ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Undertale AfterAll : Post Pacifist

    ลำดับตอนที่ #9 : Episode 6 ลานดอกไม้สีทอง

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.พ. 60


    “นั่นใครน่ะ !?

         เสียงชายคนนึงที่อยู่อีกฟากของลานดอกไม้เมื่อแย๊งและคนอื่นๆหันไปที่มาของเสี่ยงก็พบกับชายแก่คนหนึ่งที่กำลังแบกฟืนและขวานของเขา

    “พวกเด็กมือบอนมาเพ้นท์สีอีกแล้วเหรอ?” ชายคนนั้นถามพวกแย๊งที่มาด้วยความหงุดหงิด

    “เปล่าครับไม่ใช่พวกเรามา. . .”

    “แล้วพวกนายมาทำอะไรที่นี่กัน . . . หือ ?” เขาสังเกตเห็นแอสกอร์ที่อยู่ข้างๆแย๊งมันทำให้เขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

    “นาย . . . ? เป็นไปไม่ได้ . . .” ชายแก่ถือขวานและฟืนและเดินอ้อมลานดอกไม้มาหาแอสกอร์

    “สัตว์ประหลาดในตอนเองนั้นหรอกเหรอ ฉันนึกว่าจะเป็นเรื่องเล่าไร้สาระซะอีก ก็ว่าทำไมพ่อถึงได้ชอบย้ำนักย้ำหนา”

         เขามองไปที่แอสกอร์และจับแขนแอสกอร์เพื่อสัมผัสด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อสักเท่าไหร่

    “นี่เธอเป็นสัตว์ประหลาดจริงๆเหรอเนี่ย?

    “เอ่อ . . . ครับ” แอสกอร์ตอบ

    “แล้วพวกนายมาทำอะไรที่นี่กันเหรอ ว่าไงล่ะเจ้าหนู?” เขามองมาที่ฟริกส์และถามเธอ

    *เธอมาช่วยแอสกอร์ก่อตั้งหมู่บ้านใหม่ให้เหล่ามอนสเตอร์*

    “มอนสเตอร์อย่างนั้นเหรอดูเหมือนฉันจะพูดแรงไปนะ . . . นี่พ่อหนุ่มเธอชื่ออะไรงั้นเหรอ?

    “ผมแอสกอร์ ดรีมเมอร์ครับและก็ไม่เป็นหรอกครับสำหรับเมื่อกี้”

    “ตามมาสิ ฉันมีอะไรที่ต้องให้เธอดู”

         ว่าแล้วพวกแย๊งแอสกอร์และฟริกส์เดินตามชายแก่คนนั้นไปเรื่อยๆซึ่งตลอดทางก็มีแต่ซากหมู่บ้านให้เห็น

    “มีอะไรจะให้ดูเหรอครับ” แย๊งถามชายที่กำลังเดินตามไป

    “พ่อฝากมาน่ะ ว่าถ้าเค้ากลับมาก็ให้พาเค้ามายังหลุมศพนี้ด้วยซึ่งก็จะรู้เองว่าใคร แต่นี่ก็หลายสิบปีแล้วผมไม่คิดว่าเค้าจะอยู่ถึงวันนี้หรอก แต่ก็ยังฝากส่งต่อกันมาเรื่อยๆจนถึงฉัน แม้ว่าคนในหมู่บ้านจะย้ายออกจนเป็นหมู่บ้านร้างไปแล้วก็เหอะ"

    “หลุมศพใครเหรอครับ?” แอสกอร์ถาม

    “ฉัมก็ไม่รู้เหมือนกัน คุณอาจจะรู้จักก็ได้”

         เมื่อเดินต่อไปเรื่อยๆจนในที่สุดก็พบกับป้ายหลุมศพทำมาจากหินประดับไปด้วยดอกไม้สีทองที่หน้าหลุมศพนั้นมีกล่องเล็กๆและข้อความที่สลักเอาไว้โดยเขียนไว้ว่า

