ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    NEW FRIEND...ก็แค่เพื่อนใหม่ [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #4 : 4:วันปล่อยผี

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 165
      0
      28 มี.ค. 56

     

    4:วันปล่อยผี
    ปล่อยทุกสิ่งที่มี บอกเล่าออกมาให้เธอได้ฟัง
     

     



                เสียงริงโทนที่คุ้นเคยดังขึ้นพร้อมกับแรงสั่นที่ข้างหู ไม่ผิดหรอกครับ สั่นที่ข้างหูจริงๆ บังเอิญเล่นเกมแล้วเผลอหลับไปเลย อันที่จริงก็รอโทรศัพท์จากปลายสายที่โทรมาด้วยเหมือนกัน แต่เป็นเพราะคงรอนานไปหน่อย

    “ฮัลโหลครับ” ผมลากเสียงยาวด้วยน้ำเสียงสดใส แม้เสียงจะยังแหบๆเพราะเพิ่งตื่นก็ตาม

    เป็นไง สบายดีมั้ยปลายสายตอบกลับมาด้วยเสียงสบายๆ ซึ่งทำให้ผมหยุดยิ้มไม่ได้

    “ดีสุดๆเลยคร้าบ  แล้วตอนนี้ที่นู่นเป็นยังไงบ้าง”

    ก็ดี ตอนนี้ที่ไทยหน้าฝนใช่มั้ย อย่าลืมพกร่มไปเรียนล่ะ ยิ่งป่วยง่ายๆอยู่

    “อื้อ เข้าใจแล้วครับ.. เตอร์อยากให้พ่อกลับมาไทยอีกไวๆ”  ปลายสายหัวเราะชอบใจแล้วบอกว่าเพิ่งกลับไปได้แค่เดือนกว่าๆเอง หาว่าผมงอแงบ้างล่ะ หาว่าผมเหมือนเด็กบ้างล่ะ เป็นพ่อที่ช่างมีอารมณ์ขันเหลือเฟือจริงๆเลยใช่มั้ยครับ แถมยังย้ำตลอดสายว่าอย่าตากฝนเด็ดขาด เราคุยกันอยู่นานจนพ่อเป็นฝ่ายวางสายไป เพราะบอกว่าผมควรจะนอนได้แล้ว

    พ่อบอกว่าจะโทรมาแค่สัปดาห์ละครั้งตั้งแต่ผมย้ายมาอยู่ที่นี่แล้วพ่อก็ไปต่างประเทศแล้ว เท่ากับว่าเราจะได้คุยกันสัปดาห์ละไม่ถึงชั่วโมง(เพราะดูจากเวลาที่คุยกันซึ่งมันไม่เคยถึงเลย) และพ่อก็จะกลับแค่ช่วงปิดเทอมซัมเมอร์  แถมยังชอบส่งผมไปเรียนพิเศษซัมเมอร์อีกต่างหาก ทั้งๆที่ถ้าผมอยู่บ้านก็จะได้อยู่ด้วยกันตลอดแท้ๆ คิดแล้วผมก็เด็กจริงๆนั่นแหละ ติดพ่อขนาดนี้ แต่เราก็แทบจะไม่ได้เจอกันเลย เฮ้อ คิดแล้วก็หน่วงๆอีกแล้ว ยอมรับเลยว่าเหงาถึงจะไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว

    เหลือบมองนาฬิกาก็พบนี่เที่ยงคืนกว่าๆแล้ว ผมควรจะนอนจริงๆนั่นแหละ

     

     

    ผมตื่นมาด้วยสภาพแย่กว่าทุกวัน เพราะเมื่อคืนพ่อโทรศัพท์มาช้ากว่าปกติ ทำให้ผมได้นอนช้ากว่าปกติเป็นและสาเหตุทำให้นอนไม่พอ เลยตื่นมาในสภาพลืมตาไม่ขึ้นแบบนี้ บ้านที่เงียบอยู่แล้วดูเงียบกว่าเดิมเพราะจากที่ผมจะเปิดโทรทัศน์ตอนตื่นแต่ผมขี้เกียจเกินจะทำแบบนั้นได้

