คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : Episode 12 หมู่บ้าน New Home
ฟริกส์ วิส แซนส์ และพาไพรัสกำลังเดินไปที่บ้านหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านโดยมองไปด้านขวาของถนนก็เป็นเหมือนอาคารขนาดใหญ่ที่กำลังก่อสร้างไม่เสร็จทีเมื่อถึงหน้าบ้านพาไพรัสได้เคาะประตูซึ่งดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่แต่ก็ไม่ได้ล็อกประตูไว้จึงตัดสินใจเข้าไป
เมื่อทั้งสี่คนเข้าไปบ้านหลังที่ว่า ฟริกส์ก็จำได้ทันทีว่าเป็นบ้านของใครโดยสังเกตุจากลักษณะทางเดินในบ้านเพียงแค่ว่ามันไม่มีทางเดินลงไปยังข้างล่างเพื่อมุ่งสู่โลกใต้ดินเหมือนในตอนนั้นแล้ว
“ขอโทษนะคะ พอดีว่าฉันกำลังยุ่งอยู่กับการจัดของน่ะ . . . พวกเธอ !?”
“สวัสดีโทเรียล ฉันมาเที่ยวน่ะ” แซนส์กล่าวทักทายโทเรียล
“พวกเธอนี่เองและก็สวัสดีจ่ะเจ้าหนูและก็เธอ . . . ที่เคยเจอกันเมื่อตอนนั้นใช่หรือปล่าวจ๊ะ?” โทเรียลสังเกตไปที่วิส
“ค . . . ครับสวัสดีครับผมชื่อวิสครับ” วิสทำท่าเขินอายเมื่อได้เจอโทเรียลอีกครั้ง
“สวัสดีจ่ะยินดีที่ได้เจอกันอีกนะว่าแต่ทำไมไม่นั่งข้างในก่อนล่ะ?”
โทเรียลเชิญชวนให้เข้ามานั่งข้างในห้องนั่งเล่นซึ่งก็เดินตามกันเข้าไป ฟริกส์สังเกตุว่ารูปแบบการจัดวางนั้นเหมือนกับบ้านที่โลกใต้ดินไม่มีผิดไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้โซฟาชั้นหนังสือและอื่นๆโดยพวกเขานั่งคุยกันอย่างสนุกสนานเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ
“จะว่าไปแซนส์และพาไพรัสพวกเธอมีบ้านเป็นของตัวเองหรือยัง?” โทเรียลถามทั้งสองคน
“มีแล้วอยู่ใกล้ๆนี่เอง แต่ฉันก็แปลกใจแหะว่านายสร้างบ้านยังไงให้เสร็จภายในวันเดียวแซนส์?”
“พอดีฉันอยากงีบเร็วๆน่ะก็เลยรีบสร้างน่ะ”
“ขยันเพื่อที่จะได้ขี้เกียจเนี่ยนะ” โทเรียลหลุดหัวเราะเล็กน้อยออกมาขณะที่พาไพรัสกำลังหัวเสีย
“แต่ก็ดีแล้วล่ะ จะว่าไปเจ้าหนูน้อยเธอเพิ่งกลับมากจากโรงเรียนใช่ไห . . . เอ๊ะ !? เธอไปไหนแล้วล่ะ?”
“ถ้าฟริกส์ละก็เธอเดินไปทางโน้นแล้วครับ” วิสชี้ไปทางที่ฟริกส์ไป
.
.
* Under renovation.
ป้ายที่แปะไว้ตรงประตูหน้าห้องแต่ถึงอย่างนั้นประตูก็ไม่ได้ล็อคเมื่อฟริกส์เปิดประตูเข้าไปก็เป็นห้องนอนที่เหมือนกับที่ฟริกส์เคยนอนในตอนนั้น ตุ๊กตาที่ตั้งไว้ข้างเตียง กล่องเก็บของ ตู้ลิ้นชัก กรอบรูป โคมไฟหรือแม้แต่รูปวาดที่แปะบนกำแพงก็จัดวางได้เหมือนในตอนนั้น
ฟริกส์เดินไปนั่งบนเตียงที่เธอเคยนอนมันทำให้ฟริกส์คิดถึงตอนที่เจอโทเรียลในครั้งแรก วันที่เธอได้ปกป้องฟริกส์จากดอกไม้ . . . พอนึกถึงท่อนนี้ฟริกส์ก็นิ่งไป เขาคนนั้น ฟริกส์สงสัยว่าตอนนี้เขาจะยังอยู่ดูแลดอกไม้ในฐานะอะไร วันที่โทเรียลทำพายแสนอร่อยมาให้ วันที่ต้องสู้กับโทเรียลเพื่อพยายามที่จะออกจากโลกใต้ดิน วันที่ . . . .
