ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( SF OS ; BTS ) ✩ Zillion HOPE ( all x j-hope )

    ลำดับตอนที่ #8 : (os) Doll maker’s Secret | suga x j-hope (ฟิคแก้บน)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.7K
      23
      10 มิ.ย. 58

    Doll maker’s  Secret

    Suga x j-hope

     

     

     

     

    ข้างในนั้นมีความลับของช่างทำตุ๊กตาอยู่...

     

    Doll maker’s  Secret

     

    ตึง! ตึง!

    เสียงลงฝีเท้าหนักๆภายในจวนที่พักของอัครเสนาบีฝ่ายซ้ายไม่ได้สร้างความแตกตื่นให้กับผู้อาศัยและเหล่าข้าราชบริพานเลยแม้แต่น้อย  เพราะต่างรู้ดีว่าฝีเท้าแบบนี้มีอยู่คนเดียวเท่านั้นแหละ...

    คุณชายน้อยของบ้าน....โฮซอก....

    บานประตูกระดาษเนื้อดีถูกดันเปิดออกอย่างรวดเร็วก่อนจะปิดมันลงอย่างรุนแรงไม่แพ้กัน  ผู้มาใหม่กระแทกกายลงบนเบาะรองนั่งอย่างแรงโดยไม่สนใจสักนิดว่าก้นน้อยๆของตนจะต้องระบมไปอีกกี่วัน

    “เจ้าหงุดหงิดอะไรมาอีกล่ะโฮซอก”เสียงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเป็นใยดังขึ้นรอดริมฝีปากได้รูปของชายหนุ่มเจ้าของบ่ากว้างที่นั่งอ่านตำราเงียบๆอยู่นานสองนานจนมีเจ้าตัวป่วนเข้ามารบกวนนี่แหละ

    “จะอะไรล่ะขอรับ...ก็นายช่างมินนั่นแหละ!”ได้ทีคนอายุน้อยกว่าก็รีบเอ่ยฟ้องผู้เป็นพี่ชายทันที  คนตัวบางกว่าถลันกายจากเบาะรองนั่งสีหวานในห้องของพี่ชายมาหย่อนกายลงข้างๆร่างสูง  ดวงตาคู่สวยก็เหลือบมองตำราเล่มหนาในมือของพี่ชาย พอเห็นว่าวิชาการปกครองมันช่างน่าเบื่อเสียเหลือเกินเด็กหนุ่มเลยเบนความสนใจไปที่ขนมสอดไส้จานเล็กบนโต๊ะเขียนหนังสือแทน

    “ทะเลาะอะไรกันมาอีกล่ะ”เอ่ยถามเสียงอ่อนโยน  ผู้เป็นพี่ชายละมือออกจากตำราเล่มหนาแล้วเอื้อมมือไปลูบเรือนผมสีรัตติกาลของน้องชายแผ่วเบาด้วยความเอ็นดู  เห็นคนตัวเล็กกว่าหน้ามุ่ยแล้วก็เคี้ยวขนมสอดไส้ตุ้ยๆจนกลั้วว่าแก้มกลมๆนั่นจะแตกออกมาเสียก่อนก็ยิ่งเอ็นดูจนอดไม่ได้ที่จะต้องเอื้อมมือไปหยิกให้หายมันเขี้ยว

    “ทะเลาะกันที่ไหนขอรับท่านพี่ซอกจิน...ก็มีแต่สหายของท่านพี่นั่นล่ะที่ดุข้าปาวๆ”ว่าแล้วก็งับขนมสอดไส้ของพี่ชายเข้าปากเสียอีกคำโตด้วยความหงุดหงิดใจ  ยิ่งนึกถึงหน้าขาวๆที่ชอบตีหน้ายักษ์ตะหวาดเสียงดังจนหลังคาจวนแทบปลิวแล้วมันก็ยิ่งหงุดหงิด

    “ก็แล้วเจ้าไปซนอะไรอีกล่ะหืมโฮซอก...”เห็นคนเป็นพี่ดุจะเข้าข้างสหายคนสนิทเสียเหลือเกินคนเป็นน้องก็ได้แต่เบ้หน้า  ขมุบขมิบปากบ่นเบาๆก่อนจะจัดการยัดขนมสอดไส้ชิ้นสุดท้ายเข้าปากแล้วล้มตัวลงนอนบนพื้นเสื่ออย่างไร้ความสำรวมทันที

    “อย่านอนกินสิโฮซอก...ลุกขึ้นมานั่งกินดีๆ”เอ่ยดุน้องชายไม่จริงจังนักมือใหญ่เอื้อมไปคว้าข้อมือบางภายใต้ชุดทูรูมากีสีเขียวอ่อนฉุดให้คนเป็นน้องลุกขึ้นมานั่งดีๆ

    “ไหนตอบพี่ซิว่าเจ้าไปก่อกวนอะไรนายช่างมินเขามา”ได้ยินแบบนั้นคนเป็นน้องก็เบ้ปากด้วยความขัดใจก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และยอมเปิดปากเล่าออกมาในที่สุด

    “ก็วันนี้ท่านพี่ให้ข้าไปเอาของที่สั่งไว้ใช่ไหมขอรับ....แต่พอข้าไปแล้วหน้าเรือนก็ไม่มีคนอยู่  พอข้าป้องปากเรียกแล้วก็ไม่มีเสียงขานรับข้าเลยเดินเข้าไปเลย....”ซอกจินพยักหน้าเข้าใจก่อนจะนั่งเงียบๆรอคอยฟังเรื่องราวที่น้องชายกำลังจะเล่าต่อไปเงียบๆ

    “พอเข้าไปข้าก็ไม่รู้ว่าหลังไหนคือเรือนของนายช่างนี่...ข้าก็สุ่มๆเอาสักเรือน กำลังจะเปิดประตูนายช่างมินก็โผล่ออกมาจากอีกเรือนเสียก่อน  ทีนี้เขาก็ดุข้าเสียยกใหญ่แถมไล่ข้าออกจากบ้านด้วยนะ! ท่านพี่ดูสิข้าผิดอะไรอ่ะ ข้าแค่ไม่รู้นี่!”เล่าจบแล้วสองมือเรียวของคนเป็นน้องชายก็คว้าแขนพี่ชายก่อนจะออกแรงเขย่าไปมาอย่างออดอ้อนเป็นการบอกให้รู้ว่าเรื่องนี้เขาไม่ผิดจริงๆนะ  เห็นใบหน้างอแงแสนน่ารักนั่นแล้วไอ้ที่ตั้งไว้ว่าจะให้ความยุติธรรมเป็นอันต้องโยนทิ้งไปเสียหมด เรื่องนี้น่ะน้องชายเขาผิดเต็มๆ...แต่ทำไงได้ล่ะ  จะให้เอ่ยดุโฮซอกน่ะหรือ...เอายาพิษมาให้เขากินเสียดีกว่า

    “ไม่เอาน่า...นั่นอาจจะเป็นเรือนสำคัญของนายช่างมินเขาก็ได้นะ”เอ่ยแก้ตัวให้เพื่อนแบบอ้อมๆก่อนจะจัดการโยกศีรษะน้อยๆนั่นไปมาด้วยความเอ็นดู  เห็นใบหน้างอแงของน้องชายผู้เป็นที่รักแล้วก็อดไม่ได้ที่ต้องยื่นมือไปหยิกแก้มนิ่มนั่นอีกครั้งด้วยความมันเขี้ยว

    “โอ๊ย! ท่านพี่นี่ก็เป็นอะไรกับแก้มข้ามากหรือขอรับ เอะอะก็หยิกก็ดึง...เนี่ยมันจะยานลงไปถึงพื้นแล้วนะขอรับ”เสียงบ่นเจือความหงุดหงิดของน้องชายเรียกให้คนเป็นพี่ต้องละมือออกด้วยความเสียดาย  ใจจริงน่ะอยากจะจับมาฟัดเสียมากกว่านี้ด้วยซ้ำ  แต่ดูเหมือนสภาวะอารมณ์ของน้องชายตอนนี้จะไม่ค่อยปกติเท่าใดนัก...

    ...เอาเป็นว่ารอให้อารมณ์ดีก่อนก็แล้วกัน...

    “ไม่รู้ล่ะ  ครั้งหน้าถ้าท่านพี่สั่งตุ๊กตาของนายช่างมินไว้ท่านก็ไปเอาเองเลยนะขอรับ...ข้าจะไม่เสนอหน้าไปที่เรือนนั่นอีกแล้ว  โดนไล่ออกมาขนาดนี้ขืนบากหน้าไปชาวบ้านเขาจะได้หาว่าลูกชายคนเล็กของท่านอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายไร้ยางอายอันพอดี!”ประกาศกร้าวเสียงดังฟังชัดแล้วเจ้าตัวก็คว้าเอาหมอนข้างกายพี่ชายไปกอดฟัดทันที

    คนตัวบางกว่าทิ้งกายลงนอนบนพื้นเสื่อ หลับตาปี๋แถมหันหลังให้กับผู้เป็นพี่ชายเสียอีก  เป็นการบอกกรายๆว่าหัวข้อสนทนาเรื่องนี้ได้จบลงแล้ว  และก็เหมือนคุณชายน้อยของบ้านไม่คิดจะรื้อฟื้นขึ้นมาอีกเป็นแน่แท้

    ซอกจินเห็นแบบนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างปลงๆ....เอาเถอะ  ไว้ว่างๆค่อยพาไอ้ตัวแสบนี่ไปขอโทษสหายรักก็แล้วกัน...

