คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : KOOKHOPE | PAY BACK
Pay Back
Jungkook x j-hope || PG || Author: ppbhy.
Rapmonster – P.D.D.
ในโลกนี้มีกฎอยู่ว่าทุกอย่างต้องแลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียม ได้รับอะไรมาก็จงจ่ายคืนด้วยสิ่งที่เท่าเทียม...เช่นเดียวกัน หากถูกช่วงชิงอะไรไป...
...ก็จงแย่งชิงสิ่งที่เท่าเทียมกันกลับคืนมา...
Pay Back
ติ๋ง
ความเย็นเยียบจากของเหลวบางอย่างที่สัมผัสลงกับผิวเนื้อขาวเรียกให้แพขนตายาวขยับเพียงแผ่วเบา หัวสมองที่ว่างเปล่าค่อยๆกลับมาทำงานอีกครั้ง กลิ่นเหม็นของความชื้นลอยเข้ามาในประสาทการรับรู้เป็นอย่างแรก
เมื่อสติการรับรู้เริ่มกลับมาความเจ็บปวดก็แล่นริ้วกลับมาอีกครั้งจนต้องนิ่วหน้า มือที่กำลังจะยกขึ้นสัมผัสแผลบริเวณหางคิ้วที่ปริแตกอยู่พลันชะงักค้างเมื่อระลึกได้ว่าไม่อาจขยับร่างกายได้อย่างที่หวัง
กริ๊ก!
เสียงโซ่โลหะที่พันธนาการข้อมือบางทั้งสองข้างเอาไว้เหนือหัวกระทบกับกำแพงหินแผ่วเบาทว่ากลับดังก้องไปทั่วทั้งห้องและโสตประสาทของเขา ลองขยับอีกสองสามครั้งก็พบว่าแขนทั้งสองข้างนั้นไม่ต่างกับเป็นอัมพาตแต่อย่างใด
“เวรเอ๊ย...”เสียงที่สบถผ่านริมฝีปากที่แห้งผากนั้นอ่อนระโหยราวกับไม่ใช่เสียงของตน ยามที่พยายามเปล่งเสียงออกมาลำคอก็แสบร้อนไปหมดเลยทำได้เพียงเม้มริมฝีปากที่บวมช้ำของตนแน่นแทนการร้องตะโกนออกมาให้หายหงุดหงิด
แกร๊ก!
เสียงปลดล็อคกลอนประตูที่ดังขึ้นเรียกให้เปลือกตาบางที่หนักอึ้งค่อยๆปรือขึ้นมามองที่มาของเสียงช้าๆ แสงสว่างจากด้านนอกนั้นสว่างจ้าเสียจนต้องเสหลบสายตา เสียงฝีเท้าแผ่วเบาและสม่ำเสมอดังขึ้นเป็นระยะแต่เขาก็ไม่มีความคิดที่จะเงยหน้ามองผู้มาใหม่เลยแม้แต่น้อย
แก้วตาใสวาววาบทุกครั้งที่ได้ยินเสียงพื้นรองเท้าย่ำลงบนพื้นหินชื้นๆที่ตนใช้แทนเตียงมาตลอดทั้งคืน และมันยิ่งลุกวาวมากขึ้นไปอีกเมื่อมองเห็นปลายรองเท้าหนังสีดำสนิทที่ก้าวเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้าตน
...เนิ่นนานที่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ...
“หลับสบายมั๊ยครับโฮซอก”น้ำเสียงทักทายอย่างเป็นมิตรนั่นมันช่างน่ารังเกียจสิ้นดีในความคิด เจ้าของชื่อ โฮซอก ตวัดสายตาเงยหน้าขึ้นมองบุคคลที่ยืนค้ำหัวตนอย่างไร้มารยาทด้วยประกายตากร้าว
“อ่า...ดูสิ บวมไปหมดแล้ว...”น้ำเสียงนั่นแสดงออกอย่างชัดเจนถึงความเวทนา แต่นั่นมันกับเรียกแรงอารมณ์ที่เคยสงบลงไปแล้วครั้งหนึ่งของจองโฮซอกให้ลุกโหมขึ้นอีกครั้ง ดวงตาคู่สวยน่าหลงใหลนั่นโชนแสงถลึงมองชายหนุ่มตรงหน้าราวกับจะแผดเผาให้กลายเป็นเถ้าทุลีลงไปต่อหน้าตนอย่างไรอย่างนั้น
“ริมฝีปากของคุณออกจากสวยงามขนาดนี้...”ชายหนุ่มผู้มาใหม่ทรุดกายนั่งลงให้อยู่ในระดับเดียวกับอีกคนก่อนมือหนาจะเอื้อมออกมาเชยคางมนให้แหงนขึ้นมองหน้าตน นิ้วหัวแม่มือบรรจงเกลี่ยไล้ไปที่ริมฝีปากนิ่มที่ปริแตกและบวมช้ำอย่างน่าสงสารนั่นช้าๆอย่างอ่อนโยน
คนถูกสัมผัสนิ่วหน้าด้วยความขยะแขยงราวกับสิ่งที่สัมผัสตนนั้นยิ่งกว่าสิ่งปฏิกูล ใบหน้าสวยสะบัดหนีไปอีกทางอย่างแรง ก่อนจะเหลือบสายตากลับมามองใบหน้าหล่อเหลาอ่อนเยาว์ของคนตรงหน้าอย่างท้าทาย
ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคมคายและดวงตาคมทรงเสน่ห์กรีดยิ้มร้ายก่อนหลังมือขวาจะถูกยกขึ้นแล้วฟาดลงที่ใบหน้าสวยของอีกคนอย่างแรงจนร่างบอบบางนั้นเซถลาไปตามแรง
“มองผมแบบนั้นไม่น่ารักเลยนะครับ...ดวงตาสวยๆของคุณเหมาะจะส่งสายตาอ้อนวอนผมมากกว่านะคนดี”น้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเหนือกว่าของอีกคนเรียกให้จองโฮซอกทำได้เพียงแค่กัดฟันแน่นด้วยความคับแค้นใจ ความเจ็บร้าวที่ซีกหน้าด้านขวานั้นมากมายเสียจนไม่มีแม้แต่แรงที่จะยันกายให้แก้มขาวอีกข้างออกห่างจากพื้นหินสกปรกนี่เสียด้วยซ้ำ
“ทำไมไม่ยอมแพ้สักทีล่ะครับ?”น้ำเสียงที่เอ่ยถามออกมานั้นฉายแววความสงสัยราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสา เพียงแต่ริมฝีปากบางนั่นยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มร้าย
กลุ่มผมนิ่มของจองโฮซอกถูกกระชากดึงให้ร่างลอยหวือขึ้นตามแรงของอีกคน ชายหนุ่มผู้ได้เปรียบกว่าออกแรงกระชากอีกครั้งให้ใบหน้าสวยที่ตนหลงใหลนั้นเชิดขึ้นมาสบกับตน
ต่อให้ใบหน้าและร่างกายของจองโฮซอกจะหมดสภาพเพียงใด แต่แววตาแข็งกร้าวไม่ยอมแพ้ราวกับราชสีห์นั้นก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
“คุณยังจ้องผมแบบนี้อีกเหรอ? ตอนนี้คุณไม่ใช่จองโฮซอกหัวหน้าแก๊งค์มาเฟียชื่อดังเหมือนเดิมแล้วนะครับ...”ถึงจะถูกจ้องมองด้วยสายตาเอาเรื่อง แต่ชายผู้มีแต้มต่อก็ยังคงรักษาใบหน้าระรื่นและรอยยิ้มร้ายไว้ได้เป็นอย่างดี จะมีก็เพียงนัยน์ตาสีรัตติกาลนั่นเท่านั้นที่แข็งกร้าว
“ไม่ได้เป็นหัวหน้าแล้ว...สนใจเปลี่ยนมาเป็นนายหญิงของเรามั๊ยครับ....”
