ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Undertale AfterAll : Post Pacifist

    ลำดับตอนที่ #4 : Episode 3 ที่โลกใต้ดิน

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.พ. 60


         สองข้างทางที่เป็นป่าที่เริ่มจะรกทึบขึ้นเรื่อยๆเสียงรถยนต์ที่ขับผ่านถนนที่กำลังจะขึ้นไปที่ภูเขาแห่งหนึ่งแย๊งขับรถยนต์ของเขาไปโดยที่แอสกอร์และพาไพรัสนั่งมาด้วยกันด้วย โดยพวกเขากำลังจะไปยังที่โลกใต้ดินซึ่งเป็นที่อยู่ของเหล่ามอนสเตอร์ซึ่งพวกเขาเรียกว่า "บ้าน"

         ส่วนเด็กที่มากับมอสเตอร์ชื่อฟริกส์นั้นได้ส่งเธอไปที่สถานีตำรวจก่อนที่จะพากลับบ้านเพราะก่อนหน้านั้นเคยมีการแจ้งความว่าเธอหายไปซึ่งที่จริงแย๊งที่สังกัดกองทหารรักษามาตุภูมิก็ร่วมกับหน่วยกู้ภัยออกค้นหาเธอแต่ก็ไม่พบจนวันนี้เธอก็กลับมาพร้อมกับเพื่อนๆสุดแปลกของเธอ แต่ส่วนรายละเอียดก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติมเพราะกะว่าจะค่อยว่ากันต่อ

    “ฉันยังไม่ได้ถามชื่อพวกเขาที่เหลือเลยพอบอกได้ไหมว่าชื่ออะไรกันบ้าง” แย๊งถามพาไพรัส

    “ได้สิ เริ่มจากอันไดน์ที่ผมสลวยสีแดงนั้นเธอเป็นหัวหน้าของรอยัลการ์ดที่จริงฉันกำลังพยายามฝึกเพื่อที่จะเป็นสมาชิกให้ได้เพื่อที่จะให้ได้เป็นอย่างเธอบ้าง จะว่าไปฝ่าบาท . . . แล้วเมื่อไหร่ข้าจะได้เป็นซักทีล่ะ”

    “. . . ไม่รู้สิคงต้องขึ้นอยู่กับเธออ่ะนะเพราะเป็นหัวหน้ารอยัลการ์ดนิ”

    “วู้~~แย่จัง ต่อไปแอลฟี่ที่ใส่ชุดสีขาวอยู่เธอเป็นนักวิทยาศาสตร์ประจำโลกใต้ดินทำงานให้กับฝ่าบาทอยู่ เธอเก่งมาก ๆเลยล่ะและเป็นเพื่อนสนิทของอันไดน์เค้า ปกติเธอจะเป็นคนขี้อายพอสมควร”

    “และสุดท้ายโทเรียลตอนแรกก็นึกว่าเป็นแอสกอร์อีกคนอ่ะนะ”

    อะแฮ่ม . . . ” แอสกอร์ขัดจังหวะเมื่อพาไพรัสพูดถึงโทเรียล

    “. . . ? มีอะไรหรือปล่าว” แย๊งขับรถไปถาม

    “เปล่าๆไม่มีอะไร” แอสกอร์บอกปัดไป

    “ฝ่าบาททรงเป็นราชินีแห่งโลกใต้ดินที่พวกเรากำลังจะไปนี่แหละ”

    “อืม . . . พาไพรัสนายมาตามทางนี้ใช่หรือปล่าว”

    “ใช่แล้ว เจ้ามนุษย์ ข้าพาไพรัสไม่พาหลงอยู่แล้ว

         ทางที่กำลังจะไปเป็นภูเขา Ebott ที่กล่าวขานมาตลอดว่าใครที่ไปจะไม่ได้กลับมาเพราะเคยมีคดีบุคคลสูญหายหลายต่อหลายคนจากแฟ้มคดีเก่าๆที่จำหน่ายแล้วว่าหายสาบสูญจนกระทั่งฟริกส์เธอน่าจะเป็นคนแรกที่กลับมาได้อย่างปลอดภัย ภูเขาอยู่ห่างจากเมืองประมาณ 4-5 กิโลเมตรเห็นจะได้ก่อนที่ถนนมันจะตันแต่รถที่เอามาก็ยังขับต่อไปได้สักพักก่อนที่จะต้องเดินเท้าขึ้นภูเขาไปจนกระทั่งมาถึงปากถ้ำ

    “พวกคุณมาจากที่นี่หรอกเหรอ ?”