     

    Doll maker’s  Secret

     

     

    มิน ยุนกิ หรือที่ผู้คนรู้จักกันในนามของนายช่างมิน  ช่างทำตุ๊กตาที่เก่งกาจที่สุดในชิลลา เรื่องฝีมือที่เก่งกาจย่อมไม่มีข้อกังขา  ว่ากันว่าแม้แต่ของเล่นชิ้นโปรดขององค์รัชทายาทเมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ก็ได้ตุ๊กตาของเขานี่แหละที่ให้ความบันเทิง

    ตั้งแต่ที่ชิลลาเริ่มมีการติดต่อค้าขายกับต้าหมิงหรือแม้แต่พวกเมืองฝรั่ง  ตุ๊กตาก็ถือเป็นของที่นิยมอย่างแพร่หลายในกลุ่มขุนนางและชนชั้นสูง  ด้วยกรรมวิธีการผลิตและวัสดุที่ค่อนข้างมีราคา ทำให้ราคาที่นำออกมาขายนั้นเกินมือไพร่ฟ้าธรรมดาไปอยู่มากโข

    นอกจากให้ความบันเทิงแล้ว ตุ๊กตาเหล่านี้แหละที่เป็นเครื่องเชิดหน้าชูตาแสดงความร่ำรวยและแสงยานุภาพของชนชั้นสูง ยิ่งมีในครอบครองมากก็ยิ่งร่ำรวยมิใช่หรือ?

    ...ถึงผู้เป็นพี่ชายจะซื้อมาเสียหลายตัวแต่เอาเข้าจริงโฮซอกน่ะไม่เคยเห็นสักตัวหรอก...

     

    เพี๊ยะ!

    ฝ่ามือเรียวที่กำลังเอื้อมไปสัมผัสชายเสื้อคลุมตัวงามของเจ้าตุ๊กตาตรงหน้าถูกฝ่ามือขาวของคนอายุมากกว่าฟาดเพี๊ยะเสียงดังลั่นจนต้องรีบชักมือกลับแทบไม่ทัน

    โอ๊ย! ท่านมาตีข้าทำไมเนี่ยคนอายุน้อยที่สุดโวยวายเสียงดังก่อนจะรีบกระเถิบกายเข้าหาผู้เป็นพี่ชายหมายจะออดอ้อนให้นายช่างหน้ามึนผู้ทำร้ายร่างกายตนโดนต่อว่าเสียหน่อย

    ท่านพี่ขอรับดูสหายของท่านพี่สิขอรับ....ตีข้าเสียจนขึ้นรอยแดงแบบนี้เชียวริมฝีปากบางสีสดเอ่ยฟ้องฉอดๆพลางยื่นมือข้างที่โดนตีเมื่อครู่ส่งให้ผู้เป็นพี่ชายดูด้วยใบหน้างอแงออดอ้อนเสียเต็มที่  ร้อนถึงคนรักน้องอย่างซอกจินที่ได้แต่เอื้อมมือมากอบกุมเอามือนิ่มนั่นมาเป่าให้คลายความแสบร้อน  แต่กระนั้นก็ยังไม่มีเสียงดุด่าเพื่อนสนิทอย่างที่คนเป็นน้องหวังไว้แต่อย่างใด

    เจ้าก็อย่าซนให้มากนักสิน้องพี่เอ่ยดุน้องชายเบาๆด้วยความหวังดี  กลัวไอ้ท่านนายช่างตัวขาวมันอารมณ์เสียขึ้นมาสิ่งที่ฟาดลงมากลัวจะเป็นโต๊ะทำงานหาใช่มือขาวๆนั่นแต่อย่างใด

    ท่านพี่ซอกจินทำไมไม่ว่าสหายท่านบ้างล่ะ...นี่เขาตีข้านะขอรับคนเป็นน้องว่าพลางเบ้ปากอย่างเอาแต่ใจ  เรียกให้ความอดทนสุดท้ายของนายช่างตัวขาวที่ยอมนั่งเงียบๆมาสักพักหมดลงทันใด

    หึ มารยาอนุบาล...พี่เจ้าคงเชื่อหรอก ไหนๆจากมารยาร้อยเล่มเกวียนแล้วเจ้าก็ทำให้มันจริงจังหน่อย ทำแบบนี้มันน่าขันเสียยิ่งกว่าน่าสงสารรู้หรือไม่เจ้าเด็กกะโปโลว่าเรียบๆพร้อมรอยยิ้มเยาะก่อนนายช่างตัวขาวจะหันกลับไปสนใจการแกะสลักใบหน้าของตุ๊กตาไม้ในมือต่ออีกครั้ง

    ใครมารยากันเล่า! ก็มันเจ็บจริงๆนี่ มือท่านก็แรงอย่างกับม้าศึก ฟาดลงมาอย่างนี้ไม่คิดว่าจะทำให้มืองามๆของข้าพังไปรึอย่างไร!”ว่าแล้วคนอายุน้อยกว่าก็ผละออกจากร่างสูงของพี่ชายถลาตรงไปหานายช่างตัวขาวอีกครั้ง เสียงใสนั้นก็บ่นปาวๆโดยไม่สนใจเลยสักนิดว่าคิ้วของนายช่างคนเก่งมันจะกระตุกยิกๆมากเพียงใด

    ซอกจินเจ้าช่วยทำอะไรสักอย่างให้เจ้าม้าดีดกะโหลกนี่หยุดพูดสักทีนอกจากจะไม่สนใบหน้าสวยๆของคุณชายน้อยที่ถลันเข้ามาใกล้แล้ว นายช่างมินยังเลือกที่จะเอี้ยวตัวเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยบอกกับสหายสนิทผู้เป็นคุณชายใหญ่เสียอีก

    นี่ข้าพูดกับท่านอยู่นะนายช่างมิน!”อาการถูกเมินข้ามหัวแบบนี้สร้างความไม่พอใจให้กับคุณชายน้อยเป็นอย่างมาก นอกจากเสียงที่เพิ่มระดับความดังขึ้นแล้ว คนตัวบางยังพาร่างของตนมาขวางสายตาของมินยุนกิเพิ่มเสียอีก

    คนตัวขาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาด้วยความหงุดหงิดใจ  มองเห็นสหายรักผู้เป็นพี่ชายของเจ้าตัวป่วนกำลังพยายามดึงน้องรักของมันให้กลับไปนั่งดีๆแต่ไม่กล้าลงแรงแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

    ไม่แปลกใจที่โฮซอกจะมีนิสัยเอาแต่ใจไม่รู้จักโตแบบนี้  ก็มีพี่ชายแบบซอกจินที่เอาแต่โอ๋น้องนี่แหละ เอ็นดูมันไปเสียหมด ต่อให้โฮซอกมันเอากระบี่เสียบพุงต่อหน้าต่อตาซอกจินมันคงกระอักความน่ารักของน้องมันแทนกระอักเลือดแล้วล่ะ ให้ตายเถอะ!

    ท่านว่าใครเป็นม้าดีดกะโหลกกัน...ข้าน่ะ...อุบ!”ปากเล็กๆที่กำลังเจื้อยแจ้วของคุณชายน้อยเป็นอันต้องหยุดลงเมื่อนายช่างใหญ่คนเก่งของชิลลาคว้าเอาขนมสอดไส้ที่วางอยู่ข้างกายมายัดเข้าไปในปากนิ่มของอีกคนเป็นการอุดเสียงใสๆที่เจื้อยแจ้วไม่ยอมหยุดนั่น

    ที่น่าแปลกใจไม่ใช่การกระทำอุกอาดของนายช่างมิน  แต่มันเป็นเพราะคุณชายโฮซอกหยุดบ่นไปโดยปริยาย แถมยังเคี้ยวขนมในปากตุ้ยๆไม่ยอมหยุดอีกต่างหาก...

    ...เห็นแก่กินเหมือนพี่มันไม่มีผิด...

    นายช่างมินได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอาขณะที่บังเอิญเหลือบไปสบตากับซอกจินสหายรักพอดี

    เอ้า กินมันเข้าไปนั่นล่ะจะได้หยุดพูดสักที...เสียงปวดประสาทของเจ้าจะทำข้าเป็นบ้า....ว่าแล้วก็หยิบจานกระเบื้องสีสวยที่บรรจุขนมสอดไส้มากมายหลากหลายรสยัดใส่มือเรียวของอีกคน  ซึ่งสิ่งที่ได้รับกับมาก็คือการพยักหน้าหงึกหงักอย่างว่าง่ายของน้องชายเพื่อน

    ซอกจิน...เจ้ากับเจ้าม้าโง่ก็รอตรงนี้แล้วกัน ข้าจะเข้าไปทำงานต่อข้างใน  มีน้องเจ้ามาวุ่นวายแบบนี้อีกสามปีก็เห็นทีว่าตุ๊กตาข้าจะไม่เสร็จเสียทีว่าแล้วนายช่างมินก็หยัดกายลุกขึ้นจนเต็มความสูง  มือขาวกวาดเอาสิ่งของจำเป็นสำหรับการทำงานทั้งหมดเข้าไปในอ้อมแขน ก่อนจะหอบหิ้วเข้าห้องทำงานไป

    แต่ก่อนไปก็ยังไม่วายคว้าเอาขนมสอดไส้อีกชิ้นยัดใส่ปากช่างพูดของคนอายุน้อยกว่าด้วยอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเจ้าปากน้อยๆนั่นทำท่าจะเอ่ยเจื้อยแจ้วสร้างความรำคาญอีกครั้ง

