คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Episode 13 เขาคนนั้น
“สีหน้าเธอดูดีขึ้นนะร้อยโทแย๊ง . . . ไม่สิหัวหน้ากองร้อยทหารช่างพิเศษที่ 41 ว่าที่พันเอกแย๊ง อลาน”
ประธานาธิบดีเฮมิสกล่าวกับแย๊งระหว่างที่กำลังเดินที่รถ
“เธอก็เหมือนกันนิ ท่านประธานาธิบดี” แย๊งตอบกลับ
“ก็นะ . . . ราวสามสิบปีแล้วหลังจากที่เขาจากไปฉันยังติดหนี้เค้าอยู่จนถึงทุกวันนี้อยู่เลย แล้วที่เค้าฝากให้นายยังอยู่สินะ”
“ผมยังเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีเลยล่ะครับท่าน” แย๊งชี้ไปแฟ้มปกหนังสือที่เก็บไว้ในกระเป๋า
“น่าเสียดายที่เค้าไม่ได้อยู่ดูหน้าเธอในวันนี้ . . .”
“จนถึงวันนี้ที่นายสมัครเป็นทหารโดยให้เหตุผลไปว่าเพื่อปกป้องคนสำคัญ จบหลักสูตรหน่วยพิเศษแต่ก็ตัดสินใจที่จะอยู่หน่วยเดียวกับที่เขาเคยอยู่และฝึกลูกน้องจนกลายเป็นหน่วยท็อปต้นๆ . . . นายนี่ไม่ต่างอะไรกับเค้าเลยซักนิด”
“ต่างกันสิครับพวกเราน่ะได้อยู่ในยุคที่สงครามมันจบลงไปแล้วนะครับท่าน และเค้าก็ . . . ”
ระหว่างที่เดินอยู่นั้นแย๊งก็ได้เงียบไปโดยที่ประธานาธิบดีได้แต่เดินมองเค้าอยู่ข้างๆเธอเข้าใจดีว่าเค้าคนนั้นเป็นคนที่สำคัญกับแย๊งขนาดไหนก่อนที่เธอจะยื่นมือมาตบบ่าบนไหล่ของแย๊ง
“เค้าได้สละชีวิตทำตามหน้าที่ที่เค้าตั้งใจไว้ . . . ยิ่งนายมาเป็นทหารนายก็น่าจะเข้าใจนะ”
“ครับ ผมเข้าใจครับท่านประธานาธิบดี”
เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงที่รถ ก่อนที่ประธานาธิบดีจะขึ้นรถไปนั้นเธอหันหลังกลับมาคุยกับแย๊ง
“ฉันเกือบลืมไปเลยแหะ”
“ครับท่าน ?”
“ยังไงซะพวกเราก็ยังมีชีวิตอยู่ ฉะนั้นทำตามสิ่งที่ตัวเองเชื่อหรือตั้งมั่นเอาไว้อย่าลืมซะล่ะและสุดท้าย ขอให้เสรีภาพและสันติภาพจงโบกสะบัดชั่วนิรันดร ว่าที่พันเอก”
“. . . ครับท่านประธานาธิบดี” แย๊งและประธานาธิบดีทำความเคารพซึ่งกันและกันก่อนที่เธอจะขึ้นรถไปหลังจากที่แย๊งได้ส่งประธานาธิบดีแล้วก็เดินกลับไปยังหมู่บ้าน
.
.
“แอสกอร์ครับผมมาแจ้งเรื่องงานที่ฝากให้ไปทำน่ะครับ . . . ไม่ทราบว่าตอนรบกวนอะไรหรือปล่าว”
มอนสเตอร์ม้าเดินเข้ามาในห้องประชุมซึ่งก็พบกับ แอสกอร์และคนอื่นๆกำลังนั่งอยู่ในห้องประชุมอยู่
“ไม่ๆ เพิ่งเสร็จประชุมเมื่อกี้นี้เองเข้ามาได้และก็ถ้าเรื่องงานล่ะก็ . . . เรียบร้อยแล้วใช่หรือปล่าว?”
“เรียบร้อยแล้วครับฝ่าบาท” มอนสเตอร์ส่งรายงานเอกสารให้กับแอสกอร์
“ว่าแต่นี้ผมมาขัดจังหวะหรือว่าอะไรยังไงหรือปล่าวครับ?”
