คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : Episode 15 ท่ามกลางสายฝน
ฝนที่กำลังเทลงมาจากท้องฟ้าอย่างหนักตั้งแต่เช้าของวันนี้ มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่กำลังวิ่งอยู่กลางทุ่งโล่งใส่เสื้อคลุมอย่างมิดชิดแบกปืนเดินฝ่าเม็ดฝนที่ตกลงมาโดยไม่ขาดสายจนแทบมองไม่เห็นภาพข้างหน้าอย่างเป็นจังหวะ ซึ่งมันเป็นการฝึกประจำวันของกองร้อยทหารช่างในวันนี้
“อีกระยะ 2000 เราจะถึงที่หมายแล้วทุกคนยังไหวอยู่หรือปล่าว?”
“ยังไหวครับหัวหน้า” ทหารกล่าวขานตอบแย๊งที่เป็นหัวแถวขณะที่กำลังวิ่ง
“ให้ตายสิฝนดันตกหนักซะอีกถึงจะรู้ว่าวันนี้ฝนจะตกก็เหอะ”
“รองเท้าน้ำเข้า!?! เวรๆๆๆ”
“นายผูกเชือกรองเท้าแน่นหรือยัง ??”
“แล้วโว้ย!! รองเท้ามันขาดตั้งแต่เมื่อวานแล้วฉันลืมซ่อม !!”
“กลับไปเท้านายคงไม่เหม็นไปซะก่อนนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“เร็วเข้าใกล้จะถึงแล้วข้าวเช้ารอพวกเราอยู่ ระวัง ! นับ !!!”
“หนึ่ง !! สอง !! หนึ่ง ! สอง ! สาม ! สี่ ! หนึ่งสองสามสี่หนึ่งสองสามสี่ !!! . . . . ”
เสียงที่ดังเป็นจังหวะพร้อมเพรียงกันดังกังวานอยู่กลางทุ่งโล่งที่ฝนยังตกลงมาการฝึกก็ยังคงดำเนินต่อไปจนกระทั่งได้กลับมาถึงที่ค่ายทหารซึ่งตั้งอยู่ข้างๆหมู่บ้านมอนสเตอร์ แย๊งสั่งเลิกแถวแยกย้ายไปจัดการเสื้อผ้าสัมภาระทันทีก่อนที่จะเดินไปโรงอาหารเพื่อรับประทานอาหารเช้า
“เท้าเป็นไงบ้าง?”
“ยุ่ยเลย ส่วนรองเท้านั้นกินข้าวเสร็จเดี๋ยวกลับไปซ่อมเลยฝนตกอย่างนี้คงไม่มีฝึกอะไรอีกใช่หรือปล่าว?”
"นอกจากฝึกตอนเช้าก็คงไม่มีอะไรแล้วแหละ"
“มันฝรั่งบดกับเนื้อทอด ขอบใจมากเพื่อน !!!”
ทหารตะโกนไปหาพ่อครัวที่กำลังจัดอาหารให้กับทหารคนอื่นๆที่ต่อแถวซึ่งพ่อครัวก็ยกมือรับคำชม
“ยังไงวันนี้งานก่อสร้างคงต้องระงับจนกว่าฝนจะหยุดตกใช่หรือปล่าว” แย๊งถามรองหัวหน้า
“อืม วันนี้ก็คงทำอะไรไม่ได้ ที่จริงงานก็ดำเนินไปเยอะแล้วแท้ๆฝนดันตกหนักอีก”
“เดี๋ยวหลังเสร็จงานตรงนี้เดี๋ยวค่อยทำทางเดินกันฝนในค่ายละกัน . . . แล้วนายมีธุระอะไรต้องทำหรือปล่าว?”
