ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Undertale AfterAll : Post Pacifist

    ลำดับตอนที่ #8 : Episode 5 FreedomWorld

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.พ. 60


    ณ ค่ายทหารริมชายทะเล
    กองพันทหารช่างที่
     4 กองพลทหารรักษามาตุภูมิ
    กองพันนาวิกโยธินที่
     1 กองพลทหารเรือ

     ที่กองบัญชาการกองพันทหารช่าง

    “แย๊ง ลมไรหอบนายมาที่นี่ตั้งแต่เช้าเนี่ย”

    “สวัสดีครับท่านผู้พัน” -__- 7 แย๊งทำความเคารพผู้พันที่เป็นหัวหน้ากองพันทหารช่างที่ตัวเองอยู่

    “เป็นไงบ้างกับตำแหน่งหัวหน้ากองร้อย ?

    “ก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้นเองครับ ส่วนเพื่อนๆก็ดูเหมือนยินดีที่ผมได้เป็นหัวหน้าน่ะครับ”

    “อยู่แล้ว นายเป็นขวัญใจมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนิ ว่าแต่มีธุระอะไรเหรอ ? ไม่งั้นนายไม่มานี่หรอกจริงไหม ?

    “ที่มาที่นี่คือ ผมอยากจะเอาบางอย่างอยากให้ท่านดูน่ะครับ”

         ว่าแล้วก็หยิบรายงาน หนังสือเก่าๆเล่มหนึ่ง บันทึก ภาพถ่าย เอกสารต่าง ๆ ให้ผู้พันดู

    .

    .

    “นี่เป็นเรื่องจริงหรือปล่าว ?” ผู้พันถามแย๊งอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ “ครับท่าน”

         เขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ปรากฎอยู่ในรายงานนี้ซักเท่าไหร่นัก แต่เพราะคนที่รายงานเรื่องนี้คือแย๊งซึ่งโดยปกติแล้วแย๊งจะเป็นคนจริงจังมาโดยตลอดเวลาปฎิบัติงาน ผู้พันอ่านรายงานที่ละหน้าๆไปเรื่อย ๆจนหมดโดยที่แย๊งก็นั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะผู้พัน

    “แล้ว . . . . เธอจะทำยังไงต่อล่ะ ?

    “อาศัยพระราชบัญญัติกองทหารรักษามาตุภูมิในการทำหน้าท . . . .”

    “หยุด ! TL;DR” ผู้พันสั่งหยุด

    “ฉันไม่อยากฟังกฎหมายอะไรยาวยืดนั้นหรอกนะ มันทำให้นึกถึงตอนฉันสอบนิติเกือบไม่ผ่าน”

    “ครับ. . . ?” แย๊งทำหน้างงๆกับสิ่งที่ผู้พันพูดออกมา

    “สรุปสั้น ๆเลยนะ เธออยากจะช่วยเหลือพวกเขาสินะ”

    “ครับท่านผู้พัน” แย๊งตอบด้วยสีหน้าที่นิ่งเรียบ

    “และก็ฉันอยากถามเธออีกสักคำถาม ที่จริงที่เธอเขียนไว้นี้รายละเอียดก็บอกไว้หมดแล้ว . . . แต่ฉันอยากฟังจากเธอเองว่าเราจะได้อะไรบ้างจากเรื่องนี้”

         ผู้พันมองมาที่แย๊งด้วยสายตาที่มั่นใจพอสมควร

    “ทุก ๆอย่างที่เกี่ยวข้องกับพวกเค้าเหล่ามอนสเตอร์ วิทยาการ ความรู้ ประวัติศาสตร์ พลเมือง และที่สำคัญที่สุดเสรีภาพและสันติภาพ ที่ทุกคนๆควรได้รับมันเฉกเช่นเดียวกับพวกเราเหล่ามนุษย์ครับท่าน”

    “อย่างนั้นสินะ . . . เข้าใจแล้ว"

    "เธอเติบโตขึ้นเยอะแล้วนะนับจากวันนั้นน่ะ” ผู้พันมองมาที่แย๊งและนึกถึงเรื่องราวเมื่อนานมาแล้ว

    “ขอบคุณสำหรับคำชมครับท่านผู้พัน”

    “ยังไงก็ตามเรื่องนี้ก็เรื่องใหญ่เลยทีเดียวและอีกไม่นานหวังว่าเธอคงจะเตรียมพร้อมนะ”

