คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : CHAPTER 5 | complete.
16.10.12 | 50% + 18.10.12 | 100%
ปี๊ดดดดดดด
เสียงเป่านกหวีดเป็นสัญญาณของการได้ประตูเพิ่มดังขึ้นท่ามกลางเสียงที่พากันโห่ร้องของเหล่ากองเชียร์และลูกทีมสีแดง
“เฮ้ยๆๆๆ ทำไมวันนี้แบคฮยอนมันโหดจังวะ”เสียงเพื่อนคนหนึ่งในทีมสีฟ้าเอ่ยขึ้นเบาๆซึ่งคนอื่นๆไม่ว่าจะทีมสีฟ้าหรือทีมสีแดงก็พากันเห็นด้วยทั้งนั้น
วันนี้บยอนแบคฮยอนสวมวิญญาณสไตร์เกอร์ยิงเอาๆซะจนตาข่ายแทบทะลุ!
น่ากลัวมาก...
แบคฮยอนยืนท้าวเอวอยู่กลางสนามด้วยอารมณ์หงุดหงิด ปกติวิชาพละนี่เป็นวิชาที่เขาชอบที่สุดนะ แต่วันนี้มันไม่ปกติไงล่ะ! มือเรียวขยับผ้าพันคอให้เข้าที่ก่อนจะสูดน้ำมูกอีกสองสามครั้ง
สภาพของบยอนแบคฮยอนอนาถที่สุดในประวัติการณ์ ความเจ็บปวดที่สะโพกไม่ได้มีการทุเลาลงเลยแม้แต่นิด เมื่อเช้าเจ็บยังไงตอนนี้ก็ยังเจ็บอย่างนั้น! ไหนจะไอ้อาการปวดหัวหนึบๆกับอาการหนาวๆร้อนๆนี่อีก...หงุดหงิดที่สุด!
ใจจริงก็อยากจะปลีกวิเวกจากไอ้วิชาที่ต้องขยับตัวมากๆแบบนี้นะ สภาพร่างกายเขาก็ยังไม่ค่อยพร้อมแถมไอ้ชุดพละบ้าๆนี่มันก็ไม่ได้ปกปิดอะไรเลย...
รอยงี่เง่าที่ไอ้งี่เง่านั่นทำไว้มันก็พากันเสนอหน้าอวดตัวกันหมดน่ะสิ!!!!
และก็เป็นโชคร้ายที่สุดในประวัติการณ์ของเขาเช่นกันที่วันนี้ดันมีสอบวิชาพละ!
คนหล่ออยากจะบ้า!
“เฮ้ย แบคฮยอนฉันว่านายไปพักก็ได้นะ หน้านายแดงไปหมดแล้ว...”เพื่อนร่วมทีมคนหนึ่งที่เป็นหน่วยกล้าตายเสี่ยงชีวิตเดินมาถามอาการคนที่วันนี้ยิงประตูไปแล้วห้าประตูด้วยความเป็นห่วง
“ฉันไม่เป็นไร...เล่นต่อเหอะ”เสียงหวานที่ตอนนี้ติดจะแหบแห้งเอ่ยบอกก่อนจะสะบัดมือไล่เพื่อนให้กลับไปประจำที่
ใจจริงแล้วเขาก็อยากจะเดินเข้าไปนอนแอร์เย็นๆที่ห้องพยาบาลนะ แต่พอเหลือบไปเห็นใบหน้าโง่ๆของไอ้คนที่นั่งเป็นตัวสำรองทีมเขาอยู่มันก็อดไม่ได้
เฮอะ! รอเสียบอยู่ล่ะสิ ถ้าเขาไปห้องพยาบาลล่ะก็คนที่จะมาเปลี่ยนตัวแทนจะเป็นใครไปได้ล่ะนอกจาก...
ปาร์ค ชานยอล!
ฝันไปเหอะ!
ปี๊ดดดดดดด
เสียงสัญญาณนกหวีดเริ่มเกมในครึ่งหลังดังขึ้นเรียกให้ดวงตาคู่สวยละออกจากคู่ปรับตัวฉกาจมาสนใจลูกกลมๆที่ปลายเท้าแทน
ร่างเพรียวบางของแบคฮยอนเลี้ยงลูกบอลหลบฝ่ายตรงข้ามได้อย่างชำนาญราวกับนักกีฬาเลยก็ว่าได้ แบคฮยอนเป็นคนที่ชื่นชอบกีฬาเป็นที่สุด เขาเล่นได้แทบทุกชนิดนั่นแหละ...
และฟุตบอลก็เหมือนกัน!
ใช้เวลาไม่นานเขาก็พาลูกเข้ามาอยู่เกือบถึงกรอบเขตโทษ กองหลังทีมสีฟ้ารีบวิ่งออกมาสกัด ขาเรียวหยุดบอลไว้เพื่อดูช่องทาง มองซ้ายมองขวาจนได้ช่องทางแล้วก็ก้มมองลูกบอลที่ปลายเท้า...
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย...สงสัยอาการป่วยของเขาจะไม่ใช่เรื่องเล่นๆเสียแล้ว...
เจ้าลูกกลมๆที่ปลายเท้าดันแยกร่างอย่างกับนินจา!
