ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Because I'm Crazy เพราะฉันมันบ้ารักเธอสุดสุด ❤♪

    ลำดับตอนที่ #21 : File 17 : อดีตที่ฉันไม่อยากรับรู้นะเธอ / ดินเนอร์ป่วยจิต / อ้อมกอดอีกครั้ง

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 470
      1
      27 ต.ค. 55

     





    File 17 : อดีตที่ฉันไม่อยากรับรู้นะเธอ / ดินเนอร์ป่วยจิต / ไม่ใช่แค่ลมพัด...แต่เนี่ยพายุ

     

    ฉันหยุดชะงักความสวยหรูเอาไว้แต่เพียงเท่านี้  กำลังคิดว่าแค่เพื่อนเองเหรอ  แต่อีกแง่หนึ่งแค่เพื่อนก็ดีมันสามารถเลื่อนขั้นได้เสมอใช่ไหมล่ะ  หุหุหุ 

    “จริงด้วยเราต้องถ่ายรูปคู่ส่งไปให้เขาด้วยนิ”  ซุนวูหยุดเล่นกีตาร์แล้วพูดขึ้น

    เอ้า  ฉันลืมไปเสียสนิทว่าต้องถ่ายรูปส่งให้ทางผู้จัดทัวร์

    “นายต้อง  อื้มม...ใส่แว่นตาดีป่ะ” 

    “ก็คงทำได้แค่นั้น  กลับไปฉันคงต้องตัดผมเปลี่ยนทรง  ฮ่าๆไม่งั้นจะมีคนจำได้แน่ๆ”

    จ้าคนหล่อ  พ่อคนหล่อเพื่อนฉัน!

    ซุนวูไม่รอช้ารีบจัดเซ็ทหน้าอย่างดี  จากนั้นก็หยิบไอโฟนขึ้นมาเตรียมจะถ่ายรูปคู่  และแน่นอนว่าปัญหาก็คือเราจะทำยังไงให้มุมกล้องออกมาสวยดูดี  ก็เพราะว่าหน้าฉันบานมากถึงมากที่สุด  ไม่เพียงแต่เท่านั้นซุนวูน่ารักแล้วก็ยังสว่างด้วย  นี้ปัญหาใหญ่เลยนะเนี่ย  รัศมีไอดอลจับ

    “ฉันว่าเราคงหารูปดีๆไม่ได้หรอก  เพราะหน้าฉันมืดแล้วก็บานมากเลย  ขอโทษนะ”  ฉันพูด

    “เธอนี่  บอกกี่ทีแล้วอย่าพูดขอโทษถ้าไม่จำเป็นไงล่ะ  จริงๆฉันว่าเธอมีจุดเด่นในตัวนะ  น่ารักดีออก”

    เขินจังเลย  ฉันโดนไอดอลชื่อดังของเกาหลีชมค่ะ!!

    แชะ!

    และทันทีที่ฉันยังไม่ได้ตั้งหลักอะไรซุนวูก็กดชัตเตอร์บนโทรศัพท์มือถือแบบรวดเร็ว  ฉันรีบมองหน้าซุนวูแบบงุนงงและตกใจ  กรี๊ดดด  ตอนที่จัดฉากหามุมหน้าฉันยังดูไม่ได้เลย  แล้วตอนทีเผลอมันจะทุเรศมากขนาดไหน  ฉันรีบคว้าโทรศัพท์ที่ซุนวูส่งให้มาดูทันที    โอ๊ยแต่ไม่อยากจะเห็นเลยทำใจไม่ได้  ฉันหลับตาแล้วสูดลมหายใจเต็มปอด  ก่อนค่อยๆลืมตามองมันอย่างช้าๆ

    อุแม่เจ้า!  ใช่ฉันเหรอ  ฉันฉันจริงๆเหรอเนี่ย  กรี๊ดดดหน้าด้านข้างฉันสวยมาก  แล้วให้รูปหน้าซุนวูเอาแก้มชนแก้มฉันพอดีเด๊ะ!

