คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Episode 11 สิ่งที่ทำให้เธอมีวันนี้
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ขอบคุณมากนะครับ”
แย๊งกล่าวกับบรรณารักษ์หลังจากยืมและคืนหนังสือเหมือนทุกครั้งที่มาที่ศาลากลางหลังจากนั้นแย๊งก็เดินไปหาเพื่อนของเขาที่รับผิดชอบเขตพื้นที่ที่มอนสเตอร์อาศัยกำลังขนเอกสารเพื่อย้ายไปยังหมู่บ้าน
“เอากล่องนี้และก็กล่องนี้ไปด้วยนะ” เพื่อนของแย๊งกล่าวกับเพื่อนร่วมงานของเขา
“สวัสดี เป็นไงบ้าง” แย๊งกล่าวทักทาย
“อ้าวแย๊งเป็นไงบ้าง ที่หมู่บ้านถึงไหนละ”
“ถ้าบ้านฐานทัพส่วนสำหรับที่นายจะต้องย้ายไปทำงานเสร็จละส่วนของฉันยังไม่เสร็จที”
“อ๋อโอเค . . . เดี๋ยวนะ หมายความว่าไงส่วนของนาย?ไม่ใช่ว่านายตั้งโต๊ะทำงานไว้ในค่ายหรอกเหรอ”
“ตอนนี้ฉันใช้บ้านฐานทัพตั้งไว้เป็นจุดประสานงานกับมอสเตอร์ในหมู่บ้านน่ะเพราะอย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ต้องเข้าออกค่ายมาหาฉันทำให้การทำงานของลูกทีมสะดวกขึ้นด้วย”
“เรียกที่ว่าการว่าบ้านฐานทัพ . . . ทำให้นึกถึงที่เราเล่นกันเมื่อตอนเด็กๆเลย”
“ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนิ -3- แล้วนายจะขนของพวกนี้ไปยังไง”
“พอดีฉันติดต่อทำสายรถเมย์จากนี่ไปที่หมู่บ้านมอสเตอร์แล้วเพราะหลังจากนี้คงมีคนไปกลับเป็นว่าเล่นแน่”
“อืมงั้นก็ . . .ไว้เจอกันที่นั่นละกัน”
“โชคดีแย๊ง”
เดินไปที่รถก่อนที่จะขับรถเพื่อไปยังหมู่บ้าน ก่อนที่จะสตารท์เครื่องแย๊งได้มองไปที่โรงเรียนที่อยู่อีกฝากของสวนสาธารณะทำให้เค้านึกถึงสมัยตัวเองเป็นเด็กที่ไม่ได้มีโอกาศไปเรียนหนังสือเพราะสงครามกลางเมืองแม้เค้าจะมีคนช่วยสอนหนังสือให้แต่ก็อดเสียดายไม่ได้
“หึ อย่างน้อยเราก็ได้ดูพวกเด็กๆไปโรงเรียนอ่ะนะ . . . หือ ?”
แย๊งมองเห็นกลุ่มเด็กนักเรียนสามสี่คนในซอยข้างๆโดยพวกเขาหันหลังให้แย๊งหมดยกเว้นเด็กคนนึงเมื่อเอากล้องส่องทางไกลมาส่องดูแย๊งก็จำได้ทันทีว่าเป็นเด็กที่วิ่งเข้าไปกอดโทเรียลและเล่นกับอันไดน์เมื่อตอนที่เค้าได้เจอกับมอนสเตอร์เป็นครั้งแรก แย๊งพยายามมองไปที่ปากของเด็กของนั้น . . .
“พอสักทีเหอะฉันไม่มีอะไรจะให้พวกนายทั้งนั้นแหละ”
“แล้วไง แล้วทำไมฉันต้องทนถูกพวกนายแกล้งไปตลอดด้วยล่ะ”
เด็กคนนั้นถูกชกไปที่ใบหน้าของเขาลงไปนอนที่ถนน ซึ่งมันทำให้แย๊งหัวเสียไม่ใช่น้อยเพราะเขาเกลียดการกลั่นแกล้งกันเป็นอย่างมากและเค้าก็ไม่อยู่ให้สบอารมณ์ไปมากกว่านี้แน่แต่ไม่ทันที่จะวางกล้องส่องทางไกลก็เหลือบไปเห็นเด็กอีกคนที่กำลังเดินไปหากลุ่มเด็กพวกนั้น ใส่เสื้อฟ้าแถบตามขวางสองแถบสีม่วง . . . ฟริกส์ . . . !?! ฟริกส์เดินไปหากลุ่มเด็กพวกนั้นและลากเด็กที่ถูกแกล้งออกมาอยู่ด้านหลังเธอจากเด็กพวกนั้นซึ่งคราวนี้แย๊งได้มองเห็นพวกเด็กที่ทำร้ายคนที่อยู่หลังฟริกส์
“เธอเป็นใครมายุ่งอะไรด้วย”
“เพื่อนของเจ้าหมอนั่น หือ? ให้เลิกแกล้งหมอนั่น”
“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง หรือว่าเธอจะจ่ายแทนหมอนั่นหรือไง หา ? ไม่ ?”
