ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Because I'm Crazy เพราะฉันมันบ้ารักเธอสุดสุด ❤♪

    ลำดับตอนที่ #16 : File 12 : หัวใจเต้นแรง / ฉันมันเหมือน...ตัวอะไร / หนี

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 425
      2
      24 พ.ค. 55




    File 12 : หัวใจเต้นแรง / ฉันมันเหมือน...ตัวอะไร / หนี

     

                    ตอนนี้ฉันกำลังร่วมวงทานอาหารกับครอบครัวของเทโฮอยู่  มันช่างเหมือนฝันจริงๆจนฉันอยากจะถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศแบบนี้ไว้  ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ใกล้ชิดกับครอบครัวศิลปินที่ชื่นชอบมากมายขนาดนี้  อีกทั้งพวกท่านยังเป็นคนกันเอง  ถึงแม้จะเป็นครูอาจารย์แต่ก็ไม่ได้ดูเข้มงวดเหมือนพ่อแม่ของเพื่อนที่รู้จัก  คุณย่าเองก็หัวเราะเก่งอย่าบอกใคร  แถมยังชอบพูดเรื่องลูกสะใภ้อะไรก็ไม่รู้  อร๊ายยย  ส่วนน้องอีกคนที่ฉันเห็น  เธอคือลูกของเพื่อนบ้านที่อยู่แถวๆนี้  พอรู้ว่าเทโฮจะมาเธอก็รีบวิ่งมาเพื่อพบตัวจริง  ฮิฮิฮิ  จะมีความสุขอะไรมากกว่านี้แล้วนะเนี่ย 

                    “อ่ะ  อิ่มแล้วเหรอ”  คุณแม่ (ขอถือวิสาสะเลยนะคะ)  ถามขึ้น

                    “ค่ะ  อาหารอร่อยมากๆเลยล่ะค่ะ  ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้นะคะ”  ฉันก้มหัวขอบคุณอย่างนอบน้อมให้

                    “อุ๊ยไม่เป็นไรจ้ะ  แม่ไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่าง  นู่นเทโฮที่ทำ  เขาทำอาหารเก่งมากเลยใช่ไหมล่ะ”

                    โฮ  สุดยอดพ่อบ้านที่ดี  หนึ่งในชายในอุดมคติ  สุดยอดเลย  นี่แหละผู้ชายมันต้องเก่งทั้งงานนอกบ้านแล้วก็งานในบ้าน  ใช่เลยยย!!

                    “นี่  กินเสร็จแล้วเราไปเดินตลาดกันไหม”  เทโฮที่ตักเข้าอยู่พูดขึ้นอย่างชิลๆ  เขาหันมายิ้มให้ฉันด้วยสายตาเชิญชวน

                    “ตลาดเหรอ  นายไปเดินตลาดได้เหรอ”

                    “ได้สิ  โอ๊ะเดียวนะฉันมีของดี”  พูดจบเจ้าตัวก็วิ่งไปหยิบของดีที่ว่ามาจากกระเป๋าเป้ของเขา  “นี่ไง  แว่นตากับหนวด  อ้อมีวิกผมด้วย”

                    “โห  ฉันว่าใส่หนวดก็น่าจะโอเคแล้วนะ  วิกนี่...ดูไม่น่าไว้ใจเลยอะ  สีมันดูแบบแรงไปนิด”  ฉันขัด  แน่ล่ะสีวิกผมของเขามันเป็นสีส้มคล้ายโฆษณาสีผมคุณสวยมากที่เฮซองเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้เลย  แถมทรงผมมันยังฟูคล้ายดีเจเดย์อีก  ฉันว่ามันยิ่งจะเป็นจุดเด่นมากขึ้น

                    “เอางั้นเหรอ  หรือใส่แว่นกับหมวกดี  หรือแบบนี้”  พูดจบก็สวฮูดพร้อมหมวกแก๊ปลายวัยรุ่นสีแดงดำทับ  ด้วยเสื้อที่ตัวใหญ่ทำให้เขาดูเหมือนเด็กฮิปมาก

                    “ว๊าวว  ฉันว่าโอเคมากๆเลยอะ  มากกว่าวิกผมนั่นซะอีก” 