“ฉันตั้งใจจัดห้องให้เหมือนกับที่โลกใต้ดินน่ะ” โทเรียลเดินเข้ามาหาและนั่งอยู่ข้างๆฟริกส์
“เพราะยังไงฉันก็ยังคิดถึงเธอและก็ . . . . เด็กน้อยของฉันน่ะ ยังไงก็ถ้าเธอจะมาค้างคืนที่นี่ก็มาได้นะ”
โทเรียลก้มลงมามองที่มือของตัวเอง
“วันที่ฉันสู้กับเธอฉันยังจำได้ดีเลย เธอโกรชฉันหรือปล่าว?”
*เธอเข้าใจสิ่งที่โทเรียลทำในตอนนั้น*
“อย่างนั้นเหรอ แต่สิ่งที่เธอตัดสินใจในวันนั้นทำให้พวกเราได้อยู่ด้วยกันอีกครั้งแล้วในวันนี้ . . . .”
“ขอบใจมากนะเจ้าตัวเล็ก”
โทเรียลและฟริกส์เดินออกมาจากห้อง ฟริกส์มองไปยังห้องที่น่าจะเป็นห้องของแอสกอร์ในวันนี้ประตูก็ไม่ได้ติดป้ายเหมือนในตอนนั้นและแล้วคิดว่าในตอนนี้ทั้งสองคนน่าจะอยู่ด้วยกันอีกครั้งแล้ว
“ถ้าดรีมเมอร์ละก็ ถึงแม้ตอนนี้จะต้องทำงานอยู่นอนที่ New Home แต่เค้าก็ยังแวะมาที่นี่ในบางทีน่ะ”
“New Home . . . ? เป็นชื่อที่พวกเราเรียกหมู่บ้านของพวกเราแห่งนี้น่ะ”
ฟริกส์ยิ้มให้กับโทเรียลก่อนที่จะเดินกลับไปยังห้องนั่งเล่นโดยนั่งคุยกันอยู่สักพักก่อนที่กล่าวลาโทเรียลเพื่อเดินสำรวจหมู่บ้านต่อพร้อมกับวิส โดยพาไพรัสก็กลับไปที่บ้านของเขาเองส่วนแซนส์กับโทเรียลก็ยังนั่งเล่ามุขตลกกันต่อ
“ว่าแต่เราจะไปไหนกันต่อเหรอ” วิสถามฟริกส์
“ฝั่งตรงข้ามหมู่บ้านเหรอ . . . . งั้นก็ไปกันเลย”
ในขณะเดียวกันที่ถนนทางเข้าหมู่บ้านรถยนต์สีดำคันหนึ่งขับเข้ามายังหมู่บ้านและก็จอดอยู่ใกล้ๆ ก่อนที่จะมีคนเดินลงมาจากรถสามสี่คน หนึ่งในนั้นเป็นหญิงใส่ชุดสูทสีฟ้าผมยาวอายุถือว่ามากแล้วโดยที่เหลือใส่สูทสีดำเดินตามมาด้วยโดยมองไปยังที่หมู่บ้านของเหล่ามอนสเตอร์
“ดูท่าเรื่องจะเป็นเรื่องจริงนะครับท่าน”
“ก็นะ นายก็น่าจะเชื่อกันสักหน่อยก็ไม่เสียหายนิจริงไหม?”
หญิงชุดสูทและชายเสื้อดำเดินไปยังหมู่บ้านโดยอีกสองคนที่เหลือยืนเฝ้ารถเอาไว้ ระหว่างที่เดินอยู่นั้นก็ได้สังเกตเห็นฟริกส์กับวิสขณะที่กำลังเดินข้ามถนนและหญิงชุดสูทสีน้ำเงินก็ก้มนั่งยองลงมาที่ทั้งสองคน
“สวัสดีจ่ะเจ้าหนูพอดีฉันมาที่นี่เพื่อมาทำธุระนิดหน่อยน่ะแต่ระหว่างนี้พวกเธอพอจะช่วยแนะนำหมู่บ้านแห่งนี้ได้หรือปล่าวล่ะหรือว่าพวกเธอก็เพิ่งเคยมาที่นี่เหมือนกัน”
*เธอยินดีที่จะนำทางและแนะนำหมู่บ้านแห่งนี้*
“ขอบใจมากจ่ะ ว่าแต่พวกเธอทั้งสองชื่ออะไรกันบ้างล่ะ?”
