ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] Play Boy's GAME (Chanyeol x Baekhyun) | END.

    ลำดับตอนที่ #6 : CHAPTER 5 | complete.

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 55


     CHAPTER  5
    16.10.12 | 50% + 18.10.12 | 100%

     

     

     

     

     

    ปี๊ดดดดดดด

     

    เสียงเป่านกหวีดเป็นสัญญาณของการได้ประตูเพิ่มดังขึ้นท่ามกลางเสียงที่พากันโห่ร้องของเหล่ากองเชียร์และลูกทีมสีแดง

     

    “เฮ้ยๆๆๆ  ทำไมวันนี้แบคฮยอนมันโหดจังวะ”เสียงเพื่อนคนหนึ่งในทีมสีฟ้าเอ่ยขึ้นเบาๆซึ่งคนอื่นๆไม่ว่าจะทีมสีฟ้าหรือทีมสีแดงก็พากันเห็นด้วยทั้งนั้น

     

    วันนี้บยอนแบคฮยอนสวมวิญญาณสไตร์เกอร์ยิงเอาๆซะจนตาข่ายแทบทะลุ!

     

    น่ากลัวมาก...

     

    แบคฮยอนยืนท้าวเอวอยู่กลางสนามด้วยอารมณ์หงุดหงิด  ปกติวิชาพละนี่เป็นวิชาที่เขาชอบที่สุดนะ  แต่วันนี้มันไม่ปกติไงล่ะ!  มือเรียวขยับผ้าพันคอให้เข้าที่ก่อนจะสูดน้ำมูกอีกสองสามครั้ง

     

    สภาพของบยอนแบคฮยอนอนาถที่สุดในประวัติการณ์  ความเจ็บปวดที่สะโพกไม่ได้มีการทุเลาลงเลยแม้แต่นิด  เมื่อเช้าเจ็บยังไงตอนนี้ก็ยังเจ็บอย่างนั้น!  ไหนจะไอ้อาการปวดหัวหนึบๆกับอาการหนาวๆร้อนๆนี่อีก...หงุดหงิดที่สุด!

     

    ใจจริงก็อยากจะปลีกวิเวกจากไอ้วิชาที่ต้องขยับตัวมากๆแบบนี้นะ  สภาพร่างกายเขาก็ยังไม่ค่อยพร้อมแถมไอ้ชุดพละบ้าๆนี่มันก็ไม่ได้ปกปิดอะไรเลย...

     

    รอยงี่เง่าที่ไอ้งี่เง่านั่นทำไว้มันก็พากันเสนอหน้าอวดตัวกันหมดน่ะสิ!!!!

     

    และก็เป็นโชคร้ายที่สุดในประวัติการณ์ของเขาเช่นกันที่วันนี้ดันมีสอบวิชาพละ!

     

    คนหล่ออยากจะบ้า!

     

    “เฮ้ย  แบคฮยอนฉันว่านายไปพักก็ได้นะ  หน้านายแดงไปหมดแล้ว...”เพื่อนร่วมทีมคนหนึ่งที่เป็นหน่วยกล้าตายเสี่ยงชีวิตเดินมาถามอาการคนที่วันนี้ยิงประตูไปแล้วห้าประตูด้วยความเป็นห่วง

     

    “ฉันไม่เป็นไร...เล่นต่อเหอะ”เสียงหวานที่ตอนนี้ติดจะแหบแห้งเอ่ยบอกก่อนจะสะบัดมือไล่เพื่อนให้กลับไปประจำที่

     

    ใจจริงแล้วเขาก็อยากจะเดินเข้าไปนอนแอร์เย็นๆที่ห้องพยาบาลนะ  แต่พอเหลือบไปเห็นใบหน้าโง่ๆของไอ้คนที่นั่งเป็นตัวสำรองทีมเขาอยู่มันก็อดไม่ได้

     

    เฮอะ! รอเสียบอยู่ล่ะสิ  ถ้าเขาไปห้องพยาบาลล่ะก็คนที่จะมาเปลี่ยนตัวแทนจะเป็นใครไปได้ล่ะนอกจาก...

     

    ปาร์ค ชานยอล!

     

    ฝันไปเหอะ!

     

    ปี๊ดดดดดดด

     

    เสียงสัญญาณนกหวีดเริ่มเกมในครึ่งหลังดังขึ้นเรียกให้ดวงตาคู่สวยละออกจากคู่ปรับตัวฉกาจมาสนใจลูกกลมๆที่ปลายเท้าแทน

     

    ร่างเพรียวบางของแบคฮยอนเลี้ยงลูกบอลหลบฝ่ายตรงข้ามได้อย่างชำนาญราวกับนักกีฬาเลยก็ว่าได้  แบคฮยอนเป็นคนที่ชื่นชอบกีฬาเป็นที่สุด  เขาเล่นได้แทบทุกชนิดนั่นแหละ...

     

    และฟุตบอลก็เหมือนกัน!

     

    ใช้เวลาไม่นานเขาก็พาลูกเข้ามาอยู่เกือบถึงกรอบเขตโทษ  กองหลังทีมสีฟ้ารีบวิ่งออกมาสกัด  ขาเรียวหยุดบอลไว้เพื่อดูช่องทาง  มองซ้ายมองขวาจนได้ช่องทางแล้วก็ก้มมองลูกบอลที่ปลายเท้า...

     

    คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย...สงสัยอาการป่วยของเขาจะไม่ใช่เรื่องเล่นๆเสียแล้ว...

     

    เจ้าลูกกลมๆที่ปลายเท้าดันแยกร่างอย่างกับนินจา!

