ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] Play Boy's GAME (Chanyeol x Baekhyun) | END.

    ลำดับตอนที่ #8 : CHAPTER 7

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.6K
      17
      3 พ.ย. 55

     CHAPTER  7
    3.11.12

     

     

     

    “มีสิทธิอะไรน่ะเหรอ? ก็ก็ความเป็น 'ผัว' นายไงไอ้เตี้ยหมาตื่น!"เสียงทุ้มเอ่ยก่อนจะออกแรงกระชากตัวอีกคนเข้ามาใกล้  ดวงตาคู่คมจ้องมองอย่างเอาเรื่อง

     

    “พู....พูดบ้าอะไรของนายห๊ะ!!!”เสียงหวานแว๊ดถาม  ใบหน้าสวยขึ้นสีเรื่อด้วยความเขินอาย

     

    “ใครไปเป็นอะไรกับนายเมื่อไหร่ไม่ทราบ!!!!”แบคฮยอนตะคอกถาม มือเรียวก็พยายามแกะมือของตัวเองออกจากการกอบกุมของอีกคน

     

    “หรือนายจะบอกว่าเรื่องวันนั้นมันไม่จริงล่ะห๊ะ!

     

    “อ...เฮ้ย! จะลากฉันไปไหนเนี่ย! ปล่อยนะเว้ย!!”เสียงหวานโวยวายขึ้นทันทีที่ข้อมือบางถูกอีกคนลากให้เดินตามเข้าไปในซอยเล็กๆไม่ห่างจากโรงเรียนมากนัก

     

    “ปล่อยสิ!!! ฉันจะกลับบ้าน!!!”คนตัวเล็กกว่าพยายามดิ้นรนให้หลุดออกจากการกอบกุมของอีกคนแต่มันก็ช่างไร้ผลเสียเหลือเกิน

     

    “ที่นี้ฉันมีสิทธิ์ที่จะรู้ว่านายไปทำอะไรกับหมอนั่นมาได้รึยัง?”ชานยอลกดเสียงถาม  ชายหนุ่มสาวเท้าเข้าใกล้อีกคนจนร่างบางต้องถอยหลังหนีโดยอัตโนมัติ

     

    “ก...ก็ไม่ได้ทำอะไรนี่!”เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างติดขัด

     

    อาการบางอย่างที่เขาไม่เข้าใจกำลังเกิดขึ้นกับตัวเขา  ข้อมือบางที่ถูกอีกคนสัมผัสมันร้อนไปหมด  ไหนจะหัวใจของเขาที่เต้นระรัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนนี่อีก

     

    “งั้นฉันจะเตือนนายด้วยความหวังดีนะ...อย่าไปยุ่งกับหมอนั่นเข้าใจรึเปล่า!”เสียงทุ้มเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนจะผละออกจากอีกคน มือหนาก็ปล่อยให้ข้อมือบางเป็นอิสระ ดวงตาคู่คมจ้องมองแบคฮยอนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอยู่ก่อนจะถอนหายใจออกมาในที่สุด

     

    “อ...”ยังไม่ทันที่จะได้พูดตอบโต้อีกคนพอเงยหน้าขึ้นมาก็พบเพียงความว่างเปล่า ดวงตาคู่สวยเหลือบไปเห็นแผ่นหลังกว้างของอีกคนกำลังเดินกลับออกไปจากซอย

     

    “อะไรของเขาวะ...”เสียงหวานเอ่ยเบาๆกับตัวเอง  มือเรียวทั้งสองข้างยกขึ้นมาลูบแก้มใสที่ตอนนี้กลายเป็นสีแดงไปแล้วโดยที่เขาก็ไม่รู้สาเหตุ  มือขวาลดลงมาสัมผัสที่หน้าอกด้านซ้าย  หัวใจของเขายังคงเต้นแรงทั้งที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไม  แบคฮยอนทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นอย่างสับสน

     

    “เป็นอะไรของนายวะแบคฮยอน...”

     

     

     

     

     

     

     

    “ฮึ่ย!”ชานยอลถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด  มือหนากำหมัดแน่น

     

    เมื่อกี้มันอะไรกัน?

     

    ทำไมเขาถึงต้องไปเตือนแบคฮยอนแบบนั้นด้วย ทั้งๆที่เขาไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำ  แล้วจะยังนั่นอีก...ไอ้ที่ไปทวงสิทธิ์บ้าบออะไรนั่นจากคนตัวเล็กนั่นอีก!

     

    ขายาวหยุดกลางทางก่อนจะยกมือข้างที่เพิ่งฉวยข้อมือบางนั้นไปเมื่อครู่ขึ้นมาพินิจดู...

     

    ทำไมเขาถึงคิดว่าแบคฮยอนต้องการใครปกป้องนะ?

     

    “โว๊ยยยยยยยย!”มือหนาขยี้ผมที่หวีมาเรียบร้อยของตัวเองเสียยุ่งเหยิงไปหมด

     

    นี่เขาทำบ้าอะไรลงไป!!!

     

    พอมานึกๆดูแล้วมันช่างไม่สมเหตุสมผลเลย  เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำอะไรลงไปบ้างรู้แต่ว่าตอนนั้นจู่ๆก็ไม่พอใจที่เห็นว่าร่างบางนั้นมากับใคร?

     

    มินโฮ...ไอ้หมอนั่นมันอันตราย...

     

    บางที่เขาอาจจะแค่สงสาร...สงสารถ้าไอ้เตี้ยแบบแบคฮยอนจะเสียรู้ให้กับคนอย่างมินโฮ

     

    เออ! เพราะสงสารนั่นแหละ!

     

    ถึงเวลาที่จะต้องทำให้เกมงี่เง่านี่จบลงซะที!

     

     

     

     

     

     

    “ชานยอล?”เสียงหวานเอ่ยเรียกเมื่อเห็นว่าคนข้างๆนี่จะสติหลุดลอยเกินไปแล้ว

     

    “อ...ครับ!”ชานยอลสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ก่อนจะหันไปมองเจ้าของเสียงที่เอ่ยเรียกเขา  ลู่หานยู่หน้าเล็กน้อย

     

    นี่ที่เขาพูดไปไอ้เด็กนี่ไม่ได้ฟังเลยใช่มั๊ย?

     

    “พี่พูดอะไรนะครับ? ทวนอีกรอบได้มั๊ย?”

