คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : (os) BUD Hormones | jungkook x j-hope
BUD Hormones
Jungkook x j-hope
3.1.15
...จอนจองกุกมีบางอย่างที่กำลังผิดปกติ...
ดวงตาสีรัตติกาลทรงเสน่ห์จับจ้องมองภาพเบื้องหน้าไม่ยอมละสายตาไปไหน เหมือนหูอื้ออึงไปหมดยามที่ดวงตาจับจ้องไปที่ต้นคอขาว โสตประสาทตัดการรับรู้ออกไปสิ้นเหลือทิ้งไว้เพียงเสียงหอบหายใจแสนยั่วยวนของคนตรงหน้า
เรือนผมสีดำสนิทเปียกลู่ละแก้มขาวและหน้าผากมนเพราะหยาดเหงื่อที่เกาะพราวไปทั่วทั้งร่าง ดวงตาคู่สวยคู่นั้นปรือปรอยเพราะความอ่อนล้าจากการออกกำลังกายอย่างหนัก ริมฝีปากอิ่มสีสวยเผยอออกเพื่อกอบโกยเอาออกซิเจนเข้าไปในร่างกายมากขึ้น
มือเรียวยกขึ้นเขย่าคอเสื้อยืดสีดำสนิทหวังให้ระบายความร้อนออกจากร่างกาย แต่การกระทำนั้นเรียกให้ชายเสื้อเลิกขึ้นจนเปิดให้เห็นหน้าท้องขาวเนียนมีกล้ามเนื้อเล็กน้อยอย่างคนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
เป็นครั้งแรกที่ดวงตาสีรัตติการทรงเสน่ห์คู่นี้ยอมละสายตา เพราะมันเอาแต่มองตามหยาดน้ำที่ค่อยๆไหลรดลงมาตั้งแต่ไรผมนิ่มไล่ลงมายังลำคอระหงผ่านไหปาร้า ลอดผ่านใต้เสื้อยืดสีดำลายกราฟฟิคสุดเท่ จวบจนผ่านหน้าท้องขาวเนียนที่ขยับขึ้นลงตามจังหวะการหอบหายใจและซึมหายไปที่ขอบกางเกงวอร์มตัวบางในที่สุด พลันรู้สึกได้ถึงความร้อนที่พุ่งพล่านขึ้นมาจนทั้งร่างร้อนผ่าว
“เฮ้จองกุก!”เสียงตะโกนเรียกพร้อมกับแรงที่ผลักศีรษะเรียกให้เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อได้สติ ดวงตาใสแจ๋วของน้องเล็กแห่งบังทันหันไปมองเจ้าของเสียงและแรงผลักเมื่อครู่ตาแป๋ว
“เหม่ออะไรของนาย...ฉันเรียกตั้งห้ารอบแล้วนะ”มินยุนกิกอดอกจ้องน้องเล็กตาเขม็ง ไอ้เด็กนี่ก็ประหลาด...เขาทั้งเรียกเบาๆทั้งตะโกนเรียกก็แล้วดันไม่ได้ยิน ต้องให้ใช้กำลัง
“เปล่าครับ...แล้วฮยองเรียกผมมีอะไรอ่ะ”เห็นใบหน้าไร้เดียงสาของน้องเล็กแล้วมินยุนกิก็ได้แต่ถอนหายใจเพื่อปัดเอาความหงุดหงิดก่อนหน้านี้ออกไปเท่านั้น
...ก็เล่นมองตาแป๋วแบบนั้นใครจะไปโกรธลงกันเล่า...
“จินฮยองถามว่าเย็นนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า”ได้ยินคำถามของพี่ชายแร็พเปอร์ไลน์ ดวงตาทรงเสน่ห์ของจอนจองกุกก็พราวระยับอย่างถูกอกถูกใจ
“อยากกินไก่!”แต่เสียงที่ตอบกลับมาดันไม่ได้มาจากน้องเล็กเสียอย่างนั้น ไม่นานหลังจากเอ่ยตอบเสียงใส ร่างบางของเจ้าของเสียงก็สไลด์ตัวเข้ามาซ้อนอยู่ด้านหลังของจองกุกจนเด็กหนุ่มต้องนั่งตัวแข็งทื่อ
มือเรียวทั้งสองข้างของคนที่กระทำอุกอาดจับที่ไหล่หนาของน้องเล็กเอาไว้พลางโถมตัวเข้ามาเต็มน้ำหนัก คางมนเกยอยู่บนเรือนผมสีดำสนิทของจองกุก
...ความจริงแล้วเรื่องแค่นี้ไม่ควรทำให้จองกุกนั่งนิ่งเป็นหินแบบนี้...
...แต่มันติดตรงที่ตอนนี้เขาได้ยินเสียงหอบหายใจแผ่วๆแสนยั่วยวนนั่นในระยะใกล้ขนาดนี้ต่างหากเล่า! ข้างหูเลยนะ!
แล้วไหนจะยังความเปียกชื้นจากหยาดเหงื่อหลังการซ้อมเต้นที่แนบเข้ากับแผ่นหลังเขาและไออุ่นจากร่างกายของอีกคนนี่อีกที่ทำให้รู้ว่าตอนนี้ร่างกายของเขาแนบชิดกันมากแค่ไหน
กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างที่อบอวนอยู่รอบกายของคนตัวบางที่ด้านหลังเรียกให้ความร้อนที่คล้ายว่าจะสงบลงไปแล้วภายในร่างกายของเขาพุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง
“โอ๊ะ!”เสียงหวานอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆน้องเล็กที่ตนขออาศัยแผ่นหลังเป็นที่พักพิงก็ดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเสียจนเขาล้มลงไปนั่งแหมะอยู่กับพื้น
“ผ...ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”ว่าแล้วน้องเล็กของวงก็จลรีออกออกจากห้องซ้อมทันทีโดยไม่คิดจะสนใจเลยว่าบรรดาพี่ๆทั้งหลายต่างมองตามแผ่นหลังของตนไปด้วยความงงงวยที่ไม่ต่างกัน
“อะไรของมันวะ”มินยุนกิพึมพำออกมาเบาๆก่อนจะเบือนสายตากลับมาจ้องมองจองโฮซอกที่ได้แต่นั่งมองน้องตาปริบๆอย่างที่บอกได้ว่ากำลังงงอย่างถึงที่สุด
...เอ๊ะ หรือจองกุกจะเหม็นเหงื่อเขากัน?...