ถุย!
ยังไม่ทันจะได้เอ่ยจนจบประโยคดีคนตรงหน้าเขาก็พ่นหยาดโลหิตที่คั่งค้างอยู่โพรงปากจากแรงตบเมื่อครู่ใส่ใบหน้าเขาอย่างไม่สนใจมารยาทที่บิดามารดรเพียรสั่งสอนมาเลยสักนิด
และมันคงไม่ได้ยั่วโมโหเขาได้มากมายขนาดนี้ถ้าหากจองโฮซอกไม่ยกยิ้มเยาะอย่างไม่เจียมตนว่าอยู่ในฐานะใดแบบนี้ ...คิดว่าสูงส่งมากนักหรือ? คิดว่าอยู่เหนือกว่าคนอื่นด้วยสภาพอย่างในตอนนี้น่ะหรือ?
“...หึ....คุณมันก็แค่ม้าพยศที่โดนตัดขาจนเดินไปไหนไม่ได้เท่านั้นแหละครับจองโฮซอก...”
“...ส่วนนายมันก็แค่ลูกไก่โง่ๆที่เอาแต่คิดว่าตัวเองเป็นพญาอินทรี จอน จองกุก...อั่ก!”ถากถางอีกคนได้ไม่เท่าไหร่คำพูดที่เหลือก็ต้องกลืนกลับเข้าไปในลำคอที่แห้งผาดเช่นเดิมเพราะฝ่ามือที่ปะทะเข้ากับใบหน้าซีกซ้ายอีกครั้งอย่ารุนแรง
“...ปากดีไม่ดูสภาพตัวเองเลยนะครับคนดี...”จอนจองกุกกรีดยิ้มร้ายอีกครั้งก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นเต็มความสูง ดวงตาสีนิลคู่นั้นทอดต่ำมองลงมายังร่างบางที่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้นหินเปียกชื้นนิ่งๆก่อนเรียวขายาวภายใต้กางเกงสแลคเนื้อดีจะออกแรงเตะเข้าที่หน้าท้องแบนราบใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ขาดรุ่งริ่งนั่นอย่างแรงเสียจนคนตัวบางต้องขดกายงองุ้มเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด
“พักผ่อนก่อนเถอะครับโฮซอก...เพราะอีกชั่วโมงหลังจากนี้คุณจะได้พบกับความหฤหรรษ์เสียจนลืมไม่ลงเชียวล่ะ...”รอยยิ้มไร้เดียงสาสมวัยปรากฏขึ้นบนริมฝีปากบางของจอนจองกุกเสียจนเห็นฟันกระต่ายน่ารักคู่นั้นขัดกับเนื้อความของประโยคโดยสิ้นเชิง
จองโฮซอกถลึงจ้อง ส่งสายตาวาววับเอาเรื่องตามแผ่นหลังกว้างของอีกคนไปทั้งที่ยังคงไอค่อกแค่กเสียจนตัวโยน เสียงปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับความมืดที่เข้ามาปกคลุมไปทั่วอีกครั้ง จอนจองกุกเดินออกไปแล้ว เหลือเพียงจองโฮซอกที่ยังคงสำลักไม่หยุดเท่านั้น ความแสบร้อนของน้ำย่อยจากภายในช่องท้องปะปนไปกับรสข่มปร่าฝาดเฝื่อนของหยาดโลหิตในโพรงปากชวนให้คลื่นเหียน
จองโฮซอกยอมทิ้งกายนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นหินเย็นเยียบอย่างเหนื่อยอ่อน เปลือกตาบางปิดลงช้าๆหลังจากที่อาการสำลักเลือนหายไปแล้ว ลมหายใจที่หอบถี่ค่อยๆกลับมาคงที่อีกครั้ง
ท่ามกลางความมืดมิดและเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจผะแผ่วของตนเองและเสียงโซ่โลหะดังกริ๊กๆทุกครั้งที่เขาขยับกาย ด้วยความรำคาญโฮซอกจึงเลือกที่จะอยู่นิ่งๆเสียดีกว่าปล่อยให้เสียงโลหะกระทบกันนั่นทำลายประสาทเขา
อดีต มาเฟียหนุ่มผู้องอาจหวนคิดถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้เพียงชั่วข้ามคืน...คืนที่พลิกชีวิตเขาให้ตกต่ำลงอย่างที่กำลังพบเจอในตอนนี้...
ภาพร่างไร้วิญญาณของเหล่าลูกน้องที่นอนแน่นิ่งทอดกายอยู่ท่ามกลางหยาดโลหิตสีแดงฉานหวนกลับเข้ามาอีกครั้ง กลิ่นเหม็นคาวที่ลอยคลุ้งปะปนไปกับกลิ่นเหม็นไหม้และเขม่าดินปืนจากรอบตัวชวนให้ขย้อนของเก่าออกมายิ่งนัก
จองโฮซอกหัวหน้าแก๊งมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ยืนหอบหายใจอยู่ท่ามกลางวงล้อมของศัตรู ชุดสูทราคาแพงที่บรรจงตัดขึ้นมาเพื่อเขาขาดรุ่งริ่งจากการปะทะกันอย่างรุนแรงเสียจนคฤหาสน์ของเขาแทบลุกเป็นไฟ
ฟิ้ว~
เสียงผิวปากอย่างอารมณ์ดีที่ดังขึ้นเรียกให้ดวงตาคู่สวยต้องตะหวัดกลับไปมองยังที่มาของเสียง ร่างสูงสมส่วนและใบหน้าอ่อนเยาว์ที่ตนจำได้ดีเรียกให้ร่างทั้งร่างของมาเฟียหนุ่มเกร็งแข็ง
“จอน...จองกุก”น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นแผ่วเบาราวกับกระซิบ แต่แววตาที่ลุกโชนนั่นก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าผู้พูดนั้นกำลังเก็บอารมณ์มาเพียงใด
“สวัสดีครับโฮซอก...”น้ำเสียงสุภาพพร้อมกับรอยยิ้มการค้าที่ถูกส่งมาให้ไม่ได้ทำให้จองโฮซอกรู้สึกปลาบปลื้มแต่อย่างใด กลับกันคนตัวบางกลับมีแต่ความเกลียดชังที่พวยพุ่งขึ้นจนแทบจะล้นใจ
“ยอมแพ้เถอะครับ...คุณเหลือตัวคนเดียวแล้วนะโฮซอกของผม”เอ่ยออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม พร้อมกับปลายรองเท้าหนังราคาแพงที่เคลื่อนมาหยุดอยู่ตรงหน้าคนตัวบางกว่า แต่กระนั้นก็ยังคงรักษาระยะห่าง...
...ต่อให้สะบักสบอมแค่ไหน แต่อย่างไรเสียความจริงที่ว่าจองโฮซอกขึ้นมาเป็นหัวหน้าแก๊งค์ด้วยความสามารถของตนเองนั้นก็ยังคงอยู่...
...บุคคลอันตรายที่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องระวังตัว...
“แก...”เสียงหวานเอ่ยรอดไรฟันออกมาด้วยความคับแค้น ทั้งแค้นเคืองที่ตนดันเสียท่าให้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมตรงหน้า ทั้งหงุดหงิดกับใบหน้าเปื้อนยิ้มของอีกฝ่าย
“...ลืมกฎของมาเฟียไปแล้วเหรอครับ? ถ้าจะฆ่า...ต้องเอาให้ตาย ให้ร่างแหลกเป็นผุยผง...ไม่อย่างนั้นผมก็จะปีนขอบนรกกลับมาทวงคืนสิ่งที่ผมเสียไปแน่นอน....”รอยยิ้มนั้นหายไปแล้ว เหลือเพียงแค่ใบหน้าราบเรียบไร้อารมณ์ของจอนจองกุก ทว่าดวงตาสีรัตติกาลทรงเสน่ห์คู่นั้นกลับสั่นไหวด้วยเพลิงโทสะและความแค้นที่แทบล้นทะลักยามนึกถึงสิ่งที่ตนเคยถูกช่วงชิงเอาไป...