     

    “ช่างมันเหอะ!”คนน่ารักพองลมที่แก้มเสียจนมันพองก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปอีกทางอย่างงอนๆ  ชานยอลได้แต่ยิ้มแหยๆให้เทนการขอโทษ

     

    “โอ๋ๆ พี่ลู่หานอย่างอนสิครับ”เสียงทุ้มเอ่ยอย่างออดอ้อนก่อนมือหนาจะถูกยื่นไปด้านหน้าของอีกคน  ชานยอลกระดิกนิ้วก้อยสองสามทีเป็นการเรียกร้องความสนใจ

     

    “งั้นเอางี้...พรุ่งนี้วันเสาร์ถ้าพี่หายงอนผมจะพาไปเที่ยว”ชานยอลพูดขึ้นเรียกดวงตาที่เป็นประกายจากอีกคนได้ในทันที

     

    “นายพูดแล้วนะ!”เสียงหวานเอ่ยอย่างตื่นเต้นก่อนมือบางจะรีบคว้ามือของอีกคนไว้ราวกับกลัวว่าอีกคนจะเปลี่ยนใจยังไงอย่างงั้น

     

    “ครับ”ชานยอลรับคำก่อนจะแย้มรอยยิ้มกว้างที่เรียกให้แก้มขาวขึ้นสีได้เล้กน้อย  ลู่หานรีบปล่อยมือออกจากมือของอีกคนก่อนจะทำเป็นตั้งหน้าตั้งตาอ่านบทละครของตัวเองต่อไป

     

     

     

     

     

    วันหยุดที่ทุกคนรอคอยมานานได้มาถึงแล้ว  สายลมเย็นๆพัดผ่านทำให้วันที่ฟ้าโปร่งแบบนี้อากาศไม่ร้อนจนเกินไป  เสียงนกตัวเล็กส่งเสียงเจื้อยแจ้วทักทายทำให้เขาอดที่จะรู้สึกผ่อนคลายไม่ได้

     

    “ชานยอล!”เสียงหวานของคนที่เขากำลังรอเอ่ยเรียกทำให้เขาต้องหันไปมอง  ลู่หานกำลังวิ่งโบกไม้โบกมือมาให้เขาอย่างร่าเริง  แต่ดูเหมือนจะร่าเริงไปหน่อย  ขาเรียวสะดุดเข้ากับขอบฟุตบาทเสียจนก้นจ้ำเบ้า  ใบหน้าน่ารักขึ้นสีเพราะความอายแต่ก็ยังคงส่งรอยยิ้มหวานมาให้เขาอย่างน่ารัก  มือเล็กเกาท้ายทอยแก้เขินก่อนจะยันตัวลุกขึ้น จัดการปัดฝุ่นที่เปื้อนตามกางเกงออกอย่างรวดเร็ว

     

    “พี่แต่งแบบนี้แล้วน่ารักจัง”เสียงทุ้มเอ่ยชม

     

    เขาไม่ได้อยากเอาใจอีกคน...เพียงแต่ลู่หานตอนนี่น่ารักจนเขาต้องชมต่างหาก...

     

    “ข...ขอบคุณนะ”เสียงหวานเอ่ยขอบคุณเบาๆ  ใบหน้าน่ารักขึ้นสีน้อยๆอย่างน่ารัก

     

    วันนี้ลู่หานอยู่ในชุดไปเที่ยวที่ใส่สบาย  เสื้อแขนยาวสีฟ้ากับกางเกงยีนส์ขาลอยที่กำลังเป็นที่นิยม  บนศีรษะของร่างบางมีหมวกปีกใบเล็กสวมทับเรือนผมสีน้ำตาลนุ่มไว้ยิ่งทำให้ชุดที่ใส่ดูน่ารักขึ้นไปอีก

     

    “นาย...แต่งแบบนี้ก็หล่อดี”ลู่หานเอ่ยชมอีกคนกลัวเสียงเบา  วันนี้ชานยอลแต่งชุดสบายๆผิดกับคราวที่แล้วที่พวกเขาไปเที่ยวด้วยกันพร้อมกับแบคฮยอน  ก็แค่เสื้อยืดกับกางเกงยันส์ขาเดปเท่านั้น...

     

    แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเมื่อมันอยู่บนตัวของปาร์คชานยอลแล้วมันดูดีมากแค่ไหน...

     

    “ขอบคุณครับ”ชานยอลเอ่ยรับเขินๆ

     

    เขารู้สึกประหม่าทุกครั้งเวลาต้องอยู่กับลู่หานแบบนี้  การที่ถูกลู่หานชมทำให้เขาเขินได้ทั้งๆที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนเคยทำได้มาก่อน...

     

    ลู่หานนี่เป็นคนที่พิเศษจริงๆ...

     

    “พร้อมรึยังครับ?”ชานยอลเอ่ยถามก่อนจะส่งรอยยิ้มกว้างไปให้อีกคน

     

    “อื้อ!”ลู่หานรับคำอย่างร่าเริงก่อนมือบางจะคว้ามือหนาของชานยอลมากอบกุมไว้  ขาเรียวรีบวิ่งพาร่างของตัวเองและร่างของคนที่ตนลากอยู่เข้าประตูสวนสนุกไปทันที

     

    “ขอบัตร all day ครับ”เสียงหวานเอ่ยบอกกับพนักงานจำหน่ายตั๋ว เธอรับคำด้วยรอยยิ้มก่อนจะเริ่มพิมพ์คำสั่งลงไปที่เครื่องคิดเงิน

     

    “กี่ท่านคะ?”

