง พลางแสร้งเดินเซเปิดประตูเข้าไป
“ข้าเอาห้องนี้” กล่าวอีกนิดเพื่อความแนบเนียนแล้วหยุดชะงัก ตีสีหน้าตกตะลึง
“ขออภัยๆ ข้านึกว่าห้องนี้ไม่มีผู้ใด” กวาดสายตามองรอบห้องพบว่ามีบุรุษด้วยกันสี่คน อาหารสุราพร้องพรั่ง นางแสร้งตีหน้าเศร้า
“แหม... ข้ามาคนเดียวก็เปลี่ยวเหงา หากได้ร่วมดื่มกับคุณชายทุกท่านคงดีไม่น้อย”
หลิวเหลียง หงจื่อ และเฉิงเล่อมองหน้ากันก่อนกล่าวเชื้อเชิญ “พวกข้ามาสำราญที่นี่บ่อยครั้ง ไม่เคยพบคุณชายเลยสักครา คงมาใหม่สินะ ถ้าอย่างไรมานั่งดื่มกับพวกข้าก็ได้”
เว่ยอิงเหมยในชุดบุรุษฉีกยิ้มทันที “ขอบคุณคุณชาย”
กล่าวเสียงดัดทุ้มแล้วลดตัวลงนั่งโต๊ะที่ว่าง เพ่งพิศบุรุษทั้งสี่ มีคนหนึ่งนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย จมูกโด่งรับกับเรียวคิ้วสีน้ำหมึก ดวงตาสีนิลลุ่มลึกดั่งมีมนต์ขลัง เห็นเพียงแวบสายตาก็เดาได้ว่าบุรุษผู้นี้แหละคือถังไป๋ซาน
นางนั่งมองหญิงคณิการ่ายรำและเล่นดนตรี สายตาเหนือถ้วยสุราจับจ้องไปทางถังไป๋ซานอยู่เป็นนิจ เห็นเขาเอาแต่มองร่างสตรีที่อยู่กลางวงรำ ใบหน้านางจัดว่างดงามจึงอดขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ค่อนขอดใส่ว่าที่สามีไม่ได้
ดนตรีจบลง นางรำพลางเข้ามานั่งประชิดเหล่าบุรุษ หลวนอี้เหนียงยกจอกสุรายั่วยวน ไหล่บางที่ไร้อาภรณ์เบียดประชิดร่างใหญ่ “คืนนี้คุณชายถังจะอยู่กับข้าได้หรือยังเจ้าคะ”
เว่ยอิงเหมยบังเกิดโทสะ ในฐานะคู่หมั่นรู้สึกถูกหยามเกียรติ นางทุบโต๊ะแรงๆ ครั้งหนึ่ง “จะมากไปแล้วนะ เจ้าคนเจ้าชู้!”
ถังไป๋ซาน หลวนอี้เหนียง หลิวเหลียง หงจื่อ และเฉิงเล่อ ล้วนตกตะลึง ฟังคุณชายผู้มาใหม่กล่าวเสียงแหลมราวกับสตรี
หงจื่อถามขึ้น “จะ...เจ้าคือบุรุษหรือสตรีกันแน่”
เว่ยอิงเหมยไม่คิดตอบคำถาม นางชี้นิ้วใส่ถังไป๋ซาน ตำหนิคำโต “เจ้าคนมักมาก จะแต่งงานอยู่แล้วยังจะทำตัวเสเพลเที่ยวนางคณิกาอีก หรือคิดว่าตัวเองเป็นคุณชายตระกูลใหญ่ถึงกล้าทำเรื่องบัดสีเช่นนี้”
ถังไป๋ซานเริ่มมีโทสะ คิ้วขมวดมุ่น “เจ้าเป็นใครกันแน่” ถามอย่างฉุนเฉียวแล้วเพ่งพิศให้ดีอีกครา พบว่านางคือคู่หมั้นหมายที่กำลังจะแต่งงานในอีกเจ็ดวันข้างหน้า
