ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BTS'S PROJECT | #SongFicBTS ♬

    ลำดับตอนที่ #2 : NamGi | MISS RIGHT

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.พ. 58









     

    MISS RIGHT [Namjoon x Yoongi]








     


    I told you many qualifications ’bout my MISS RIGHT
    But why you’re my MISS RIGHT is..
    you are..  
    Just you













    "พี่นัมจุนขา~~”  เสียงอ่อนหวานของหญิงสาวคนหนึ่งเรียกชายหนุ่มที่กำลังยืนคุยกับเพื่อนอยู่อย่างออกรส เขามีรูปร่างสูงโปร่ง ผมยาวสีบลอนด์ถูกจัดทรงอย่างเรียบง่ายแต่ดูดี เพียงแค่หวีเสยขึ้นไปด้านบนศีรษะ และไถผมด้านข้างออก อวดสันกรามและโครงหน้าที่เพอร์เฟค สันจมูกโด่งรับกับใบหน้า มาพร้อมกับริมฝีปากที่กำลังแย้มยิ้มเผยให้เห็นลักยิ้มบุ๋มที่ข้างแก้ม ดวงตาคมคายที่ดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก เพราะมันทั้งฉายแววดุดันและทะเล้นในเวลาเดียวกัน

     

     

    คิมนัมจุนหันใบหน้าไปตามเสียงเรียก ก่อนถอนหายใจอย่างเซ็งโลก...

     

     

    ยัยนี่อีกแล้ว...


     

    ไม่ว่าเปล่า ฝ่ามือบางแต่เหนียวหนึบของหญิงสาวก็เกาะหมับเข้าให้ที่ลำแขนสีแทนก่อนซบหน้าลงบนต้นแขนที่ไม่ถึงกับล่ำสันแต่ก็มีกล้ามเนื้อแบบคนชอบออกกำลังกายของชายหนุ่ม


     

    “เย็นนี้ว่างมั้ยคะ ไปส่งมินอาที่บ้านหน่อยสิคะ” สาวเจ้าทำเสียงอ่อนเสียงหวาน ส่งสายตาหวานเยิ้มให้อย่างเชิญชวน ทำเอาชายหนุ่มแอบส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่าย แต่ก็พยายามใช้ฝ่ามือใหญ่ค่อยๆปลดมือเล็กของหญิงสาวตรงหน้าเค้าอย่างสุภาพ

     

     

    “ไม่ได้หรอก เย็นนี้พี่ต้องอยู่ทำตอนแล็ปเย็น ใช่มะ? โฮซอก” นัมจุนรับพยักพเยิดไปยังเพื่อนสนิทที่ยืนข้างๆกัน

     

     

    จองโฮซอกถึงกับหน้าเหวอ


     

     แล็ปบ้าอะไรวะ ก็กูกับมึงเพิ่งจะทำแล็ปเสร็จเมื่อกี้เนี้ย?

     

     

    เมื่อเห็นสีหน้าไม่รับมุขของเพื่อน ชายหนุ่มรีบแอบทำปากขมุบขมิบแล้วเบนสายตาไปที่หญิงสาวข้างกายเร็วๆ  โฮซอกร้องอ๋อในใจก่อนรีบตอบกลับ

     

    “ใช่ๆ ยังเหลือที่ต้องทำอีกเยอะเลย” ชายหนุ่มร่างผอมว่าพลางฉีกยิ้มแหยๆ


     

    ลีมินอาหน้าบึ้งตึงทันทีที่ได้ยินคำตอบที่ไม่ถูกใจ หญิงสาวยอมปล่อยมือออกจากแขนของนัมจุน แต่ก็ไม่วายส่งสายตาเง้างอนมาให้ชายหนุ่ม ...ซึ่งไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับสายตานั้นแม้แต่น้อย

     

     

    เมื่อหญิงสาวยอมปล่อยมือจากเขา นัมจุนรีบกอดคอโฮซอกแล้วเดินหนีทันที...


     

    “ตอนเย็นน้องมินอา เมื่อเช้าก็น้องฮานึล เดี๋ยวก็น้องคนนู้นน้องคนนี้เต็มไปหมดเลยนะมึงอ่ะ นี่ไม่คิดจะหาแฟนจริงๆจังๆมั่งรึไงวะ?”  เมื่อพ้นระยะที่มินอาจะได้ยิน  โฮซอกเอ่ยกระเซ้าเพื่อนซี้ข้างกาย  ทำเอาชายหนุ่มผมบลอนด์ทำหน้าเอือมๆก่อนตอบ

     

     

    “ไม่รู้โว้ย... ยังไม่เจอคนที่ใช่ว่ะ กูก็ไปเรื่อยอ่ะ ขำๆ แต่มินอานี่กูว่าจะชิ่งแล้วเนี่ย ไม่ไหวว่ะเกาะหยังกะปลาหมึก” นัมจุนพ่นลมหายใจอย่างเซ็งๆ พลางทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอีกม้าหินอ่อนใกล้ๆก่อนยกมือขึ้นเสยผมและกระพือเสื้อยืดสีน้ำเงินของตัวเอง

     

     

    “วันนี้อากาศก็ร้อนชิบ มาเกาะแข้งเกาะขากูอีก โว๊ะ..” คนตัวสูงขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด

     

    “แหม... ก็ตอนนี้มึงมีสาวให้เลือกเยอะแล้วนี่...  กูล่ะเบื่อพี่นัมจุนคนฮอทจริงๆ”  คนร่างผอมเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ แม้จะเป็นคนปากร้ายแต่โฮซอกรู้ดีว่าเพื่อนของเขาไม่พูดจาไม่ดีๆแบบนี้ใส่ผู้หญิงต่อหน้าหรอก เห็นแบบนี้คิมนัมจุนน่ะโคตรจะสุภาพบุรุษกับสาวๆ ไม่งั้นหญิงจะติดตรึมแบบนี้เหรอ...

