คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : CHAPTER 7
“มีสิทธิอะไรน่ะเหรอ? ก็ก็ความเป็น 'ผัว' นายไงไอ้เตี้ยหมาตื่น!"เสียงทุ้มเอ่ยก่อนจะออกแรงกระชากตัวอีกคนเข้ามาใกล้ ดวงตาคู่คมจ้องมองอย่างเอาเรื่อง
“พู....พูดบ้าอะไรของนายห๊ะ!!!”เสียงหวานแว๊ดถาม ใบหน้าสวยขึ้นสีเรื่อด้วยความเขินอาย
“ใครไปเป็นอะไรกับนายเมื่อไหร่ไม่ทราบ!!!!”แบคฮยอนตะคอกถาม มือเรียวก็พยายามแกะมือของตัวเองออกจากการกอบกุมของอีกคน
“หรือนายจะบอกว่าเรื่องวันนั้นมันไม่จริงล่ะห๊ะ!”
“อ...เฮ้ย! จะลากฉันไปไหนเนี่ย! ปล่อยนะเว้ย!!”เสียงหวานโวยวายขึ้นทันทีที่ข้อมือบางถูกอีกคนลากให้เดินตามเข้าไปในซอยเล็กๆไม่ห่างจากโรงเรียนมากนัก
“ปล่อยสิ!!! ฉันจะกลับบ้าน!!!”คนตัวเล็กกว่าพยายามดิ้นรนให้หลุดออกจากการกอบกุมของอีกคนแต่มันก็ช่างไร้ผลเสียเหลือเกิน
“ที่นี้ฉันมีสิทธิ์ที่จะรู้ว่านายไปทำอะไรกับหมอนั่นมาได้รึยัง?”ชานยอลกดเสียงถาม ชายหนุ่มสาวเท้าเข้าใกล้อีกคนจนร่างบางต้องถอยหลังหนีโดยอัตโนมัติ
“ก...ก็ไม่ได้ทำอะไรนี่!”เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างติดขัด
อาการบางอย่างที่เขาไม่เข้าใจกำลังเกิดขึ้นกับตัวเขา ข้อมือบางที่ถูกอีกคนสัมผัสมันร้อนไปหมด ไหนจะหัวใจของเขาที่เต้นระรัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนนี่อีก
“งั้นฉันจะเตือนนายด้วยความหวังดีนะ...อย่าไปยุ่งกับหมอนั่นเข้าใจรึเปล่า!”เสียงทุ้มเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนจะผละออกจากอีกคน มือหนาก็ปล่อยให้ข้อมือบางเป็นอิสระ ดวงตาคู่คมจ้องมองแบคฮยอนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอยู่ก่อนจะถอนหายใจออกมาในที่สุด
“อ...”ยังไม่ทันที่จะได้พูดตอบโต้อีกคนพอเงยหน้าขึ้นมาก็พบเพียงความว่างเปล่า ดวงตาคู่สวยเหลือบไปเห็นแผ่นหลังกว้างของอีกคนกำลังเดินกลับออกไปจากซอย
“อะไรของเขาวะ...”เสียงหวานเอ่ยเบาๆกับตัวเอง มือเรียวทั้งสองข้างยกขึ้นมาลูบแก้มใสที่ตอนนี้กลายเป็นสีแดงไปแล้วโดยที่เขาก็ไม่รู้สาเหตุ มือขวาลดลงมาสัมผัสที่หน้าอกด้านซ้าย หัวใจของเขายังคงเต้นแรงทั้งที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไม แบคฮยอนทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นอย่างสับสน
“เป็นอะไรของนายวะแบคฮยอน...”
“ฮึ่ย!”ชานยอลถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด มือหนากำหมัดแน่น
เมื่อกี้มันอะไรกัน?
ทำไมเขาถึงต้องไปเตือนแบคฮยอนแบบนั้นด้วย ทั้งๆที่เขาไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำ แล้วจะยังนั่นอีก...ไอ้ที่ไปทวงสิทธิ์บ้าบออะไรนั่นจากคนตัวเล็กนั่นอีก!
ขายาวหยุดกลางทางก่อนจะยกมือข้างที่เพิ่งฉวยข้อมือบางนั้นไปเมื่อครู่ขึ้นมาพินิจดู...
ทำไมเขาถึงคิดว่าแบคฮยอนต้องการใครปกป้องนะ?
“โว๊ยยยยยยยย!”มือหนาขยี้ผมที่หวีมาเรียบร้อยของตัวเองเสียยุ่งเหยิงไปหมด
นี่เขาทำบ้าอะไรลงไป!!!
พอมานึกๆดูแล้วมันช่างไม่สมเหตุสมผลเลย เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำอะไรลงไปบ้างรู้แต่ว่าตอนนั้นจู่ๆก็ไม่พอใจที่เห็นว่าร่างบางนั้นมากับใคร?
มินโฮ...ไอ้หมอนั่นมันอันตราย...
บางที่เขาอาจจะแค่สงสาร...สงสารถ้าไอ้เตี้ยแบบแบคฮยอนจะเสียรู้ให้กับคนอย่างมินโฮ
เออ! เพราะสงสารนั่นแหละ!
ถึงเวลาที่จะต้องทำให้เกมงี่เง่านี่จบลงซะที!
“ชานยอล?”เสียงหวานเอ่ยเรียกเมื่อเห็นว่าคนข้างๆนี่จะสติหลุดลอยเกินไปแล้ว
“อ...ครับ!”ชานยอลสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ก่อนจะหันไปมองเจ้าของเสียงที่เอ่ยเรียกเขา ลู่หานยู่หน้าเล็กน้อย
นี่ที่เขาพูดไปไอ้เด็กนี่ไม่ได้ฟังเลยใช่มั๊ย?
“พี่พูดอะไรนะครับ? ทวนอีกรอบได้มั๊ย?”