“หึ...แกพลาดเองไม่ใช่เหรอที่เปิดเผย สิ่งที่สำคัญที่สุด ออกมาให้ฉันรู้น่ะ...ลำบากหน่อยนะ...ต้องคอยดูแลคนพิการอย่าง หมอนั่น น่ะ....อึก!”วาจาถากถางแสนระคายหูถูกกลืนหายลงไปในลำคอตามด้ามปืนที่ถูกฟาดลงมายังใบหน้าอย่างรวดเร็ว ด้วยเพราะความเหนื่อยล้าจากการปะทะกันก่อนหน้านี้และไหล่ขวาที่บาดเจ็บทำให้คนตัวบางไม่อาจปัดป้องการจู่โจมนั้นได้ทันท่วงทีนัก
รสขมปร่าของหยาดโลหิตแผ่ซ่านไปทั่วทั้งโพรงปาก ใบหน้าสวยที่หันไปตามแรงไม่ได้หันกลับมา มีเพียงสายตาเอาเรื่องของจองโฮซอกเท่านั้นที่เหลือยกลับมามอง
“...ปาร์คจีมินน่ะไปสบายแล้วครับ...เขาไม่ต้องทรมาณอีกต่อไปแล้ว...”ชั่วขณะหนึ่งที่นัยน์ตาสีนิลคู่นั้นสั่นไหว แต่เพียงพริบตาเดียวมันก็กลับมาแข็งกร้าวดังเดิมยามที่เจ้าของมันจ้องมองชายหนุ่มร่างบางตรงหน้าที่กำลังกรีดยิ้มเยาะออกมาอย่างไม่ห่วงสภาพตัวเองเลยสักนิด
“...เพราะคนที่ต้องทรมาณต่อจากนี้ไปมันก็คือคุณจองโฮซอก!”สิ้นเสียงตะโกนอย่างกราดเกรี้ยวของจอนจองกุก ความเจ็บแปล๊บก็แล่นเข้ามาที่ท้ายทอยของเขา ร่างบางของจองโฮซอกที่ใกล้หมดแรงซวนเซเล็กน้อยก่อนจะทรุดลงบนพื้นเพราะความมึนงงที่วาบขึ้นมาเสียจนทรงตัวเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป
“...เคยได้ยินมั๊ยครับโฮซอกว่าโลกนี้มีกฎการแลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียมอยู่....ในเมื่อคุณทำลาย สิ่งที่สำคัญที่สุด ของผมไป...ผมก็จะทำลาย สิ่งที่สำคัญที่สุด ของคุณเช่นเดียวกัน....”
Pay Back
จองโฮซอกถูกปลุกให้ออกมาจากห้วงนิทรารมย์ด้วยฝีมือของใครบางคนที่แทบไม่ต้องเดาด้วยซ้ำ เสื้อเชิ้ตสีขาวสภาพยับเยินไม่ต่างจากตัวผู้สวมใส่เท่าใดนักเปียกชื้นไปด้วยหยาดน้ำที่เกาะพราวไปทั่วทั้งร่าง
ฟันคมกระทบกันกึกกักเพราะความหนาวเย็นของน้ำเย็นที่ถูกสาดลงมาใส่ร่างของตนอย่างแรงเสียจนจุกไปทั้งร่าง
ดวงตาคู่สวยตะวัดมองผู้กระทำอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะถูกชายในชุดดำสองคนปรี่เข้ามาหิ้วปีกให้ร่างของเขาลุกขึ้นนั่งได้ จองโฮซอกสะบัดศีรษะสองสามครั้งเพื่อไล่ความง่วงงุนและอ่อนล้าออกจากร่างกายตนก่อนจะเงยหน้าจ้องมองรอยยิ้มชวนหงุดหงิดของจอนจองกุกด้วยแววตาไม่ยอมแพ้
“เลิกขี้เซาได้แล้วครับโฮซอก”น้ำเสียงนั้นยังคงเต็มไปด้วยความขี้เล่นเฉกเช่นเดียวกับรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาอ่อนเยาว์นั่น
นัยน์ตาสีรัตติกาลต้องมองร่างสะบักสบอมตรงหน้าด้วยความพึงพอใจ ไล่สายตาตั้งแต่ใบหน้าสวยที่บวมช้ำด้วยฝีมือตนไปจนถึงผิวกายขาวเต็มไปด้วยรอยแผลที่โผล่พ้นอาภรณ์ของอีกคนออกมานั่นยิ่งทำให้รอยยิ้มของชายหนุ่มยิ่งเปิดกว้างมากขึ้นไปอีก
แต่ที่น่าหงุดหงิดก็เห็นทีคงจะหนีไม่พ้นสายตาวาววับเอาเรื่องของคนตรงหน้านี่เป็นแน่ จองโฮซอกมาเฟียหนุ่มบอสของแก๊งค์ชื่อดังที่ปัจจุบันถูกเขาเหยียบย่ำเสียจนย่อยยับไม่ได้มีท่าทีของผู้พ่ายแพ้เลยแม้แต่น้อย...กลับกัน ดวงตาสวยที่เขาหลงใหลคู่นั้นมันกลับลุกโชนดั่งราชสีห์ผู้ที่ยืนอยู่เหนือสัตว์ป่าทั้งปวง
...ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้
...และยังคงเชื่อมั่นว่าคนเหนือกว่า
นั่นมันทำให้เขาหงุดหงิด...
ผลัวะ!
ใบหน้าสวยของจองโฮซอกสะบัดไปตามแรงหมัดของชายหนุ่มตรงหน้าเขาอย่างแรง รสฝาดเฝื่อนของหยาดโลหิตบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าแผลที่สมานปิดแล้วกำลังปริแตกอีกครั้ง
“ไปเอาของมา”จอนจองกุกเอ่ยสั่งลูกน้องของตนเสียงเรียบด้วยใบหน้าเครียดขึงที่น้อยคนนักจะได้พบเห็น ชายหนุ่มในชุดสูทสีเข้มรับคำผู้เป็นนายก่อนจะกุลีกุจอออกจากห้องขังไปอย่างรวดเร็ว สัญชาติญาณของเขาร้องเตือนว่านายน้อยของตนกำลังอารมณ์เสียอย่างถึงที่สุด หากไม่รีบเร่งเอาสิ่งที่เจ้านายต้องการมาให้ล่ะก็ คงเป็นเขานี่แหละที่จะจบชีวิตลงตรงนี้
“ระหว่างรอของขวัญ...ผมว่าเรามานั่งคุยกันสบายๆดีกว่านะครับโฮซอก”น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นหวานจ๋อยเสียจนหัวใจคนฟังนั้นสั่นไหว แต่เพียงครู่เดียวจองโฮซอกก็สามารถฝังความรู้สึกนั่นลงไปยังส่วนลึกของจิตใจได้สำเร็จ
“ไม่ได้เจอกันตั้งสี่ปีสินะครับโฮซอก...ผมขอโทษจริงๆนะครับที่เราเจอกันอีกครั้งแต่ผมต้องให้คุณมาอยู่ที่ห้องเหม็นอับแบบนี้”มือใหญ่เอื้อมไปสัมผัสเบาๆที่พวงแก้มขาวของคนตรงหน้า บรรจงใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยไล้เบาๆที่รอยช้ำเขียวคล้ำหน้ากลัวที่โหนกแก้มขาวราวกับหวังให้มันช่วยบรรเทาความเจ็บปวดให้กับอีกคน
...และจองโฮซอกคงจะเผลอไผลไปกับสัมผัสอ่อนโยนนั่นหากว่าผู้ที่ทิ้งมันเอาไว้บนใบหน้าของเขาจะไม่ใช่ตัวมันเองน่ะนะ!