“เปล่าเธอก็เข้ามานั่งฟังด้วยกันสิประชุมเพิ่งเสร็จเมื่อกี้นี้เอง”
“งั้นก็ขอรบกวนด้วยนะครับ” มอนสเตอร์ก็ลงนั่งตามคำเชิญชวนของแอสกอร์
“พอจะเล่าเรื่องที่ท่านประธานาธิบดีของพวกคุณฝากไว้ได้หรือปล่าวครับ” แอสกอร์ถามเพื่อนของแย๊ง
“ . . . ก่อนที่พวกคุณปรากฏตัวขึ้นมายังบนโลกพื้นดินคิดว่ามีชีวิตที่มีลักษณะไม่เหมือนกับมนุษย์อยู่บนโลกพื้นดินอยู่ก่อนหน้าแล้วน่ะครับ”
“??? ไม่น่าเป็นไปได้เพราะพวกเราเหล่ามอนสเตอร์น่าจะถูกขับไล่จนลงโลกใต้ดินไปหมดแล้วนี่ครับ”
มอนสเตอร์ตกใจกับเรื่องราวโดยแอสกอร์ก็พอๆกันเมื่อทราบว่ามีมอนสเตอร์ที่อยู่บนพื้นดินก่อนหน้า
“เพราะคิดตามความเป็นจริงสงครามครั้งนั้นน่าจะต้องมีคนที่ไม่ได้ถูกขับไล่ให้ลงสู่โลกใต้ดินเหมือนกับพวกคุณและพวกเค้าก็มีชีวิตรอดหรือไม่ก็มีลูกหลานจนถึงปัจจุบันน่ะครับ และนี่ครับ” เพื่อนของแย๊งหยิบรูปถ่ายในแฟ้มเอกสารให้แอสกอร์ดูก่อนที่คนอื่นๆจะมาดูด้วย
“หลังจากที่พวกคุณปรากฎตัวขึ้นมาแย๊งได้ทำรายงานศึกษาเกี่ยวกับความเป็นไปได้เกี่ยวกับเรื่องนี้และพวกเราก็เชื่อว่าเค้าน่าจะเป็นเหมือนเช่นพวกคุณ มอนสเตอร์”
เป็นรูปถ่ายที่นานแล้วในภาพนั้นเป็นซากปรักหักพังที่มีเด็กๆนั่งอยู่บนกล่องโดยมีชายคนนึงกำลังยืนอยู่ข้างๆซึ่งสังเกตุดีๆชายคนนั้นมีลักษณะร่างกายที่ไม่เหมือนมนุษย์ใบหน้าแขนของเขามีขนปกคลุมเต็มตัวเหมือนกับสัตว์ป่า หูเรียว ที่ฟันของเค้ามีฟันเขี้ยวที่โผล่ออกมาให้เห็นเล็กน้อย ซึ่งโดยภาพรวมเค้าคล้ายๆกับมนุษย์หมาป่า . . .
“. . . เค้าคือใครเหรอครับ ? ดูจากในรูปแล้วเค้าไม่น่าจะใช่มนุษย์เลย” แอสกอร์ถาม
“คนที่เลี้ยงดูเด็กที่อยู่ในรูปเมื่อนานมาแล้วและผมกับแย๊งคือเด็กเมื่อตอนนั้นครับ”
ข้อเท็จจริงที่มีมอนสเตอร์ที่ไม่ได้ถูกขับไล่จากสงครามเมื่อ 500 ปีก่อนและก็มีชีวิตอยู่เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งที่แปลกก็คือในรูปภาพนั้นดูเหมือนว่าเค้าจะมีความสุขที่ได้อยู่กับมนุษย์ซึ่งมนุษย์สองคนนั้นในภาพก็คือเพื่อนของแย๊งและแย๊งในตอนนี้
“อันที่จริงคือ . . . เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าเป็นครึ่งมนุษย์มอนสเตอร์หรือเป็นมอนสเตอร์แต่เค้าก็ได้บอกกับพวกเราว่าเค้าไม่ใช่มนุษย์แต่พวกเราก็ไม่ได้ใส่ใจจนกระทั่งตอนนี้” เพื่อนของแย๊งเล่าให้พวกเขาฟัง
“ตั้งแต่พวกเราเกิดมาในเค้าก็ได้อาศัยอยู่ที่เมืองแห่งนี้มานานแล้วและเป็นหัวหน้ากองทหารที่สู้รบในสงครามกลางเมืองและได้ช่วยเหลือดูแลพวกเราและชาวเมืองจากสงครามซึ่งนั่นก็ทำให้ใครๆต่างก็รักและยอมรับในตัวเค้า”