                    “ความจริง  นั่นวิกของเฮซองที่หยิบติดมือมา”  เทโฮพูดจบก็รีบกลับมากินข้าวต่อจนหมด 

                    พวกเราสองคนช่วยกันเก็บชามแล้วกับข้าวที่เหลือ  ตอนแรกคุณแม่จะมาช่วยแต่เขาก็สั่งห้ามไว้  เพราะว่านานๆเขาจะกลับมาที่บ้านทีเลยอยากให้ครอบครัวอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาเป็นการพักผ่อนไปในตัว  หลังจากนั้นไม่นานเราก็เตรียมพร้อมเพื่อที่จะไปเดินตลาดกัน  ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเย็นกว่าๆแล้วฉันกับเทโฮก็เดินออกจากรั่วบ้านโบราณมาด้วยความหนาวเย็น  ที่นี่พอตกเย็นก็จะเริ่มหนาวเข้ากระดูกเลย  ฉันว่าฉันอาจจะแข็งตายก็ได้

                    “ฟู  หนาวจังเลย”  ฉันอุทานขึ้นเบาๆ

                    “ฮืม  หนาวเหรอ?”  เทโฮผู้หูดีทักขึ้น

                    “อ่อ เปล่าๆ  ฮัดเช้ย!  ฉันจามออกมาเบาๆ  ฉันคิดว่าอะนะ

                    เทโฮไม่ยืนดูเฉยๆอีกต่อไป เขาเดินเข้ามาใกล้ๆแล้วก็  O[]O ดึงฉันเข้าไปกอด  เฮ้ย  เขาเข้ามากอดฉันเหมือนคู่รักที่โอบแล้วดึงเข้าไปใกล้ๆจากนั้นก็อยู่แบบนี้จนถึงที่หมาย  โอ้มายก๊อด  นี่ฉันฝันไปรึเปล่าเนี่ย

                    “ขอโทษนะ  แต่ฉันทนเห็นเธอหนาวไม่ได้หรอก  อย่างน้อยเธอน่าจะเตรียมถุงทำความร้อนมาบ้าง  ร่างกายคนเรามันไม่ได้ปรับกันง่ายๆหรอกนะ” 

                    “อะ  อื้ม...ฉันรู้แล้ว  แต่ว่าบะ...แบบนี้มันจะดีเหรอ”

                    “ดีสิ  อุ่นดีออก”  เทโฮหันมายิ้มอย่างอ่อนโยน

                    ละ..แล้วทำไม  หน้าของฉันมันถึงร้อนขึ้นมาดื้อๆซะได้  ทั้งๆที่หนาวออกอย่างนี้  หรือฉันกำลังเขิน  ใจก็เต้นแรงมากด้วย  >///<

     

    แม้ไม่ใช่ฤดูหนาว  แต่การที่ได้กินมันเผาร้อนๆในอากาศเย็นสุดขั้วแบบนี้เนี่ยมันสุดยอดไปเลย  เพื่อนๆต้องอิจฉาแน่ๆที่ฉันได้มีประสบการณ์อินเลิฟกับเทโฮ  อิอิ  พวกเราสองคนเดินดูของไปเรื่อยๆ ส่วนมากมีขายของแห้ง  มีปลาแห้งที่ดูกลิ่นแรง  แต่เทโฮบอกว่ามันอร่อยมาก  คงคล้ายกับปลาร้าที่ไทยที่กลิ่นเหม็นแต่ชวนกินเหลือหลาย 

    ถึงตลาดที่มาเดินจะไม่คึกครื้นมักนัก  แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีคน ผิดกันที่นี้มีแต่คนที่รู้จักกันทั้งนั้น  อาจเพราะว่ามันเป็นหมู่บ้านหรือจังหวัดเล็กๆ  ถึงในใจจะคิดว่าเทโฮดังแล้ว  แต่ร้อยทั้งร้อยคนแถวนี้แถบไม่มีใครฟังเพลงหรือรู้จักเขาเลย  ดูน่าเห็นใจมาก  แต่เทโฮกลับหัวเราะชอบใจที่ตัวเองสามารถเดินทำนู่นทำนี่ได้เหมือนคนปกติ 

    นี่ฉันคงต้องศึกษาคนตรงหน้าให้มากกว่านี้หรือเปล่านะ...

