คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : File 10 : ความแตก / ฉากจูบ / ฉันว่าเราน่าจะไปกันได้ดี
File 10 : ความแตก / ฉากจูบ / ฉันว่าเราน่าจะไปกันได้ดี
ฉันยืนงงเป็นไก่ตาแตกเมื่อเห็นบุคคลตรงหน้า ผมที่ดูหยักโสกและยุ่งเหยิงกับตายิ้มตลอดเวลาของเขา เมื่อคนตรงหน้าเผยยิ้มออกมาให้เห็นฟันเรียงโชว์สีขาว เขายกมือขึ้นเกาหัวตัวเองแบบทำอะไรไม่ถูกดูเหมือนจะสับสนเช่นกัน แต่ก็ยังอุตส่าห์ยิ้มออกมาชวนให้อบอุ่นใจเช่นเคย... คังมินฮยอกมือกลงอวงซีเอ็นบลู เขาดูน่ารักซะจริงๆ ฉันที่คิดว่าความต้องแตกเป็นแน่ เรื่องที่พวกเราอพยพมาอาศัยอยู่กับพวกรีเทิร์น แต่ไม่หรอกเพราะว่ามินฮยอกไม่ใช้คนแบบนั้น แต่ยังไงก็ต้องแถไปก่อน
“อ้าว สวัสดีจ้ามินฮยอก” ฉันยิ้มทักทายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อื้อ เธอมาทำอะไรที่นี่น่ะ” มินฮยอกเลิกคิ้ว พลางเกาคางทำสีหน้าครุ่นคิด
“อ๋อฉันมะ...” ยังแก้ตัวไม่ทันจบ คนชอบก่อเรื่องก็แทรกเสียงขึ้นวงสนทนา
เฮซองชักสีหน้าเหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง แน่นอนว่าเขาไม่พอใจที่ตัวเองดูเหมือนส่วนเกินทั้งที่ตัวเองเป็นเจ้าบ้าน แต่แขกดันไม่สนใจ
“ย๊า เธอเรียนชื่อเหมือนสนิทสนมแบบนี้ได้ยังไงกัน ส่วนนายทำไมมาที่นี่ได้อะ มีธุระอะไรรึเปล่า” เฮซองถาม
“อ๋อพอดีว่า ฮยอง(พี่)ให้ผมเอาส้มจากเกาะเชจูมาฝากเป็นของเยี่ยมสำหรับพี่ที่โดนพักงานครับ”
ฉันเดินเลี่ยงมาหาน้ำให้แขกดื่ม กลัวเหลือเกินไม่รู้จะแก้ตัวยังไงดีกับมินฮยอกดี ไว้ค่อยแก้ตัวสดๆเลยแล้วกัน คิดไม่ออกวุ้ยปวดขมับกะทันหัน
“น้ำมาแล้ว นี่จ้ะ” ฉันวางแก้วน้ำหนึ่งแก้วมาให้มินฮยอก ก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งบนโซฟา แต่เฮซองก็มักจะขัดความสุขของฉันตลอดด
“ย๊า ไหนน้ำของฉันล่ะ ฉันกินข้าวเสร็จยังไม่ได้กินน้ำเลยนะ” เฮซองพูด
“เอ๊ะ ก็นี่น้ำของแขก นายอยากกินก็ไม่หยิบกินเองสิ”
ฮึย เคืองคนกำลังเครียด ใช้สมองเรื่องอื่นอยู่มาใช้อย่างกับทาส
“โหยย กล้าพูดนะเธอ ขาฉันมันเป็นแบบนี้เพราะใครละ เธอไม่ใช่เหรอ มาอาศัยบ้านคนอื่นอยู่แล้วยังมาทำตัวน่ารำคาญ ตัวซวยชะมัด”
อะไรนะ!