    “ใช่ครับ” หันไปด้านหลังเป็นจะสามารถเห็นวิวได้อย่างชัดเจนดวงอาทิตย์ก็ค่อยๆลับขอบฟ้าท้องฟ้าก็เริ่มมืดลง

    “ทำไมพวกคุณไม่เคยออกมาจากถ้ำเลยล่ะตลอดที่ผ่านมา ?” แย๊งสงสัย

    “. . . ตลอดที่ผ่านมาพวกเราถูกขังอยู่ที่นี่แต่เพราะฟริกส์ทำให้พวกเราสามารถออกมายังโลกแห่งนี้ได้” 

         ฟริกส์ . . . เด็กคนนั้นคงมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเหล่ามอนสเตอร์เยอะกว่าที่คาดไว้ พวกเค้าเดินมาข้างในเรื่อยๆจนกระทั่งผ่านห้องที่มีเก้าอี้ตัวใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยดอกไม้สีเหลืองโดยที่รู้ทีหลังว่าเป็นห้องบัลลังก์ตามป้ายที่ระบุไว้หน้าห้อง ซึ่งแปลกดีที่เปิดตัวมาก็เป็นปราสาทเลย -__- 

         เดินผ่านห้องที่เป็นห้องโถงใหญ่ที่แสงสาดส่องเข้ามาและเดินมาเรื่อยๆจนกระทั่งออกไปยังข้างนอกโดยเมื่อมองออกไปที่นอกระเบียงภาพที่เห็นไม่มีอะไรจะอธิบายได้เลย

    “นี้เป็นเมืองที่พวกคุณอาศัยอยู่หรอกเหรอ”

    “ใช่ครับ”  แอสกอร์กล่าวโดยมองไปที่เมือง

    “นายก็ด้วยเหรอพาไพรัส ?” แย๊งหันไปถามพาไพรัส

    “ปล่าว ข้าอาศัยอยู่ที่สโนวดิน”

    “สโนวดินนี้ . . .  ?” แย๊งถามพาไพรัส

    “เป็นหมู่บ้านที่ข้าอาศัยอยู่พร้อมกับพี่ชายของข้าน่ะเจ้ามนุษย์”

         ที่เห็นนั้นเป็นเมืองใต้ดินที่แม้จะไม่ใหญ่มากเท่าไหร่นักแต่เหลือเชื่อที่ว่ามันอยู่ใต้ดินโดยที่เหล่ามนุษย์ไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนแม้แต่น้อย และเมื่อเอากล้องส่องทางไกลไปส่องดูในเมืองก็พบแต่เหล่ามอนสเตอร์ที่อาศัยอยู่ในเมืองเต็มไปหมด แย๊งเก็บกล้องส่องทางไกลและได้ขอให้แอสกอร์นำทางเดินต่อไปเรื่อย ๆเพื่อลงไปยังตัวเมืองเพื่อทำการสำรวจ

         เมื่อถึงตัวเมือง ตัวเมืองนั้นรูปแบบก่อสร้างเป็นแบบสมัยโบราณที่คล้ายๆกับรูปแบบเมืองบนพื้นโลกแต่ก็ร่วมสมัย พวกเขามีเทคโนโลยีที่คล้ายๆกับโลกข้างบนและบรรยากาศวิถีชีวิตก็ออกแนวยุคสมัยปัจจุบัน เหล่ามอนส์เตอร์ที่พบเจอก็พูดคุยโดยไม่มีปัญหาอะไรมากนักบางส่วนก็รู้สึกยินดีที่พวกเขาจะได้กลับขึ้นไปยังโลกข้างบนอีกครั้งและเป็นเพื่อนกับมนุษย์แต่ก็มีบางส่วนที่มองแบบไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่มากนัก