    ผมเดินออกมาตามซอยโดยที่ไม่รอเพื่อนที่มักจะมาด้วยกันทุกวัน นั่งรอรถเมล์อยู่พักนึงก็ขึ้นมาเลย โทรบอกเทสต์ว่าผมออกมาก่อนแล้ว กะว่าจะลงมือหลับทันที แต่กลัวเลยป้ายอีกนี่สิ หันไปมองข้างๆ พบว่าเป็นเด็กผู้ชายในชุดนักเรียนที่น่าจะวัยเดียวกันมานั่งลงข้างๆ ผมสะกิดคนนั้นให้หันมาก่อนจะเริ่มพูด

    “เอ่อ ถึงโรงเรียนแล้วปลุกทีนะ” ผมอ้ำๆอึ้งๆนิดหน่อยว่าจะขอบคุณก่อนเลยดีมั้ย แต่สุดท้ายผมก็ทำแค่เบือนหน้าหนีมา และนอนเอาหัวพิงหน้าต่างซึ่งก็เหมือนจะหลับได้ง่ายๆ

    สะลึมสะลือตื่นมามองออกไปนอกหน้าต่างก็ยังไม่ถึงโรงเรียน จะนอนต่อก็คงไม่หลับแล้ว  เหลือบมองคนข้างๆมันก็นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ อันที่จริงถ้ารู้ว่าจะตื่นเองแบบนี้คงไม่เรียกแต่แรกก็ดี อึดอัดเหมือนกันแฮะ บางทีผมอาจจะเป็นโรคจิต ที่ไม่ชอบอยู่กับคนแปลกหน้าก็ได้นะ

     

    “อ้าว ตื่นแล้วนี่” พอรถใกล้จะจอดเทียบกับป้ายที่หน้าโรงเรียน คนข้างๆที่วานให้ปลุกก็ทำท่าจะปลุกแต่กลับหันมาเจอผมที่นั่งตาแป๋วซะนี่ เขาลุกเหมือนจะเปิดทางให้ผมลงแต่กลับเดินนำหน้าลงมาด้วย อยู่โรงเรียนเดียวกับผมนี่หว่าจะว่าไปถ้าไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกันคงปลุกให้ผมตื่นไม่ถูกป้ายหรอกมั้ง

    “ทำไมวันนี้มาคนเดียวหรอ” เดินเข้าโรงเรียนมาได้สักพัก คนที่ผมคาดว่าไม่น่าจะรู้จักกัน และเพิ่งจะเจอกันบนรถเมล์นั้นก็เอี้ยวตัวกลับมาถาม

    “เอ่อ แค่จะมานอนต่อบนห้องอะ..” อยากจะถามกลับไปว่าเรารู้จักกันหรอ แต่ก็พึงสำนึกได้ว่าคงมารยาททรามเกินไป

    “เราชื่อสองนะ อยู่ห้องเดียวกับน็อตอะ” ความคิดที่จะเดินหนีเป็นอันว่าโดนขีดทิ้งไป เมื่ออีกฝ่ายเปิดบทสนทนามาแบบนี้ “เตอร์ใช่ปะ น็อตมันชอบมาพูดในห้องบ่อยๆ” ผมได้แต่อืมออไปเพระไม่รู้จะตอบอะไร ภาวนาให้เราสองคนเดินถึงอาคารเรียนไวๆ

    …..

    เรายังคงคุยกันไปเรื่อยๆ ตราบใดที่ยังไม่ถึงทางขึ้นอาคารเรียนสักที ทำไมผมรู้สึกว่าวันนี้อาคารเรียนอยู่ไกลแปลกๆนะ เวลาสองชวนคุยอะไร ผมก็มักจะแค่อืมกับอือ  ซึ่งผมก็หวังจะให้เจ้าตัวรู้สึกและเลิกชวนผมคุยสักที ผมไม่ชินกับอะไรแบบนี้จริงๆนะ….

