คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บ้าชะมัด ตื่นขึ้นมาในโลงศพ
พ่ายรักคุณชายเสเพล
....................
เสียงฟ้าคะนองเลือนลั่น อสนีบาตสีม่วงฟาดผ่าเป็นเส้นสาย ก่อนสายฝนจะสาดเทกระหน่ำ คลื่นพายุลูกใหญ่พัดแรงจนต้นไม้สูงชะรูดลู่ไปตามแรงลม
มีเสียงสตรีป่าวร้องกึกก้องกัมปนาท “ช่วยด้วยเจ้าค่า! ช่วยคุณหนูด้วย”
แม้ตะโกนร้องสุดเสียง ทว่าถูกเสียงคลื่นลมแปรปรวนกดทับจนทำให้กว่าจะมีคนได้ยิน ร่างของเว่ยอิงเหมยก็เย็นเฉียบเสียแล้ว
พิธีศพจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย เรือนสกุลเว่ยประดับด้วยผ้าขาวดำ เว่ยซานเฉิน บิดาของเว่ยอิงเหมยสวมชุดขาวโพลนทั้งร่าง ต้อนรับบรรดาญาติห่างๆ ที่มาคำนับศพ
กลิ่นธูปอบอวลทั่วห้อง อยู่ดีๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากโลงไม้ ทุกคนผงะรีบหันมองทางต้นเสียง
เสียงที่เบาราวกับเล็บข่วนค่อยๆ ดังขึ้น
ทุกคนแตกตื่น ถอยรนไปเกาะเสา มีเพียงเว่ยซานเฉินที่ยังจิตแข็ง แค่นเสียงอย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่า “นั่นเจ้าหรือ ลูกข้า...”
มีเสียงอู้อี้ดังมาจากด้านในโล่งไม้ บรรดาญาติรีบวิ่งจนลืมเสียสิ้นซึ่งมารยาท ทันใดนั้น ฝาโล่งลอยละลิ่วขึ้นเหนืออากาศ เว่ยซานเฉินกับคนรับใช้หงายหลังล้มลงพื้น ใบหน้าซีดขาวประหนึ่งถูกผีหลอก
ร่างบางในโล่งไม้ขยับลุกขึ้นนั่ง ยกมือขึ้นเกาศีรษะ ใบหน้างัวเงีย รู้สึกปวดหัวและเจ็บที่คออย่างมาก นางไอดังๆ หลายครั้ง ยกมือขึ้นทุบอก พยายามสูดลมหายใจเข้า
ชีอี้ หญิงรับใช้คนสนิทของเว่ยอิงเหมยรีบรุดเข้าไปหา อุทานด้วยความดีใจ “คุณหนูยังไม่ตาย คุณหนูยังไม่ตาย!”
เว่ยซานเฉินกึ่งตกใจกึ่งดีใจ รีบพยุงร่างตัวเองลุกขึ้น เดินเข้าไปหาธิดายอดรัก เอื้อมมือสัมผัสผิวนางอย่างรวดเร็วครั้งหนึ่ง พบว่าร่างนั้นมิได้เยียบเย็น หากแต่อบอุ่นคล้ายว่ามีโลหิตหล่อเลี้ยง
“เสี่ยวเหมย เจ้ายังไม่ตายจริงๆ ด้วย”
เสียงใหญ่สั่นพร่า ยกมือขึ้นปาดน้ำตา ตั้งแต่มารดาของเว่ยอิงเหมยตาย นางก็รักสงบ จิตใจใฝ่หาทางธรรม ราวกับปลงในชีวิตที่ไม่เที่ยง นางมักเข้าวัดทำบุญเสมอ ทว่าช่วงปีหลังถึงขั้นสวมชุดขาว นับถือศีลเป็นมรรคาแห่งชีวิต มิหนำซ้ำช่วงหลังยังวางแผนปลงผมออกบวช
แน่นอนว่าเว่ยซานเฉินผู้เป็นบิดาย่อมไม่ยินยอม หากแต่ถูกรบเร้านานเข้า ประกอบกับเห็นธิดาใฝ่ในทางประเสริฐแล้วอดใจอ่อนไม่ได้ ทว่าเรื่องไม่เป็นดังที่คาดหมาย เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นเสียก่อน
เขาสูญเสียธิดาที่รักจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ หากไม่เพราะบุรุษผู้นั้นใช้อำนาจข่มเหงทุกหนทางเพื่อให้ธิดาตนแต่งงานด้วยแล้ว โศกนาฎกรรมเช่นนี้คงไม่เกิดขึ้น
มายามนี้ นางฟื้นกลับมาจากความตาย นับว่าเป็นเรื่องมงคลยิ่ง หัวอกคนเป็นพ่อสุขจนเหลือล้น
.
