ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Because I'm Crazy เพราะฉันมันบ้ารักเธอสุดสุด ❤♪

    ลำดับตอนที่ #14 : File 10 : ความแตก / ฉากจูบ / ฉันว่าเราน่าจะไปกันได้ดี

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 681
      1
      24 พ.ค. 55





    File 10 :  ความแตก / ฉากจูบ / ฉันว่าเราน่าจะไปกันได้ดี


    ฉันยืนงงเป็นไก่ตาแตกเมื่อเห็นบุคคลตรงหน้า  ผมที่ดูหยักโสกและยุ่งเหยิงกับตายิ้มตลอดเวลาของเขา  เมื่อคนตรงหน้าเผยยิ้มออกมาให้เห็นฟันเรียงโชว์สีขาว  เขายกมือขึ้นเกาหัวตัวเองแบบทำอะไรไม่ถูกดูเหมือนจะสับสนเช่นกัน  แต่ก็ยังอุตส่าห์ยิ้มออกมาชวนให้อบอุ่นใจเช่นเคย...  คังมินฮยอกมือกลงอวงซีเอ็นบลู  เขาดูน่ารักซะจริงๆ  ฉันที่คิดว่าความต้องแตกเป็นแน่  เรื่องที่พวกเราอพยพมาอาศัยอยู่กับพวกรีเทิร์น  แต่ไม่หรอกเพราะว่ามินฮยอกไม่ใช้คนแบบนั้น  แต่ยังไงก็ต้องแถไปก่อน

                    “อ้าว  สวัสดีจ้ามินฮยอก”  ฉันยิ้มทักทายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

                    “อื้อ  เธอมาทำอะไรที่นี่น่ะ”  มินฮยอกเลิกคิ้ว  พลางเกาคางทำสีหน้าครุ่นคิด

                    “อ๋อฉันมะ...”  ยังแก้ตัวไม่ทันจบ  คนชอบก่อเรื่องก็แทรกเสียงขึ้นวงสนทนา

                    เฮซองชักสีหน้าเหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง  แน่นอนว่าเขาไม่พอใจที่ตัวเองดูเหมือนส่วนเกินทั้งที่ตัวเองเป็นเจ้าบ้าน  แต่แขกดันไม่สนใจ

                    “ย๊า  เธอเรียนชื่อเหมือนสนิทสนมแบบนี้ได้ยังไงกัน  ส่วนนายทำไมมาที่นี่ได้อะ  มีธุระอะไรรึเปล่า”  เฮซองถาม

                    “อ๋อพอดีว่า  ฮยอง(พี่)ให้ผมเอาส้มจากเกาะเชจูมาฝากเป็นของเยี่ยมสำหรับพี่ที่โดนพักงานครับ” 

                    ฉันเดินเลี่ยงมาหาน้ำให้แขกดื่ม  กลัวเหลือเกินไม่รู้จะแก้ตัวยังไงดีกับมินฮยอกดี  ไว้ค่อยแก้ตัวสดๆเลยแล้วกัน  คิดไม่ออกวุ้ยปวดขมับกะทันหัน

                    “น้ำมาแล้ว  นี่จ้ะ”  ฉันวางแก้วน้ำหนึ่งแก้วมาให้มินฮยอก  ก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งบนโซฟา  แต่เฮซองก็มักจะขัดความสุขของฉันตลอดด

                    “ย๊า  ไหนน้ำของฉันล่ะ  ฉันกินข้าวเสร็จยังไม่ได้กินน้ำเลยนะ”  เฮซองพูด

                    “เอ๊ะ  ก็นี่น้ำของแขก  นายอยากกินก็ไม่หยิบกินเองสิ”

                    ฮึย  เคืองคนกำลังเครียด  ใช้สมองเรื่องอื่นอยู่มาใช้อย่างกับทาส

                    “โหยย  กล้าพูดนะเธอ  ขาฉันมันเป็นแบบนี้เพราะใครละ  เธอไม่ใช่เหรอ  มาอาศัยบ้านคนอื่นอยู่แล้วยังมาทำตัวน่ารำคาญ  ตัวซวยชะมัด” 

                    อะไรนะ!