“งั้นเธอก็ต้องโทษตัวเองนะที่แส่ไม่เข้าเรื่อง”
หนึ่งในกลุ่มเด็กพวกนั้นซัดหมัดเข้าไปหาฟริกส์ซึ่ง . . . หลบได้ ฟริกส์ขยับตัวไปนิดเดียวในการหลบหมัดของเด็กคนนั้นซึ่งทำให้แย๊งเกือบเหวอไปพักนึงแต่ก็ต้องอึ้งเพราะเธอหลบการโจมตีที่เข้าหาได้หมด กลุ่มเด็กที่แกล้งไม่สามารถทำอะไรฟริกส์ได้เลยแถมการหลบการโจมตีของเธอนั้นดีพอๆกับเพื่อนทหารในสังกัดด้วยซ้ำ และจังหวะนั้นแย๊งเห็นมีดเล่มที่อยู่ในกางเกงของฟริกส์ มันไม่สำคัญที่ว่าเธอจะเอามันไปโรงเรียนทำไมเพราะท่าทีของเธอไม่คิดจะใช้มันแม้แต่น้อย
แย๊งสังเกตุฟริกส์มือเกร็งเล็กน้อยในข้างที่สามารถหยิบมีดมาใช้ป้องกันตัวได้ก่อนที่จะส่ายหัวด้วยเหตุผลบางอย่างหลังจากหลบการโจมตีไปมาได้ซักพักฟริกส์ตัดสินใจพาเด็กที่อยู่ข้างหลังเธอวิ่งออกมาจากซอยก่อนวิ่งไปทางถนนหลักโดยที่กลุ่มเด็กพวกนั้นวิ่งไล่ตามมา ไม่รีรอแย๊งโยนกล้องไว้หลังรถก่อนจะสตาร์ทเครื่องยนต์เหยียบคันเร่งจนมิด
.
.
“หยุดนะ พวกแกหนีไม่พ้นหรอก”
“ข . . ขอบใจมากที่ช่วย ว . . ว่าแต่เธอ . . . เมื่อในตอนนั้นกับพวกเขา!??”
*พวกเราเคยเจอกันนั้นตอนนั้น*
“ใช่จริงๆด้วย ว่าแต่เราจะหนีเจ้าพวกนั้นได้ยังไง”
เมื่อถึงแยกฟริกส์และเด็กคนนั้นวิ่งเข้าแยกไปโดยถูกไล่หลังมาติดๆ ทันทีที่เลี้ยวเข้าแยกทั้งคู่ถูกลากชายเสื้อและโยนเข้าไปในรถคันหนึ่งไปยังเบาะหลังรถก่อนที่จะมีหนังสือพิมพ์มาบังพวกเขาโดยชายคนหนึ่ง
“ไอเจ้าพวกนั้นไปไหนแล้ว”
กลุ่มเด็กที่ไล่ตามมือพบว่าทั้งสองคนนั้นหายไปแล้วมีเพียงแต่รถยนต์กับชายชุดทหารคนหนึ่งที่กำลังยืนอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ก่อนที่ชายคนนั้นมองมาที่กลุ่มเด็กพวกนั้นด้วยสายตาที่อัมหิต
“พวกเธอ~เลิกเรียนแล้วไม่กลับบ้านกันหรือไงหึ?”
ด้วยสายตาและเสียงมันทำให้พวกเขาขนหัวลุกสั่นกลัวไปตามๆกันก่อนจะตัดสินใจวิ่งหนีชายชุดทหารคนนั้นไปและเมื่อแน่ใจว่าเด็กพวกนั้นไปแล้วก็ได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะเก็บหนังสือพิมพ์และหันหลังมามองทั้งสองคนที่เพิ่งถูกโยนไปไว้หลังรถเมื่อกี้
“โทษทีนะกลัวว่าจะไม่ทันเลยใช้วิธีนี้น่ะ ไม่เป็นไรใช่ไหม? อุ๊ย!?!”