     

     

    ปากหมาแต่กับเพื่อน... แม่ งสร้างภาพชิบหาย...

     

     

    “ช่วยไม่ได้ว่ะ ก็แบบ.. กูหล่ออ่ะ” คนหล่อยักคิ้วให้เพื่อนพลางยกยิ้มกวนส้นเท้าก่อนเบนสายตามองไปรอบๆคณะวิศวกรรมศาสตร์ในยามเย็นเป็นการพักสายตากับการเรียนเครียดๆตลอดทั้งวัน... แต่แล้วสายตาคมก็เบนไปสบกับใครบางคน...

     

     

    โลกทั้งใบของคิมนัมจุนหยุดหมุนไปชั่วขณะด้วยรอยยิ้มน่ารักบนใบหน้าขาวๆนั่น... 

     

     
     

     ร่างเล็กในเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์สีซีดขาดเข่าอย่างเซอร์ๆ กับรองเท้าคอนเวิร์สหุ้มข้อสีแดง ผมสีน้ำตาลอมส้มซอยระต้นคอและตกลงมาปรกใบหน้าหวานที่กำลังแย้มยิ้ม แม้ไม่ได้แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพงเหมือนพวกผู้หญิงที่เขาเคยเจอ แต่ความเป็นธรรมชาติที่ดูดีเกินจะบรรยายนั่นมันเหมือนคนตัวเล็กนี่พรมน้ำหอมที่เรียกว่าเสน่ห์ไปทั่วทั้งร่าง...




     

    ใช่เลย... 

     

     
     

    แม่ครับ... ผมเจอเนื้อคู่แล้วครับแม่...


     

     

    ชายหนุ่มเอื้อมมือไปสะกิดเพื่อนรักที่นั่งข้างกันรัวๆ แต่สายตาไม่อาจจะละจากคนๆนั้นได้แม้แต่วินาทีเดียว...

    “มึงๆๆ นั่นใครวะ” น้ำเสียงตื่นเต้นของคิมนัมจุนคนฮอททำเอาโฮซอกแปลกใจก่อนสอดส่ายสายตามองหาใครคนที่เพื่อนของเขาหมายถึง

     
     

    “ไหนวะ? แม่ งคนตั้งเยอะแยะ กูจะรู้มั้ยเนี่ย”

     
     

    “ก็คนนั้นไง ตัวเล็กๆ ขาวๆอ่ะ ที่ยืนเขียนกระดานอยู่นั่น” นิ้วเรียวชี้คนตัวเล็กกำลังหันกลับไปเขียนไวท์บอร์ดต่อหลังจากที่หันมาคุยกับกลุ่มคนที่กำลังนั่งลอกอะไรบางอย่างตามที่เขียนบนกระดานลงบนสมุดอย่างตั้งใจ

     
     

    “อ๋อ” โฮซอกว่าแต่กลับเงียบไปไม่พูดอะไรต่อ ทำเอาชายหนุ่มร้อนใจขึ้นมา

     

    “โฮซอก นี่มึงรู้จักเขาเหรอ?”

     
     

    “รู้ดิ นั่นพี่ยุนกิไง” ร่างผอมว่าก่อนก้มหน้าลงกดมือถือในมืออย่างไม่สนใจมากนัก นัมจุนดึงแขนเพื่อนรักอย่างตื่นเต้น สายตาคมเป็นประกายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โฮซอกเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าชื่นมื่นแปลกๆของเพื่อนสนิทอย่างขนลุก

     
     

    “นี่มึงเป็นไรของมึงเนี่ย?” คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างงงๆกับพฤติกรรมผิดวิสัยของนัมจุนโอป้าวิศวะเครื่องกลปีสามขวัญใจสาวๆ ที่ตอนนี้ทำหน้าทำตาเหมือนสาวน้อยห้าขวบที่เจอตุ๊กตาที่ถูกใจ

     
     

    “ยุนกิชื่อยุนกิเหรอ แล้วมึงรู้จักเขาได้ไง” สายตาเคลิบเคลิ้มของนัมจุนทอดมองไปยังร่างเล็กๆของยุนกิที่กำลังเขียนกระดานอย่างตั้งใจ ดวงตาเรียวเล็กที่จ้องมองตัวหนังสือที่ตัวเองเขียนอย่างมีสมาธินั้นดูน่ามองเสียจนอยากจะเข้าไปจ้องใกล้ๆสักครั้ง

     
     

    “เออ เขาชื่อมินยุนกิ เป็นเพื่อนพี่กูอ่ะ กูเจอบ่อยจะตาย”

     
     

    เพื่อนพี่ซูยองงั้นเหรอ...

     

    นัมจุนรู้จักจองซูยองพี่สาวของโฮซอกดีเพราะเจอกันบ่อยเวลาไปทำรายงานที่บ้านเพื่อนซี้ เธอแก่กว่าพวกเขาแค่ปีเดียวแล้วก็กำลังศึกษาอยู่คณะแพทย์ในชั้นปีที่สี่..