    “ครับท่านผู้พัน” ผู้พันหยิบเอกสารใบนึงและปากกาขึ้นมาเซ็น

    “กองร้อยทหารช่างที่ 41 นำโดยร้อยโท แย๊ง อลาน รหัสโค้ดเนม FreedomWorld ขอให้เสรีภาพและสันติภาพจงโบกสะบัดชั่วนิรันดร โชคดีนะแย๊ง”

    “รหัสโค้ดเนมสมแล้วที่เป็นผู้พัน และก็ . . . เช่นกันครับท่าน” แย๊งทำความเคารพและเดินออกจากห้องไป

         ผู้พันมองไปที่รูปที่ตั้งอยู่ข้างๆโต๊ะด้วยสายที่อ่อนโยน เป็นรูปผู้พันที่มีอายุน้อยกว่าในตอนนี้มากในตอนนั้นเค้าได้ยืนอยู่ใกล้ๆกับทหารคนนึงในมือข้างนึงก็จับปืนเอาไว้ มืออีกข้างก็ถือแฟ้มปกหนังสือซึ่งก็เป็นเล่มเดียวกันกับที่แย๊งถืออยู่ในตอนนี้ และก็เค้าเป็นคนสำคัญที่ทำให้แย๊งเป็นอยู่อย่างทุกวันนี้

    “นายได้เห็นหรือปล่าว . . . ในตอนนี้น่ะเขาโตขึ้นเยอะแล้วนะ”

    บรืน~~

         แย๊งขับรถออกจากค่ายทหารไปยังในเมืองอีกครั้งเพื่อเริ่มงานของเขาโดยเมื่อมาถึงในเมืองก็ได้ตรงไปที่บ้านของฟริกส์เพื่อที่จะได้ให้แอสกอร์วางแผนร่วมกันในการตั้งบ้านใหม่ให้กับเหล่ามอนสเตอร์ระหว่างที่ขับรถอยู่นั้น

    “พาไพรัส?? เฮ้ !!! พาไพรัส” แย๊งเรียกพาไพรัสที่กำลังเดินอยู่ในเมืองก่อนที่จะหยุดรถอยู่หน้าเขา

    “สวัสดีเจ้ามนุษย์ ฉันกำลังเดินเล่นอยู่รอบเมืองน่ะและก็จะไปหาอันไดน์กับแอลฟี่น่ะ”

    “แล้วหมอนั่นล่ะ?

    “ถ้าหมายถึงเพื่อนของเจ้าเห็นบอกว่าจะไปทำงานน่ะและที่จริงแม้เค้าจะให้ข้าทำตัวตามสบายแต่ข้าก็อยากที่จะออกมาเดินเล่นข้างนอกอ่ะนะ”

    “เมื่อวานเป็นไงบ้างนอนหลับสบายดีไหม”

    “อ่าหะ ใช่แต่ดูเหมือนว่าเพื่อนของเจ้าจะดูเพลียๆนะงานที่โลกมนุษย์ท่าจะหนักน่าดู”

    “เหอๆๆ” เดาได้ไม่ยากว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นกับเขาเพราะถ้าเป็นเขาเองก็คงไม่ต่างกัน

    “เดี๋ยวฉันจะไปหาแอสกอร์ก่อนนะ รู้ใช่ไหมว่าบ้านฟริกส์อยู่ไหน”

    “ยัง แต่ข้าค่อยโทรไปถามฟริกส์เองก็ได้ เนี๊ยะ เฮี๊ยะ เฮี๊ยะ”

    “งั้นฉันไปก่อนนะ อ้อ !! ระวังตัวด้วยและอย่าทำอะไรที่ทำให้คนเขากลัวเชียวล่ะ” แย๊งกำชับเรื่องนี้กับพาไพรัส

    “ข้าพาไพรัสผู้ยิ่งใหญ่จะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน” หลังจากนั้นทั้งคู่ก็แยกกันไป

         ระหว่างที่ขับรถไปบ้านฟริกส์นั้นด้วยทางที่ต้องอ้อมสวนสาธารณะที่อยู่หน้าศาลากลางก็เจอกับอันไดน์เด่นมาแต่ไกลกำลังวิ่งรอบสวนสาธรณะเหงื่อชุ่มไปทั้งตัวก่อนที่แย๊งจะตะโกนเรียกเธอและเธอก็เดินมาหา

    “ว่าไง !!!” “โอ้~นายนี่เอง”

    “วิ่งแต่เช้าเลยแหะ :3

    “สงครามก็ไม่มีแล้วก็จริงแต่ฉันก็ยังต้องฝึกฝนตัวเองให้พร้อมอยู่ดีอ่ะนะ”

    “เหงื่อชุ่มเลยนิ” “แล้วแกไม่ต้องฝึกอย่างนี้ทุกวันหรือยังไงกัน”

    “เปล่า มีฝึกอย่างนี้ทุกวันนั่นแหละ แล้วแอลฟี่ล่ะ?