    โฮ่ง โฮ่ง

    เสียงสุนัขตัวน้อยพันธ์ไซบีเรียเดินรอบพวกเราสองคนราวกับกำลังอยากจะรู้จัก  ฉันเป็นพวกคลั่งลูกหมามากจนอดที่จะเล่นกับมันไม่ได้  เทโฮก็เหมือนจะเป็นโรคเดียวกัน  แต่เขาดูจะเร็วกว่าฉัน  รีบอุ้มมันขึ้นแล้วก็เกาพุงน้อยๆของมัน  กรี๊ดด  ฉันอยากเล่นมั่งนะ

    “ขอฉันอุ้มมันบ้างสิ” 

    “มันเหมือน...”

    “หือ?”  หันไปมองเทโฮที่เหมือนจะพูดอะไร

    “เปล่า  เอาสิๆฉันว่าเธอต้องเข้ากับมันได้ดี ฮึ”  เทโฮพูดจบก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปที่ไหนสักที่ 

    อ๊า  ขนนุ่มจังเลย  มีเจ้าของไหมนะ  ถ้าไม่มีฉันอยากจะเอามันไปเลี้ยงที่หอพักจังเลย  ฉันไม่ชอบกิ้งก่าสักเท่าไร  มันไร้ความน่ารักสุดๆ  แล้วฉันก็หวังว่าจะไม่ต้องใกล้ชิดกับมันนะ..ใช่ไหม

    สักพักฉันรู้สึกถึงมือของใครคนหนึ่ง  ที่มาลูบหัวฉันเบาๆจนฉันสะดุ้งรีบทิ้งลูกหมาทันที  เทโฮนั่นเอง...

    “โอ๊ะ  มีอะไรติดหัวฉันอยู่เหรอ”  ฉันถามอย่างซื่อๆ

    “เปล่า...อ้อ  อื้มๆมีสิๆ”

    ฉันรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าเทโฮทำตัวแปลกๆ  บางทีฉันรู้สึกเขามีหลายอารมณ์ในตัวเองมาก  แต่ฉันก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเวลานี้เขาอารมณ์ไหนกันแน่  เขาเป็นคนที่ดูเหมือนปกติแต่จริงๆเขาเก่งมาก  นั่นคือสิ่งที่ฉันรู้

    “รู้ไหมว่าเธอเหมือนสิ่งสำคัญของฉันที่หายไป  บางทีเป็นเพราะเธอ...”

    เทโฮทิ้งท้ายแค่นั้นแล้วก็ยิ้มจากนั้นก็พากลับบ้าน  สิ่งสำคัญที่เขาว่างั้นเหรอแล้วฉันเป็นคนทำให้มันหายเหรอ

    “นายว่าฉันเป็นคนทำสิ่งสำคัญของนายหายไปเหรอ  ตอนไหนเมื่อไรกัน”   ฉันรีบโวยทันที  ป๊าดดหน้าอย่างฉันไปทำอะไรใครแบบไม่รู้ตัวด้วยเหรอ

    “เฮ้ยจะบ้าเหรอ  ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย”

    พูดจบก็เดินหนีกลับจนฉันต้องวิ่งตามเขาด้วยขาทีแสนสั้นของฉัน

    ตกเย็น...

    คนในครอบครับของเทโฮนอนกันเร็วตั้งแต่หัวค่ำ  ทำให้ฉันต้องเข้านอนด้วยและดูเหมือนข้างนอกจะปิดไฟหมดเสียแล้ว  ฉันที่นอนดึกจนชินพอมานอนเร็วเลยทำให้นอนไม่หลับ  บวกกับขนาดห้องที่กว้างขวางจนน่ากลัว  คุณย่าของเทโฮนั้นเอ่ยปากให้ฉันนอนที่ห้องรับรองห้องใหญ่  เพื่อความสะดวกสบาย  เพราะว่าห้องเล็กนั้นมีของวางระเกะระกะเต็มไปหมด  แต่ตัวฉันไม่อยากจะนอนห้องกว้างแต่ก็ไม่กล้าที่จะขัด  แถมนี่ก็เวลาสามทุ่มเองด้วย  ดีที่ว่าบ้านพักนี้ไม่มืดมากเพราะมีแสงจากพระจันทร์สาดส่องออกมา  อากาศข้างนอกก็ลมแรกและเย็นมากจนฉัน...ปวดฉี่