    “เออ เรื่องที่เทสต์มันไปรอรับส่งเด็กโรงเรียนประถมแถวนี้นี่จริงปะ เราได้ยินเพื่อนผู้หญิงในห้องพูดกัน” กะจะไม่สนใจเหมือนเรื่องอื่นๆ แต่เรื่องที่สองพูดออกมา ทำให้ผมตวัดหน้าไปมองมันอย่างอัตโนมัติ ด้วยความอยากรู้ “เฮ้ย ดูยุ่งเกินไปหรอ โทษๆ”  ….แต่สงสัยหน้าตาผมคงดุไปล่ะมั้ง

    ตอนนี้ผมกำลังฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะและไม่ได้หลับสักที  เมื่อกี๊ผมกับสองมานั่งคุยกันบนห้องเรียน ซึ่งมีคนอยู่ประมาณห้าถึงหกคนได้ ผมนั่งอยู่ที่ประจำโดยมีสองนั่งอยู่ข้างๆ สองเล่าเรื่องเทสต์ให้ฟังว่าเพื่อนผู้หญิง(ห้องมัน)คุยกันว่าเทสต์รับส่งเด็ก ซึ่งฟังสองพูดแล้วมันก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไร ก็แค่ได้ยินคนอื่นพูดแค่นั้น ผมควรจะถามจากเทสต์มากกว่า ไม่น่าชวนสองมันมาคุยเหมือนคนที่สนิทกันเลย ให้ตาย

    “เป็นอะไรเปล่าวะ” แต่ก่อนที่ผมจะคิดอะไรให้เยอะกว่านี้ก็มีเสียงเรียกพร้อมกับแรงกดตรงไหล่เรียกให้เงยหน้าขึ้นมาก่อน

    “อ่าว มาแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” ไอเทสต์เจ้าเก่าคนเดิม

    “ก็ เพิ่งมา มึงเป็นไรปะ” ไม่ว่าเปล่าแต่เทสต์ยกมือมาอังหน้าผากให้แต่มันดันหันเอาด้านฝ่ามือแทนที่ควรจะเป็นหลังมือ ผมได้แต่ปัดมือนั้นออกแล้วบอกว่าแค่จะมานอนต่อ ตอนนี้ อยากคุยกับน็อตมากถึงมากที่สุดเลย ถึงผมจะดูเป็นพวกไม่ค่อยสนใจใครแต่ถ้าเป็นเพื่อนหรือคนที่ค่อนข้างสนิทผมจะใส่ใจมากนะ ไม่รู้สิ ความรู้สึกประมาณว่าคนที่ให้เราให้ความสำคัญและให้ความสำคัญเรามีไม่เยอะ เลยต้องใส่ใจมากๆล่ะมั้ง ผมคิดแบบนั้นนะ

     

    ตกเย็นเทสต์กลับไปก่อนตามเคย ส่วนน็อตนั่งอยู่ข้างๆผม โต๊ะของเทสต์มันแหละ ทั้งห้องมีพวกเราอยู่แค่สองคน อาจจะเพราะเย็นแล้ว แต่ก็ไม่นะ เพิ่งจะสี่โมง เอาเป็นว่าช่างมันเถอะ

    “มึงคิดว่าไงอะ” น็อตถามขึ้นมาหลังจากที่เล่าเรื่องเมื่อเช้าให้ฟัง แต่พอเห็นสีหน้าที่ไมเช้าใจมันเลยอธิบายมาอีกตลบ”หมายถึงว่าเชื่อมันรึเปล่า”