    “เธอนอนหลับอยู่ในโรงแรมน่ะ เมื่อวานพวกเรานั่งดูอนิเมกันอยู่ทั้งคืนน่ะ”

    “อืม อนิเม . . . หือ ? เรื่องอะไรน่ะ”

    “สนใจด้วยเหรอ ? ฉันไม่รู้จักหรอกแต่รู้ว่าเป็นพวกหุ่นยนต์ใหญ่ยักษ์สู้กัน เนื้อน่าตื่นเต้นเป็นบ้า”

    “นึกไม่ออกแหะว่าเรื่องอะไร และก็พาไพรัสจะไปหาพวกเธอที่โรงแรมส่วนฉันไปหาแอสกอร์ก่อนนะ”

         หลังจากที่คุยกันเสร็จแล้วอันไดน์ก็วิ่งของเธอต่อ ส่วนแย๊งก็ขับรถตรงต่อไปจนถึงบ้านของฟริกส์

    ก๊อก ๆ ๆ “ขอโทษครับ มีใครอยู่ไหมครับ ?

         แย๊งเคาะประตูบ้านฟริกส์และประตูก็เปิดออกมาก็พบฟริกส์เป็นคนเปิดประตู

    “สวัสดีเจ้าฟริกส์ แอสกอร์อยู่หรือปล่าว ?

    *แอสกอร์อยู่ในบ้านของเธอ*

    “งั้นขอรบกวนเข้าไปข้างในหน่อยนะ พอดีมีธุระกับเขาหน่อยน่ะ”

         แย๊งก็เข้าไปที่บ้านของฟริกส์ตอนนี้แม่ของฟริกส์กับโทเรียลกำลังทำพายอยู่ส่วนพ่อของฟริกส์ก็ออกไปซื้อของข้างนอกและแอสกอร์ก็รดน้ำดอกไม้อยู่หลังบ้านกับฟริกส์ในตอนนี้

    “คุณแอสกอร์ครับผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณน่ะครับ”

    “ได้ครับใกล้รดน้ำดอกไม้พวกนี้เสร็จแล้ว” “ได้ครับผมไม่รีบขนาดนั้น”

         ระหว่างที่รอแย๊งก็เอาบันทึกของเขามาเขียนรอแอสกอร์พลางๆ

     

    [2000 Years later]

    “มีเรื่องอะไรหรือปล่าวครับ?

         หลังจากคำถามแย๊งหยิบแผ่นที่ผืนใหญ่มากางเป็นแผนที่แสดงที่ตั้งของสถานที่ต่างๆ หมู่บ้าน เมืองที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้ และภูเขา EBOTT แย๊งเอานิ้วชี้ไปยังที่ต่างๆของแผนที่และอธิบาย

    “ภูเขา EBOTT อยู่ตรงนี้และเมืองอยู่ตรงนี้และตั้งแต่พื้นที่ตรงนี้ถึงตรงนี้เป็นแนวยาวกว่าแปดกิโลเมตรน่าจะเหมาะสมที่จะในการตั้งหมู่บ้านแห่งใหม่สำหรับพวกคุณเหล่ามอนสเตอร์และก็ผมอยากให้คุณกับผมไปที่สำรวจพื้นที่เหล่านั้นเพื่อวางแผนร่วมกันด้วยน่ะครับ”

    “แล้วบริเวณนั้นที่ว่าไม่มีใครอาศัยอยู่ก่อนหน้าหรอกเหรอครับ?