    “ไงล่ะอึ้งใช่ไหม”  ซุนวูเอ่ยขึ้น

    ใช่เลยหล่อมาก  แล้วฉันก็สวยมาก  เราคู่กัน

    “อื้อสุดยอดไปเลย  ฉันอยากจะเก็บรูปนี้ไว้ได้ไหม  >_<

    “อื้อ  เอาสิ”  พูดจบเขาก็กดส่งไปทางทวิตเตอร์ 

    รูปแรกที่ถ่ายคู่กับซุนวู...แม้จะดูไม่เหมือนซุนวู  แม้คนอื่นไม่รับรู้แต่ฉันคนนี้ที่รับรู้ว่าคนข้างๆฉันตอนนี้คือซงซุนวู  แค่นี้ฉันก็มีความสุขมากๆแล้วล่ะ

    ฉันที่นั่งรับลมอย่างสบายอารมณ์  อยู่ๆก็มีคำถามหนึ่งแว้บเข้ามาให้หัวสมอง  คำถามที่ถ้าถามไปก็ไม่อยากจะรู้คำตอบครึ่งหนึ่งแล้วก็อยากรู้ครึ่งหนึ่ง 

    “ซุนวู  นายเคยชอบใครสักคนไหม”

    “ฮืม?  ทำไมอยู่ๆเธอถึงถามแบบนี้ล่ะคุณเพื่อน”  ซุนวูพูดจบก็เอามือมาขยี้หัวฉันเบาๆ  ก่อนจะยิ้มอย่างสนุกสนานแล้วก็ดีดกีตาร์ต่อไป  “ความจริง  ฉันมีคนที่ชอบอยู่คนนึง...”

    ชั่วอึดใจเดียวที่คิดว่าจะผ่านพ้นไปแล้ว...สายลมตีกระทบใบหน้าที่บอบบางราวกับจะเตือนหยดน้ำตาที่กำลังจะไหลรินออกมาจากดวงตาแดงก่ำ...หัวใจหล่นวูบและลมหายใจก็ขาดช่วง 

    “จริงๆแล้ว  นี่เป็นความลับอย่าไปบอกใครนะ”

    “อะ...อื้ม”  ฉันตอบรับ

    “ตอนฉันอยู่ม.ปลายปีหนึ่ง  มีเพื่อนร่วมห้องฉันคนหนึ่งเราสองคนนั่งติดกันแล้วเธอก็เรียนเก่งน่ารักมากเลย  ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่สายตาฉันมองเธอคนนั้นไม่หยุด  เธอเชื่อไหมล่ะ...ฉันแอบชอบเพื่อนตัวเองมาตลอดเลย  ฉันพยายามที่จะเล่นกีตาร์ให้ได้  เพียงเพราะเธออยากจะฟัง...เธอพูอังกฤษได้คล่องฉันก็เล่นพยายามที่จะเรียนภาษาอังกฤษให้เก่ง  แล้วเราหัดผลัดกันพูด  พวกเราเหมือนคู่รักกันใครๆก็ว่าแบบนั้น  แต่ฉันใจไม่กล้าพอที่จะบอกความในใจออกไป...จนสุดท้ายเราก็แยกจากกัน  แต่ว่านะ!  ฉันยังไม่เคยจับมือเธอเลยสักครั้ง  เพราะฉันเริ่มจะเดบิวต์นั้นแหละ”

    “อ้อ...”  ฉันซ้อนสายตากับน้ำตาเอาไว้ลึกๆ  ก่อนจะหันไปทำตัวตามปกติ  “นายอยากจะเจอเธอไหมล่ะ  ความจริงนายดังแล้วฉันว่าเธอต้องอยากมาเจอนายแน่ๆ”

    “ไม่นะ...เขาไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก  เขาคงมีแฟนไปแล้วมั่ง  ไม่รู้สิ”  เขาทำหน้าเหมือนผิดหวังเล็กน้อยเมื่อคิดว่าสาวที่ตนชอบมีแฟนแล้ว  “เฮ่  ฉันรู้ว่าเธอร้องไห้อยู่นะวนิลา...  เธอซึ้งมากเลยเหรอ”

    คนโง่! ฉันไม่อยากรู้เลยสักนิด  นายจะเล่าอดีตของนายไปทำไมกันเล่า  ฉันร้องไห้ก็เพราะนายนั้นแหละ  คนบ้า!  จะทำตัวน่ารักซื่อๆก็ไม่ถูกเวลาเลย  ฉันอยากร้องไห้

    “อื้อ...มันซึ้งจนฉันอยากร้องไห้เลยล่ะ”  ฉันหันไปฝืนยิ้มให้กับซุนวูที่มองฉันอย่างเป็นห่วง