“แต่จะว่าไปแล้ว...คุณที่อยู่ในสภาพลูกแมวบาดเจ็บไร้ทางสู้แบบนี้ก็น่าหลงใหลไปอีกแบบนะครับ...”นิ้วหัวแม่มือที่เลื่อนลงมาสัมผัสกับริมฝีปากเบาๆก่อนจะออกแรงเคล้นคลึงกลีบปากบางที่ปริแตกจากแรงหมัดก่อนหน้านี้อย่างแรงโดยไม่สนใจสักนิดว่าผู้โดนกระทำจะรู้สึกเจ็บปวดหรือไม่
งั่ม!
ฟันคมขบกัดลงบนเรียวนิ้วของจอนจองกุกอย่างแรงตามแรงอารมณ์ของผู้กระทำ จองโฮซอกอาศัยช่วงที่จองกุกเผลอกัดนิ้วของอีกฝ่ายอย่างแรง แต่คนอายุน้อยกว่าก็ไหวตัวทัน เขารีบชักมือออกทันทีแต่มันก็ยังช้ากว่าปลายฟันที่ขบลงมาอย่างแรงอยู่ดี
“คุณนี่มันพยศจริงๆ”จองกุกสะบัดมือไล่ความเจ็บปวดจากแผลถลอกที่นิ้วยาวของตนพลางถลึงตาจ้องมองม้าพยศตรงหน้าด้วยแววตาเอาเรื่อง ซึ่งจองโฮซอกก็ตวัดสายตากร้าวใส่อีกคนอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน
“แกมันโรคจิต...”เสียงหวานที่แหบแห้งเอ่ยขึ้นเบาๆก่อนคนตัวบางจะยกยิ้มเย้ยหยันที่เรียกให้ความหงุดหงิดของจอนจองกุกพุ่งสูงขึ้นจนแทบทะลุปรอท
“อั่ก!”ลำคอขาวถูกฝ่ามือหนากำแน่นเสียจนลมหายใจสะดุด ใบหน้าหล่อเหลาของจอนจองกุกไม่ได้ประดับไปด้วยรอยยิ้มอีกแล้ว มีเพียงใบหน้าเครียดขึงกับดวงตาแข็งกร้าวเท่านั้น
จองโฮซอกจ้องมองใบหน้าหล่อเหลานั่นอย่างไม่ยอมแพ้ ถึงแม้ว่าดวงตาของตนจะเริ่มพร่ามัวเพราะม่านน้ำตาแล้วก็ตาม โฮซอกตอบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าหยาดน้ำใสที่รื้นขึ้นมาที่หน่วยตาทั้งสองข้างนี่เป็นเพราะเขาขาดอากาศหายใจหรือเป็นเพราะคนที่ทำให้เขาขาดอากาสหายใจกันแน่...
ชั่วขณะที่ความทรมาณทำให้สติสัมปชัญญะลดน้อยลง หน้ากากความชิงชังที่จองโฮซอกหยิบขึ้นมาใส่ก็ถูกปลดออกอย่างง่ายดาย แววตาเอาเรื่องก้าวร้าวที่เคยส่งให้อีกคนก่อนหน้านี้บัดนี้กำลังสั่นไหวราวกับแก้วใสที่เริ่มแตกร้าว...
...ไม่ใช่เริ่ม...
...หัวใจของจองโฮซอกมันแตกร้าวมาตั้งนานแล้วต่างหาก...
ภาพด้านหน้าเริ่มพร่าเบลอเมื่อลมหายใจถูกลิดรอนจนต้องดิ้นพล่าน ริมฝีปากอิ่มเผยออ้าออกเพื่อกอบโกยเอาอากาศหายใจเข้าไปแต่มันก็เป็นไปได้ยากเสียเหลือเกินเมื่อมีมือหนาที่กำลังบีบปิดทางเดินของลมหายใจอยู่แบบนี้
ดวงตาคู่สวยปรือปรอยใกล้หมดสติเสียเต็มทน แต่ท่ามกลางสติสุดท้ายและสมองที่เริ่มขาวโพลนดวงตาคู่นี้ก็ยังคงจับจ้องไปที่คนคนเดียว...
...จอนจองกุก...
...เรื่องมันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อใดกัน?
...ความเจ็บปวดนี่มันเริ่มตั้งแต่เมื่อใด?
แล้วเพราะอะไรกันนะ?
...เพราะอะไรคนที่เคยรักกันสุดใจจึงได้แปรเปลี่ยนเป็นศัตรูคู่แค้นเช่นวันนี้...
เพราะจอนจองกุกหรือ?
เพราะปาร์คจีมินหรือ?
หรือเป็นเพราะตัวเขาเอง.....?
จองโฮซอกเติบโตมาในตระกูลมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ในฐานะทายาทผู้สืบทอดเพียงคนเดียว ตั้งแต่จำความได้ไม่เคยมีสักครั้งที่ใครจะกล้าขัดใจเขา เช่นกัน...ไม่มีสักครั้งที่เขาไม่ได้ดั่งใจ
ไม่ใช่เพียงเพราะเป็นทายาทคนสำคัญ แต่เป็นเพราะความสามารถที่เพียบพร้อมไปเสียทุกด้าน...จึงไม่อาจมีใครกล้าขัดใจนายน้อยคนนี้
จะมีก็เพียงคนเดียว...คนที่ว่านั่นคือเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ผู้ที่เป็นเพียงลูกของที่ปรึกษาจากแก๊งค์เล็กๆแก๊งค์หนึ่ง จอนจองกุก...
เด็กหนุ่มผู้มีรอยยิ้มสดใสและแววตาแสนซื่อตรง...
...มันช่างใสซื่อบริสุทธิ์เสียจนจองโฮซอกตกหลุมรัก
มาเฟียหนุ่มทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ครอบครองใจของเด็กหนุ่มคนนั้น จอนจองกุกตอบตกลงรับคำที่จะเข้ามาเป็นมือขวาของว่าที่บอสอย่างโฮซอกในที่สุด
ความสนิทชิดเชื้อของจองโฮซอกและจอนจองกุกแม้แต่คนภายนอกยังดูออกว่าสถานะของคนทั้งคู่คืออะไร
สำหรับจองโฮซอกจอนจองกุกไม่ใช่เพียงแค่มือขวาที่รู้ใจแต่เป็น คนรัก ของเขาด้วย และสำหรับจอนจองกุก จองโฮซอกก็ไม่ใช่เพียงเจ้านายคนสำคัญ แต่เป็น เจ้าของหัวใจ ด้วยเช่นกัน
ความรักของคนทั้งคู่สวยงามเสียจนน่าอิจฉา จองโฮซอกหลงรักในความใสซื่อบริสุทธิ์ของเด็กหนุ่มเจ้าของชื่อจอนจองกุกเสียจนหมดใจ และจองกุกเองก็หลงรักความสง่างามและเด็ดเดี่ยวของบอสคนนี้จนหมดใจเช่นกัน
...หากเพียงแต่โลกที่พวกเขาอยู่ ความรักอย่างเดียวมันไม่เพียงพอ...
จองโฮซอกได้ตระหนักถึงอุปสรรคครั้งใหญ่ของตนได้ในวันนั้น วันที่ปาร์คจีมินก้าวเข้ามาในชีวิตของพวกเขา...