เสียงน้ำที่ไหลออกจากก๊อกน้ำตรงหน้าแทบไม่ได้ลอยเข้าไปในโสตประสาทของเด็กหนุ่มเลยแม้แต่น้อย เพราะในหัวของจอนจองกุกตอนนี้มีเพียงอาการแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับตัวเองเท่านั้น
มือหนาควักน้ำจากอ่างล้างหน้าสาดเข้าใส่ใบหน้าหล่อเหลาของตนอย่างแรงโดยไม่สนใจสักนิดว่ามันจะกระเด็นเปียกเสื้อยืดสีขาวที่ตนเองสวมใส่อยู่หรือไม่
สองสัปดาห์มานี้จอนจองกุกพบว่าเขามีอาการแปลกประหลาดบางอย่างเกิดขึ้น...มันเริ่มจากวันที่เขาตื่นเช้าขึ้นมาและพบว่ากางเกงนอนของตนนั้นเปียกชื้น...
โอเคเขาไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดที่จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาจะไม่เครียดเลยหากว่าสิ่งที่อยู่ในมโนภาพฝันครึ่งหลับครึ่งตื่นนั้นไม่ใช่ใบหน้าสวยๆของพี่ชายร่วมวง!
เรื่องวันนั้นพาให้เขารู้สึกเข้าหน้ากับจองโฮซอกไม่ติดไปสามวันเต็มเลยทีเดียว..
แล้วเรื่องน่าวิตกก็ไม่ได้จบลงเพียงเท่านั้นเมื่ออาการผิดปกติของเขายังคงมีให้เห็นตลอดเวลา...
จอนจองกุกมักจะเผลอตัวจับจ้องมองพี่ชายตัวบางคนนี้อยู่บ่อยครั้ง รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ร่างกายรู้สึกร้อนผ่าวไปหมดเสียแล้ว...
ถึงก่อนหน้านี้สายตาของเขาจะจับจ้องมองไปที่จองโฮซอกอยู่แล้ว แต่นั่นมันก็เพราะรู้สึกชื่นชมพี่ชายที่น่าเคารพคนนี้ จองโฮซอกในสายตาของจองกุกคือพี่ชายมากความสามารถที่ดึงเอาเสน่ห์ออกมาได้ทุกครั้งที่ทำการแสดง
แต่ตอนนี้ความคิดของเขากลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อจู่ๆเขาก็พบว่าจองโฮซอกนั้นมีเสน่ห์ดึงดูดเกินต้านทาน ไม่ว่าพี่ชายหน้าสวยคนนี้จะทำอะไรก็กลายเป็นว่าเซ็กซี่ไปทุกท่วงท่า
บ้า! จองกุกคิดว่าเขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!
“เฮ้จองกุก”เสียงเรียกจากด้านหลังเรียกให้เด็กหนุ่มผู้ที่กำลังพยายามเรียกสติของตัวเองกลับมาอยู่ต้องหันกลับไปมอง แล้วน้องเล็กของบังทันก็ต้องผงะแทบหงายหลังเมื่อเห็นว่าผู้มาใหม่เป็นใคร
“ฉันกับนัมจุนจะออกไปร้านขายของชำ...จะเอาขนมอะไรรึเปล่า เพราะอีกนานเหมือนกันนะว่าไก่ที่โทรสั่งไปจะมาส่งอ่ะ”เสียงหวานของหัวหน้านักเต้นเอ่ยบอกน้องชายร่วมวงพลางส่งยิ้มกว้างมาให้อย่างที่ชอบทำ
“เป็นอะไรรึเปล่า?”เมื่อเห็นว่ายังไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการเสียที แถมเจ้าน้องเล็กยังยืนแข็งทื่อจนผิดปกติเสียอีกคนตัวเล็กกว่าเลยสืบเท้าเข้ามาใกล้ก่อนจะเอ่ยถามออกไปเบาๆด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
จอนจองกุกลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอเมื่อใบหน้าสวยที่น่าหลงใหลของคนอายุมากกว่าเคลื่อนเข้ามาใกล้ตน กลิ่นหอมอ่อนๆที่คอยมอมเมาเขาทุกครั้งที่อยู่ใกล้พี่ชายคนนี้โชยขึ้นมาอีกครั้ง กลิ่นหอมที่ทำให้รู้สึกมึนงงและวูบวาบภายในกาย...แต่กระนั้นจองกุกก็หาที่มาของมันไม่เจออยู่ดี
“อ่ะ!”และเพราะความรู้สึกวูบวาบภายในที่ทำให้เด็กหนุ่มสับสน ร่างกายจึงตอบสนองต่อต้นเหตุด้วยปฏิกิริยาอัตโนมัติ จองกุกเผลอยกมือขึ้นปัดมือเรียวที่ยื่นออกมาทาบกับหน้าผากเขาด้วยความห่วงใหญ่ไม่เบานัก เรียกให้คนอายุมากกว่านิ่งค้างไปชั่วขณะ
“เอ่อ...คือ...”พอรู้ตัวว่าเผลอทำไม่ดีกับพี่ชายตัวบางตรงหน้าไปเสียแล้ว น้องเล็กของวงเลยพยายามจะเอ่ยแก้ตัวกลัวคนคิดมากจะเข้าใจผิด
“อ่างั้นเดี๋ยวฉันซื้อขนมมาเก็บไว้ในตู้ให้แล้วกันนะ...ถ้าหิวก็กินรองท้องไปก่อน ไปนะ”พูดรัวเร็วจนคนเป็นน้องฟังแทบไม่ทัน จองโฮซอกไม่ปล่อยให้น้องชายร่วมวงได้พูดต่อความอะไรหลังจากนั้นอีก คนตัวเล็กกว่าส่งยิ้มแหยๆไปให้ก่อนจะหมุนกายเดินออกจากห้องน้ำบริษัทไปทันที ทิ้งไว้เพียงจอนจองกุกที่ได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความหนักใจไม่ได้
...เห็นทีว่าเขาต้องจัดการกับอาการประหลาดๆของตัวเองสักทีแล้ว...
.
.
.
.
.