                    “โอ๊ยยย  นึกว่าฉันอยากอยู่กับนายเหรอ  ไม่เลยไม่คิดอยากอยู่ด้วยสักนิด  ถ้าไฟไม่ไหม้ห้องฉันฉันก็คงไม่ทนทรมานอยู่กับคนไม่เต็มใจให้อยู่หรอก”

                    “เธอ!  กล้าดียังไงมาขึ้นเสียงใส่ฉันฮะ” 

                    เราสองคนโต้วาทีกันไปมาผลัดกันคนละประโยคอย่างเมามัน  โดยลืมไปว่าทุกสิ่งที่พูดออกมานั้น  คือการเปิดเผยความลับระดับสุดยอดออกมาโดยไม่รู้ตัว  แต่ก็ไม่มีใครเฉลียวใจเลยสักนิด  ยกเว้นมินฮยอกที่เหมือนจะรู้เรื่องทุกอย่างโดยไม่ต้องถาม  เขาเหมือนพยายามจะพูดขึ้นแทรกหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ยังหาจังหวะไม่ได้  จนกระทั่งพวกเราสองคนเหนื่อยจนพูดอะไรไม่ออกอีก

                    ฉันหอบแฮกๆพร้อมหยิบยาดมมาสูดเข้าไปให้เต็มปอด  พักยกก่อน  ทำใจให้รู้สึกดีลืมไปแล้วเหรอว่าเราจะต้องทำให้เขาชอบเราให้ได้ด้วยความใกล้ชิด  ตามแบบนิยายทั่วไปของแจ่มใส

                    “พวกนาย...พักอยู่ด้วยกันเหรอ...”  มินฮยอกถามขึ้น  ตายิ้มของเขาเบิกกว้าง

                    “ปะ...”  ฉันกำลังจะแก้ตัว

                    “ใช่  มันเป็นความลับด้วยนะ”

                    อยู่ๆเฮซองก็พูดแทรกขึ้นมา  กรี๊ดดด  นายไปบอกเขาทำไม

                    ฉันถลึงตาใส่เฮซองเพื่อให้เขารู้ตัวว่ากำลังพูดอะไรอยู่  ฉันกำลังจะแก้ตัวแล้วเขาดันมาพูดพล่อยๆแทรกฉันทำไม  โอ๊ยตายแล้ว 

                    “นี่นาย”  ฉันตีที่แขนของเขาเบาๆ  “นายทำอะไรไม่ปรึกษาฉันเลยฮะ”

                    “เธอเงียบๆไปเลย  แล้วนี่อะไรเนี่ย  ออกไปไกลๆฉันเลยนะ”  เฮซองรีบไล่ฉันไปนั่งที่อื่นที่ไม่ใช่โซฟาเดียวกันตัวเอง  ก่อนจะหันไปหามินฮยอก  ที่กำลังรอฟังเรื่องราวต่างๆ  “ก็อย่างที่บอกไปว่ามันเป็นลับ  ฉันอยากให้นายช่วยปิดบังเหมือนกันนะ  ไม่อย่างนั้น...เรตติ้งฉันตกพอดี  ตั้งแต่ยัยนี้เข้าใกล้ฉัน  ฉันก็เจอแต่เรื่องแย่ๆ”

                    “ได้ครับ  แต่ชายหญิงอยู่ด้วยกันแบบนี้...”  มินฮยอกยิ้มแหยๆ  “ผมว่าใครรู้เข้าคงไม่ดีทั้งสองฝ่ายแน่ๆ  จริงด้วย  ถ้าที่นี่ไม่ว่างก็ย้ายไปอยู่ดอนโดฉันก่อนไหม”  ประโยคหลังเขาพูดจบก็หันมาทางฉันเป็นเชิงถาม

                    “ไม่ได้”