    “เป็นพื้นที่ที่ปกติจะไม่มีคนอยู่อาศัยนะครับและไม่มีเจ้าของตลอดแนวยาวนี้ซึ่งอย่างมากก็คือมาหาของป่า ปิคนิค หรือแม้แต่จะขึ้นมาปีนภูเขาเล่นน่ะครับ”

         ก่อนจะเหลือบมองมาที่ฟริกส์ที่กำลังรดดอกไม้ต่อจากแอสกอร์อยู่

    “ไม่ทราบว่าติดปัญหาอะไรหรือปล่าวครับ?” “ไม่นี่ครับ จะไปกันเลยหรือปล่าวครับ”

    “งั้นเริ่มไปกันตั้งแต่ตอนนี้เลยละกัน” “เดี๋ยวก่อนค่ะ”

    “ครับ ? ” โทเรียลเรียกแย๊งก่อนที่พวกเขาจะไป

    “ถ้าไม่รบกวนยังไงก็เอาพายที่พวกเราเพิ่งทำไปด้วยนะคะ”

    “อ้อ ขอบคุณมากครับ” และแย๊งก็รับพายไป

    “อ้าวว่าไงเจ้าหนู?” . . . ฟริกส์เดินไปหาแย๊งกับแอสกอร์

    *เธอต้องการที่จะไปด้วย*

    “. . . เอิ่ม . . . ไม่ทราบว่าคุณแม่ของฟริกส์มีปัญหาอะไรหรือปล่าวครับถ้าจะให้ไปด้วย”

    “คงไม่หรอกค่ะเพราะยังไงคุณก็อยู่ด้วย ยังไงก็ระวังตัวด้วยนะฟริกส์”

    “งั้นผมไปก่อนนะครับ” แย๊ง แอสกอร์ และ ฟริกส์ก็ขึ้นรถตรงไปที่ภูเขาเพื่อสำรวจพื้นที่

    .

    .

         ระหว่างที่ขับรถไปตลอดทางเป็นแนวที่โล่งหันไปทางตะวันตกก็เห็นเมืองที่เพิ่งออกมาไม่นานไกลขอบฟ้าก็เป็นทะเล หันหลังกลับไปก็เป็นแนวป่าและภูเขา Ebott ที่ตั้งตระง่านซึ่งใต้ดินลงไปนั้นเหล่ามอนสเตอร์คงกำลังเตรียมข้าวของสำหรับขึ้นมา แย๊งคงต้องรีบหน่อยเพื่อไม่ให้เปิดปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย

    “แล้วจะเริ่มจากตรงไหนเหรอครับ?” แอสกอร์ถามแย๊ง”

         แย๊งหยิบแผนที่ที่สอดอยู่ในกระชังหน้ารถให้แอสกอร์ โดยเป็นแผนที่ที่ไปเอามาจากศาลากลาง

    .

    .

         ย้อนกลับไปที่ศาลากลางก่อนหน้าเล็กน้อย

    “เอานี่ไปสิ มันน่าจะช่วยได้นะเห็นว่าจะหาที่ตั้งบ้านใหม่ให้พวกเขานิ” เพื่อนของแย๊งเอาแผนที่ให้กับแย๊ง

    “นี่คือ แผนที่เขตที่พวกเราอยู่นี่นา”

    “ใช่ ตรงนี้นายจำได้หรือปล่าว” เพื่อนชี้ไปตรงตำแหน่งที่ว่าในแผนที่

    “ได้ เป็นหมู่บ้านร้างและรู้สึกตรงนั้นจะเหลือแต่ซากปรักหักพังแล้วนิ”

    “ใช่แต่พวกรากฐานก็น่าจะเหลืออยู่บ้างมันไม่ต้องเสียเวลาสร้างใหม่ด้วยไงแถมมันอยู่ไม่ไกลมากด้วย”

    “เข้าใจล่ะ ขอบใจมากเป็นไงบ้างนอนกับพาไพรัสเมื่อวาน?

    “ก็ไม่มีปัญหาอะไรมากนักหรอก เหอๆๆ” แต่อาการเพลียกับขอบตาดำมันฟ้องว่าเมื่อวานเป็นยังไงบ้าง

         แย๊งได้แต่ยิ้มแห้งๆปลอบใจก่อนที่จะจากไป

    .

    .

    “ก็อย่างที่ว่านั่นแหละครับ” แย๊งกล่าวถึงเรื่องหมู่บ้านร้างที่กำลังจะไป

    “อ๋อ เข้าใจแล้วครับ” ระหว่างที่คุยกันฟริกส์ก็มองออกไปที่ข้างนอกกินลมชมวิวตามประสา

    “แอสกอร์ พายที่โทเรียลทำนี้อร่อยดีนะครับ” เขาได้หยิบพายขึ้นมากินชิ้นนึงตอนขับ

    “ครับเธอเก่งในเรื่องนี้อยู่แล้ว” แอสกอร์กล่าวถึงเธอ

    “แล้วเธอ เป็นภรรยาของคุณหรือปล่าวผมสังเกตพวกคุณมาสักพักละ”

    “!!. . .” แอสกอร์นิ่งไปชั่วครู่

    “ค . . ครับ . . . คิดว่านะครับแต่พวกเราก็แยกกันอยู่มาตั้งนานแล้วครับ” แอสกอร์ตอบแบบไม่เต็มใจนัก

    “ทำไมล่ะครับ?” แย๊งสงสัย “คือว่า . . .”