    เจ้าก็กินให้มันดีๆ  รู้ว่าอร่อย...แต่กินแบบนี้เดี๋ยวก็ติดคอตายกลายเป็นผีเฝ้าเรือนข้าอีก รำคาญไม่ว่าเปล่ามือขาวของนายช่างมินก็เอื้อมออกมาเช็ดคราบแป้งที่เปรอะเปื้อนตามมุมปากและปรางแก้มขาวของคนตัวบางออกให้อย่างอ่อนโยนขัดกับคำพูดเสียลิบลับก่อนร่างของนายช่างคนเก่งจะหายลับเข้าไปในห้องทำงานด้วยใบหน้าที่ปราศจากรอยยิ้มเช่นเคย

    ....ก็แล้วใครใช้ให้ท่านยัดมันใส่ปากข้ากันเล่าพอเคี้ยวตุ้ยๆเสียจนหมดแล้ว  ปากเล็กๆของคุณชายน้อยก็บ่นอุบอิบ  ดวงตาคู่สวยก็ส่งค้อนขวับให้กับประตูกระดาษเก่าๆตรงหน้า  ตีหน้าเอาเรื่องแต่ทว่าปรางแก้มขาวทั้งสองข้างกับซับสีเรื่ออย่างน่ามอง  อากับกริยานั้นเรียกให้คนเป็นพี่ชายอย่างซอกจินได้แต่อมยิ้มกับนิสัยเด็กๆของคนทั้งคู่

    ...พอมาหาก็ไม่เห็นจะสนใจข้าสักนิด  ไม่อยากให้ข้ามางั้นสิปากเล็กๆก็บ่นหงุงหงิง  มือก็ยังทำหน้าที่ส่งขนมสอดไส้ในมือเข้าปากไปอีกชิ้นอย่างไม่ขาดตกปกพร่อง

    ยุนกิน่ะอยากให้เจ้ามาหรอก...อย่าน้อยใจสิน้องพี่ได้ยินเสียงเอ่ยปลอบที่ดูเหมือนพยายามจะช่วยเรียกคะแนนให้กับเพื่อนรักของพี่ชายแบบนั้นก็เรียกให้คนน้อยใจต้องเบ้ปากด้วยความขัดใจก่อนจะหันไปถามพี่ชายเสียงขุ่น

    อยากให้มาที่ไหนกัน....มากี่ทีๆไม่ดุข้า ก็ไล่ข้าออกจากเรือนบ้างล่ะ....สหายท่านพี่ช่างใจร้ายนักเห็นอาการแง่งอนที่แสนน่ารักนั่นของน้องชายแล้วซอกจินก็ไม่อาจทนความมันเขี้ยวได้อีกต่อไป  มือใหญ่เลยเอื้อมมาบีบแก้มนิ่มนั่นอย่างเอ็นดูเสียเต็มแรง ท่ามกลางเสียงร้องโวยวายของคุณชายน้อยโฮซอก

    มินยุนกิน่ะเกลียดของหวาน....แต่การที่เขามีขนมสอดไส้ของหวานของโปรดใครบางคนอยู่ติดบ้านเสมอเจ้าคิดว่ามันหมายความว่าอย่างไรเล่าเจ้าม้าดื้อ...มือใหญ่ของคนเป็นพี่บรรจงวางลงบนกลุ่มผมนิ่มของคนอายุน้อยกว่า  พลางออกแรงโยกไปมาด้วยความเอ็นดู

    ได้ยินแบบนั้นใบหน้าน่ารักของคุณชายน้อยก็ขึ้นสีเรื่ออย่างน่ามองแต่กระนั่นมันก็ยังบึ้งตึงเต็มไปด้วยความไม่พอใจอยู่ดี

    ห้ามท่านพี่เรียกว่าม้านะ...ว่าแล้วก็ถลึงตามองพี่ชายเสียจนกลัวว่าแก้วตาสีนิลสวยนั่นจะทะลึ่งพรวดหลุดออกมาจากเบ้าเสียอย่างนั้น

     

    ข้าให้นายช่างมินเรียกได้คนเดียวพอ....

    .

    .

    .

    .

    .

    บ่ายแก่ๆที่อากาศไม่ได้ร้อนมากนัก  ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี  เพราะเขาก็กลัวว่าใครบางคนแถวนี้จะงอแงเพราะความร้อนไปเสียก่อน...

    ซอกจินเหลือบมองร่างบางในชุดทูรูมากีสีเหลืองอ่อนแสนสดใสของน้องชายแล้วก็ได้แต่ส่งยิ้มเอ็นดูไปให้  เห็นน้องชายร่าเริงสดใสแบบนี้ได้ คนเป็นพี่ก็สบายใจ  ปีนี้โฮซอกอายุครบสิบเจ็ดปีแล้ว ความจริงก็น่าจะเข้าสู่วัยหนุ่มได้อย่างเต็มตัว  แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้ความน่าเอ็นดูที่เคยมีให้ตั้งแต่ครั้งเยาว์วัยไม่ได้ลดน้อยลงเลยสักนิด

    ตอนเด็กๆโฮซอกน่ารักน่าเอ็นดูเท่าไร...โตขึ้นก็ไม่ได้ลดน้อยลง  กลับยิ่งเพิ่มมากขึ้นเสียด้วยกระมัง

    การเกิดมาในครอบครัวของอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย...ซอกจินรู้ดี  ในฐานะพี่ชายคนโตของบ้านเขาจำเป็นต้องแบกภาระการเป็นทายาทที่เพียบพร้อมเอาไว้เต็มบ่า  แต่กับลูกนอกสมรสอย่างโฮซอกก็ลำบากไม่ต่างกัน...

    คนภายนอกรู้ว่าเขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายเท่านั้น  ส่วนโฮซอกนั้นถึงแม้จะได้รับการศึกษาที่ทัดเทียม  แต่แน่นอนว่าความรักก็ต่างกัน...

    ตอนเด็กๆน้องชายต่างมารดาของเขาคนนี้ต้องทนเดียวดายเพียงใดซอกจินเองก็ไม่อาจหยั่งถึง แต่เด็กน้อยคนนั้นไม่เคยยอมแพ้ให้ความยากลำบากในชีวิต โฮซอกยังคงมีแววตาและรอยยิ้มที่สดใสเสมอ

    ...นี่กระมังที่ทำให้ทุกคนตกหลุมรักเด็กคนนี้...

    แน่นอนว่าซอกจินเองก็เช่นกัน  ในคราแรกที่เขาให้ความรักความเอ็นดูกับโฮซอกเขายอมรับว่าให้เพราะคิดว่าน้องชายนั้นขาด...คิดว่าควรมีใครสักคนที่รักเด็กชายคนนี้บ้าง

    แต่กาลเวลาผ่านพ้นไปทำให้เขารู้ว่าความเอ็นดูที่ให้ไปนั้นไม่ใช่ความสงสวารอย่างที่ควรเป็น  แต่เพราะซอกจินตกหลุมรักในรอยยิ้มแสนสดใสนั่นต่างหาก

    ...รอยยิ้มที่ไม่ว่าอย่างไรเสียก็จะต้องปกป้องทะนุถนอมให้คงอยู่ตราบนานเท่านาน...

    ท่านพี่ซอกจิน!”เสียงเจื้อยแจ้วที่เอ่ยเรียกตนดึงความสนใจของชายหนุ่มไปได้จนหมด  ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มเหลือบมองตามมือเรียวที่โบกไหวๆของน้องชายพลางเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามว่ามีอะไรหรือ

    ดูสิมีแมวหลงเข้ามาด้วยล่ะว่าแล้วคนเป็นน้องชายก็แย้มรอยยิ้มกว้างเสียจนชวนให้ตาพร่ามัว  มือเรียวทั้งสองข้างก็อุ้มเอาเจ้าเหมียวสีส้มตัวอวบขึ้นมาไว้แนบอก  ก่อนจะกึ่งวิ่งกึ่งเดินตรงเข้ามาหาผู้เป็นพี่ชายที่นั่งอยู่บนชานหน้าเรือนของนายช่างคนเก่ง

    แน่ใจเหรอว่าไม่ใช่แมวของนายช่างมินน่ะซอกจินเอ่ยถามขึ้น  เพราะดวงตาคมเหลือบไปเห็นผ้าแพรสีเขียวอ่อนผืนเล็กที่ผูกติดอยู่ตรงคออวบๆของเจ้าหมียวตัวนั้น

    ...ดูเหมือนว่าจะมีเจ้าของมิใช่หรือ?...

    ท่านพี่ก็ว่าไปนั่น...คนหยาบกระด้างไร้ความละเอียดอ่อนแบบนั้นจะไปเลี้ยงเจ้าเหมียวจนอ้วนท้วนสมบูรณ์แบบนี้ได้อย่างไรกัน?