“ก็ไม่มี . . . จะว่าไปเธอก็ไม่ได้กลับมาพักใหญ่แล้วนะครับเนี่ย”
“หึ ไปทำภารกิจที่แอฟริกากับ UN เห็นได้ข่าวว่าสถานการณ์ที่นั่นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ก็คงอีกนานเลยมั้ง”
“ว่าเธอกลับมาเธอคงตะลึงกับเรื่องที่นี่ไม่มากก็น้อยแหงๆ ว่าแต่นายน่าจะขอเธอแต่งงานได้แล้วนะ”
พรวด !!! แค่ก~! แค่ก~! แย๊งพ่นน้ำที่ดื่มอยู่ก่อนที่จะสำลักออกมาก่อนที่ทหารที่นั่งข้างๆจะมาช่วยและหลุดขำออกมา
“ชอบเธอสินะหัวหน้า น่าจะบอกได้ตั้งนานแล้วนะคะ” ทหารข้างๆแซว
“ให้ตายสิพวกนายก็นะ ฉันก็ไม่ได้ชอบหรือรักเธออะไรขนาดนั้น”
“เหรอ? แล้วจะพูดคำว่ารักออกมาทำไมล่ะเป็นหัวหน้าซะเปล่า ถถถถถถ กับเรื่องขอสาวแต่งงานยังไงก็กล้าๆหน่อยหัวหน้า”
“เฮ้อ ~ ก็น่ะ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ~ !”
ท่ามกลามเสียงหัวเราะก็ได้มีมอนสเตอร์ตัวสูงเดินมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวพาดอยู่ที่คอและจานอาหารก่อนที่จะตั้งลงข้างๆเหล่าทหารที่กำลังคุยอย่างสนุกสนานและมีความสุขกับอาหารเช้าของพวกเขาเอง
“ขอบใจพวกนายมากเลยนะที่ให้ฉันมาฝึกด้วยเนี่ย”
“ไม่เป็นไรหรอกดีด้วยซ้ำที่เธอมาร่วมฝึกด้วยกันน่ะ อีกรอบนะเธอชื่ออันไดน์ใช่หรือปล่าว”
"ใช่"
อันไดน์ได้มาเข้าร่วมการฝึกประจำวันกับเหล่าทหาร ที่จริงแล้วเธอก็ได้ไปฝึกอยู่กับกลุ่มของแย๊งที่วิ่งฝ่าสายฝนมาในตอนเช้าของวันนี้ อันไดน์เกือบจะเอาชุดเกราะมาเองด้วยซ้ำแต่ก็ได้ใช้อาวุธชุดเครื่องแบบและอุปกรณ์พื้นฐานของมนุษย์ในการฝึก
“เป็นไงบ้างฝึกในวันนี้” ทหารที่นั่งข้างๆถามอันไดน์
“ฉันก็ฝึกหนักแบบนี้นี่แหละเมื่อเทียบกับตอนที่ฉันอยู่หน่วยรอยัลการ์ด”
“หึ ? ว่าแต่ตอนที่อยู่โลกใต้ดินเธอเป็นทหารด้วยหรอกเหรอ ?”
“ใช่ ฉันเป็นหัวหน้าหน่วยรอยัลการ์ดน่ะ”
“งั้นเหรอฉันอยากฟังเรื่องเกี่ยวกับรอยัลการ์ดแล้วสิ” ทหารคนหนึ่งพูดด้วยความสนใจ
“แล้วพวกนายไม่คิดจะเล่าเรื่องของพวกนายให้ฟังก่อนบ้างหรือยังไง?”
“ฮ่า ฮ่า ได้สิพวกเรากองร้อยทหารช่างที่ 41 ที่เห็นก็ . . . . ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกหน้าเดิมๆที่มาอยู่ที่นี่มาสิบกว่าปีพร้อมๆกับหัวหน้านี่แหละ แย๊งเป็นที่นับถือมาตั้งแต่เค้ายังเป็นแค่นายสิบอยู่เลยล่ะและในตอนนั้น. . .”