     

    “สองคนครับ”

     

    “ทั้งหมด.....”หญิงสาวผู้ทำหน้าที่คิดเงินเอ่ยด้วยเสียงเป็นมิตรแต่ราคามันค่อนข้างที่จะแทงใจลู่หานล่ะนะ

     

    “เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง”เห็นใบหน้าน่ารักที่เริ่มคิดหนักชานยอลเลยตัดสินใจเอ่ยขึ้น  มือหนายื่นบัตรเครดิตให้กับพนักงานสาว  ไม่นานนักพวกเขาทั้งสองก็ได้กำไลข้อมือมาคนละอันซึ่งทำหน้าที่แทนบัตรที่สามารถเล่นได้ทุกเครื่องเล่นและได้ทั้งวันด้วย

     

    “อ๊า...ความจริงพี่ไม่น่าเลือกบัตรทั้งวันเลย...มันแพงมากอ่ะ”เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างสำนึกผิด  ริมฝีปากบางเบะลงน้อยๆอย่างรู้สึกผิด

     

    “ไม่เป็นไรนี่ครับ  เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง บัตรทั้งวันก็ดีออกเราอุตส่าห์มากันตั้งแต่เช้าจะได้เล่นได้เยอะๆไงครับ”ชานยอลพูดให้กำลังใจอีกคน  ซึ่งมันก็ดูจะได้ผลดีเพราะลู่หานส่งรอยยิ้มกว้างกลับมาให้เขาแทนคำขอบคุณ

     

    “งั้นเราลุยกันเล้ย!!!”เสียงหวานเอ่ยอย่างตื่นเต้นก่อนจะจัดการลากอีกคนให้เดินตามตนไปทันที

     

     

     

     

    ตลอดครึ่งวันชานยอลปล่อยให้อีกคนลากไปไหนมาไหนตลอด  เขาไม่ได้รู้สึกเบื่อ หรือ รำคาญเลยที่คนตัวบางอ้อนนู่นอ้อนนี่ อยากไปนู่นไปนี่

     

    แต่มันก็ไม่ได้สนุกเช่นกัน...

     

    “อ๊า...หิวจัง”นั่งพักเหนื่อยจากการวิ่งไปเล่นนู่นเล่นนี่มาได้สักพักลู่หานก็เอ่ยออกมาเบาๆ  มือบางลูบท้องตัวเองเพื่อเป็นการยืนยัน

     

    “งั้นเราไปหาอะไรทานกันมั๊ยครับ?”ชานยอลเอ่ยถามซึ่งแน่นอนว่าคำตอบของมันก็คือ...

     

    “ไปสิ!

     

    ชานยอลพาลู่หานมาที่โซนอาหารของสวนสนุก  ที่นี่มีร้านอาหารน่าทานเต็มไปหมดจนเลือกไม่ถูกเลยทีเดียวล่ะ  ชานยอลเลือกร้านอาหารเกาหลีเพราะคนนั้งน้อยมันทำให้บรรยากาศภายในร้านดูโปรดโปร่งและนั่งสบายนัก  เขาเลือกโต๊ะที่อยู่ด้านนอกเพื่อที่จะรับลมธรรมชาติ

     

    “ดีเลยฉันกำลังอยากกินกิมจิเลยล่ะ”ลู่หานเอ่ยอย่างตื่นเต้นก่อนจะจัดการสั่งอาหารนู่นี่นั่นเสียจนชานยอลต้องปรามเอาไว้กลัวว่าอีกคนจะสั่งเสียจนหมดร้าน

     

    “พี่นี่กินเยอะจริงๆนะ ระวังอ้วนฉุหรอก”ชานยอลเอ่ยล้อเลียนเรียกค้อนวงโตจากคนเป็นพี่ได้เสียหลายวง

     

    “อะไรเล่า!”ลู่หานยู่ปากอย่างไม่พอใจ  ชานยอลอดไม่ได้ที่จะต้องเอื้มมือไปหยิกแก้มอีกคนด้วยความหมั่นเขี้ยว

     

    “ย๊า!”เสียงหวานดุรุ่นน้องเล็กน้อย แต่ไอ้รุ่นน้องตัวโตก็หาได้สะทกสะท้านไม่เพราะสิ่งที่ลู่หานได้รับกลับมาก็คือการหัวเราะอย่างไม่เก็บมาดของอีกคนเท่านั้น

     

     

     

     

    ดวงอาทิตย์เคลื่อนคล้อยผ่านเส้นขอบฟ้าแสงอาทิตย์อาบไล้ปุยเมฆให้กลายเป็นสีทองสว่าง  สายลมอ่อนๆพัดผ่านใบหน้าทำให้เขารู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก  จุดชมวิวของสวนสนุกยามเย็นแบบนี้ปลอดผู้คนเพราะต่างพากันกลับบ้านไปพักผ่อนหลังจากที่เหนื่อยมาทั้งวันกันหมดแล้ว

     

    “ฮ้า...ชื่นใจจัง”เสียงหวานเอ่ยเบาๆสายลมอ่อนที่พัดเอากลิ่นทะเลด้านล่างขึ้นมามันทำให้เขารู้สึกสดชื่น

     

    “สวยจังเลยนะครับ...”เสียงทุ้มเอ่ยก่อนร่างสูงจะเคลื่อนกายเข้ามายืนข้างๆคนที่กำลังซึมซับกับธรรมชาติ

     

    “ใช่...ฉันไม่เคยดูพระอาทิตย์ตกดินที่สวยขนาดนี้มาก่อนเลย...”ลู่หานหันมายิ้มบางๆให้อีกคน  มือเรียวเก็บปอยผมที่ถูกลมพัดปรกหน้าไปทัดไว้ที่หลังหู  แสงอาทิตย์ยามเย็นส่องกระทบผิวขาวทำให้ภาพตรงหน้างองามราวกับภาพวาดของจิตรกรชื่อดัง

     

    ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภาพตรงหน้านั้นสวยงามเพียงใด...

     

    “ผมหมายถึงพี่ต่างหาก...”เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเบาๆ  ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าหวานของอีกคนไม่วางตา

     

    “อ..เอ่อ...ขอบคุณ...”เสียงหวานเอ่ยเบาๆ  ใบหน้าหวานก้มลงซ่องแก้มขาวที่กำลังขึ้นสีแดงระเรื่อ

     

    ถึงมันจะเป็นประโยคเน่าๆ...แต่ลู่หานก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันน่าฟังมากแค่ไหนเพียงเพราะมันออกมาจากของร่างสูงตรงหน้าเขา

     

    “พี่ลู่หานครับ...ผมรอคำตอบจากพี่อยู่นะ”เสียงทุ้มเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง  มือหนาคว้าเอามือบางมากอบกุมไว้

     

    “ร...เรื่องอะไรเหรอ...”

     

    “ผมชอบพี่ครับ....”

     

     

     

     

     

    “คบกับผมนะ...”

     

     

     

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    หงุดหงิดจริงๆ

     

    หงุดหงิดที่สุด!!!!

     

    ทำไมเขาต้องมีอาการน่ารำคาญแบบนี้ด้วยเนี่ย!!!

     

    มือเรียวยกขึ้นทาบหน้าอกด้านซ้ายของตน  หัวใจของเขายังคงเต้นไม่เป็นจังหวะ  สัมผัสที่ข้อมือยังคงหลงเหลือ...