นั่งเล่นนอนเล่นกันได้อยู่ไม่นานอาหารเย็นชุดใหญ่อภินันทนาการจากพี่เมเนเจอร์ก็ส่งมาถึงห้องซ้อม เหล่าลูกลิงทั้งเจ็ดที่กระจัดกระจายกันตามมุมห้องต่างๆก็รีบถลาตัวเข้ามาตั้งวงกันกลางห้องราวกับโดนแรงดึงดูดจากไก่ในกล่องอย่างไรอย่างนั้น
ไม่รู้ว่าพระเจ้ารังแกอะไรจอนจองกุกหนักหนาถึงได้ดลบันดาลให้พี่ชายหน้าสวยผู้ที่ถูกจดชื่ออยู่ในลิสต์บุคคลอันตรายต่อจองกุกหย่อนกายนั่งลงข้างๆเขา
ใจหนึ่งก็โล่งอกที่คนคิดมากอย่างจองโฮซอกไม่ได้มีท่าทีว่าเก็บเอาเรื่องที่เขาเผลอปัดมืออีกคนออกไปคิดมาก แต่อีกใจก็หนักอึ้งเพราะยิ่งไม่คิดอะไรนั่นแหละ..เรื่องที่จอนจองกุกพยายามถอยห่างจากคนตัวบางในระหว่างที่หาวิธีแก้อาการประหลาดๆนี่เป็นไปได้ยากขึ้นไปอีก
“หู้!!! ดูปีกนี้ดิ เบ่อเร่อเลย!”ความหวังของบังทันร้องเสียงดังพลางชูปีกไก่ทอดมหัศจรรย์ในมือขึ้นมาให้เพื่อนร่วมวงดู ปาร์คจีมินเจ้าของซิกแพ็คช็อคโกแลตบาร์แสนน่าอิจฉาเบิกตาเรียวๆของตัวเองขึ้นจนแทบถลนก่อนทำท่าจะถลาเข้ามาแย่งปีกไก่ยักษ์แสนยั่วยวนใจในมือของพี่ชายร่วมวง
แต่จองโฮซอกผู้เห็นแก่กินเป็นที่หนึ่งมีหรือจะยอมได้ คนตัวบางกว่าก็เอนกายหลบเจ้าเด็กกล้ามตรงหน้าไปมาจนเรียกเสียงหัวเราะจากรอบวงได้เป็นอย่างดี
...ดูเหมือนพระเจ้าจะเกลียดจอนจองกุกเข้าแล้วจริงๆ...
แต่ด้วยเพราะจีมินนั่งอยู่คนละด้านกับจองกุกทำให้เวลาเอี้ยวโตหลบพี่ชายตัวบางถึงได้เอนกายเข้ามาเบียดจองกุกทุกครั้ง
ลำพังแค่สัมผัสกันแผ่วเบาจองกุกก็รู้สึกได้ถึงความร้อนที่วูบวาบไปมาอยู่ในท้องแล้ว แต่ไอ้ครั้งสุดท้ายนั่นแหละที่มันเป็นเรื่อง...
เมื่อเห็นว่าพี่ชายนักเต้นดูจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆกับศึกชิงไก่ในครั้งนี้ปาร์คจีมินเลยจัดการโถมตัวเข้าแย่งเสียเต็มที่ ทำให้โฮซอกต้องเอนตัวหนีหนักกว่าเดิม และนั่นมันก็ทำให้ร่างบางเอนเข้าหาน้องเล็กของวงเสียทั้งตัว แต่ด้วยน้ำหนักตัวที่โถมลงไปกระทันหันทำให้แขนบางที่ใช้ยันร่างกสนเอาไว้แทนหลักยึดเหนี่ยวเกิดอ่อนแรงเสียงขึ้นมาดื้อๆ ร่างบางของจองโฮซอกถึงได้ถลาลงไปบนตัวน้องเล็กเสียเต็มแรง
โชคดีที่มีอ้อมกอดของน้องเล็กที่โอบประคองร่างของตนเอาไว้ได้ทันก่อนที่ใบหน้าสวยนั่นจะลงไปกระแทกเข้ากับพื้นห้องซ้อมให้เสียโฉม
แก้มนุ่มของคนอายุมากกว่าที่ทาบทับอยู่บนแผ่นอกของน้องเล็กพร้อมกับไอร้อนจากร่างกายที่แผ่ผ่านเสื้อยืดที่สวมใส่อยู่เข้ามาเรียกให้จองกุกขนลุกชันโดยไม่มีสาเหตุ กลิ่นหอมอ่อนๆที่หายไปแล้วช่วงหนึ่งกลับมาในสัมผัสอีกครั้ง
โฮซอกใช้มือข้างหนึ่งยันพื้นเอาไว้เพื่อช่วยในการหยัดกายลุกขึ้นนั่ง ส่วนมือเรียวอีกข้างก็ขออาศัยเอาไหล่กว้างของน้องชายร่วมวงมาช่วยอีกแรง เพราะคนตัวบางดันร่างขึ้นโดยไม่ได้คิดอะไรจึงไม่ได้สนใจว่าใบหน้าของตนจะเข้าใกล้เบาะรองที่นั่งแข็งทื่อเป็นหินอยู่ตอนนี้เท่าไร
ปลายจมูกโด่งของจองกุกเฉี่ยวเข้ากับแก้มขาวของพี่ชายร่วมวงเสียเต็มรัก ยิ่งเข้าใกล้ร่างกายของอีกคนมากเท่าไหร่ กลิ่นนั้นก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น
ด้วยปฏิกิริยาอัตโนมัติร่างกายจึงสั่งให้จองกุกดันร่างของอีกคนออกทันทีก่อนที่ความร้อนวูบวาบน่าหวาดหวั่นภายในร่างกายของตนจะล้นทะลักออกมา แต่อาจจะเพราะอีกคนไม่ทันได้ตั้งตัวหรือว่าเป็นเพราะจอนจองกุกใช้แรงมากเกินไปก็ไม่อาจทราบได้ ร่างของพี่ชายนักเต้นจึงได้หงายหลังลงไปกองกับพื้นเสียงดังลั่นเสียจนทุกคนต้องหันมาให้ความสนใจ
“โอ๊ย!”เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของความหวังแห่งบังทันเรียกให้สมาชิกที่เหลือที่กำลังทานอาหารเย็นอย่างเอร็ดอร่อยต้องหันมาให้ความสนใจ เพราะถูกดันออกมากะทันหันโฮซอกจึงไม่ทันได้ตั้งตัว มือซ้ายที่ใช้ดันร่างตนเอาไว้อย่างกะทันหันเลยเหมือนจะเจ็บจี๊ดขึ้นมา เมื่อตั้งตัวได้คนตัวบางจึงยกข้อมือซ้ายที่เจ็บแปล๊บๆขึ้นมาบีบนวดเบาๆ
จองกุกไม่ทันได้สังเกตด้วยซ้ำว่าเผลอทำพี่ชายตัวบางเจ็บตัวเข้าเสียแล้ว เด็กหนุ่มหยัดกายลุกขึ้นเต็มความสูงอย่างรวดเร็วเสียจนคนที่ยังนั่งงงอยู่อย่างจองโฮซอกสะดุ้งสุดตัว
“จองกุก....”ยังไม่ทันเอ่ยถามว่าอีกคนเป็นอะไรรึเปล่าด้วยซ้ำ เพียงแค่เอ่ยเรียกชื่อน้องเล็กแผ่วเบาโฮซอกก็โดนสวนเข้ามาจนต้องปิดปากที่กำลังจะเอ่ยออกไปในที่สุด
“...ฮยองอย่ามาเข้าใกล้ผม...”จองกุกไม่ได้หมายความแบบนั้นหรอก เพียงแต่อารามตกใจและสับสนมันทำให้การเรียบเรียงคำพูดของน้องเล็กมันเป็นไปได้ยากเหลือเกิน
“เฮ้ยๆจองกุก”มินยุนกิเอ่ยปรามน้องเล็กออกมาเสียงเบาเมื่อเหลือบไปเห็นว่าสีหน้าของคนถูกห้ามเข้าใกล้นั้นซีดเผือดเสียจนน่ากลัว
“ผมอิ่มแล้ว...”พูดได้เท่านั้นน้องเล็กของวงก็เดินออกจากห้องซ้อมไปอย่างรวดเร็วทันที ทิ้งไว้เพียงแค่ความเงียบและบรรยากาศหนักอึ้งท่ามกลางสมาชิกที่เหลือเท่านั้น
....นอนไม่หลับ...