ใบหน้าสวยสะบัดไปมาเพื่อให้อาการตาลายหายไป แต่ดูเหมือนมันจะได้ผลตรงกันข้างเสียอย่างนั้น ร่างบางจึงตัดสินใจเงยหน้าขึ้น แต่อาจจะเป็นเพราะเงยหน้าเร็วเกินไปทำให้เขาหน้ามืด แบคฮยอนเสียหลักหงายหลังล้มลงไปพร้อมกับสติสุดท้ายที่ค่อยๆจางหายไปด้วย
ชานยอลมองตามร่างของแบคฮยอนที่เลี้ยงลูกบอลหลบหลีกคู่ต่อสู้ด้วยความคล่องแคล่ว ดูถ้าบยอนแบคฮยอนจะเป็นคนที่มีความสามารถทางด้านกีฬาสูงพอควรเชียวล่ะ เขาคิดว่าอาการป่วยของแบคฮยอนอาจจะดีขึ้นแล้วก็เป็นได้ เพราะเจ้าตัวก็ดูจะสนุกสนานกับวิชาที่ชอบอยู่ไม่น้อย
แต่ไอ้ท่าวิ่งแปลกๆเดี๋ยววิ่งเดี๋ยวหยุดนั่นก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าร่างบางยังคงมีอาการปวดสะโพกอยู่แน่นอน เหมือนจะรู้ตัวว่าถูกจ้องใบหน้าสวยเลยเบือนมาสบกับเขาก่อนคิ้วเรียวจะขมวดเข้าหากันอย่างหงุดหงิด ริมฝีปากสวยคู่นั้นก็เอ่ยไร้เสียงซึ่งเขาจับความหมายได้ว่า ‘รอเล่นอยู่ล่ะสิ ฝันไปเหอะ’
ตอนแรกเขาก็ไม่ได้อยากเล่นอะไรมากมายหรอกนะ แต่พอเห็นใบหน้าสวยนั่นกำลังยิ้มเยาะเขาอย่างกวนโอ๊ยแบบนี้มันก็อดไม่ได้ที่จะต้องกวนบาทากลับไป เขาเลยยักคิ้วให้เป็นเชิงว่า ‘ทำได้ก็ลองดูสิ’ ไปให้อีกคน ซึ่งมันก็ดูจะได้ผลไม่น้อย เพราะบยอนแบคฮยอนดันคึกเล่นซะอย่างกับจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เล่นยังไงอย่างงั้น
หมดเวลาครึ่งแรกใบหน้าสวยขึ้นสีจัดจนหน้ากลัว อาจเป็นปกติของเจ้าตัวที่เลือดไหลเวียนดีแบบนั้นเวลาออกกำลังกายหรือเป็นเพราะว่าพาไข้ที่รุมเร้ามาตั้งแต่เช้ากันแน่...ชานยอลก็ไม่อาจรู้ได้
แต่อาการเดินไม่ค่อยจะคล่องยืนไม่ค่อยจะตรงนั่นก็แสดงให้เห็นว่าแบคฮยอนอาการไม่ค่อยดีแล้วจริงๆ เขาเลยสะกิดบอกให้คนข้างๆลุกไปถามไถ่อาการหน่อยซึ่งแบคฮยอนก็ปฏิเสธตามคาด...
จะดื้อไปถึงไหนกันบยอน แบคฮยอน?
เกมครึ่งหลังเริ่มขึ้นแบคฮยอนกยังคงเล่นได้ดีเหมือนครึ่งแรก แต่อาการวิ่งไม่ค่อยมั่นคงและหอบหายใจมากกว่าปกติก็ไม่อาจหลุดพ้นสายตาของชานยอลไปได้ ทั้งตอนที่แข่งบาสหรือไปหาลู่หานที่ชมรมฮับคิโดเขาไม่เคนเห็นแบคฮยอนหอบหายใจหนักขนาดนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว คาดว่าปอดของคนตัวเล็กคงแข็งแรงมากแน่ๆ...
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นภาพแบคฮยอนที่ยืนก้มหน้าปะทะกับกองหลังของอีกฝ่าย คนตัวเล็กไม่มีท่าทีว่าจะขยับไปทางไหนเลยสร้างความสงสัยให้กับเขาและคนอื่นๆได้เป็นอย่างดี
ไม่ทันที่ใครจะได้ตั้งตัวร่างบางที่ยืนโงนเงนนั่นก็ล้มลงไปกลางสนามท่ามกลางความตกใจของเหล่าเพื่อนร่วมชั้นทุกคนเป็นอย่างมาก
เร็วเท่าความคิดขายาวก็พาร่างตัวเองวิ่งลงไปที่สนามเพื่อดูอาการของคนป่วยทันที
“พาไปห้องพยาบาลก่อนเหอะ!”เสียงเพื่อนคนหนึ่งดังขึ้นเมื่อชานยอลวิ่งเข้าไปถึง
“เดี่ยวฉันพาไปเอง...”สิ้นเสียงโดยไม่รอให้ใครทักท้วงแขนแกร่งก็ช้อนร่างบางที่นอนหมดสติขึ้นแนบอกก่อนขายาวจะพาเขาและร่างในอ้อมแขนไปห้องพยาบาลทันที
.
.
.
.
.