    “อย่าร้องไห้นะ  เวลาเธอร้องไห้ฉันยิ่งเศร้า  ฉันไม่ชอบเวลาเพื่อนตัวเองร้องไห้”  เขาพูดก่อนจะยิ้มให้ฉัน  แค่เพียงรอยยิ้มที่จริงใจของเขาก็ราวกับโลกใบนี้มันมีสีสันทันตาเห็น  นี่คือสิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารักงั้นเหรอ

    เราสองคนคุยกันได้ไม่นานนัก  หลังจากนั้นก็มีชายแปลกหน้าชุดดำเดินเข้ามาแทรกกลางวงสนทนา  (อีกแล้ว!!)  ฉันกับซุนวูทำหน้าเซ็งๆปนตกใจ  ไม่รู้ว่าทำไมทริปนี้มันถึงมีแต่เรื่องไม่เป็นส่วนตัวเลยสักนิด 

    “ขอโทษที่เข้มาขัดจังหวะนะครับ  แต่ว่า...”  เขาพูดเว้นไว้ก่อนจะหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทสีดำสนิท  มันคือการ์ดแบบที่เราเห็นตอนที่หาธง  แต่เนื้อความนั้นเปลี่ยนไปตรงข้ามกับตอนเช้าที่เหมือนภารกิจมาก  หากแต่ตอนนี้เนื้อหาเป็นการเชิญชวน   “นี่เป็นการ์ดวีไอพีสำหรับการรับประทานอาการดินเนอร์ในมื้อค่ำนี้ที่โรงแรมห้าดาว  พวกเราได้จัดให้เป็นแบบโรแมนติกที่ห้องอาหารชั้นบน  ซึ่งเราเหมายกชั้นดังนั้น...ขอให้พวกคุณสนุกกับดินเนอร์คืนนี้  ลาก่อนครับ”  ชายชุดดำพูดจบก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว  ไม่ทันให้ได้ถามคำถามหรือกล่าวลาแต่อย่างใด

    นี่มัน...ทริปคู่รักหรือทัวร์ปริศนาตามล่าหาความจริงอยู่กันแน่  ทำไมฉันรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ปลอดภัยยังไม่รู้  T_T  บรรยากาศเมื่อครู่หายไปเป็นปลิดทิ้ง  ฉันกับซุนวูมองหน้ากันอย่างงุนงงต่างคนต่างหาคำตอบให้กันและกันไม่ได้ 

    “ยิ่งนานยิ่งดูมีอะไรหน้าค้นหาจังเลยเนอะ”  ซุนวูพูดขึ้นทำลายความเงียบ

    โอ๊ย  ฉันหัวใจจะวายตายนึกว่ามีคนจะมาทำร้ายตลอดเลย  แต่ล่ะคนแต่งตัวเหมือนนักฆ่า  ฮืออ  มันน่าค้นหาตรงไหนวะเนี่ย

    “ฮ่าๆ  ฉันว่าฉันรู้สึกไม่เป็นส่วนตัวเลยอะ”  ฉันพูดขึ้น

    “ฮื่ม?  ส่วนตัวเหรอ?”  เขาทวนคำถาม 

    อ๊ากกก  หลุดปากออกไปแบบไม่คิดอีกแล้ววนิลา  ปากหนอปาก

    “ไม่ๆหมายถึงแบบมาเที่ยวชมธรรมชาติอะไรแบบนี้  มันดูเหมือนเรามีบอร์ดี้การ์ดเลย

    ฉันแก้ตัวอย่างปัดๆ  พร้อมนึกโทษตัวเองที่มักพูดอะไรออกไปเรื่อยเปื่อยในบรรยากาศดูแย่

    ...............

    มื้อค่ำอันแสนหรูของเราสองคนเริ่มขึ้นทันทีที่มาถึง  แต่ก็ต้องตกใจกับการต้อนรับที่เหมือนในหนัง  มีคนจำนวนนับสิบยืนเรียงรายค่อยกล่าวทักทายตั้งแต่ประตูยาวไปถึงชั้นบน  แม้กระทั่งขึ้นลิฟต์ก็มีคนค่อยกดให้!  ฉันแต่งตัวแบบสบายๆไม่ได้มีเครื่องประดับอะไร  ซุนวูเองก็แต่งตัวด้วยเสื้อกล้ามสีขาวข้างในและเสื้อเชิ้ตลายหมากรุกทับด้านนอกกับกางเกงขาสั้นกับแว่นกันแดดสีดำพากันตะลึงจนทำตัวไม่ถูก  ซุนวูได้แต่หัวเราะเบาๆแล้วยิ้มทักทายรวมถึงฉันด้วย  ถ้ารู้ว่ามันจะอลังการแบบนี้ฉันคงจะหาเสื้อผ้าที่มันดูดีใส่มาแล้วล่ะ  แต่นี่...มันอะไรกัน