    “โอ๊ยย  ไม่นะอย่ามาปวดตอนนี้  ฮืออ”  ฉันบ่นพึมพำกับตัวเองขณะที่นอนบิดไปบิดมาอยู่บนฟูก  แต่เพราะว่ามันเพิ่งสามทุ่ม  ถ้าจะอั้นไว้จนเช้าฉันต้องเป็นนิ่วไม่ก็ฉี่ราดตายแน่ๆ 

    T^T  หวังว่าจะไม่มีอะไรโผล่ออกมาน้า”  ฉันยกมือขึ้นสวดมนต์ขออนุญาตเจ้าที่เจ้าป้าเจ้าเขา  เพื่อให้คุ้มครองฉันจากภัยอันตรายในที่มืด  จนฉี่ได้สำเร็จด้วยเถิด

    ครืดดด  (บ้านเป็นแบบประตูเลื่อน)

    ฟิ้วววว~

    เสียงลมพัดผ่านรุนแรงถึงเบาๆสลับกันไปมา  พัดพาความหวานเย็นจับขั้วหัวใจ  ฉันรู้สึกว่าตัวเองต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วกว่านี้  เพราะลำพังเสื้อกันหนาวสามตัวกับผ้าพันคอคงช่วยให้อุ่นไม่ได้มากนัก  ไอหนาวเริ่มออกจากปาก  เวลาหายใจก็เริ่มจะแสบๆจมูก 

    และในที่สุดฉันก็เดินจนถึงห้องน้ำ

    โครกกก

    เสียงกดน้ำบ่งบอกถึงการเสร็จสิ้นภารกิจส่วนตัว ฉันจึงรีบเดินกลับไปที่ห้องทันทีและตอนนี้เองที่สายตาไปกระทบกับแสงสว่างแปลกๆเล็กๆกับเสียงกระซิบที่เบาจนต้องเงี่ยหูฟังใกล้ๆ 

    “นายช่วยดูลูกรักฉันให้ด้วยล่ะ”  เสียงหนึ่งพูดขึ้นเบาๆ

    เอ้า  เทโฮนิ!  ฉันก็นึกว่าผีซะอีกดีใจมากๆ

    ฉันที่จะเข้าไปทักก็ต้องหยุดชะงักขึ้นเมื่อได้ยินประโยคนี้...ที่แสนบาดใจภายในเสี้ยววินาที

    “ไอซ์อะเหรอ  ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกน้า  ยัยนั่นออกจะเด็กดีเหมือนน้องหมาที่หายไปเลย”

    ฉัน...เหมือนหมางั้นเหรอ

    “รู้ไหมว่าเธอเหมือนสิ่งสำคัญของฉันที่หายไป  บางทีเป็นเพราะเธอ...”

    คำพูดเมื่อตอนนั้นผุดขึ้นมาในหัวสมอง  เมื่อเรียบเรียงเรื่องราวทั้งหมดทั้งคำพูดผู้จัดการที่เตือน 

    “หึ  แผนการของนายก็ส่วนของนาย  แผนของฉันก็ส่วนของฉัน  บางที่ฉันอาจจะได้คนใช้มาเพิ่มก็ไม่เสียหาย  หลอกใช้ง่ายจะตาย  แค่ถึงเนื้อถึงตัวนิดเดียวยัยนั่นก็จะละลายแล้ว”

    เฮือก!

    ฉันรู้สึกคลื่นไส้อยากอาเจียนขึ้นมากะทันหัน  จนร่างกายชาไปทั้งตัวราวกับถูกตรึงเอาไว้  แต่ฉันก็ต้องฝืนขยับขาไปให้ถึงห้องของตัวเองให้ได้  ก่อนที่จะมีใครสักคนได้ยินเสียงของฉัน  เสียงของความเศร้าที่พลั่งพรูออกมาโดยหยุดไม่ได้เป็นน้ำตา...

    ในที่สุดฉันก็กลับมาช็อกอยู่ในห้องตัวเอง  ก่อนจะตั้งสติให้ตัวเองหยุดร้องไห้  แต่ฉันไม่รู้ว่าตัวเองมาทำอะไรที่นี่  ฉันไม่รู้เลยแล้วฉันก็เหนื่อยมากเกินกว่าจะทำอะไรได้  สิ่งเดียวที่คิดออกคือฉันอยากจะไปให้พ้นจากที่นี่...เดี๋ยวนี้!!