     

    ใบหน้าสวยสะบัดไปมาเพื่อให้อาการตาลายหายไป  แต่ดูเหมือนมันจะได้ผลตรงกันข้างเสียอย่างนั้น  ร่างบางจึงตัดสินใจเงยหน้าขึ้น  แต่อาจจะเป็นเพราะเงยหน้าเร็วเกินไปทำให้เขาหน้ามืด  แบคฮยอนเสียหลักหงายหลังล้มลงไปพร้อมกับสติสุดท้ายที่ค่อยๆจางหายไปด้วย

     

     

     

     

     

     

    ชานยอลมองตามร่างของแบคฮยอนที่เลี้ยงลูกบอลหลบหลีกคู่ต่อสู้ด้วยความคล่องแคล่ว  ดูถ้าบยอนแบคฮยอนจะเป็นคนที่มีความสามารถทางด้านกีฬาสูงพอควรเชียวล่ะ  เขาคิดว่าอาการป่วยของแบคฮยอนอาจจะดีขึ้นแล้วก็เป็นได้  เพราะเจ้าตัวก็ดูจะสนุกสนานกับวิชาที่ชอบอยู่ไม่น้อย

     

    แต่ไอ้ท่าวิ่งแปลกๆเดี๋ยววิ่งเดี๋ยวหยุดนั่นก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าร่างบางยังคงมีอาการปวดสะโพกอยู่แน่นอน  เหมือนจะรู้ตัวว่าถูกจ้องใบหน้าสวยเลยเบือนมาสบกับเขาก่อนคิ้วเรียวจะขมวดเข้าหากันอย่างหงุดหงิด  ริมฝีปากสวยคู่นั้นก็เอ่ยไร้เสียงซึ่งเขาจับความหมายได้ว่า รอเล่นอยู่ล่ะสิ  ฝันไปเหอะ

     

    ตอนแรกเขาก็ไม่ได้อยากเล่นอะไรมากมายหรอกนะ  แต่พอเห็นใบหน้าสวยนั่นกำลังยิ้มเยาะเขาอย่างกวนโอ๊ยแบบนี้มันก็อดไม่ได้ที่จะต้องกวนบาทากลับไป  เขาเลยยักคิ้วให้เป็นเชิงว่า ทำได้ก็ลองดูสิ  ไปให้อีกคน  ซึ่งมันก็ดูจะได้ผลไม่น้อย  เพราะบยอนแบคฮยอนดันคึกเล่นซะอย่างกับจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เล่นยังไงอย่างงั้น

     

    หมดเวลาครึ่งแรกใบหน้าสวยขึ้นสีจัดจนหน้ากลัว  อาจเป็นปกติของเจ้าตัวที่เลือดไหลเวียนดีแบบนั้นเวลาออกกำลังกายหรือเป็นเพราะว่าพาไข้ที่รุมเร้ามาตั้งแต่เช้ากันแน่...ชานยอลก็ไม่อาจรู้ได้

     

    แต่อาการเดินไม่ค่อยจะคล่องยืนไม่ค่อยจะตรงนั่นก็แสดงให้เห็นว่าแบคฮยอนอาการไม่ค่อยดีแล้วจริงๆ  เขาเลยสะกิดบอกให้คนข้างๆลุกไปถามไถ่อาการหน่อยซึ่งแบคฮยอนก็ปฏิเสธตามคาด...

     

    จะดื้อไปถึงไหนกันบยอน แบคฮยอน?

     

    เกมครึ่งหลังเริ่มขึ้นแบคฮยอนกยังคงเล่นได้ดีเหมือนครึ่งแรก  แต่อาการวิ่งไม่ค่อยมั่นคงและหอบหายใจมากกว่าปกติก็ไม่อาจหลุดพ้นสายตาของชานยอลไปได้  ทั้งตอนที่แข่งบาสหรือไปหาลู่หานที่ชมรมฮับคิโดเขาไม่เคนเห็นแบคฮยอนหอบหายใจหนักขนาดนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว  คาดว่าปอดของคนตัวเล็กคงแข็งแรงมากแน่ๆ...

     

    คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นภาพแบคฮยอนที่ยืนก้มหน้าปะทะกับกองหลังของอีกฝ่าย  คนตัวเล็กไม่มีท่าทีว่าจะขยับไปทางไหนเลยสร้างความสงสัยให้กับเขาและคนอื่นๆได้เป็นอย่างดี

     

    ไม่ทันที่ใครจะได้ตั้งตัวร่างบางที่ยืนโงนเงนนั่นก็ล้มลงไปกลางสนามท่ามกลางความตกใจของเหล่าเพื่อนร่วมชั้นทุกคนเป็นอย่างมาก

     

    เร็วเท่าความคิดขายาวก็พาร่างตัวเองวิ่งลงไปที่สนามเพื่อดูอาการของคนป่วยทันที

     

    “พาไปห้องพยาบาลก่อนเหอะ!”เสียงเพื่อนคนหนึ่งดังขึ้นเมื่อชานยอลวิ่งเข้าไปถึง

     

    “เดี่ยวฉันพาไปเอง...”สิ้นเสียงโดยไม่รอให้ใครทักท้วงแขนแกร่งก็ช้อนร่างบางที่นอนหมดสติขึ้นแนบอกก่อนขายาวจะพาเขาและร่างในอ้อมแขนไปห้องพยาบาลทันที

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    แพขนตายาวค่อยๆขยับเผยให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลอ่อนด้านใน  ใบหน้าหวานยู่ลงเล็กน้อยเพราะอาการปวดหนึบๆทั่วศีรษะ

     

    “อือ...”เสียงครางเบาๆดังขึ้นเรียกให้อีกคนที่กำลังเคลิ้มๆต้องลืมตาขึ้นมาให้ความสนใจ