     

    “งั้นแสดงว่าพี่เขาเรียนหมออ่ะดิ” ราวกับมีดวงดาวเปล่งประกายอยู่ในดวงตาคมคาย นัมจุนยกยิ้มโชว์ลักยิ้มบุ๋มสองข้างแก้ม ที่สาวๆคนไหนได้เห็นคงต้องอ่อนระทวยไปนอนแทบเท้า แต่กับเพื่อนอย่างโฮซอก เขารู้รึกว่ามันโคตรจะน่ากลัว

     
     

    “เออ.. เรียนเก่งโคตรด้วย  ติวให้พี่กูประจำอ่ะ  สงสัยวันนี้ตึกแพทย์คนเต็มมั้ง เลยมาติวกันใต้ตึกเรา มึงก็รู้พวกหมอแม่งสอบกันทั้งปีทั้งชาติ”

     
     

    โฮซอกจ้องหน้าเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่มัธยมอย่างสงสัย ก่อนยกฝ่ามือโบกผ่านๆหน้าของนัมจุนที่กำลังมองมินยุนกิ ตาไม่กระพริบ แต่มันก็หาได้รู้สึกตัวไม่..

     


     

    Your sexy mind and your sexy body
    You were even born with sexy brain wrinkles
    Just in jeans, a white tee and converse high tops


    ...That makes me wanna party on your body...










     

    “เซ็กซี่...

     
     

    หลังจากเงียบไปนานอยู่ๆคนผมบลอนด์ก็พูดขึ้นมาเบาๆด้วยน้ำเสียงคล้ายคนเมา ดวงตาคมเยิ้มมองร่างขาวๆนั่นจนตาละห้อย

     
     

    โฮซอกมองคนที่เพื่อนบอกว่าเซ็กซี่สักพัก คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างไม่เข้าใจ

     
     

    “เซ็กซี่ยังไงวะ? นมก็ไม่มี...

     

    เจ้าของคิมนัมจุนคอลเล็คชั่นส่ายหัวเบาๆก่อนอมยิ้มขึ้นมา

    “รอยหยักในสมองไงเซ็กซี่” เสียงทุ้มของคนอินเลิฟตอบกลับ

     
     

    โฮซอกเลิกคิ้วอย่างงงๆ รอยหยักในสมองจะเซ็กซี่ได้ไงวะ?

     
     

    สมงสมองมึงอ่ะ ไหวมั้ยเพื่อน?

     

     

    “ชอบเหรอวะ?” อาการแบบนี้มันใช่เลย ไอ้เพื่อนคนนี้ปกติมันสนใจใครซะที่ไหนกัน สาวๆในคอลเลคชั่นของมันก็มีแค่พวกที่วิ่งเข้าหามันเอง เพื่อนของเขาก็เพียงแค่เสนอมาก็สนองตอบแค่นั้น แทบไม่มีคนไหนเลยที่นัมจุนจะเป็นฝ่ายไปชอบก่อน  แล้วคนอย่างคิมนัมจุนน่ะอ่านไม่ยากหรอก โดยเฉพาะเพื่อนจำพวกรู้ไส้รู้พุงกันหมดอย่างเขาด้วยอ่ะนะ

     

     

    “กูรักเลยว่ะ...

     

    เสียงเข้มตอบกลับมาคล้ายคนละเมอ  โฮซอกอดหลุดหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อเห็นสายตาเหม่อลอยและริมฝีปากหนาที่อ้าค้างน้อยๆจนน้ำลายแทบยืดของคนตรงหน้า

     


     

    .... มันเป็นเอามาก

     

     

     

     

     

     

     

     




     

    โรงอาหารตอนเช้าๆแทบไม่มีคน...

     
     

    นัมจุนกำลังนั่งกินข้าวในจานพลางกดโทรศัพท์ในมือเล่น เพราะเบื่อกับสายตาของพวกผู้หญิงที่ชอบมองเขาแล้วก็หันไปซุบซิบกันพลางหัวเราะคิกคัก รวมถึงสายตาหมั่นไส้ของพวกผู้ชายบางกลุ่มด้วย

     
     

    เบื่อ...

     
     

    “เฮ้ย แดกเร็วๆดิ๊ เดี๋ยวเข้าสายโดนด่าอีก”  โฮซอกที่กินข้าวเสร็จแล้วเอ่ยปากเร่งเพื่อนสนิทที่มัวแต่นั่งกดโทรศัพท์จนไม่สนใจสิ่งรอบข้าง นัมจุนเพียงแค่พยักหน้านิดๆก่อนวางโทรศัพท์ในมือแล้วตั้งหน้าตั้งตายัดข้าวเช้าลงท้องไปอย่างรวดเร็ว

     
     

    “เฮ้ยมึง...” อยู่ๆเสียงแหบปลายของโฮซอกก็เรียกคนกำลังกินข้าวอยู่ก่อนเอ่ยเบาๆ



    “นั่นพี่ยุนกิอ่ะ”

     
     

    “ไหนๆๆ!!!” คนตัวสูงรีบกลืนข้าวในปากพลางเงยหน้าขึ้นมาสอดส่องสายตาไปทั่ว ก็พบร่างขาวๆในเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแล็คสีดำ ตามแบบนักศึกษาทั่วไปที่ใส่เวลามาเรียน แล้วก็รองเท้าผ้าใบสีแดงคู่เดิม ที่นัมจุนรู้สึกว่ามันเข้ากับร่างเล็กตรงหน้าราวกลับถูกสร้างมาเพื่อคนๆนี้โดยเฉพาะ

     

     

    มินยุนกินั่งอยู่ที่โต๊ะตัวข้างหน้าเขานี่เอง...