     

    นี่ข้าเป็นคนแบบนั้นในสายตาเจ้าหรืออย่างไรเจ้าม้าโง่

     

    ยังพูดได้ไม่ทันจบประโยคดี  บานประตูกระดาษก็ถูกเลื่อนเปิดออกพร้อมกับร่างของคนที่ถูกนินทาว่าหยาบกระด้างในระยะเผาคนจะโผล่ออกมาจากห้องทำงานในที่สุด

    มินยุนกิยืนพิงขอบประตูด้วยใบหน้าเรียบๆ  เหลือบสายตามองคนกล่าวหาตนแล้วก็ได้แต่ยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยพลางเลิกคิ้วถามว่าตกลงเขาหยาบกระด้างอย่างนั้นหรือ  ฝ่ายคนที่เผลอนินทาเจ้าตัวไปก็ได้แต่เบ้ปากลงเล็กน้อยด้วยความขัดใจ

    แรงดิ้นเล็กน้อยที่อ้อมแขนเรียกให้คนตัวบางต้องรู้สึกตัว  อ้อมกอดเล็กที่เคยโอบรัดเจ้าขนปุยในวงแขนอยู่คลายออกให้เจ้าเหมียกกระโจนลงไปได้  เจ้าขนปุยวิ่งดุ๊กดิ๊กตรงไปหาชายหนุ่มเจ้าของผิวขาวราวกับหิมะที่ยืนยกยิ้มมุมปากอยู่ที่ประตูเรือน  ก่อนมันจะเริ่มออดอ้อนออเซาะโดยการคลอเคลียไปทั่วที่ชายพาจีของนายช่างคนเก่ง

    เอ้านี่ตุ๊กตาของเจ้าซอกจิน...แล้วพวกเจ้าก็กลับไปได้แล้วเสียงพวกเจ้ามันน่ารำคาญ มันจะทำให้ข้าเป็นโรคประสาทเอานายช่างมินว่าเช่นนั้นก่อนจะยื่นกล่องไม้ที่ถูกห่อทับด้วยผ้าแพรเนื้อดีอีกหลายชั้นส่งให้กับสหายสนิทที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากตนเท่าใดนัก

    ข้าก็ว่าจะกลับอยู่พอดี  กลัวระหว่างทางอากาศร้อนขึ้นแล้วโฮซอกจะงออแงวุ่นวายเอาอดที่จะเอ่ยแซวน้องชายตนเองไม่ได้  ยิ่งเห็นแก้มขาวๆนั่นป่องกลมขึ้นมาเพราะเจ้าของมันอมลมไว้เสียเต็มแก้มแล้วก็ได้แต่ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ

    กลับกันเถอะโฮซอกคนเป็นพี่ชายเอ่ยก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นเต็มความสูง  ซอกจินโบกมือลาพลางเดินไปหาน้องชายที่ยังคงยืนหน้ามุ่ยอยู่ไม่ไกลนัก ดูจากสายตาคงจะหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยที่เจ้าเหมียวขนปุยไปออดอ้อนเจ้าของ  เห็นแบบนั้นซอกจินเลยเลือกที่จะเดินนำไปก่อน

    เอ้าเราก็เข้าบ้านกันเถอะเจ้าม้าโง่นายช่างคนเก่งเอ่ยออกมาเรียบๆก่อนจะเดินนำเข้าเรือนไปโดยมี เจ้าม้าโง่แมวสีส้มตัวเขื่องเดินต้วมเตี้ยมตามเข้าไปติดๆ ทิ้งไว้เพียงคุณชายน้อยที่ได้แต่อ้าปากหวอด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่งยวด

    ด....เดี๋ยวนะ?

    นี่ท่านเรียกข้าว่าเจ้าม้าโง่ตามเจ้าเหมียวอ้วนนั่นหรือ?!”เสียงใสของคุณชายน้อยแหวดังลั่นเรือนเสียจนเหล่านกกระจิบตัวจ้อยที่เกาะเกี่ยวกิ่งไม้ใหญ่เป็นที่พักพิงต่างพากันบินหนีจากไปด้วยความตกใจเสียหมด

    คนตัวบางถลึงตาจ้องมองประตูกระดาษบานเก่าด้วยความหงุดหงิดใจ....นี่มันอะไรกัน?  นอกจากจะมีของฝากให้แต่ซอกจินผู้เป็นพี่ชายแล้วยังจะมาเรียกเขาด้วยชื่อเดียวจับเจ้าแมวอ้วนนั่นอีกหรือ?

    ...นี่จะบอกเป็นนัยๆว่าเขามันก็อ้วนไม่ต่างจากเจ้าเหมียวนั่นใช่ไหม?

    เฮอะ! ไอ้นายช่างเตี้ยม่อต้อ ไอ้นายช่างหน้าเต่าเผือก!

    ให้ตายเถอะไม่น่ายอมให้เรียกว่าเจ้าม้าโง่เลย...งี่เง่า งี่เง่า!

     

    ครืด!

    แต่ก่อนที่คุณชายน้อยโฮซอกจะได้เดินปึงปังจากไปเสียงเลื่อนบานประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน  ร่างของนายช่างใหญ่ในชอโกรีและพาจีผ้าฝ้ายสวมสบายก็ปรากฏให้เห็นเสียก่อน

    นี่เจ้าม้าโง่!”ตะโกนเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่ติดจะข่มขู่เสียงดัง  โฮซอกชะงักฝีเท้าก่อนจะหมุนกายกลับมาจ้องมองคนเรียกด้วยอาการหน้ามุ่ยด้วยความไม่พอใจ

    อ่ะเอาไป! แล้วก็เลิกบ่นเรื่องข้าให้ของแต่พี่เจ้าได้แล้ว...นั่นน่ะจ่ายเงินให้ข้า  แต่เนี่ยข้าให้เจ้าฟรีห่อผ้าแพรสีเขียวอ่อนเช่นเดียวกับที่เคยเห็นประดับอยู่บนลำคออวบอั๋นของเจ้าเหมียวอ้วนถูกโยนมาให้เขาอย่างไม่ใส่ใจนัก  ร้อนถึงคนรับที่ต้องรีบคว้าเอาไว้เป็นพัลวัน

    อะไรอ่ะเอ่ยปากถามออกมาด้วยความใคร่รู้  แต่ก็ไม่ได้คำตอบจากนายช่างคนเก่งอยู่ดี  มินยุนกิทำเพียงแค่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเป็นการบอกว่าหากอยากรู้ก็ต้องเปิดดูเอง  เห็นแบบนั้นโฮซอกก็ไม่รีรอที่จะคลายปมห่อผ้าแพรนั้นออกเลยสักนิด

    กลิ่นหอมหวานและไอร้อนของอะไรบางอย่างลอยขึ้นมากระทบจมูก  กล่องไม้สีดำสนิทที่ถูกตกแต่งด้วยลวดลายประณีตคือสิ่งแรกที่มองเห็น  มือเรียวยกขึ้นเปิดฝากล่องออกช้าๆเป็นเวลาเดียวกับเจ้าเหมียวอ้วนที่กระโจนเข้ามาคลอเคลียที่ข้อเท้าบางของคุณชายน้อย

    ขนมสอดไส้ร้อนๆ...

    ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบกับใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มบางเบาจนแทบมองไม่เห็นของนายช่างคนเก่ง  ก่อนจะต้องก้มลงมองเจ้าเหมียวที่กำลังคลอเคลียตนอยู่เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงขบกันเบาๆที่ชายกางเกง

    เจ้าเหมียวหยุดเดินแล้วนั่งจุ้มปุ๊กเงยหน้าช้อนดวงตากลมแป๋วของมันขึ้นมองอย่างออดอ้อน คล้ายกับว่าเรียกร้องหาขนมสอดไส้หอมกรุ่นที่อยู่ในมือของเขาอย่างไรอย่างนั้น

    ...ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่ามันน่ารัก..

     

    แล้วก็ที่ข้าเรียกเจ้าว่า เจ้าม้าโง่ เจ้าไม่คิดว่าข้าเรียกแบบนั้นเพราะพวกเจ้ามันน่ารักเหมือนกันหรอกหรือ...หืมเจ้าม้าโง่

     

    ...บ้า

     

    Doll maker’s  Secret

     

    ...ในกล่องที่ซอกจินรับมาจากนายช่างมินมีอะไรอยู่?

    นั่นคือสิ่งที่โฮซอกอยากรู้ไม่แพ้ว่าในเรือนเล็กที่บ้านของนายช่างมินนั้นมีอะไรอยู่....

    และวันนี้คุณชายน้อยก็ตัดสินใจแล้วว่าต้องรู้ให้ได้ว่ามันมีอะไรกันแน่!

     

    ท่านพี่ซอกจินขอรับในกล่องนั่นมีอะไรหรือขอรับเสียงเจื้อยแจ้วของน้องชายสุดที่รักเอ่ยถามขึ้นเรียกให้คนที่กำลังทบทวนตำรายามเช้าต้องเงยหน้าขึ้นมาให้ความสนใจ

    กล่องไหนหรือน้องพี่ดวงตาคมเหลือบมองตามดวงตาคู่สวยของน้องชายที่เหลือบมองไปยังกล่องไม้ที่ห่อทับด้วยผ้าแพรที่รับมาจากนายช่างมินเมื่อหลายวันก่อน

    ซอกจินหรี่ตามองน้องชายอย่างรู้ทัน...ไอ้ความอยากรู้ตามประสาเด็กน่ะเป็นส่วนหนึ่งในความอยากรู้ครั้งนี้  แต่ส่วนใหญ่ดูเหมือนจะมาจากความรู้สึกอีกอย่างเสียส่วนใหญ่...

    ...รู้หรอก...แต่ไม่พูด  ให้เจ้าตัวพูดเองดีกว่า...

    อ่อ....เอาไว้แวะไปหานายช่างมินเจ้าก็ไปถามเองสิว่าพี่สั่งอะไรนอกจากไม่บอกแล้วใบหน้าหล่อเหลาของพี่ชายยังแสดงสีหน้าท้าทายในทีเสียอีก  คุณชายน้อยเบ้ปากเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคงไม่ได้คำตอบอันใดจากพี่ชายอย่างแน่นอน

    เอาเถอะ! อย่างไรเสียวันนี้เขาก็ต้องรู้ให้ได้!

    ทำไมเขาถึงได้สนอกสนใจเรื่องของในกล่องนั่นขนาดนี้น่ะหรือ?