“ช่างมันเหอะ!”คนน่ารักพองลมที่แก้มเสียจนมันพองก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปอีกทางอย่างงอนๆ ชานยอลได้แต่ยิ้มแหยๆให้เทนการขอโทษ
“โอ๋ๆ พี่ลู่หานอย่างอนสิครับ”เสียงทุ้มเอ่ยอย่างออดอ้อนก่อนมือหนาจะถูกยื่นไปด้านหน้าของอีกคน ชานยอลกระดิกนิ้วก้อยสองสามทีเป็นการเรียกร้องความสนใจ
“งั้นเอางี้...พรุ่งนี้วันเสาร์ถ้าพี่หายงอนผมจะพาไปเที่ยว”ชานยอลพูดขึ้นเรียกดวงตาที่เป็นประกายจากอีกคนได้ในทันที
“นายพูดแล้วนะ!”เสียงหวานเอ่ยอย่างตื่นเต้นก่อนมือบางจะรีบคว้ามือของอีกคนไว้ราวกับกลัวว่าอีกคนจะเปลี่ยนใจยังไงอย่างงั้น
“ครับ”ชานยอลรับคำก่อนจะแย้มรอยยิ้มกว้างที่เรียกให้แก้มขาวขึ้นสีได้เล้กน้อย ลู่หานรีบปล่อยมือออกจากมือของอีกคนก่อนจะทำเป็นตั้งหน้าตั้งตาอ่านบทละครของตัวเองต่อไป
วันหยุดที่ทุกคนรอคอยมานานได้มาถึงแล้ว สายลมเย็นๆพัดผ่านทำให้วันที่ฟ้าโปร่งแบบนี้อากาศไม่ร้อนจนเกินไป เสียงนกตัวเล็กส่งเสียงเจื้อยแจ้วทักทายทำให้เขาอดที่จะรู้สึกผ่อนคลายไม่ได้
“ชานยอล!”เสียงหวานของคนที่เขากำลังรอเอ่ยเรียกทำให้เขาต้องหันไปมอง ลู่หานกำลังวิ่งโบกไม้โบกมือมาให้เขาอย่างร่าเริง แต่ดูเหมือนจะร่าเริงไปหน่อย ขาเรียวสะดุดเข้ากับขอบฟุตบาทเสียจนก้นจ้ำเบ้า ใบหน้าน่ารักขึ้นสีเพราะความอายแต่ก็ยังคงส่งรอยยิ้มหวานมาให้เขาอย่างน่ารัก มือเล็กเกาท้ายทอยแก้เขินก่อนจะยันตัวลุกขึ้น จัดการปัดฝุ่นที่เปื้อนตามกางเกงออกอย่างรวดเร็ว
“พี่แต่งแบบนี้แล้วน่ารักจัง”เสียงทุ้มเอ่ยชม
เขาไม่ได้อยากเอาใจอีกคน...เพียงแต่ลู่หานตอนนี่น่ารักจนเขาต้องชมต่างหาก...
“ข...ขอบคุณนะ”เสียงหวานเอ่ยขอบคุณเบาๆ ใบหน้าน่ารักขึ้นสีน้อยๆอย่างน่ารัก
วันนี้ลู่หานอยู่ในชุดไปเที่ยวที่ใส่สบาย เสื้อแขนยาวสีฟ้ากับกางเกงยีนส์ขาลอยที่กำลังเป็นที่นิยม บนศีรษะของร่างบางมีหมวกปีกใบเล็กสวมทับเรือนผมสีน้ำตาลนุ่มไว้ยิ่งทำให้ชุดที่ใส่ดูน่ารักขึ้นไปอีก
“นาย...แต่งแบบนี้ก็หล่อดี”ลู่หานเอ่ยชมอีกคนกลัวเสียงเบา วันนี้ชานยอลแต่งชุดสบายๆผิดกับคราวที่แล้วที่พวกเขาไปเที่ยวด้วยกันพร้อมกับแบคฮยอน ก็แค่เสื้อยืดกับกางเกงยันส์ขาเดปเท่านั้น...
แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเมื่อมันอยู่บนตัวของปาร์คชานยอลแล้วมันดูดีมากแค่ไหน...
“ขอบคุณครับ”ชานยอลเอ่ยรับเขินๆ
เขารู้สึกประหม่าทุกครั้งเวลาต้องอยู่กับลู่หานแบบนี้ การที่ถูกลู่หานชมทำให้เขาเขินได้ทั้งๆที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนเคยทำได้มาก่อน...
ลู่หานนี่เป็นคนที่พิเศษจริงๆ...
“พร้อมรึยังครับ?”ชานยอลเอ่ยถามก่อนจะส่งรอยยิ้มกว้างไปให้อีกคน
“อื้อ!”ลู่หานรับคำอย่างร่าเริงก่อนมือบางจะคว้ามือหนาของชานยอลมากอบกุมไว้ ขาเรียวรีบวิ่งพาร่างของตัวเองและร่างของคนที่ตนลากอยู่เข้าประตูสวนสนุกไปทันที
“ขอบัตร all day ครับ”เสียงหวานเอ่ยบอกกับพนักงานจำหน่ายตั๋ว เธอรับคำด้วยรอยยิ้มก่อนจะเริ่มพิมพ์คำสั่งลงไปที่เครื่องคิดเงิน
“กี่ท่านคะ?”
“สองคนครับ”
“ทั้งหมด.....”หญิงสาวผู้ทำหน้าที่คิดเงินเอ่ยด้วยเสียงเป็นมิตรแต่ราคามันค่อนข้างที่จะแทงใจลู่หานล่ะนะ
“เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง”เห็นใบหน้าน่ารักที่เริ่มคิดหนักชานยอลเลยตัดสินใจเอ่ยขึ้น มือหนายื่นบัตรเครดิตให้กับพนักงานสาว ไม่นานนักพวกเขาทั้งสองก็ได้กำไลข้อมือมาคนละอันซึ่งทำหน้าที่แทนบัตรที่สามารถเล่นได้ทุกเครื่องเล่นและได้ทั้งวันด้วย
“อ๊า...ความจริงพี่ไม่น่าเลือกบัตรทั้งวันเลย...มันแพงมากอ่ะ”เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างสำนึกผิด ริมฝีปากบางเบะลงน้อยๆอย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรนี่ครับ เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง บัตรทั้งวันก็ดีออกเราอุตส่าห์มากันตั้งแต่เช้าจะได้เล่นได้เยอะๆไงครับ”ชานยอลพูดให้กำลังใจอีกคน ซึ่งมันก็ดูจะได้ผลดีเพราะลู่หานส่งรอยยิ้มกว้างกลับมาให้เขาแทนคำขอบคุณ
“งั้นเราลุยกันเล้ย!!!”เสียงหวานเอ่ยอย่างตื่นเต้นก่อนจะจัดการลากอีกคนให้เดินตามตนไปทันที
ตลอดครึ่งวันชานยอลปล่อยให้อีกคนลากไปไหนมาไหนตลอด เขาไม่ได้รู้สึกเบื่อ หรือ รำคาญเลยที่คนตัวบางอ้อนนู่นอ้อนนี่ อยากไปนู่นไปนี่
แต่มันก็ไม่ได้สนุกเช่นกัน...