    พอเห็นใกล้ๆแล้วน่ารักกว่าเมื่อวานเป็นล้านเท่าเลย....


     

     

    “บวกเลยมึง”  โฮซอกเอาข้อศอกกระเซ้าเพื่อนพลางพยักพเยิดไปยังร่างบางที่กำลังนั่งเปิดหนังสืออ่านขณะใช้หลอดคนแก้วชาเขียวในมืออย่างคนกำลังใช้ความคิด

     
     

    “กูยังไม่พร้อม ขอทำใจแปป...” คิมนัมจุนคนฮอทผู้ครองหัวใจสาวๆค่อนมหาวิทยาลัย กลับปอดแหกเมื่อต้องเข้าไปทำความรู้จักกับคนที่ถูกใจ แบบนี้จองโฮซอกคนนี้จะเอาไปล้อยันลูกบวชเลย...
     

     

    เออ ว่าแต่มันจะมีลูกได้ป่าววะ?

     
     

    “ไอ้กาก...” ร่างผอมส่งสายตาหยามเหยียดมาให้ แต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อร่างเล็กๆตรงหน้ากำลังจะลุกออกไปจากโต๊ะแล้ว ทั้งๆที่เพิ่งนั่งได้แค่แปปเดียวแท้ๆ

     
     

    คิมนัมจุนได้แต่อ้าปากค้างเพราะโดนความประหม่าขโมยเสียงไปหมด ทำตาปริบๆมองดูคนในดวงใจกำลังจะเดินจากไป แต่แล้วเสียงแหบปลายของคนข้างๆก็พูดขึ้นมาเสียงดังเพื่อรั้งคนตัวเล็กไว้ตามสัญชาติญาณ

     
     

    “พี่หมอๆ พี่หมอครับ” โฮซอกทำเป็นยิ้มให้คนตัวขาวที่หันหน้ามาตามเสียงเรียกที่คุ้นหู ก่อนโบกมือให้เบาๆ

     
     

    ยุนกิยิ้มรับน้อยๆ ขณะเดินเข้ามาหาน้องชายของเพื่อนสนิทก่อนเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเอง

     
     

    “อ้าวโฮซอก ไม่ไปเรียนเหรอ จะสายแล้วนะ” รอยยิ้มสดใสยิ่งกว่าท้องทะเลในยามเช้าถูกยกให้คนตรงหน้า ก่อนที่ดวงตาเรียวเล็กจะเหลือบมองนัมจุนแค่เพียงแวบเดียวและเบนไปหาคนรู้จักอีกครั้ง

     
     

    แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้คิมนัมจุนหน้าร้อนฉ่าตั้งแต่แก้มไปถึงใบหูด้วยความเขิน..

     
     

    “กำลังจะไปครับ เห็นพี่หมอเดินมาพอดีเลยทักก่อน... อ่อ ลืมแนะนำ นี่คิมนัมจุนเพื่อนสนิทผมเอง”  โฮซอกพยายามทำตัวเป็นพ่อสื่อ ฝ่ามือบางแอบสะกิดเพื่อนจากด้านหลังก่อนส่งสายตาแบบรู้กัน

     
     

    บวกสิครับมึง รออะไรอยู่

     
     

    “อ่า.. สวัสดีครับ” รอยยิ้มเล็กๆบนใบหน้าขาวเนียนสว่างไสวเสียจนคนตัวสูงสายตาพร่ามัวไปหมด  คิมนัมจุนผู้ชาญฉลาดกลายเป็นคนทั้งโง่ทั้งใบ้ในพริบตาเมื่ออยู่ต่อหน้ามินยุนกิ ความประหม่าทำเอาฝ่ามือหนาชื้นเหงื่อไปหมด บนหน้าผากก็ชื้นไปด้วยหยดน้ำที่ไหลลงมาตามขมับด้วยบางส่วน

     

    “อื้อ... งั้นเดี๋ยวพี่ไปเรียนก่อน แล้ววันหลังเจอกันนะโฮซอกแล้วก็... นัมจุนด้วย”นักศึกษาแพทย์ตัวเล็กพยักหน้ารับการทักทายของคนตัวสูงก่อนเดินจากไปพร้อมรอยยิ้ม...

     








    I never believed that there was a god
    But now you make me believe

    because to me, you’re a goddess



     







    นี่คนหรือนางฟ้า..


     

    “นะน่ารัก”  คิมนัมจุนแทบจะลงไปดิ้นกับพื้นโรงอาหาร เสียงทุ้มที่ฟังดูเหมือนคนเพ้อเอ่ยเบาๆพร้อมกับสายตาที่มองตามร่างของมินยุนกิตาละห้อย

     
     

    โฮซอกเหล่มองร่างสูงของเพื่อนสนิทก่อนถอนหายใจอย่างเซ็งๆ

    “มึงนี่มันกากสิ้นดี..'อ่า...สวัสดีครับ' เนี่ยนะ? โธ่...คิมนัมจุนคนฮอทตายไปแล้วเหรอครับเนี่ย มุขเต๊าะสาวร้อยแปดพันมุขของมึงไปอยู่ไหนหมด ไม่เอามาใช้มั่งวะ?”