“ฟริกส์ กับ วิส . . . ยินดีที่ได้รู้จักทั้งสองคนเลยนะ งั้นพวกเราก็ไปกันเลยดีกว่า”
ฟริกส์นำทางคนในชุดสูททั้งสองคนเดินไปมาในยังหมู่บ้านแห่งนี้ ถึงแม้ฟริกส์จะมายังหมู่บ้านเป็นครั้งแรกแต่ด้วยความที่รู้จักกับมอนสเตอร์บางส่วนในที่นี้ทำให้เธอทำหน้าที่ตรงส่วนนี้ได้เป็นอย่างดีซึ่งที่จริงมันก็เป็นโอกาศที่จะได้เดินสำรวจหมู่บ้านด้วยเหมือนกันถึงแม้ส่วนใหญ่จะยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างก็ตามที
“Oh ~ เธอนี่เองไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” มอนสเตอร์ลักษณะคล้ายๆผีผ้าห่มทักทายฟริกส์
“ตอนนี้ฉันเพิ่งเปิดร้านเพลงอยู่ใกล้ๆนี้เอง”
“แต่ร้านยังจัดของไม่เสร็จเลยไว้วันหลังยังไงก็ลองแวะมาดูก็ได้นะ พวกเธอจะช่วยฉันอย่างนั้นเหรอ ? ขอบใจมากนะ”
“รู้จักเค้าด้วยเหรอ?” หญิงชุดสูทสีน้ำเงินถามฟริกส์
*ชื่อแน็ปสตาบลุ๊ค เขาเป็นเพื่อนของเธอ*
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” หญิงชุดสูททักทายกับแน็ปสตาบลุ๊ค
ตลอดทางหญิงชุดสูทได้สังเกตฟริกส์แม้จะดูเป็นเพียงเด็กทั่วไปแต่ก็รู้จักกับมอนสเตอร์หลายต่อหลายคนเป็นอย่างดีราวกับว่ารู้จักกันอยู่ก่อนหน้านั้นแล้วซึ่งตรงกับรายงานที่ได้รับมาก่อนหน้า เมื่อเดินถึงจุดก่อสร้างแห่งหนึ่งที่แอสกอร์ มนุษย์และมอนสเตอร์กำลังทำงานกันอยู่
“งั้นพวกเราจะต่อท่อจากตรงนี้ไปตรงนี้และก็ตรงนี้นะครับ”
“ก็ขอรบกวนด้วยนะครับ” แอสกอร์ที่กำลังปรึกษาเรื่องวางแปลนก่อสร้างอยู่
“ไม่เป็นไรหรอกครับพวกเรายินดีช่วยเต็มที่อยู่แล้ว” ระหว่างที่ทำงานแอสกอร์สังเกตุคนที่กำลังเข้ามา
“อ้าวฟริกส์เป็นยังไงบ้างสบายดีสินะ และก็ . . . เธอเมื่อตอนนั้นนี่นา” แอสกอร์มองมาที่วิส
“สวัสดีครับผมชื่อวิสครับ :3”
“ฉันชื่อแอสกอร์ ในตอนนั้นเธอกล้าหาญมากเลยนะ และก็ . . . สองคนนั้นเป็นใครเหรอฟริกส์” แอสกอร์ถามถึงคนในชุดสูททั้งสองคนที่อยู่ข้างหลังฟริกส์และวิส
“คุณชื่อแอสกอร์ ดรีมเมอร์ใช่หรือปล่าวคะ?” หญิงชุดสูทถามแอสกอร์
“ใช่ครับ ว่าแต่คุณรู้จักผมด้วยเหรอครับ?”
“ค่ะ พอดีฉันมีธุระที่อยากจะคุยกับพวกคุณน่ะค่ะ ฉันชื่อ . . .”