“อ๊า...หิวจัง”นั่งพักเหนื่อยจากการวิ่งไปเล่นนู่นเล่นนี่มาได้สักพักลู่หานก็เอ่ยออกมาเบาๆ มือบางลูบท้องตัวเองเพื่อเป็นการยืนยัน
“งั้นเราไปหาอะไรทานกันมั๊ยครับ?”ชานยอลเอ่ยถามซึ่งแน่นอนว่าคำตอบของมันก็คือ...
“ไปสิ!”
ชานยอลพาลู่หานมาที่โซนอาหารของสวนสนุก ที่นี่มีร้านอาหารน่าทานเต็มไปหมดจนเลือกไม่ถูกเลยทีเดียวล่ะ ชานยอลเลือกร้านอาหารเกาหลีเพราะคนนั้งน้อยมันทำให้บรรยากาศภายในร้านดูโปรดโปร่งและนั่งสบายนัก เขาเลือกโต๊ะที่อยู่ด้านนอกเพื่อที่จะรับลมธรรมชาติ
“ดีเลยฉันกำลังอยากกินกิมจิเลยล่ะ”ลู่หานเอ่ยอย่างตื่นเต้นก่อนจะจัดการสั่งอาหารนู่นี่นั่นเสียจนชานยอลต้องปรามเอาไว้กลัวว่าอีกคนจะสั่งเสียจนหมดร้าน
“พี่นี่กินเยอะจริงๆนะ ระวังอ้วนฉุหรอก”ชานยอลเอ่ยล้อเลียนเรียกค้อนวงโตจากคนเป็นพี่ได้เสียหลายวง
“อะไรเล่า!”ลู่หานยู่ปากอย่างไม่พอใจ ชานยอลอดไม่ได้ที่จะต้องเอื้มมือไปหยิกแก้มอีกคนด้วยความหมั่นเขี้ยว
“ย๊า!”เสียงหวานดุรุ่นน้องเล็กน้อย แต่ไอ้รุ่นน้องตัวโตก็หาได้สะทกสะท้านไม่เพราะสิ่งที่ลู่หานได้รับกลับมาก็คือการหัวเราะอย่างไม่เก็บมาดของอีกคนเท่านั้น
ดวงอาทิตย์เคลื่อนคล้อยผ่านเส้นขอบฟ้าแสงอาทิตย์อาบไล้ปุยเมฆให้กลายเป็นสีทองสว่าง สายลมอ่อนๆพัดผ่านใบหน้าทำให้เขารู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก จุดชมวิวของสวนสนุกยามเย็นแบบนี้ปลอดผู้คนเพราะต่างพากันกลับบ้านไปพักผ่อนหลังจากที่เหนื่อยมาทั้งวันกันหมดแล้ว
“ฮ้า...ชื่นใจจัง”เสียงหวานเอ่ยเบาๆสายลมอ่อนที่พัดเอากลิ่นทะเลด้านล่างขึ้นมามันทำให้เขารู้สึกสดชื่น
“สวยจังเลยนะครับ...”เสียงทุ้มเอ่ยก่อนร่างสูงจะเคลื่อนกายเข้ามายืนข้างๆคนที่กำลังซึมซับกับธรรมชาติ
“ใช่...ฉันไม่เคยดูพระอาทิตย์ตกดินที่สวยขนาดนี้มาก่อนเลย...”ลู่หานหันมายิ้มบางๆให้อีกคน มือเรียวเก็บปอยผมที่ถูกลมพัดปรกหน้าไปทัดไว้ที่หลังหู แสงอาทิตย์ยามเย็นส่องกระทบผิวขาวทำให้ภาพตรงหน้างองามราวกับภาพวาดของจิตรกรชื่อดัง
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภาพตรงหน้านั้นสวยงามเพียงใด...
“ผมหมายถึงพี่ต่างหาก...”เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเบาๆ ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าหวานของอีกคนไม่วางตา
“อ..เอ่อ...ขอบคุณ...”เสียงหวานเอ่ยเบาๆ ใบหน้าหวานก้มลงซ่องแก้มขาวที่กำลังขึ้นสีแดงระเรื่อ
ถึงมันจะเป็นประโยคเน่าๆ...แต่ลู่หานก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันน่าฟังมากแค่ไหนเพียงเพราะมันออกมาจากของร่างสูงตรงหน้าเขา
“พี่ลู่หานครับ...ผมรอคำตอบจากพี่อยู่นะ”เสียงทุ้มเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง มือหนาคว้าเอามือบางมากอบกุมไว้
“ร...เรื่องอะไรเหรอ...”
“ผมชอบพี่ครับ....”
“คบกับผมนะ...”
.
.
.
.
.
.
หงุดหงิดจริงๆ
หงุดหงิดที่สุด!!!!
ทำไมเขาต้องมีอาการน่ารำคาญแบบนี้ด้วยเนี่ย!!!
มือเรียวยกขึ้นทาบหน้าอกด้านซ้ายของตน หัวใจของเขายังคงเต้นไม่เป็นจังหวะ สัมผัสที่ข้อมือยังคงหลงเหลือ...
ทำไมนะ...