    ก๊อกๆ  ก๊อกๆ

    “ไอซ์เธอหลับรึยัง”  เสียงเทโฮดังขึ้น

    ฉันเอามือปิดหู  รู้สึกอยากอ้วกจริงๆ

    “ถ้าเธอหลับแล้วก็ไม่เป็นไร...”

    ครืดด!

    ฉันเปิดประตูเลื่อนออกอย่างแรงจนเจ้าคนร่างสูงตกใจสะดุ้งโหยง  แล้วหันมาทำหน้าเฟกยิ้มเป็นคนดี  ฉันได้แต่แสยะยิ้มให้อย่างเหยียดๆกับการโกหกได้แนบเนียน  หึ  แกล้งเป็นเจ้าชายสุดแสนใจดี...ฉันเกลียดนายที่สุด

    “เธอเป็นอะไรรึเปล่า  หนาวเหรอ”  เขาเดินเข้ามาใกล้ฉันก่อนจะลูบหัวของฉันเบาๆ

    ผลัวะ

    ฉันปัดมือออกอย่างรวดเร็ว

    “อย่าเอามือของนายมาแตะต้องตัวฉัน  ฉันไม่ใช่หมาของนายหรือผู้หญิงใจง่ายที่ผู้ชายแตะต้องเนื้อตัวก็รู้สึกดียอมพลีชีพให้หรอกนะ  จำไว้ด้วย!!

    “เธอ  แอบฟังฉันงั้นเหรอ?”  เทโฮเปลี่ยนสีหน้าทันที  เขาเปลี่ยนสีหน้ารวดเร็วจนฉันตกใจ  เผลอเซนิดนึง

    “ใช่  ฉันได้ยินโดยบังเอิญ  นั่นก็เพราะว่าสวรรค์เห็นใจคนอย่างฉันเลยทำให้ฉันได้รับรู้ความจริงว่าละครที่นายเล่นมันได้จบไปแล้วเทโฮ   หึ  นายว่าอะไรนะน้องหมาของนายงั้นเหรอ  น่าขยะแขยงที่สุด!”

    “เธอชอบฉันไม่ใช่เหรอ”

    “นายฉันเกลียดนายที่สุดเลย  ฮึก  นายมัน...ฉันไปทำอะไรให้นายนักหนา  นายถึงทำกับฉันแบบนี้เทโฮ”  ฉันร้องห่มร้องไห้ออกมาไม่หยุด  รู้ตัวอีกทีตัวเองก็ดันเข้ากับกำแพงห้อง

    “เธอ...ผิดเองที่มายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของฉัน  ทั้งเธอและเพื่อนของเธอกลับไปซะ”  เทโฮพูดขึ้น

    “เอามือออกไปจากตัวฉัน  ฮืออ  ปล่อยฉันนะ!”  ฉันตะโกนดังสุดเสียง

    “เอาสิ  เธอจะไปหรือจะให้ฉัน...”

    งับ!!

    อ๊ากกกกกกกกกกกกก

    ฉันไม่รอให้เขาพูดจนจบ  กระโดดงับที่แขนขาวๆของเขาด้วยเขี้ยวคู่หูที่แม่มอบให้  เทโฮร้องด้วยความเจ็บปวด  เพราะว่ามันเลือดออกจางๆคล้ายรอยถะลอกเล็กน้อย  ตอนนี้เองที่ลมพัดแรงจนฝุ่นพัดเข้าตาเขา  เทโฮเสียหลักกับความเจ็บปวดทั้งแขนและตาจนปล่อยฉันหลุดออกจากการความคุม  ฉันรีบวิ่งไปที่ห้องตัวเองแล้วแบกกระเป๋าลากใบโตออกมาจากนั้นก็วิ่งหนีทันที  โดยไม่ทันกลับไปมองเสียงเรียกของปีศาจอย่างเขา...

    ฉันจะหนี!!กลับไปตั้งหลักที่โซล  แล้วเราจะได้เห็นดีกัน

    THE★FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×