แน่นอนแหละใครจะไปหลับลงกัน! จองกุกได้แต่คิดฟึดฟัดในใจ...
ย้อนกลับไปได้อยากจะตบปากตัวเองแรงๆจริงๆ! เมื่อตอนหัวค่ำเผลอพูดจาทำร้ายจิตใจคนคิดมากอย่างจองโฮซอกเข้าไปเสียเต็มที่!
นั่นโฮปฮยองเชียวนะ! เจ้าพ่อน้ำตาแห่งบังทันเลยนะ! คิดมากก็ที่หนึ่ง...เจ้าน้ำตาก็ไม่เป็นรองใคร ไม่รู้ป่านนี้จะร้องไห้รึเปล่าก็ไม่รู้!
หลังจากที่เดินออกมาแบบนั้นแล้วก็ใช้เวลาพอสมควรกว่าที่ความรู้สึกแปลกๆนั่นจะกลับมาเข้าที่ จนแล้วจนรอดจองกุกก็ยังคงหาสาเหตุไม่ได้ว่าไอ้ความรู้สึกประหลาดภายในท้องนั่นมันเป็นเพราะอะไรกันแน่
เหลือบมองนาฬิกาก็บอกเวลากว่าตีสามแล้ว เสียงกรนแผ่วๆที่ดังขึ้นมาให้ได้ยินก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเหล่าสมาชิกบังทันต่างเข้าสู่ห้วงนิทรากันหมดแล้ว
จองกุกตัดสินใจที่จะออกไปหานมอุ่นๆสักแก้วที่ครัว การดื่มนมอุ่นๆอาจจะช่วยให้เขาหลับลงได้อย่างน้อยสักชั่วโมงสองชั่วโมงก็ยังดี
ความมืดที่นอกห้องนอนเป็นสัญญาณบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าทุกคนหลับไปแล้วจริงๆ
ดวงตาสีรัตติกาลของน้องเล็กแห่งบังทันจ้องมองฝ่าความมืดออกไปเบื้องหน้า จองกุกไม่ได้เปิดไฟในหอ เขาเลือกที่จะอาศัยความเคยชินในการนำทางแทนด้วยเพราะไม่อยากรบกวนเวลานอนที่มีเพียงน้อยนิดของสมาชิกคนอื่นๆ
นมสดเย็นๆถูกมือหนาของเด็กหนุ่มหยิบออกมารินใส่ถ้วยสำหรับเข้าไมโครเวฟ แต่ถึงกระนั้นจอนจองกุกก็ไม่รู้ว่าขั้นตอนต่อไปเขาจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้ได้มาซึ่งนมอุ่นๆอย่างที่ตนต้องการ
ดวงตาคู่สวยของใครบางคนจ้องมองแผ่นหลังที่เริ่มกว้างขึ้นเรื่อยๆของน้องเล็กนิ่ง ยิ่งเห็นท่าทางเก้ๆกังๆหยิบจับอะไรก็ดูจะไม่คุ้นชินไปเสียหมดของจอนจองกุก คนอายุมากกว่าก็ยิ่งนึกเอ็นดู
จอนจองกุกที่ยังคงง่วนอยู่กับการพยายามทำนมสดเย็นๆให้กลายเป็นนมสดอุ่นๆไม่ได้ล่วงรู้เลยว่ามีใครบางคนสาวเท้าเข้ามาใกล้ตนแล้ว
“อุ่นก่อนค่อยใส่แก้วสิ”เสียงหวานที่คุ้นเคยเอ่ยเบาๆจากด้านหลังเรียกให้น้องเล็กของบังทันสะดุ้งสุดตัว โชคดีที่มือไม้ไม่ได้ไปปัดโดนอะไรเข้าจนเกิดเสียงดังรบกวนคนอื่น
มือเรียวของคนอายุมากกว่าฉวยเอาแก้มนมสดในมือของน้องเล็กมาจัดการต่อให้ด้วยความชำนาญจนจองกุกเองยังนึกแปลกใจ
เสียงสัญญาณของไมโครเวฟดังขึ้นพร้อมกับจานหมุนภายในที่เริ่มหมุนช้าๆเพื่อมอบความร้อนให้กับนมสดภายในแก้วใส เสียงเครื่องใช้ไฟฟ้าส่งเสียงอื้ออึงแต่คนทั้งสองคนกลับปล่อยเสียงนั้นให้ดังขึ้นโดยไม่คิดจะรบกวนมันราวกับเสียงอื้ออึงนั้นน่าฟังหนักหนา
“อ่ะ นมอุ่นๆ กินแล้วก็รีบนอนนะ...พรุ่งนี้มีงานทั้งวัน...เดี๋ยวจะไม่ไหวเอา”แก้วนมอุ่นๆถูกยื่นส่งมาให้เขาพร้อมกับเสียงหวานๆของจองโฮซอกที่เอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วงเป็นใย ถึงแม้ห้องจะมืดมากแค่ไหนแต่แสงไฟหรี่ๆจากเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ทำให้รอยยิ้มหวานๆของพี่ชายร่วมวงปรากฏชัดในสายตาของเด็กหนุ่มอยู่ดี
ยิ่งเห็นว่าพี่ชายคนสวยตรงหน้ายังคงเป็นห่วงเป็นใยเขามากเท่าไร ความรู้สึกผิดก็ยิ่งถาโถมเข้าสู่หัวใจของเด็กหนุ่มมากขึ้นเท่านั้น
“งั้นฉันไปนอนก่อนนะ...เดี๋ยวพรุ่งนี้ตาบวมหมดหล่อกันพอนดี”คนตัวบางเอ่ยทีเล่นทีจริงกับน้องชายร่วมวงก่อนจะโบกมือลงคนตัวสูงกว่าด้วยรอยยิ้มหวานเป็นเอกลักษณ์เช่นเคย
จองโฮซอกทำตามคำพูดของจองกุกได้ดีไม่มีที่ติ คนติดสกินชิพอย่างโฮซอกไม่ได้แตะตัวน้องเล็กเลยแม้แต่น้อย แค่ยืนใกล้ๆเขายังเว้นระยะห่างด้วยซ้ำ และการกระทำเหล่านั้นก็ตอกย้ำให้จองกุกรู้ว่าคำพูดของเขาเมื่อตอนหัวค่ำพี่ชายเจ้าน้ำตาคนนี้เก็บเอาไปคิดเรียบร้อยแล้วแน่นอน
...และที่โฮซอกยังคงยิ้มหวานให้เขาและทำดีกับจองกุกขนาดนี้จะเป็นอย่างอื่นไปได้อย่างไรนอกจากความห่วงใหญ่ที่มีให้น้องชายร่วมวงไม่เคยขาด...