แพขนตายาวค่อยๆขยับเผยให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลอ่อนด้านใน ใบหน้าหวานยู่ลงเล็กน้อยเพราะอาการปวดหนึบๆทั่วศีรษะ
“อือ...”เสียงครางเบาๆดังขึ้นเรียกให้อีกคนที่กำลังเคลิ้มๆต้องลืมตาขึ้นมาให้ความสนใจ
“พี่แบคฮยอนเป็นไงมั่งพี่?”เสียงทุ้มของคนอายุน้อยกว่าเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ไค?”แบคฮยอนเอ่ยเรียกชื่ออีกคนเบาๆ เขารู้สึกได้ว่าลำคอแห้งผาก กว่าจะเปล่งคำพูดได้แต่ละคำก็ลำบากเสียเหลือเกิน
“ค่อยๆลุกนะพี่”ไคค่อยๆพยุงคนปวดให้ลุกขึ้นนั่งดีๆ
ดวงตาคู่สวยสำรวจทั่วห้อง แบคฮยอนพบว่าเขาอยู่ที่ห้องพยาบาล...สงสัยว่าไข้คงจะขึ้นจนหน้ามืดล่ะมั้ง
“พี่จะกลับบ้านเลยมั๊ยนี่ก็เลิกเรียนได้สักพักแล้ว”แบคฮยอนพยักหน้าเบาๆเป็นคำตอบ เขาปวดหัวเกินกว่าจะตอบอะไรตอนนี้
“ผมไปส่งดีกว่า”
“ป่วยรอบนี้ไม่ปกติเลยนะพี่?”เสียงทุ้มของคนข้างๆเอ่ยขึ้นเรียกให้คนที่กำลังเดินมึนๆกลับบ้านอยู่ต้องหันไปให้ความสนใจ
“ยังไงอ่ะ”แบคฮยอนถามกลับด้วยความสงสัย
“ก็ปกติพี่อ่ะแข็งแรงจะตาย แล้วจู่ๆมาป่วยหนักแบบนี้ไม่แปลกได้ไง”คนอายุน้อยกว่าแต่ตัวใหญ่กว่าพูดไปหัวเราะไป ก่อนมือหนาจะกระชับผ้าพันขอสีขาวบนคอของอีกคนให้แน่นขึ้น แบคฮยอนยู่ปากเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าตัวเองชักจะเหมือนเด็กเข้าไปทุกทีแล้ว คนป่วยพยายามเดินออกมาไกลๆให้พ้นรัศมีแขนยาวของอีกคน
“นายอย่าทำเหมือนฉันเป็นเด็กได้มั๊ยเล่า!! ถึงจะป่วยแต่ฉันดูแลตัวเองได้น่า”เบะปากให้อีกหนึ่งทีแสดงให้เห็นว่าไม่พอใจ
“คร้าบๆ”เสียงหัวเราะเบาๆที่ดังขึ้นเรียกค้อนวงใหญ่จากคนป่วยได้เป็นอย่างดี
“ไปละ...กลับบ้านดีๆนะ บาย”แบคฮยอนบอกลาคนที่เดินมาส่งถึงหน้าบ้านก่อนจะเดินเข้าบ้านไป
ไคมองตามแผ่นหลังเล็กที่หายเข้าไปในบ้าน เมื่อไหร่กันนะที่แผ่นหลังนั่นดูบอบบางน่าทะนุถนอมขนาดนี้?
เด็กน้อยนั่งมองบ้านหลังใหญ่ข้างๆด้วยความสนใจ ทั้งๆที่เมื่อก่อนมันเป็นพื้นที่รกร้างให้เขาวิ่งเล่นแท้ๆ แค่ไม่กี่เดือนก็กลายเป็นบ้านหลังใหญ่อย่างกลับปราสาทไปซะแล้ว
ไม่ชอบเลย...
กิ๊งงงงงงก่องงงงงงง
เสียงออดดังขึ้นก่อนร่างของผู้เป็นแม่จะวิ่งออกไปดูว่าใครมา เด็กน้อยจ้องมองด้วยความสนใจก่อนจะจะลุกจากชิงช้าตัวโปรดที่พ่อเป็นคนทำให้ไปดูด้วย
“สวัสดีครับคุณน้า ผมชื่อแบคฮยอนฮะ เพิ่งย้ายมาอยู่บ้านข้างๆคุณน้าเมื่อกี้น้เองฮะ!”น้ำเสียงใสเจื้อยแจ้วออกมาอย่างเป็นมิตร ใบหน้าน่ารักเผยยิ้มกว้างอย่างจริงใจ
“อ้าวเหรอจ๊ะ หนูชื่อแบคฮยอนสินะ...น่ารักจังเลย”หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู เด็กน้อยตรงหน้าเธอมีใบหน้าที่น่ารักราวกับนางฟ้าตัวน้อยๆ ดูจากเครื่องแต่งกายยี่ห้อดังที่เด็กน้อยใส่อยู่คงดูได้ไม่ยากว่าฐานะทางบ้านคงจะร่ำรวยน่าดู
“อ๊ะ! นี่ๆนายชื่ออะไรเหรอ ฉันชื่อแบคฮยอนนะอยู่บ้านข้างๆตอนนี้หกขวบแล้ว!”เสียงใสๆเอ่ยทักทันทีที่ดวงตาคู่สวยเหลือบไปเห็นตัวเล็กๆของเด็กน้อยอีกคนที่กำลังยืนหลบอยู่หลังคุณน้าคนสวยข้างบ้าน
“เอ้าตอบพี่เค้าไปสิจ๊ะ”หญิงสาวเอ่ยก่อนจะค่อยๆดันหลังลูกชายให้ออกมายืนที่ด้านหน้า
“ชื่อจงอิน...สี่ขวบ...”เด้กน้อยตอบเสียงเบาก่อนจะวิ่งกลับไปหลบอยู่หลังผู้เป็นแม่เหมือนเดิม
“สวัสดีจงอิน...ฉันแบคฮยอนนะ! เรียกว่าพี่แบคฮยอนสิ!”รอยยิ้มแสนสดใสถูกส่งมาให้เขา
และนั่นเป็นครั้งแรกที่คิมจงอินได้รับรู้คำว่าดวงตะวัน....