“แล้วตอนนี้เค้าอยู่ที่ไหนเหรอครับ ผมจำได้ว่าแม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟังด้วย” วิสถามเพื่อนของแย๊ง
“เค้า . . . เสียชีวิตในตอนปีสุดท้ายของสงครามไปแล้ว”
เพื่อนของแย๊งกล่าวโดยมองไปที่แฟ้มปกหนังสือที่แย๊งตั้งเอาไว้บนโต๊ะ
“แฟ้มบันทึกเล่มที่เห็นอยู่ตรงนั้นเป็นของต่างหน้าที่เค้าฝากไว้ให้กับแย๊งหลังจากที่เค้าตายไปน่ะครับ อันที่จริงผมคิดว่าที่เค้าเป็นคนเสนอตัวช่วยเหลือพวกคุณน่าจะเป็นเพราะเค้าส่วนหนึ่งด้วยน่ะครับ”
“ต้องเสียใจด้วยนะครับที่เค้าได้จากไป ดูเหมือนเค้าจะเป็นคนสำคัญมากสินะครับ”
แอสกอร์กล่าวโดยสังเกตไปที่แฟ้มปกหนังสือเล่มนั้นก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมมีถึงกลิ่นอายของมอนสเตอร์จากเรื่องเล่าที่เพื่อนของแย๊งเล่าให้ฟัง
“ครับ อันที่จริงเค้าก็มีลูกสาวอยู่คนนึงด้วยซึ่งที่เห็นอยู่ในรูปชื่อ . . . อ่ะ ?! แย๊งไปส่งประธานาธิบดีแล้วเหรอ”
แย๊งเดินกลับมาที่ห้องประชุมหลังจากที่เดินไปส่งประธานาธิบดีก่อนที่จะกลับไปนั่งที่โต๊ะตามเดิม
“นินายเล่าให้พวกเค้าฟังหมดแล้วใช่หรือปล่าว” แย๊งถามเพื่อนของเค้า
“อืมเล่าให้พวกเค้าฟังแล้ว”
“ก็อย่างที่เล่าให้ฟังน่ะครับ เพราะนี่นอกจากจะเป็นเรื่องของพวกคุณเหล่ามอนสเตอร์ที่มาจากโลกใต้ดินด้วยแล้วยังเป็นเรื่องเหล่ามอนสเตอร์ที่อาศัยอยู่ก่อนที่พวกคุณจะขึ้นมายังโลกพื้นดินแห่งนี้ด้วยน่ะครับ”
หลังจากจบการประชุมครั้งนั้นต่างคนต่างก็กลับไปแยกย้ายทำงานของตัวเอง โดยฟริกส์กับวิสที่ซึ่งกำลังอยู่บ้านของแน็บสตาบลุ๊คช่วยขนของที่เอามาจากโลกใต้ดินมาวางตามที่รับปากไว้หลังจากเดินสำรวจหมู่บ้านและเจอกันอีกครั้ง
“โอ้ ~ ขอบใจมากนะ”
ข้างในบ้านนั้นมีเครื่องเล่นเพลงพร้อมแผ่นเพลงจำนวนหนึ่งที่เรียงรายอยู่ ระหว่างที่หยิบแผ่นเพลงขึ้นมาวางบนชั้นฟริกส์สังเกตุเห็นแผ่นเพลงแผ่นหนึ่งในกล่อง เมื่อหยิบขึ้นมาดูซึ่งเขียนชื่อเพลงว่า Spookwave ฟริกส์หยิบแผ่นเพลงแผ่นที่ว่ามาให้แน็บสตาบลุ๊คดู
“นี่มันเพลงที่เธอเคยเปิดขึ้นมาฟังในตอนนั้นนิ ฉันคิดถึงจัง”
“ฟริกส์เธอเคยฟังเพลงจากโลกใต้ดินด้วยด้วยเหรอมันเป็นยังไงบ้าง” วิสถามด้วยความอยากรู้
ฟริกส์ไม่ได้ตอบแต่ก็ได้ถือแผ่นเพลงนั้นไปที่เครื่องเล่น ฟริกส์แกะแผ่นเพลงจากซองมาใส่เครื่องเล่นเพลงและเล่นเพลงที่ใส่ไปจากนั้นก็ . .