“จะ...เจ้า...คือคุณหนูเว่ย” น้ำเสียงดุดันอ่อนลงมาก
“ใช่... เป็นข้าเอง... ข้าไม่คิดเลยว่าคุณชายถังผู้โด่งดัง ว่าที่สามีของข้าจะทำตัวต่ำช้าเช่นนี้ จะแต่งงานในอีกไม่กี่วัน แต่ยังเที่ยวหอคณิกาอยู่ไม่เลิก รู้ไปที่ใดอับอายไปถึงวงศ์ตระกูล”
“เจ้า!” เขาขบกราม รู้สึกประหลาดใจนัก พลางสงสัยว่าหรือนี่คือนิสัยที่แท้จริงของนาง เดิมทีนิสัยอ่อนหวานล้วนเป็นเพียงฉากบังหน้า
หลิวเหลียง หงจื่อ และเฉิงเล่อหันมองหน้ากัน เหลือเชื่อว่าคุณหนูผู้ขึ้นชื่อว่าอ่อนโยนน่ารักที่สุดแท้จริงจะฝีปากกล้า มิหนำซ้ำยังแต่งตัวเป็นบุรุษมาถึงหอคณิกาแห่งนี้
“นี่คือคุณหนูเว่ยจริงน่ะหรือ” หงจื่อถามเสียงลังเล หลิวเหลียงสำทับว่า
“ข้าก็เพิ่งเคยเห็นนางคราแรก จะไปรู้ได้อย่างไร”
เฉิงเล่อแสดงความคิดเห็น “หรือว่าข่าวลือที่ว่านางเรียบร้อยอ่อนหวานจะเป็นข่าวโคมลอย โธ่... เจ้าไป๋ซานเสียท่าเข้าให้แล้ว”
หลวนอี้เหนียงยืนกัดริมฝีปาก อิจฉาตาร้อนจนใจลุกเป็นไฟ รู้ดีว่าถังไป๋ซานกำลังจะแต่งภรรยา ทว่าเมื่อพบหน้า เห็นแล้วว่างดงามจริงแท้ดั่งคำลือก็ให้เกิดใจริษยา
ถังไป๋ซานไม่อาจทนคำสบประมาท “เจ้าใช่คุณหนูเว่ยจริงหรือ”
นางชี้หน้าตัวเอง “จำหน้าว่าที่ภรรยาตัวเองก็ยังไม่ได้” จากนั้นก็ชี้ไปทางหลวนอี้เหนียง “แต่คงจำนางได้สินะ ดี... ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าขอยกเลิกงานแต่งกับเจ้า คนมักมากอย่างเจ้าไม่มีวันได้เป็นสามีข้า”
ถังไป๋ซานขบกราม แววตาวาวโรจน์ “ก่อนหน้าที่เจ้าจะ...” ตั้งใจจะเอ่ยว่าตายไปแล้ว แต่ไม่กล้าพูด เปลี่ยนไปกล่าวต่อว่า “เจ้ายังอ่อนหวานน่ารัก แต่ดูเจ้ายามนี้สิ กล้าบุกมาถึงหอคณิกา เผยโฉมหน้าที่แท้จริง หึ... อย่างเจ้า... ข้าก็ไม่อยากแต่งด้วยแล้ว”
เว่ยอิงเหมยดวงตาลุกวาว ยกมือขึ้นเท้าเอว ขบคิดด้วยโทสะ เขาทำผิดยังกล้าเอ่ยว่าไม่อยากแต่ง แท้จริงคงเห็นว่าเว่ยอิงเหมยคนเก่าอ่อนหวานควบคุมได้ เลยคิดว่าจะกุมชีวิตนาง หากนางไม่ชิงฆ่าตัวตายไปเสียก่อน คงต้องทนดูบุรุษเจ้าชู้ผู้นี้พาภรรยาน้อยเข้าเรือนแน่ๆ เช่นนั้นชีวิตนางคงต้องขมขื่นไปชั่วชีวิต