กริ๊ง~~ง เสียงโทรศัพท์จากกระเป๋าของแย๊งดังขึ้น แย๊งรับสายโทรศัพท์ขึ้นมา
“โหลว่าไง ? . . . โอเคเดี๋ยวฉันไป”
“พอดีมีงานต้องทำฉันไปก่อนนะ และก็อันไดน์ถ้ามีอะไรให้ช่วยถามเจ้าพวกนี้ได้เลยนะ”
“โอเค งั้นขอฟังเรื่องของพวกนายหน่อยละกัน”
“ตอนนั้นหัวหน้าอยู่หมวดสองเป็นช่างไฟฟ้ามันชอบทำอะไรแผลงๆอย่างวันนั้นฉันยังจำได้เลย”
“แล้วหมอนั่นทำอะไรของเขาน่ะ?”
“ก็แบบว่าวันหนึ่งที่กำลังซ้อมติดตั้งระเบิดอยู่นั้น . . .”
ขณะที่อันไดน์และเหล่าทหารคุยกันส่วนแย๊งเดินไปหยิบเสื้อคลุมมาสวมและเดินฝ่าฝนออกไปข้างนอกโดยใช้เวลาไม่นานก็ถึงบ้านฐานทัพตามที่เพื่อนของแย๊งโทรศัพท์ให้ไปหาเมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบเพื่อนของแย๊งนั่งอยู่ที่โต๊ะพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะของเชา
“มีอะไรเหรอเห็นโทรมา?”
“สวัสดีค่ะฉันชื่อแลรี่ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
หญิงสาวคนนี้กล่าวทักทายแย๊งโดยที่เธอกำลังใส่หมวกและเสื้อผ้าที่มิดชิดจนผิดสังเกตุ
“เอ่อ . . . สวัสดีครับมีอะไรหรือปล่าวครับ”
“เธอชื่อ แลรี่ เมเลฟ เป็นลูกครึ่งมอนสเตอร์น่ะ หลังจากที่เธอได้ทราบข่าวเธออยากจะมาดูด้วยตาตัวเองเรื่องมอนสเตอร์ที่หมู่บ้านนี่แหละ” เพื่อนของแย๊งบอกเรื่องเกี่ยวกับเธอ
“หา?”
“มึนตดอะไรของนายแย๊ง?นายบอกเองไม่ใช่เหรอเกี่ยวกับเรื่องนี้นะและเธอก็เป็นหนึ่งในนั้นนี่แหละ”
“อย่างนั้นหรอกเหรอครับ?” แย๊งถามผู้หญิงที่ชื่อแลรี่
“ค่ะ”
แลรี่ถอดหมวดแล้วเสื้อคลุมเสื้อผ้าที่ใส่ออก ผิวหนังที่เป็นเกล็ดบางๆแต่ก็สังเกตุได้และเขาที่ปรากฎอยู่ที่ศรีษะนั้นทำเอาอึ้งไปเล็กน้อยเพราะสุดท้ายแล้วนอกจากเขาคนนั้นที่แย๊งรู้จักก็ยังมีลูกครึ่งมอนสเตอร์คนอื่นๆที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยเช่นกัน
“เอาจริงดิ? . . โอ๊ย !?!”
“ไอนี่ดูท่ายังไม่สร่างแหะ” เพื่อนของแย๊งเขกหัวแย๊งเรียกสติ
“พอฉันได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเรื่องราวของมอนสเตอร์ที่นี่ฉันก็รีบมาที่นี่ทันทีเลยค่ะ”
“ค . . . ครับ -__-”
เพื่อนของแย๊งและแลรี่หลุดขำเล็กๆออกมาแย๊งลากเก้าอี้ข้างๆมานั่ง
“งั้นก็ . . . จะเป็นอะไรหรือปล่าวครับถ้าผมของทราบเรื่องราวเกี่ยวกับทางคุณ”
“ไม่หรอกค่ะฉันจะพยายามช่วยเท่าที่ทำได้ละกันค่ะ”
“ครับ” แย๊งหยิบสมุดบันทึกมาจดบันทึก
“คิดว่าที่ฉันเป็นคงคล้ายๆกับมังกรมั้งไม่แปลกหรอกเพราะแม่เป็นมังกรนี่นา อยากจะบอกกับพวกเด็กๆจังว่าพอได้เป็นเองแล้วมันไม่ได้รู้สึกดีเท่าไหร่เลย”
แลรี่พูดประชดกับสิ่งที่ตัวเองเป็นซึ่งนั่นก็คือลูกครึ่งมอนสเตอร์
“ฉันเกิดที่ทางฝั่งตะวันออกอย่างที่บอกลักษณะที่เป็นได้มาจากแม่ แม่นั้นทำงานร้านขายของเล็กๆส่วนพ่อทำงานช่างที่โรงงานส่วนตัวของพ่อและมีน้องชายที่เป็นเหมือนกับฉันอยู่ด้วย”
“ไม่ทราบว่ามีชีวิตความเป็นอยู่ยังไงบ้างครับ?”
“ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากเท่าไหร่แม้พวกเราจะอาศัยกันอยู่ในเมืองแต่คนผู้คนในเมืองก็เข้าใจและยอมรับสิ่งที่ครอบครัวของเราเป็น ซึ่งต้องขอบคุณพ่อที่พยายามช่วยเหลือคุณแม่และพวกเรามาตลอด ส่วนน้องชายก็เข้ากับเพื่อนที่โรงเรียนได้ดีค่ะ”
“อย่างนั้นเหรอครับ . . . แล้วแม่ของเธอได้เล่าอะไรเกี่ยวกับเรื่องในอดีตให้เธอฟังบ้างหรือปล่าวครับ?”
“เท่าที่แม่เล่าให้ฉันฟังก็คือบรรพบุรุษของคุณแม่นั้นมีลักษณะที่แตกต่างจากมนุษย์มานานแล้วโดยได้หลบซ่อนจากการสู้รบครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วก่อนที่จะเริ่มใช้ชีวิตอยู่กับมนุษย์จนถึงปัจจุบัน ที่จริงฉันพยายามถามแม่อยู่หลายครั้งกว่าแม่จะยอมเล่าให้ฟัง”
“พอรู้สาเหตุหรือปล่าวครับ?”
“เห็นคุณแม่บอกว่าแม่ไม่อยากให้เรื่องบาดหมางในอดีตมาทำลายความพยายามของคุณพ่อ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันที่แม่พูดนั้นคือเรื่องอะไร ที่จริงหลังจากที่ข่าวเกี่ยวกับมอนสเตอร์ปรากฎตัวขึ้นคุณแม่ก็ถึงยอมเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังน่ะค่ะและดูเหมือนคุณแม่จะร้องไห้ด้วยที่ได้ข่าวเรื่องนี้”
ในระหว่างที่แลรี่เล่าเรื่องของเธอให้ฟังแย๊งก็ได้จดเรื่องราวใส่บันทึกอย่างไม่ลดละและรวดเร็ว
“แล้วไม่ทราบว่าคุณรู้สึกยังไงบ้างครับหลังที่ได้ทราบข่าวนี้?”
แลรี่มองไปยังข้างนอกหน้าต่างเป็นมอนสเตอร์ที่กำลังหลบฝนอยู่ตึกฝั่งตรงข้ามก่อนที่จะยิ้มเล็กน้อยและก้มมองมาที่มือของตัวเองที่ลักษณะที่เป็นเกล็ดและมีเล็บที่แหลมคม
“ตั้งแต่ฉันจำความได้ฉันรู้สึกแตกต่างจากคนอื่นๆมาโดยตลอดถึงแม้คนอื่นๆจะไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้และสนิทสนมกับฉันแต่ก็คิดมาตลอดว่าสักวันจะได้พบเจอคนอื่นๆที่เป็นเหมือนกับฉันน้องชายและคุณแม่ . . . ขอบคุณมากนะคะ”
แย๊งที่ได้รับคำขอบคุณก็วางปากกาที่เขียนบันทึกลงก่อนที่จะคุยกับแล่รี่
“ผมคิดว่า. . . ถ้าจะขอบคุณล่ะก็ผมว่าคุณควรขอบคุณเด็กคนนั้นมากกว่านะ”
“เด็กคนนั้น?”