     
     

    “คนนี้กูจริงจัง...ไม่ได้กะเต๊าะเล่นๆ”  นัมจุนตอบกลับมาก่อนใช้หลอดดูดน้ำหวานจากแก้วน้ำตรงหน้า

     
     

    “อย่างน้อยกูก็รู้แล้วนะ... ว่าพี่ยุนกิเขาชอบกินชาเขียว” ดวงตาคมมองไปที่แก้วเปล่าบนโต๊ะตรงหน้าด้วยสายตาที่บ่งบอกว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างในใจ ก่อนที่มุมปากจะเผลอยกยิ้มละมุนแบบที่สาวๆคนไหนก็ไม่มีวันได้เห็นอย่างแน่นอน

     

     








     

     

    นัมจุนมายืนลับๆล่อๆอยู่หน้าตึกแพทย์ในเย็นวันนั้น... พร้อมกับเพื่อนซี้อย่างจองโฮซอก

     
     

    “ช่วยบอกกูทีว่าเรามาเสนอหน้าอะไรกันที่นี่ครับเพื่อน...” คนตัวเล็กกว่าทำหน้าเซ็งก่อนทรุดตัวลงนั่งที่บันไดหินอ่อนหน้าทางขึ้นคณะ เหลือบสายตามองเพื่อนตัวสูงที่ทำท่าชะเง้อไปชะเง้อมาเหมือนหมารอเจ้าของกลับบ้าน ก่อนทำหน้าเหมือนนึกอะไรออกมาได้พร้อมยกรอยยิ้มล้อเลียน

     
     

    “อ๋อออ นี่อย่าบอกกุนะ ว่ามึงมารอพี่หมออ่ะ”

     
     

    “ทำไม? ก็มึงบอกให้กุบวก กูก็บวกอยู่เนี่ย” นัมจุนหันมาเลิกคิ้วใส่เพื่อนก่อนเบนสายตากลับไปมองหาร่างขาวๆของคนในดวงใจต่อไป การที่ชายหนุ่มสองคนในชุดช็อปวิศวะโดดเด่นเป็นสง่านี่มันดึงดูดสายตาน้อยเสียเมื่อไร โดยเฉพาะเมื่อคนๆนั้นคือพี่คิมนัมจุนเครื่องกลคนฮอทของสาวๆด้วยแล้วเนี่ย... โฮซอกส่ายหัวอย่างเซ็งๆ

     

     

    แม่ งมีแต่คนมอง อึดอัดชิบ...

     

     

     

     

    “มึงๆๆๆๆ พี่หมอๆ!!” ฝ่ามือใหญ่รีบดึงร่างผอมๆของเพื่อนสนิทให้ยืนขึ้นก่อนจะทำเป็นยืนเก๊กไม่สนใจร่างเล็กๆที่เดินลงมาจากคณะ

     
     

    “อะ.. อ้าว มาทำอะไรกันที่นี่ล่ะ โฮซอก..นัมจุน?” คนตัวเล็กเลิกคิ้วอย่างงงๆที่เห็นรุ่นน้องต่างคณะที่นี่ก่อนถอดหูฟังที่ใส่อยู่ออกข้างนึงเมื่อทักทายคนรู้จัก

     

     


     

    พี่เขาจำชื่อกูได้... 



    เจ้าของชื่อเผลอยิ้มละเมอก่อนมองคนตรงหน้าด้วยสายตาแปลกๆจนยุนกิต้องมุ่นคิ้วเล็กๆอย่างแปลกใจ   โฮซอกรีบใช้ศอกกระทุ้งสีข้างเพื่อนก่อนส่งซิกทางสายตา

     

    มึงจะพูดอะไรก็พูดสิวะ...

     

     

    “อะ.. เอ่อ คือผมไม่ค่อยสบายครับ” ...คิมนัมจุนแทบอยากจะกัดลิ้นตายซะตอนนี้ มันสมองระดับเขานี่คิดคำแก้ตัวได้แค่นี้เองเหรอวะ เสียชื่อว่าที่เกียรตินิยม...
     

     

    โฮซอกเห็นท่าไม่ดีเลยรีบเสริมขึ้นมา...
     

     

    “อ้อๆ ใช่ ผมเลยกะว่าจะพามาให้เจ๊ตรวจให้ ขี้เกียจไปโรงพยาบาล มันแพง”...การอ้างพี่สาวเป็นข้ออ้างที่สมเหตุสมผลในยามนี้ ดวงตารีของทั้งคู่เลิกลักน้อยๆอย่างส่อพิรุธ

     
     

    จะมาหาหมอฟรีว่างั้น?” ยุนกิหลุดหัวเราะออกมาเหมือนเห็นสีหน้าประหม่าของคนตรงหน้าก่อนยกรอยยิ้มที่นัมจุนคิดว่ามันน่ารักยิ่งกว่าใครคนไหนๆที่เขาเคยเจอ

     

    อย่ายิ้มอย่างนั้นสิพี่... ใจผมสั่นหมดแล้วเนี่ย
     




     

    “ไม่รู้ว่าซูยองอยู่ไหนอ่ะวันนี้พี่ไม่เห็นเลย แล้วนี่เป็นอะไรมากรึเปล่า?”