จองโฮซอกชายหนุ่มร่างบางผู้ถูกเลี้ยงดูมาด้วยการตามใจและเอาใจอย่างถึงที่สุด ผู้คนรอบกายต่างให้ความสำคัญกับเขามากกว่าสิ่งใด แม้แต่ชีวิตของคนเหล่านั้นเอง...
...หากเพียงว่าจองโฮซอกจะเป็นคนที่สำคัญที่สุด....
...หากว่าไม่ได้มี ใครคนนั้น สำคัญกับจองกุกมากกว่าเขา...
“จองกุก! นายจะไปไหน!”เสียงหวานตะหวาดดังลั่นเรียกให้เจ้าของชื่อที่กำลังจะก้าวเท้าออกจากห้องทำงานไปต้องหันกลับมามองอย่างเร่งร้อน
“ผมจะไปช่วยจีมินครับ!”น้ำเสียงร้อนรนของคนรักเรียกให้ดวงตาหวานสั่นระริก
“หมอนั่นมันทำตัวเองนะ! เพราะความใจร้อนของตัวเองปาร์คจีมินมันถึงโดนจับไปแบบนั้น! ในฐานะมือซ้ายของฉันมันถือเป็นความผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย!”คนตัวบางกว่าเอ่ยแย้งเสียงดัง ขาเรียวภายใต้กางเกงสแลคเนื้อดีก้าวเข้าไปหาร่างของชายหนุ่มอีกคนที่หยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องทำงานของตน
“ผมรู้ครับโฮซอก! แต่ยังไงผมก็จะไปช่วยเขา”นัยน์ตาทรงเสน่ห์ของจอนจองกุกผู้เป็นมือขวาฉายแววแน่วแน่อย่างต้องการแสดงให้เห็นว่าไม่ว่าอย่างไรการตัดสินใจของเขาก็จะไม่เปลี่ยนแปลง
“จองกุก...”มือเรียวของมาเฟียหนุ่มเอื้อมออกไปคว้าแขนเสื้อของอีกคนอย่างเชื่องช้า ดวงตาคู่สวยที่ฉายแววความเด็ดเดี่ยวเสมอบัดนี้กำลังสั่นไหว ใบหน้าสวยของจองโฮซอกฉายแววความเจ็บปวดออกมาอย่างชัดเจนเสียจนจองกุกต้องเบือนหน้าหนีด้วยไม่อาจทนมองหยาดน้ำตาของคนรักที่กำลังเอ่อคลออยู่ที่หน่วยตาคู่นั้นได้
“ผมจะรีบกลับมาครับ”คนอายุน้อยกว่าคว้าร่างบางของผู้เป็นหัวหน้าเข้ามาสู่อ้อมกอดอย่างง่ายดาย จอนจองกุกจัดการดันท้ายทอยของคนตัวบางกว่าให้ใบหน้าสวยเปื้อนน้ำตานั่นซบลงกับแผ่นอกของตน
“สำคัญมากเหรอ...เพื่อนสมัยเด็กคนนั้นน่ะ...”น้ำเสียงหวานที่เอ่ยนั้นสั่นไหวปะปนไปกับเสียงสะอื้นเสียจนน่าสงสาร รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองกำลังจะทำตัวงี่เง่า...แต่จองโฮซอกเพียงต้องการเป็นคนที่สำคัญที่สุดในหัวใจของจองกุกเท่านั้น
“ครับ...”และคำตอบที่ออกมาก็เรียกให้ฝ่ามือขาวทั้งสองข้างที่โอบรอบแผ่นหลังของอีกคนออกแรงขยุ้มเสื้อเชิ้ตเนื้อดีตัวนั้นเสียจนยับยู่ยี่ราวกับกลัวว่าคนตรงหน้านี้จะหันหลังจากตนไป
...ใช่แล้ว...จอนจองกุกกับปาร์คจีมินเป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน
...จองโฮซอกเป็นเพียงแค่คนที่มาที่หลังเท่านั้น แต่กระนั้นเขาก็เป็น คนรัก ของจองกุกมิใช่หรือ?
...มันถูกแล้วหรือที่จะมีใครอีกคนที่จองกุกให้ความสำคัญขนาดนั้น...
“สำคัญ...แค่ไหน?”คำถามที่เอ่ยออกมาจากริมฝีปากอิ่มที่ถูกฟันคมของเจ้าของขบเม้มจนบวมช้ำนั้นเบาหวิวราวกับสายลม แต่มันกลับก้องสะเทือนไปทั่วทั้งใจของคนฟัง จอนจองกุกกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นเมื่อรู้ว่าเผลอทำให้คนรักของตนต้องเสียใจเสียแล้ว
...เพียงแต่...
“มากกว่า...ชีวิต...”
“แล้วเขากับฉัน...ใครสำคัญมากกว่ากัน?”ทั้งที่ในใจหวาดกลัวกับคำตอบนั้น แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดปากเจ้ากรรมจึงเอ่ยถามออกไป จองโฮซอกสัมผัสได้ถึงร่างกายของชายหนุ่มที่โอบกอดตนอยู่นั้นเกร็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“...”ความเงียบที่ปกคลุมอยู่นานเรียกให้หัวใจของจองโฮซอกคล้ายค่อยๆถูกบีบจนเริ่มปริร้าว
...ลังเล...
...แค่ความลังเลนี่ก็เป็นคำตอบได้อย่างชัดเจนแล้ว...
...เขา...ไม่ใช่คำตอบ
“ขอโทษครับ....”
...จองโฮซอกเป็นมาเฟีย...และเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งที่มีความอิจฉา ริษยา หรือแม้แต่ความโกรธแค้น...
...จองโฮซอกไม่ใช่คนดี...แน่นอน ตั้งแต่ที่พร้อมใจจะรับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งค์ เขาก็ไม่ใช่คนดีอีกต่อไปแล้ว...
...แต่เขาก็ไม่คิดว่าสิ่งที่ตนทำลงไปนั้นเป็นความผิด...
...ในเมื่อเขาเชื่อว่าตนต้องได้ทุกสิ่งที่ต้องการ และครั้งนี้ก็เช่นกัน...
...จองโฮซอกต้องการเป็นคนที่สำคัญที่สุดในหัวใจของจอนจองกุก...
...แต่ในเมื่อไม่ได้...เขาก็ไม่ลังเลที่จะกำจัด เสี้ยนหนาม ให้สิ้นซาก...
กระบอกปืนสีดำสนิทจ่อตรงไปที่เบื้องหน้าของตน แววตาสั่นไหวด้วยความหวาดกลัวระคนกับความเจ็บปวดฉากชัดในดวงตาเรียวรีคู่นั้น ใบหน้าน่ารักของ อดีต มือซ้ายของตนกำลังบิดเบี้ยวด้วยความผิดหวัง
“คุณ...ทำแบบนี้ทำไมครับ”น้ำเสียงนั้นที่เอ่ยถามออกมาด้วยความพรั่นพรึงเรียกให้เรียวปากสวยต้องยกยิ้มเอ็นดูขึ้นอย่างที่เคยมอบให้คนตรงหน้าเสมอมา
...เอ็นดูกับความใสซื่อ...
…เอ็นดูกับความโง่เขลา...
“อยากรู้จริงๆหรือปาร์คจีมิน”น้ำเสียงราบเรียบช่างขัดกับรอยยิ้มเอ็นดูที่ได้รับเสมอจากคนเป็นบอสเรียกให้หนาวสะท้านไปทั้งกาย ยิ่งยามที่มองสบเข้าไปในดวงตาคู่สวยของจองโฮซอก ปาร์คจีมินก็มั่นใจ...มั่นใจว่าคนตรงหน้าจะไม่มีคำว่าปราณีมอบให้กับตนแน่นอน
“จองกุกต้องเสียใจแน่ถ้าคุณทำแบบนี้...”
...เสียใจที่คนที่รักสุดใจกำลังเดินบนทางเดินที่ผิดพลาด...