“โฮปฮยอง....”ดวงตาสีรัตติกาลที่มองตามแผ่นหลังบางในเสื้อยืดตัวใหญ่สำหรับใส่นอนของอีกคนไหวระริกเพียงวูบหนึ่ง ก่อนเสียงทรงเสน่ห์ของเมนโวคัลจะเอ่ยเรียกอีกคนเอาไว้ก่อนที่แผ่นหลังบางนั้นจะหายลับเข้าไปในประตูห้องนอน
จองโฮซอกชะงักฝีเท้าก่อนจะหมุนตัวกลับมาจ้องมองน้องชายร่วมวงด้วยดวงตาที่ฉายชัดถึงความสงสัย
“ผม....”เด็กหนุ่มอ้ำอึ้ง...จองกุกไม่เคยคิดเลยว่าการที่จะพูดคำว่าขอโทษออกไปมันจะลำบากขนาดนี้
...เขาก็แค่อยากขอโทษพี่ชายคนสวยตรงหน้าเท่านั้นเอง...
“ผม...ขอโทษ”ในที่สุดคำพูดที่ต้องการจะเอ่ยก็หลุดออกจากริมฝีปากได้เสียที จอนจองกุกก้มหน้าก้มตาเอ่ยขอโทษพี่ชายร่วมวงด้วยท่าทางไม่ต่างไปจากเด็กน้อยที่กำลังสำนึกผิด
คนได้รับคำขอโทษยืนงงอยู่เพียงชั่วขณะก่อนจะแย้มรอยยิ้มหวานจ๋อยออกมาอีกครั้ง โฮซอกตัดสินใจสาวเท้าเดินกลับเข้ามาหาน้องเล็กของวงอีกครั้งแต่กระนั้นก็ยังคงเว้นระยะห่างเอาไว้เล็กน้อยเพื่อไม่ให้น้องชายร่วมวงรู้สึกอึดอัด
“เปลี่ยนจากคำขอโทษเป็นบอกฉันได้มั๊ยว่านายเป็นอะไร”น้ำเสียงห่วงใยจากพี่ชายร่วมวงทำให้จองกุกต้องเม้นปากแน่นอย่างคิดไม่ตก
...ก็จะให้บอกสาเหตุน่ะมันก็...
“จองกุกอ่า...ถ้าฉันทำอะไรให้ไม่สบายใจหรืออึกอัดใจ ฉันขอโทษนะ...”น้ำเสียงเศร้าๆของพี่ชายร่วมวงเรียกให้คนที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมามองคนพูด
“ฉันไม่รู้จริงๆว่านายโกรธเรื่องอะไร...แต่ถ้ามีอะไรไม่พอใจก็บอกฉันได้นะ พวกเราเป็นพี่น้องกันนี่...”ถึงแม้ใบหน้าสวยๆของคนพูดจะยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มแต่ดวงตาสวยๆคู่นั้นกลับรื้นไปด้วยหยาดน้ำใส
“ม...ไม่ใช่อย่างนั้น...ผมแค่”พอเห็นว่าพี่ชายคนสวยตรงหน้าทำท่าจะร้องไห้ขึ้นมาแล้วจริงๆคนเป็นน้องเลยได้แต่ลุกลี้ลุกลนทำอะไรไม่ถูกกันไปใหญ่ คนอายุน้ายกว่าละล่ำละลักเอ่ยปฏิเสธเป็นพัลวันแต่ก็ดูเหมือนจะไม่ทันเพราะจองโฮซอกดันปล่อยโฮออกมาเสียแล้ว
“จองกุกอ่า...ฉันขอโทษนะ ฮึก....ไม่อยากให้นายไม่สบายใจ...”ร้องไห้ไปพูดไปก็ฟังไม่รู้เรื่องกันพอดี แต่จองโฮซอกในตอนนี้หาได้สนใจไม่ คนตัวบางกว่าเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด มือเรียวสองข้างก็ยกขึ้นปาดน้ำตาปื้ดๆโดยไม่สนใจเลยว่ามันจะทำให้ผิวหน้าขาวๆนั่นช้ำขนาดไหน
“ฮยองอย่าเช็ดแบบนี้สิ!”ร้อนถึงคนอายุน้อยกว่าที่ต้องรีบถลาเข้ามาคว้าข้อมือบางทั้งสองข้างของพี่ชายร่วมวงเอาไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะเช็ดหน้าจนผิวหนังถลอกออกมาจริงๆ
“โฮปฮยองอย่าร้องไห้สิครับ...”ยิ่นห้ามก็เหมือนยิ่งยุ พอบอกว่าอย่างร้องเข้าหน่อยยิ่งกลายเป็นว่าจองโฮซอกกลับปล่อยโฮหนักกว่าเดิมเสียอย่างนั้น
...โธ่เอ้ย! แล้วทำไมถึงได้ผลตรงกันข้ามแบบนี้กันเล่า!