    “เชิญทางนี้ครับทั้งสองท่าน...”  พนักงานเสื้อทักซิโด  (พนักงานยังแต่งตัวดูดีกว่าเราซะอีก) ผายมือไปทางโต๊ะริมติดกระจก  ที่ตอนนี้มีฝนตกลงมาสร้างความโรแมนติกมากขึ้น  พวกกับแสงไฟสลัวๆสีส้มชวนให้อบอุ่น  เสียงเพลงเริ่มบรรเลงคลอเบาๆ  บวกกับแอร์ที่เย็นพอดีนั้น  ทำให้ฉันคิดไปไกลว่ากำลังมาเดทกับแฟนหนุ่มในอนาคต  เพราะนี่เป็นความฝันอย่างหนึ่งของฉันเลยทีเดียว 

    ฉันเดินมาหนังฝั่งตรงข้ามกับซุนวู  เขาทำสีหน้ามีความสุขมากจนฉันที่เห็นอดที่จะยิ้มตามไม่ได้  เมื่อเรานั่งลงได้สักพัก  พนักงานก็เดินมาเสิร์ฟเครื่องดื่มเป็นไวท์อย่างดีถึงดีที่สุดที่เด็กสาวอายุสิบเก้าจะได้ลิ้มลอง 

    “อาหารจะถูกนำมาเสิร์ฟในอีกสักครู่  ขอให้สนุกกับมื้อค่ำนี้นะครับ”  พนักงานพูดอย่างสุขุม

    “ขอโทษนะครับ...”  ซุนวูพูดขึ้น พนักงานที่กำลังจะเดินจากไปรีบหันกลับมาทันที  “ผมอยากให้แฟนผมดื่มน้ำส้มแทน...เธอแพ้แอลกอฮอล์”

    “ได้ครับ ^^  รอสักครู่นะครับ”

    กรี๊ดดดดด  แฟน!!  ครั้งแรกที่เขาเรียกฉันว่าแฟน!!  อ๊ายยยยยวนิลาไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว  ขอให้อยู่แบบนี้ติดเกาะไปนานๆเลยค่า  แล้วเขาก็เป็นห่วงฉันด้วย  ฮึกๆซึ้ง

    “เฮ่  เธอห้ามดื่มนะ!  ฉันไม่ชอบผู้หญิงดื่ม  มันไม่มีนะ  ฉันว่ามันเหมาะกับผู้ชายมากกว่าของแบบนี้”

    “โธ่  นายกลัวฉันแย่งใช่ไหมล่ะ  ซงซุนวู”  ฉันแซว

    “ใช่  เธอรู้ได้ไงคิคิคิ  ของมันแพง  ถ้าอยู่กับเฮซองฮยองอดแน่ๆ” 

    -          -  บ้าจริงหลงซึ้งไปเพียงขณะ  เชอะ

    แล้วอาหารจานแรกก็ถูกลำเรียงมาว่างไว้ตรงหน้า  เป็นอาหารอิตาลีที่จะเป็นคำเล็กๆแต่ใส่จานใบใหญ่  ถูกตกแต่งให้หน้าทานมากยิ่งขึ้น  ฉันไม่รอช้าหยิบซ้อมขึ้นมาตักทานทันที...

    !!

    คำแรกที่กัดเข้าไปก็รับรู้รสชาติสุดแสนอร่อย  ฉันเบิกตากว้าง  อาหารแปลกตาตรงหน้ารสชาติไม่ธรรมดาจริงๆ  เป็นเหมือนเนื้อปลาชิ้นสีขาวลาดด้วยซอสที่มีรสชาติหวานเปรี้ยวกลมกล่อม  หากแต่มันทานคำเดียวก็หมด  ใจก็นึกอยากจะขอเพิ่มอีกจาน  แต่ก็เกรงใจเลยมีความหวังว่าจานหน้าต้องรสชาติเยี่ยมยอดไม่แพ้กัน...  และก็เป็นอย่างที่คิดไว้ 