“นายไม่ได้ผิดอะไรหรอกนะปาร์คจีมิน...”
กระบอกปืนถูกขึ้นนกเตรียมพร้อมสำหรับการลั่นไกทุกเมื่อ ดวงตาคู่สวยจับจ้องมองร่างเล็กของคนตรงหน้านิ่ง ปาร์คจีมินไม่มีท่าทีว่าคิดจะหลบหนีเลยแม้แต่น้อย เปลือกตาบางคู่นั้นปิดลงช้าๆคล้ายการยอมจำนน
...สำหรับปาร์คจีมินที่สาบานว่าจะมอบชีวิตให้กับบอสอย่างโฮซอกแล้ว การที่ถูกผู้เป็นบอสชี้ปลายกระบอกปืนมายังตนเช่นนี้ไม่ต่างกับคำสั่งให้จบชีวิต...
...ซึ่งเขายอมรับคำสั่งนั้น...ถึงแม้รู้อยู่แก่ใจว่าตนนั้นไร้ซึ่งความผิดใดๆ...
...แต่ก็รู้อยู่แก่ใจเช่นกัน...รู้ถึงเหตุผลที่จองโฮซอกตัดสินใจทำอย่างนี้...
“ไม่ต้องยกโทษให้ฉันหรอก...ลาก่อนปาร์คจีมิน...”สิ้นคำปลายนิ้วเรียวของบอสหนุ่มก็ออกแรงเหนี่ยวไกปืนทันที เสียงของดินปืนที่ระเบิดส่งกระสุนออกจากรังปืนดังลั่นไปทั่วในความคิด แต่กระนั้นมันก็ยังไม่ดังเท่ากับเสียงตะโกนของใครบางคน
...เสียงที่เป็นดั่งระฆังสัญญาณที่ดังบอกว่าเวลาของความรักได้หมดลงแล้ว...
...ตลอดกาล...
“จีมิน!!!!!”
.
.
.
.
.
“จอง...กุก...”น้ำเสียงหวานที่เอ่ยออกมาแผ่วเบาราวกับละเมอนั่นเรียกให้แรงที่บีบแน่นที่ลำคอขาวคลายออกอย่างรวดเร็ว ชั่วขณะในเปลวเพลิงแห่งความเคียดแค้นจอนจองกุกมองเห็นภาพของจองโฮซอกคนเก่า จองโฮซอกคนนั้นคนที่ตนหลงรัก...
...คนที่เป็นมาเฟียแต่กลับใจดียิ่งกว่าใคร...
...คนที่เอาแต่ใจและแสนดื้อดึงแต่กลับออดอ้อนได้น่ารักเสียจนไม่อาจขัดใจได้...
...จองโฮซอก...คนที่ไม่ได้ลั่นไกออกไปทำร้ายปาร์คจีมิน...
“แค่กๆ! แค่ก!”คนตัวบางที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระตะกุยตะกายสูดเอาออกซิเจนเข้าปอดอย่างเร่งร้อน ร่างบางทิ้งกายนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นหินเย็นเยียบ หยาดน้ำตามากมายไหลพรั่งพรูออกมาจนดวงตาพร่าเบลอ แต่กระนั้นดวงตาที่เคยมองเห็นเพียงสีขาวโพลนก็กลับมามองเห็นได้อย่างที่เคยแล้ว
จองกุกจ้องมองร่างบางของคนที่นอนหมดสภาพอยู่ตรงหน้าด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย
เขาเคียดแค้นจองโฮซอก...แค้นที่ถูกพรากสิ่งที่สำคัญไป...
...แต่ในขณะเดียวกันก็รักคนตรงหน้านี้สุดใจ...
...แต่เพราะว่ารักสุดใจ จึงอยากจะฆ่าให้ตายด้วยมือของตน...
...ฆ่าให้ตายเพื่อให้จองโฮซอก ที่เขารัก อยู่กับเขา...อยู่ในความทรงจำตลอดไป...
...เพียงแต่เขายังต้องทวงสิ่งที่เสียไปกลับคืนมาเสียก่อน...
...จองโฮซอกทำลายสิ่งสำคัญของเขาไป จอนจองกุกก็จะทำลายสิ่งสำคัญของอีกคนเช่นกัน...
จองกุกสั่งให้ลูกน้องร่างสูงคนเดิมยึดร่างบางที่อ่อนแรงของจองโฮซอกขึ้นนั่งเช่นเดิม ถึงจะยังคงหอบหายใจเหนื่อยอ่อนแต่สตินึกคิดของจองโฮซอกก็เริ่มกลับมาแล้ว
คนตัวบางจ้องมองใบหน้าของอีกคนด้วยแววตารวดร้าวอย่างไม่คิดจะปิดบัง ความร้าวรานที่ระคนไปด้วยเพลิงแค้นที่สุมอก...เช่นเดียวกับจอนจองกุก ทั้งสองต่างรู้ดี...
...เพราะรักมาก...จึงเกลียดมาก...
“...คุณเคยบอกผม...บอกว่าผมพลาดเองที่ให้คุณรู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคืออะไร...”น้ำเสียงทุ้มนั่นยังคงเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เสียจนยากจะต้านทาน แต่มันก็ช่างเจ็บปวดเหลือเกิน
“ผมพลาดที่มีสิ่งสำคัญ...”ฝ่ามือหนายกขึ้นลูบแก้มขาวของคนตรงหน้าแผ่วเบาอีกครั้งด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก จองโฮซอกจ้องมองใบหน้าของชายผู้เป็นที่รักนิ่งราวกับจะเก็บเอาไว้ในความทรงจำ สลักลึกลงไปให้ตราตรึงในจิตใจ
...ให้จดจำจอนจองกุกที่รักเขา...จำ...
...ต่อให้จากนี้ไปต้องเจอกับอะไรก็ตาม...
“แต่คุณเองก็พลาดไม่ต่างกัน...รู้มั๊ยครับคนดี”สัมผัสนั้นยังคงอ่อนโยนจนหัวใจที่เคยเหี่ยวเฉาพองโตขึ้นอีกครั้ง เปลือกตาบางของโฮซอกค่อยๆปิดลงช้าๆเอียงใบหน้าอิงซบกับสัมผัสนั้นอย่างเผลอไผล
“ในโลกนี้มีกฎอยู่ว่าทุกอย่างต้องแลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียม ได้รับอะไรมาก็จงจ่ายคืนด้วยสิ่งที่เท่าเทียม...เช่นเดียวกัน หากถูกช่วงชิงอะไรไป......ก็จงแย่งชิงสิ่งที่เท่าเทียมกันกลับคืนมา...”
“คุณเป็นคนสอนผมเอง...จำได้มั๊ยครับ?”คำถามนั้นไม่ได้รับคำตอบจากคนตัวบางกว่า แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้จองกุกหงุดหงิดแต่อย่างใด เพราะเขารู้อยู่แล้ว...รู้ดีแล้วว่าจองโฮซอกยึดถือคำสอนข้อนี้ยิ่งกว่าใครๆ
...ถึงแม้สภาพของคนตัวบางตอนนี้จะไม่ใช่มาเฟียผู้องอาจและหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีอีกแล้วก็ตาม...
“สิ่งสำคัญของคุณคือศักดิ์ศรี...อย่างแรกในฐานะบอสของแก๊งค์มาเฟียที่ทรงอิทธิพลที่สุด....”มือหนาเปลี่ยนเป้าหมายจากแก้มขาวไปเป็นเรือนผมสีดำสนิทของอีกคน ลูกไล้เส้นผมอย่างเบามือ เก็บเกี่ยวเอาสัมผัสที่คุ้นชินนี้ให้ตราตรึงเข้าไปในหัวใจ
...จอนจองกุกยังจำได้ว่าเขาต้องผ่านอะไรมาบ้างตลอดสี่ปีนี้เพื่อให้ตนเองได้ทวงคืนสิ่งที่เสียไป...