“อ้าว!?!ท่านประธานาธิบดี มาทำอะไรที่นี่ครับเนี่ย”
ทหารนายหนึ่งที่กำลังทำงานก่อสร้างอยู่ใกล้ๆจำหน้าหญิงชุดสูทสีฟ้านี้ได้ก่อนที่จะทำความเคารพต่อหญิงชุดสูทคนนี้ มนุษย์คนอื่นๆที่กำลังช่วยงานอยู่ใกล้ๆเมื่อสังเกตุมาที่เธอก็นึกออกได้ในทันทีว่าเธอคือประธานาธิปดี
“ท่านประธานาธิปดีสวัสดีครับท่าน”
“ท่านมาที่นี่ด้วยเหรอ ? ไหนๆ ??”
“ห๊ะ !? นั่นท่านนี่นา สวัสดีครับท่าน”
“อืม ยังไงก็ขอสวัสดีทุกคน ณ ที่นี้ด้วยนะ” หญิงชุดสูทกล่าวทักทายผู้คนรอบๆ
“คุณคือ . . . ” แอสกอร์มองมาที่หญิงชุดสูทสีน้ำเงินที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้า
“ค่ะ ฉันเฮมิส ไลออเนอร์เป็นประธานาธิบดีของประเทศนี้ วันนี้ฉันอยากจะมาพูดคุยกับพวกคุณเกี่ยวกับอนาคตของพวกคุณเองไม่ทราบว่าเวลานี้จะสะดวกหรือปล่าวคะ?”
“ตอนนี้เลยก็ได้ครับแต่คงไม่สะดวกในเรื่องสถานที่หน่อยนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ประธานาธิปดีก้มมองมาที่ฟริกส์อีกครั้ง
“เธอชื่อฟริกส์สินะ ฉันได้ยินเรื่องของเธอมาเยอะเลยและก็ยินดีที่ได้รู้จักเธออีกครั้งนะ จะว่าไปเห็นว่าเธอจะมาเป็นฑูตให้กับเหล่ามอนสเตอร์สินะเมื่อกี้เธอทำได้ดีมากเลยล่ะ”
*เธอก็ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน*
หญิงชุดสูทยิ้มให้กับฟริกส์และมองมาที่เหล่าทหารที่ทำความเคารพอยู่
“เอามือลงได้ และก็ฉันต้องการคุยกับหัวหน้ากองร้อยของพวกคุณด้วย พอจะรู้หรือปล่าวว่าเค้าอยู่ที่ไหน”
.
.
“ไม่มีข่าวอะไรเพิ่มเติมจากที่ศาลากลางเลยเหรอ”
“ก็ไม่มีนี่ครับ”
“ถ้าจำไม่ผิดเห็นว่าวันนี้เห็นว่าจะนัดประชุมกันวันนี้นี่นา หรือว่ายังไงหว่า”
เสียงโทรศัพท์ของแย๊งดังขึ้นเมื่อแย๊งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็เป็นเบอร์ที่แย๊งไม่รู้จักแต่ก็รับสายไป
“โหล?”
“อ้าวฟริกส์เองเหรอมีอะไรหรือปล่าว? จะว่าไปก็เกือบลืมเลยแหะว่าให้เบอร์เธอไป”
.
.
แย๊งและเพื่อนของแย๊งเดินไปที่ปราสาทในหมู่บ้านที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ ทหารที่กำลังรอหัวหน้าของเขาได้นำทางแย๊งเข้าไปยังห้องประชุม เมื่อไปถึงก็พบกับชายชุดสูทสองคน แอสกอร์ ฟริกส์ และก็วิส นั่งอยู่ในห้องประชุม
“ให้เด็กโทรศัพท์ไปตามนี้ใช้ไม่ได้เลยนะหัวหน้ากองร้อยทหารช่างที่ 41” หญิงชุดสูทกล่าวออกมา
“ต้องขอโทษด้วยครับท่านประธานาธิปดี” แย๊งทำความเคารพประธานาธิปดีก่อนที่จะนั่งลง
“ว่าแต่ทำไมถึงได้ลงมาพบพวกเขาด้วยตัวเองเลยล่ะครับท่าน?” แย๊งถาม
“ฉันแค่อยากจะมาดูพวกเขาด้วยตัวเองน่ะ ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม”
“. . . .” แย๊งไม่ได้พูดอะไรออกมา ประธานาธิปดีหยิบกระเป๋าที่เอาติดตัวขึ้นมาและเอกสารจำนวนหนึ่ง
“เข้าเรื่องเลยดีกว่า คุณแอสกอร์ฉันเชื่อว่าคุณเป็นผู้นำสูงสุดของเหล่ามอนสเตอร์ใช่หรือปล่าว?”