                    ไม่ใช่เสียงของฉันนะ  เสียงเฮซองอีตาชอบแทรกอีกแล้วค่า  โอ๊ยแทรกตลอดกาล  เขาเกลียดขี้หน้าฉันไม่ใช่เหรอ  ทำไมพอฉันจะได้ไปอยู่ดีกินดีแล้วมาห้ามกันแบบนี้เนี่ย  เอ๊ะ  หรือว่า...แบบในนิยาย

                    “ฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น  ไม่ต้องมามองหน้าเลยยัยบ้า  นี่นายก็พูดอะไรไม่กลัวรึไง  ยัยเนี่ยทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องสักอย่าง  ตัวซวยแล้วก็ยังชอบกรี๊ด”

                    สรุปตูไม่มีอะไรดี

                    “น่ารักออก”  มินฮยอกพูดจบก็ยิ้มอีกครั้ง  เขาเหมือนฤดูใบไม้ผลที่กำลังเบ่งบานเพื่อรับแสงแดดอันอบอุ่น  ผิดกับเฮซองที่เหมือนหน้าฝนแล้วก็เฮอริเคนถล่มทับอีกครั้ง

                    “ย๊า  เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ” 

                    กริ๊งงงง

                    อยู่ๆเสียงโทรศัพท์ของเฮซองก็ดังขึ้นกลางวงสนทนา  เขารีบควานหาไอโฟนสี่เอ็สสุดแท่ที่มีเคสเป็นหัวกระโหลกเพชรแท้ฝังอยู่  มือถือรูปร่างหน้าตารวมทั้งหมดก็ดูดี  ผิดแต่เสียงเรียกเข้าชวนให้นึกถึงสมัยแฟนฉันไม่มีผิด  ฉันมองคนขาเจ็บด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น  มินฮยอกเองก็เช่นกัน

                    “ฮัลโหล  ฮะ!  เดี๋ยวนี้เลยเหรอฮะ  แต่ว่าผมกำลังอยู่ในช่วงพักฟื้น  อ่าเข้าใจแล้ว...ครับ”  พูดจบเขาก็วางทันที

                    “ทำไมเหรอ  วันนี้งดทำงานนิ”  ฉันหันไปถาม

                    “เพราะเธอนั้นแหละยัยบ้า  นายกลับไปก่อนแล้วกัน   ไว้เจอกันที่บริษัทแล้วกัน”  เฮซองพูดเชิงเครียด

                    “มีอะไรรึเปล่าฮยอง”  มินฮยอกถาม

                    “ละครที่ถ่าย  ฉากใกล้จบมันอัดไม่หมด  เขาเรียกฉันไปถ่ายแก้ด่วน  เพราะอากาศฟิวเดียวกันพอดี”

                    “เดี๋ยวผมไปส่งแล้วกัน  พอดียืมรถเขามา”  มินฮยอกอาสา

                    แล้วทุกอย่างก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว  เฮซองเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า  มินฮยอกช่วยฉันล้างจานในครัวจนเสร็จเป็นระเบียบเรียบร้อย  ไม่นานนักพวกเราสามคนก็มายืนอยู่หน้ารถสปอร์ตสีแดง 

                    “ฉันจะนั่งหน้าเอง  เธอไปนั่งข้างหลังเลย”  เฮซองพูดขึ้นขณะที่ฉันกำลังจะหย่อนก้นลงนั่งเบาะข้างขนขับ

                    “เอ๊ะ  ผู้ชายกับผู้ชายมันไม่แปลกไปหน่อยรึไง”  ฉันเถียง

                    “นี่  เธอไม่ใช่แฟนเขาสักหน่อย  ฉันนั่งเอมันถูกต้องแล้ว  อีกอย่างเกิดเจอแฟนคลับระหว่างทางจะทำยังไง  เธอต้องใส่หมวกปิดบังใบหน้าบานๆของเธอด้วยซ้ำ”  พูดจบก็ควานหาหมวกในกระเป๋าเป้ใบโต  ก่อนจะหยิบมันมาวางไว้บนหัวของฉัน  “ใส่ซะถ้าเธอยังอยากมีงานทำอยู่”

                    วูบ...