     

    “พี่แบคฮยอนเป็นไงมั่งพี่?”เสียงทุ้มของคนอายุน้อยกว่าเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

     

    “ไค?”แบคฮยอนเอ่ยเรียกชื่ออีกคนเบาๆ  เขารู้สึกได้ว่าลำคอแห้งผาก  กว่าจะเปล่งคำพูดได้แต่ละคำก็ลำบากเสียเหลือเกิน

     

    ค่อยๆลุกนะพี่ไคค่อยๆพยุงคนปวดให้ลุกขึ้นนั่งดีๆ

     

    ดวงตาคู่สวยสำรวจทั่วห้อง แบคฮยอนพบว่าเขาอยู่ที่ห้องพยาบาล...สงสัยว่าไข้คงจะขึ้นจนหน้ามืดล่ะมั้ง

     

    พี่จะกลับบ้านเลยมั๊ยนี่ก็เลิกเรียนได้สักพักแล้วแบคฮยอนพยักหน้าเบาๆเป็นคำตอบ  เขาปวดหัวเกินกว่าจะตอบอะไรตอนนี้

     

    ผมไปส่งดีกว่า

     

     

     

     

     

     

     

    ป่วยรอบนี้ไม่ปกติเลยนะพี่?เสียงทุ้มของคนข้างๆเอ่ยขึ้นเรียกให้คนที่กำลังเดินมึนๆกลับบ้านอยู่ต้องหันไปให้ความสนใจ

     

    ยังไงอ่ะแบคฮยอนถามกลับด้วยความสงสัย

     

    ก็ปกติพี่อ่ะแข็งแรงจะตาย แล้วจู่ๆมาป่วยหนักแบบนี้ไม่แปลกได้ไงคนอายุน้อยกว่าแต่ตัวใหญ่กว่าพูดไปหัวเราะไป ก่อนมือหนาจะกระชับผ้าพันขอสีขาวบนคอของอีกคนให้แน่นขึ้น แบคฮยอนยู่ปากเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าตัวเองชักจะเหมือนเด็กเข้าไปทุกทีแล้ว  คนป่วยพยายามเดินออกมาไกลๆให้พ้นรัศมีแขนยาวของอีกคน

     

    นายอย่าทำเหมือนฉันเป็นเด็กได้มั๊ยเล่า!! ถึงจะป่วยแต่ฉันดูแลตัวเองได้น่าเบะปากให้อีกหนึ่งทีแสดงให้เห็นว่าไม่พอใจ

     

    คร้าบๆเสียงหัวเราะเบาๆที่ดังขึ้นเรียกค้อนวงใหญ่จากคนป่วยได้เป็นอย่างดี

     

    ไปละ...กลับบ้านดีๆนะ บายแบคฮยอนบอกลาคนที่เดินมาส่งถึงหน้าบ้านก่อนจะเดินเข้าบ้านไป

     

    ไคมองตามแผ่นหลังเล็กที่หายเข้าไปในบ้าน  เมื่อไหร่กันนะที่แผ่นหลังนั่นดูบอบบางน่าทะนุถนอมขนาดนี้?

     

     

     

     

     

     

    เด็กน้อยนั่งมองบ้านหลังใหญ่ข้างๆด้วยความสนใจ  ทั้งๆที่เมื่อก่อนมันเป็นพื้นที่รกร้างให้เขาวิ่งเล่นแท้ๆ แค่ไม่กี่เดือนก็กลายเป็นบ้านหลังใหญ่อย่างกลับปราสาทไปซะแล้ว

     

    ไม่ชอบเลย...

     

    กิ๊งงงงงงก่องงงงงงง

     

    เสียงออดดังขึ้นก่อนร่างของผู้เป็นแม่จะวิ่งออกไปดูว่าใครมา  เด็กน้อยจ้องมองด้วยความสนใจก่อนจะจะลุกจากชิงช้าตัวโปรดที่พ่อเป็นคนทำให้ไปดูด้วย

     

    สวัสดีครับคุณน้า ผมชื่อแบคฮยอนฮะ เพิ่งย้ายมาอยู่บ้านข้างๆคุณน้าเมื่อกี้น้เองฮะ!”น้ำเสียงใสเจื้อยแจ้วออกมาอย่างเป็นมิตร  ใบหน้าน่ารักเผยยิ้มกว้างอย่างจริงใจ

     

    อ้าวเหรอจ๊ะ หนูชื่อแบคฮยอนสินะ...น่ารักจังเลยหญิงสาวยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู  เด็กน้อยตรงหน้าเธอมีใบหน้าที่น่ารักราวกับนางฟ้าตัวน้อยๆ  ดูจากเครื่องแต่งกายยี่ห้อดังที่เด็กน้อยใส่อยู่คงดูได้ไม่ยากว่าฐานะทางบ้านคงจะร่ำรวยน่าดู

     

    อ๊ะ! นี่ๆนายชื่ออะไรเหรอ ฉันชื่อแบคฮยอนนะอยู่บ้านข้างๆตอนนี้หกขวบแล้ว!”เสียงใสๆเอ่ยทักทันทีที่ดวงตาคู่สวยเหลือบไปเห็นตัวเล็กๆของเด็กน้อยอีกคนที่กำลังยืนหลบอยู่หลังคุณน้าคนสวยข้างบ้าน

     

    เอ้าตอบพี่เค้าไปสิจ๊ะหญิงสาวเอ่ยก่อนจะค่อยๆดันหลังลูกชายให้ออกมายืนที่ด้านหน้า

     

    ชื่อจงอิน...สี่ขวบ...เด้กน้อยตอบเสียงเบาก่อนจะวิ่งกลับไปหลบอยู่หลังผู้เป็นแม่เหมือนเดิม

     

    สวัสดีจงอิน...ฉันแบคฮยอนนะ! เรียกว่าพี่แบคฮยอนสิ!”รอยยิ้มแสนสดใสถูกส่งมาให้เขา

     

    และนั่นเป็นครั้งแรกที่คิมจงอินได้รับรู้คำว่าดวงตะวัน....

