คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 1:แรกพบเจอ
เห็นเธอ ก็ทักทาย
เสียงดังจ้อกแจ้กจอแจในโรงอาหารดูเป็นเรื่องปกติสำหรับวันแรกของการเปิดปีการศึกษาใหม่ของโรงเรียน ทุกคนพูดคุยกันในเรื่องต่างๆ ที่ไปพบเจอะเจอมาตอนปิดเทอม เล่าให้เพื่อนฟังถึงอะไรหลายๆอย่าง พวกผู้ชายก็อาจจะคุยกันเรื่องกีฬาเรื่องเกมส์ ส่วนผู้หญิงน่ะหรอ .. คงไม่พ้นเรื่องนินทา ทั้งๆที่เปิดเรียนวันแรกแท้ๆ
คิดแล้วก็หน่ายใจ ทำไมผมต้องมานั่งกร่อยคนเดียวในโรงอาหารที่โคตรคึกครื้นแบบนี้วะ ผมควรจรลีหนีไปจากที่นี่หรือหาเพื่อนคุยดี ที่พอรู้จักก็คงจะมี แต่ให้คุยก็ไม่มีเรื่องให้คุยหรอก ไอ้ที่สนิทก็มีอยู่คนเดียว ป่านนี้ก็คงลั้ลลาเป็นหมากระเป๋าอยู่บนห้อง ทางที่ดีผมควรกินข้าวให้หมดเร็วๆ แล้วขึ้นห้องบ้างดีกว่านะ น่าเบื่อจริงๆบรรยากาศแบบนี้
“เอ่อ… เรานั่งด้วยได้ปะ..” แต่ระหว่างที่ผมกำลังจะกินมาราธอน ..เอ่อ รีบกินน่ะแหละ ก็มีเสียงดังมาจากฝั่งตรงข้ามซะก่อน ผมเงยหน้าจากจานไปมองหน้ามันและเหลือบมองดูรอบๆตัว …โต๊ะว่างก็มี ทำไมต้องมาโต๊ะนี้ “ไม่อยากนั่งคนเดียว นั่งด้วย ขอบใจ” เหมือนมันจะเข้าใจที่ผมจะสื่อเลยตอบกลับมาและทำการหน้าด้านนั่งลงฝั่งตรงข้ามทันที จะไล่ก็คงไม่ได้เดี๋ยวหาว่าหยิ่งอีก แล้วอีกอย่างถ้าโดนสวนมาว่า ‘เก้าอี้โรงอาหารใครจะนั่งตรงไหนก็ได้’ คงมีเรื่องกันตาย
เรากินข้าวกันอย่างเงียบๆ ท่ามกลางโรงอาหารที่เสียงดังไม่ต่างจากตอนแรกเท่าไหร่ ผมเป็นคนพูดมากนะเวลาอยู่กับเทสต์ แต่เวลาอยู่กับคนอื่นก็ไม่รู้จะต้องทำตัวยังไง เลยเงียบผิดปกติ หลายคนมองว่าผมหยิ่ง เข้ากับคนยาก ซึ่งก็เถียงได้ไม่เต็มปากสักที มันไม่เชิงหยิ่ง ผมแค่เข้ากับคนไม่เก่ง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้หรอกครับ แต่ล่ะคนย่อมมีความคิดที่แตกต่างกันไปอยู่แล้ว
“จะไม่ชวนคุยกันหน่อยหรอ” หมอนั่นพูดขึ้นมา ทำหน้ากวนตีนซะด้วย …
“ก็ไม่เห็นมีเรื่องให้คุย ” ผมตอบไปเสียงเรียบพร้อมกับกินข้าวต่อ ไม่สนใจมันอีก แต่คำพูดต่อมาของมันก็แทงใจดำเต็มๆ อารมณ์ที่เบื่อๆก็เริ่มจะเปลี่ยนป็นหงุดหงิด
“หรอ หน้ามึง เอ่อ.. ดูเหวี่ยงๆนะ เอ่อ..คือหมายถึง….”