.
ปันยี่ในร่างเว่ยอิงเหมยเหยียดกายคลายความเมื่อย ลืมตามองภาพรอบตัวแล้วตกใจมหาศาล
“พวกเธอเป็นใคร ทำไมแต่งตัวประหลาดเช่นนี้ แล้วมายืนล้อมฉันทำไมกัน”
เว่ยซานเฉินมองด้วยความงุนงง นัยน์ตาของธิดายอดรักราวกับไม่ใช่คนเดิม
“จำพ่อไม่ได้หรือ” เขาเอ่ยเสียงเศร้าสลด
ชีอี้รีบหยั่งถาม “แล้วข้าล่ะเจ้าคะ คุณหนูจำได้หรือไม่”
นางส่ายหน้า สังเกตได้ว่าตัวเองอยู่สถานที่แปลกประหลาด เสื้อผ้าก็ดูล้าสมัยราวกับซีรีย์ย้อนยุค อีกทั้งบรรดาคนที่ยืนล้อมยังสวมชุดโบราณเช่นกัน นางถลึงตากว้างพบว่าตัวเองนั่งอยู่ในโลงไม้
“อัปมงคลแล้ว ใครกล้าพาข้ามานอนในโลงกัน” ตะเบ่งเสียงโวยวายขึ้น เสียงดังผิดกับคำพูดเนิบช้าพร้อมจริตขี้อายในยามก่อนจะสิ้นลม
นางถกชายกระโปรง กระโดดออกมาจากโลงไม้ ยืนมองอาณาบริเวณที่ตกแต่งอย่างดูล้าสมัย ราวกับหลุดเข้ามาในยุคโบราณปานนั้น
ขบคิดเล่นๆ ไป ทว่าชั่วครู่ก็ต้องชะงัก ลอบสงสัยว่าคงไม่ใช่เรื่องเล่นแล้วกระมัง นางเห็นอ่างน้ำด้านนอกประตู พลันรีบวิ่งไปสุดฝีเท้า ก้มตัวชะโงกหน้ามองเงาสะท้อน
ภาพที่เห็นคือสตรีใบหน้าหวานล้ำ คิ้วโก่งดั่งเสี้ยวจันทร์ จมูกนิด ปากหน่อย ดวงตากลมใสเป็นประกาย รูปร่างเรียวบาง งดงามปานล่มเมือง ผิดกับรูปร่างตัวเองที่จดจำได้จนสิ้น
นางครุ่นคิด ในกาลก่อนครั้งสุดท้ายที่จำได้คือยามที่ตกบันไดลงมาจากชั้นห้า ตอนนั้นเร่งรีบเอางานไปส่งให้อาจารย์ที่มหาลัย ไม่คาดคิดว่าที่พื้นจะมีน้ำเจิ่งนอง อุบัติเหตุครานั้นคือภาพสุดท้ายที่ตกค้าง
ปันยี่ตระหนักได้ว่าเหตุการณ์ครานั้นอาจทำให้นางย้อนเข้ามาในอดีต เป็นไปได้ที่วิญญาณอาจหลุดเข้ามาในร่างสตรีที่ไม่รู้จักผู้นี้ คิดแล้วช่างคล้ายนิยายน้ำเน่าเสียจริง
นางหยิกแขนตัวเองแรงๆ ครั้งหนึ่ง แล้วร้องโอยดังลั่น ยืนยันแล้วว่าไม่ใช่ความฝัน
ยามนี้ทุกคนจ้องมองเว่ยอิงเหมยที่ฟื้นขึ้นมาจนตาค้าง พลางกระซิบว่านางเสียสติไปแล้วหรือไม่