“เย้!!! ผมสูงกว่าแล้ว!!”เสียงเจีวจ๊าวดังไปทั่วบ้านหลังเล็ก
“ย๊า!!! อะไรกัน!!!”แล้วก็ตามด้วยเสียงโวยวายอย่างไม่พอใจ
“พี่แบคฮยอน..นี่ๆ”เด็กน้อยจงอินวัยเจ็ดขวบยิ้มยีงฟันก่อนจะพองลมในแก้มแล้วเอานิ้วจิ้มๆที่แก้มของตัวเอง
“อะไร?”เด็กน้อยบยอนแบคฮยอนวัยเก้าขวบถามกลับห้วนๆก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทางอย่างไม่ยอมรับรู้
จงอินและแบคฮยอนเป็นเพื่อนบ้านกันมาสามปีแล้ว หลังจากวันนั้นแบคฮยอนก็มักจะมาเล่นที่บ้านของเขาทุกวัน
“ไม่เอาดิ ก็พี่สัญญาแล้วไง”จงอินเบะปากเล็กน้อยอย่างไม่ค่อยพอใจ
“สัญญาอะไรฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย”แบคฮยอนพูดก่อนจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ก็ปีที่แล้วพี่สัญญาเองนี่ว่าถ้าผมสูงกว่าพี่เมื่อไหร่จะให้รางวัลอ่ะ”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้จะซื้อขนมมาฝากละกัน”
“ม่ายยยยยยยยยยยอ่ะ!!!!! จุ๊บไงจุ๊บ!”เด็กน้อยจงอินโวยวายก่อนจะกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงอย่างงอแง มือก็คว้าหมับเข้าที่ตัวของพี่ชายข้างบ้านก่อนจะลากลงมานอนบนเตียงด้วยกัน
“จงอิน!!!!”แบคฮยอนร้องลั่นด้วยความตกใจ ตอนนี้เขากำลังถูกคนอายุน้อยกว่าล็อคไว้ไม่ให้ไปไหน
“ให้รางวัลผมสิแล้วจะปล่อย”เด็กน้อยจงอินส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้อีกคน
ใบหน้าน่ารักขึ้นสีน้อยๆ ริมฝีปากบางงอลงอย่างไม่พอใจ
“เออๆก็ได้!”แบคฮยอนรับคำส่งๆ ก่อนใบหน้าน่ารักจะเลื่อนเข้าไปใกล้ใบหน้าของอีกคน จมูกโด่งรั้นสัมผัสกับแก้มของอีกคนเบาๆและถอนออกอย่างรวดเร็ว
เด็กน้อยจงอินยิ้มระรื่นแต่มือก็ยังไม่ยอมปล่อยให้พี่ชายข้างบ้านได้เป็นอิสระเสียที ไม่ว่าแบคฮยอนจะดิ้นไปมาแค่ไหน ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เด็กน้อยจงอินก็เพียงแค่ฉีกยิ้มกว้างขึ้นเท่านั้น...
ปลายนิ้วสัมผัสแก้มข้างขวาเบา ถึงจะผ่านมาเกือบสิบปีแล้วแต่สัมผัสแผ่วเบานั้นยังคงติดตรึงอยู่เสมอ ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข
หลังจากนั้นพอแบคฮยอนเข้ามัธยมต้นก็ต้องไปเรียนโรงเรียนประจำทำให้พวกเขาไม่ได้เจอกันเลยอีกหลายปี ตัวเขาเองก็ยุ่งๆกับกิจกรรมชมรม จนกระทั่งวันนั้น...วันที่ทำให้เขาแน่ใจว่าเพราะอะไรตอนนั้นเขาถึงเอาแต่ยิ้ม...
กิ๊งงงงงงงงงงงงก่อง!
เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้นเรียกให้เด็กหนุ่มม.ต้นที่กำลังซัดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปพลางนั่งดูการ์ตูนอยู่ต้องหันไปให้ความสนใจ
“ฮ้าบบบบบ”ขานรับทั้งๆที่บะหมี่ก็ยังเต็มปาก คิมจงอินในชุดเสื้อกล้ามบ๊อกเซอร์ใส่สลิปเปอร์ลวกๆแล้วรีบวิ่งออกไปเปิดประตู
“มาหาใครครั...”ประโยคขาดหายไปทันทีที่เด็กหนุ่มเห็นว่าใครเป็นคนกดกริ่ง
“หวัดดีจงอิน”น้ำเสียงที่คุ้นเคยแต่มันโตขึ้นเอ่ยทัก รอยยิ้มพิมพ์ใจยังถูกส่งมาให้เขาเหมือนเดิม
“พี่แบคฮยอน?”เขาไม่ใจนักว่าใช่คนคนเดียวกันหรือไม่ ถึงแม้น้ำเสียงจะคล้ายกัน...แต่ของคนข้างหน้านี้หวานกว่ามาก ใบหน้าน่ารักของแบคฮยอนตอนนี้มันกลับดูต่างออกไป...สวย...คงเป็นคำๆเดียวที่เขานิยามได้ในตอนนี้
“เฮ้ย! ทำหน้าอย่างกะเห็นผี”มือเรียวโบกไปมาที่ด้านหน้าของน้องชายข้างบ้านเบาๆเพื่อเรียกสติ
จงอินรู้สึกราวกับต้องมนต์สะกด...