“เธอชื่อฟริกส์น่ะครับ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันแต่เธอเป็นเด็กที่ชอบทำหน้าชวนเบื่อโลกแต่เธอเป็นคนที่ช่วยเหลือพวกมอนสเตอร์ที่ถูกขังอยู่ใต้ดินให้ได้เป็นอิสระน่ะครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอไปทำอะไรที่นั่นแต่สิ่งที่เธอทำนั้นต้องยิ่งใหญ่แน่นอน”
“ฉันอยากจะเจอเธอซะแล้วสิ แล้วตอนนี้เด็กคนนั้นอยู่ไหนเหรอคะ?”
“เร็วๆๆ !! เปียกหมดแล้ว”
เสียงเด็กที่คุ้นเคยดังมาจากข้างนอกก่อนที่จะวิ่งเข้ามาขณะที่กำลังคุยกันอยู่ซึ่งก็เป็นวิสกับฟริกส์ที่วิ่งฝ่าฝนเข้ามาโดยสภาพของพวกเขานั้นเปียกไปทั้งตัวเพราะฝ่าฝนมา
“วิส ?? ฟริกส์ !? พวกเธอมาได้ไงเนี่ย ฝนตกไม่ใช่เหรอ”
“ตอนที่พวกเราสองคนขึ้นรถมาจากในเมืองเห็นฝนหยุดตกพอดีก็เลยคิดว่าคงไม่เป็นไรแต่พอนั่งรถมาได้สักพักฝนก็ตกลงมาอีกก็เลยวิ่งฝ่าฝนมาจนเปียกอย่างที่เห็นนี่ล่ะ”
“แล้วทำไม่พกร่มมาด้วยเล่าโธ่~เอาผ้าไปเช็ดตัวซะ” แย๊งลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวในห้องมาให้ทั้งสองคน
“เอ่อ ไม่ทราบว่าเธอหรือปล่าวคะ? เด็กคนที่ว่า”
“ที่ใส่เสื้อลายขวาทำหน้าปลาตายคนนั้นแหละครับ” แย๊งชี้มาที่ฟริกส์
“เธอคือฟริกส์ใช่หรือปล่าว? ฉันชื่อแลรี่ยินดีที่ได้รู้จักนะ” แลรี่หันไปทักทายฟริกส์
*เธอชื่อฟริกส์และยินดีที่ได้รู้จัก*
“ตัวแค่นี้เองแต่ก็ทำเรื่องยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้เก่งจังเลยนะ”
*เพราะเธออยากจะเป็นเพื่อนกับทุกๆคน*
“แหม่ ยังไงก็ต้องขอบคุณเธอมากๆเลยนะ ^_^”
“ว่าแต่พี่ก็เป็นมอนสเตอร์เหมือนกันเหรอครับ?” วิสถามแลรี่
“น่าจะประมาณว่าเป็นลูกครึ่งมอนสเตอร์มังกรน่ะจ่ะ”
หลังจากนั้นแย๊งก็ได้จดเรื่องราวของแลรี่เพื่อใช้เป็นข้อมูลต่ออีกเล็กน้อย และแลรี่ก็ได้คุยกับฟริกส์และคนอื่นๆอยู่พักใหญ่ก่อนที่ฝนจะหยุดตก ทุกๆคนที่ต่างหลบฝนก็ทยอยออกมาเพื่อออกมาสูดอากาศข้างนอก
“ในที่สุดฝนก็หยุดตกซักทีเล่นตกเอาตั้งแต่เช้านี้ทำเอาซะเบื่อเลย”
“เย้ ฝนหยุดตกแล้ว”
“แย๊งครับ” เสียงของแอสกอร์ที่กำลังเดินมาหาแย๊งพร้อมกับแฟ้มเอกสาร
“นี้เป็นเอกสารที่ขอไปในตอนนั้นผมทำมาให้เรียบร้อยแล้วครับ”
“ไม่ทราบว่าคุณคือ” แลรี่ถามมอนสเตอร์แพะตัวสูงที่กำลังคุยกับแย๊ง
“ยังไม่รู้จักหรอกเหรอครับ เค้าคือแอสกอร์เป็นผู้นำของเหล่ามอนสเตอร์ในตอนนี้น่ะครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” แอสกอร์กับแล่รี่กล่าวทักทายซึ่งกันและกัน
“ฉันก็เช่นกันค่ะและก็ยินดีด้วยนะคะที่ได้ขึ้นมายังโลกพื้นดิน อ่ะ !? . . . ดูเหมือนว่าฉันต้องกลับแล้วพอดีว่าฉันเป็นนักศึกษาและยังมีงานค้างที่ต้องรีบทำส่งของที่เรียนน่ะค่ะ” แลรี่ก้มลงมองที่นาฬิกา
“งั้นก็ขอให้โชคดีนะครับ” แย๊งกล่าวลา
“เช่นกันค่ะ ไม่ทราบว่าคุณพอจะรู้จักเรื่องตำนานเกี่ยวกับมังกรที่บินกลางราตรีแถวภาคตะวันออกไหมคะ?”