ทำไมแค่สัมผัสเท่านั้น...ส่วนที่โดนไอ้บ้านั่นสัมผัสมันถึงรู้สึกร้อนไปหมด
“งือออออออ”แบคฮยอนจัดการม้วนตัวเองเข้าไปในผ้าห่มผืนหนากลิ่งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงกว้างของตนอย่างบ้าคลั่ง
“นี่ทำอะไรอยู่วะ!!!”เสียงหวานโวยวายก่อนจะสะบัดผ้าห่มที่ม้วนอยู่รอบตัวออกก่อนจะปาลงพื้นอย่างไม่ใยดี
ทำไมเขาถึงทำตัวเหมือนสาวน้อยวัยใสที่กำลังมีความรักแบบนี้วะ!?!?!?
หรือมันจะเป็นความรัก?
“ไม่มีทาง!!!!!!!”เป็นอีกครั้งที่คุณหนูของบ้านแหกปากตะโกนลั่นบ้านเสียจนเหล่าสาวใช้พากันสะดุ้งโหยง
“คุณหนูเป็นอะรึเปล่าคะ!?!?!?”เสียงสาวใช้เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับเสียงเคาะประตูที่ดังมาอย่างต่อเนื่องทำให้แบคฮยอนสำนึกตัวว่าเขาคงจะแหกปากดังเกินไป
“ผมไม่เป็นไรครับ!”เสียงหวานตะโกนออกไปก่อนจะเดินลงไปเก็บผ้าห่มขึ้นมาจากพื้นแล้วก็ม้วนตัวเองเข้าไปอยู่ในผ้าห่มอีกครั้ง
มือเรียวถูกยกขึ้นมาปิดแก้มทั้งสองข้างที่เขาคิดว่าตอนนี้มันต้องแดงมากแน่ๆ
“เพราะแกเลยไอ้เสาไฟฟ้าเอ๊ย!”เสียงหวานบ่นเบาๆก่อนจะทิ้งตัวนอนลงกับที่นอนเอาหน้าซุกเข้าไปในหมอนนุ่มใบใหญ่
ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลยจริงๆ...
เสียงสั่นของโทรศัพท์เครื่องหรูที่วางอยู่บนหัวเตียงเรียกให้แบคฮยอนหลุดออกจากภวังค์ความคิดของตัวเอง หน้าจอแสดงหมายเลขที่ไม่ได้บันทึกไว้ในเครื่อง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย แต่มือเรียวก็เอื้อมไปรับ
“ฮัลโหล”แบคฮยอนกรอกเสียงลงไปด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย
(สวัสดีครับแบคฮยอน...นี่ผมเองนะ) ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“ผมไหน?”แบคฮยอนเอ่ยถามเสียงเรียบ
(มินโฮไงครับ...จำไมได้เหรอ)
“จำไมได้”เป็นอีกครั้งที่แบคฮยอนเอ่ยปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
(ที่เมื่อวานไปส่งคุณไงครับ...นึกดีๆสิ) มินโฮยังไม่ละความพยายามที่จะทำให้อีกฝ่ายจำตนได้
“ฉันขี่กบกลับบ้านนะเท่าที่จำได้”ที่จริงเขาจำได้ตั้งแต่เสียงทักทายแรกแล้วแหละ แต่ไม่ค่อยอยากจะคุยกับไอ้หมอนี่เท่าไหร่ ถ้าไม่ติดว่ารถเขายังมีพันธะกับมันนะ เขาจะวางสายตั้งแต่ได้ยินเสียงแล้วเหอะ
(ใจร้ายจัง...แบคฮยอนอา..)ปลายสายเอ่ยด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง
“มีธุระอะไรก็รีบพูดมาเถอะครับ...ไม่งั้นผมจะวางสายนะ”แบคฮยอนรีบตัดบทก่อนที่ปลายสายจะพาเขายืดเยื้อไปมากกว่านี้
(ผมจะมาบอกเรื่องรถคุณน่ะครับ...ออกมาเจอกันหน่อยได้มั๊ยครับ) มินโฮถามเสียงอ้อน
“เฮ้อ~ ก็ได้ครับ...ที่ไหนล่ะ”
หวังว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เจอนายนะ...
ภายในร้านอาหารหรูใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งไขว่ห้างจิบชาชั้นดีที่เขามักจะสั่งมาทานเป็นประจำ มินโฮยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูตอนนี้นาฬิกาบอกเวลาว่าเกือบหกโมงเย็นแล้ว รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้า เขานัดใครอีกคนไว้ตอนหกโมงเย็น
“สวัสดีค่ะ”เสียงต้อนรับของพนักงานสาวหน้าร้านเรียกให้เขาต้องหันไปให้ความสนใจ ร่างบางของคนที่เขารอคอยก้าวเข้ามาในร้านด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
จากที่เจอกันครั้งที่แล้วทำให้เขารู้ว่าแบคฮยอนเป็นคนที่ค่อนข้างมีฐานะเพราะไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกายหรือข้าวของเครื่องใช้ก็ล้วนราคาแพงลิบทั้งนั้น วันนี้แบคฮยอนใส่ชุดที่ดูสบายๆกว่าครั้งที่เจอที่ผับมาก เสื้อเชิ้ตสีแดงและกางเกงสีขาว ที่คอเสื้อตกแต่งด้วยหูกระต่ายสีฟาอมเขียวทำให้การแต่งตัวของคนตัวเล็กดูน่ารักขึ้นมากทีเดียว
“เชิญนั่งครับ”มินโฮลุกขึ้นผายมือไปยังเก้าอี้ว่างตรงข้ามเขาอย่างมีมารยาท
“คุณมีอะไรจะคุยครับ”แบคฮยอนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อ่าครับ...เมื่อเช้าผมโทรไปถามที่ศูนย์มาแล้ว เขาบอกว่ารถของคุณไม่เสียหายมาก แค่มีรอยถลอกนิดหน่อย ก็แค่ทำสีใหม่เท่านั้นแหละครับ พรุ่งนี้ก็เสร็จแล้ว”มินโฮเอ่ยก่อนจะส่งรอยยิ้มหวานให้อีกคน
“สั่งอาหารก่อนสิครับ...มื้อนี้ถือว่าผมขอเลี้ยงไถ่โทษก็แล้วกันนะครับ”เสียงทุ้มเอ่ยมือหนาก็จัดการเลื่อนเมนูอาหารไปไว้ที่ด้านหน้าอีกคน
แบคฮยอนแค่ยิ้มบางๆให้เป็นคำตอบ ก่อนมือบางจะรับเมนูนั้นมาเปิดดู
ก็ดีจะได้กินฟรีไปมื้อนึง...