“ใช่ครับ” แอสกอร์ตอบ ประธานาธิปดีมองไปที่ฟริกส์ด้วยรอยยิ้ม
“ฟริกส์ . . . ดูเหมือนว่าทุกๆคนในที่นี่รวมถึงฉันต้องขอบคุณเธอสินะ ฉันจะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน”
“ขอเล่าอะไรนิดนึง พวกคุณทำเอารัฐสภาเปิดประเด็นกันวายวอดไปสองวันเต็มหลังจากที่เรื่องของพวกคุณเริ่มถูกเผยแพร่ออกไป ต้องขอบคุณแย๊งอ่ะนะรายงานที่นายเขียนเขียนไว้ได้ละเอียดเยอะมากเลย”
“เรื่องของพวกเราทำเอาวุ่นวายกันขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”
“มันก็ไม่ได้วุ่นวายอะไรขนาดนั้นหรอกเพราะจริงๆแล้วไอพวกสมาชิกสภากับวุฒิสภามันว่างงานก็เลยเปิดประเด็นกันซะมันมือเลย ยังไงในวันนี้พวกเราคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาก็มีข้อสรุปที่ตรงกันก็คือ . . .”
ประธานาธิปดีเอาแฟ้มเอกสารชุดหนึ่งขึ้นมาและหยิบแผ่นส่วนที่ต้องการขึ้นมาอ่าน
“ขอโทษที จำไม่ได้แล้วว่าเขียนไรไว้บ้าง อืม . . . โอเค” ประธานาธิปดีส่งเอกสารแผ่นหนึ่งให้กับแอสกอร์
ข้อสรุปจากที่ประชุมแบบพอสังเขป
1. สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามอนสเตอร์บนพื้นดินจะได้รับการยอมรับสถานะเทียบเท่ากับพลเมืองของประเทศ มีสิทธิเสรีภาพในชีวิตและทรัพย์สินซึ่งหมายถึงการได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญของประเทศ
2. ให้มีการจัดตั้งหน่วยงานภายใต้ความร่วมมือระหว่างเหล่ามนุษย์และมอนสเตอร์ในการทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยและรักษาผลประโยชน์กิจการของทั้งสองฝ่าย
3. อาณาเขตพื้นที่ใต้ดินที่สิ่งมีชีวิตเหล่ามอนสเตอร์อาศัยอยู่จะยังอยู่ภายใต้การปกครองของผู้นำสูงของมอนสเตอร์ตามเดิม
<ลงชื่อประธานาธิปดี>
<ลงชื่อประธานรัฐสภา>
“ก็ . . . ตามนี้อ่ะนะ พวกคุณสามารถใช้ชีวิตบนโลกพื้นดินได้ภายใต้การรับรองทางกฎหมายของประเทศของเรา หน่วยงานของเราจะคอยช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถเพื่อให้สามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้โดยไม่มีปัญหา”
“ต้องขอบคุณมากนะครับที่ช่วยเหลือพวกเราถึงขนาดนี้” แอสกอร์กล่าว
“พวกเรายังมีอะไรที่ต้องเรียนรู้จากพวกคุณอีกเยอะเลย และอย่างที่เห็นตอนนี้โลกใบนี้ไม่ได้มีเพื่อเฉพาะมนุษยชาติอีกต่อไปแล้ว พวกคุณมอนสเตอร์ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ด้วยเหมือนกัน”
“นี่ นายช่วยเอาเอกสารพวกนี้ไปจัดการให้เรียบร้อยด้วยนะ”
“ครับท่าน” ประธานาธิปดีโยนแฟ้มปึกใหญ่ให้กับเพื่อนของแย๊งค์
“หลังจากนี้ก็จะเป็นช่วงที่พวกเราคงต้องปรับตัวซึ่งกันและกันเพื่อให้อยู่ร่วมกันได้ล่ะนะ ไม่คิดจะคุยอะไรหน่อย?เหรอคนเขียนได้โควตาตอนนี้ถึงสามพันกว่าคำเลยเชียวนะ” (//me . . . .)