ดูเหมือนฟริกส์จะไม่เป็นอะไรมากนักแต่เด็กอีกคนที่แย๊งจับโยนเข้าไปในรถตอนนี้เขาคงนอนสลบมองเห็นดาววนอยู่รอบหัวไปเสียแล้วก่อนที่จะให้เด็กคนนั้นนั่งท่าสบายก่อนที่จะถามฟริกส์
“ฟริกส์เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
“ดีแล้วล่ะ ว่าแต่เธอรู้จักกับเด็กคนนั้นเหรอถึงได้ช่วยเด็กคนนั้นน่ะ”
*แม้จะเคยพบแต่ไม่รู้จัก แต่ก็อยู่เฉยไม่ได้ที่เห็นคนถูกแกล้ง*
“พวกเราไม่รู้ซะด้วยว่าหมอนี่บ้านอยู่ไหน เอาไงดี . . . ไปบ้านของเธอก่อนละกันนะ”
แย๊งขับรถไปที่บ้านของฟริกส์ เมื่อไปถึงดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่บ้านโดยฟริกส์บอกว่าพ่อของเธอออกไปทำงานส่วนแม่ไปธุระอยู่ในเมืองใหญ่ แย๊งแบกเด็กคนนั้นมาที่บ้านของฟริกส์ก่อนที่จะวางเค้าไว้บนโซฟา
“เอ่อฟริกส์ . . .” ฟริกส์หันมามองแย๊งตามเสียงที่เรียกขณะที่แย๊งกำลังดูอาการเด็กอยู่
“ตั้งแต่ตอนแรกฉันเห็นเธอหลบการโจมตีจากเด็กพวกนั้นได้หมดแถมไม่ใช้มีดที่มีด้วย”
* . . . . *
“ทำไมถึงไม่ใช้มีดที่เธอมีมาป้องกันตัวเธอและเด็กคนนั้นซะล่ะ”
*เธออยากจะปกป้องเค้าแต่ก็ไม่อยากจะทำร้ายใครเหมือนกัน*
“นั่นใช่สิ่งที่เธอยึดมั่นมาตลอดแม้แต่ตอนที่อยู่โลกใต้ดินหรือปล่าว?”
*มันเป็นสิ่งที่ทำให้เธอมีวันนี้*
“อืม . . . . ถ้าไม่ว่าอะไรขอดูมีดเล่มนั้นหน่อยได้ไหม?”
ฟริกส์ทำท่าลังเลอยู่สักพักก่อนที่จะหยิบมีดเล่มที่ว่ามาให้แย๊งดู รูปร่างก็เหมือนมีดสั้นทั่วไปแต่ก็จับได้เข้ามือดีเมื่อหันด้ามจับมองไปที่ใบมีดที่มันวาวไม่มีรอยตำหนิจากโลหะที่สะท้อนออกมา มันเป็นมีดที่ทำขึ้นมาอย่างดีที่ทำมาเพื่อใครสักคนเป็นพิเศษซึ่งก็น่าจะหมายถึงฟริกส์ . . . หรือว่าใครบางคน
“เธอได้มันมาจากที่โลกใต้ดินสินะ” แย๊งคืนมีดเล่มนั้นให้กับฟริกส์
“ยังไงก็หาที่เก็บให้มันมิดชิดกว่านี้หน่อยก็ดีนะเพราะครูคงไม่ปลื้มแน่ถ้ามาเห็นเข้าน่ะ :3”
“น . . . นี่ผมอยู่ที่ไหนเนี่ย” เด็กคนที่นอนอยู่ที่โซฟาฟื้นขึ้นมา
“อ้าวฟื้นแล้วเหรอ? โทษทีนะที่มือหนักไปหน่อยน่ะ”
“คุณคือ . . คนเมื่อตอนนั้นและก็เธอที่ช่วยฉันเมื่อกี้ . . . นี้บ้านของคุณเหรอครับ?”