สำหรับคนที่ถูกเลี้ยงดูมาเพื่อเป็นเจ้านาย เลี้ยงดูมาเพื่อปกครองอย่างจองโฮซอก ไม่มีสิ่งใดที่สำคัญไปยิ่งกว่า ศักดิ์ศรี อีกแล้ว...
หลังจากเหตุการณ์นั้นจอนจองกุกได้พาตนเองและปาร์คจีมินออกจากแก๊งค์ของโฮซอกมา และแน่นอนว่าจองโฮซอกก็ยอมให้เป็นแบบนั้น จะเรียกว่านับเป็นความผิดพลาดของคนตัวบางก็ได้ที่ปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่กับความเคียดแค้น
...ในวันนั้น...วันที่เห็นกระสุนปืนเจาะทะลุหน้าอกของปาร์คจีมิน เขาก็สาบานกับตนเองว่าต้องทำลายสิ่งสำคัญของจองโฮซอกทั้งหมด เช่นเดียวกับที่คนรักของเขาทำลายสิ่งสำคัญของเขาไป...
เริ่มจากทำลายศักดิ์ศรีความเป็นหัวหน้าแก๊งของจองโฮซอก...ทำลายแก๊งค์ที่เป็นเหมือนที่พักพิงเพียงสิ่งเดียวของโฮซอกให้ย่อยยับ
สี่ปีที่ผ่านมาจอนจองกุกรวบรวมคนและก่อตั้งแก๊งค์ใหม่ขึ้นมา เขาทำทุกวิถีทางไม่ว่าจะเป็นวิธีที่สกปรกแค่ไหน...ทุกวิถีทางเพื่อให้ตนได้ผงาดขึ้นมาอยู่ในจุดที่ทัดเทียมกับจองโฮซอก...
...ทัดเทียมกันเพื่อเตรียมพร้อมที่จะขยี้อีกฝ่ายให้กลายเป็นผุยผง...
...และเขาก็ทำสำเร็จ...
...ไม่มีอีกแล้วจองโฮวอกผู้ที่เป็นดั่งราชสีห์ผู้องอาจในวงการมาเฟีย...
...บัดนี้มีเพียงชายหนุ่มเจ้าของชื่อจองโฮซอกเท่านั้น...
“อีกอย่างก็คือศักดิ์ศรี...ศักดิ์ศรีของจองโฮซอก ศักดิ์ศรีของผู้ชายคนหนึ่ง....”มือหนาที่เคยลูบไล้เส้นผมนิ่มอย่างอ่อนโยนเปลี่ยนมาเป็นกระชากดึงให้ใบหน้าสวยเงยขึ้นจ้องมองตน
“ของขวัญของคุณมาแล้วครับโฮซอก...”เอ่ยออกมาทั้งรอยยิ้มก่อนจะปล่อยให้อีกคนเป็นอิสระ จองกุกหันไปสั่งให้ลูกน้องยึดร่างบางของโฮซอกเอาไว้ไม่ให้คนตัวบางได้มีโอกาสดิ้นหนีไปไหน
จองกุกละความสนใจออกจากร่างบางที่ถูกคุมตัวเอาไว้ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับของขวัญที่ตนให้ลูกน้องจัดมาให้
“...!”ดวงตาคู่สวยของจองโฮซอกเบิกโพลงด้วยความตกใจยามที่เห็น ของขวัญ ที่ว่าของอีกคน ฟันคมขมเม้มเข้าหากันอย่างแรงเพราะความเครียดที่เข้าเกาะกุมหัวใจ คนตัวบางเริ่มดิ้นรนหาทางหนี...อย่างน้อยก็ขอให้หลุดพ้นจาก ของขวัญ ที่ว่านี่ก็ยังดี
“ผมเลือกลายเองเลยนะรู้มั๊ยครับ...มีชื่อของผมแล้วก็เครื่องหมายของแก๊งค์ผมด้วยนะเห็นมั๊ย?”จองโฮซอกเบือนหน้าหนีเมื่อไอร้อนจากโลหะตรงหน้าแผ่เข้ามาให้หัวใจเต้นระรัว เพียงแค่คิดว่าตนเองกำลังจะโดนทำอะไรสัญชาตญาณก็สิ่งให้เขาดิ้นรนเอาตัวรอด เพียงแต่มันก็เป็นไปได้ยากเหลือเกินเมื่อสิ่งที่ประสบพบเจอมาก่อนหน้านี้มันช่างหนักหนาเสียจนเรี่ยวแรงเหือดหาย
“จับเอาไว้ให้แน่น”คำสั่งของผู้เป็นนายเรียกให้แรงดึงรั้งร่างของจองโฮซอกนั้นเพิ่มมากขึ้น เสื้อเชิ้ตเปียกชื้นของเขาถูกมือหนาของจอนจองกุกฉีกกระชากออกอย่างแรงเสียจนทั้งร่างผวาตามแรง
“เจ็บแป๊บเดียวเท่านั้นนะครับคนดี...”จองกุกเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนคล้ายกำลังปลอบเด็กน้อยที่หวาดกลัว เพียงแต่สิ่งที่คนตัวบางกำลังจะเจอนั้นมันคงไม่ได้เป็นเพียงแค่ปลายเข็มของคุณหมอเท่านั้น
“ผมจะให้มันอยู่ตรงนี้...ตรงที่เห็นชัด...ตรงที่ใครต่อใครก็จะได้รู้ว่าคุณเป็นของผม...สมบัติของแก๊งค์ผม....”สิ้นเสียงโลหะเผาไฟจนแดงฉานก็ถูกวางทาบลงไปที่หน้าท้องแบนราบของจองโฮซอกทันที ความร้อนจากโลหะเผาไหม้ผิวเนื้อเสียจนเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม กลิ่นเหม็นไหม้ลอยคลุ้งปะปนไปกับเสียงกรีดร้องด้วยความทรมาณอย่างสุดหัวใจจากผู้ที่เคยยืนอยู่บนต่ำแหน่งสูงสุดของวงการมาเฟีย
...บอสมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ที่บัดนี้กลับถูกตรีตราจองว่าเป็นเพียงสมบัติของศัตรู...
...จอนจองกุกทำสำเร็จแล้ว...ทำลายศักดิ์ศรีในฐานะบอสมาเฟียของจองโฮซอกให้ป่นปี้ได้ไม่มีเหลืออีกต่อไปแล้ว...