     

    ทำไมนะ...

     

    ทำไมแค่สัมผัสเท่านั้น...ส่วนที่โดนไอ้บ้านั่นสัมผัสมันถึงรู้สึกร้อนไปหมด

     

    “งือออออออ”แบคฮยอนจัดการม้วนตัวเองเข้าไปในผ้าห่มผืนหนากลิ่งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงกว้างของตนอย่างบ้าคลั่ง

     

    “นี่ทำอะไรอยู่วะ!!!”เสียงหวานโวยวายก่อนจะสะบัดผ้าห่มที่ม้วนอยู่รอบตัวออกก่อนจะปาลงพื้นอย่างไม่ใยดี

     

    ทำไมเขาถึงทำตัวเหมือนสาวน้อยวัยใสที่กำลังมีความรักแบบนี้วะ!?!?!?

     

    หรือมันจะเป็นความรัก?

     

    “ไม่มีทาง!!!!!!!”เป็นอีกครั้งที่คุณหนูของบ้านแหกปากตะโกนลั่นบ้านเสียจนเหล่าสาวใช้พากันสะดุ้งโหยง

     

    “คุณหนูเป็นอะรึเปล่าคะ!?!?!?”เสียงสาวใช้เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับเสียงเคาะประตูที่ดังมาอย่างต่อเนื่องทำให้แบคฮยอนสำนึกตัวว่าเขาคงจะแหกปากดังเกินไป

     

    “ผมไม่เป็นไรครับ!”เสียงหวานตะโกนออกไปก่อนจะเดินลงไปเก็บผ้าห่มขึ้นมาจากพื้นแล้วก็ม้วนตัวเองเข้าไปอยู่ในผ้าห่มอีกครั้ง

     

    มือเรียวถูกยกขึ้นมาปิดแก้มทั้งสองข้างที่เขาคิดว่าตอนนี้มันต้องแดงมากแน่ๆ

     

    “เพราะแกเลยไอ้เสาไฟฟ้าเอ๊ย!”เสียงหวานบ่นเบาๆก่อนจะทิ้งตัวนอนลงกับที่นอนเอาหน้าซุกเข้าไปในหมอนนุ่มใบใหญ่

     

    ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลยจริงๆ...

     

    เสียงสั่นของโทรศัพท์เครื่องหรูที่วางอยู่บนหัวเตียงเรียกให้แบคฮยอนหลุดออกจากภวังค์ความคิดของตัวเอง  หน้าจอแสดงหมายเลขที่ไม่ได้บันทึกไว้ในเครื่อง  คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย  แต่มือเรียวก็เอื้อมไปรับ

     

    “ฮัลโหล”แบคฮยอนกรอกเสียงลงไปด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย

     

    (สวัสดีครับแบคฮยอน...นี่ผมเองนะ) ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงร่าเริง

     

    “ผมไหน?”แบคฮยอนเอ่ยถามเสียงเรียบ

     

    (มินโฮไงครับ...จำไมได้เหรอ)

     

    “จำไมได้”เป็นอีกครั้งที่แบคฮยอนเอ่ยปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย

     

    (ที่เมื่อวานไปส่งคุณไงครับ...นึกดีๆสิ) มินโฮยังไม่ละความพยายามที่จะทำให้อีกฝ่ายจำตนได้

     

    “ฉันขี่กบกลับบ้านนะเท่าที่จำได้”ที่จริงเขาจำได้ตั้งแต่เสียงทักทายแรกแล้วแหละ  แต่ไม่ค่อยอยากจะคุยกับไอ้หมอนี่เท่าไหร่  ถ้าไม่ติดว่ารถเขายังมีพันธะกับมันนะ เขาจะวางสายตั้งแต่ได้ยินเสียงแล้วเหอะ

     

    (ใจร้ายจัง...แบคฮยอนอา..)ปลายสายเอ่ยด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง

     

    “มีธุระอะไรก็รีบพูดมาเถอะครับ...ไม่งั้นผมจะวางสายนะ”แบคฮยอนรีบตัดบทก่อนที่ปลายสายจะพาเขายืดเยื้อไปมากกว่านี้

     

    (ผมจะมาบอกเรื่องรถคุณน่ะครับ...ออกมาเจอกันหน่อยได้มั๊ยครับ) มินโฮถามเสียงอ้อน

     

    เฮ้อ~ ก็ได้ครับ...ที่ไหนล่ะ

     

    หวังว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เจอนายนะ...

     

     

     

     

     

     

    ภายในร้านอาหารหรูใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง  ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งไขว่ห้างจิบชาชั้นดีที่เขามักจะสั่งมาทานเป็นประจำ  มินโฮยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูตอนนี้นาฬิกาบอกเวลาว่าเกือบหกโมงเย็นแล้ว  รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้า เขานัดใครอีกคนไว้ตอนหกโมงเย็น

     

    สวัสดีค่ะเสียงต้อนรับของพนักงานสาวหน้าร้านเรียกให้เขาต้องหันไปให้ความสนใจ  ร่างบางของคนที่เขารอคอยก้าวเข้ามาในร้านด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ

     

    จากที่เจอกันครั้งที่แล้วทำให้เขารู้ว่าแบคฮยอนเป็นคนที่ค่อนข้างมีฐานะเพราะไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกายหรือข้าวของเครื่องใช้ก็ล้วนราคาแพงลิบทั้งนั้น  วันนี้แบคฮยอนใส่ชุดที่ดูสบายๆกว่าครั้งที่เจอที่ผับมาก  เสื้อเชิ้ตสีแดงและกางเกงสีขาว  ที่คอเสื้อตกแต่งด้วยหูกระต่ายสีฟาอมเขียวทำให้การแต่งตัวของคนตัวเล็กดูน่ารักขึ้นมากทีเดียว

     

    เชิญนั่งครับมินโฮลุกขึ้นผายมือไปยังเก้าอี้ว่างตรงข้ามเขาอย่างมีมารยาท

     

    คุณมีอะไรจะคุยครับแบคฮยอนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

     

    อ่าครับ...เมื่อเช้าผมโทรไปถามที่ศูนย์มาแล้ว  เขาบอกว่ารถของคุณไม่เสียหายมาก  แค่มีรอยถลอกนิดหน่อย  ก็แค่ทำสีใหม่เท่านั้นแหละครับ  พรุ่งนี้ก็เสร็จแล้วมินโฮเอ่ยก่อนจะส่งรอยยิ้มหวานให้อีกคน

     

    สั่งอาหารก่อนสิครับ...มื้อนี้ถือว่าผมขอเลี้ยงไถ่โทษก็แล้วกันนะครับเสียงทุ้มเอ่ยมือหนาก็จัดการเลื่อนเมนูอาหารไปไว้ที่ด้านหน้าอีกคน

     

    แบคฮยอนแค่ยิ้มบางๆให้เป็นคำตอบ  ก่อนมือบางจะรับเมนูนั้นมาเปิดดู

     

    ก็ดีจะได้กินฟรีไปมื้อนึง...