“ปล่าว นี้บ้านของฟริกส์น่ะ” แย๊งชี้ไปที่ฟริกส์
“ฟริกส์ . . . ขอบคุณมากนะครับที่มาช่วยผม”
ฟริกส์ยกมือส่ายหน้าสื่อประมาณว่าคนที่ต้องขอบคุณควรจะเป็นแย๊งมากกว่าแต่อย่างน้อยฟริกส์ก็รู้สึกดีที่ได้ช่วยเหลือถึงแม้สิ่งที่แย๊งเห็นนั้นไม่มากไปกว่าเด็กที่ทำหน้านิ่งจนชวนน่ารำคาญคนหนึ่งก็ตามที
“ว่าแต่เธอชื่ออะไรเหรอ ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม”
“ผมชื่อวิสครับ ตอนนี้ผมก็มึนหัวนิดหน่อยไม่เป็นอะไรมากแล้วครับ”
“งั้นก็ดี -__- เดี๋ยวฉันส่งเธอกลับบ้านให้ละกันนะ”
“ครับ . . . ว่าแต่พอรู้หรือปล่าวครับว่าตอนนี้พวกพี่ๆเค้าอยู่ที่ไหน ?”
“พวกเขา . . . ถ้าหมายถึงมอนสเตอร์ พวกเค้าอยู่ที่หมู่บ้านใกล้ๆและฉันก็รับหน้าที่ในการช่วยเหลือพวกเขาอยู่น่ะ”
“พาผมไปหาพวกเขาได้หรือปล่าว?” วิสขอร้องให้แย๊งพาเค้าไปพบกับมอนสเตอร์ที่เคยเจอ
“ก็ได้อยู่นะ ถ้าหมายถึงว่าพ่อแม่ของเธออนุญาตินะ แต่ยังไงกรณีของเธอคงไม่เหมือนกับฟริกส์หรอกนะเพราะก็ไม่อยากให้ครอบครัวเป็นห่วงซะด้วยซิเอาไงดี”
*เธอจะไปคุยกับครอบครัวของวิสเอง*
“จะเอาอย่างนั้นเหรอ ฟริกส์เธอจะไปที่หมู่บ้านเหมือนกันสินะงั้นเธอก็ช่วยดูแลวิสได้หรือปล่าว หมายถึงที่หมู่บ้านฉันไม่ห่วงหรอกแต่ฉันเป็นห่วงเกี่ยวกับเจ้าเด็กพวกนั้นมากกว่าน่ะ ตามนั้นละกัน”
ว่าแล้วทั้งสามคนก็ขึ้นรถพาวิสไปส่งที่บ้านของเขาก่อนโดยที่ฟริกส์ก็ตามไปด้วย ซึ่งก็ตามคาดที่ที่บ้านของวิสอนุญาติให้ไปเที่ยวเพราะเห็นว่าฟริกส์ไปด้วยก็คงไม่เป็นอะไรแต่ก็ยังไงดูเหมือนก็ยังเป็นห่วงวิสอยู่ดี หลังจากนั้นก็ขับรถเดินทางต่อไปยังหมู่บ้านที่มอนสเตอร์อาศัยอยู๋
เมื่อลงจากรถก็เห็นเพื่อนของแย๊งที่มาถึงหมู่บ้านก่อนหน้ากำลังขนเอกสารเข้าไปข้างในซึ่งแย๊งก็เข้าไปช่วยเพื่อนของเขาซึ่งก็ได้ปล่อยให้ฟริกส์ดูแลวิสแทน แต่ฟริกส์ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพื่อนของเธอแต่ละคนไปอยู่ไหนกันบ้างโดยเฉพาะโทเรียล
“เอ่อนี่ แล้วพวกเราจะไปที่ไหนกันต่อล่ะ คือถึงฉันจะเคยเจอพวกเค้ามาก่อนแต่ฉันไม่รู้จักเค้าเลย”
*เธอไม่รู้เหมือนกันว่าบ้านเพื่อนๆของเธออยู่ไหนกันบ้าง*
“เอ๋ !?!”
“Hey kiddo ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
เมื่อทั้งคู่หันไปมองซึ่งก็พบว่าเป็นแซนส์ที่กำลังเดินมาหาพวกเขาโดยที่พาไพรัสเดินมาตามมาด้วย
“สวัสดีเจ้ามนุษย์และก็ . . . อ้อ ~ เธอเมื่อตอนนั้นฉันจำเธอได้”
“สวัสดีครับผมชื่อวิสครับ :3”
“ข้าพาไพรัสผู้ยิ่งใหญ่ก็รู้สึกยินดีที่ได้รู้จักเจ้าเช่นกัน”
“พวกเธอกำลังจะไปไหนเหรอ . . . ห๊ะ พอดีเลยพวกเรากำลังจะไปที่บ้านของโทเรียลเหมือนกันพวกเธอก็มาด้วยกันสิ”
แซนส์ชวนฟริกส์และวิสไปที่บ้านของโทเรียลซึ่งฟริกส์ก็อยากจะไปหาโทเรียลอยู่พอดี
“โทเรียลนี้ใครเหรอ” วิสถามฟริกส์
*เธอเป็นคนใจดีและช่วยดูแลเธอตอนที่อยู่โลกใต้ดิน*
“นึกไม่ออกแหะ”
“ฉันว่านายเคยเจอฝ่าบาทมาก่อนนะจำไม่ได้เหรอ . . . ” พาไพรัสกล่าวกับวิส
.