“โอ๊ยยย นึกว่าฉันอยากอยู่กับนายเหรอ ไม่เลยไม่คิดอยากอยู่ด้วยสักนิด ถ้าไฟไม่ไหม้ห้องฉันฉันก็คงไม่ทนทรมานอยู่กับคนไม่เต็มใจให้อยู่หรอก”
“เธอ! กล้าดียังไงมาขึ้นเสียงใส่ฉันฮะ”
เราสองคนโต้วาทีกันไปมาผลัดกันคนละประโยคอย่างเมามัน โดยลืมไปว่าทุกสิ่งที่พูดออกมานั้น คือการเปิดเผยความลับระดับสุดยอดออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่ก็ไม่มีใครเฉลียวใจเลยสักนิด ยกเว้นมินฮยอกที่เหมือนจะรู้เรื่องทุกอย่างโดยไม่ต้องถาม เขาเหมือนพยายามจะพูดขึ้นแทรกหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ยังหาจังหวะไม่ได้ จนกระทั่งพวกเราสองคนเหนื่อยจนพูดอะไรไม่ออกอีก
ฉันหอบแฮกๆพร้อมหยิบยาดมมาสูดเข้าไปให้เต็มปอด พักยกก่อน ทำใจให้รู้สึกดีลืมไปแล้วเหรอว่าเราจะต้องทำให้เขาชอบเราให้ได้ด้วยความใกล้ชิด ตามแบบนิยายทั่วไปของแจ่มใส
“พวกนาย...พักอยู่ด้วยกันเหรอ...” มินฮยอกถามขึ้น ตายิ้มของเขาเบิกกว้าง
“ปะ...” ฉันกำลังจะแก้ตัว
“ใช่ มันเป็นความลับด้วยนะ”
อยู่ๆเฮซองก็พูดแทรกขึ้นมา กรี๊ดดด นายไปบอกเขาทำไม
ฉันถลึงตาใส่เฮซองเพื่อให้เขารู้ตัวว่ากำลังพูดอะไรอยู่ ฉันกำลังจะแก้ตัวแล้วเขาดันมาพูดพล่อยๆแทรกฉันทำไม โอ๊ยตายแล้ว
“นี่นาย” ฉันตีที่แขนของเขาเบาๆ “นายทำอะไรไม่ปรึกษาฉันเลยฮะ”
“เธอเงียบๆไปเลย แล้วนี่อะไรเนี่ย ออกไปไกลๆฉันเลยนะ” เฮซองรีบไล่ฉันไปนั่งที่อื่นที่ไม่ใช่โซฟาเดียวกันตัวเอง ก่อนจะหันไปหามินฮยอก ที่กำลังรอฟังเรื่องราวต่างๆ “ก็อย่างที่บอกไปว่ามันเป็นลับ ฉันอยากให้นายช่วยปิดบังเหมือนกันนะ ไม่อย่างนั้น...เรตติ้งฉันตกพอดี ตั้งแต่ยัยนี้เข้าใกล้ฉัน ฉันก็เจอแต่เรื่องแย่ๆ”
“ได้ครับ แต่ชายหญิงอยู่ด้วยกันแบบนี้...” มินฮยอกยิ้มแหยๆ “ผมว่าใครรู้เข้าคงไม่ดีทั้งสองฝ่ายแน่ๆ จริงด้วย ถ้าที่นี่ไม่ว่างก็ย้ายไปอยู่ดอนโดฉันก่อนไหม” ประโยคหลังเขาพูดจบก็หันมาทางฉันเป็นเชิงถาม
“ไม่ได้”
ไม่ใช่เสียงของฉันนะ เสียงเฮซองอีตาชอบแทรกอีกแล้วค่า โอ๊ยแทรกตลอดกาล เขาเกลียดขี้หน้าฉันไม่ใช่เหรอ ทำไมพอฉันจะได้ไปอยู่ดีกินดีแล้วมาห้ามกันแบบนี้เนี่ย เอ๊ะ หรือว่า...แบบในนิยาย
“ฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น ไม่ต้องมามองหน้าเลยยัยบ้า นี่นายก็พูดอะไรไม่กลัวรึไง ยัยเนี่ยทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องสักอย่าง ตัวซวยแล้วก็ยังชอบกรี๊ด”
สรุปตูไม่มีอะไรดี
“น่ารักออก” มินฮยอกพูดจบก็ยิ้มอีกครั้ง เขาเหมือนฤดูใบไม้ผลที่กำลังเบ่งบานเพื่อรับแสงแดดอันอบอุ่น ผิดกับเฮซองที่เหมือนหน้าฝนแล้วก็เฮอริเคนถล่มทับอีกครั้ง