     

    “งั้นพี่หมอตรวจให้นัมจุนมันหน่อยดิ... เนี่ยมันบ่นปวดหัวทั้งวันเลย ใช่มะ?” คนกะล่อนรีบต่อบทสนทนาก่อนตบมุขให้เพื่อนตัวสูงที่ยืนใบ้กินอยู่นาน

     
     

    “ครับ ไม่รู้เป็นอะไรมึนหัวมากเลย...” นัมจุนไม่รอช้ารีบรับมุขทันที คนเด็กกว่ารีบยกมือขึ้นลูบใบหน้าอย่างกลัวไม่เนียน ตื่นเต้นจนเหงื่อซึมทั่วแผ่นหลังและฝ่ามือหนา

     

    “ได้ๆ ตามพี่มาสิเดี๋ยวตรวจให้คร่าวๆก่อน แล้วไปซื้อยากินเองนะ” คนตัวเล็กหมุนตัวเดินนำรุ่นน้องทั้งสองเข้าไปในคณะอีกครั้ง ก่อนเสียบหูฟังเข้าไปในหูเหมือนเดิมตามประสาคนโลกส่วนตัวสูง

     
     

    ระหว่างรอลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังตึกแพทย์ คนตัวขาวยืนกดโทรศัพท์เพื่อเปลี่ยนเพลงอยู่หน้าลิฟต์โดยไม่สนใจชายหนุ่มทั้งสองคนมากนัก ศีรษะที่ประดับด้วยกลุ่มผมสีน้ำตาลอมส้มที่ดูนุ่มนิ่มนั้นขยับไปมาตามจังหวะเพลงที่ฟังอยู่น้อยๆ

     

     
     

    จองโฮซอกกำลังหาโอกาสชิ่ง...มันจะเป็นการดีกว่าถ้าไอ้เพื่อนจอมกากได้มีเวลาอยู่กับพี่หมอคนน่ารักสองต่อสอง

    “พี่หมอ... ผมไปก่อนนะนัดเจ๊ไว้ ฝากเพื่อนผมหน่อยนะครับ” โฮซอกอ้างพี่สาวเพื่อจะได้ปลีกตัวออกไป แต่ดูเหมือนยุนกิจะไม่ได้ยินประโยคนั้น เพราะเสียงเพลงที่ฟังอยู่กลบจนหมด

     

     
     

    นัมจุนมุ่นคิ้วเล็กๆอย่างสงสัยที่ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ แต่แล้วก็ต้องร้องอ๋อในใจเมื่อเห็นอีกคนฟังเพลงอยู่

     

    เมื่อเห็นแบบนั้นโฮซอกแอบยกยิ้มทะเล้นก่อนแกล้งพูดออกมาเบาๆ

     

     

    “พี่หมอๆ เพื่อนผมชอบอ่ะ”

     

     

     

     

     

     

    ไอ้เชี่ยยยยย โฮซอกกกมึงงงงง!!!!!

     
     

    นัมจุนหน้าซีดทันที ตะโกนสาปแช่งเพื่อนสนิทในใจก่อนยกเท้าหมายจะถีบมันให้กระเด็น นัยน์ตาคมรีบเหลือบมองคนตัวเล็กอย่างตกใจ กลัวว่าอีกคนจะได้ยินประโยคที่เขายังไม่อยากจะบอกตอนนี้

     
     

    แต่ยุนกิก็ยังคงนิ่งเหมือนเดิม เผลอๆนิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ... ชายหนุ่มลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนหันไปกระซิบไอ้เพื่อนตัวดีเบาๆ

     

    “คราวหน้าถ้ามึงทำอย่างงี้อีกนะ กุจะต่อยมึงให้ฟันเข้าเลย ไสหัวไปได้แล้ว ชิ่วๆ” นัมจุนแกล้งเงื้อมหมัดในมือขู่โฮซอกที่หัวเราะก๊ากออกมาเมื่อเห็นหน้าซีดเผือดที่นานๆจะได้เห็นของเพื่อนสนิท ก่อนทำหน้าทำตากวนเบื้องล่างและเดินหายออกไปหน้าตึกคณะ ปล่อยให้นัมจุนคนฮอทที่เป็นคนกากในยามนี้อยู่กับพี่หมอตัวเล็กในดวงใจเพียงลำพัง...
     

     

    นัมจุนยังคงยืนทำปากขมุบขมิบสาปแช่งไอ้เพื่อนจอมกวนในใจอยู่สักพัก ก่อนจะรู้ตัวเมื่อมือขาวๆจิ้มเบาๆที่หัวไหล่

    “ลิฟต์มาแล้ว   แล้วนี่... โฮซอกไปไหนอ่ะ” คนตัวเล็กทำหน้าสงสัยใส่เมื่อไม่เห็นรุ่นน้องคนสนิท... คิ้วเรียวมุ่นน้อยๆก่อนเอียงคอมองหาร่างผอมๆของโฮซอกที่หายวับไปจากตรงนี้ตั้งนานแล้ว

     


     

    ขนาดตอนงงก็ยังน่ารัก...
     