    เฮ้ นั่นใช่มนุษย์หรือปล่าว” มอนสเตอร์คนนึงเรียกแย๊งที่กำลังเดินสำรวจในตัวเมืองอยู่

    “ถามฉันเหรอ” “ใช่ นายนั่นแหละ”

    “ก็ใช่ ฉันเป็นมนุษย์มีอะไรให้ช่วยหรือปล่าว”

    “ถ้าก่อนหน้ามีแน่ แต่ตอนนี้พวกเราเป็นอิสระแล้วและจะได้ขึ้นไปยังข้างบนซักที”

    “อืมก็ดี -__-*” ก่อนหน้า ?? มันเกิดอะไรขึ้นกับที่แห่งนี้กันแน่หว่า

    “อ่ะ ?! แอสกอร์ . . . ท . . . ท่านมาทำอะไรที่นี่เนี่ย” มอนสเตอร์ตัวนั้นเจอกับแอสกอร์ที่อยู่ข้างหลังแย๊ง

    “ฉันนำทางให้มนุษย์คนนี้เดินสำรวจในเมืองน่ะ”

    “อ๋อครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”มอนสเตอร์ตกใจที่แย๊งรู้จักกับแอสกอร์ก่อนที่จะเดินหนีไป

         ดูเหมือนทุกๆคนจะรักแอสกอร์ซึ่งเป็นราชาของพวกเขาเป็นอย่างมากโดยตลอดทางเหล่ามอนสเตอร์ได้พูดคุยกับแอสกอร์อย่างสนิทสนมมาก โดยที่แย๊งพยายามจดบันทึกและใช้กล้องถ่ายรูปถ่ายในสิ่งที่พบเจอตลอดทาง

         ส่วนพาไพรัสได้แยกกับแย๊งและแอสกอร์ไปก่อนหน้านั้นสักพักแล้วโดยเขาบอกว่าจะไปหาพี่ชายของเขาที่สโนวดินเมื่อทำการสำรวจได้ระดับหนึ่งทั้งคู่ก็เดินทางกลับไปโดยระหว่างนั้นแย๊งก็ได้ถามแอสกอร์กับที่สงสัยสักพักนึงแล้ว

    “พอช่วยเล่าเรื่องราวที่นี่มาให้ฟังคร่าวๆหน่อยได้หรือปล่าวครับ” 

    “ได้ครับ ระหว่างที่เล่านี้สนใจรับชาสักถ้วยไหม”

    “เยี่ยมเลย :3 ฉันชอบดื่มชามากกว่ากาแฟซะด้วย”

         ทั้งคู่เดินกลับไปยังปราสาทก่อนที่จะเดินต่ออีกสักพักไปยังบ้านของแอสกอร์ ที่ห้องนั่งเล่นดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครอยู่ซักเท่าไหร่แล้วแม้ว่าข้าวของข้างในบ้านจะบอกว่ามีคนอยู่มากกว่านี้ แย๊งดื่มชาที่แอสกอร์ให้มาและฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับที่นี่

    “เมื่อ 500 ปีก่อนเหล่ามอนสเตอร์เคยอาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ก่อนที่จะเกิดสงครามและมนุษย์ก็ชนะโดยขังพวกเราไว้ใต้ดินด้วยบาเรียพลังเวทย์มนต์ที่ทำให้พวกเราไม่สามารถออกมายังข้างนอกได้” แอสกอร์เล่าออกมาให้ฟังแบบคร่าวๆ

         (กับคนที่คุยตรงหน้ากะอีแค่พลังเวทย์มนต์ทำไมจะไม่เชื่อ) แต่ที่แปลกคือในประวัติศาสตร์ของโลกมนุษย์บันทึกไว้แค่ว่า 500 ปีก่อนได้เกิดสงครามใหญ่ซึ่งก็เหลือเชื่อที่ว่าคู่กรณีคือพวกเขามอนสเตอร์โดยเรื่องนี้ไม่ถูกกล่าวถึงเลยแม้แต่น้อยและพวกเขาก็อาศัยอยู่ใต้ดินมาตลอด 500 ปี ซึ่งที่จริงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ช่วง 300 ปีก่อนลงไปนั้นมีข้อมูลที่ถือว่าน้อยมากๆเหมือนกับว่าเรื่องราวได้หายสาบสูญด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม . . .

    “และเมื่อฟริกส์ได้มายังโลกใต้ดินแห่งนี้ คิดว่าเพราะเธอทำให้บาเรียถูกทำลายลง”แอสกอร์ถอนหายใจเมื่อถึงเรื่องราวในท่อนนี้

    “คิดว่า ?? หมายความยังไงเหรอครับ

    “ไม่แน่ใจเหมือนกันแต่เราเชื่อว่าด้วยปณิธานของเธอมันทำให้พวกเราได้ออกมายังโลกข้างนอก”

    “. . . . ฟริกส์เหรอ” แย๊งนั่งครุ่นคิดเกี่ยวกับเธออยู่พักใหญ่ว่าตกลงเธอมาทำอะไรที่นี่กันแน่

    “ว่าแต่ . . .” ดูเหมือนแอสกอร์จะกังวลกับคำถามที่เขากำลังจะถามพอสมควร

    “ไม่ทราบว่ามนุษย์จะยินดีที่พวกเราจะขอผูกสัมพันธ์ด้วยหรือปล่าวครับ”

         แย๊ง นิ่งไปชั่วครู่นึงก่อนที่จะหลุดหัวเราะเล็กๆออกมาให้แอสกอร์สงสัยว่าทำไม

    “อันที่จริง พวกคุณก็ได้คำตอบมาแล้วนะ :3”

     ? ” แอสกอร์งงกับคำตอบที่แย๊งพูดออกมาว่าได้ไปเมื่อไหร่

    “จำเด็กที่วิ่งเข้าไปเล่นกับคนที่ชื่อโทเรียลและอันไดน์ได้หรือปล่าว”แอสกอร์นึกออกและฟังเหตุผลของแย๊งต่อ

    “ที่โลกของเราข้างบนเมื่อประมาณ 30 ปีก่อน ได้เกิดสงครามกลางเมืองครั้งใหญ่และมันก็จบลงไปนานแล้ว มันทำให้พวกเราให้ความสำคัญสันติภาพและเสรีภาพและพยายามไขว่ขว้ามัน ซึ่งเราก็ได้มา”

    “แล้วเด็กคนนั้นเกี่ยวข้องอะไรอย่างนั้นเหรอ ? ”

    “เด็กคนนั้น . . .เหล่าเด็กๆพวกนั้น แน่นอนมันคงไม่มีเหตุผลที่จะให้พวกเขาต้องเผชิญอะไรที่โหดร้ายแบบที่พวกเราเคยเจอ มันเป็นเหตุผลที่ผมเชื่อมันในตัวเด็กคนนั้นและพวกคุณเหล่ามอนสเตอร์ และอย่างที่เห็นเค้าไม่กลัวพวกคุณเลย ซึ่งมันน่าอายด้วยซ้ำที่พวกเรากลัวพวกคุณโดยไม่มีเหตุผล”

    "เพราะอย่างนั้น . . . ผมเชื่อว่าวันที่จะได้อยู่ร่วมกันจะต้องมาถึงอย่างแน่นอน” 

         แอสกอร์ดูเหมือนจะค่อยๆคลายความกังวลต่ออนาคตของเหล่ามอนสเตอร์ไม่มากก็น้อยขณะที่ตัวแย๊งเองก็รู้สึกดีเช่นกันแต่ขณะเดียวกันก็นั่งครุ่นคิดต่อถึงแผนต่างๆที่ต้องทำหลังจากนี้ . . .