     

    ขอบคุณที่เลี้ยงนะครับแบคฮยอนเอ่ยขึ้นหลังจากที่ตนสั่งอาหารไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     

    สำหรับคุณ...ผมเต็มใจครับมินโฮเอ่ยตอบ

     

    แบคฮยอนแอบเบ้หน้าเบาๆเพราะความเลี่ยนของอีกคน

     

    เน่าเป็นบ้า!

     

    แล้วคุณได้เบอร์ผมมายังไงล่ะครับคำถามนี้เล่นเอามินโฮแทบสำลักกาแฟ

     

    อ...อ๋อ  ผมก็ฝากชานยอลมันขอน่ะครับ..ตามประสาเพื่อนเก่าประโยคท้ายน้ำเสียงเปลี่ยนเป็นราบเรียบอย่างเห็นได้ชัด

     

    ผมว่าจะถามคุณอยู่พอดี...คุณกับชานยอล...เป็นเพื่อนกันเหรอครับ?แบคฮยอนเอ่ยถาม ใบหน้าสวยจ้องมองอีกคนด้วความสงสัย

     

    ก็ประมาณนั้นล่ะมั้งครับมินโฮตอบพร้อมกับรอยยิ้ม

     

    เราทานอาหารกันเถอะครับไม่นานนักอาการที่พวกเขาสั่งไว้ก้มาเสิร์ฟ  กลิ่นหอมน่ากินเรียกให้แบคฮยอนอดที่จะน้ำลายสอไม่ได้

     

    ขอตัวสักครู่นะครับแบคฮยอนเอ่ยก่อนจะเดินออกมาท่หน้าร้าน มือเรียวล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง

     

    ใครโทรมาวะ...

     

    ฮัลโหล

     

    (พี่แบคฮยอนเหรอ...นี่ผมนะ)เสียงปลายสายเอ่ยออกมาอย่างโล่งอก

     

    อ่าฮะมีอะไรเหรอไค?

     

    (เย็นนี้พี่ว่างมั๊ยผมกะว่าจะชวนมาทานมื้อค่ำที่บ้านน่ะ  แม่ทำบาบีคิวไว้กินหลายๆคนจะได้สนุก) ปลายสายเอ่ยออกมาอย่างร่าเริง

     

    คิมจงอินนนนน~ ทำไมนายไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้หน่อยเล่า! ขอโทษนะฉันมีนัดแล้ว...ฝากขอโทษคุณน้าด้วยแบคฮยอนเอ่ยออกมาอย่างเสียดาย

     

    (อ่าเหรอครับ...ไม่เป็นไรครับ เดี่ยวผมบอกแม่ให้  พี่ก็อย่ากลับบ้านดึกนะ  แค่นี้แหละครับ บายยยยย)

     

    อืม บายแบคฮยอนเอ่ยลาก่อนจะตัดสายใบ ใบหน้าสวยมีรอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้น...

     

    คิมจงอินน่ะมักจะเป็นห่วงเขาเสมอแหละ...

     

    มีปัญหาอะไรรึเปล่าครับทันทีที่เขากลับมาเสียงทุ้มของอีกคนก็เอ่ยถามขึ้นทันที

     

    ไม่มีอะไรหรอกครับ...ทานต่อเถอะแบคฮยอนเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาทานอาหารตรงหน้าต่ออย่างตั้งใจ

     

    มินโฮจ้องมองคนที่เพิ่งทำเฉยชาใส่เขาอย่างไม่วางตา...

     

    ไม่เคยมีใครปฏิเสธเขาได้หรอกนะ...คนตรงหน้านี้ก็เหมือนกัน...

     

    เนื่องจากแบคฮยอนไม่มีรถ  ขามาเขาก็มาแท็กซี่ คราวนี้เขาถึงไม่ปฏิเสธที่จะให้มินโฮไปส่ง  และแน่นอน ส่งแค่หน้าปากซอยโรงเรียนเหมือนเดิม...ข้อมือบางถูกยกขึ้นมาเพื่อดูนาฬิกา ตอนนี้เวลากว่าทุ่มครึ่งแล้ว  มันไม่ดึกมากสำหรับเขา  แต่เพราะช่วงนี้มีเรื่องอะไรๆมากมายคนที่บ้านเขาถึงเป็นห่วง  แค่ทุ่มเดียวก็ทำให้เป็นห่วงกันแล้วล่ะ

     

    กลิ่นหอมของน้ำหอมภายในตัวรถทำให้เขาเริ่มง่วง สงสัยว่าเขาจะทานเยอะไปหน่อย  เห็นว่ามื้อนี้ทานฟรีเขาเลยกินไปเสียเต็มที่เชียวล่ะ

     

    หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนสินะ...

     

    แบคฮยอนขยับตัวเพื่อให้เขานั่งได้สะดวกขึ้น  แต่แล้วเขากลับรู้สึกเวียนหัว

     

    นี่มัน...!”เสียงหวานขาดหายไปเพราะอาการวิงเวียนที่เกิดขึ้น  ไปหน้าสวยหันไปจ้องมองคนขับที่ส่งยิ้มมาให้เขาเล็กน้อย

     

    นาย...ทำอะไร...แบคฮยอนเค้นเสียงถามอีกคนอย่างยากลำบาก  นอกจากอาการเวียนศีรษะที่เกิดขึ้นแล้ว  เขายังรู้สึกว่าร่างกายมันร้อนๆและอึดอัด  เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดพรายขึ้นเต็มห้าผากมน

     

    กว่าจะออกฤทธิ์ก็ต้องเสียเวลาขับมาตั้งครึ่งทางแล้วนะเนี่ย...มินโฮเอ่ยเสียงเย็นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน  ดวงตาคมปรายตามองอีกคนที่กำลังนั่งกัดฟันอยู่ที่ที่นั่งข้างคนขับ