“วันนี้ที่นายบอกไม่ให้ฉันเข้าใกล้นายฉันตกใจมาก...ฮึก แล้วก็คิดว่าฉันต้องเผลอทำอะไรให้นายโกรธแน่ๆเลย ก็นายไม่เคยขึ้นเสียงใส่ฉันเลยนี่นา...ขอโทษนะจองกุกอ่า”พอไม่มีมือที่คอยเช็ดน้ำหูน้ำตาตัวเองแล้วหน้าตาของพี่ชายร่วมวงตอนนี้ถึงได้ไม่น่าดูหนักขึ้นไปอีก
“ฮยองผมขอโทษ...ผมแค่สับสน แต่ผมไม่ได้โกรธฮยองนะ!”ยิ่นเห็นว่าจองโฮซอกเอาจริงเอาจังกับการร้องไห้เสียจนกลัวว่าดวงตาคู่สวยของพี่ชายจะช้ำเอาจองกุกเลยต้องรีบอธิบายออกไป แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผลเสียเท่าไหร่เพราะคนอายุมากกว่าก็ยังคงปล่อยน้ำตาออกมาไม่หยุด
“ต...แต่นายบอกไม่ให้ฉันเข้าใกล้นาย...”ยิ่งพูดถึงประโยคนี้คนตัวบางกว่าก็ยิ่งปล่อยโฮออกมาหนักยิ่งกว่าเดิมเรียกให้จอนจองกุกต้องโผล่สิ่งที่อยู่ในใจออกมาจนหมดเปลือก
“ผมไม่ได้โกรธฮยอง....ที่ผมไม่ให้ฮยองเข้ามาใกล้ผมเพราะผมรู้สึกแปลกๆ! เวลาฮยองอยู่ใกล้ๆผมก็รู้สึกร้อนไปหมดแถมในท้องมันยังโหวงๆแปลกๆอีก! ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เวลาเห็นฮยองแล้วอยากจะคว้าฮยองเข้ามาฟัดทุกที...ผมกลัวตัวเองเผลอทำอะไรไม่ดีกับฮยองผมเลยไม่อยากให้ฮยองมาอยู่ใกล้ผมจนกว่าผมจะหาวิธีแก้ได้เข้าใจมั๊ย!!”
สิ้นเสียงของน้องเล็กที่โผล่งออกมาก็มีเพียงความเงียบที่โรยตัวเข้ามาปกคลุมแทนที่ จองกุกหอบหายใจเพราะเมื่อครู่เขาพูดรัวเร็วเสียจนหายใจแทบไม่ทัน ใบหน้าหล่อเหลาของเด็กหนุ่มขึ้นสีแดงจางๆเพราะขาดอากาศหายใจหรือเพราะเขินอายกับสิ่งที่โผล่งออกไปเมื่อครู่ก็ไม่อาจทราบได้
ฝ่ายคนที่ได้รู้ความจริงก็ได้แต่มองใบหน้าหล่อเหลาของน้องชายร่วมวงตาปริบๆ จองโฮซอกตกใจและมึนงงจนหยุดร้องไห้ไปเสียแล้ว แต่พอคนตัวบางกว่าจับใจความได้ว่าสิ่งที่น้องเล็กของวงเอ่ยออกมานั้นหมายความว่าอย่างไรแก้มขาวของความหวังแห่งบังทันก็ขึ้นสีเรื่อจนกลายเป็นลูกตำลึงสุก
“อ....เอ่อ...”โฮซอกที่ดึงสติกลับมาได้จนด้วยคำพูด ตัวเองเองเมื่อได้รับรู้อาการของน้องเล็กของวงก็ได้แต่อ้ำอึ้ง เมื่อเห็นว่าอีกคนหยุดร้องไห้แล้วจองกุกจึงปล่อยมือที่ใช้ยึดข้อมือบางทั้งสองข้างเอาไว้ออกก่อนจะถอยออกมายืนก้มหน้าก้มตาไม่พูดไม่จา
“ล....แล้วตอนนี้ยังรู้สึกแปลกๆอยู่มั๊ย?”เสียงเอ่ยถามสั่นๆของจองโฮซอกเพราะความไม่มั่นใจเรียกคำตอบจากน้องเล็กของวงได้เป็นการพยักหน้าเบาๆแต่คนตัวสูงกว่าก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะยอมมองหน้าเขา
“แล้วรู้สึกแบบนี้กับคนอื่นรึเปล่า...”แน่นอนว่าคำตอบคือการส่ายหน้าปฏิเสธ
โฮซอกถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อคนที่ผ่านอะไรมามากกว่าอย่างเขาเริ่มจับเค้าลางได้ว่าน้องชายร่วมวงคนนี้เป็นอะไรกันแน่
“แล้ว...นายเคย...ฝัน....”เอ่ยถามได้ไม่เต็มเสียงเท่าใดนัก เพราะพี่ชายผู้ใสซื่อนั้นกระดากอายเกินกว่าจะต่อให้จบประโยค เอ่ยถามเองแก้มกลมๆนั่นก็ขึ้นสีสุกเปล่งกับคำถามของตัวเองไปด้วย แล้วก็ต้องรู้สึกร้อนฉ่าไปทั้งหน้าเมื่อน้องเล็กที่เหมือนจะเข้าใจคำถามตอบกลับมาเป็นการพยักหน้าหนักๆหนึ่งครั้ง
“ฮยอง...ผมขอโทษ...เพราะงั้นช่วงนี้ฮยองอย่างเพิ่งเข้าใกล้ผมจะดีกว่า...”จองกุกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ยิ่งได้ยินเสียงถอนหายใจจากพี่ชายร่วมวงหลายต่อหลายครั้งแบบนั้นยิ่งเรียกให้ใจแป้ว...กลัวพี่ชายคนสวยจะรังเกียจที่ตนเผลอคิดอะไรไม่ดีกับเจ้าตัวไปแบบนั้น
“ไม่ต้องขอโทษหรอก...มันเป็นเรื่องธรรมดาของวัยรุ่น...มั้ง...”ท้ายประโยคเอ่ยกับตัวเองเบาๆ โฮซอกพยายามปลอบใจน้องชายร่วมวง เขาไม่อยากให้จองกุกรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้
“ผม...ผมจะหาทางแก้เอง...ฮยองไม่ต้องห่วงนะ...”พูดยังไม่ทันหมดประโยคดีคำพูดที่เหลือก็ต้องกลืนกลับเข้าไปในลำคอเสียก่อนเมื่อร่างทั้งร่างถูกคนตัวบางกว่ารวบเข้าไปในอ้อมกอด
คางมนของความหวังแห่งบังทันเกยอยู่บนไหล่ที่เริ่มขยายกว้างของน้องเล็ก แขนเรียวทั้งสองข้างก็สวมกอดรอบเอวสอบของจองกุกแนบแน่นจนความร้อนส่งผ่านมาหากัน