.
.
“โอเคเสร็จละแมเนอร์”
“ขอบใจมากมากรดื่มน้ำหน่อยไหม”
มนุษย์และมอนสเตอร์คู่นี้ที่เพิ่งสร้างบ้านเสร็จมาหมาดๆมาไม่นานก็ได้ลงไปนอนบนเตียงโดยที่มอนสเตอร์ชื่อแมเนอร์ส่งน้ำให้มากรดื่มเป็นการขอบคุณ
“ต้องขอบคุณเธอมากเลยไม่งั้นบ้านก็คงไม่เสร็จเร็วขนาดนี้”
“เล็กๆน้อยๆน่าปกติฉันเอาแต่ทำงานที่ในเมืองมันน่าเบื่อน่ะและก็ รู้สึกดีด้วยที่ได้เป็นเพื่อนกับนาย”
“เพื่อนอย่างนั้นเหรอ. . . ก็ไม่เลวแหะได้เป็นเพื่อนกับมนุษย์”
แมเนอร์เดินไปหยิบเครื่องเล่นเพลงพกพาขึ้นมาฟังและมากรที่เห็นแมเนอร์กำลังเปิดเพลงก็ถาม
“เพลงที่โลกใต้ดินเหรอ . . . มีเพลงอะไรแนะนำบ้างอ่ะ”
“เธอชอบฟังเพลงด้วยเหรอ งั้นฉันแนะนำเพลงโปรดเพลงนี้เลยล่ะ”
ไม่ทันจะได้กดเล่นเพลงเสียงเพลงปริศนาที่ดังขึ้นทำเอาทั้งหมู่บ้านตกอยู่ในอาการขวัญผวาเลยทีเดียว
[Spookwave Intensifier]
“เพลงอะไรเนี่ย !?! ปกตินายชอบฟังเพลงแบบนี้เหรอ!?!”
“ฉันยังไม่ได้กดเล่นเพลงทีนะ”
“แล้วเสียงเพลงนั้นมาจากไหนกันเนี่ย หลอนเป็นบ้า”
.
.
“แอรอนนี้บ้านหลังใหม่ของนายสินะ”
“อ่าหะ ; ) แล้วนายจะทำอะไรต่อล่ะโวชัวร์?”
“ก็. . .”
[Spookwave Intensifier]
“นี้มันเสียงเห้อะไรเนี่ย !?! หรือว่า ?!”
“โอ้ไม่นะเพลงนี้อีกแล้ว : ( ”
.
.
ฟริกส์กดหยุดเครื่องเล่นเพลงเพราะเสียงที่ดังจนทะลุออกไปข้างนอกและวิสที่เอามือปิดหูก็วางมือลง
“เพลงอะไรเนี่ยหลอนจัง - -*”
“Oh~jezz ขอโทษด้วยนะดูเหมือนว่าฉันลืมปรับระดับเสียงเพลงน่ะ”
“ว่าแต่มีเพลงอื่นหรือปล่าวหรือว่ามีแต่เพลงแบบนี้ครับเนี่ย”
“งั้นก็ลองเพลงนี้ดูละกันฉันเพิ่งแต่งมาได้เมื่อไม่นานเอง พวกเธอเป็นคนแรกที่ได้ฟังนะ”
แน็บสตาบลุ๊คหยิบแผ่นเพลงแผ่นหนึ่งมาให้ฟริกส์มันไม่ได้เขียนชื่อปกแผ่นเพลงที ฟริกส์แกะแผ่นเพลงออกมาใส่แทนที่แผ่นเพลงเดิมลงเครื่องเล่นเพลงและไม่ลืมที่จะลดระดับเสียงเพลงก่อนเริ่มเล่น
[Death by Glamour Remix Version]
“ว้าวเพลงนี้เพราะจัง :3”
*มันทำให้นึกถึงตอนออกทีวีกับเมตตาตอน(?)*
“อ้อใช่ฉันแต่งเพลงนี้กับเมตตาตอนน่ะ เห็นเมตตาตอนบอกว่าจะใช้เพลงนี้ไปออกรายการอะไรสักอย่างนี่แหละ”
“ส่วนเมตตาตอนตอนนี้ . . . ไม่รู้เหมือนกัน เห็นกำลังไปเตรียมตัวทำอะไรบางอย่างน่ะ”
ฟริกส์กับวิสอยู่ร้านเพลงจนถึงตอนเย็นโดยเมื่อมองไปที่นาฬิกาพบว่าทั้งคู่ต้องกลับแล้ว ก็ได้กล่าวลาก่อนที่จะเดินไปที่ป้ายรถเมย์ที่ตั้งอยู่ที่หน้าค่ายทหารโดยนั่งรออยู่ประมาณสิบกว่านาทีจนกระทั่งรถเมย์ก็มาจอดที่หน้าป้ายโดยอันไดน์และแอลฟี่ที่กำลังไปซื้อของอยู่ในเมืองก็ลงมาจากรถ
“Hi little punk. ไม่ได้เจอกันนานเลยนะจะกลับแล้วเหรอ เอ๊ะ !? นายเมื่อตอนนั้นนิ”
“สวัสดีครับพี่สาว” วิสกล่าวทักทายอันไดน์
“ฉันชื่ออันไดน์ยินดีที่ได้รู้จักนะ ว่าแต่นายเป็นเพื่อนกับฟริกส์ด้วยเหรอ?”