     

     แด่เด็กที่นอนอยู่บนลานดอกไม้

    19xx

     

    “ฉันมาที่นี่เพื่อประดับดอกไม้ทุกอาทิตย์น่ะและพ่อก็ฝากนี้มาให้ด้วย”

         ชายคนนั้นเดินไปเปิดกล่องเล็กๆที่ตั้งอยู่ที่หน้าหลุมศพ สิ่งที่หยิบออกมาจากในกล่องใบนั้นเป็นจดหมายที่เก่ามากๆโดยชายแก่ถือจดหมายฉบับนั้นเอามาให้กับแอสกอร์

    “ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเป็นเรื่องอะไร แต่ดูเหมือนว่ามันสำคัญมากที่จะบอกให้ได้น่ะ”

         ถึงแม้จะพอเดาได้ว่าเรื่องอะไรแอสกอร์ก็รับและเปิดจดหมายด้วยสายที่เศร้าหมองจนแย๊งและฟริกส์สังเกตุได้

     

    ถึงสัตว์ประหลาดที่พาเธอกลับมาในวันนั้น

              ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในตลอดเวลาที่เธอคนนั้นได้ขึ้นไปยังที่ภูเขาแห่งนั้น แต่ฉันที่รู้ได้จากรอยยิ้มที่แม้เธอจะตายไปแล้วนั้นว่าเธอมีความสุขที่ได้อยู่กับคุณเพราะที่หมู่บ้านแห่งนี้เธอไม่เคยมีความสุขเลย เธอถูกขับไสไล่ส่ง รังแก สาปแช่ง โดยไม่มีเหตุผลมาโดยตลอด

    ซึ่งฉันที่ได้แต่ยืนมองดูเธอก็โทษตัวเองมาตลอดที่ช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย และชาวบ้านที่ได้ทำร้ายคุณเพราะพวกเค้าคิดว่าคุณฆ่าเธอนั้นแต่ผมกลับคิดว่าพวกเราชาวบ้านต่างหากที่เป็นคนฆ่าเธอ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อยากจะบอกกับคุณถ้าคุณยังมีชีวิตอยู่หรือได้กลับมาไม่ว่าเวลานั้นจะผ่านไปนานสักแค่ไหนก็ตาม ว่าต้องขอโทษด้วยที่ช่วยอะไรเธอไม่ได้และก็ขอบคุณที่ได้ช่วยเหลือดูแลเธอ

    ต้องขอโทษด้วย

     

         แย๊งที่ได้แต่ยืนฟังเรื่องเล่าที่ถูกส่งต่อกันมาผ่านทางจดหมายเช่นเดียวกันกับฟริกส์ เธอก็ได้นึกถึงเรื่องราวที่เธอได้ผจญภัยในโลกใต้ดินและเรื่องนี้ก็ได้ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ณ ที่แห่งนี้ ท่ามกลางความเงียบสงบ แอสกอร์ที่นิ่งเงียบก้มลงมาที่ป้ายหลุมศพและปัดเช็ดเศษที่ติดอยู่ออกและกล่าวบางอย่างด้วยความคิดถึงที่แม้ว่ามันจะผ่านไปนานสักแค่ไหนก็ตาม

    “แอสเรียล . . . คลาร่า . . .พวกเธอสบายดีสินะ . . .”

    .

    .

         หลังจากไปที่หลุมศพแล้ว ทุกๆคนก็ได้เดินกลับมาที่ยังลานดอกไม้กลางหมู่บ้านร้างอีกครั้ง

    “ถ้ายังก็เชิญพวกคุณตามสบายเลยนะ บ้านฉันอยู่ใกล้ๆนี้นี่แหละยังไงก็แวะมาได้นะ”