“ย๊า เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ”
กริ๊งงงง
อยู่ๆเสียงโทรศัพท์ของเฮซองก็ดังขึ้นกลางวงสนทนา เขารีบควานหาไอโฟนสี่เอ็สสุดแท่ที่มีเคสเป็นหัวกระโหลกเพชรแท้ฝังอยู่ มือถือรูปร่างหน้าตารวมทั้งหมดก็ดูดี ผิดแต่เสียงเรียกเข้าชวนให้นึกถึงสมัยแฟนฉันไม่มีผิด ฉันมองคนขาเจ็บด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น มินฮยอกเองก็เช่นกัน
“ฮัลโหล ฮะ! เดี๋ยวนี้เลยเหรอฮะ แต่ว่าผมกำลังอยู่ในช่วงพักฟื้น อ่าเข้าใจแล้ว...ครับ” พูดจบเขาก็วางทันที
“ทำไมเหรอ วันนี้งดทำงานนิ” ฉันหันไปถาม
“เพราะเธอนั้นแหละยัยบ้า นายกลับไปก่อนแล้วกัน ไว้เจอกันที่บริษัทแล้วกัน” เฮซองพูดเชิงเครียด
“มีอะไรรึเปล่าฮยอง” มินฮยอกถาม
“ละครที่ถ่าย ฉากใกล้จบมันอัดไม่หมด เขาเรียกฉันไปถ่ายแก้ด่วน เพราะอากาศฟิวเดียวกันพอดี”
“เดี๋ยวผมไปส่งแล้วกัน พอดียืมรถเขามา” มินฮยอกอาสา
แล้วทุกอย่างก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว เฮซองเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า มินฮยอกช่วยฉันล้างจานในครัวจนเสร็จเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่นานนักพวกเราสามคนก็มายืนอยู่หน้ารถสปอร์ตสีแดง
“ฉันจะนั่งหน้าเอง เธอไปนั่งข้างหลังเลย” เฮซองพูดขึ้นขณะที่ฉันกำลังจะหย่อนก้นลงนั่งเบาะข้างขนขับ
“เอ๊ะ ผู้ชายกับผู้ชายมันไม่แปลกไปหน่อยรึไง” ฉันเถียง
“นี่ เธอไม่ใช่แฟนเขาสักหน่อย ฉันนั่งเอมันถูกต้องแล้ว อีกอย่างเกิดเจอแฟนคลับระหว่างทางจะทำยังไง เธอต้องใส่หมวกปิดบังใบหน้าบานๆของเธอด้วยซ้ำ” พูดจบก็ควานหาหมวกในกระเป๋าเป้ใบโต ก่อนจะหยิบมันมาวางไว้บนหัวของฉัน “ใส่ซะถ้าเธอยังอยากมีงานทำอยู่”
วูบ...
อยู่ๆใบหน้าของฉันก็ร้อนขึ้นทันที รู้สึกว่าเขาเป็นห่วงฉัน...ขึ้นมานิดนึง แต่ว่าฉันก็ต้องล้มเลิกความคิดทันที เพราะว่าเขานั่งนินทา จิกกัดฉันตลอดเวลา มินฮยอกก็หัวเราะร่าเริงอยู่นั้นแหละ! แผนฉันคงทำให้นิยายคนอื่นขายไม่ออกแล้วล่ะ
ณ.สถานที่ลานกว้าง
พวกเรามาถึงในเวลาต่อมา พอมาถึงฉันก็ต้องตะลึงกับภาพเบื้องหน้า ที่มีคนกว่าร้อยชีวิตเดินขวักไขว่ไปมายกนู่นนี่นั้น ทำงานกันอย่างขะมักเขม้น ถึงจะดูเป็นงานที่จริงจังและเครียด แต่ทุกคนดูมีความสุขกับการทำงานอย่างมาก ดูจากสีหน้าและความตั้งใจ ฉันเดินลงมาจากรถได้ไม่นานนัก พี่สไตลิสประจำตัวของเฮซองก็รีบวิ่งเข้ามากาบวกกับพี่ช่างแต่งหน้าทำผมของกองถ่าย เฮซองที่ขาเจ็บได้แต่นั่งนิ่งๆไม่ขยับไปมาเหมือนแต่ก่อน ทำให้ใช้เวลาในการเซตผม แต่งตัวเร็วขึ้น มินฮยอกขอตัวกลับไปก่อนเรียบร้อยแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ลืมที่จะสัญญาว่าจะไม่บอกใครเรื่องนี้ด้วย