     

     

     

     

     

     

    เย้!!!  ผมสูงกว่าแล้ว!!”เสียงเจีวจ๊าวดังไปทั่วบ้านหลังเล็ก

     

    ย๊า!!!  อะไรกัน!!!”แล้วก็ตามด้วยเสียงโวยวายอย่างไม่พอใจ

     

    พี่แบคฮยอน..นี่ๆเด็กน้อยจงอินวัยเจ็ดขวบยิ้มยีงฟันก่อนจะพองลมในแก้มแล้วเอานิ้วจิ้มๆที่แก้มของตัวเอง

     

    อะไร?เด็กน้อยบยอนแบคฮยอนวัยเก้าขวบถามกลับห้วนๆก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทางอย่างไม่ยอมรับรู้

     

    จงอินและแบคฮยอนเป็นเพื่อนบ้านกันมาสามปีแล้ว  หลังจากวันนั้นแบคฮยอนก็มักจะมาเล่นที่บ้านของเขาทุกวัน

     

    ไม่เอาดิ ก็พี่สัญญาแล้วไงจงอินเบะปากเล็กน้อยอย่างไม่ค่อยพอใจ

     

    สัญญาอะไรฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลยแบคฮยอนพูดก่อนจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

     

    ก็ปีที่แล้วพี่สัญญาเองนี่ว่าถ้าผมสูงกว่าพี่เมื่อไหร่จะให้รางวัลอ่ะ

     

    เดี๋ยวพรุ่งนี้จะซื้อขนมมาฝากละกัน

     

    ม่ายยยยยยยยยยยอ่ะ!!!!! จุ๊บไงจุ๊บ!”เด็กน้อยจงอินโวยวายก่อนจะกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงอย่างงอแง  มือก็คว้าหมับเข้าที่ตัวของพี่ชายข้างบ้านก่อนจะลากลงมานอนบนเตียงด้วยกัน

     

    จงอิน!!!!”แบคฮยอนร้องลั่นด้วยความตกใจ  ตอนนี้เขากำลังถูกคนอายุน้อยกว่าล็อคไว้ไม่ให้ไปไหน

     

    ให้รางวัลผมสิแล้วจะปล่อยเด็กน้อยจงอินส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้อีกคน

     

    ใบหน้าน่ารักขึ้นสีน้อยๆ  ริมฝีปากบางงอลงอย่างไม่พอใจ

     

    เออๆก็ได้!”แบคฮยอนรับคำส่งๆ  ก่อนใบหน้าน่ารักจะเลื่อนเข้าไปใกล้ใบหน้าของอีกคน จมูกโด่งรั้นสัมผัสกับแก้มของอีกคนเบาๆและถอนออกอย่างรวดเร็ว

     

    เด็กน้อยจงอินยิ้มระรื่นแต่มือก็ยังไม่ยอมปล่อยให้พี่ชายข้างบ้านได้เป็นอิสระเสียที  ไม่ว่าแบคฮยอนจะดิ้นไปมาแค่ไหน  ไม่รู้ว่าเพราะอะไร  เด็กน้อยจงอินก็เพียงแค่ฉีกยิ้มกว้างขึ้นเท่านั้น...

     

     

     

     

    ปลายนิ้วสัมผัสแก้มข้างขวาเบา  ถึงจะผ่านมาเกือบสิบปีแล้วแต่สัมผัสแผ่วเบานั้นยังคงติดตรึงอยู่เสมอ  ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข

     

    หลังจากนั้นพอแบคฮยอนเข้ามัธยมต้นก็ต้องไปเรียนโรงเรียนประจำทำให้พวกเขาไม่ได้เจอกันเลยอีกหลายปี  ตัวเขาเองก็ยุ่งๆกับกิจกรรมชมรม  จนกระทั่งวันนั้น...วันที่ทำให้เขาแน่ใจว่าเพราะอะไรตอนนั้นเขาถึงเอาแต่ยิ้ม...

     

    กิ๊งงงงงงงงงงงงก่อง!

     

    เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้นเรียกให้เด็กหนุ่มม.ต้นที่กำลังซัดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปพลางนั่งดูการ์ตูนอยู่ต้องหันไปให้ความสนใจ

     

    ฮ้าบบบบบขานรับทั้งๆที่บะหมี่ก็ยังเต็มปาก  คิมจงอินในชุดเสื้อกล้ามบ๊อกเซอร์ใส่สลิปเปอร์ลวกๆแล้วรีบวิ่งออกไปเปิดประตู

     

    มาหาใครครั...ประโยคขาดหายไปทันทีที่เด็กหนุ่มเห็นว่าใครเป็นคนกดกริ่ง

     

    หวัดดีจงอินน้ำเสียงที่คุ้นเคยแต่มันโตขึ้นเอ่ยทัก  รอยยิ้มพิมพ์ใจยังถูกส่งมาให้เขาเหมือนเดิม

     

    พี่แบคฮยอน?เขาไม่ใจนักว่าใช่คนคนเดียวกันหรือไม่  ถึงแม้น้ำเสียงจะคล้ายกัน...แต่ของคนข้างหน้านี้หวานกว่ามาก  ใบหน้าน่ารักของแบคฮยอนตอนนี้มันกลับดูต่างออกไป...สวย...คงเป็นคำๆเดียวที่เขานิยามได้ในตอนนี้

     

    เฮ้ย! ทำหน้าอย่างกะเห็นผีมือเรียวโบกไปมาที่ด้านหน้าของน้องชายข้างบ้านเบาๆเพื่อเรียกสติ

     

    จงอินรู้สึกราวกับต้องมนต์สะกด...