“หน้าปกติกูก็เป็นงี้ ไม่พอใจก็ไปนั่งกับคนอื่น”ผมมองค้อนมันและเหวี่ยงใส่มัน ทั้งๆที่มันยังพูดไม่จบประโยคน่ะแหละ เผลอขึ้นกู-มึงใส่ไปด้วย ก็เหมือนปมด้อย.. ไม่ชอบให้ใครมาพูด
“เฮ้ยๆ ทำไมต้องเหวี่ยงขนาดนี้วะ แค่พูดเฉยๆ กูก็แค่…….คิดว่ามึงไม่พอใจที่กูมานั่งด้วยนี่หว่า” มันบ่นอุบอิบแต่ก็เหมือนว่าผมไปจุดไฟอะไรให้มันก็ไม่ปาน .. เพราะจากที่ดูอะเลิร์ทแล้วนั้นมันก็ยิ่งระริกระรี้ชวนคุยต่อทันที “มึงชื่ออะไร”
“เตอร์” ตอบไปแบบคนไม่คิดอะไร แต่นี่มัน ม.หกแล้วไม่ใช่หรอ แม้จะเข้าถึงคนยากขนาดไหน แต่ผมก็รู้จักชื่อเพื่อนทั้งระดับนะ แล้วอย่างมันซึ่งเป็นคนเข้าถึงง่ายขึ้นแอดวานซ์ ผมว่ามันน่าจะรู้ชื่อคนทั้งโรงเรียนเลยก็ได้นะ หรือมันรู้จักทุกคน แต่ยกเว้นผมหรอวะ(?)
“กูชื่อน็อต” มันบอกชื่อทั้งๆที่ยังไม่ได้ถาม จะว่าไปหน้ามันก็ไม่ค่อยคุ้นอะนะ แต่งช่างมันเถอะ เพราะตอนนี้ ผมกินข้าวหมดแล้ว สะพายกระเป๋าขึ้นหลัง มือหนึ่งถือจาน อีกมือดันตัวเองขึ้นจากโต๊ะ เตรียมจะก้าวขาออก … แล้วก็ค้างไว้ที่เตรียม เพราะมันเอาอีกแล้วครับ…
“หยุดก่อนๆ กูกำลังจะกินหมด รอด้วยดิ” พอพูดเสร็จ น็อตมันก็รีบกินข้าว กินน้ำเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นมาภายในสองสามวิ ทีแรกก็กะจะไม่สนใจหรอกนะ แต่ก็ไม่ได้อยากเป็นคนใจดำขนาดนั้น มันอุตส่าห์รีบยัดลงไปขนาดนั้น
“มึงไม่มีเพื่อนหรือไงห๊ะ” พอเดินออกมาจากโรงอาหาร ผมก็ถามสิ่งที่ค้างอยู่ในใจตั้งแต่มันลงมานั่งด้วยทันที ทั้งๆที่มันก็ดูเป็นคนมนุษย์สัมพันธ์ดี แต่ทำไมต้องมาวุ่นวายกับผมก็ไม่รู้
“มึงจะเดินไปไหน” คำถามที่ไม่เกี่ยวกับประโยคข้างต้นถูกตอบมาจากปากมัน มึงได้ยินกูพูดรึเปล่าวะน่ะ?
“ห้องกูดิ มึงก็ไปหาเพื่อนมึงได้ละ ตามอยู่ได้” รำคาญน่ะรำคาญเข้าใจมั้ย
“ไปไม่ถูก…” เสียงอุบอิบเหมือนบ่นคนเดียวแต่ผมกลับได้ยินอย่างชัดเจนเพราะเดินอยู่ข้างๆกัน
“หือ” ผมวางเครื่องหมายคำถามไว้บนหน้าตัวเอง ก่อนหันกลับไปมองหน้ามันอย่างงงๆ
“เพิ่งย้ายมา”
“ย้ายตอนม.หกเนี่ยนะ” เส้นใหญ่ดีนี่…
“อือ ก่อเรื่องไว้” และน็อตมันก็เหมือนจะเข้าใจที่ผมจะสื่อ เพราะพอผมพยักหน้าด้วยสีหน้าแปลกๆ(สีหน้าแห่งความเสือกน่ะครับ) มันก็เล่าต่อทันที “กูหมั่นไส้ลูกผอ.ไง ชอบทำใหญ่ หาเรื่องพวกกู คิดว่ากูไม่กล้าไง”
“แค่ต่อยกันถึงกับโดนไล่ออกเลยหรอวะ” หรือว่าเพราะเป็นลูกผอ. แต่ก็ไม่น่าจะเกี่ยวนะ ยังไงก็ผิดทั้งคู่ไม่ใช่หรอ
“ใครบอกมึงว่าแค่ต่อย พวกกูไม่ได้ต่อยกัน” ได้ยินดังนั้นเลยหันไปมองหน้ามันประมาณว่า แล้วมึงทำอะไร “เผาโรงเรียน”
อะ..อะ..ไอเหี้ย… วัยรุ่นเดี๋ยวนี้มันอารมณ์โหดร้ายกันขนาดนี้เลยหรอแล้วไอการตอบหน้าตาเฉยๆนั่นคืออะไร หรือข่าวเมื่อเดือนที่แล้ว คือมันงั้นหรอ กู.. ควรหนีมันมั้ย ทำได้แต่คิดแต่ขาก็ไม่ยอมขยับทำได้แค่มองหน้ามันอย่างอึ้งๆเท่านั้น พอมันเห็นเท่านั้นแหละ….