คนตรงหน้าเขาไม่ว่าจะทำอะไรในสายตาเขามันกลับดูลงตัวไปเสียหมด...
เหมือนนิยายน้ำเน่า...แต่เขาก็ต้องยอมรับ...
...ว่าเขา
...ตกหลุมรักบยอนแบคฮยอนพี่ชายข้างบ้านคนนี้ไปแล้วจริงๆ...
เอาไงดีวะ...
ขณะนี้เด็กหนุ่มวัยกระเตาะอย่างคิมจงอินกำลังประสบปัญหาหนักใจเป็นที่สุด...
จงอินก้มมองกระดาษปึกหนาในมืออย่างช่างใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นจ้องมองคฤหาสน์หลังใหญ่เบื้องหน้าตน การตกแต่งสไตล์ยุโรปทำให้มันโดดเด่นท่ามกลางบ้านทาวเฮ้าส์โดยรอบ
บ้านของแบคฮยอน...
“เอ่อ...พ่อหนุ่มมาหาใครหรือ?”ดูเหมือนว่าเขาจะยืนหนักใจอยู่นานคุณลุงที่ดูเหมือนจะเป็นรปภ.เลยเอ่ยทักขึ้น
“เอ่อคือ...พี่แบคฮยอนอยู่มั๊ยครับ?”เสียงทุ้มเอ่ยถามเบาๆอย่างเกรงๆ ผู้สูงวัยกว่าเมื่อได้ยินชื่อคุณหนูของบ้านออกจากปากผู้มาเยี่ยมเยือนก็มองสำรวจเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างละเอียด
ชายสูงวัยหันไปคุยโทรศัพท์สักพักก่อนจะหันมาถามชื่อของเขา
“ว่าแต่พ่อหนุ่มชื่ออะไรล่ะ?”
“จงอินครับ...คิมจงอิน”
หันไปคุยโทรศัพท์อีกสักพักคุณลุงรปภ.ก็เดินออกมาเปิดประตูเบ็กให้เขาเดินเข้าไป จงอินกล่าวขอบคุณก่อนจะเดินเข้าไปตามทางเดินที่ทอดยาวผ่านสวนขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม และเขาก็พบว่า...
มันโคตรไกล!
กว่าจะเดินมาหยุดอยู่ที่ตัวบ้านก็เล่นเอาเหงื่อเขาหมดไปเป็นเกลอน
“อ้าว...คุณจงอินใช่มั๊ยคะ ตายจริงโตขึ้นขนาดนี้แล้วเหรอคะเนี่ย”เสียงทักทายจากหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งที่เขาจำได้ว่าเคยเห็นว่าเป็นแม่นมของแบคฮยอนเมื่อหลายปีก่อน เขาหันไปก้มหัวทักทายก่อนจะฉีกยิ้มแหยๆไปให้อย่างทำตัวไม่ถูก
“ตอนแรกลุงเขาโทรมาบอกว่าเพื่อนคุณหนูมา...แต่พอได้ยินชื่อคุณจงอินป้าเลยนึกออกค่ะ...มาเยี่ยมคุณหนูใช่มั๊ยคะ?”
“ครับ”เสียงทุ้มตอบอย่างเป็นมิตร รอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งกลับมาให้ก่อนเธอจะผายมือให้เขาเป็นเชิงให้เดินตามไป
ตั้งแต่เขารู้จักกับแบคฮยอนมานี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เข้ามาบ้านของแบคฮยอน เพราะปรกติแล้วจะเป็นคนตัวเล็กเสียมากกว่าที่โผล่ไปเล่นที่บ้านของเขาจนจะกลายเป็นลูกชายอีกคนไปเสียแล้ว
หลังจากเมื่อวานที่เขามาส่งที่หน้าบ้านในที่สุดแบคฮยอนคงจะเลิกดื้อหรือไม่ก็พิษไข้ที่ร้ายแรงเกินกว่าจะต้านทานได้ วันนี้คนตัวเล็กถึงไม่ไปโรงเรียน
“นี่ห้องคุณหนูค่ะ ป้าไม่รู้ว่าแกตื่นรึยังนะคะแต่ป้าให้กินยานอนไปแล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวป้าขอตัวไปทำธุระก่อนนะคะ”หญิงวัยกลางคนเอ่ยอย่างสุภาพก่อนจะขอตัวกลับไปทำธุระที่ค้างคาของเธอ
ประตูสีขาวบานใหญ่ที่ตะหง่านอยุ่ตรงหน้าทำให้เด็กหนุ่มตื่นเต้น...
เขาไม่เคยเข้ามาที่บ้านของแบคฮยอน...แล้วในเวลาที่อีกคนไม่อนุญาติเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะเข้าไปดีหรือไม่...
จงอินยกมือขึ้นมาดูนาฬิกาข้อมือของตัวเอง...
ตอนนี้เป็นเวลากว่าห้าโมงเย็นแล้ว...บางทีเจ้าของห้องอาจจะตื่นแล้วก็เป็นได้
ก๊อกๆๆ
เขาลงมือเคาะประตูสองสามที แต่ก็ไร้เสียงตอบรับ มือหนาเอื้มไปบิดลูกบิดก่อนจะค่อยๆแง้มบานประตูเข้าไปช้าๆ...