                    อยู่ๆใบหน้าของฉันก็ร้อนขึ้นทันที  รู้สึกว่าเขาเป็นห่วงฉัน...ขึ้นมานิดนึง  แต่ว่าฉันก็ต้องล้มเลิกความคิดทันที  เพราะว่าเขานั่งนินทา  จิกกัดฉันตลอดเวลา  มินฮยอกก็หัวเราะร่าเริงอยู่นั้นแหละ!  แผนฉันคงทำให้นิยายคนอื่นขายไม่ออกแล้วล่ะ

                    ณ.สถานที่ลานกว้าง 

                    พวกเรามาถึงในเวลาต่อมา  พอมาถึงฉันก็ต้องตะลึงกับภาพเบื้องหน้า  ที่มีคนกว่าร้อยชีวิตเดินขวักไขว่ไปมายกนู่นนี่นั้น  ทำงานกันอย่างขะมักเขม้น  ถึงจะดูเป็นงานที่จริงจังและเครียด  แต่ทุกคนดูมีความสุขกับการทำงานอย่างมาก  ดูจากสีหน้าและความตั้งใจ  ฉันเดินลงมาจากรถได้ไม่นานนัก  พี่สไตลิสประจำตัวของเฮซองก็รีบวิ่งเข้ามากาบวกกับพี่ช่างแต่งหน้าทำผมของกองถ่าย  เฮซองที่ขาเจ็บได้แต่นั่งนิ่งๆไม่ขยับไปมาเหมือนแต่ก่อน  ทำให้ใช้เวลาในการเซตผม  แต่งตัวเร็วขึ้น  มินฮยอกขอตัวกลับไปก่อนเรียบร้อยแล้ว  แต่เขาก็ยังไม่ลืมที่จะสัญญาว่าจะไม่บอกใครเรื่องนี้ด้วย 

                    เมื่อทุกอย่างพร้อม  ฉันหวังจะเข้าไปพยุงเฮซอง  แต่ก็ถูกสไตลิสชิ่งตัดหน้าไปเสียก่อน  ฉันเลยได้แต่เดินตามเฉยๆ  ทั้งๆที่นั้นเป็นหน้าที่ฉันแท้ๆ  รอบหน้าฉันต้องรีบเข้าไปพยุงให้ได้  ฮึย

                    “เอ้า  หนูอย่ายืนบังกล้องๆ”  ลุงหน้าหนวดดุๆพูดขึ้น

                    ฉันเพิ่งรู้ว่าตัวเองเดินมาเกยฉากที่ต้องใช้งาน  เลยรีบเดินออกมา  ความจริงแล้วซีรี่ย์เรื่องนี้ฉันรู้ข่าวมานานแล้วแต่ที่ไม่ได้สนใจเพราะว่าฉันทนเขาเล่นหนังจูบกับหญิงอื่นไม่ได้  ฉันเป็นแฟนคลับประเภทไหนวะเนี่ย  แต่ยังไงก็ช่าง  เพราะถึงฉันไม่อยากดู  ก็เหมือนจะหนีไม่พ้น  ในเมื่อฉันต้องมานั่งดูสดๆร้อนๆของฉากใกล้จะจบ  ซึ่งเขาบอกกันว่ามีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย  เพื่อให้คนดูไม่รู้ว่าพระเอกจริงๆแล้วขาเจ็บ  จึงจัดฉากให้เป็นนั่งเล่นกันใต้ต้นไม้แทน