    “ไม่รู้ ไม่งั้นจะให้ช่วยกันคิดหรอ”ผมบอก

    “แต่ก็ได้ยินคนในห้องพูดเหมือนกันแหละ พวกผู้หญิงชอบมีข่าวซุบซิบแปลกๆ” ผมพยักหน้ารัวๆแบบเห็นด้วย จะว่าไงดีล่ะ ผู้หญิงชอบจับกลุ่มกันคุยเรื่องของคนที่น่าสนใจล่ะมั้ง

    “กูกับมึงดูเสือกกันมากอะ”  นี่เป็นคำแรกที่ผุดเข้ามาในหัวตั้งแต่เริ่มความรู้สึกอยากรู้ ก็ไม่ได้อยากพูดหรอก แต่อดไม่ได้จริงๆ เราขำกันนิดหน่อยหลังจากที่ผมพ่นคำพูดด่าตัวเองออกมา

    “กูว่าถามเหอะ อยากรู้โคตรอ้ะ” น็อตจ้องผมอย่างจริงจังด้วยสายตาที่เจือความเสือกอยู่เต็มเปี่ยม

    “เอางั้นหรอ” ผมว่าพลางมองหน้ามันอย่างระแวง แต่สายน็อตมันดูมุ่งมั่นจริงนะ เรื่องแบบนี้ล่ะดูจริงจังมาเชียว “เอาก็เอาวะ” เทสต์มันจะคิดว่าพวกผมละลาบละล้วงเกินไปรึเปล่านี่สิ






    ทุกอย่างเหมือนผ่านไปไวแปลกๆ บางทีความอยากรู้อาจจะนำพาเวลาก็ได้นะครับ เอ่อ ผมหมายถึงบางทีนะ

    ตอนนี้คือเย็นวันเสาร์ ผมกับน็อตนั่งอยู่บนพื้นในห้องนอน น็อตนั่งเล่นเกม ส่วนผมก็นั่งดูมันเล่น อันที่จริงคือผมเพิ่งตื่นแล้วคลานลงมานั่งจุมปุ๊กข้างๆมันที่พื้นนี่ล่ะ เรานัดกันว่าวันนี้จะมานั่งรอที่บ้านผมแล้วไปหาเทสต์พร้อมกัน แต่ปรากฏว่ามันไม่อยู่บ้าน เลยต้องมาติดแหง็กอยู่ในห้องผมทั้งวัน นิวก็กลับไปอยู่หอแล้วเพราะเปิดเทอมเมื่อวันพุธ

    หลังจากวันนั้นที่คุยกัน ผมกับน็อตไม่ได้หลุดพูดหรือหลุดถามเทสต์มันไปก่อน พยายามทำตัวให้ปกติแต่ก็ยังคงสงสัยกันอยู่ตลอด เพราะเทสต์มันหายเช้า หายเย็น แถมวันเสาร์อย่างนี้ก็หายไปทั้งวัน มันไม่คิดจะทำให้เนียนๆหน่อยรึไงนะ หรือมันอาจจะอยากเล่าแล้วรอพวกผมถามอยู่ก็ได้

    เนื่องจากกลัวจะหลับอีกรอบแล้วหลับยาวไปตื่นอีกวันหนึ่ง เลยตัดสินใจโทรหามัน เปิดสปีคเกอร์โฟนไว้ด้วย เผื่อถ้ามันยังไม่กลับมาก็กะจะรุมถามมันตรงนี้ละ เราฟังเสียงสัญญาณกันอยู่สักพักแล้วก็หายไป มันก็ตัดสายทิ้งครับ ไอ้เข้ เสียงสัญญาณมันเพิ่งดังแค่สามที ไม่มีทางที่จะตัดไปเองแน่ๆ ผมโทรไปอีกรอบ แต่คราวนี้ยังไม่ทันได้เชื่อมต่อเครือข่ายเสร็จดีเสียงเคาะประตูพร้อมเสียงตะโกนก็ดังเข้ามาซะก่อน