     

    คนตรงหน้าเขาไม่ว่าจะทำอะไรในสายตาเขามันกลับดูลงตัวไปเสียหมด...

     

    เหมือนนิยายน้ำเน่า...แต่เขาก็ต้องยอมรับ...

     

    ...ว่าเขา

     

    ...ตกหลุมรักบยอนแบคฮยอนพี่ชายข้างบ้านคนนี้ไปแล้วจริงๆ...

     

     

     

     

    เอาไงดีวะ...

     

    ขณะนี้เด็กหนุ่มวัยกระเตาะอย่างคิมจงอินกำลังประสบปัญหาหนักใจเป็นที่สุด...

     

    จงอินก้มมองกระดาษปึกหนาในมืออย่างช่างใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นจ้องมองคฤหาสน์หลังใหญ่เบื้องหน้าตน  การตกแต่งสไตล์ยุโรปทำให้มันโดดเด่นท่ามกลางบ้านทาวเฮ้าส์โดยรอบ

     

    บ้านของแบคฮยอน...

     

    เอ่อ...พ่อหนุ่มมาหาใครหรือ?ดูเหมือนว่าเขาจะยืนหนักใจอยู่นานคุณลุงที่ดูเหมือนจะเป็นรปภ.เลยเอ่ยทักขึ้น

     

    เอ่อคือ...พี่แบคฮยอนอยู่มั๊ยครับ?เสียงทุ้มเอ่ยถามเบาๆอย่างเกรงๆ  ผู้สูงวัยกว่าเมื่อได้ยินชื่อคุณหนูของบ้านออกจากปากผู้มาเยี่ยมเยือนก็มองสำรวจเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างละเอียด 

     

    ชายสูงวัยหันไปคุยโทรศัพท์สักพักก่อนจะหันมาถามชื่อของเขา

     

    ว่าแต่พ่อหนุ่มชื่ออะไรล่ะ?

     

    จงอินครับ...คิมจงอิน

     

    หันไปคุยโทรศัพท์อีกสักพักคุณลุงรปภ.ก็เดินออกมาเปิดประตูเบ็กให้เขาเดินเข้าไป จงอินกล่าวขอบคุณก่อนจะเดินเข้าไปตามทางเดินที่ทอดยาวผ่านสวนขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม  และเขาก็พบว่า...

     

    มันโคตรไกล!

     

    กว่าจะเดินมาหยุดอยู่ที่ตัวบ้านก็เล่นเอาเหงื่อเขาหมดไปเป็นเกลอน

     

    อ้าว...คุณจงอินใช่มั๊ยคะ ตายจริงโตขึ้นขนาดนี้แล้วเหรอคะเนี่ยเสียงทักทายจากหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งที่เขาจำได้ว่าเคยเห็นว่าเป็นแม่นมของแบคฮยอนเมื่อหลายปีก่อน  เขาหันไปก้มหัวทักทายก่อนจะฉีกยิ้มแหยๆไปให้อย่างทำตัวไม่ถูก

     

    ตอนแรกลุงเขาโทรมาบอกว่าเพื่อนคุณหนูมา...แต่พอได้ยินชื่อคุณจงอินป้าเลยนึกออกค่ะ...มาเยี่ยมคุณหนูใช่มั๊ยคะ?

     

    ครับเสียงทุ้มตอบอย่างเป็นมิตร รอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งกลับมาให้ก่อนเธอจะผายมือให้เขาเป็นเชิงให้เดินตามไป

     

    ตั้งแต่เขารู้จักกับแบคฮยอนมานี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เข้ามาบ้านของแบคฮยอน เพราะปรกติแล้วจะเป็นคนตัวเล็กเสียมากกว่าที่โผล่ไปเล่นที่บ้านของเขาจนจะกลายเป็นลูกชายอีกคนไปเสียแล้ว

     

    หลังจากเมื่อวานที่เขามาส่งที่หน้าบ้านในที่สุดแบคฮยอนคงจะเลิกดื้อหรือไม่ก็พิษไข้ที่ร้ายแรงเกินกว่าจะต้านทานได้  วันนี้คนตัวเล็กถึงไม่ไปโรงเรียน

     

    นี่ห้องคุณหนูค่ะ  ป้าไม่รู้ว่าแกตื่นรึยังนะคะแต่ป้าให้กินยานอนไปแล้วล่ะค่ะ  เดี๋ยวป้าขอตัวไปทำธุระก่อนนะคะหญิงวัยกลางคนเอ่ยอย่างสุภาพก่อนจะขอตัวกลับไปทำธุระที่ค้างคาของเธอ

     

    ประตูสีขาวบานใหญ่ที่ตะหง่านอยุ่ตรงหน้าทำให้เด็กหนุ่มตื่นเต้น...

     

    เขาไม่เคยเข้ามาที่บ้านของแบคฮยอน...แล้วในเวลาที่อีกคนไม่อนุญาติเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะเข้าไปดีหรือไม่...

     

    จงอินยกมือขึ้นมาดูนาฬิกาข้อมือของตัวเอง...