เมื่อทุกอย่างพร้อม ฉันหวังจะเข้าไปพยุงเฮซอง แต่ก็ถูกสไตลิสชิ่งตัดหน้าไปเสียก่อน ฉันเลยได้แต่เดินตามเฉยๆ ทั้งๆที่นั้นเป็นหน้าที่ฉันแท้ๆ รอบหน้าฉันต้องรีบเข้าไปพยุงให้ได้ ฮึย
“เอ้า หนูอย่ายืนบังกล้องๆ” ลุงหน้าหนวดดุๆพูดขึ้น
ฉันเพิ่งรู้ว่าตัวเองเดินมาเกยฉากที่ต้องใช้งาน เลยรีบเดินออกมา ความจริงแล้วซีรี่ย์เรื่องนี้ฉันรู้ข่าวมานานแล้วแต่ที่ไม่ได้สนใจเพราะว่าฉันทนเขาเล่นหนังจูบกับหญิงอื่นไม่ได้ ฉันเป็นแฟนคลับประเภทไหนวะเนี่ย แต่ยังไงก็ช่าง เพราะถึงฉันไม่อยากดู ก็เหมือนจะหนีไม่พ้น ในเมื่อฉันต้องมานั่งดูสดๆร้อนๆของฉากใกล้จะจบ ซึ่งเขาบอกกันว่ามีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย เพื่อให้คนดูไม่รู้ว่าพระเอกจริงๆแล้วขาเจ็บ จึงจัดฉากให้เป็นนั่งเล่นกันใต้ต้นไม้แทน
ฉันหยิบบทของเฮซองที่วางอยู่ตรงเก้าอี้ขึ้นมาอ่านอย่างยากลำบาก เพราะว่าภาษาฉันห่วยแตกมากอย่างที่รู้ๆกัน เนื้อเรื่องมีอยู่ว่าพระเอกนัดเจอกับนางเอกเป็นเธอแฟนคลับที่พระเอกตกหลุมรักที่ใต้ต้นไม้ในความทรงจำ เพราะว่าอยากจะบอกความในใจแต่สุดท้ายก็ไม่ยอมพูด นางเอกเลยเสียใจมากพยายามจะเดินหนีแต่พระเอกก็ฉุดเอาไว้แล้วพูดว่า... ฉันเลื่อนสายตาแบบผ่านๆจนกระทั่ง
เฮซอง : นี่ เธอจะให้ฉันบอกเธอจริงๆน่ะเหรอ
นางเอก : พอเถอะ ฉันรู้สึกเหนื่อยมาก นายก็กลับบ้านนายไปเถอะ ฉันไปล่ะ
พระเอกฉุดแขนนางเอกให้นั่งลงก่อนจะพูดว่า
“อยากลองจูบกับฉันดูไหมล่ะ เลื่อนจากตำแหน่งแฟนคลับมาเป็นแฟนครับเลยเป็นไง”
“ไม่ได้นะ!”
เหวออออ ฉันเผลอตะโกนออกไปโดยไม่ทันตั้งตัว T^T เขาขอโทษษษษ
ทุกสายตาหันมาทางฉันพร้อมชะงัก รวมถึงเฮซองกับนางเอกคนนั้นที่กำลังจะจูบกัน! ฉันนั่งอ่านบทจนอินจัดตะโกนออกมาไม่รู้ตัว เย้ อย่างน้อยพวกเขายังไม่จูบกัน
เบลอออ...
“คัทๆ โอ๊ยตายแล้วเธอเป็นใครกันเนี่ย” ผู้กำกับหรือลุงหนวดดุๆคนนั้นลุกขึ้นพร้อมเอากระดาษม้วนๆแล้วชี้หน้าฉันด้วยความโกรธ
“ขะ...ขอโทษค่ะ พอดีว่าฉันเผลอนั่งหลับแล้วฝันร้ายน่ะค่ะ” ฉันแถ
“ฮะ นี่เธอดูหนังของฉันแล้วกล้าหลับเหรอ ทั้งๆที่ดูสดเนี่ยนะ”
“ก็...ใช่ค่ะ มันไม่สนุกเลยสักนิด!” ฉันพูดขึ้น
โอ๊ยตูหลุดปากอะไรไป T^T
“มันดูเชยมาก ในฐานะคนดูรู้สึกว่าฉากจูบพวกนี้นอกจากจะมาเป็นมิตรต่อสายตาเด็ก ทำให้เด็กใจแตกแล้วยังดูเชยอีกด้วย ยิ่งบทพูดยิ่งเชยสะบัด เดี๋ยวนี้พระเอกนางเอกแค่กอดกันก็พอ หรือไม่ก็เซอไพรส์บลาๆ”