    “ไม่ต้องโทรแล้ว เปิดประตูเดี๋ยวนี้เลย!” อ่าว เสียงเทสต์

    ผมกับน็อตมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายลุกไปเปิดประตู โดยที่น็อตหันไปเล่นเกมส์อย่างเก่า ดูเหมือนแค่มันมาเล่นเกมส์บ้านผมแค่นั้นพอ

    เทสต์เดินเข้ามา มองหน้าผมก่อนจะมองไปที่น็อตแล้วก็ลงไปทิ้งตัวนอนบนเตียง ว่าแต่มันมาหาผมทำไมวะ

    “มึงมาทำไม/โทรมามีไร” เสียงผมกับเทสต์ดังขึ้นพร้อมกันหลังจากที่เงียบกันอยู่นาน เรียกให้น็อตที่ทิ้งเกมส์ไปแล้วหันมามอง ผมเลยพยักเพยิดเป็นเชิงให้มันพูดก่อน

    “มีเรื่องจะปรึกษามึงว่ะ ดีเลยที่ไอ้น็อตอยู่ บางทีน่าจะให้คำตอบกูได้มากกว่ามึงนะ”

    ผมเลยยกนิ้วกลางเป็นเชิงด่า “กูมีเรื่องจะถามมึงเฉยๆ”

    พอผมพูดเสร็จเทสต์ก็ลงมานั่งกับพวกผม ดูเหมือนว่าพวกเราจะนั่งเป็นวงแบบพวกก๊งเหล้า แล้วผมก็สังเกตว่าเทสต์มันแต่งตัวชิลมาก แบบเสื้อยืดกางเกงบอล มันแต่งตัวออกไปข่างนอกทั้งวันด้วยสภาพแบบนี้หรอวะ

     “คืองี้นะเว่ย แบบ โอ๊ย เอาไงดีวะ” เทสต์เกริ่นเรื่องขึ้นมาเมื่อไม่มีใครพูดอะไร แต่มันก็ดูยังจะสับสนกับตัวเองอยู่  “ถ้าเพื่อนมึง……โดนแฟนทิ้งนะ แล้วคือถ้ามึง แบบจะปลอบอะ มึงจะทำไงวะ”

    “ห๊ะ” ผมกับน็อตอุทานขึ้นพร้อมกันด้วยใบหน้างงๆ น็อตเงียบไปพักหนึ่ง มันทำท่าเหมือนคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะพูดออกมา “เดี๋ยวนะ คือมึงกำลังโดนทิ้งใช่ปะ แล้วมาปรึกษาคืออยากบอกพวกกู ….” พอได้ยินที่น็อตพูดตอนนี้เทสต์หน้าเหวอไปแล้วครับ ผมเห็นอย่างนั้นจึงพูดต่อ

    “อยากให้พวกกูปลอบหรอวะ”

    “เฮ้ย ไม่ใช่ เหี้ยน็อต ออกไปเลย” เทสต์รีบปฏิเสธก่อนจะถอยหลังออกไปนิดหน่อยและยกขาขึ้นทำท่าเหมือนจะถีบเมื่อเห็นว่าน็อตกำลังกระโจนใส่มันเพื่อเข้าไปปลอบ

    “ไม่ใช่แล้วอะไรกูว่าใช่แน่ๆ” น็อตมองมาทางผมแล้วพูด มันทำหน้ายู่ แถมยังบ่นพึมพำประมาณว่าเทสต์ใจร้าย

    “กูขอ…. ไม่อธิบายได้มั้ยวะ” เทสต์หลบตาผม มันดูหัวเสียมาก

    แต่ขอโทษเหอะ ”ไม่ต้องมาทำหน้าสตองั้นเลยมึง”  ผมว่าผมดูออกในฐานะที่เป็นเพื่อนมันมาหลายปีนะ เหมือนผมกับเทสต์จะเถียงกันจนเกิดสงครามย่อยๆ แต่อยู่ๆน็อตก็โพล่งคำพูดออกมา ซึ่งผมคิดว่ามันน่านั่งคิดอยู่ตั่งแต่เมื่อกี๊แล้ว