     

    ตอนนี้เป็นเวลากว่าห้าโมงเย็นแล้ว...บางทีเจ้าของห้องอาจจะตื่นแล้วก็เป็นได้

     

    ก๊อกๆๆ

     

    เขาลงมือเคาะประตูสองสามที  แต่ก็ไร้เสียงตอบรับ  มือหนาเอื้มไปบิดลูกบิดก่อนจะค่อยๆแง้มบานประตูเข้าไปช้าๆ...

     

    กลิ่นหอมของดอกไม้ลอยอบอวลไปทั่วทันทีที่บานประตูเปิดออก...ภายในห้องนอนขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยเครื่องเรือนสีขาวบริสุทธิ์มีเตียงใหญ่ที่ตั้งอย่างสง่างามอยู่ที่กลางห้อง

     

    จงอินอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้กับการตกแต่งอย่างหรูหรานั่น เท้าเปล่าของเขาสัมผัสเข้ากับพื้นพรมหนาสีเดียวกับเครื่องเรือน

     

    สำหรับเขาห้องนี้มันใหญ่เกินกว่าจะเป็นห้องนอนของคนคนเดียว  ยิ่งเตียงนอนด้วยแล้วมันใหญ่พอที่จะนอนได้สามคนเลยด้วยซ้ำ

     

    ขายาวก้าวตรงไปยังเตียงใหญ่ที่กลางห้องช้าๆ  จงอินรู้สึกได้ว่าทุกย่างก้าวยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไรหัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้นเท่านั้น

     

    เจ้าของห้องกำลังหลับพริ้มอยู่บนเตียงใหญ่  ผ้าห่มสีขาวผืนหนาที่ถูกกระชับแน่นราวกับดักแด้และคิ้วเรียวที่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าของมันคงจะไม่ได้หลับสบายเท่าใดนัก

     

    ใบหน้าที่ไร้การตกแต่งใดๆ  ทรงผมที่ไม่ได้จัดทรงของคนตัวเล็กที่กำลังนอนขดอยู่บนเตียงเวลานี้ดูเป็นธรรมชาติเสียจนผู้มาใหม่ไม่อาจถอนสายตาไปได้

     

    เด็กหนุ่มได้แต่ยืนจ้องคนบนเตียงราวกับต้องมนต์อย่างเสียมารยาทเท่านั้น  ใบหน้าสวยยังคงแดงระเรื่อเพราะพิษไข้ ริมฝีปากบางที่เผยอเล็กน้อยเพื่อให้เจ้าของมันหายใจได้สะดวกขึ้น...

     

    ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นภาพที่น่ามองเพียงใด...

     

    มือหนาเลื่อขึ้นไปเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าอีกคนอย่างเผลอไผล  กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกมะลิที่หัวเตียงเทียบไม่ได้กับกลิ่นกายหอมหวานของคนตรงน้านี้เลย

     

    ในเวลานั้นจงอินไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้  เขารู้...รู้อยู่แก่ใจว่าน่าเกลียดเท่าไรที่คิดจะฉวยโอกาสแบบนี้  แต่ร่างกายของเขามันกลับขยับไปเองราวกับโดนเชิด

     

    เด็กหนุ่มคุกเข่าลงข้างเตียงก่อนใบหน้าหล่อเหลาจะโน้มเข้าใกล้อีกคนที่กำลังหลับไม่รู้เรื่อง  ปลายจมูกโด่งห่างจากปลายจมูกของอีกคนเพียงไม่กี่เซนต์

     

    ใกล้เสียจนได้กลิ่นหอมอ่อนๆของสบู่จากร่างบางที่นอนอยู่บนเตียง...

     

    ...ขอแค่นิดเดียว...

     

    ...นิดเดียวเท่านั้นแหละ...

     

    ฝ่ามือหนากำแน่นอย่างข่มใจ  เขาจะไม่ฉวยโอกาสเด็ดขาด! ยิ่งกับแบคฮยอนยิ่งแล้วใหญ่!

     

    เด็กหนุ่มตัดสินใจเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้อีกคน  แต่เพียงแค่ปลายจมูกเท่านั้นที่สัมผัสกันแล้วรีบผละออกอย่างรวดเร็ว  จงอินรีบถอยออกห่างจากเตียงของอีกคนก่อนจะยืนขึ้นทำทีราวกับว่าตนเพิ่งก้างเข้ามาเมื่อครู่นี้เท่านั้น

     

    พี่แบคฮยอน...พี่เอ่ยเรียกชื่อคนที่นอนอยู่ก่อนมือหนาจะเอื้อมไปเขย่าต้นแขนเบาๆ

    แพขนตากระพริบถี่ๆก่อนเปลือกตาบางจะค่อยๆลืมขึ้น  แบคฮยอนเอามือขยี้ตาเล็กน้อยก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังคนที่มาใหม่

     

    ไค?เสียงหวานเอ่ยทักอย่างงัวเงีย

     

    คิมจงอินฉีกยิ้มกว้างก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่พื้นข้างๆเตียง  แบคฮยอนค่อยๆลุกขึ้นนั่งช้าๆเขารู้สึกได้ว่าอาการป่วยของเขาทุเลาลงแล้ว  อาการปวดเมื่อย ปวดศรีษะก็หายไปแล้วเช่นกัน

     

    ผมขอโทษที่มารบกวนพี่นะแต่พี่มินซอกฝากนี่มาให้พูดจบก็ยื่นกระดาษปึกหนาสาเหตุของการมาที่นี่ให้อีกคนทันที  แบคฮยอนรับมาดูอย่างงงๆ

     

    บทละคร?เสียงหวานเอ่ยถาม  ตัวหนังสือด้านหน้าเป็นลายมือของรุ่นพี่ตัวกลมแน่นอน

     

    วันนี้เขานัดประชุมเรื่องละครในงานโรงเรียนกันน่ะ พี่มินซอกได้เป็นผู้กำกับเขาเลยฝากเอาบทมาให้พี่เด็กหนุ่มอธิบายเรื่องราวคร่าวๆให้อีกคนฟัง

     

    ค...ไค?เสียงหวานเอ่ยเรียกชื่อเขาเบาๆทำให้เจ้าของชื่อต้องหันไปให้ความสนใจ

     

    ครับ?