กลิ่นหอมของดอกไม้ลอยอบอวลไปทั่วทันทีที่บานประตูเปิดออก...ภายในห้องนอนขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยเครื่องเรือนสีขาวบริสุทธิ์มีเตียงใหญ่ที่ตั้งอย่างสง่างามอยู่ที่กลางห้อง
จงอินอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้กับการตกแต่งอย่างหรูหรานั่น เท้าเปล่าของเขาสัมผัสเข้ากับพื้นพรมหนาสีเดียวกับเครื่องเรือน
สำหรับเขาห้องนี้มันใหญ่เกินกว่าจะเป็นห้องนอนของคนคนเดียว ยิ่งเตียงนอนด้วยแล้วมันใหญ่พอที่จะนอนได้สามคนเลยด้วยซ้ำ
ขายาวก้าวตรงไปยังเตียงใหญ่ที่กลางห้องช้าๆ จงอินรู้สึกได้ว่าทุกย่างก้าวยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไรหัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้นเท่านั้น
เจ้าของห้องกำลังหลับพริ้มอยู่บนเตียงใหญ่ ผ้าห่มสีขาวผืนหนาที่ถูกกระชับแน่นราวกับดักแด้และคิ้วเรียวที่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าของมันคงจะไม่ได้หลับสบายเท่าใดนัก
ใบหน้าที่ไร้การตกแต่งใดๆ ทรงผมที่ไม่ได้จัดทรงของคนตัวเล็กที่กำลังนอนขดอยู่บนเตียงเวลานี้ดูเป็นธรรมชาติเสียจนผู้มาใหม่ไม่อาจถอนสายตาไปได้
เด็กหนุ่มได้แต่ยืนจ้องคนบนเตียงราวกับต้องมนต์อย่างเสียมารยาทเท่านั้น ใบหน้าสวยยังคงแดงระเรื่อเพราะพิษไข้ ริมฝีปากบางที่เผยอเล็กน้อยเพื่อให้เจ้าของมันหายใจได้สะดวกขึ้น...
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นภาพที่น่ามองเพียงใด...
มือหนาเลื่อขึ้นไปเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าอีกคนอย่างเผลอไผล กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกมะลิที่หัวเตียงเทียบไม่ได้กับกลิ่นกายหอมหวานของคนตรงน้านี้เลย
ในเวลานั้นจงอินไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้ เขารู้...รู้อยู่แก่ใจว่าน่าเกลียดเท่าไรที่คิดจะฉวยโอกาสแบบนี้ แต่ร่างกายของเขามันกลับขยับไปเองราวกับโดนเชิด
เด็กหนุ่มคุกเข่าลงข้างเตียงก่อนใบหน้าหล่อเหลาจะโน้มเข้าใกล้อีกคนที่กำลังหลับไม่รู้เรื่อง ปลายจมูกโด่งห่างจากปลายจมูกของอีกคนเพียงไม่กี่เซนต์
ใกล้เสียจนได้กลิ่นหอมอ่อนๆของสบู่จากร่างบางที่นอนอยู่บนเตียง...
...ขอแค่นิดเดียว...
...นิดเดียวเท่านั้นแหละ...
ฝ่ามือหนากำแน่นอย่างข่มใจ เขาจะไม่ฉวยโอกาสเด็ดขาด! ยิ่งกับแบคฮยอนยิ่งแล้วใหญ่!
เด็กหนุ่มตัดสินใจเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้อีกคน แต่เพียงแค่ปลายจมูกเท่านั้นที่สัมผัสกันแล้วรีบผละออกอย่างรวดเร็ว จงอินรีบถอยออกห่างจากเตียงของอีกคนก่อนจะยืนขึ้นทำทีราวกับว่าตนเพิ่งก้างเข้ามาเมื่อครู่นี้เท่านั้น
“พี่แบคฮยอน...พี่”เอ่ยเรียกชื่อคนที่นอนอยู่ก่อนมือหนาจะเอื้อมไปเขย่าต้นแขนเบาๆ
แพขนตากระพริบถี่ๆก่อนเปลือกตาบางจะค่อยๆลืมขึ้น แบคฮยอนเอามือขยี้ตาเล็กน้อยก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังคนที่มาใหม่
“ไค?”เสียงหวานเอ่ยทักอย่างงัวเงีย
คิมจงอินฉีกยิ้มกว้างก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่พื้นข้างๆเตียง แบคฮยอนค่อยๆลุกขึ้นนั่งช้าๆเขารู้สึกได้ว่าอาการป่วยของเขาทุเลาลงแล้ว อาการปวดเมื่อย ปวดศรีษะก็หายไปแล้วเช่นกัน
“ผมขอโทษที่มารบกวนพี่นะแต่พี่มินซอกฝากนี่มาให้”พูดจบก็ยื่นกระดาษปึกหนาสาเหตุของการมาที่นี่ให้อีกคนทันที แบคฮยอนรับมาดูอย่างงงๆ
“บทละคร?”เสียงหวานเอ่ยถาม ตัวหนังสือด้านหน้าเป็นลายมือของรุ่นพี่ตัวกลมแน่นอน
“วันนี้เขานัดประชุมเรื่องละครในงานโรงเรียนกันน่ะ พี่มินซอกได้เป็นผู้กำกับเขาเลยฝากเอาบทมาให้พี่”เด็กหนุ่มอธิบายเรื่องราวคร่าวๆให้อีกคนฟัง
“ค...ไค?”เสียงหวานเอ่ยเรียกชื่อเขาเบาๆทำให้เจ้าของชื่อต้องหันไปให้ความสนใจ
“ครับ?”