ไตร่ตรองแล้วเกิดความคิดชั่วแล่น เผยรอยยิ้มเยียบเย็น “ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ในเมื่อคนที่บังคับให้ข้าแต่งด้วยคือเจ้า ข้าก็จะแต่งให้ แต่ชั่วชีวิตของเจ้าอย่าได้หวังเที่ยวสตรีใดอีก”
ทุกคนหันมองทางถังไป๋ซานเป็นตาเดียว ดูปฏิกิริยาของเขา
เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ปลายคิ้วตวัดตรงดิ่งดุจปลายกระบี่ “ข้าจะบอกท่านพ่อให้ยกเลิกงานแต่งเสีย”
“ถ้าข้าไม่ยินยอมเล่า?” นางเย้ยรอยยิ้มอย่างเหนือกว่า แววตาท้าทาย
เขาโกรธจนขาดสติ “ได้... แต่งก็แต่ง! มาดูกันว่าเจ้ากับข้าใครจะแน่กว่ากัน”
“เช่นนั้นจงสำราญให้เต็มที่เถิด เพราะหลังแต่งงาน เจ้าจะไม่ได้มีโอกาสเชยชมสตรีใดแน่” กล่าวจบก็จากไปพร้อมรอยยิ้ม
.
.
การสังสรรค์ยุติลงด้วยความมัวหมอง หลิวเหลียง หงจื่อ และเฉิงเล่อกลับไปก่อน เหลือเพียงถังไป๋ซานที่ร่ำสุราอย่างไม่รู้จักเมามาย
หลวนอี้เหนียงประคองร่างใหญ่เข้าพักในห้องส่วนตัว นางผลักเขาที่สติเหลือสองส่วนลงบนที่นอนนุ่ม เปลื้องอาภรณ์ตัวเองออกอย่างรวดเร็วแล้วขึ้นทับบนร่างนั้น
“คุณชาย... ให้ข้าปรนนิบัติท่านนะเจ้าคะ”
กล่าวแล้วก้มใบหน้าลงกลางตัวเขา มือเล็กประคองท่อนเนื้อก่อนครอบครองด้วยริมฝีปาก ความอุ่นชื้นเสียดสีเข้าออกรวดเร็วหลายครั้ง ดูดกลืนรสชาติของบุรุษปานว่าหิวกระหายหนักหนา
ถังไป๋ซานเกร็งร่างแข็งทื่อ หัวแท่งหยกหลั่งน้ำใส ฝ่ามือใหญ่กดศีรษะหลวนอี้เหนียงจมลึกสุดเส้นทางทำเอานางสำลักเพราะขาดอากาศ
“ชอบหรือไม่เจ้าคะ” เสียงหวานออดอ้อน พร้อมลงริมฝีปากอีกครา มือเล็กชักรูดถี่ๆ จนแท่งอุ่นจนร้อนจัดเต้นเร้าอยู่ในโพรงปาก ใช้เวลาเนิ่นนานจนเขาพอใจหลุดเสียงในลำคอ
นางยิ้ม กล่าวอู้อี้ ปลายแท่งหยกปาดอยู่บนกลีบปาก “รับรองว่าคุณหนูเว่ยผู้นั้นไม่สามารถเช่นข้าแน่”
เขาผลักนางออกทันที “เอ่ยถึงนาง? ทำให้ข้าเสียอารมณ์” พร้อมคว้าอาภรณ์ขึ้นสวมอย่างลวกๆ
“ข้าผิดไปแล้ว คุณชายอย่าไปเลยนะเจ้าคะ” นางกอดแขนเขาแต่ถูกสะบัดทิ้ง
ถังไป๋ซานใช้สองมือจัดเรือนผมให้เข้าที่ โยนเงินก้อนหนึ่งลงบนเตียงแล้วหุนหันเดินออกจากห้อง ไม่แม้จะเหลียวมองเจ้าของเสียงหวานที่ร้องขอให้อยู่ต่อสักนิด
…………….
ฝากกดหัวใจ กดติดตามกันด้วยนะคะ
ความคิดเห็น