“ไม่เป็นไรจองกุก...ฉันจะเอาใจช่วยเอง”ถ้อยคำปลอบใจเพียงแผ่วเบาที่ดังขึ้นข้างหูราวกับน้ำเย็นที่รินรดหัวใจของเด็กหนุ่ม จองกุกรู้สึกได้เลยว่าความร้อนวูบวาบภายในร่างกายของตัวเองค่อยๆสงบลง ถึงแม้ว่ากลิ่นหอมหวานจากอีกคนยังคงอบอวลไปรอบตัวเขา แต่ครั้งนี้มันกลับชวนให้ผ่อนคลายต่างจากที่เคยได้สัมผัสมาก่อนหน้านี้
“อ่ะ....โทษที แบบนี้นายจะรู้สึกแย่ใช่มั๊ย”ถึงจะแค่อยากปลอบใจน้องชายร่วมวง แต่พอนึกขึ้นได้ว่าการเข้าใกล้และสัมผัสตัวของจองกุกจะยิ่งทำให้น้องเล็กรู้สึกแย่มากขึ้นไปอีก คนตัวบางกว่าจึงตั้งใจจะผละออก แต่ก่อนจะได้ละอ้อมแขนของตนออกก็กลายเป็นจองโฮซอกเสียเองที่ต้องสะดุ้งสุดตัว
แขนแข็งแรงทั้งสองข้างของน้องเล็กแห่งบังทันคว้าร่างบางของพี่ชายร่วมวงเข้ามาในอ้อมกอดพร้อมทั้งกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นราวกับกลัวว่าคนในอ้อมแขนนี้จะหายไป
“จองกุก?”คนที่โดนกอดกลับแบบไม่ทันตั้งตัวได้แต่ยกแขนกอดตอบเบาๆคล้ายให้กำลังใจทั้งที่ยังคงงงงวยเท่านั้น
“อยู่แบบนี้สักพักนะครับฮยอง...”น้ำเสียงทรงเสน่ห์ของน้องเล็กเอ่ยอ้อนวอนแผ่วเบาเรียกให้พี่ชายร่วมวงที่ยังคงไม่เข้าใจได้แต่ตอบรับอืออาในลำคอก่อนจะยืนนิ่งๆปล่อยให้คนอายุน้อยกว่ากอดรัดร่างของตัวเองต่อไปแบบนั้น
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดที่ร่างของคนสองคนกอดกันท่ามกลางความมืดยามค่ำคืน ทั้งๆที่มีเพียงความมืดเหมือนก่อนหน้านี้แต่กระนั้นคนทั้งคู่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอย่างที่ควรจะเป็นเลยแม้แต่น้อย กลับกันจองกุกกลับรู้สึกสงบและผ่อนคลายอย่างไม่น่าเชื่อเสียด้วยซ้ำ
“...ทำแบบนี้แล้วดีขึ้นมั๊ย?”คำถามไร้เดียงสาที่อู้อี้อยู่ข้างหูเรียกให้จองกุกต้องลอบอมยิ้มด้วยความเอ็นดู เด็กหนุ่มกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นอีกก่อนจะถือโอกาสสูดกลิ่นหอมหวานแสนยั่วยวนของคนตรงหน้าจากเรือนผมนิ่มของพี่ชายร่วมวงเข้าไปเสียเต็มปอด
“...ผมทำแบบนี้แล้วฮยองอึดอัดมั๊ย?”คำตอบที่ได้รับจากคนตัวบางกว่าก็เป็นการส่ายศีรษะน้อยๆตามคาด รอยยิ้มกว้างอย่างน่ารักปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหล่าของน้องเล็กแห่งบังทัน
“...งั้นถ้าผมรู้สึกแย่ผมขอกอดฮยองแบบนี้อีกได้มั๊ยครับ”คำถามจากน้องเล็กเรียกความร้อนในกายให้วิ่งมารวมกันที่แก้มขาวของจองโฮซอก คนตัวบางกว่าช่างใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆพร้อมกับคำตอบน่าเอ็นดูเสียจนจองกุกอยากจะทำผิดต่อพี่ชายร่วมวงคนนี้สักครั้ง
“....ก็...ก็ถ้าแค่กอดนะ...”
.
.
.
.
.
“โฮปฮยอง!”เสียงร่าเริงจากน้องเล็กของวงพร้อมกับร่างสมส่วนที่โถมตัวเข้าใส่เจ้าของชื่อที่นั่งรอแต่งหน้าอยู่ที่โซฟารับรองเสียจนแทบหน้าทิ่ม
“จองกุกอ่า เดี๋ยวก็เจ็บตัวหรอก!”คนอายุมากกว่าหันไปเอ็ดน้องชายร่วมวงเสียงดังแต่กระนั้นก็ยังยอมให้คนอายุน้อยกว่าโถมกอดทั้งกายเช่นเดิม
“ไปดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”เป็นมินยุนกิผู้ที่ยังคงจำเหตุการณ์น่าตกใจในวันนั้นได้ดีที่เอ่ยออกมาด้วยอาการงงงวย เจ้าของใบหน้าขาวผ่องหันไปขอความเห็นจากหลายชีวิตที่เหลือในห้องแต่งตัว ซึ่งคำตอบที่ได้รับก็คือการส่ายหัวไปมาของเหล่าสมาชิกที่เหลือเท่านั้น
“ฮยอง...”เด็กหนุ่มเจ้าของตำแหน่งมักเน่ทองคำเอ่ยเรียกพี่ชายหน้าสวยแผ่วเบาที่ข้างใบหูบาง มือไม้ก็โถมเข้ากอดอีกคนเต็มตัวเสียจนตัวบางๆของความหวังแห่งบังทันแทบจะจมเข้ากับแผ่นอกของตัวเอง
“ผมรู้สึกไม่ดีอีกแล้ว...”ว่าพลางส่งสายตาออดอ้อนมาให้คนตัวบางในอ้อมแขนที่ได้แต่มองหน้าเขาตาปริบๆ ไม่ทันที่จองโฮซอกจะได้ตอบรับหรือแม้กระทั่งจะปฏิเสธคนตัวบางก็โดนคนอายุน้ายกว่าลากถูลู่ถูกังออกจากห้องแต่งตัวไปท่ามกลางความสงสัยของสมาชิกที่เหลือเสียแล้ว
“จ....จองกุก”เสียงหวานของหัวหน้านักเต้นเอ่ยเรียกอีกคนแผ่วเบาเมื่อถูกลากมาส่วนหลังเวทีที่ร้างผู้คน
เด็กหนุ่มตรงหน้าไม่ได้ตอบรับอะไรแต่กลับคว้าตัวคนตัวบางเข้าไปกอดแน่นเสียจนใบหน้าสวยของโฮซอกแทบจะจมเข้ากับแผ่นอกของน้องเล็ก
“ด....เดี๋ยวจองกุก...”เอ่ยห้ามพลางมือเรียวก็ออกแรงดังแผ่นอกน้องเล็กให้ห่างออกจากตน แต่ก็ทำได้ยากเหลือเกินเพราะอีกคนก็เอาแต่กอดรัดร่างของเขาไม่ยอมปล่อย
...โฮซอกไม่ได้ห้ามกอดหรอก...ก็สัญญากับน้องเล็กเอาไว้แล้ว...