    และหลังจากชายแก่คนนั้นก็ได้เดินจากไปเหลือแต่แอสกอร์ ฟริกส์ และก็แย๊ง

    “. . .ไม่เป็นไรนะครับคุณแอสกอร์?” แย๊งถามแอสกอร์ อันที่จริงแย๊งยังมีเรื่องที่คาใจอีกมากเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่เขาก็เลือกที่จะถามทีหลังหรือไม่ก็ค้นหาเรื่องราวด้วยตัวของเขาเอง

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะในตอนนี้ที่เราทำได้เพียงอย่างเดียวคือการสร้างอนาคตให้กับเหล่ามอนสเตอร์ที่กำลังจะขึ้นมายังโลกข้างบนในตอนนี้น่ะครับ”

         ฟริกส์เงยหน้าขึ้นมาและจับชายเสื้อของแอสกอร์และแอสกอร์จะเอามือลูบหัวฟริกส์

    “ฟริกส์ . . . ฉันไม่เป็นไรหรอกยังไงพวกเราก็มีเรื่องที่ต้องอยู่ทำไมใช่เหรอ คุณแย๊งครับงั้นผมจะกลับไปที่โลกใต้ดินเพื่อประกาศเรื่องการย้ายอพยพและเรื่องอื่นๆให้กับเหล่ามอนสเตอร์ก่อนนะครับ”

    “เดี๋ยวผมจะจัดการตรงส่วนนี้เองครับไม่ต้องห่วง ยังไงก็ระวังตัวด้วยนะครับ”

    “คุณก็เหมือนกัน ระวังตัวด้วยนะครับ” แอสกอร์เดินขึ้นภูเขาไปคนเดียวและตอนนี้ก็เหลือแต่แย๊งและฟริกส์ . . . 

    “มีอะไรเหรอเจ้าหนู” แย๊งสังเกตุเห็นฟริกส์เงยหน้ามองมาที่เค้า

    “นั่นสิ เอาเป็นว่ากลับไปที่รถก่อนละกัน” ว่าแล้วแย๊งและฟริกส์ก็เดินกลับไปที่รถเพื่อเอาของ

         ผ้าใบสำหรับกางเต้นจำนวนมาก เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ชุดงานช่าง อุปกรณ์ภาคสนาม วิทยุแบบตั้งโต๊ะ ชุดเดินสายไฟ เครื่องปั่นไฟและอื่นๆอีกมากซึ่งมากพอสำหรับตั้งแคมป์ใหญ่ๆได้สบาย (เอามาทำไรเยอะแยะ ?!?)

         ฟริกส์มองที่แย๊งด้วยความสงสัยว่าของที่เอามาเป็นจำนวนมากพวกนี้จะเอามาใช้ทำอะไร

    “ก็ . . . พวกมอนสเตอร์จะมาตั้งหมู่บ้านที่นี่ใช่หรือปล่าว”  แย๊งเกาหัวมองไปที่หมู่บ้านร้างที่มีแต่ซากปรักหักพัง

    “และอย่างที่เห็น พวกเราต้องซ่อมบ้าน . . . ไม่สิคงต้องสร้างขึ้นมาใหม่เลยมั้ง ระหว่างที่เหล่ามอนสเตอร์กำลังจัดข้าวของเดินทางมายังที่แห่งนี้พวกเราก็ต้องทำที่พักชั่วคราวให้พวกเขาและส่วนของพวกเราเองไว้เป็นจุดติดต่อประสานงานไงละ”

    “ก่อนอื่นก็หาสักที่ที่พอตั้งหลักได้ก่อนละกัน”

         ฟริกส์ชี้ไปที่บ้านหลังนึงที่มีสภาพดีที่สุดในตอนนี้ บ้านหลังที่ว่ามีโครงหลักที่ยังดูออกว่าเป็นบ้านโดยบ้านหลังที่ว่าอยู่หน้าลานดอกไม้พอดีด้วยซึ่งแย๊งก็เห็นด้วยว่าเป็นที่ที่เหมาะสำหรับเป็นจุดเริ่มต้น

    “ว้าว ขอบใจมากนะ :ยังไงก็ . . .พวกเรามีเวลาไม่มากแล้ว เริ่มกันเลยดีกว่า”