    ก็พี่ชายเขาน่ะสิทำตัวมีพิรุจ  คุณชายใหญ่ของบ้านเทียวไปเทียวมาติดต่อกับนายช่างมินเป็นประจำตั้งแต่สี่ปีก่อน  แถมบ่อยครั้งที่จะมีของติดไม่ติดมือกลับมาไม่ขาด  ก็คือเหล่ากล่องไม้ที่ห่อทับด้วยผ้าแพรเนื้อดีเช่นนี้ทุกครั้งนั่นล่ะ

    และแน่นอนว่าโฮซอกไม่เคยรู้ว่าด้านในมีอะไร  ซอกจินไม่เคยเปิดให้เขาดู  และแน่นอนว่าไม่เคยเปิดโอกาสให้คุณชายน้อยแอบดูเลยด้วยซ้ำ  ชายหนุ่มเจ้าของบ่ากว้างเก็บมันเข้าห้องทำงานส่วนตัวทันที  ห้องส่วนตัวที่ไม่มีใครเหยียบย่างเข้าไปได้แม้แต่น้องชายอย่างเขาเอง

    ...อาการระวังตัวแจแบบนี้ไม่คิดว่ามันน่าสงสัยหรืออย่างไรกัน?

    อยากรู้นักว่านายช่างมินมีอะไรให้พี่ชายเขาหนักหนา...ทีกับเขานี่ให้แบบนับครั้งได้  แถมให้แต่ละทีก็ดันเป็นขนมสอดไส้ไปซะฉิบ...

    โธ่เอ๊ย....มันเทียบกับมูลค่าของในกล่องนั่นได้มากน้อยเพียงใดกัน

    งี่เง่า!

    ถ้าอย่างนั้นวันนี้เราไปหานายช่างมินกันอีกสักทีดีหรือไม่โฮซอก?เห็นใบหน้าน่ารักของน้องชายกำลังมู่ทู่ลงเพราะความหงุดหงิดใจ  คนเป็นพี่เลยต้องรีบหยิบยกเรื่องที่จะพาให้คุณชายน้อยของบ้านอารมณ์ดีขึ้นมาใช้

    ...ก็ดูเหมือนจะมีอารมณ์ดีอย่างเดียว คือการได้ออกจากบ้านไปหานายช่างมินนั่นแหละ...

    ตั้งแต่เด็กแล้วที่โฮซอกไม่ค่อยมีเพื่อนเล่นมากนัก  เพราะชาติกำเนิดที่ไม่อาจเชิดหน้าชูตาได้ของน้องชายต่างมารดาคนนี้ ทำให้ท่านพ่อเลือกที่จะเลี้ยงโฮซอกไว้ภายในบ้าน  ให้การศึกษาภายในบ้าน  ไม่ออกไปพบชาวบ้านดั่งเช่นที่เขาได้รัก  เพื่อนเล่นของโฮซอกจึงมีแค่คนในบ้านเท่านั้น

    ด้วยความสงสารน้องจึงได้ขออนุญาตท่านพ่อพาน้องชายไปเปิดหูเปิดตา  แต่ก็ได้แค่บ้านของคนสนิทเท่านั้นแหละ  เพื่อไม่ให้ความลับเรื่องลูกนอกสมรสแพร่งพรายออกไปให้เป็นที่เสื่อมเสียกับตระกูลซอกจินเลยเลือกที่จะพาน้องชายไปพบกับสหายคนสนิทตั้งแต่เยาว์วัยอย่างมินยุนกิ

    ดังนั้นจะเรียกได้ว่าพวกเขาทั้งสาวคนสนิทกันมาตั้งแต่เด็กก็คงจะไม่ผิดนัก...

    นอกจากตัวเขาเองแล้วคนที่เป็นเพื่อนเล่นให้กับโฮซอกตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบันก็เห็นทีจะมีแต่มินยุนกินี่แหละ...

    ...ดังนั้นการที่น้องชายจะออกอาการกระดี๊กระด๊าเกินกว่าเหตุยามที่เอ่ยปากว่าจะพาไปบ้านในช่างมินนั้นก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกนัก  เพราะถือได้ว่าเป็นสถานนี่เดียวที่ได้เที่ยวเล่นนอกจากบ้านกระมัง...

    ...ถึงแม้ดูเหมือนช่วงหลังมานี้จะเป็นเหตุผลอื่นเสียมากกว่าก็ตามที...

    ...ซึ่งถ้าเป็น เหตุผล นั้นจริง  ต่อให้เป็นเพื่อนรักกันแทบตายอย่างมินยุนกิล่ะก็...ซอกจินก็ไม่ยอมยกน้องชายให้หรอกนะ!....หึ!...

    ไปสิขอรับ!”นั่นปะไรล่ะ...  ตอบรับแบบไม่ต้องคิดขนาดนี้ก็เรียกให้คนเป็นพี่ได้แต่ถอนหายใจยาวด้วยความหนักใจ  ความรู้สึกตอนนี้มันช่างหลากหลายอย่างบอกไม่ถูก  จะว่าดีใจรึก็ใช่จะบอกว่าหนักอกก็ไม่เชิง...

    ...สับสนเสียยิ่งกว่าอ่านตำราการปกครองเสียอีกนะเนี่ย...

    .

    .

    .

    .

    .

    นายช่างมินเสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกอย่างคุ้นเคยดึงให้สติที่กำลังจดจ่ออยู่กับการแกะสลักใบหน้าตุ๊กตาในมือกลับมาสนใจโลกอีกครั้ง

    พวกเจ้าเลิกมาก่อกวนสักหนึ่งสัปดาห์มันยากนักหรือใบหน้าทะมึนทึงเหมือนเต่าอดนอนของนายช่างยุนกิโผล่พ้นบานประตูกระดาษออกมาเพียงเล็กน้อย  ดูจากผมเผ้าที่ไม่เป็นทรงบอกได้เลยว่าเจ้าตัวคงจะทำงานหามรุ่งหามค่ำเป็นแน่แท้

    ขอโทษเจ้าด้วยยุนกิ...พอดีมีคนบ่นว่าคิดถึงเจ้าน่ะว่าแล้วคนเป็นพี่ชายก็พยักเพยิดไปทางคนตัวบางกว่าที่ยืนอยู่ข้างๆตน  แต่ประโยคเหนือความคาดหมายนั่นแหละที่เรียกให้ดวงตาทั้งสองคู่ตะหวัดมองใบหน้าหล่อเหลาของคุณชายใหญ่แทบไม่ทัน

    ท่านพี่!”คุณชายน้อยแหวเสียงดังลั่นแทบจะยกกล่องไม้ที่ห่อผ้าแพรสีหวานในมือนี่ทุ่มใส่หัวของพี่ชายคนดีนัก  ถ้าไม่ติดว่าเสียดายของที่อยู่ข้างในล่ะนะ

    คิดถึงข้า?ดวงตาที่เล็กอยู่แล้วของนายช่างคนเก่งหรี่เล็กลงยิ่งกว่าเก่าเสียอีก  ยิ่งเหลือบไปเห็นแก้มแดงๆของคุณชายน้อยแล้วก็ยิ่งจ้องหนักกว่าเก่า

    ..ก็ประหลาดใจ....

    ท่านพี่นะท่านพี่ ฮึ่ย!!! งั้นข้ากลับล่ะด้วยความเขินอายคุณชายน้อยเลยเลิกสนใจทุกสิ่งอย่างทำท่าจะวางของในมือทิ้งไว้ที่พื้นแล้วเผ่นหนีเสียอย่างนั้นถ้าไม่ติดว่ามือหนาของพี่ชายที่รั้งต้นแขนนั่นเอาไว้เสียก่อน

    เดี๋ยวสิน้องพี่...เจ้าอยู่ที่นี่ก่อนเถอะ  เดี๋ยวพี่ต้องแวะไปที่ร้านตำราเสียหน่อย  พี่นัดรับเอาไว้วันนี้น่ะไม่ทันให้คนเป็นน้องได้เอ่ยท้วงอะไรมากไปกว่านั้นคนเป็นพี่ก็รีบเอ่ยต่อทันที

    ยุนกิข้ารบกวนเจ้าสักครู่แล้วกัน...ฝากโฮซอกหน่อยข้าขอไปธุระในเมืองเสียหน่อยว่าแล้วมือหนาของคุณชายใหญ่ก็ออกแรงดันแผ่นหลังบางภายใต้ทูรูมากีสีม่วงอ่อนของน้องชายให้ขยับกายไปด้านหน้าก่อนจะรีบสาวเท้าเดินจากไปทันที

    เดี๋ยวสิท่านพี่! ท่านพี่ซอกจิน!”ตกโกนไล่หลังเสียจนคอแทบแตกแต่กูดูเหมือนจะไม่ได้ผลเอาเสียเลยเพราะคนเป็นพี่ชายนั้นเดินลิ่วๆหายลับจากแนวรั้วบ้านไปเสียแล้วน่ะสิ

    เฮ้อ~”เห็นอาการพูดเองเออเองของเพื่อนรักที่ฝากฝังเจ้าตัวยุ่งโดยไม่ถามความสมัครใจของตนแล้วนายช่างมินเลยได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงตก  ดวงตาเรียวเล็กของนายช่างคนเก่งก็ตะหวัดมองอีกคนที่ได้แต่มองตามหลังพี่ชายเสียตะละห้อยราวกับการอยู่กับเขามันช่างน่าแสลงใจเสียอย่างนั้นแหละ

    เจ้าก็เข้ามานั่งในนี้สิ...ยืนร้อนๆแบบนั้นเกิดเป็นลมล้มพับไปพี่ชายเจ้าได้แหกอกข้ากันพอดีเสียงแหบห้าวที่ดังขึ้นเรียกความสนใจจากโฮซอกได้เป็นอย่างดี  คนตัวบางกว่าจ้องมองใบหน้าเรียบตึงของอีกคนด้วยความชั่งใจ  ผ่านไปสักพักก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหน  นั่นสร้างความหงุดหงิดให้กับคนอายุมากกว่าอยู่ไม่น้อย  ยิ่งพอเขาขยับกายทีคนตัวบางก็ตั้งท่าจะเดินถอยห่างออกไปเสียอย่างนั้น

    ...จะกลัวอะไรกันนักหนาเชียวเจ้าม้าโง่...