...ให้กอดได้แต่ไม่ใช่แบบที่จองกุกทำเสียหน่อย!
“ฮยองสัญญาแล้วนะว่าจะให้ผมกอดอ่ะ...”ว่าแล้วก็เบะปากทำท่าเหมือนจะร้องไห้ คนใจอ่อนอย่างจองโฮซอกจะทำอะไรได้อีกนอกจากยอมแพ้ให้กับลูกอ้อนแพรวพราวของมักเน่ทองคำคนนี้
“ก็กอด...แต่ไม่ใช่แบบนี้นะ...ฮื้อ!”โฮซอกย่นคอหนีใบหน้าหล่อเหลาของน้องเล็กที่ก้มลงสูดกลิ่นกายหอมหวานที่ท้ายทอยของเขา แก้มขาวขึ้นสีระเรื่อด้วยความเขินอาย เห็นแบบนั้นเด็กช่างแกล้งอย่างจอนจองกุกก็ยิ่งยกยิ้มอย่างได้ใจ
เด็กหนุ่มจัดการฟัดคนในอ้อมกอดไปมาด้วยความหมั่นเขี้ยวราวกับพี่ชายตัวบางคนนี้เป็นตุ๊กตายัดนุ่นตัวเขื่อง
“...แบบไหนฮยอง...วันที่เราคุยกันผมก็กอดฮยองแบบนี้นะ...”ว่าหน้าซื่อตาใสเสียจนจองโฮซอกถึงกับพูดไม่ออก
“แต่นายไม่ได้มาดมๆเป่าลมใส่ฉันแบบนี้นี่!”คนตัวบางกว่าเถียงเสียงขุ่นพลางพยายามบิดกายออกจากอ้อมกอดของน้องเล็กที่ดูจะได้ใจมากเกินไปแล้ว
“เหรอครับ....งั้นขอเพิ่มไปด้วยเลยแล้วกัน”ว่าแล้วก็ยิ้มกว้างอย่างน่ารักก่อนจะจัดการฟัดพี่ชายในอ้อมแขนตนเองทันที
“นี่!”จะเอ่ยดุอยู่หรอก แต่พอเห็นใบหน้าออดอ้อนของจอนจองกุกก็ดันทำไม่ลงขึ้นมาเสียดื้อๆ
“ขอเพิ่มอีกอย่างนะฮยองแล้ววันนี้จะไม่ขออะไรอีกเลย”
...แต่วันอื่นไม่แน่...
“....”
“นะ....นะครับ”เมื่อเห็นว่าพี่ชายร่วมวงไม่มีทีท่าว่าจะตอบตกลงรับคำเลยแม้แต่น้อย ลูกอ้อนแพรวพราวตามแบบฉบับจอนจองกุกจึงถูกงัดมาใช้แบบเต็มกำลัง
“อ...อือ”แล้วคนใจอ่อนก็ยังใจอ่อนอยู่วันยันค่ำ พอได้ยินคนเป็นพี่ยอมอนุญาติแล้วเจ้าน้องเล็กตัวแสบจึงเริ่มฟัดพี่ชายต่อในทันที แต่ขอของแถมเป็นสัมผัสจากแก้มนิ่มนั่นสักหน่อย
“แก้มฮยองนิ่มจัง....”
“ย่าห์! ไหนบอกจะไม่ขออะไรเพิ่มแล้วไง!”
...จอนจองกุกไอ้ตัวแสบ! ได้คืบแล้วจะเอาศอกเหรอเด็กบ้า!
...ไม่น่ายอมเลยให้ตายเถอะ ฮอร์โมนวัยรุ่นนี่มันน่ากลัวจริงๆ!...
FIN.
TALK. ฟิคเรื่องนี้ไม่ค่อยมีสาระเลยโน๊ะ 55555555555555555 เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเพชรดันไปสัญญากับเด็กบางคนไว้ค่ะว่าจะแต่งกุกโฮปให้นาง บวกกับช่วงนี้รู้สึกว่าโฮซอกนางจะเอ็กซ์ขึ้นทุกวี่ทุกวัน คนบ้าอะไรทำอะไรก็เซ็กซี่ไปหมด ฮื่ออออออออ
เราเลยจัดการถ่ายทอดความรู้สึกเวลามองโฮซอกฝากจองกุกไปค่ะ #เกี่ยวอัลไล 55555555555555555 สรุปคือฟิคไร้สาระที่สะท้อนความหื่นของอีเพชรล้วนๆค่ะ เห้ยๆ แกเราไม่เชื่อหรอกว่ามองโฮวอกแล้วไม่คิดว่ามันเซ็กซี่อ้ะ ขี้จุ๊เบ่เบ๋ 555555555
ได้ฤกษ์เอาคู่อื่นมาแจมนอกจากม่อนโฮปพอดีเลยเอามาลงซะหน่อยค่ะ 555555555555555 เดี๋ยวจะเดือดร้อนต้องเปลี่ยนชื่อบทความเป็นชอทฟิคม่อนโฮปเสียก่อน 555555555555 แต่เรื่องต่อไปก็คาดว่าจะเป็นม่อนโฮป #เอ๊ะ 55555555 เพราะอีเพชรพล๊อตฟิคคู่นี้ไว้เยอะมาก แงงงงงงย์ เอาเป็นว่าเจอกันเรื่องหน้าค่า บ๊ายบาย ชู้บๆๆๆๆๆ
ความคิดเห็น