“ขอบคุณที่เลี้ยงนะครับ”แบคฮยอนเอ่ยขึ้นหลังจากที่ตนสั่งอาหารไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“สำหรับคุณ...ผมเต็มใจครับ”มินโฮเอ่ยตอบ
แบคฮยอนแอบเบ้หน้าเบาๆเพราะความเลี่ยนของอีกคน
เน่าเป็นบ้า!
“แล้วคุณได้เบอร์ผมมายังไงล่ะครับ”คำถามนี้เล่นเอามินโฮแทบสำลักกาแฟ
“อ...อ๋อ ผมก็ฝากชานยอลมันขอน่ะครับ..ตามประสาเพื่อนเก่า”ประโยคท้ายน้ำเสียงเปลี่ยนเป็นราบเรียบอย่างเห็นได้ชัด
“ผมว่าจะถามคุณอยู่พอดี...คุณกับชานยอล...เป็นเพื่อนกันเหรอครับ?”แบคฮยอนเอ่ยถาม ใบหน้าสวยจ้องมองอีกคนด้วความสงสัย
“ก็ประมาณนั้นล่ะมั้งครับ”มินโฮตอบพร้อมกับรอยยิ้ม
“เราทานอาหารกันเถอะครับ”ไม่นานนักอาการที่พวกเขาสั่งไว้ก้มาเสิร์ฟ กลิ่นหอมน่ากินเรียกให้แบคฮยอนอดที่จะน้ำลายสอไม่ได้
“ขอตัวสักครู่นะครับ”แบคฮยอนเอ่ยก่อนจะเดินออกมาท่หน้าร้าน มือเรียวล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง
ใครโทรมาวะ...
“ฮัลโหล”
(พี่แบคฮยอนเหรอ...นี่ผมนะ)เสียงปลายสายเอ่ยออกมาอย่างโล่งอก
“อ่าฮะมีอะไรเหรอไค?”
(เย็นนี้พี่ว่างมั๊ยผมกะว่าจะชวนมาทานมื้อค่ำที่บ้านน่ะ แม่ทำบาบีคิวไว้กินหลายๆคนจะได้สนุก) ปลายสายเอ่ยออกมาอย่างร่าเริง
“คิมจงอินนนนน~ ทำไมนายไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้หน่อยเล่า! ขอโทษนะฉันมีนัดแล้ว...ฝากขอโทษคุณน้าด้วย”แบคฮยอนเอ่ยออกมาอย่างเสียดาย
(อ่าเหรอครับ...ไม่เป็นไรครับ เดี่ยวผมบอกแม่ให้ พี่ก็อย่ากลับบ้านดึกนะ แค่นี้แหละครับ บายยยยย)
“อืม บาย”แบคฮยอนเอ่ยลาก่อนจะตัดสายใบ ใบหน้าสวยมีรอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้น...
คิมจงอินน่ะมักจะเป็นห่วงเขาเสมอแหละ...
“มีปัญหาอะไรรึเปล่าครับ”ทันทีที่เขากลับมาเสียงทุ้มของอีกคนก็เอ่ยถามขึ้นทันที
“ไม่มีอะไรหรอกครับ...ทานต่อเถอะ”แบคฮยอนเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาทานอาหารตรงหน้าต่ออย่างตั้งใจ
มินโฮจ้องมองคนที่เพิ่งทำเฉยชาใส่เขาอย่างไม่วางตา...
ไม่เคยมีใครปฏิเสธเขาได้หรอกนะ...คนตรงหน้านี้ก็เหมือนกัน...
เนื่องจากแบคฮยอนไม่มีรถ ขามาเขาก็มาแท็กซี่ คราวนี้เขาถึงไม่ปฏิเสธที่จะให้มินโฮไปส่ง และแน่นอน ส่งแค่หน้าปากซอยโรงเรียนเหมือนเดิม...ข้อมือบางถูกยกขึ้นมาเพื่อดูนาฬิกา ตอนนี้เวลากว่าทุ่มครึ่งแล้ว มันไม่ดึกมากสำหรับเขา แต่เพราะช่วงนี้มีเรื่องอะไรๆมากมายคนที่บ้านเขาถึงเป็นห่วง แค่ทุ่มเดียวก็ทำให้เป็นห่วงกันแล้วล่ะ
กลิ่นหอมของน้ำหอมภายในตัวรถทำให้เขาเริ่มง่วง สงสัยว่าเขาจะทานเยอะไปหน่อย เห็นว่ามื้อนี้ทานฟรีเขาเลยกินไปเสียเต็มที่เชียวล่ะ
หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนสินะ...