    คิมนัมจุนเขินจนตัวแทบระเบิดเมื่อได้อยู่กับพี่หมอสองต่อสอง ก่อนที่ริมฝีปากจะรีบพูดคำแก้ตัวออกมาเมื่อรู้สึกตัวว่าจ้องอีกฝ่ายมากเกินไป

     
     

    “โฮซอกมันนัดพี่ซูยองไว้ครับ เลยรีบไปหา

     
     

    “อ้อ” ยุนกิส่งเสียงตอบเบาๆก่อนเดินนำเข้าไปในลิฟต์ เมื่อยืนเทียบกันแล้ว คนตัวขาวตัวสูงกว่าไหล่ของเขาแค่นิดเดียวเท่านั้นเอง...

     
     

    อ่า...ตัวเล็กสเป็คนัมจุน... 

     

    ร่างสูงเผลอยิ้มออกมาคล้ายคนเสียสติจนต้องหุบยิ้มแทบไม่ทัน แอบเหลือบสายตามองคนตัวเล็กจากด้านหลังก่อนจะยิ้มขึ้นมาอีกอยากอดไม่ได้

     
     

    “แล้วนี่กินยาอะไรไปมั่งยังอ่ะ” ยุนกิเก็บหูฟังลงในกระเป๋าก่อนหันมาถามรุ่นน้องต่างคณะที่ยืนอยู่ด้านหลัง แก้วตาใสแจ๋วที่จ้องมองตนตัวสูงตรงๆทำเอานัมจุนแทบสำลักออกซิเจนด้วยความประหม่า

     
     

    “ยะ... ยังครับ”

     
     

    “ดีแล้ว... นี่ห้ามกินยาซี้ซั้วนะ บางทีมันไม่ถูกโรคเดี๋ยวจะเป็นหนักเข้าไปใหญ่” ว่าที่คุณหมอเดินนำออกจากลิฟต์เมื่อถึงชั้นที่ต้องการ

     
     

    นัมจุนเดินตามหลังพี่หมอคนน่ารักไปเงียบๆ สองฝั่งของชั้นนี้มีห้องแล็ปแพทย์เรียงรายไปหมด เขาพยายามไม่สนใจสายตาสงสัยของนักศึกษาแพทย์ที่มองมาทางเขาเหมือนเด็กหลงคณะ ก่อนกระชับฝีเท้าไล่ตามยุนกิที่เลี้ยวเข้าไปในห้องแล็ปห้องนึง


     

    “นั่งสิ”  ยุนกิว่าเบาๆก่อนกันไปวุ่นวายกับการควานหาของอะไรบางอย่างจากลิ้นชักของโต๊ะแล็ป

     
     

    ชายหนุ่มนั่งลงอย่างว่าง่าย  สายตาคมมองร่างขาวๆนั่นพลางอมยิ้มขึ้นมาเพราะความน่ารักของพี่หมอตัวเล็ก ก่อนที่จะรีบหุบยิ้มเมื่อยุนกิหันมาหาเขา  ฝ่ามือบางยกขึ้นทาบที่หน้าผากของรุ่นน้องต่างคณะ ทำเอานัมจุนตัวแข็งทื่อ เหงื่อซึมทั่วทั้งฝ่ามือหนา ก่อนที่ใบหน้าคมจะขึ้นริ้วสีแดงจางๆอย่างห้ามไม่อยู่

     
     

    “ตัวก็ไม่ร้อนนิ มีน้ำมูกหรือไอบ้างรึเปล่า”

     
     

    ถ้าไอเลิฟยูนี่นับมั้ยครับพี่?

     
     

    ถ้าพูดคำในใจไปมีหวังโดนไล่ตะเพิดออกนอกห้อง นัมจุนเลยพยักหน้าตอบเบาๆ กะว่าจะเป็นมันทุกอาการนี่แหละวะ พี่หมอจะได้ตรวจให้เขานานๆ

     

    “ครับ ก็นิดหน่อย”

     
     

    “งั้นพี่ฟังปอดหน่อยนะ” พี่หมอคนน่ารักเอาสเตทโตสโคปนาบที่หน้าอกของชายหนุ่ม ในหน้ากลมๆขาวๆยื่นเข้ามาใกล้จนคนเห็นอยากจะจับมาหอมแรงๆสักที คนเด็กกว่าหัวใจเต้นแรงจนแทบกระโดดมานอกอกอย่างตื่นเต้น มือไม้ที่อยู่ๆก็เกะกะขึ้นมาซะอย่างงั้นจนไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหน สุดท้ายก็เลือกจะซุกไว้ในกระเป๋าข้างของเสื้อช็อปตัวหนา

     
     

    คิ้วเรียวของคนตัวเล็กมุ่นน้อยๆอย่างแปลกใจ

     
     

    “ทำไมหัวใจเต้นแรงจัง... เหนื่อยหรือตื่นเต้นอะไรรึเปล่า?” คุณหมอหันมาถามอย่างสงสัย แต่ก็แล้วยุนกิก็ต้องเป็นฝ่ายผงะถอยออกไปเอง เมื่อพบว่าใบหน้าของรุ่นน้องต่างคณะอยู่ชิดกับเขามากกว่าที่ควรจะเป็น จนลมหายใจอุ่นๆของคิมนัมจุนปะทะเข้ากับข้างแก้มของเขาเบาๆ

     

     
     

    เด็กคนนี้นี่ยังไงเนี่ย... ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ

     
     

    คนเป็นพี่นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ที่หน้าลิฟต์

     
     

    “พี่หมอๆ เพื่อนผมชอบอ่ะ”

     
     

    ประโยคใจความแปลกๆจากน้ำเสียงกวนๆของโฮซอกนั่น ใครว่าเขาไม่ได้ยินกันล่ะ!! ก็เพลงที่ฟังอยู่มันดันจบพอดีก็เลยได้ยินเข้าเต็มสองหูเลยน่ะสิ แต่ที่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินก็เพราะไม่รู้จะทำตัวยังไง แถมยังต้องมาอยู่กับคิมนัมจุนนี่สองต่อสองอีก...