                    ฉันหยิบบทของเฮซองที่วางอยู่ตรงเก้าอี้ขึ้นมาอ่านอย่างยากลำบาก  เพราะว่าภาษาฉันห่วยแตกมากอย่างที่รู้ๆกัน  เนื้อเรื่องมีอยู่ว่าพระเอกนัดเจอกับนางเอกเป็นเธอแฟนคลับที่พระเอกตกหลุมรักที่ใต้ต้นไม้ในความทรงจำ  เพราะว่าอยากจะบอกความในใจแต่สุดท้ายก็ไม่ยอมพูด  นางเอกเลยเสียใจมากพยายามจะเดินหนีแต่พระเอกก็ฉุดเอาไว้แล้วพูดว่า...  ฉันเลื่อนสายตาแบบผ่านๆจนกระทั่ง

                    เฮซอง :  นี่  เธอจะให้ฉันบอกเธอจริงๆน่ะเหรอ

                    นางเอก :  พอเถอะ  ฉันรู้สึกเหนื่อยมาก  นายก็กลับบ้านนายไปเถอะ  ฉันไปล่ะ

                    พระเอกฉุดแขนนางเอกให้นั่งลงก่อนจะพูดว่า

    อยากลองจูบกับฉันดูไหมล่ะ  เลื่อนจากตำแหน่งแฟนคลับมาเป็นแฟนครับเลยเป็นไง

    “ไม่ได้นะ!

    เหวออออ  ฉันเผลอตะโกนออกไปโดยไม่ทันตั้งตัว  T^T  เขาขอโทษษษษ

    ทุกสายตาหันมาทางฉันพร้อมชะงัก  รวมถึงเฮซองกับนางเอกคนนั้นที่กำลังจะจูบกัน!  ฉันนั่งอ่านบทจนอินจัดตะโกนออกมาไม่รู้ตัว   เย้  อย่างน้อยพวกเขายังไม่จูบกัน

    เบลอออ...

    “คัทๆ  โอ๊ยตายแล้วเธอเป็นใครกันเนี่ย”  ผู้กำกับหรือลุงหนวดดุๆคนนั้นลุกขึ้นพร้อมเอากระดาษม้วนๆแล้วชี้หน้าฉันด้วยความโกรธ

    “ขะ...ขอโทษค่ะ  พอดีว่าฉันเผลอนั่งหลับแล้วฝันร้ายน่ะค่ะ”  ฉันแถ

    “ฮะ  นี่เธอดูหนังของฉันแล้วกล้าหลับเหรอ  ทั้งๆที่ดูสดเนี่ยนะ”

    “ก็...ใช่ค่ะ  มันไม่สนุกเลยสักนิด!  ฉันพูดขึ้น

    โอ๊ยตูหลุดปากอะไรไป T^T

    “มันดูเชยมาก  ในฐานะคนดูรู้สึกว่าฉากจูบพวกนี้นอกจากจะมาเป็นมิตรต่อสายตาเด็ก  ทำให้เด็กใจแตกแล้วยังดูเชยอีกด้วย  ยิ่งบทพูดยิ่งเชยสะบัด  เดี๋ยวนี้พระเอกนางเอกแค่กอดกันก็พอ  หรือไม่ก็เซอไพรส์บลาๆ”

    “โหยยย  เธอนั้นแหละ  โอ๊ยเลิกๆพักกันก่อน  ส่วนเธอ!  ผู้กำกับหันมาพูดกับฉันเหมือนกำลังระงับความโกรธ  “ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นใครมาจากไหน  แต่ฉันขอไล่เธอออกไปให้พ้นจากสายตาฉันเดี๋ยวนี้  ก่อนที่ฉันจะแจ้งตำรวจ”

    มีพนักงานหลายคนมาจับแขนขาเพื่อไล่ฉันออกไปตามคำสั่งผู้กำกับ  แต่แล้วก็มีเสียงพระเอกมาช่วยฉันไว้

    “เธอเป็นพี่เลี้ยงของผมเองครับ  เห็นทีว่าถ้าเธอไม่อยู่ผมก็คงต้องไม่อยู่ด้วย!  เฮซองที่เดินกระเผลกๆเข้ามาช่วยฉันไว้  เขาเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงลองใจ  “งั้นผมต้องขอโทษแทนและขอตัวก่อน”