     

    นายแน่ใจนะว่าไม่ได้หยิบมาผิดอัน?

     

    ครับ  ก็อันนี้พี่มินซอกเขาเป็นคนส่งให้ผมเองกับมือ มีอะไรเหรอ?ว่าแล้วก็ชะโงกหน้าไปดูกระดาษในมืออีกคน

     

     

     

     

    บทของ ธีราเน่(นางเอก)

     

     

     

     

     

    ...น...นางเอก!!!!

     

    ย๊ากกกกกกกกกกก  นี่มันอาร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยแบคฮยอนกรีดร้องลั่นบ้านก่อนจะตื่นเต็มตา  มือเรียวขยุ้มผมตัวเองอย่างบ้าคลั่ง

     

    ต้องเคลียร์เว้ยยยยยย!!!”ว่าแล้วคนป่วยก็คว้าเอาโทรศัพท์เครื่องหรูที่หัวเตียงมาโทรหาตัวต้นเหตุทันที

     

    (ว่าไงแบคกี้?)เสียงปลายสายตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดีจนน่าหมั่นไส้

     

    ไอ้บทละครนี่มันอะไรกันครับพี่มินซอก!!!!!!”แบคฮยอนแผดเสียงถามอย่างไม่คิดจะเกรงใจสุขภาพหูปลายสายเลยสักนิด

     

    (อ่อ~ได้บทแล้วใช่ป่ะ? นายเป็นนางเอกนะรู้ยัง?)เสียงปลายสายยังคงอารมณ์ดีเหมือนเดิม

     

    แล้วทำไมผมต้องเล่นบทแบบนี้ด้วยเล่า!!! ไม่รู้แหละไม่เล่น!! ยังไงก็ไม่เล่น!!!”แบคฮยอนโวยวายก่อนจะโยนปึกบทละครในมือทิ้งลงกับพื้นอย่างไม่ใยดี  ทำเอาเด็กหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆคว้าเอาไว้แทบไม่ทัน

     

    (อ่าวก็มีแค่นายกับลู่หานเท่านั้นแหละที่พอจะเล่นเป็นผู้หญิงได้อ่ะ ลู่หานก็มีบทไปแล้วก็เหลือแต่นายนั่นแหละ)คนอายุมากกว่าตอบกลับมาด้วยน้ำเสียเหมือนมันเป็นเรื่องปกติยังไงอย่างงั้น

     

    แล้วทำไมพี่ไม่เอาผู้หญิงมาเล่นล่ะ  โรงเรียนเราผู้หญิงสวยๆก็เยอะแยะไป!”

     

    (เราไม่มีทางเลือกนะแบคฮยอน...)จู่ๆเสียงปลายสายก็เปลี่ยนเข้าโหมดจริงจังเสียจนแบคฮยอนปรับตัวไม่ทัน

     

    ทำไมอ่ะ?

     

    (กบฏ...)

     

    ห๊ะ?

     

    (กบฏไงล่ะ...พวกผู้หญิงก่อกบฏกันหมดแล้ว!!  พูดแล้วก็อารมณ์เสีย  ตอนแรกนะยัยฮานึลจะเป็นผู้กำกับแต่คะแนนโหวตพี่มากกว่าเพราะคนส่วนใหญ่มันก็ผู้ชายทั้งนั้นแหละ! พวกผู้หญิงน่ะพอทำละครแล้วมันก็จะออกมาหวานแหววกุ๊กกิ๊กดูไม่เข้าถึงอารมณ์!! เพื่อชื่อเสียงโรงเรียนเราจะต้องทำดราม่าให้คนดูอิน  เข้าใจมั๊ย!!!! ...เพราะงั้นพอพวกผู้หญิงแพ้ไปก็เลยไม่ขอยุ่งเกี่ยวกัยละครอีก...ซึ่งมันก็ดีแล้ว...พวกนางเลยบอกว่าจะจัดการเรื่องออกร้านเอง ผู้ชายก็ทำละครไปแล้วกันนะยะ! แบบนี้แหละ...เข้าใจแล้วก็ดีตั้งแต่พรุ่งนี้มาซ้อมทุกเย็นนะ! ตู๊ด! ตู๊ด!)

     

    พูดจบปลายสายก็ตัดไปทิ้งไว้แต่บยอนแบคฮยอนที่ได้แต่อ้าปากพะงาบๆอย่างพูดอะไรไม่ออก...

     

    ทำไงดีวะเนี่ยยยยยยย!!!!!!!”แบคฮยอนได้แต่แหกปากโวยวายเท่านั้น  ขืนขัดใจพี่มินซอกล่ะก็ดับอนาถแน่!

     

    ...รู้สึกอยากจะป่วยไปตลอดชีวิตจริงๆเล้ย! จะได้ไม่ต้องเผชิญความจริงอันโหดร้ายแบบนี้!...

     

    คนหล่ออยากจะบ้า!!!

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังไปทั่วโรงยิมที่เหล่านักเรียนชายยึดครองเป็นที่ซ้อมละครอย่างเป็นทางการ  แบคฮยอนได้แต่นั่งถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย  เลิกเรียนแล้วแท้ๆแทนที่จะได้กลับบ้านกลับต้องมาซ้อมบะครนี่ทั้งๆที่ไม่เต็มใจ!!!