    เขาก็หาใช่ยักษ์ใช่มาร....หรือว่าจะใช่ในสายตาคนตัวบางกัน?

    เอ้าเจ้านี่ท่าทางจะโง่จนกู่ไม่กลับแล้วนะ...ต้องรอให้ข้าอุ้มเข้ามาหรืออย่างไรกันเจ้าม้าโง่ไม่ว่าเปล่าร่างสมส่วนของนายช่างมินก็หยัดกายลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะก้าวฉับๆตรงไปยังคนที่ยังคงยืนนิ่งตากแดดอยู่ที่หน้าเรือน

    มือขาวของนายช่างมินคว้าเข้าที่ข้อมือบางของคุณชายน้อยก่อนจะออกแรงดึงให้ร่างบางของอีกคนถลาขึ้นมาบนเรือนได้สำเร็จ

    แต่จนแล้วจนรอดถึงจะขึ้นมานั่งสงบเสงี่ยมอยู่บนเรือนแล้วเจ้าม้าโง่ตัวน้อยก็ยังเอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา แถมดวงตาคู่สวยนั่นยังเอาแต่จับจ้องกล่องไม้ห่อผ้าแพรที่เจ้าตัวหอบหิ้วเอามาเสียอีก

    อะไรของเจ้าอีกล่ะ  อยู่ๆก็สงบเสงี่ยมขึ้นมาเสียอย่างนั้นบ่นไปมือก็เริ่มทำงานที่ตนทำค้างเอาไว้ทันที

    ดวงตาคู่สวยเหลือบขึ้นมามองแผ่นหลังของใครอีกคนที่กำลังกลับเข้าสู่ภวังค์ของงานอีกครั้งแล้วก็ได้แต่ขบริมฝีปากแน่น  ฝ่ามือเรียวทั้งสองข้างกำปมผ้าแพรในมือแน่นอย่างคนคิดไม่ตก  ริมฝีปากบางก็เผยออ้าอกคล้ายจะเปล่งคำพูดอะไรบางอย่างแต่แล้วก็ต้องหุบฉับลงมาอีกครั้ง  เป็นอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแม้แต่ตัวเองยังรู้สึกรำคาญ

    มีอะไรจะพูดก็พูดสิ  อ้าปากพะงาบๆแบบนั้นข้าจะรู้กับเจ้าไหม?  หรือว่าปากเจ้ามันอ้าไม่ได้  ต้องให้ข้าเอามีดนี่ไปแกะปากให้เจ้าหรือไม่เจ้าม้าโง่ราวกับรู้ว่าเป็นเรื่องยากหากจะปล่อยให้คนอายุน้อยกว่างมหาคำพูดที่อยากจะเอื้อนเอ่ยเสียจนเจอ  คนอายุมากว่าเลยเอ่ยถามออกไปในที่สุด

    อะไรกันเล่า!”ได้ยินเสียงใสๆของใครบางคนที่นั่งเงียบเป็นเป่าสากโวยวายขึ้นมาเบาๆก็เรียกให้มุมปากของนายช่างคนเก่งยกยิ้มเล็กน้อยอย่างสมใจ

    ...มันต้องมีเสียงน่ารำคาญแบบนี้แหละถึงจะเรียกว่าคุณชายน้อยโฮซอก...

    ข...ข้าก็แค่จะมาขอบคุณที่คราวที่แล้วท่านให้ขนมสอดไส้ข้า  ข้าเลยเอานี่มาให้!”เอ่ยตอบอ้อมแอ้มก็จะยื่นห่อผ้าแพรที่หิ้วมาออกไปให้อีกคน  เมื่อแผ่นหลังรู้สึกถึงแรงสะกิดอะไรบางอย่างคนที่กำลังง่วนกับการทำงานจึงได้เหลือบสายตากลับมามองเล็กน้อย

    อะไร?เอ่ยถามเสียงเรียบราวกับไม่ใส่ใจนักเรียกให้คนที่ทั้งเขินทั้งหงุดหงิดเป็นทุกเดิมอยู่แล้วอย่างโฮซอกยิ่งเขินและหงุดหงิดมากยิ่งขึ้นไปอีก  เสียงใสของคนอายุน้อยกว่าถึงได้ร้องแหวออกมาเสียจนสุดเสียง

    นี่ท่านจะหาคำตอบเองสักเรื่องได้มั๊ยเล่า! เอะอะก็ถามตลอดมันเสียบรรยากาศนะ! หน้าตารึก็ดีหัดเป็นผู้ชายโรแมนติกกับเขาบ้างได้มั๊ยห๊ะ! ชอบทำเสียงดุ ปากหมารึก็ที่หนึ่ง! เอาแต่เรียกข้าว่าเจ้าม้าโง่ๆๆๆๆๆอยู่นั่นแหละ เรียกข้าด้วยชื่อดีๆสักครั้งยังไม่มี! ข้ารึก็อุส่าเข้าครัวทำมื้อเที่ยงมาให้ท่านทานเพราะเห็นว่าชอบลืมทานข้าว! แล้วอาการหมางเมินของท่านแบบนี้คือสิ่งที่ข้าควรได้รับงั้นหรือ?! งี่เง่า!เอ่ยว่ายาวเหยียดเสียจนคนโดนด่ายังได้แต่ตีหน้างง  มินยุนกิกระพริบตาจ้องมองคนที่ปรอทแตกได้อย่างน่ากลัวตาปริบๆ ยิ่งเห็นอีกคนทำท่าจะปล่อยโฮออกมายิ่งสับสนเสียจนทำอะไรไม่ถูก

    ท่านมันงี่เง่า...ข้าจะไม่มาที่นี่อีกแล้วว่าแล้วก็หยัดกายลุกขึ้นเต็มความสูงก้าวออกจากเรือนไปอย่างรวดเร็วก่อนที่อีกคนจะได้ทันตั้งตัวเสียด้วยซ้ำ

    งี่เง่าๆๆๆๆๆ ข้าหลวมตัวไปมีใจให้ผู้ชายหยาบกระด้างแบบนั้นได้อย่างไรกัน ให้ตายเถอะ!”ด้วยความอารมณ์เสียคนตัวบางกว่าก็เดินปึงปังลงส้นเท้าไปทั่ว  ไม่ได้สังเกตเสียด้วยซ้ำว่าเดินไปทางใดของบ้านนายช่างมิน  รู้ตัวอีกทีก็มาโผล่อยู่ที่เรือนเล็กๆท่ามกลางต้นซากุระที่กำลังผลิบานเต็มที่ด้านหน้านี่แล้ว

    ประตูกระดาษเก่าๆที่ประดับไปด้วยลวดลายวิจิตรตระการตานั่นเรียกความทรงจำที่คล้ายว่าจะลืมเลือนไปแล้วของเด็กหนุ่มให้ตีวนขึ้นมาอีกครั้ง

    ...ห้องแห่งความลับที่น่าสงสัยของนายช่างมิน...

    เหอะ...ข้าต้องรู้ให้ได้ว่าท่านซุกซ่อนอะไรไว้  ถ้าเป็นของไม่ดีหรือผิดกฏหมายล่ะก็ข้าจะแจ้งราชสำนักให้หมดรอยยิ้มร้ายแสนซุกซนประดับขึ้นบนริมฝีปากบางก่อนคนตัวเล็กจะรีบวิ่งตรงไปยังประตูบานนั้นทันที

    มือเรียวเอื้อมออกไปเลื่อนที่บานประตูเล็กน้อย  มันค่อนข้างฝืดเคืองเพราะอายุการใช้งานที่ผ่านมานานพอสมควรแล้วแต่กระนั้นมันก็ไม่ได้ลงกลอนเอาไว้

    ได้ยินผู้เป็นพี่ชายเตือนมาหลายครั้งว่านี่เป็นห้องที่มีความลับในการสร้างสรรค์ตุ๊กตาของนายช่างมินอยู่...

    อยากรู้นักว่าเทคนิคอะไรกันที่ทำให้นายช่างคนนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นยอดฝีมือของชิลลา...

    อยากรู้นักว่าสิ่งใดที่ทำให้พี่ชายของเขาติดอกติดใจถึงขนาดต้องหอบหิ้วเอากลับบ้านแทบทุกครั้งที่แวะเวียนมา...

     

    ครืด!

    บานประตูกระดาษถูกดันเปิดออกอย่างแรงเสียจนเศษฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วจนต้องเบือนหน้าหนี  คนตัวบางหลับตาปี๋กลั้นหายใจเสียเต็มปอดก่อนจะยกมือเรียวขึ้นโบกไล่ฝุ่นผงเหล่านั้นให้ลอยหายไป

    แค่กๆ!”สำลักเศษผงที่บังเอิญลอยเข้าไปในโพรงปากเพียงเล็กน้อยก็ค่อยๆหายใจได้ดีขึ้น  เมื่อผ่านไปสักพักจนคิดว่าปลอดภัยจากฝุ่นผงนั่นแล้วคนตัวบางก็ค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า

    ความมืดภายในเรือนนั้นคือสิ่งแรกที่ปรากฏให้เห็น....