แบคฮยอนขยับตัวเพื่อให้เขานั่งได้สะดวกขึ้น แต่แล้วเขากลับรู้สึกเวียนหัว
“นี่มัน...!”เสียงหวานขาดหายไปเพราะอาการวิงเวียนที่เกิดขึ้น ไปหน้าสวยหันไปจ้องมองคนขับที่ส่งยิ้มมาให้เขาเล็กน้อย
“นาย...ทำอะไร...”แบคฮยอนเค้นเสียงถามอีกคนอย่างยากลำบาก นอกจากอาการเวียนศีรษะที่เกิดขึ้นแล้ว เขายังรู้สึกว่าร่างกายมันร้อนๆและอึดอัด เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดพรายขึ้นเต็มห้าผากมน
“กว่าจะออกฤทธิ์ก็ต้องเสียเวลาขับมาตั้งครึ่งทางแล้วนะเนี่ย...”มินโฮเอ่ยเสียงเย็นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดวงตาคมปรายตามองอีกคนที่กำลังนั่งกัดฟันอยู่ที่ที่นั่งข้างคนขับ
“แก...จอด...ฉันจะลงตรงนี้!”แบคฮยอนตะโกนสั่งแต่มีหรือว่ามันจะได้ผลมินโฮไม่ได้สนใจเขาเลยด้วยซ้ำ แบคฮยอนกัดฟันแน่นด้วยความโมโห มือเรียวจัดการปลดเข็มขัดนิรภัยออกก่อนจะเอื้อมมือไปหมายจะเปิดประตูรถ แต่ก็ถูกมือหนาของมินโฮมารวบไว้ได้ก่อน
“อยากตายนักรึไงห๊ะ!”ชายหนุ่มคำรามลั่นดวงตาคู่คมจ้องมองถนนสลับกับใบหน้าสวยอย่างเอาเรื่อง
“ปล่อย!”เสียงหวานตะโกนสั่งก่อนจะพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงที่ไม่ค่อยมีในตอนนี้ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้เพื่อให้หลุดออกจากการกอบกุมของอีกฝ่าย
“อึก!...ปล่อย!”ฟันคมขบลงที่ริมฝีปากบางอย่างแรงเพื่อกลั้นเสียงที่อาจจะดังเล็ดรอดออกมา ส่วนที่ถูกสัมผัสมันร้อนไปหมด ความเสียวซ่านแล่นไปทั่วร่างประกอบกับไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศภายในตัวรถที่ทำให้อดไม่ได้ที่จะต้องส่งเสียงออกมาจากลำคอ
“หึ...ทรมานมากใช่มั๊ยล่ะ? ทนอีกหน่อยแล้วกันนะครับแบคฮยอน เดี๋ยวถึงเมื่อไหร่ผมจะช่วยคุณเอง”เสียงทุ้มเอ่ยอย่างมีเลศนัยมือหนาปล่อยมือบางที่อ่อนแรงนั้นให้เป็นอิสระก่อนจะเลื่อนไปสัมผัสเบาๆบริเวณข้างแก้มใสก่อนจะลากไล้ลงมาตามลำคอขาวแสนยั่วยวยนั้น เรียกเสียงครางหวานที่พยายามกลั้นของอีกคนได้เป็นอย่างดี
“อ๊ะ...อึก..เอามือของแกออกไป!”มือบางที่ไร้เรี่ยวแรงพยายามปัดมือของมินโฮออกอย่างสุดกำลัง รอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา มินโฮละมืออกจากคนตัวเล็กที่กำลังนั่งหอบหายใจด้วยความทรมานแล้วหันกลับไปสนใจกับถนนข้างหน้าแทน
“อึก....”แบคฮยอนกัดฟันแน่นเข้าไปอีก มือเรียวทั้งสองข้างยกขึ้นบีบต้นแขนของตัวเองเพื่อระบายความเสียวซ่าน
เขาไม่น่าเสียรู้ไอ้บ้านี่เลยจริงๆ!
เสียชื่อหมดโว๊ยบยอนแบคฮยอน!!
หลังจากที่รถจอดนิ่งที่ลานจอดรถ แบคฮยอนก็พยานามใช้แรงที่เหลืออยู่ในการหนีให้พ้นๆจากร่างสูงของมินโฮ แต่ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ไม่สามารถสู้แรงของมินโฮได้อยู่ดี
“ปล่อย!”แบคฮยอนเริ่มออกแรงสบัดตัวออกจากอ้อมแขนของอีกคน มินโฮพยายามลากคนที่ควรจะหมดแรงไปแล้วให้เดินตามไปยังห้องพักที่ตนจองไว้
“ยาที่ให้นายไปมันน้อยไปใช่มั๊ยถึงได้ยังมีแรงมาดิ้นโวยวายแบบนี้น่ะ!”เสียงทุ้มตะโกนออกมาอย่างเหลืออด
เรื่องง่ายๆแต่แบคฮยอนกำลังทำให้เรื่องนี้มันยากขึ้นจนเขาหงุดหงิด
“ปล่อยสิวะ!”แบคฮยอนเริ่มออกแรงดิ้นแรงยิ่งกว่าเดิมจนในที่สุดก็หลุดออกจากอ้อมแขนของมินโฮได้ แบคฮยอนพยายามพาร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงให้เคลื่อนที่ไปให้ห่างจากมินโฮเท่าที่จะทำได้
“ยาแค่นั้นมันไม่พอใช่มั๊ย”มินโฮเอ่ยรอดไรฟันอย่างข่มอารมณ์ มือหนาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบขวดแก้วสีชาขนาดเล็กขึ้นมาแล้วสาวเท้าตรงไปหาคนที่พยายามหนีอย่างรวดเร็ว
มือหนาคว้าต้นแขนเล็กของอีกคนไว้อย่างแรงก่อนจะกระชากให้แบคฮยอนหันหน้ามาหาตน มินโฮละมือออกจากต้นแขนบางนั้นก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นบีบคางมนเพื่อเป็นการบังคับให้ริมฝีปากสวยนั้นเผยอเปิดออก
“อึก!”มินโฮเปิดฝาขวดทิ้งอย่างไม่ใยดีก่อนจะจัดการกรอกของเหลวในขวดสีชานั้นลงไปในปากของอีกคนจนหมด
“แค่ก! แค่ก!”แบคฮยอนสำลักทันทีที่มีอะไรบางอย่างถูกบังคับให้ไหลลงไปในคอของเขา ร่างบางทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง ดวงตาคู่สวยตอนนี้ปรือปรอยราวกับคนไม่ได้สติ
“หึ!”มินโฮหัวเราะหึในลำคออย่างผู้เหนือกว่าก่อนจะก้มลงช้อนร่างบางที่ทรุดนั่งหมดเรี่ยวแรงอยู่ที่พื้นขึ้นพาดบ่าแล้วเดินตรงกับไปยังทิศที่ต้องการทันที
มินโฮจัดการปล่อยร่างที่พาดอยู่บนบ่าลงเตียงกว้างทันทีที่เขามาถึง ชายหนุ่มถอดเสื้อนอกที่ตนสวมใส่อยู่โยนลงพื้นอย่างไม่ใยดี
แบคฮยอนจ้องมองภาพที่พร่าเบลอด้านหน้าอย่างมึนงง แต่บางอย่างสั่งให้เขาต้องพยายามหนีไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ร่างที่สติเรือนรางค่อยๆยันตัวลุกขึ้นแล้วลากร่างกายที่อ่อนแรงของตัวเองเพื่อหนีให้พ้นตามสัญชาติญาณ แต่ร่างกายของเขากลับขยับไม่ได้ดังใจคิด
“นายหนีฉันไม่พ้นหรอก...ลูกแมวน้อย...”มินโฮเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าหลังจากที่เขาปลดเปลื้องอาภรณ์ท่อนบนไปจนหมดแล้ว มือหนาคว้าร่างที่อ่อนแรงให้กลับขึ้นมานอนที่เตียงดีดี
“ถ้านายทำตัวน่ารักล่ะก็...ฉันก็จะอ่อนโยนกับนายล่ะนะ”เสียงทุ้มกระซิบเบาๆที่ข้างใบหูบางก่อนมือหนาจะเกลี่ยปอยผมที่ชื้นเหงื่อออกจากใบหน้าสวย
“แต่นายทำหน้าอย่างงี้ฉันคงอ่อนโยนกับนายไม่ได้หรอกนะ”ชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าสวยที่ตอนนี้แสดงอาการที่เรียกว่ายั่วยวนออกมาอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาคู่สวยที่ปรืปรอยคล้ายคนเมา ริมฝีปากบางที่เผยอขึ้นเพื่อรับเอาอากาศหายใจเข้าไปให้ได้มากกว่าที่เป็นอยู่ แล้วยังแก้มขาวที่ขึ้นสีเรื่อเพราะฤทธิ์ยานั่นอีก
เป็นใครใครก็อดใจไม่ไหวทั้งนั้นแหละ!
มือหนาจัดการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีแดงสวยของอีกคนช้าๆ ทุกครั้งที่มือของเขาสัมผัสกับแผ่นอกบางผ่านเสื้อเชิ้ตตัวสวย ร่างเล็กข้างใต้จะสะดุ้งเสมอ
อาการตอบสนองอย่างตรงไปตรงมาของร่างกายตรงหน้าทำให้มินโฮอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“อื้อ...”เสียงครางหวานที่เล็ดรอดออกมาจากริมฝีปากบางไม่ได้ถูกกลั้นไว้อีกต่อไป มันทำให้ชายหนุ่มมั่นใจว่ายาคงจะออกฤทธิ์อย่างสมบุรณ์แล้ว
“อ๊ะ!”จากที่ตอนแรกค่อยๆปลดอย่างเบามือ ชายหนุ่มก็เปลี่ยนมาเป็นกระชากกระดุมเสื้อเสียจนกระเด็นไปทั่ว ทำเอาร่างบางสะดุ้งตามการกระทำนั้นอย่างแรง
“อ๊ะ...หยุด...”เสียงหวานเอ่ยห้ามปรามเสียงสั่น ขณะที่อีกคนเริ่มที่จะลิ้มรสหอมหวานของผิวขาวที่ข้างลำคอระหงส์ก่อนจะไล้เลียมาจนถึงลาดไหล่บาง ไหปาร้าและแผ่นออกบาง
“อ๊ะ....อื้อ!”ยิ่งได้ยินเสียงครางหวานหูของอีกคนยิ่งทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะกลั่นแกล้งคนตัวเล็กนี่ มือหนาสัมผัสเบาๆที่ขอบกางเกงของร่างบางก่อนจะลากต่ำลงมาเรื่อยๆ...เรื่อยๆ
ความสนุกสนานในการกลั่นแกล้งคนตัวเล็กราวกับสิ่งยั่วยุชั้นดีจนเขาไม่อาจจะให้ความสนใจกับสิ่งอื่นใดรอบตัวได้เลยแม้กระทั่งว่า
ประตูห้องพักที่ยังปิดไม่สนิทด้วยซ้ำ!
“แก!!!”เสียงทุ้มที่ตะโกนออกมาอย่างเดือดดาลทำให้การกระทำทุกอย่างของมินโฮชะงักลง ไหล่หนาถูกผู้มาใหม่กระชากให้หันมาก่อนหมัดหนักๆจะพุ่งตรงมายังเขาอย่างแรงเสียจนล้มลงไปกับพื้น
“ไอ้สารเลวเอ๊ย!”ชานยอลคำรามลั่นหลังจากที่เหลือบไปเห็นสภาพที่สติเรือนรางของร่างบางที่ไร้ทางสู้บนเตียงอารมณ์เดือดดาลของเขาก็เพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
มินโฮปาดเลือดที่ไหลออกจากมุมปากช้าๆ ดวงตาคมจ้องมองไปยังร่างสูงที่กำลังโมโหอยู่ด้านหน้าตนอย่างเอาเรื่องก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปสวนหมัดใส่ใบหน้าหล่อเหลาของชานยอลทันที
ทั้งคู่แลกหมัดกันอยู่นานแต่เหมือนมันจะยังไม่รู้ผลเสียที ดวงตาคมของมินโฮเหลือบไปเห็นเสื้นอกที่เขาถอดทิ้งไว้ ชายหนุ่มรีบพุ่งตัวไปคว้ามาไว้ในกำมือก่อนที่ชานยอลจะทันตั้งตัว กระบอกโลหะสีดำก็พุ่งมาจ่อหน้าของเขาไว้แล้วทำให้เขาหยุดการกระทำทุกอย่างโดยอัตโนมติ
“แกก็รู้ว่ายิงฉันไปก็เท่านั้น”ชานยอลเอ่ยก่อนจะเค้นยิ้มเยาะเย้ยให้อีกฝ่าย
“ใครว่าฉันจะยิงแกชานยอล...”สิ้นเสียงเอ่ยกระบอกปืนก็เปลี่ยนทิศจากใบหน้าหล่อเหลาของชานยอลไปยังร่างบางที่นอนแทบไร้สติอยู่บนเตียงกว้าง
“แก...ต้องการอะไร”ชานยอลเอ่ยถามเสียงเครียด
“ทำเหมือนที่แกเคยทำนั่นแหละชานยอล...ถ้าไม่อยากให้แบคฮยอนตายละก็ออกไปจากห้องซะ!”มินโฮเอ่ยสั่งเสียงดัง
ชานยอลขบฟันแน่น มองไปยังกระบอกปืนอย่างใช้ความคิด เหมือนว่าเขาจะคิดนานไม่ทันใจอีกฝ่าย มินโฮเลยปลดสลักดังกริ๊กให้เขาใจหายเล่น ชานยอลยกมือสองข้างขึ้นช้าๆก่อนขายาวจะค่อยๆถอยหลังออกไปเรื่อยๆ
“เร็วๆ!”มินโฮตะโกนไล่ ดวงตาคมเอาแต่จ้องชานยอลอย่างเอาเรื่อง
“อั่ก!”ไม่ทันที่ใครได้ตั้งตัวร่างของมินโฮก็ทรุดลงกับพื้นพร้อมกับสติที่หายไป