.
“ขอบใจมากนะแย๊ง ส่วนห้องทำงานนี้ถือว่าไม่เลวเลยล่ะ”
“ก็ฉันเป็นคนสร้างและจัดห้องขึ้นมาเองนี่นา” แย๊งบอกกับเพื่อนของเขาเกี่ยวกับที่ทำงานในบ้านฐานทัพ
“ที่จริงนายน่าจะทำห้องนอนของตัวเองให้เสร็จก่อนนะ ถถถถถถ”
“ปกติฉันก็นอนเต้นท์จนชินละ แต่อีกเดี๋ยวไม่นานก็เสร็จละ . . . จะว่าไปเฮ้~ถามไรหน่อยสิ”
แย๊งเรียกพลวิทยุที่ทำงานอยู่อีกห้องให้มาหาเขา
“ไม่มีข่าวอะไรเพิ่มเติมจากที่ว่าการรัฐเลยเหรอ?”
“ก็ไม่มีนี่ครับ”
“ถ้าจำไม่ผิดเห็นว่าวันนี้จะมีนัดประชุมกันนี่นา หรือว่ายังไงหว่า”
เสียงโทรศัพท์ของแย๊งดังขึ้นเมื่อแย๊งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็เป็นเบอร์แปลกๆที่แย๊งไม่เคยเห็นมาก่อนแต่ก็รับสายไป
“ฮัลโหล?”
“อ้าวฟริกส์เองเหรอมีอะไรหรือปล่าว ? จะว่าไปก็เกือบลืมเลยแหะว่าให้เบอร์เธอไป”
TO BE CONTINUED
จบ หรือยังวะ?
“สุดท้ายไอเจ้าพวกนั้นก็หายไปไหนไม่รู้เสียอารมณ์ชะมัด ฮึ่ย!!”
กลุ่มเด็กที่ไล่ล่าวิสกับฟริกส์อยู่เมื่อกี้ได้เตะก้อนหินออกไป ซึ่งก้อนหินที่พวกเค้าเตะออกไปนั้นก็ไปโดยหัวคน(?)คนหนึ่งที่กำลังเดินซื้อของอยู่ใกล้ๆพอดี
“อ่ะ . . อ . . . อันไดน์” แอลฟี่หันไปมองอันไดน์ที่โดนก้อนหินที่ลอยเข้ามาอย่างจัง อันไดน์หันไปมองด้านหลังก็พบกับกลุ่มเด็กที่กำลังอึ้งกับสิ่งที่พวกเขาทำโดยไม่ได้ตั้งใจ
“พวกแก . . . ” อันไดน์มองเด็กพวกนั้นด้วยสายตาที่อัมหิตซึ่งเธอก็ไม่ได้ทำมาตั้งนานแล้ว
“I will kill you . . .”
“ขอโทษด้วยคร้าบ~~!!!!” กลุ่มเด็กพวกนั้นวิ่งเผ่นกันแบบสุดชีวิตปล่อยให้อันไดน์หัวเราะด้วยความสะใจ
“ฟุฮุฮุฮุ ฮ่า ฮ่า ดูเจ้าเด็กพวกนั้นดิปอดแหกวิ่งหนีไปไกลเลย เทียบกับเจ้าพังก์นั้นไม่ได้เลยซักนิด ฮ่า ฮ่า”
“เอ่อ . . . เธอจะฆ่าพวกเค้าจริงๆเหรอ” แอลฟี่ถามอันไดน์
“ไม่เอาน่า ฉันแค่แกล้งเจ้าพวกนั้นแค่นั้นเอง แต่ที่โดนเมื่อกี้เจ็บเป็นบ้า”
“แกล้งแรงไปหรือปล่าวเนี่ย . . . ” แอลฟี่ถามอันไดน์อีกครั้งโดยที่อันไดน์ก็หัวเราะอยู่อย่างนั้น
ความคิดเห็น