    กริ๊ง!

    เสียงกระพรวนที่แขวนไว้หน้าประตูร้องดังขึ้นพร้อมกับสายลมวูบใหญ่ที่พัดผ่านเข้ามาดังให้ประตูบานพับกระดาษที่อีกฝั่งพัดเปิดออกอย่างรวดเร็ว  ในคราแรกที่แสงสว่างจากปลายตรงข้ามของสายตาสาดส่องเข้ามาเรียกให้ดวงตาคู่สวยต้องหรี่ลงอีกครั้ง

    สายลมแรงค่อยๆคลายลงจนเหลือเพียงสายลมแผ่วๆที่พัดพาเอาซากุระกลีบสวยให้ลอยละลิ่วเข้ามาภายในเรือน  นั่นเป็นสัญญาณให้ดวงตาคู่สวยค่อยๆลืมเปิดขึ้นช้าๆ

    ตุ๊กตา....

    นั่นคือสิ่งแรกที่โฮซอกประมวลผลได้จากการมองเห็น...

    ชายผ้าแพรงดงามมากมายทอประกายระยิบระยับยามต้องกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องผ่านบานประตูทั้งสองข้าง  เสียงกระพรวนดังคลอผะแผ่วคล้ายเชิญชวนให้เขาเข้าไปเยี่ยมชมความงามของสิ่งที่ตั้งอยู่ภายใน

    นานเป็นเวลากว่าชั่วกัปชั่วกัลป์ในความคิดที่เขาถูกความงดงามของตุ๊กตาตรงหน้าเข้าครอบงำ

    ตุ๊กตาไม้แกะสลักตรงหน้าเขามีความสูงไล่เลี่ยกับตนเอง...เตี้ยกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  อีกทั้งเครื่องแต่งกายยังเป็นการแต่งกายของบุตรชายตระกูลขุนนางไม่ผิดเป็นแน่แท้  ไม่ว่าจะเป็นทูรูมากีสีเขียวอ่อนรวมไปถึงพัดสีเข้มในมือเรียวนั่นด้วย

    แต่นั่นยังไม่น่าประหลาดใจเท่ากับใบหน้า...

    ใช่....ใบหน้าของตุ๊กตาตนนั้นที่ส่งยิ้มมาคล้ายกับว่ากำลังมีชีวิตอยู่จริงอย่างไรอย่างนั้น...

    ใบหน้ารูปไข่เรียวรีได้รูปรับกับดวงตากลมสวยและสันจมูกโด่งรั้น  ริมฝีปากบางเป็นกระจับที่ถึงแม้จะไม่ได้ลงสีก็ยังคงเห็นความงดงามได้อย่างชัดเจน  ใบหน้างดงามด้วยเครื่องหน้าที่เพียบพร้อมหวนให้นึกถึงใครบางคน....

    นึกถึง....

    โฮซอก!”ก่อนที่มือเรียวจะได้เอื้อมออกไปสัมผัสเครื่องหน้างดงามนั่นอย่างเผลอไผลก็มีเสียงเรียกของใครบางคนดังขึ้นเสียก่อน  คนตัวบางสะดุ้งโหยงก่อนจะรีบหันกลับไปมองยังที่มาของเสียง

    ใบหน้าหงุดหงิดของนายช่างมินที่กำลังเหนื่อยหอบเสียจนตัวโยนเป็นสิ่งแรกที่ผ่านเข้ามาในครรลองสายตา

    ให้ตายเถอะ! ทำไมชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยกันเจ้าม้าโง่!”ว่าแล้วนายช่างมินก็รีบก้าวเดินฉับๆตรงเข้ามาหาคนที่ได้แต่ยืนงงอยู่กลางห้องทันที  ดวงตาเรียวรีไล่มองสำรวจสภาพคนตรงหน้าเล็กน้อย  เมื่อเห็นว่ามีเพียงแผลถลอกเล็กน้อยนายช่างคนเก่งก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

    เจ้าของบ้านละความสนใจจากผู้ที่ถือวิสาสะเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตเดินตรงไปยังประตูบานพับอีกฝั่งที่ถูกเปิดออกด้วยแรงลม  จัดการปิดมันลงกลอนเอาไว้ให้เรียบร้อย  ลองเขย่าสองสามทีเพื่อให้มั่นใจว่ามันจะปิดสนิทไว้แบบนี้ก่อนจะหันกลับมาสนใจคนตัวบางที่ยืนอยู่กลางเรือนสักที

    เจ้ารู้มั๊ยตอนเจ้าวิ่งออกจากเรือนมาข้ายังตั้งสติไม่ได้ด้วยซ้ำ! ข้าวิ่งหาเจ้าทั่วไปหมด...ข้าคิดว่าหากเกิดเจ้าทะเล่อทะล่าออกมาจากบ้านข้าจะทำอย่างไร! เกิดเจ้าโดนพวกอันธพาลแถวนี้มันข่มขู่เอาจะทำอย่างไร! เจ้านี่มันโง่เสียเหลือเกิน!บ่นยาวเสียอย่างกับแร็ปเปอร์มืออาชีพ ไม่ปล่อยให้อีกคนได้เถียงเลยสักนิด  มือขาวของนายช่างมินก็คว้าเอาต้นแขนบางของอีกคนเอาไว้  ออกแรงเขย่าๆๆอย่างไร้ปราณีเสียจนคนโดนเขย่าจนหัวโคลงเริ่มจะมึนงง

    นายช่างมิน....ข้ากำลังจะอ้าปากว่าข้ากำลังจะตายเพราะท่านเขย่าจนมึนก็โดนเสียงแหบห้าวนั่นเอ่ยขัดเอาไว้เสียก่อน

    พอ! หยุด! เจ้ายังไม่มีสิทธิ์พูด! ให้ข้าบ่นให้จบก่อนนานๆทีข้าได้พูด....แล้วเจ้ามาทำหน้าตางอแงน้ำตาคลอเอ่ยตัดพ้อข้าแบบนั้น...พอข้าใจสั่นแล้วเจ้าก็วิ่งหนีมาแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกันฮึเจ้าม้าโง่!”แก้มขาวของเจ้าม้าโง่ที่ว่าเริ่มเจือไปด้วยเลือดฝาดเมื่อได้ยินคำว่าใจสั่นของอีกฝ่าย  แต่สายตาดุดันของนายช่างคนเก่งก็บ่งบอกชัดเจนว่าเจ้าม้าโง่ยังไม่มีสิทธิ์ได้พูดแต่อย่างใดเลยจำต้องปิดปากแน่นไว้อย่างที่เห็น

    ข้าไม่ใช่คนอ่อนโยนเจ้าก็รู้อยู่  ทำอะไรหวานเลี่ยนๆน่ะไม่เป็นหรอก  แต่ข้าคิดเสมอนะว่าที่ทำให้เจ้าน่ะพิเศษกว่าใคร...คนอื่นเขาก็รู้ทั้งนั้น  แต่ดูเหมือนจะมีแต่เจ้านี่แหละที่ยังโง่ไม่รู้อะไรสักอย่าง! ต้องให้ข้าพูดว่าข้าชอบเจ้าหรืออย่างไรเจ้าม้าโง่ฮึ!”ดวงตาคู่สวยของคนอายุน้อยกว่าเบิกกว้างกับคำสารภาพสายฟ้าแล่บของคนตรงหน้า  สมองยังไม่ทันได้สั่งการอะไรเสียด้วยซ้ำใบหน้าของอีกคนก็เคลื่อนเข้ามาใกล้กันเสียแล้ว

    ริมฝีปากได้รูปของนายช่างมินค่อยๆแนบลงที่ริมฝีปากบางของใครอีกคนช้าๆอย่างอ่อนโยน  มันไม่ได้หวานเลี่ยนทว่ากลับอบอุ่นไปทั้งใจ  รสจูบบางเบาไร้การจาบจ้วงใดๆเพียงแค่นั้นก็เรียกให้แก้มนิ่มของคุณชายน้อยขึ้นสีเรื่ออย่างน่ามอง  รู้ตัวอีกทีร่างกายก็ไร้เรี่ยวแรงทรุดนั่งลงกับพื้นเสียแล้ว

    เจ้าม้าโง่เอ๊ยเอ่ยดุไม่จริงจังนักทันทีที่ผละจูบออกจากกัน  นายช่างมินทรุดกายนั่งลงตรงหน้าร่างอ่อนปวกเปียกราวกับก้อนแป้งย่างไฟของอีกฝ่ายก่อนมือขาวจะยกขึ้นสัมผัสรอยแผลเล็กๆที่ข้างแก้มให้อีกคนแผ่บเบา...ไม่ได้อ่อนโยนอย่างที่เจ้าตัวบอก  แต่ก็เต็มไปด้วยความทะนุถนอมอย่างที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้กับผู้ชายหยาบกระด้างที่คนตัวบางเคยสบประมาทเอาไว้

    ทีนี้ก็เลิกน้อยใจไร้สาระได้แล้ว...รู้จักกันมาเป็นสิบๆปีเจ้ายังไม่รู้อีกหรือว่าผู้ชายหยาบกระด้างอย่างข้าน่ะ...ที่ทำให้เจ้าก็อ่อนโยนยิ่งกว่าใครแล้ว...รอยยิ้มบางๆอย่างที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนของคนตรงหน้าเรียกให้สติสุดท้ายของคุณชายน้อยแทบลอยหลุดออกไปจากร่างเสียอย่างนั้น  โชคดีที่ดวงตาดันเหลือบไปเห็นตุ๊กตาอีกมากมายที่ยืนมองพวกเขาราวกับเป็นพยานรักอย่างไรอย่างนั้นเสียก่อน

    น...นายช่างมิน....เสียงหวานที่เอ่ยเรียกเขาตะกุกตะกักนั่นเรียกความเอ็นดูจากนายช่างคนเก่งได้อยู่มากโข  ด้วยนึกว่าคนตัวบางกำลังพยายามดึงสติที่หลุดลอยไปกับรสจูบแผ่บเบาของเขาอยู่

    ...แต่ดูเหมือนนายช่างคนเก่งจะพลาดไปเสียหน่อย...