ชานยอลมองภาพด้านหน้าอย่างตะลึง แบคฮยอนที่เมื่อครู่เหมือนจะไร้เรี่ยวแรงเต็มทีกำลังนั่งหอบหายใจอยู่บนเตียงในมือบางมีสิ่งที่คาดว่าน่าจะเคยเป็นโคมไฟแตกละเอียดเพราะการใช้กระแทกเมื่อครู่
ดวงตาคู่สวยที่เริ่มเลื่อนลอยของแบคฮยอนจ้องมาที่เขาก่อนร่างโงนเงนนั้นจะล้มลงไปนอนที่เตียงอย่างหมดแรง ชานยอลรีบพุ่งเข้าไปประคองร่างที่ไร้เรียวแรงก่อนจะเหลือบไปมองร่างสูงที่นอนหมอยอยู่ที่พื้น ศีรษะของมินโฮมีเลือดไหลอาบมากอยู่ แต่จากที่ดูชานยอลคิดว่าคงไม่ถึงชีวิต เขาตัดสินใจเอาปลายเท้าเขี่ยๆร่างนั้นด้วยความสงสัย แต่ก็ไร้การตอบโต้ใดๆทำให้เขามั่นใจว่ามินโฮหมดสติไปแล้วจริงๆ
ชานยอลอุ้มร่างไร้เรี่ยวแรงของแบคฮยอนไปที่รถของตัวเองทันทีก่อนจะขับออกไปอย่างรวดเร็ว
“นาย...ไปบ้านฉันก่อนแล้วกัน”ชานยอลเอ่ยเบาๆ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นการพยักหน้าเบาๆเช่นกัน ใช้เวลาไม่นานนักเขาก็พาร่างบางมาถึงบ้านได้ในที่สุด
ชานยอลจัดการหาเสื้อตัวใหม่มาให้คนตัวเล็กใส่ และปรับอุณภูมิของเครื่องปรับอากาศให้เย็นขึ้น แต่มันก็ดูจะไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่นัก เพราะแบคฮยอนยังคงนอนคุดคู้กอดตัวเองแน่น ลงหายใจหอบถี่และเสียงครางเป็นระยะทำให้เขารับรู้ได้ว่าแบคฮยอนกำลังทรมานมากแค่ไหน
“ไหวรึเปล่า?”ชานยอลเอ่ยถามเบาๆ มือหนาเอื้มไปสะกิดต้นแขนของคนที่นอนคดอยู่บนเตียง ร่างบางสะดุ้งก่อนจะ ส่ายหน้าเบาๆให้เป็นคำตอบ
“เอาน้ำมั๊ย?”คนตัวเล็กส่ายหน้า
“อยากได้อะไรก็บอกแล้วกัน”ชานยอลถอนหายใจ
“เดี๋ยว...”ยังไม่ทันจะได้ลุกไปจัดการตัวเองข้อมือของเขาก็ถูกมือบางรั้งเอาไว้ชานยอลเลยต้องหันกลับมาให้ความสนใจ
“ช่วยฉันหน่อย...”
TBC.
TALK. สวัสดีค่ะคนอ่านทุกท่าน >< เพชรเอาตอนเจ็ดมาลงให้แล้วจ้าาาา อย่าเพิ่งคิดว่าชเวมินโฮมันจะหมดบทแค่นี้นะจ๊ะ อุอุ อ่ะเข้าเรื่องๆ เพชรจะบอกว่าไม่ซีเรียสเรื่องนักอ่านเงานะ #แค่มีคนอ่านก็ฟินแล้วจ้า แต่ถ้าสมมติว่าเพชรจะสอบถามอะไรแบบนี้อยากจะให้มาตอบกันอ่ะค่ะ เพราะบางเรื่องมันต้องเอาคำตอบแน่นนอนจริงๆ
อันนี้ถามเล่นๆนะยังไม่ซีเรียส ถ้าเพชรจะร่วมเล่มจะมีคนซื้อมั๊ยคะ? #อยากมีอารมณ์แบบรวมเล่มมั่งอ่ะ ฟิคเรื่องนี้น่าจะมีประมาณ 20 ตอนนะคะ ตอนนี้เพชรก็ลองจัดหน้ากระดาษเล่นๆ ถ้ามันมี 20 ตอนจริง มันจะมีความหนาประมาณ 380-400 หน้า =[]= คือมันยาวกว่าที่คิดมาก ฮ่าๆๆๆๆ ตอนแรกเพชรกลัวว่ามันจะไม่ถึง 300 หน้า
เราจะมาแอบบอกล่ะ #แอบ? พออัพเรื่องนี้จบเพชรจะแต่งฮาร์ตชอท(ฮุนแบค)ที่ดองไว้ต่อจ้า!!! *ปรบมือ!!! แล้วเพชรก็วางพล๊อตฟิคชานแบคเรื่องต่อไปไว้แล้ว คาดว่าจะลงต่อฮาร์ตชอท ไม่นานอย่างที่คิดหรอค่ะ ถ้าเพชรมีมหาลัยเรียนแล้วฟิคจะอัพเร็วมาก ฮ่าๆๆๆๆๆๆ จองไว้เลยนะชื่อเรื่อง ซุป'ตาร์ จ่ะ แต่เป็นภาษาอังกฤษนะ >< อย่าลืมติดตามเรื่องอื่นๆของเค้าด้วยน้าา
โอเค...วันนี้คุยยาวมากค่ะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาตลอดนะคะ เจอกันตอนหน้า วันอาทิตย์ที่ 11 นะคะ บายยยยยยยย #โบกมือ
ความคิดเห็น