         ว่าแล้วแย๊งก็เริ่มซ่อมบ้านโดยทันทีเอาผ้าใบมากางเป็นผนังและหลังคา นำแผ่นไม้ที่พอหาได้มาค้ำโครงบ้านและทำเป็นกำแพง ประตู และอื่นๆสำหรับบ้านหลังนี้ ซึ่งต้องขอบคุณฟริกส์ที่ช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆทำให้เสร็จเร็วขึ้น เป็นเวลาสามชั่วโมงที่ใช้ในการซ่อมแซมจนในที่สุดบ้านก็พออยู่อาศัยได้บ้าง

    “เอาล่ะต่อตรงนี้ตรงนี้ ปรับความถี่ . . . และก็” ระหว่างที่แย๊งกำลังติดตั้งวิทยุอยู่

    “ขอบใจมากฟริกส์” ฟริกส์หยิบไขควงจากกล่องเครื่องมือและส่งมาให้แย๊ง

    “เสร็จละไหนดูซิ . . . ฮัลโหลนี่บุ๊คโน๊ตมีใครได้ยินไหมเปลี่ยน” แย๊งเริ่มใช้วิทยุเพื่อติดต่อไปยังฐานทัพ

    “นี่บุ๊คโน๊ตมีใครได้ยินไหมเปลี่ยน”

    ~นี่เลฟเปลี่ยน~

    “เลขที่สมุด 41-SQ-BOOK เปลี่ยน”

    “. . . ~ครับหัวหน้า? ~

    “แจ้งให้ทราบนี่ไม่ใช่การฝึกซ้อม OP RE OF FE-1-2 CODE FREEDOM WORLD 42-23-21 24-65-73 เปลี่ยน”

    ~. . .~

    “ฮัลโหล . . . ย้ำอีกครั้งนี่ไม่ใช่การฝึกซ้อม”

    ~รับทราบคำสั่งครับ. . .~” เมื่อจบสนทนาแย๊งวางสายวิทยุ และเดินก็ไปหยิบอาหารที่อยู่ในกระเป๋าสองถุงกับน้ำมาให้ฟริกส์

    “สักหน่อยไหมฟริกส์ พวกเรายังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย”
    ว่าแล้วเธอก็หยิบอาหารแปลกและน้ำเดินออกไปข้างนอกและพวกเขาก็นั่งกินข้าวเที่ยงรอแอสกอร์ . . .

    “ใส่น้ำลงในถุงอีกถุงสีเงิน และสอดเข้าไปและรออีกสักแปบก็กินได้ละ”

         ซึ่งที่กำลังกินอยู่ก็คือสเบียงสำเร็จรูปทางทหารและแน่นอนมันก็ไม่อร่อยมากแต่ก็ทำให้มีแรงสำหรับทำกิจกรรมต่างๆ

    *รสชาติไม่อร่อยมากนักแต่ก็พอกินได้ HP Max.* (???)

    “ฮ่าฮ่าฮ่า เพราะงั้นพวกเราก็เลยกินกันตอนออกงานเท่านั้นแหละ” แย๊งกินไปพลางบ่นไปพลาง

    “ฟริกส์ฉันถามอะไรเธอได้หรือปล่าว ?” ว่าแล้วเธอหันหน้าไปมองแย๊งด้วยความสงสัย

    “เธอขึ้นไปทำอะไรที่ภูเขา Ebott เหรอทั้งๆที่พวกเราก็รู้เรื่องตำนานที่ว่าใครที่ขึ้นไปแล้วจะไม่ได้กลับมา”

    *. . . . . . * ฟริกส์นิ่งเงียบโดยไม่ตอบคำถามของแย๊ง

    “ไม่เป็นไร แต่ที่ฉันมั่นใจก็คือเธอตลอดเวลาที่เธออยู่ที่นั่นเธอคงเจออะไรมาเยอะแยะเลยสินะ”