“นายแน่ใจนะว่าไม่ได้หยิบมาผิดอัน?”
“ครับ ก็อันนี้พี่มินซอกเขาเป็นคนส่งให้ผมเองกับมือ มีอะไรเหรอ?”ว่าแล้วก็ชะโงกหน้าไปดูกระดาษในมืออีกคน
บทของ ‘ธีราเน่’ (นางเอก)
...น...นางเอก!!!!
“ย๊ากกกกกกกกกกก นี่มันอาร๊ายยยยยยยยยยยยยยยย”แบคฮยอนกรีดร้องลั่นบ้านก่อนจะตื่นเต็มตา มือเรียวขยุ้มผมตัวเองอย่างบ้าคลั่ง
“ต้องเคลียร์เว้ยยยยยย!!!”ว่าแล้วคนป่วยก็คว้าเอาโทรศัพท์เครื่องหรูที่หัวเตียงมาโทรหาตัวต้นเหตุทันที
(ว่าไงแบคกี้?)เสียงปลายสายตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดีจนน่าหมั่นไส้
“ไอ้บทละครนี่มันอะไรกันครับพี่มินซอก!!!!!!”แบคฮยอนแผดเสียงถามอย่างไม่คิดจะเกรงใจสุขภาพหูปลายสายเลยสักนิด
(อ่อ~ได้บทแล้วใช่ป่ะ? นายเป็นนางเอกนะรู้ยัง?)เสียงปลายสายยังคงอารมณ์ดีเหมือนเดิม
“แล้วทำไมผมต้องเล่นบทแบบนี้ด้วยเล่า!!! ไม่รู้แหละไม่เล่น!! ยังไงก็ไม่เล่น!!!”แบคฮยอนโวยวายก่อนจะโยนปึกบทละครในมือทิ้งลงกับพื้นอย่างไม่ใยดี ทำเอาเด็กหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆคว้าเอาไว้แทบไม่ทัน
(อ่าวก็มีแค่นายกับลู่หานเท่านั้นแหละที่พอจะเล่นเป็นผู้หญิงได้อ่ะ ลู่หานก็มีบทไปแล้วก็เหลือแต่นายนั่นแหละ)คนอายุมากกว่าตอบกลับมาด้วยน้ำเสียเหมือนมันเป็นเรื่องปกติยังไงอย่างงั้น
“แล้วทำไมพี่ไม่เอาผู้หญิงมาเล่นล่ะ โรงเรียนเราผู้หญิงสวยๆก็เยอะแยะไป!”
(เราไม่มีทางเลือกนะแบคฮยอน...)จู่ๆเสียงปลายสายก็เปลี่ยนเข้าโหมดจริงจังเสียจนแบคฮยอนปรับตัวไม่ทัน
“ทำไมอ่ะ?”
(กบฏ...)
“ห๊ะ?”
(กบฏไงล่ะ...พวกผู้หญิงก่อกบฏกันหมดแล้ว!! พูดแล้วก็อารมณ์เสีย ตอนแรกนะยัยฮานึลจะเป็นผู้กำกับแต่คะแนนโหวตพี่มากกว่าเพราะคนส่วนใหญ่มันก็ผู้ชายทั้งนั้นแหละ! พวกผู้หญิงน่ะพอทำละครแล้วมันก็จะออกมาหวานแหววกุ๊กกิ๊กดูไม่เข้าถึงอารมณ์!! เพื่อชื่อเสียงโรงเรียนเราจะต้องทำดราม่าให้คนดูอิน เข้าใจมั๊ย!!!! ...เพราะงั้นพอพวกผู้หญิงแพ้ไปก็เลยไม่ขอยุ่งเกี่ยวกัยละครอีก...ซึ่งมันก็ดีแล้ว...พวกนางเลยบอกว่าจะจัดการเรื่องออกร้านเอง ผู้ชายก็ทำละครไปแล้วกันนะยะ! แบบนี้แหละ...เข้าใจแล้วก็ดีตั้งแต่พรุ่งนี้มาซ้อมทุกเย็นนะ! ตู๊ด! ตู๊ด!)
พูดจบปลายสายก็ตัดไปทิ้งไว้แต่บยอนแบคฮยอนที่ได้แต่อ้าปากพะงาบๆอย่างพูดอะไรไม่ออก...
“ทำไงดีวะเนี่ยยยยยยย!!!!!!!”แบคฮยอนได้แต่แหกปากโวยวายเท่านั้น ขืนขัดใจพี่มินซอกล่ะก็ดับอนาถแน่!
...รู้สึกอยากจะป่วยไปตลอดชีวิตจริงๆเล้ย! จะได้ไม่ต้องเผชิญความจริงอันโหดร้ายแบบนี้!...
คนหล่ออยากจะบ้า!!!
.
.
.
.
.
เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังไปทั่วโรงยิมที่เหล่านักเรียนชายยึดครองเป็นที่ซ้อมละครอย่างเป็นทางการ แบคฮยอนได้แต่นั่งถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เลิกเรียนแล้วแท้ๆแทนที่จะได้กลับบ้านกลับต้องมาซ้อมบะครนี่ทั้งๆที่ไม่เต็มใจ!!!