    กรี๊ดดด  อร่อยเหาะเลย  คำเล็กไปหน่อยอยากได้เพิ่ม

    ด้วยความที่ว่าอยากรู้ว่าเนื้อนุ่มๆที่เสริมมามันคือเนื้อปลาอะไร  เพราะว่าอร่อยมากจนอยากกินอีก  และโชคดีมากที่เชฟหนุ่มลูกครึ่งเดินมาเสิร์ฟเองถึงโต๊ะ 

    “ขอโทษนะคะ  ไหนๆก็ทานมาจานสุดท้ายแล้วอยากรู้ว่าเนื้อปลาอะไรเหรอคะ  เพราะมันอร่อยมาก”

    จะได้เอาไปคุยกับยัยช็อกโกล่าว่าฉันกินเนื้อปลาห้าสิบชนิด  กรี๊ดๆ 

    เชฟชักสีหน้าเล็กน้อย  คิ้วชนกันเหมือนกับสงสัยกับคำถามของฉัน  ก่อนจะยกไม้ยกมือขึ้นมาโบกสะบัดไปมาพร้อมกับหัวเราะเบาๆแล้วยิ้มให้

    เอ๊ะ  หรือว่าฟังเกาหลีไม่รู้เรื่อง?!?

    “นี่ไม่ใช่เนื้อปลานะครับ...”  เชฟหยุดพูดเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ  “นี่คือ...เนื้องูห้าสิบสายพันธุ์ที่เราได้ลำเรียงมาทำอาหารมื้อนี้ครับ”  พูดจบก็ยืดอกพูดอย่างภูมิใจ

    =[]=!!!!  กรี๊ดดดดดดดดดดเนื้องู  ฉันอยากอ้วกกกกกกกกกกกกก  ตูอยากจะบ้าตายยยยยยยภายในวินาทีนี้!!

    ........

    “อ้วกกก”  ฉันยืนครอบครองชักโครกห้องริมสุดอยู่นานสองนาน  พยายามถ่ายของเสียออกจากร่างกายอย่างไม่ถดถอย

    โอ๊ยยย  อยากจะย้อนเวลากลับไปเดี๋ยวนี้เลย  ฮือออ  ขอถอนคำพูดเลยที่ว่ามันอร่อย  กรี๊ดดขยะขแยงจะแย่อยู่แล้ว  ตอนนี้ในท้องฉันมันมีแต่งูเต็มไปหมดเลย  ฮือออแถมพิเศษด้วยจากทั่วโลกห้าสิบชนิด  ถ้าจะเยอะขนาดนี้เปิดพิพิธภัณฑ์กันเลยดีไหม  ว่าแล้วก็เวียนหัว  รู้สึกเหมือนมีตัวอะไรดึบๆอยู่ในท้องของฉัน  รู้อยู่ว่าคิดไปเองแต่อดที่จะนึกไม่ได้

    ก๊อกๆ

    เสียงเคาะประตูห้องน้ำดังขึ้น  ฉันกำลังโอกอากอยู่ใครมาเคาะอะไรตอนนี้  ฮือออเกลียดที่สุดเลยสัตว์ชนิดนี้

    “วนิลา...เธอโอเคไหม”  ซุนวูถามขึ้น

    สบายกะผีน่ะสิ  ฮือออ  จะอ้วก

    โอ๊กกก  อ้วกกก

    ฉันไม่ได้ตอบคำถามของซุนวูเลย  เพราะตอนนี้สิ่งที่ฉันอยากทำมากที่สุดคือเอามันออกไปจากท้องของฉัน  อย่าเพิ่มย่อย 

    “เฮ้!  เธอเป็นอะไรมากไหม  ตอบหน่อยสิ”  ซุนวูเริ่มพูดเสียงดังขึ้น

    “โอ...เค..”  ฉันตอบเสียงอ่อยๆ  รู้สุกหมดแรงและเบลอ

    ตอนนี้ฉันทิ้งตัวลงนั่งอยู่ตรงฝาชักโครก  รอดูอาการว่ามันจะอ้วกออกมาอีกไหม  รู้สึกเวียนหัวไม่รับรู้เสียงที่ตะโกนเรียกอยู่ข้างนอกเลย 

    ปัง! ปัง!

    เสียงเหมือนแรงอะไรกระแทกกับประตูห้องน้ำสักอย่าง...มันกระแทกดังมากขึ้นเรื่อยๆและตอนนั้นเอง...