ขำก๊าก... ชัดเลย หลอกกู
“มึงเชื่อด้วยอะ ฮะๆ หลอกง่ายว่ะ เวอร์ขนาดนี้ยังจะเชื่ออีกหรอวะ โอ๊ย ฮ่าๆ” เกือบตกบันไดแหนะเมื่อกี๊ คิดได้แล้วก็ตบหัวมันไปสักที โทษฐานกวนตีน
คุยกันมาสักพัก ผมก็หยุดยืนอยู่ที่หน้าห้อง แล้วหันไปบอกมัน “ห้องมึงอะ ลงไปชั้นนึง ห้องริมขวาอะ มองๆเลขห้องข้างบนเอาละกัน กูไปละ”
จากที่คุยกันมาทำให้รู้ว่ามันย้ายบ้านเลยต้องย้ายโรงเรียน เมื่อเช้าพ่อมันมาส่ง แต่เย็นนี้ต้องกลับเอง มันอยู่ห้องหก บลาบลาบลา นี่ผมรู้เรื่องมันยิ่งกว่ารู้เรื่องตัวเองอีกมั้ง แค่จากหน้าโรงอาหารมาขึ้นตึกเรียนชั้นสี่เองนะ..
“เดี๋ยวดิ เบอร์ๆ ไลน์ก็ได้ วอทแอพ คาคาโอะ เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ เล่นไรมั่งขอหน่อย” มันร่ายยาวถึงโปรแกรมแชทสารพัด แต่ด้วยความขี้เกียจตอบ เลยควักไอโฟนในกระเป๋ากางเกงให้มันดูแทน น็อตมันก็จิ๊ปากนิดหน่อย แล้วก็เปิดไปจิ้มอยู่สี่ห้าที ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาทำหน้าเอือมๆใส่
“ใช้ไอโฟนทั้งที มึงคิดจะเล่นแต่เกมหรอ” คนปฏิสัมพันธ์ไม่ค่อยมีแบบกูจะให้ไปคุยอะไรกับใครเยอะแยะล่ะ
“เอาเบอร์มึงมา” ผมบอกมันหน้าตาย และทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดมัน ที่จริงก็ไม่ได้ให้เบอร์ใครง่ายๆ เบอร์คอนแทคในโทรศัพท์ก็มีไม่ถึง 20 เบอร์เลยมั้ง ส่วนที่มันเคยไล่รายชื่อมาก็เล่นแค่ไลน์ ไอเทสต์บังคับให้เล่นหรอกถึงโหลดมา
พอมันบอกผมเสร็จก็กดโทรออก รอหน้าจอเปลี่ยนสักพัก แล้วก็กดวางก่อนจะเข้าห้องมาหาไอ้เพื่อนตัวแสบที่ไม่มาสนใจใยดีเพื่อนสุดที่รักแบบผม ปล่อยน็อตไว้หน้าห้อง และพอหันกลับมาอีกที ก็พบว่ามันไม่อยู่แล้ว คงตามหาห้องตัวเองน่ะแหละ
ผมไม่ได้ข้องใจอะไรในตัวมัน เพราะมันเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่คนที่เข้ามาทักผม ผมมีเพื่อนไม่เยอะ และที่สนิทที่สุดก็คงจะมีแค่คนเดียว ไหนๆก็หลวมตัวคุยกับมันไปแล้วมีเพื่อนสนิทเพิ่มอีกคนก็ดีขึ้นมาหน่อยล่ะมั้ง
................................................................................................................
-เป็ดโปร-
พบกันแล้ว... ฝากติดตามตอนต่อๆไปด้วยค่ะ v________v
ภาษาเน่าเกินรับได้นี่ขอโทษเลย 555555555555 เรื่องนี้ยอมรับจริงๆ
ยินดีต้อนรับกลับสู่หน้านิยาย -w- เราไปเปลี่ยนนามปากกามาด้วย 55555555555
ความคิดเห็น