    “ถามว่ารู้ได้ไง สีหน้าเธอบ่งบอกน่ะ . . . . พูดไปงั้นแหละเพราะฉันจะไปรู้ได้ยังไงในเมื่อเธอเอาแต่ทำหน้าแบบนี้ -__-”

    “แต่สิ่งที่เธอทำนั้น ท่าทีของเหล่ามอนสเตอร์นั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดี พวกเขายินดีที่จะผูกสัมพันธ์กับเหล่ามนุษย์เช่นพวกเรา ฉันมั่นใจว่าถ้าไม่มีเธอแม้พวกเขาจะขึ้นมาได้แต่คงมีอะไรวุ่นวายแหงๆ”

    *. . . . . . * ฟริกส์ก็ยังคงทำหน้านิ่งเรียบต่อไป

    “ที่จริงเรื่องสีหน้าของเธอฉันไม่ได้พูดเล่นนะฉันสังเกตุได้จริงๆ คำถามสุดท้ายละ” แย๊งถามและมองฟริกส์

    “ถ้าวันนึง . . . เกิดสงครามระหว่างมนุษย์และมอนสเตอร์ขึ้นมาอีกครั้งเธอจะทำยังไง”

         ทันทีที่จบคำถามก็เกิดบรรยากาศที่กดดันขึ้นกับทั้งสอง ต่างฝ่ายต่างเงียบมีแต่เสียงลมและใบไม้ที่พัดผ่านไป

    "ฉัน-จะ-. . ."

    *เธอจะปกป้องเพื่อนของเธอด้วยปนิธานที่มุ่งมั่นของเธอ*

         แย๊งที่ได้ฟังคำตอบจากฟริกส์นั้นก็หันไปมองที่ภูเขาอีบอทด้วยรอยยิ้มเล็กๆก็จะหันกลับมามองที่ฟริกส์

    “นั่นสินะ . . . ใครๆก็ล้วนมีคนสำคัญที่เราอยากจะปกป้องด้วยกันทั้งนั้นแหละ ฟริกส์ ในเมื่อเธอได้ช่วยให้เหล่ามอนสเตอร์ได้รับอิสรภาพและขึ้นมายังโลกข้างบนแห่งนี้และก็. . . มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะคัดค้านหรอกนะ ดังนั้นฉันจะขอช่วยเหลือพวกเค้าด้วยอีกแรงเหมือนกันนะ”

         แย๊งพูดกับฟริกส์โดยที่ฟริกส์แม้จะทำหน้านิ่งเรียบเหมือนทุกครั้งแต่แย๊งก็รู้ได้ว่าเธอยินดีที่เค้าได้มาช่วยเหลือก่อนที่ทั้งคู่จะนั่งกินข้าวเที่ยงกันต่อไป ณ ท้องฟ้าที่มีแสงแดดอันร้อนระอุสาดลงมา ณ เวลาอาหารเที่ยง

                                                                                 TO BE CONTINUED

     

    จบ หรือยังวะ ?

         หลังกลับมาจากที่หลุมศพฟริกส์พบว่าที่หน้าลานดอกไม้สีทองนั้นมีแสงเปล่งประกายที่อบอุ่นเหมือนกับที่เคยเจอมาก่อนตอนที่ยังอยู่โลกใต้ดินและดูเหมือนจะไม่มีใครสังเกตุเห็นแสงนั้นเหมือนกับทุกครั้ง ฟริกส์ได้ยื่นมือมาสัมผัสกับแสงนั้นเป็นครั้งแรกหลังจากที่ได้ขึ้นมายังโลกข้างบนอีกครั้ง

     

    *ดอกไม้สีทองที่ห้อมล้อมไปด้วยซากปรักหักพังของหมู่บ้านที่ผุพังตามกาลเวลา เติมเต็มไปด้วยปณิธาน*


    FRISK                         LV.1                XXX: XX

    NewHome Village

    SAVE                     RETURN


    FILE SAVED.


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×