“ฉันรู้จักนะ” เพื่อนของแย๊งตอบ
“เป็นเรื่องที่มีคนพบเห็นมังกรบินอยู่บนท้องฟ้าเวลากลางคืนแถวๆนั้นเป็นประจำ . . . เดี๋๋ยวนะ ? หรือว่าเธอ . . .”
“ค่ะ ยังไงก็ให้เก็บความลับไว้สักพักนะคะ ^_^”
ทันทีที่จบประโยคนี้แลรี่ปลดกระดุมตรงบริเวณไหล่ทั้งสองข้างเพื่อให้ส่วนที่ปกปิดด้านหลังเปิดออก ปีกที่ถูกพับเก็บก็กางออกและไม่ช้าปีกของเธอก็พาเธอทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในทันทีและแลรี่ก็โบกมือกล่าวลาก่อนที่เธอจะบินหายลับขอบฟ้าไปปล่อยคนที่อยู่ในหมู่บ้านอึ้งกันไปเป็นแถว
“ว้าว ไม่อยากจะเชื่อเลยแหะว่าตำนานนั้นจะเป็นเธอ” เพื่อนของแย๊งตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น
“ฉันว่าอาจจะไม่ใช่แค่เธอก็ได้เพราะตำนานนี้มีมาตั้งแต่ก่อนที่พวกเราจะเกิดแถมดูแล้วเธอก็อายุน้อยกว่าพวกเราซะอีก”
“งั้นก็หมายความว่า . . .”
“อืม . . . ว่าแม่ของเธอก็มีส่วนในตำนานนี้ด้วยก่อนที่แม่ของเธอจะวางมือและให้ลูกรับช่วงนี่แหละ บางทีนะพวกเขาก็อาจจะใช้ชีวิตอยู่ใกล้ตัวเรากว่าที่คิดก็ได้ใครจะไปรู้ล่ะ”
“ดูเหมือนว่าเธอจะมีความสุขดีนะครับ” แอสกอร์กล่าว
“น่าจะอย่างนั้นแหละ ไม่งั้นเธอคงไม่โบยบินอยู่บนท้องฟ้าจนเป็นตำนานที่ใกล้ตัวกว่าที่เราคิดหรอก”
“ว่าคงไม่แปลกใจเท่าไหร่ถ้าพวกตำนานเทพนิยายที่พวกเรารู้จักจะมีจริง”
“ใครจะไปรู้ล่ะ พวกเขาอาจจะอยู่ข้างๆบ้านหรือหน้าปากซอยก็ได้”
.
.
ณ ท้องฟ้าเวลากลางคืนซักแห่งหนึ่งกลางเหล่าผู้คนที่ใช้ชีวิตยามค่ำคืนหรือไม่ก็เพิ่งกลับจากที่ทำงานมีคนคนหนึ่งได้สังเกตุเห็นบางอะไรอย่างโบยบินอยู่บนท้องฟ้าลางๆก่อนที่จะตะโกนเรียกคนอื่นให้มาดูสิ่งที่ไม่อยากเชื่อในสายตาตัวเอง
“เฮ้ยดูนั่นสิ มีอะไรไม่รู้บินอยู่ท้องฟ้าด้วยล่ะ”
“แกดื่มหนักจนเพี้ยนอีกแล้วหรือไง?”