     

    แก...จอด...ฉันจะลงตรงนี้!”แบคฮยอนตะโกนสั่งแต่มีหรือว่ามันจะได้ผลมินโฮไม่ได้สนใจเขาเลยด้วยซ้ำ แบคฮยอนกัดฟันแน่นด้วยความโมโห มือเรียวจัดการปลดเข็มขัดนิรภัยออกก่อนจะเอื้อมมือไปหมายจะเปิดประตูรถ  แต่ก็ถูกมือหนาของมินโฮมารวบไว้ได้ก่อน

     

    อยากตายนักรึไงห๊ะ!”ชายหนุ่มคำรามลั่นดวงตาคู่คมจ้องมองถนนสลับกับใบหน้าสวยอย่างเอาเรื่อง

     

    ปล่อย!”เสียงหวานตะโกนสั่งก่อนจะพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงที่ไม่ค่อยมีในตอนนี้ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้เพื่อให้หลุดออกจากการกอบกุมของอีกฝ่าย

     

    อึก!...ปล่อย!”ฟันคมขบลงที่ริมฝีปากบางอย่างแรงเพื่อกลั้นเสียงที่อาจจะดังเล็ดรอดออกมา  ส่วนที่ถูกสัมผัสมันร้อนไปหมด  ความเสียวซ่านแล่นไปทั่วร่างประกอบกับไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศภายในตัวรถที่ทำให้อดไม่ได้ที่จะต้องส่งเสียงออกมาจากลำคอ

     

    หึ...ทรมานมากใช่มั๊ยล่ะ?  ทนอีกหน่อยแล้วกันนะครับแบคฮยอน  เดี๋ยวถึงเมื่อไหร่ผมจะช่วยคุณเองเสียงทุ้มเอ่ยอย่างมีเลศนัยมือหนาปล่อยมือบางที่อ่อนแรงนั้นให้เป็นอิสระก่อนจะเลื่อนไปสัมผัสเบาๆบริเวณข้างแก้มใสก่อนจะลากไล้ลงมาตามลำคอขาวแสนยั่วยวยนั้น  เรียกเสียงครางหวานที่พยายามกลั้นของอีกคนได้เป็นอย่างดี

     

    อ๊ะ...อึก..เอามือของแกออกไป!”มือบางที่ไร้เรี่ยวแรงพยายามปัดมือของมินโฮออกอย่างสุดกำลัง  รอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา  มินโฮละมืออกจากคนตัวเล็กที่กำลังนั่งหอบหายใจด้วยความทรมานแล้วหันกลับไปสนใจกับถนนข้างหน้าแทน

     

    อึก....แบคฮยอนกัดฟันแน่นเข้าไปอีก  มือเรียวทั้งสองข้างยกขึ้นบีบต้นแขนของตัวเองเพื่อระบายความเสียวซ่าน

     

    เขาไม่น่าเสียรู้ไอ้บ้านี่เลยจริงๆ!

     

    เสียชื่อหมดโว๊ยบยอนแบคฮยอน!!

     

    หลังจากที่รถจอดนิ่งที่ลานจอดรถ  แบคฮยอนก็พยานามใช้แรงที่เหลืออยู่ในการหนีให้พ้นๆจากร่างสูงของมินโฮ  แต่ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ไม่สามารถสู้แรงของมินโฮได้อยู่ดี

     

    ปล่อย!”แบคฮยอนเริ่มออกแรงสบัดตัวออกจากอ้อมแขนของอีกคน  มินโฮพยายามลากคนที่ควรจะหมดแรงไปแล้วให้เดินตามไปยังห้องพักที่ตนจองไว้

     

    ยาที่ให้นายไปมันน้อยไปใช่มั๊ยถึงได้ยังมีแรงมาดิ้นโวยวายแบบนี้น่ะ!”เสียงทุ้มตะโกนออกมาอย่างเหลืออด

     

    เรื่องง่ายๆแต่แบคฮยอนกำลังทำให้เรื่องนี้มันยากขึ้นจนเขาหงุดหงิด

     

    ปล่อยสิวะ!”แบคฮยอนเริ่มออกแรงดิ้นแรงยิ่งกว่าเดิมจนในที่สุดก็หลุดออกจากอ้อมแขนของมินโฮได้  แบคฮยอนพยายามพาร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงให้เคลื่อนที่ไปให้ห่างจากมินโฮเท่าที่จะทำได้

     

    ยาแค่นั้นมันไม่พอใช่มั๊ยมินโฮเอ่ยรอดไรฟันอย่างข่มอารมณ์  มือหนาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบขวดแก้วสีชาขนาดเล็กขึ้นมาแล้วสาวเท้าตรงไปหาคนที่พยายามหนีอย่างรวดเร็ว

     

    มือหนาคว้าต้นแขนเล็กของอีกคนไว้อย่างแรงก่อนจะกระชากให้แบคฮยอนหันหน้ามาหาตน  มินโฮละมือออกจากต้นแขนบางนั้นก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นบีบคางมนเพื่อเป็นการบังคับให้ริมฝีปากสวยนั้นเผยอเปิดออก

     

    อึก!”มินโฮเปิดฝาขวดทิ้งอย่างไม่ใยดีก่อนจะจัดการกรอกของเหลวในขวดสีชานั้นลงไปในปากของอีกคนจนหมด

     

    แค่ก! แค่ก!”แบคฮยอนสำลักทันทีที่มีอะไรบางอย่างถูกบังคับให้ไหลลงไปในคอของเขา  ร่างบางทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง  ดวงตาคู่สวยตอนนี้ปรือปรอยราวกับคนไม่ได้สติ

     

    หึ!”มินโฮหัวเราะหึในลำคออย่างผู้เหนือกว่าก่อนจะก้มลงช้อนร่างบางที่ทรุดนั่งหมดเรี่ยวแรงอยู่ที่พื้นขึ้นพาดบ่าแล้วเดินตรงกับไปยังทิศที่ต้องการทันที

     

    มินโฮจัดการปล่อยร่างที่พาดอยู่บนบ่าลงเตียงกว้างทันทีที่เขามาถึง  ชายหนุ่มถอดเสื้อนอกที่ตนสวมใส่อยู่โยนลงพื้นอย่างไม่ใยดี

     