เว่ยซานเฉินโผเข้ามากอดลูกรัก “โธ่ลูกพ่อ แม้สติเจ้าจะกลับมาไม่ครบ แต่ว่าอย่างไรเจ้าก็คือลูกข้า”
นางกรอกนัยน์ตา นึกถึงซีรีย์ที่ดูในโทรทัศน์บ่อยๆ เห็นวิญญาณนางเอกย้อนเข้าไปสิงร่างคนในอดีต จากนั้นคนอื่นจะมองว่าทำตัวแปลกประหลาดจนถูกหาว่าฟั่นเฟือน สุดท้ายคือถูกจับขังไปชั่วชีวิต ขบคิดดีให้ดีแล้วไม่อยากเป็นคนบ้าเช่นในซีรีย์น้ำเน่า เช่นนั้นก็ขอสวมบทบาทให้สมกับคนในอดีต แล้วค่อยหาทางกลับโลกความเป็นจริงคงเป็นหนทางที่ดีกว่า
คิดเช่นนั้นแล้วแสร้งยกมือขึ้นลูบศีรษะอย่างเชื่องช้า “ท่านพ่อ... ข้าปวดศีรษะนัก”
เว่ยซานเฉินเบิกตากว้าง “เจ้าจำพ่อได้แล้วหรือ”
“ข้า... ข้าไม่แน่ใจเจ้าคะ ข้าจำได้ว่าที่นี่คือบ้านของเรา ท่านคือท่านพ่อของข้า ส่วนนางคือสาวรับใช้.. แต่นอกจากนั้นข้าจำไม่ได้เลยเจ้าคะ ข้าเป็นอันใดไปเจ้าคะ”
นางสวมวิญญาณตัวประกอบของละครเวที ตลอดสี่ปีในรั้วมหาลัยไม่เคยมีเวทีใดที่นางไม่ได้เข้าร่วม ทุกคนฉีกยิ้มกว้าง รู้สึกว่าค่อยคล้ายคุณหนูที่อ่อนหวานขึ้นบ้างแล้ว
ชีอี้นั่งลงข้างๆ ยกมือขึ้นปาดน้ำตา “โธ่... คุณหนูของข้า” แค่นเสียงแฝงโทสะอีกว่า
“หากไม่ใช่เพราะคุณชายถังผู้นั้น คุณหนูคงไม่คิดสั้น โชคดีที่คุณหนูฟื้นขึ้นมาได้ ส่วนเรื่องความทรงจำค่อยๆ รื้อฟื้นดีหรือไม่เจ้าคะ”
เว่ยซานเฉินพยักหน้า “ใช่... เวลานี้ควรค่าแก่ความดีใจ เจ้าเพิ่งรอดจากมือยมบาล กลับไปนอนพักที่ห้องก่อนเถิด ประเดี๋ยวพ่อจะเร่งคนใช้ให้เตรียมน้ำอุ่นล้างเสนียดจัญไรให้เจ้า และจะสั่งให้ห้องครัวต้มยาบำรุงให้เจ้าเยอะๆ ด้วย”
เว่ยซีเหม่ยคิดว่าดีไม่น้อย ยามนี้รู้สึกหิวจนแสบท้อง หรืออาจเพราะร่างนี้ไม่มีอาหารตกถึงท้องมาหลายวัน นางก้มดมกลิ่นตัวเอง โชคดีที่ร่างกายไม่เน่าเหม็น
.........................
สวัสดีรีดเดอร์ที่น่ารักของไรท์นะคะ
ฝากกดติดตาม กดเข้าชั้นไว้นะคะ จะได้ไมาพลาดทุกการอัพเดท
อย่าลืม....ปาหัวใจดวงโตๆ มาให้กันบ้างนะคะ หิวหัวใจจัง... ><
ความคิดเห็น