    *พวกเรามาถึงแล้ว*

    “อ้าวพวกเรามาถึงเร็วกว่าที่คิดแหะ” แย๊งขับรถไปมองไปที่หมู่บ้านไปพลาง

    “จะว่าไปตอนที่พวกเราเดินลงมาจากภูเขาผมก็สังเกตเห็นหมู่บ้านนี้ด้วยน่ะครับแต่เหมือนจะไม่มีคน”

    “ก็น่าจะอย่างนั้นนั่นแหละ เพราะนี่ก็เป็นหมู่บ้านร้างมาแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ”

         ที่เห็นก็คือซากหมู่บ้านที่ส่วนใหญ่ก็เหลือแต่เศษซากโครงหลังคากับกำแพงไม่มากก็น้อย แย๊งหยุดรถที่หน้าหมู่บ้านก่อนที่จะเริ่มเดินเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อสำรวจโดยฟริกส์เดินนำหน้าไป เป็นหมู่บ้านขนาดเล็กที่ตั้งอยู่กลางทุ่งราบโดยมีป่าอยู่ประปราย

    “ผุพังหมดแล้ว แต่ก็ยังพอเหลือโครงหลังสำคัญอยู่แถมแข็งแรงด้วย” แย๊งจับไปที่โครงบ้านที่ยังเหลืออยู่ 

    “ครับอย่างน้อยถ้าเป็นที่นี่ก็เสียเวลาไม่มากด้วยในการสร้างบ้านขึ้นมาใหม่”

         เดินตรงไปเรื่อยๆจนถึงใจกลางหมู่บ้านก็พบลานดอกไม้สีทองเหมือนกันกับดอกไม้ที่ปราสาทแอสกอร์เหลือบไปมองแอสกอร์ดูเหมือนว่าจะแน่นิ่งไปหลังจากมองไปที่ลานดอกไม้นี้ ส่วนฟริกส์ที่นำหน้าไปก่อนหน้าก็นิ่งเหมือนกันนึงอันที่จริงแม้เธอทำหน้านิ่งเรียบเหมือนทุกทีแต่คราวนี้แย๊งสัมผัสได้ว่าครั้งนี้มันแปลกไป

    “แอสกอร์ . . . มีอะไรหรือปล่าวครับ ?  ฟริกส์ . . . ?

    “นั่นใครน่ะ ?!!”

                                                                                                                TO BE CONTINUED

     

    จบ หรือยังวะ ?

    “นึกไม่ออกแหะว่าเรื่องอะไร และก็พาไพรัสจะไปหาพวกเธอที่โรงแรมส่วนฉันไปหาแอสกอร์ก่อนนะ”

    “พูดถึงอนิเม . . . เดี๋ยว !!!” อันไดน์จับขอบหน้าต่างประตูรถมองมาที่แย๊งด้วยสายตาแปลกๆ

    “นี่นายบอกฉันที . . .”

    “ว่า ?” ปล่อยให้แย๊งงงกับสีหน้าของอันไดน์ว่าทำไม

    “อนิเมการ์ตูนพวกนั้นเป็นเรื่องจริงหรือปล่าว?

    “. . . ไม่นะ ทำไมเหรอ” แย๊งตอบแบบไม่คิดอะไรมาก

    อันไดน์ลงไปกองที่ขอบถนนทำท่าซ๊อกกับคำตอบที่ได้มา

    “เฮ้อ ~ อนิเมพวกนั้นการ์ตูนพวกนั้น”

    “โอเคไหม?” แย๊งแหงนหน้ามาดูอันไดน์ที่เศร้าสลดหลังจากจบคำถามนั้น

    “ไม่ ฉันไม่เป็นไรดูเหมือนว่าเด็กคนนั้นจะพูดความจริงสินะ”

    “-__- . . . .”


    Note 10/12/2015
    ทำไมเหมือนรู้สึกว่าที่กำลังทำอยู่คือเอาบทหลักให้ตัวรองเล่นแล้วเอาบทรองให้ตัวหลักเล่นแทนหว่า :
    p

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×