    เฮซองเดินมาจับแขนฉันพร้อมสงสายตาให้พนักงานพวกนั้นปล่อยแขนฉัน  ขณะที่พวกเรากำลังจะลากสังขารกันออกไป  ผู้กำกับก็เข้ามาจับไหล่ของเฮซองไว้

    “เดี๋ยวๆ  ใจเย็นๆก่อนนะ  กลับมาถ่ายให้เสร็จก่อน  ส่วนคุณพี่เลี้ยงก็เชิญกลับไปนั่งที่เดิม  ฉันต้องขอโทษจริงๆที่อารมณ์เสียใส่  ฉันจะแก้ทอย่างที่เธอบอก...เธอมีอะไรจะเสนอไหมล่ะ”

    อ้าว  งานเข้าฉันแบบไม่ทันตั้งตัว

    “คือ...เท่าที่ฉันดูซี่รี่ย์มา  ฉันคิดว่าให้พระเอกดึงแขนนางเอกลงมาแล้วก็กอดจากด้านหลังดีกว่าค่ะ  เพราะว่าฉากกอดด้านหลังกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก  ดูเป็นฉากที่อบอุ่นดีด้วย  เพราะว่าฉากจูบเรามีตอนจบไปแล้วใช่ไหมคะ  มีเยอะไปมันจะดูไม่งาม”  ฉันเสนอ  “จากนั้นให้พระเอกเนี่ยกระซิบข้างหูนางเอก  แทนดีกว่าที่จะพูดประโยคแบบนั้น  ฉันว่ามันดูไม่ยาวไปแล้วก็ฟังดูน่าตลกด้วย” 

    “เธอคิดอย่างนั้น”  ผู้กำกับถาม  “อื้ม  ก็ดูดีนะ! 

    แล้วเฮซองก็กลับไปแสดงต่อจนเสร็จเป็นเวลาห้าชั่วโมง  ฉันที่เสนอแนวความคิดเลยต้องเป็นผู้ช่วยผู้กำกับในการทำงาน   ทุกอย่างราบรื่นและสนุกจนฉันไม่รู้เวลา  นี่เป็นการทำงานครั้งแรกอย่างเต็มที่ตั้งแต่มาที่เกาหลี  แม้อากาศจะหนาวเพราะมีลมแรงก็ตาม  แต่มันสร้างอารมณ์ฉากได้มาก  นอกจากทุกคนจะยอมรับฉันแล้ว  เฮซองยังดูเหมือนจะผูกมิตรกับฉันมากขึ้น  อย่างน้อยเขาก็เข้ามาช่วยฉัน...  ขอบคุณพระเจ้าที่เมตตาลูก  บางทีนี่อาจเป็นการเริ้มต้นที่ดีของเรา...อย่างนั้นเหรอ

    “ยัยโง่  จะขึ้นรถไหม  จอดนานมิดเตอร์ขึ้นเธอจ่ายด้วย”  เฮซองเรียกฉันที่เดินอ้อยอิ่งชมวิวอยู่ 

    “รู้แล้วนะ”  ฉันรีบวิ่งขึ้นไปนั่งบนแท็กซี่ด้านหลังตามคำสั่งของเฮซอง  

    ฉันว่าฉันคงคิดไปเอง  บางทีเราอาจจะกัดกันไปตลอดชาติ  เฮ้อ...

    ตัวอย่างตอนต่อไป

                เมื่อเสร็จทัวร์โปรโมทแล้ว  เราจะมีเวลาพักผ่อนกันค่ะ  คราวนี้เทโฮชวนฉันไปบ้านของเขา  แถมเราต้องพักค้างคืนด้วยเนี่ยสิ  โอ๊ยยย  แต่ไม่มีอะไรแย่ไปกว่าที่เขาเห็นฉันเป็นสัตว์เลี้ยงแล้วล่ะ!!  เทโฮฉันเกลียดนายมากที่สุด  แต่ฉันก็รักนายมากที่สุด...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×