“ดูดีๆสิฟระ”
“ไหนๆ . . . เฮ้ยจริงดิ”
“ใช่ตำนานมังกรราตรีนั้นหรือปล่าว?เฮ้ยทุกคนดูนั่นสิ”
“นั่นใช่แน่ๆ”
“ถ่ายภาพเอาไว้เร็ว เอ๋ ? . . . . หลบๆๆๆๆ !!!”
สิ่งที่บินอยู่บนท้องฟ้าก็โฉบลงมาหาพวกเขาด้วยระยะเผาขนก่อนที่จะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและหายไปกับความมืดอีกครั้ง และที่บ้านหลังหนึ่งสิ่งที่ถูกเรียกว่าตำนานมังกรราตรีก็ร่อนลงหน้าประตูบ้านก่อนที่จะเคาะประตูและประตูก็เปิดต้อนรับเธอ
“กลับมาแล้วค่ะคุณพ่อคุณแม่”
“กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ เป็นยังไงบ้างวันนี้?”
“ค่ะ วันนี้หนูไปเจอพวกเขามาด้วยล่ะ”
TO BE CONTINUED
จบ หรือยังวะ
“กว่าจะทำเสร็จเฮ้อ ~ ยาวชะมัดตอนนี้ หือ?”
ณ เวลากลางคืนแย๊งที่กำลังทำสรุปเอกสารสังเกตุเห็นเพื่อนของเค้าแบกกล่องใบหนึ่งเข้ามาในห้องและวางมันไว้ที่โต๊ะที่ห้องทำงานของพวกเค้าและเริ่มหยิบมีดมาแกะเทปรอบๆออก
“นั่นอะไรน่ะ?”
“ทีวีน่ะ นี่มาช่วยหน่อยสิ”
“ได้แปบนึง”
[Twelve seconds later]
“ดูสิ มีอะไรให้ดูบ้าง สารคดี แอนิเม การ์ตูน ข่าว ละคร เพลงเอ็มวี น่าเบื่อ . . . เอ๋?”
เพื่อนของแย๊งที่กำลังไล่กดช่องทีวีก็เจอกับช่องหนึ่งที่ไม่เคยเจอมาก่อน
“อะไร?”
“ช่อง MTT น่ะฉันไม่เคยเจอช่องทีวีนี้มาก่อนเลยใช่ที่แอสกอร์พูดถึงหรือปล่าว”
“แล้วทำไมนายไม่ลองเปิดดูมันล่ะ?”
ว่าแล้วเพื่อนก็กดปุ่มเปิดทีวีช่อง MTT ที่ว่าในทันทีก่อนที่ทั้งคู่จะตะลึงกับสิ่งที่เห็นในทีวี หุ่นยนต์ที่คล้ายๆกับมนุษย์กำลังออกรายการทีวีแห่งโดยมีผู้คนกำลังมองพวกเค้าด้วยความตื่นตาตื่นใจราวกับไม่เคยเจอมาก่อน
[Hotel Song]
“ดูนี่สิครับผู้ชมทุกๆท่าน เมืองของเหล่ามนุษย์แห่งนี้ช่างเป็นเมืองแห่งศิลปะที่สร้างขึ้นมาได้อย่างช่างงดงามเสียจริงๆ”
ขณะที่เพื่อนของแย๊งกำลังอ้าปากค้างตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น แย๊งก็จำได้ทันทีถึงเรื่องที่แอสกอร์เคยเล่าโดยที่ออกทีวีในตอนนี้คิดว่าเป็นหุ่นยนต์ที่ชื่อเมตตาตอนเจ้าของรายการทีวี MTT
.
.
แล้วหมอนั่นทำได้ยังไงล่ะเฮ้ย !?!
ความคิดเห็น