    “มึงก็คบกับเขาแทนเลยป็นไงวะ”

    “เพื่อนกูเป็นผู้ชาย นี่มึงคิดว่ากูคบเพื่อนผู้หญิงหรือไงวะ” เทสต์บอก

    “เออเนอะ แต่ก็ไม่เป็นไรนี่ ไหนๆก็ทำให้เพื่อนมึงรู้สึกเหมือนกับมึงไง” น็อตมันพูดจาแปลกๆอีกแล้วครับ ณ ตอนนี้กลายเป็นผมนั่งมันสองคนคุยกันไปอย่างปริยาย

    “รู้สึกอะไรเหมือนกันวะ”

    “ชอบไง ชอบเพื่อนละสิ๊ ไม่งั้นห่วงทำไมว้า” มันว่าแบบล้อๆแถมเสียงหัวเราะในคอตอนท้ายประโยค ทำเทสต์ไปไม่ถูกแล้วครับ

    “แต่กูไม่ได้เป็น….” เสียงหายไปตอนที่ใกล้จะจบประโยค ซึ่งเหมือนมันจะพูดว่าไม่ใช่เกย์แต่คงจะนึกขึ้นได้ว่าชอบผู้ชายเข้าไปแล้ว อ่า งั้นแสดงว่าชอบจริงๆสินะ

    “มึงรู้สึกยังไงก็ทำแบบนั้นเหอะน่า” ผมตบบ่าเทสต์เป็นเชิงให้กำลังใจ

    มันทำหน้าตาเคร่งเครียดอยู่พัก ก็เงยหน้ามายิ้มบางๆให้ ผมเชื่อว่าเทสต์จะตัดสินใจเลือกทางที่มันคิดว่าดีที่สุด และที่สำคัญมันไม่เคยทำร้ายตัวเอง

    แต่เหมือนว่ามันจะลืมบางอย่างไปนะ

    ผมจับชายเสื้อยืดของเทสต์ไว้ในขณะที่มันกำลังจะลุกเดินออกไป ฉุดมันให้ลงมานั่งอยู่ข้าง ก่อนจะพูด

    “ลืมแล้วรึไง พวกกูมีคำถามต้องถามมึงนะ”

    “อ...เออว่ะ”

    ผมได้ยินเสียงหัวเราะอย่างจิตๆมาจากน็อตที่มันกำลังจ้องเทสต์อยู่ ผมสะกิดมันเป็นเชิงว่าให้มันเป็นคนถาม มันละสายตาจากเทสต์ออกมาแวบนึง ก่อนที่จะจ้องเทสต์ต่อและหัวเราะอย่างเดิม

    ตอนนี้ผมสองคนเหมือนโรงจิตเลยครับ ไม่สิ ผมว่าน็อตคนเดียวมากกว่าที่ดูโรคจิตน่ะนะ

     

     

    “ตกลงว่า…. ที่มึงหายเช้าหายเย็นเกี่ยวกับเพื่อนคนที่ว่านั่นปะ”





    ขอบคุณหูกระต่ายนะคะเตือนเราเรื่องคำผิดตลอด น่ารักมาก ; 3 ;
    เว็บอืดมากค่ะ  - __ - เปลี่ยนเพลงหน้าหลักแล้ว หมายความตามนั้นเลยเนอะ
    ความรักของพวกมันจะเป็นยังไงต่อไปนั้น ..... อยู่ที่ปลายนิ้วเราค่ะ orzzz /โดนฟาด 555555555555555

    ปล้ำโล่.ตอนนี้เหมือนรุมเทสต์ เค้าขอโทษนะ 3


    search- free theme . howto } rhythm
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×