    แบคฮยอนจ้องมองภาพที่พร่าเบลอด้านหน้าอย่างมึนงง  แต่บางอย่างสั่งให้เขาต้องพยายามหนีไม่ว่าจะยังไงก็ตาม  ร่างที่สติเรือนรางค่อยๆยันตัวลุกขึ้นแล้วลากร่างกายที่อ่อนแรงของตัวเองเพื่อหนีให้พ้นตามสัญชาติญาณ  แต่ร่างกายของเขากลับขยับไม่ได้ดังใจคิด

     

    นายหนีฉันไม่พ้นหรอก...ลูกแมวน้อย...มินโฮเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าหลังจากที่เขาปลดเปลื้องอาภรณ์ท่อนบนไปจนหมดแล้ว มือหนาคว้าร่างที่อ่อนแรงให้กลับขึ้นมานอนที่เตียงดีดี

     

    ถ้านายทำตัวน่ารักล่ะก็...ฉันก็จะอ่อนโยนกับนายล่ะนะเสียงทุ้มกระซิบเบาๆที่ข้างใบหูบางก่อนมือหนาจะเกลี่ยปอยผมที่ชื้นเหงื่อออกจากใบหน้าสวย

     

    แต่นายทำหน้าอย่างงี้ฉันคงอ่อนโยนกับนายไม่ได้หรอกนะชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าสวยที่ตอนนี้แสดงอาการที่เรียกว่ายั่วยวนออกมาอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาคู่สวยที่ปรืปรอยคล้ายคนเมา  ริมฝีปากบางที่เผยอขึ้นเพื่อรับเอาอากาศหายใจเข้าไปให้ได้มากกว่าที่เป็นอยู่  แล้วยังแก้มขาวที่ขึ้นสีเรื่อเพราะฤทธิ์ยานั่นอีก

     

    เป็นใครใครก็อดใจไม่ไหวทั้งนั้นแหละ!

     

    มือหนาจัดการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีแดงสวยของอีกคนช้าๆ ทุกครั้งที่มือของเขาสัมผัสกับแผ่นอกบางผ่านเสื้อเชิ้ตตัวสวย  ร่างเล็กข้างใต้จะสะดุ้งเสมอ

     

    อาการตอบสนองอย่างตรงไปตรงมาของร่างกายตรงหน้าทำให้มินโฮอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างพอใจ

     

    อื้อ...เสียงครางหวานที่เล็ดรอดออกมาจากริมฝีปากบางไม่ได้ถูกกลั้นไว้อีกต่อไป  มันทำให้ชายหนุ่มมั่นใจว่ายาคงจะออกฤทธิ์อย่างสมบุรณ์แล้ว

     

    อ๊ะ!”จากที่ตอนแรกค่อยๆปลดอย่างเบามือ ชายหนุ่มก็เปลี่ยนมาเป็นกระชากกระดุมเสื้อเสียจนกระเด็นไปทั่ว ทำเอาร่างบางสะดุ้งตามการกระทำนั้นอย่างแรง

     

    อ๊ะ...หยุด...เสียงหวานเอ่ยห้ามปรามเสียงสั่น  ขณะที่อีกคนเริ่มที่จะลิ้มรสหอมหวานของผิวขาวที่ข้างลำคอระหงส์ก่อนจะไล้เลียมาจนถึงลาดไหล่บาง  ไหปาร้าและแผ่นออกบาง

     

    อ๊ะ....อื้อ!”ยิ่งได้ยินเสียงครางหวานหูของอีกคนยิ่งทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะกลั่นแกล้งคนตัวเล็กนี่  มือหนาสัมผัสเบาๆที่ขอบกางเกงของร่างบางก่อนจะลากต่ำลงมาเรื่อยๆ...เรื่อยๆ

     

    ความสนุกสนานในการกลั่นแกล้งคนตัวเล็กราวกับสิ่งยั่วยุชั้นดีจนเขาไม่อาจจะให้ความสนใจกับสิ่งอื่นใดรอบตัวได้เลยแม้กระทั่งว่า

     

    ประตูห้องพักที่ยังปิดไม่สนิทด้วยซ้ำ!

     

    แก!!!”เสียงทุ้มที่ตะโกนออกมาอย่างเดือดดาลทำให้การกระทำทุกอย่างของมินโฮชะงักลง  ไหล่หนาถูกผู้มาใหม่กระชากให้หันมาก่อนหมัดหนักๆจะพุ่งตรงมายังเขาอย่างแรงเสียจนล้มลงไปกับพื้น

     

    ไอ้สารเลวเอ๊ย!”ชานยอลคำรามลั่นหลังจากที่เหลือบไปเห็นสภาพที่สติเรือนรางของร่างบางที่ไร้ทางสู้บนเตียงอารมณ์เดือดดาลของเขาก็เพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว

     

    มินโฮปาดเลือดที่ไหลออกจากมุมปากช้าๆ  ดวงตาคมจ้องมองไปยังร่างสูงที่กำลังโมโหอยู่ด้านหน้าตนอย่างเอาเรื่องก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปสวนหมัดใส่ใบหน้าหล่อเหลาของชานยอลทันที

     

    ทั้งคู่แลกหมัดกันอยู่นานแต่เหมือนมันจะยังไม่รู้ผลเสียที  ดวงตาคมของมินโฮเหลือบไปเห็นเสื้นอกที่เขาถอดทิ้งไว้ ชายหนุ่มรีบพุ่งตัวไปคว้ามาไว้ในกำมือก่อนที่ชานยอลจะทันตั้งตัว  กระบอกโลหะสีดำก็พุ่งมาจ่อหน้าของเขาไว้แล้วทำให้เขาหยุดการกระทำทุกอย่างโดยอัตโนมติ

     

    แกก็รู้ว่ายิงฉันไปก็เท่านั้นชานยอลเอ่ยก่อนจะเค้นยิ้มเยาะเย้ยให้อีกฝ่าย

     

    ใครว่าฉันจะยิงแกชานยอล...สิ้นเสียงเอ่ยกระบอกปืนก็เปลี่ยนทิศจากใบหน้าหล่อเหลาของชานยอลไปยังร่างบางที่นอนแทบไร้สติอยู่บนเตียงกว้าง

     

    แก...ต้องการอะไรชานยอลเอ่ยถามเสียงเครียด

     

    ทำเหมือนที่แกเคยทำนั่นแหละชานยอล...ถ้าไม่อยากให้แบคฮยอนตายละก็ออกไปจากห้องซะ!”มินโฮเอ่ยสั่งเสียงดัง

     