แต่ยังดีที่วันนี้ดูท่าปาร์คชานยอลจะสงบศึกกับเขาชั่วคราว เพราะอะไรไม่รู้แต่วันนี้รู้สึกว่าเขาจะไม่โดนกวนประสาทเลยสักครั้งเดียว...ซึ่งมันก็ดีเพราะเขาก็เบื่อหน้าไอ้บ้านั่นอย่างถึงที่สุด!
“เอาล่ะทุกคนมากันครบแล้วใช่มั๊ย”เสียงของผู้กำกับตัวกลมดังขึ้นผ่านเครื่องขยายเสียงเรียกให้การสนทนาอย่างออกรสออกชาดของเหล่านักเรียนชายทั้งหลายหยุดลงและหันไปสนใจบนเวทีแทน
“วันนี้ฉันจะถือว่าเป็นการซ้อมครั้งแรกอย่างไม่เป็นทางการนะ ใครที่ต้องแสดงอะไรก็ขอให้เริ่มท่องบทได้แล้ว อีกชั่วโมงฉันจะเรียกให้มาลองเทสบทอีกทีจะได้รู้ว่าต้องปรับแก้ตรงไหนเข้าใจมั๊ย?”ทุกคนพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจเจ้าตัวถึงเริ่มพูดต่อ
“ต่อไปจะแนะนำตัวละครหลักนะ...คนแรกก็ลู่หานเล่นเป็นเจ้าหญิงแคว้นซิลินชื่อซาเรสตร้า...”ลู่หานเดินขึ้นไปบนเวทีก่อนจะส่งยิ้มหวานไปทั่วอย่างเป็นมิตร
“นายเข้ากับบทนี้มากจริงๆ...”มินซอกเอ่ยก่อนจะตบบ่าลู่หานเบาๆเรียกเอาเสียงหัวเราะไปทั่วทั้งโรงยิม
“ต่อไปก็นางเอกธีราเน่รับบทโดยแบคฮยอน...”ทุกสายตาจ้องมองมาที่เขาแทบจะทันที แบคฮยอนกลอกตาขึ้นฟ้าอย่างเอือมๆแต่ก็ต้องจำยอมเดินขึ้นไปบนเวทีด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยพอใจอย่างถึงที่สุด!
เอาวะ! ปฎิเสธไม่ได้ก็ต้องรอให้เขาไล่ออกแทนละกัน!
แต่ความหวังของบยอนแบคฮยอนช่างริบหรี่เพราะทันทีที่เดินขึ้นไปโชว์ตัวเสียงปรมมือก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงพูดคุยที่เขาไม่อยากจะได้ยินสักเท่าไหร่นัก
“ฮิ้วววว~ แบคฮยอนเป็นนางเอกอีกแล้วเว้ยย”
“กร๊ากกกกกก รอบนี้ขอชุดบันนี่เกิร์ลนะไหนๆก็เคยแต่งเมดแล้วนี่”
“เฮ้ยไอ้บ้า แกเป็นโอตาคุเหรอวะ?”
และนานาเสียงอีกมากมายที่เรียกให้ความทรงจำอันแสนเจ็บปวดของเขาผุดขึ้นมาใหม่!
ใช่แล้วปีที่แล้วเขาก็จำเป็นต้องเล่นเป็นนางเอก...
เรื่อง ‘สาวใช้หน้าใสกับคุณชายเจ้าเสน่ห์’ ให้ตายเถอะ! ตอนนั้นเขาแทบจะวิ่งไปบีบคอพวกผู้หญิงที่คิดบทและยัดบทนั้นมาให้เขาจริงๆ!!!
นึกแล้วอยากจะบ้า!
“พอๆๆๆ”เสียงห้ามปรามของผู้กำกับจำเป็นเรียกให้เหล่านักเรียนหันมาสนใจกับงานต่อ
“และคนสุดท้ายพระเอก...”ประโยคขึ้นต้นเรียกให้แบคฮยอนต้องหูผึ่ง จะว่าไปเขายังไม่รู้เลยว่าจะต้องเล่นคู่กับใคร
“ปาร์ค ชานยอล!”
ห๊ะ?
TBC.
TALK. ชะว้าบบบบบบบบบบบ เอามาลงให้ครบแล้วจ้า~ ตอนนี้เหมือนเป็นตอนของไคแบคเลยนะ นุ้งไคน่ารักเนอะ! แต่งเองเขินเอง >< ละมุนอ่ะอยากได้แบบนี้สักคนจุงเรรรรร~ #ห๊ะ มาเข้าเรื่องกันเต๊อะ ตอนต่อไปกว่าจะมาก็นานอีกเหมือนเดิมจ่ะ #โดนตบคว่ำ เค้าติดสอบอ่ะ แต่เดี๋ยวดูก่อน พรุ่งนี้เค้าอยู่บ้านทั้งวันล่ะตะเอง~ ถ้าไม่มีธุระอะไรก็อาจจะได้ลงตอนหกพรุ่งนี้เลย แต่เค้าไม่รับปากนะเพราะเค้าไม่รู้ว่าจะต้องออกไปไหนกระทันหันรึเปล่า เอาเป็นว่าลองๆเข้ามาดูช่วงค่ำๆนะ เพราะถ้าลงเพชรคงจะลงตอนค่ำอ่ะจ่ะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้นะ ขอบคุณจริงๆนะ! #ทำซึ้ง
ความคิดเห็น