“พอดีว่าได้ฟริกส์ช่วยเอาไว้ก็เลยรู้จักกันน่ะครับ”
“หึ และนายก็เป็นเพื่อนกับฟริกส์ เธอก็ไม่เปลี่ยนไปเลยนะฟริกส์” อันไดน์มองที่ฟริกส์
“พ . . พวกเธอจะกลับกันแล้วสินะ เสียดายจังฉันกะว่าจะชวนพวกเธอมาดูอนิเมด้วยกันหน่อยน่ะ”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้พวกเราก็มาอีกน่ะครับ” วิสบอกกับแอลฟี่
“พรุ่งนี้พวกนายก็มาอีกสินะ . . . ไว้เจอกันอีกพรุ่งนี้นะ” อันไดน์กล่าวกับทั้งสองคนก่อนที่จะแยกกันไป
รถเมย์ที่กำลังเคลื่อนที่ไปยังในเมือง ฟริกส์นั่งอยู่ในรถโดยที่วิสก็นั่งหลับอยู่ข้างๆ ฟริกส์มองไปที่วิสก่อนที่จะหยิบมีดและสร้อยที่เธอได้พกมาและมองออกไปยังข้างนอกรถซึ่งมันทำให้คิดถึงคนที่อยากจะให้ได้มองเห็นดวงอาทิตย์ที่กำลังค่อยๆลับขอบฟ้าไปอย่างช้าๆเหมือนกับที่มองเห็นในวันนี้
TO BE CONTINUED
จบ หรือยังวะ?
“เสียงเพลงอะไรหว่าเมื่อเห็นดังมาจากฝั่งตรงข้ามหลอนเป็นบ้า” เพื่อนของแย๊งที่ทำงานอยู่บ่นออกมา
“แต่ว่าเพลงนั้นใช้ได้เลยนะ ฉันชอบมันซะด้วย” แย๊งกล่าวออกมาโดยที่กำลังนั่งเขียนบันทึกอยู่
“นายนี่รสนิยมห่วยจริงๆ”
“ไม่เอาน่า จะว่าไปฉันลองโทรหาฟริกส์บ้างดีกว่าฉันยังไม่ได้เมมเบอร์ไว้เลย เบอร์นี้มั้ง”
แย๊งไล่เช็คประวัติการโทรไปเรื่อยๆซึ่งก็เจอเบอร์ที่น่าจะเป็นของฟริกส์และเมื่อโทรออกไป
“~ไม่มีหมายเลขที่คุณเรียกค่ะ กรุณาตรวจสอบหมายเลขอีกครั้งนะคะ~”
“แล้วเธอโทรหาฉันได้ยังไงล่ะเฮ้ย !??!”
Note
2/12/2015
รู้สึกตอนนี้มีการความพยายามในการแถด้วยเหตุผลบางอย่างและไม่ค่อยมีอะไรเลยแหะตอนนี้
-__-*และก็อีกครั้งมีใครอยากจะถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้จากแย๊งหรือปล่าว
? :3 โดนผมจะไปลากเค้ามาช่วยตอบคำถามในช่วงตอนพิเศษที่จะมีขึ้นหลังจากตอนที่
15 ได้เผยแพร่ออกไปให้ทุกๆคนได้รับชมนะครับ
ความคิดเห็น