    ชานยอลขบฟันแน่น  มองไปยังกระบอกปืนอย่างใช้ความคิด  เหมือนว่าเขาจะคิดนานไม่ทันใจอีกฝ่าย  มินโฮเลยปลดสลักดังกริ๊กให้เขาใจหายเล่น  ชานยอลยกมือสองข้างขึ้นช้าๆก่อนขายาวจะค่อยๆถอยหลังออกไปเรื่อยๆ

     

    เร็วๆ!”มินโฮตะโกนไล่ ดวงตาคมเอาแต่จ้องชานยอลอย่างเอาเรื่อง

     

    อั่ก!”ไม่ทันที่ใครได้ตั้งตัวร่างของมินโฮก็ทรุดลงกับพื้นพร้อมกับสติที่หายไป

     

    ชานยอลมองภาพด้านหน้าอย่างตะลึง  แบคฮยอนที่เมื่อครู่เหมือนจะไร้เรี่ยวแรงเต็มทีกำลังนั่งหอบหายใจอยู่บนเตียงในมือบางมีสิ่งที่คาดว่าน่าจะเคยเป็นโคมไฟแตกละเอียดเพราะการใช้กระแทกเมื่อครู่

     

    ดวงตาคู่สวยที่เริ่มเลื่อนลอยของแบคฮยอนจ้องมาที่เขาก่อนร่างโงนเงนนั้นจะล้มลงไปนอนที่เตียงอย่างหมดแรง ชานยอลรีบพุ่งเข้าไปประคองร่างที่ไร้เรียวแรงก่อนจะเหลือบไปมองร่างสูงที่นอนหมอยอยู่ที่พื้น  ศีรษะของมินโฮมีเลือดไหลอาบมากอยู่  แต่จากที่ดูชานยอลคิดว่าคงไม่ถึงชีวิต  เขาตัดสินใจเอาปลายเท้าเขี่ยๆร่างนั้นด้วยความสงสัย แต่ก็ไร้การตอบโต้ใดๆทำให้เขามั่นใจว่ามินโฮหมดสติไปแล้วจริงๆ

     

    ชานยอลอุ้มร่างไร้เรี่ยวแรงของแบคฮยอนไปที่รถของตัวเองทันทีก่อนจะขับออกไปอย่างรวดเร็ว

     

    นาย...ไปบ้านฉันก่อนแล้วกันชานยอลเอ่ยเบาๆ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นการพยักหน้าเบาๆเช่นกัน  ใช้เวลาไม่นานนักเขาก็พาร่างบางมาถึงบ้านได้ในที่สุด

     

    ชานยอลจัดการหาเสื้อตัวใหม่มาให้คนตัวเล็กใส่ และปรับอุณภูมิของเครื่องปรับอากาศให้เย็นขึ้น  แต่มันก็ดูจะไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่นัก  เพราะแบคฮยอนยังคงนอนคุดคู้กอดตัวเองแน่น  ลงหายใจหอบถี่และเสียงครางเป็นระยะทำให้เขารับรู้ได้ว่าแบคฮยอนกำลังทรมานมากแค่ไหน

     

    ไหวรึเปล่า?ชานยอลเอ่ยถามเบาๆ  มือหนาเอื้มไปสะกิดต้นแขนของคนที่นอนคดอยู่บนเตียง  ร่างบางสะดุ้งก่อนจะ  ส่ายหน้าเบาๆให้เป็นคำตอบ

     

    เอาน้ำมั๊ย?คนตัวเล็กส่ายหน้า

     

    อยากได้อะไรก็บอกแล้วกันชานยอลถอนหายใจ

     

    เดี๋ยว...ยังไม่ทันจะได้ลุกไปจัดการตัวเองข้อมือของเขาก็ถูกมือบางรั้งเอาไว้ชานยอลเลยต้องหันกลับมาให้ความสนใจ

     

    ช่วยฉันหน่อย...














    TBC.

    TALK. สวัสดีค่ะคนอ่านทุกท่าน >< เพชรเอาตอนเจ็ดมาลงให้แล้วจ้าาาา  อย่าเพิ่งคิดว่าชเวมินโฮมันจะหมดบทแค่นี้นะจ๊ะ อุอุ  อ่ะเข้าเรื่องๆ  เพชรจะบอกว่าไม่ซีเรียสเรื่องนักอ่านเงานะ #แค่มีคนอ่านก็ฟินแล้วจ้า แต่ถ้าสมมติว่าเพชรจะสอบถามอะไรแบบนี้อยากจะให้มาตอบกันอ่ะค่ะ เพราะบางเรื่องมันต้องเอาคำตอบแน่นนอนจริงๆ

    อันนี้ถามเล่นๆนะยังไม่ซีเรียส  ถ้าเพชรจะร่วมเล่มจะมีคนซื้อมั๊ยคะ? #อยากมีอารมณ์แบบรวมเล่มมั่งอ่ะ  ฟิคเรื่องนี้น่าจะมีประมาณ 20 ตอนนะคะ  ตอนนี้เพชรก็ลองจัดหน้ากระดาษเล่นๆ ถ้ามันมี 20 ตอนจริง มันจะมีความหนาประมาณ 380-400 หน้า =[]= คือมันยาวกว่าที่คิดมาก ฮ่าๆๆๆๆ  ตอนแรกเพชรกลัวว่ามันจะไม่ถึง 300 หน้า

    เราจะมาแอบบอกล่ะ #แอบ? พออัพเรื่องนี้จบเพชรจะแต่งฮาร์ตชอท(ฮุนแบค)ที่ดองไว้ต่อจ้า!!! *ปรบมือ!!! แล้วเพชรก็วางพล๊อตฟิคชานแบคเรื่องต่อไปไว้แล้ว  คาดว่าจะลงต่อฮาร์ตชอท ไม่นานอย่างที่คิดหรอค่ะ ถ้าเพชรมีมหาลัยเรียนแล้วฟิคจะอัพเร็วมาก ฮ่าๆๆๆๆๆๆ  จองไว้เลยนะชื่อเรื่อง ซุป'ตาร์  จ่ะ แต่เป็นภาษาอังกฤษนะ ><  อย่าลืมติดตามเรื่องอื่นๆของเค้าด้วยน้าา

    โอเค...วันนี้คุยยาวมากค่ะ  ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาตลอดนะคะ  เจอกันตอนหน้า  วันอาทิตย์ที่ 11 นะคะ บายยยยยยยย #โบกมือ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×