“ถ้าอย่างนั้นผมก็มีเรื่องที่อยากจะถามเหมือนกันนะครับ แต่ก็เข้าใจที่เรื่องในอดีตกับตอนนี้มันจะผ่านไปนานถึง 500 ปีแล้วก็ตาม . . . ” แอสกอร์วางเอกสารที่ถืออยู่วางลงที่โต๊ะ
“พอจะรู้เรื่องราวของมนุษย์ในตอนนั้นหรือปล่าวครับ”
“อืม . . . ไม่”
“หา?” แอสกอร์งง
“มันเป็นสิ่งที่กรมประวัติศาสตร์ต้องการคำตอบเหมือนกันเพราะโดยปกติแล้วเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ยาวนานถึงหลายพันปีควรมีเรื่องราวของพวกคุณบันทึกอยู่บ้างแต่กลับ . . . ไม่มี”
“หมอนี่ตัวตั้งตัวดีเลยมาเป็นทหารทำไมก็ไม่รู้ ได้ข่าวนายกำลังศึกษาประวัติอยู่ใช่หรือปล่าว?” ประธาธิปดีถามแย๊ง
“เข้าใจยากจังแหะ” วิสนั่งคางโต๊ะโดยที่ฟริกส์ก็ทำหน้านิ่งฟังไปอยู่อย่างนั้น
“หลังจากนี้ผมจะอธิบายเอง” แย๊งกล่าว
“ประวัติศาสตร์ของประเทศที่มีขึ้นอย่างเป็นทางการคือหลังจากชาวยุโรปค้นพบดินแดนที่เราอาศัยและเริ่มก่อตั้งรกรากเมื่อ 300 ปีก่อนแต่ตามที่แอสกอร์บอกก็คือมอนสเตอร์ถูกกักขังใต้ดินเมื่อ 500 ปีก่อน”
“และนั่นก็คือปัญหาของเรื่องที่ว่าเพราะเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ก่อนหน้านั้นหายสาบสูญ เรื่องราวไม่ปะติปะต่อกันซักเท่าไหร่ส่วนที่รู้จากชนพื้นเมืองที่อยู่ก่อนที่ชาวยุโรปจะมาตามที่มีก็คือเคยมีอาณาจักรที่เคยอยู่ที่นี่มาก่อนและเกิดสงครามใหญ่เมื่อ 500 ปีก่อนและเรื่องราวก็หายไปดื้อๆเลย”
“จะว่าไปแอสกอร์คุณมีอายุถึงช่วงเวลานั้นหรือปล่าวครับเพราะตามความเข้าใจของพวกเราเหล่า มอนสเตอร์น่าจะมีอายุยืนกว่ามนุษย์นิถ้าว่ากันตามหลักแล้ว . . .”
“ก็ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะครับที่จะมีอายุยืนอันที่จริงตัวผมเองก็ไม่ได้อยู่ถึงช่วงสงครามครั้งนั้นหรอกครับ แต่ก็ยังพอรู้เรื่องเกี่ยวกับโลกข้างบนก่อนที่จะถูกขับไล่จนมาอยู่ในใต้ดินมาบ้างน่ะครับ”
จากที่แอสกอร์ต้องการรู้ข้อเท็จจริงในตอนนั้นดูเหมือนจะต้องเป็นฝ่ายเล่าเรื่องราวให้มนุษย์แทนโดยเรื่องราวที่แอสกอร์พอจะรู้ก็คือก่อนเกิดสงครามระหว่างสองเผ่าพันธุ์นั้นเคยมีอาณาจักรแห่งหนึ่งที่มีมอนสเตอร์และมนุษย์อยู่อาศัยร่วมกันมาก่อนซึ่งเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่และอยู่ร่วมกันโดยสงบสุข
จนกระทั่งวันหนึ่งได้เกิดความขัดแย้งบางอย่างที่บานปลายใหญ่โตขึ้นมาจนกระทั่งกลายเป็นสงครามระหว่างสองเผ่าพันธุ์ส่วนสาเหตุของสงครามนั้นไม่เป็นที่แน่ชัด โดยจบลงที่ชัยชนะของมนุษย์โดยได้ขับไล่พวกเขาลงโลกใต้ดินและนักเวทย์มนต์จำนวนหนึ่งได้สร้างบาเรียที่กักขังเหล่ามอนสเตอร์จนกระทั่งวันที่พวกเขาได้รับอิสรภาพในวันนี้ด้วยฝีมือของเด็กที่ชื่อฟริกส์ที่กำลังนั่งทำหน้านิ่งอยู่ในตอนนี้