“โหยยย เธอนั้นแหละ โอ๊ยเลิกๆพักกันก่อน ส่วนเธอ!” ผู้กำกับหันมาพูดกับฉันเหมือนกำลังระงับความโกรธ “ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นใครมาจากไหน แต่ฉันขอไล่เธอออกไปให้พ้นจากสายตาฉันเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ฉันจะแจ้งตำรวจ”
มีพนักงานหลายคนมาจับแขนขาเพื่อไล่ฉันออกไปตามคำสั่งผู้กำกับ แต่แล้วก็มีเสียงพระเอกมาช่วยฉันไว้
“เธอเป็นพี่เลี้ยงของผมเองครับ เห็นทีว่าถ้าเธอไม่อยู่ผมก็คงต้องไม่อยู่ด้วย!” เฮซองที่เดินกระเผลกๆเข้ามาช่วยฉันไว้ เขาเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงลองใจ “งั้นผมต้องขอโทษแทนและขอตัวก่อน”
เฮซองเดินมาจับแขนฉันพร้อมสงสายตาให้พนักงานพวกนั้นปล่อยแขนฉัน ขณะที่พวกเรากำลังจะลากสังขารกันออกไป ผู้กำกับก็เข้ามาจับไหล่ของเฮซองไว้
“เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆก่อนนะ กลับมาถ่ายให้เสร็จก่อน ส่วนคุณพี่เลี้ยงก็เชิญกลับไปนั่งที่เดิม ฉันต้องขอโทษจริงๆที่อารมณ์เสียใส่ ฉันจะแก้ทอย่างที่เธอบอก...เธอมีอะไรจะเสนอไหมล่ะ”
อ้าว งานเข้าฉันแบบไม่ทันตั้งตัว
“คือ...เท่าที่ฉันดูซี่รี่ย์มา ฉันคิดว่าให้พระเอกดึงแขนนางเอกลงมาแล้วก็กอดจากด้านหลังดีกว่าค่ะ เพราะว่าฉากกอดด้านหลังกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ดูเป็นฉากที่อบอุ่นดีด้วย เพราะว่าฉากจูบเรามีตอนจบไปแล้วใช่ไหมคะ มีเยอะไปมันจะดูไม่งาม” ฉันเสนอ “จากนั้นให้พระเอกเนี่ยกระซิบข้างหูนางเอก แทนดีกว่าที่จะพูดประโยคแบบนั้น ฉันว่ามันดูไม่ยาวไปแล้วก็ฟังดูน่าตลกด้วย”
“เธอคิดอย่างนั้น” ผู้กำกับถาม “อื้ม ก็ดูดีนะ!”
แล้วเฮซองก็กลับไปแสดงต่อจนเสร็จเป็นเวลาห้าชั่วโมง ฉันที่เสนอแนวความคิดเลยต้องเป็นผู้ช่วยผู้กำกับในการทำงาน ทุกอย่างราบรื่นและสนุกจนฉันไม่รู้เวลา นี่เป็นการทำงานครั้งแรกอย่างเต็มที่ตั้งแต่มาที่เกาหลี แม้อากาศจะหนาวเพราะมีลมแรงก็ตาม แต่มันสร้างอารมณ์ฉากได้มาก นอกจากทุกคนจะยอมรับฉันแล้ว เฮซองยังดูเหมือนจะผูกมิตรกับฉันมากขึ้น อย่างน้อยเขาก็เข้ามาช่วยฉัน... ขอบคุณพระเจ้าที่เมตตาลูก บางทีนี่อาจเป็นการเริ้มต้นที่ดีของเรา...อย่างนั้นเหรอ
“ยัยโง่ จะขึ้นรถไหม จอดนานมิดเตอร์ขึ้นเธอจ่ายด้วย” เฮซองเรียกฉันที่เดินอ้อยอิ่งชมวิวอยู่
“รู้แล้วนะ” ฉันรีบวิ่งขึ้นไปนั่งบนแท็กซี่ด้านหลังตามคำสั่งของเฮซอง
ฉันว่าฉันคงคิดไปเอง บางทีเราอาจจะกัดกันไปตลอดชาติ เฮ้อ...
ตัวอย่างตอนต่อไป
เมื่อเสร็จทัวร์โปรโมทแล้ว เราจะมีเวลาพักผ่อนกันค่ะ คราวนี้เทโฮชวนฉันไปบ้านของเขา แถมเราต้องพักค้างคืนด้วยเนี่ยสิ โอ๊ยยย แต่ไม่มีอะไรแย่ไปกว่าที่เขาเห็นฉันเป็นสัตว์เลี้ยงแล้วล่ะ!! เทโฮฉันเกลียดนายมากที่สุด แต่ฉันก็รักนายมากที่สุด...
ความคิดเห็น