     

    แต่ยังดีที่วันนี้ดูท่าปาร์คชานยอลจะสงบศึกกับเขาชั่วคราว  เพราะอะไรไม่รู้แต่วันนี้รู้สึกว่าเขาจะไม่โดนกวนประสาทเลยสักครั้งเดียว...ซึ่งมันก็ดีเพราะเขาก็เบื่อหน้าไอ้บ้านั่นอย่างถึงที่สุด!

     

    เอาล่ะทุกคนมากันครบแล้วใช่มั๊ยเสียงของผู้กำกับตัวกลมดังขึ้นผ่านเครื่องขยายเสียงเรียกให้การสนทนาอย่างออกรสออกชาดของเหล่านักเรียนชายทั้งหลายหยุดลงและหันไปสนใจบนเวทีแทน

     

    วันนี้ฉันจะถือว่าเป็นการซ้อมครั้งแรกอย่างไม่เป็นทางการนะ  ใครที่ต้องแสดงอะไรก็ขอให้เริ่มท่องบทได้แล้ว  อีกชั่วโมงฉันจะเรียกให้มาลองเทสบทอีกทีจะได้รู้ว่าต้องปรับแก้ตรงไหนเข้าใจมั๊ย?ทุกคนพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจเจ้าตัวถึงเริ่มพูดต่อ

     

    ต่อไปจะแนะนำตัวละครหลักนะ...คนแรกก็ลู่หานเล่นเป็นเจ้าหญิงแคว้นซิลินชื่อซาเรสตร้า...ลู่หานเดินขึ้นไปบนเวทีก่อนจะส่งยิ้มหวานไปทั่วอย่างเป็นมิตร

     

    นายเข้ากับบทนี้มากจริงๆ...มินซอกเอ่ยก่อนจะตบบ่าลู่หานเบาๆเรียกเอาเสียงหัวเราะไปทั่วทั้งโรงยิม

     

    ต่อไปก็นางเอกธีราเน่รับบทโดยแบคฮยอน...ทุกสายตาจ้องมองมาที่เขาแทบจะทันที  แบคฮยอนกลอกตาขึ้นฟ้าอย่างเอือมๆแต่ก็ต้องจำยอมเดินขึ้นไปบนเวทีด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยพอใจอย่างถึงที่สุด!

     

    เอาวะ! ปฎิเสธไม่ได้ก็ต้องรอให้เขาไล่ออกแทนละกัน!

     

    แต่ความหวังของบยอนแบคฮยอนช่างริบหรี่เพราะทันทีที่เดินขึ้นไปโชว์ตัวเสียงปรมมือก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงพูดคุยที่เขาไม่อยากจะได้ยินสักเท่าไหร่นัก

     

    ฮิ้วววว~ แบคฮยอนเป็นนางเอกอีกแล้วเว้ยย

     

    กร๊ากกกกกก  รอบนี้ขอชุดบันนี่เกิร์ลนะไหนๆก็เคยแต่งเมดแล้วนี่

     

    เฮ้ยไอ้บ้า  แกเป็นโอตาคุเหรอวะ?

     

    และนานาเสียงอีกมากมายที่เรียกให้ความทรงจำอันแสนเจ็บปวดของเขาผุดขึ้นมาใหม่!

     

    ใช่แล้วปีที่แล้วเขาก็จำเป็นต้องเล่นเป็นนางเอก...

     

    เรื่อง สาวใช้หน้าใสกับคุณชายเจ้าเสน่ห์ ให้ตายเถอะ! ตอนนั้นเขาแทบจะวิ่งไปบีบคอพวกผู้หญิงที่คิดบทและยัดบทนั้นมาให้เขาจริงๆ!!!

     

    นึกแล้วอยากจะบ้า!

     

    พอๆๆๆเสียงห้ามปรามของผู้กำกับจำเป็นเรียกให้เหล่านักเรียนหันมาสนใจกับงานต่อ

     

    และคนสุดท้ายพระเอก...ประโยคขึ้นต้นเรียกให้แบคฮยอนต้องหูผึ่ง  จะว่าไปเขายังไม่รู้เลยว่าจะต้องเล่นคู่กับใคร

     

     

     

     

     

     

     

     

    ปาร์ค  ชานยอล!”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ห๊ะ?














    TBC.

    TALK. ชะว้าบบบบบบบบบบบ  เอามาลงให้ครบแล้วจ้า~  ตอนนี้เหมือนเป็นตอนของไคแบคเลยนะ  นุ้งไคน่ารักเนอะ! แต่งเองเขินเอง ><  ละมุนอ่ะอยากได้แบบนี้สักคนจุงเรรรรร~ #ห๊ะ  มาเข้าเรื่องกันเต๊อะ  ตอนต่อไปกว่าจะมาก็นานอีกเหมือนเดิมจ่ะ #โดนตบคว่ำ  เค้าติดสอบอ่ะ  แต่เดี๋ยวดูก่อน  พรุ่งนี้เค้าอยู่บ้านทั้งวันล่ะตะเอง~ ถ้าไม่มีธุระอะไรก็อาจจะได้ลงตอนหกพรุ่งนี้เลย  แต่เค้าไม่รับปากนะเพราะเค้าไม่รู้ว่าจะต้องออกไปไหนกระทันหันรึเปล่า  เอาเป็นว่าลองๆเข้ามาดูช่วงค่ำๆนะ  เพราะถ้าลงเพชรคงจะลงตอนค่ำอ่ะจ่ะ  ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้นะ  ขอบคุณจริงๆนะ! #ทำซึ้ง 

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×