“. . . ก็พอจะเข้าใจเรื่องราวในระดับหนึ่งอ่ะนะ”
“ว่าแต่มนุษย์ในปัจจุบันเวทย์มนต์ไม่เป็นที่พูดเท่าไหร่หรอกเหรอครับ?” แอสกอร์ถามประธานาธิปดี
“สำหรับโลกมนุษย์ที่เติบโตมากับวิทยาศาสตร์มันคงน่าจะสูญหายตามกาลเวลาน่ะ แย๊ง . . . นายจดอยู่หรือปล่าว”
“จดอยู่เนี่ย” แย๊งโชว์กระดาษที่กำลังจดอยู่
“ดีล่ะ ฉันอยากให้พวกเธอรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยนะ น่าจะต้องมีเรื่องราวที่หลงเหลืออยู่หรือคนที่รู้เรื่องพวกนี้อยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว เพราะมันเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับพวกคุณทุกคนและคนที่เหมือนๆกับพวกคุณเหล่ามอนสเตอร์ที่อาศัยอยู่โลกพื้นดินอยู่ก่อนหน้าที่พวกคุณจะขึ้นมาด้วย”
“คนที่เหมือนๆกับพวกผมนี้ . . . หมายความว่าไงเหรอครับ?” แอสกอร์ถาม
“อ้าว แย๊งเธอยังไม่ได้เล่าให้พวกเขาฟังทีหรอกเหรอ?”
“กริ๊ง~~งง!!” เสียงโทรศัพท์ดังจากกระเป๋าข้างของประธานาธิปดีและเธอก็รับสาย
“ว่าไง . . . อืม เข้าใจแล้ว เดี๋ยวฉันจะรีบไปแค่นี้แหละ” เธอวางสายโทรศัพท์ลง
“คือ . . . ตามกำหนดการฉันต้องไปประชุมที่ต่างประเทศแต่ฉันก็อยากจะมาพบพวกคุณก่อนไป เดี๋ยวถ้ายังไงเดี๋ยวพวกเธอก็ช่วยเล่าให้คุณแอสกอร์ฟังแทนละกันนะ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้อยู่ต่อและก็ขอบคุณที่สละเวลานะคะคุณแอสกอร์”
“จะไปแล้วเหรอครับ ? . . . แต่ก็ยินดีที่ได้พูดคุยกันนะครับ”
แอสกอร์กล่าวลาก่อนที่ทั้งสองจะจับมือกัน แย๊งเก็บที่จดบันทึกไว้เข้าแฟ้มปกหนังสือวางไว้บนโต๊ะและเดินไปส่งประธานาธิปดีโดยที่เหลือก็ยังอยู่ในห้องประชุม ระหว่างที่เดินไปที่รถของประธานาธิบดีทั้งสองคนก็ได้เริ่มบทสนทนากันอีกครั้ง
“สีหน้านายดูดีขึ้นนะร้อยโทแย๊ง . . . ไม่สิว่าที่พันเอกแย๊ง อลานหัวหน้ากองร้อยทหารช่างพิเศษที่ 41”
TO BE CONTINUED
Note
25/11/2015
ใกล้จะปิดเทอมแล้วหลังจากนี้ถ้าไม่มีอะไรก็คงอัพได้ถี่ขึ้นจากรายสัปดาห์หรือไม่ก็แต่งได้ดีขึ้น
(อาจมีภาพด้วย) ตอนนี้ตอนที่ 12 . . . สักตอนที่ 14 หรือไม่ก็ 15 จะมีตอนพิเศษออกมาซึ่งหัวข้อก็คือ
. . . ระหว่างนี้มีใครอยากถามอะไรหรือปล่าวโดยเฉพาะกับแย๊งตัวแกนหลักของเรื่องซึ่งเมื่อถึงตอนที่ว่าจะลากแย๊งให้มาตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้นะครับ
:P
ความคิดเห็น