    "และที่สำคัญคือผมก็ได้ให้คำมั่นบางอย่างกับคนสำคัญเอาไว้ด้วยว่า. . ." แย๊งกล่าวขึ้นมา

    "คนสำคัญนี้ . . . ใครหรือครับ ?" แอสกอร์ถาม

    "ห๊ะ !?! พอดีใจลอยนิดหน่อยน่ะขอโทษด้วย พอดีมันเป็นเรื่องส่วนตัวน่ะครับ แหะ แหะ"

    “ข้ากลับมาแล้ว ที่จริงน่าจะได้แวะดูบ้านของข้าด้วยนะเจ้ามนุษย์”
    พาไพรัสที่น่าจะกลับมาจากที่สโนวดินเดินมาหาทั้งสองคน

    “เดี๋ยวค่อยทีหลังละกัน ว่าแต่พี่ชายของนายเป็นไงบ้าง”

    “เปล่าข้าไม่เจอเขา ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปไหนจะว่าไปเจ้ามนุษย์”

     ? ” ซึ่งก็ได้แต่ปล่อยให้แย๊งงงว่าพี่ชายของเราเป็นใครกันแน่ก่อนที่พาไพรัสจะถามต่อ

    “เดี๋ยวพวกเราจะกลับไปที่โลกข้างบนนอีกหรือปล่าว ?”

    “อืม เพราะไม่ใช่ว่าพวกคุณอยากจะออกมายังโลกข้างบนหรอกเหรอ”

    “ก็ใช่”

    “เพราะงั้นก็เลยคิดอยู่ว่าฉันจะช่วยอะไรพวกนายได้บ้างหรือปล่าว ระหว่างนี้กลับไปยังข้างบนก่อนดีกว่า”

         แย๊ง แอสกอร์ และพาไพรัสเดินกลับออกไปยังพื้นโลกอีกครั้งส่วนเหล่ามอนเตอร์ที่ในเมืองนั้นบางส่วนก็เริ่มทยอยเก็บข้าวของเตรียมย้ายกันบ้างแล้ว เมื่อถึงปากถ้ำอีกครั้งดูเหมือนข้างนอกจะมืดแล้วดังนั้นแผนที่คิดไว้คงได้เริ่มพรุ่งนี้ส่วนเหล่ามอนสเตอร์ที่อยู่ในเมืองมนุษย์คงต้องหาที่พักให้เป็นการชั่วคราวก่อน โดยระหว่างที่ขับรถอยู่นั้น ท้องฟ้าที่มืดมิดดวงดาวที่ระยิบระยับมันทำให้แอสกอร์ พาไพรัส และก็แย๊ง คิดถึงอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป

     

    TO BE CONTINUED

     

    จบ . . หรือยังวะ ?

         แย๊งที่กำลังเดินกลับไปยังโลกข้างบนนั้นก่อนที่จะเลี้ยวเข้าห้องบัลลังก์นั้นแย๊งได้สังเกตุเห็นทางไปห้องอีกห้องนึงที่มีบันไดที่ลงไปลึกพอสมควรมันทำให้สงสัยว่าห้องนั้นมันจะลงไปไหน 

    “ห้องอะไรหว่าบันไดลงไปซะลึกเชียว . . . ?” “มีอะไรหรือปล่าวครับ” 

    แอสที่เดินเข้าห้องบัลลังก์ไปแล้วถามขึ้นมา “เปล่า ๆ ไม่มีอะไรหรอกไปกันต่อเถอะ” 

    ว่าแล้วแย๊งก็เดินต่อโดยที่ทิ้งความสงสัยไว้ว่าห้องนั้นมีอะไร

     

    อีกซักนิด :3

    ยังไงก็ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและติดตามนิยายที่ได้แต่งขึ้นมา เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องแรกที่แต่งได้เป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้เพราะปกติจะวาดการ์ตูนซะมากกว่า :และก็ถ้าอยากจะถามอะไรละก็คอมเม้นต์มาถามได้นะครับและสุดท้าย
    I hope you enjoy.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×