    โครม! ปึง

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด x2

    ฉันกรีดร้องขึ้นทันที  เมื่อประตูห้องน้ำที่ซุนวูจงใจจะพังเข้ามามันล้มทับตัวฉันที่กำลังนั่งอยู่ที่พื้นอย่างหมดสภาพอย่างแรง  ...

    .............

    หนักหัวจังเลย...  ที่นี่ที่ไหนกันนะ...  ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้เมื่อรู้สึกตัว  คืออบอุ่นของใครบางคนที่กุมมือฉันไว้แน่น  ฉันพยายามลืมตาขึ้น  แต่เปลือกตาที่หนักอึ้งทำให้ใช้เวลานานกว่าจะลืมตาได้สำเร็จ  ปวดหัวจัง...  ฉันปรับสายตาที่พร่ามัวให้ชัดเจนก่อนจะหันไปมองเจ้าคนที่ถือวิสาสะจับมือโดยไม่ขออนุญาต  แต่พอรู้ว่าเป็นใครฉันก็ถึงกับใบหน้าร้อนขึ้นมาทันที  เพราะคนตรงหน้าคือซงซุนวู  ชายหลายมิติที่มีหลากหลายอารมณ์ในตัวเอง  บัดนี้เขาได้นอนหลับตาอยู่ข้างเตียงนุ่มๆในบ้านพักบนเกาะเชจู  ฉันยิ้มบางๆเพราะอ่อนเพลีย

    “ตื่นแล้วเหรอ...”  ซุนวูเงยหน้าขึ้นมาพร้อมบิดขี้เกียจ  จนฉันสะดุ้งโหยงตั้งหลักปรับสีหน้าเกือบไม่ทัน

    “อื้ม  นายเป็นคนพาฉันกลับบ้านเหรอ”  ฉันถาม

    “ใช่แล้ว  เธอหมดสติไป  ขอโทษนะที่ฉันไม่ทันระวัง...ทำให้เธอเจ็บตัวเลย”  เขาทำหน้าน่ารักเหมือนรอคำยกโทษจากฉัน

    โอ๊ยยย  ยอมแล้วค่า

    “ไม่โกรธหรอก  ขอบใจนะ”  พูดจบฉันก็ชักมือกลับ  ซุนวูเองก็เหมือนจะไม่รู้ตัวว่านอนจับมือฉันอยู่  แล้วอยู่ๆปรากฏการณ์ธรรมชาติก็เกิดขึ้น

    เปรี๊ยง!!!

    เสียงฟ้าผ่าดังเปรี๊ยงดังสนั่นหวั่นไหว  ไฟฟ้าดับวูบ  ฉันที่ตกใจง่ายรีบกระโดดกอดคนข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว  แล้วฟ้าก็ผ่าลงมาอีกสองสามครั้งติดกัน  เพราะเนื่องจากที่นี้ติดกับทะเลทำให้มีพายุเข้าบ่อย  ฉันมุดหน้าซุกลงไปที่หน้าอกของซุนวูเมื่อไรไม่รู้...กะจะผละออกแต่ฟ้าก็ดันลงมาอีก

    “กรี๊ดด ฉัน...ฉันกลัวฟ้าร้อง”  ฉันกระซิบเบาๆ

    “ไม่เป็นไรไม่ต้องกลัว...ฉันอยู่ข้างๆเธอเอง”  เขาพูดแล้วกอดฉันตอบ

    เหวอ...ช็อคค่ะซุนวูกอดฉันอีกแล้ว  แต่ฉันไม่สามารถตีตัวออกห่างได้เลย  แม้กังวลว่าคนตรงหน้าจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวเร็วผิดปกติ  แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะว่าความกลัว...แต่พออยู่อย่างนี้ฉันกลับรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาอีกครั้ง  แน่นอนว่ามันเกิดขึ้นมาอีกครั้ง  ความรู้สึกที่ว่าชอบ...

    ฉันที่ดูเหมือนจะไร้เรี่ยวแรง...ลมหายใจขัดจังหวะ  น้ำตาที่เอ่อนองเพราะกลัวเสียงฟ้าผ่า  ทำให้ฉันหลับไปทั้งแบบนั้นไม่รู้นานเท่าไร...  แต่ที่แน่ๆถ้าฉันมีคนตรงนี้อยู่เคียงข้าง  ฉันรู้สึกว่าอบอุ่นเหลือเกิน...

     

    farry テーマ
    THE FARRY's House
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×