“อดทนได้ดีมากครับคนเก่ง”โลหะร้อนนั่นถูกเก็บไปแล้ว แต่ความเจ็บปวดทรมาณอย่างแสนสาหัสยังคงฝังรากลึกอยู่ภายในจิตใจของจองโฮซอก เสียงกรีดร้องของตนเองยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาท กายบางสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว เหมือนความเจ็บปวดจะทำให้การรับรู้อื่นๆของคนตัวบางเลือนหายไปเสียหมด กระทั่งว่าโซ่โลหะที่เคยพันธนาการตนเอาไว้ถูกปล่อยออกเมื่อใดโฮซอกก็ไม่อาจรับรู้
“อย่าเพิ่งรีบตายล่ะครับ....นี่เป็นแค่การโหมโรงเท่านั้น...คุณยังต้องอยู่กับผมไปอีกนานนะครับคนดี...”สติที่เลือนหายเพราะความเจ็บปวดบัดนี้เริ่มกลับมาอีกครั้ง จองโฮซอกจึงได้รู้ตัวว่าถูกกระชากเข้าไปในอ้อมกอดของอีกคนเสียแล้ว แถมชายหนุ่มอีกสี่ห้าคนที่เคยยืนรอรับคำสั่งจากจอนจองกุกก็หายไปหมดแล้ว ทั้งห้องขังจึงเหลือเพียงแค่เขาและจอนจองกุกเพียงสองคนเท่านั้น
“ผมไม่ยอมให้คุณตายหรอกครับ...คุณยังตายไม่ได้ ความตายมันสบายเกินไปสำหรับคุณ คุณต้องอยู่รอดูความสำเร็จของผมก่อน...ความสำเร็จในการทำลายคุณให้ย่อยยับ!”สิ้นเสียงตะโกนกร้าวของจอนจองกุก ร่างบางก็ถูกคนอายุน้อยกว่าดันให้นอนแผ่ลงบนพื้นหินเย็นเยียบอย่างแรงเสียจนจุกไปทั่วทั้งร่าง
“หยุด! อย่า!”เสียงหวานที่เคยคิดว่าแหบแห้งไปกับการกรีดร้องเมื่อครู่หมดแล้วกับร้องตะโกนออกมาอย่างร้อนรนเมื่อเสื้อเชิ้ตที่ถูกฉีกออกเมื่อครู่ถูกกระชากออกจากร่างอย่างแรงจนผิวขาวแสบร้อนไปหมด
“ไม่! ออกไป!”จองโฮซอกกรีดร้องออกมาอีกครั้งเมื่อเป้าหมายต่อจากเสื้อเชิ้ตของตนคือกางเกงสแลคเนื้อดีที่ตนสวมใส่อยู่
คนตัวบางออกแรงดิ้นสุดชีวิตหวังให้หลุดพ้นออกจากปีศาจตรงหน้าเสียที ความเจ็บแปล๊บจากแผ่นหลังไม่ได้ทำให้คนตัวบางล้มเลิกความพยายามแม้สักนิด แผ่นหลังขาวครูดไปกับพื้นหินเย็นเยียบเสียจนแสบร้อนไปหมด
...ศักดิ์ศรีสุดท้ายที่ตนเพียรรักษาเอาไว้กำลังจะถูกทำลายลงไปแล้ว...
...ทำลายด้วยฝีมือของคนที่เคยรักจนหมดหัวใจ...
หยาดน้ำตาพรั่งพรูออกมาจากดวงตาคู่สวย มันล้นทะลักไหลบ่าออกมาเสียจนตัวเขาเองยังแปลกใจ ไม่เคยคิดจะเสียน้ำตาให้ใครเพราะภาระหน้าที่ที่ทำให้เขาต้องแข็งแกร่ง
...แต่ในเวลานี้จะเหลืออะไรเล่า...ในเมื่อไม่ว่าจะศักดิ์ศรีหรือที่ยึดเหนี่ยวใจเพียงหนึ่งเดียวอย่างแก๊งค์ของเขาก็ถูกทำลายเสียจนย่อยยับไปแล้ว...
...ถูกตีตราว่าเป็นเพียงสิ่งของยังไม่พอ...
...ตอนนี้แม้แต่ศักดิ์ศรีของความเป็นจองโฮซอกก็กำลังจะถูกทำลายเสียอีก...
...ผิดหรือ?
จองโฮซอกผิดมากนักหรือที่ต้องการกำจัดเสี้ยนหนามตำใจ?
ผิดมากนักหรือที่ต้องการเป็นคนสำคัญที่สุดของจอนจองกุก
ดวงตาคู่สวยเหม่อลอยจ้องมองภาพเบื้องหน้านิ่งงันราวกับร่างไร้วิญญาณ ฝ่ามือเรียวเอื้อมออกไปด้านหน้าหวังไขว่คว้าอะไรบางอย่างให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ แต่มือหนาของใครบางคนกลับคว้ามันกลับมากอบกุมเอาไว้เสียก่อน จุมพิตแผ่วเบาที่เรียวนิ้วนั่นคล้ายกำลังปลอบใจให้ความเจ็บปวดจากคนที่เคลื่อนกายอยู่ด้านบนนั้นทุเลาลง
คนหนึ่งก็ต้องการเพียงแค่เป็นคนสำคัญที่สุดของใครอีกคน...
...ส่วนอีกคนก็ไม่อาจยกให้ได้แต่เพียงผู้เดียว...
...จองโฮซอกสำคัญที่สุด...ใช่ แต่ปาร์คจีมินก็ไม่แพ้กัน...
...จองโฮซอกยังมีตำแหน่ง มีหน้าที่ มีผู้คนคอยสนับสนุน...
...ในขณะที่ปาร์คจีมินไม่มีใคร...นอกจากจอนจองกุก...
...ผิดหรือ?
...ผิดหรือที่จอนจองกุกไม่อาจปล่อยมือจากปาร์คจีมินได้...
...มันก็คงเป็นเช่นเดียวกับที่เขาไม่อาจหยุดรักจองโฮซอกได้...
...ต่อให้เคียดแค้นจนสุดใจ...
...หรือต่อให้ต้องฆ่าให้ตายกับมือนี้ก็ตาม...
“ได้โปรดอย่าเพิ่งตายนะครับคนดี...ให้ถึงเวลาที่ผมช่วงชิงทุกสิ่งคืนมาจากคุณเสียก่อน...”
“เมื่อถึงเวลานั้น...ผมจะลั่นไกตัดขั้วหัวใจของคุณเองจองโฮซอก...”
Pay Back
ในโลกนี้มีกฎอยู่ว่าทุกอย่างต้องแลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียม ได้รับอะไรมาก็จงจ่ายคืนด้วยสิ่งที่เท่าเทียม...เช่นเดียวกัน หากถูกช่วงชิงอะไรไป...
...ก็จงแย่งชิงสิ่งที่เท่าเทียมกันกลับคืนมา...
END.
TALK. ฮุ่ยยยยยยยยย จบสักที ฮื่ออออออ บอกเลยค่ะสูบพลังพอสมควรเลยกับเรื่องนี้ เฮ้แกเป็นวันชอทนะ!!! ตอนฟังเพลง พดด. ไปด้วยนี่อยู่ๆพล๊อตก็มาเลยค่ะ แอบคิดว่าเฮ้ยแบบอย่าเพิ่งตายนะ ฉันจะเป็นคนฆ่าเองนี่มันต้องผูกใจเจ็บอะไรขนาดนั้นคะ แหมรักมากก็เกลียดมากใช่มะ 55555555 จากความคิดเพ้อเจ้อเลยออกมาเป็นเรื่องนี้แหละค่ะ อิอิ
ตอนแรกเพชรว่าจะแต่งม่อนโฮปนะ แต่แบบรู้สึกพี่ม่อนยังจิตไม่พอค่ะ เรื่องนี้เน้นคนความคิดแปลกประหลาด เพราะคนเขียนมันไม่ปกติค่ะ 5555555
ไม่รู้ว่าทุกคนจะเข้าใจการกระทำของสองคนนี้มั๊ยน้อ ฮื่อออออ ยอมรับค่ะว่าเรื่องนี้แต่งยากมาก เพราะมันต้องหน่วงๆ ซึ่งไม่ถนัดแนวหน่วงๆอย่างนี้เลยค่ะ แต่สุดท้ายก็เข็นออกได้เนอะ อิอิ
ออกตัวเลยว่าคนแต่งปกตินะคะ ไม่ได้โรคจิตแต่อย่างใด 55555555 ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านเรื่องนี้นะคะ ถึงจะเป็นคนที่หลงเข้ามาก็เถอะ 5555555
ทอล์กยาวเกินหน้าเกินตาชาวบ้านมากค่ะ เอาแค่นี้แล้วกันเนอะ มีอะไรจะเม้ามอยสามารถตามไปที่ทวิตได้นะคะ @ppbhy ค่า
ขอบคุณทุกคนมากนะคะ เยิ้ฟฟฟฟฟฟ<3
ความคิดเห็น