    นายช่างมิน!”คราวนี้เสียงใสๆของคุณชายน้อยเต็มไปด้วยความขุ่นข้องหมองใจชัดเจน  แถมร่างบางยังหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเสียจนนายช่างคนเก่งเองนั่นแหละที่ปรับอารมณ์ตามไม่ทัน

    เหลือบสายตามองตามนัยน์ตาวาวโรจน์ของคนตรงหน้าแล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลายเอื้อกอย่างไม่ทราบสาเหตุ  ร้อนหนาวๆราวกับความตายได้คืบคลานเข้ามาเรื่อยๆจนได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆให้อีกคน....

    ...เหมือนจะลืมอะไรบางอย่างที่สำคัญมากๆไปแหะ....

    คอเสื้อของนายช่างมินถูกมือเรียวของคุณชายน้อยกระชากเข้าไปหาตัวอย่างรุนแรง  มือเรียวอีกข้างก็ยกขึ้นชี้ไร่เรียงไปยังตุ๊กตาในอิริยาบถต่างๆกว่าหลายสิบตัวที่ตั้งอยู่ภายในห้องนี้อย่างเอาเรื่อง

    ตุ๊กตาทุกตัวที่มีใบหน้าของข้านี่มันหมายความว่าอย่างไรขอรับ!!!”

    ...กูรู้ละว่าลืมอะไร....

     

     

    อ...เอ่อ...พอดีมันเป็นผลพลอยได้จากพี่เจ้าน่ะ....พอดีว่าเขาสั่งไว้...ข้าเลยทำเก็บไว้ดูเล่นเสียหน่อย...

     

     

    ดูเหมือนคำตอบนั่นจะไม่ดีพอ  เพราะตอนนี้เจ้าของใบหน้าต้นแบบตุ๊กตาตัวงามกำลังตีหน้ายักษ์ถลึงตาจ้องมองจนขนาดคนอย่างนายช่างมินที่ว่าเก่งหนักหนายังยำเกรง...แถมดูเหมือนยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนกับราดน้ำมันลงกองไฟอย่างไรอย่างนั้น...

    หน้าตาตอนเจ้าโมโหก็น่าเอ็นดูไม่หยอก...ข้าว่าพี่เจ้าอาจจะอยากได้เพิ่มอีกสักตัว...

     

     

     

    ถ้าอย่างนั้นก็ทำใบหน้าข้าตอนกำลังฉีกเนื้อท่านกับท่านพี่ให้เป็นชิ้นๆไปด้วยเลยก็แล้วกันนะขอรับ!!!!”

     

     

     

    ...เห็นทีว่ามินยุนกิช่างทำตุ๊กตามือหนึ่งแห่งชิลลาจะสิ้นชื่อก็ตอนนี้กระมัง...

     

     

    End.

     

    ฮัชชิ้ว!”เสียงจามที่ดังขึ้นของคุณชายใหญ่เรียกให้เจ้าของร้านตัดเสื้อต้องหันไปให้ความสนใจ

    ป่วยอยู่หรือขอรับคุณชายชายชราเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงขณะที่มือเหี่ยวย่นนั้นก็บรรจงเย็บกระดุมเม็ดสุดท้ายลงบนชุดให้อย่างสวยงาม

    เปล่าหรอก...อาจจะมีคนนิทาข้าอยู่กระมังซอกจินเอ่ยตอบออกไปด้วยรอยยิ้ม  พยายามบอกตัวเองว่าคงไม่มีอะไรกระมัง  แต่ไอ้อาการเสียวสันหลังวูบวาบนี่มันคืออะไรกันล่ะ

    เสร็จแล้วขอรับ...แล้ววันนี้คุณชายได้เอาเจ้าตัวเล็กมาหรือไม่ขอรับเสียงเอ่ยของชายชราเรียกให้ซอกจินพยักหน้ารับก่อนมือใหญ่จะคว้าเอากล่องไม้ห่อผ้าแพรเนื้อดีขึ้นมาตั้งบนโต๊ะอย่างทะนุถนอม  ชายหนุ่มบรรจงแกะกล่องไม้ออกช้าๆก่อนจะค่อยๆหยิบสิ่งของที่อยู่ภายในขึ้นมา

    อ่า...งดงามสมคำล่ำลือฝีมือนายช่างมินจริงๆขอรับ....อยากรู้เสียจริงว่าต้นแบบของตุ๊กตาตัวนี้จะงดงามเพียงใด....เอ่ยชมยังไม่ทันได้จบประโยคดีชายชราก็จำต้องหยุดชะงักลงเท่านั้นเพราะประกายตากร้าวเอาเรื่องของคุณชายใหญ่ที่ถลึงมองเตรียมตัวลงไม้ลงมือแน่ๆหากเขายังอยากเห็นใบหน้างดงามของผู้เป็นต้นแบบตุ๊กตาอยู่แบบนี้

    เมื่อเห็นว่าชายชรายอมสงบปากสงบคำไม่เอ่ยชื่นชม น้องชาย ที่น่ารักของตนอีก  คุณชายหนุ่มจึงเริ่มลงมือเปลี่ยนเครื่องแต่งกายที่สั่งตัดมาเป็นพิเศษให้กับตุ๊กตาในมืออย่างชำนิชำนาญก่อนจะเก็บเจ้าตัวน้อยลงในกล่องอีกครั้งอย่างทะนุถนอม

    ...อ่า  โฮซอกนี่น่ารักน่าฟัดเสียจริง...

    เป็นตุ๊กตาก็ว่าน่าทะนุถนอมมากแล้ว  ยิ่งตัวจริงมีเนื้อหนังนิ่มๆนี่ยิ่งหนักกว่าเสียอีก...

    คุณชายหนุ่มจัดการจ่างเงินให้เรียบร้อยก่อนจะรีบมุ่งหน้ากลับบ้านทันที  รีบเอาเจ้าโฮซอกน้อยในมือนี่ไปเก็บให้เรียบร้อยจะได้รีบกลับไปหาน้องชายที่รักสักที  หายไปนานมากเดี๋ยวคนตัวเล็กจะสงสัย  เกิดเก็บกดมากๆไปเค้นถามกับทาสรักอย่างมินยุนกิจนได้ความจริงว่าของที่สั่งอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเป็นตุ๊กตาของเจ้าตัวเองจะเป็นเรื่องเอา...

     

    ...ดูเหมือนจะไม่ทันเสียแล้วกระมังคุณชายใหญ่...

     

     

     

     

    ข้าจะฉีกพวกท่านเป็นชิ้นๆเลย...ทั้งท่านพี่แล้วก็ท่านด้วยนายช่างมิน พวกโรคจิต!!!”

     

     

     

     

     

     

    Real End.

    TALK. จบเหอะ จบสักทีเนอะ 5555555555555555 ไร้สาระมากมั๊ยตอบ 555555555555555555 เห็นความโรคจิตของสองเพื่อนซี้นี่มั๊ยคะ  อะไรนักหนาคะ รักน้องมาก หลงน้องมากขนาดนัดแนะกันมาทำเป็นตุ๊กตาเลยนะเออ 555555555555

     

    ฟิคแก้บนค่ะ กราบแรง 55555555555  เราอาจจะบ้าอยู่คนเดียวแต่ชอบพี่กิเมะอ่ะ ชอบความซังนัมจานี้ ฮื่ออออ ชอบความไม่อ่อนโยนนี้  พี่กิควรจะเลิกเป็นทาสรักโฮซอกแล้วมาเป็นทาสรักเรา อีบ้า 55555555555

     

    ตอนแรกพล๊อตนี่ตีกันมั่วไปหมด มาจบที่เรื่องนี้ได้ไงไม่รู้ อีเพชรอีนางกบฏ 55555555555555 บอกแล้วบทความนี้มีแต่โฮปเคะ ก็ต้องมีแต่โฮปเคะสิคะ 55555555555

     

    โอเค คือตอนแรกอย่างแต่งพีเรียดแบบหน่วงๆ แต่ไม่รอดค่ะ ช่วงนี้ชีวิตไร้สติเกินไปเลยออกมาเป็นประการฉะนี้แล

     

    คือคนอื่นอาจจะไม่เป็นนะ แต่นี่แต่งไปนี่เขินพี่กิมากอ่ะ คือพูดน้อยๆต่อยหนักๆค่ะ ซัดมาตูมเดียวอีนี่เขินหน้าดำหน้าแดง ฮื่ออออ โอเคพอค่ะ 55555555

     

    ขอบคุณผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการนะคะ พี่มิ้นผู้เรียกร้องฟิคก้าโฮป อีบีมผู้สกรีมความซังนัมจาของพี่ก้าอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน  พี่ขวัญผู้ทวงมันทุกเรื่องบ่ากี่เรื่องพี่แกทวงหมด

     

    โอเคค่ะ จบการแก้บนแต่เพียงเท่านี้ ลากเลือดมาก 5555555555555 เอาไว้เจอกันเรื่องหน้าเนอะ เลิฟๆ แล้วเจอกันค่ะบ๊ายบายยยยยย

    。SYDNEY♔
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×