    ... 
    จะบ้าตาย

     
     

    แก้มกลมๆเริ่มขึ้นสีแดงอ่อนๆก่อนที่ยุนกิจะสะบัดศีรษะและทำเป็นไม่สนใจอาการแปลกๆเหล่านั้นของตัวเอง

     

    นัมจุนเองก็ทำอะไรไม่ถูก รู้แต่ว่าตอนนี้แก้มและใบหูของเขาร้อนไปหมด อยากจะตะโกนออกมาดังๆว่า 'พี่หมอน่ารักจังเลยคร๊าบบบบบ' แต่ก็ทำได้แค่กัดริมฝีปากตัวเองแล้วอมยิ้มจนแก้มตุ่ย โชว์ลักยิ้มบุ๋มๆที่ข้างแก้มให้อีกคนเห็นแทน หากแต่นัยน์ตาคมที่วาวระยับมันสื่อความหมายบางอย่างให้คนตรงหน้าอย่างไม่อาจจะห้ามได้

     
     

    “ทะ...เท่าที่ดูก็ปกติดีนิ สงสัยแค่อ่อนเพลียมั้ง ไม่ต้องกินยาหรอกแค่พักผ่อนเยอะๆก็พอ” ยุนกิรีบเก็บสเตทโตรสโคปลงในลิ้นชักด้วยท่าทางประหม่าเล็กๆ

     

    “นี่ตรวจเสร็จแล้วเหรอครับ?” นัมจุนถามอย่างอดเสียดายไม่ได้ ทั้งๆที่มีโอกาสได้อยู่กับพี่หมอสองต่อสองแล้วแท้ๆ ทำไมเวลามันผ่านไปเร็วนักวะ?


     

    รู้งี้กุแกล้งไส้ติ่งแตกดีกว่าแม่ ง..

     

     

    “อือ” เสียงเล็กตอบกลับเบาจนแทบไม่ได้ยิน ก่อนที่คนตัวขาวจะรีบเดินก้มหน้างุดๆออกจากห้องไป

     
     

    “อ้าว... เดี๋ยวสิครับพี่” ขายาวรีบก้าวตามเมื่ออยู่ๆคนตัวเล็กก็เดินจากไปโดยไม่บอกไม่กล่าวสักคำ จนในที่สุดก็ตามมาทันและสามารถแทรกตัวเข้ามาอยู่ในลิฟต์กับยุนกิได้อีกครั้ง

     
     

    ความเงียบเข้าปกคลุมคนทั้งคู่จนกระทั่งนัมจุนทนไม่ไหวกับบรรยากาศอึดอัด ร่างสูงจึงเอ่ยขึ้นมาเบาๆ

     
     

    “ผมทำพี่โกรธเหรอ?” รุ่นน้องต่างคณะถามอย่างไม่แน่ใจ ไม่รู้ว่าพี่หมอตัวเล็กเป็นอะไร อยู่ๆถึงได้เดินหนีออกมาแบบนั้น

     
     

    “ปะ... เปล่าหรอก แค่เหนื่อยๆอ่ะ อยากกลับหอ” คนตัวขาวตอบเบาๆแต่ก็ยังก้มหน้าเหมือนเคย ยุนกิไม่กดลิฟต์สักทีตั้งแต่นัมจุนเข้ามา ทำให้ลิฟต์ยังค้างอยู่ที่ชั้นเดิม แต่นั่นก็ดีแล้วแหละเพราะชายหนุ่มก็อยากอยู่กับพี่หมอคนน่ารักของเขานานๆเหมือนกัน นัมจุนเพียงแค่พยักหน้าเงียบๆก่อนจะรวบรวมความกล้าบางอย่าในใจ

     
     

    เอาวะ.. กล้าๆหน่อย....

     
     

    คนเด็กกว่าสูดลมหายใจเจ้าเต็มปอดเพื่อเรียกความมั่นใจแล้วเอ่ยประโยคถัดมา

     

     

    “ผม... ขอไปส่งได้มั้ย?”

     

     

    ตึก... ตึก... ตึก... ตึก... ตึก... ตึก...

     

     

    เสียงหัวใจในอกเต้นเร็วยิ่งกว่ารัวกลอง... อากาศในลิฟต์อึดอัดไปหมดนั่นคงเป็นเพราะรังสีความประหม่าของนัมจุนที่กระจายไปทั่วอณูอากาศ

     
     

    “วะ.. ว่าไงนะ?”

     
     

    “ก็... พี่หมอบอกจะกลับหอไง... ให้ผมไปส่งนะ” คิมนัมจุนเครื่องกลคนฮอทถึงกับเหงื่อตกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต ริมฝีปากหนาแอบเม้มแน่นอย่างลุ้นในคำตอบ

     

     

    ยุนกินิ่งไปชั่วอึดใจ ร่างเล็กยืนหันหลังให้เขาอยู่ นัมจุนเลยไม่รู้ว่าใบหน้าน่ารักๆนั่นกำลังแสดงสีหน้าแบบไหน...
     

     

    “นี่..

     

    เสียงหวานลึกของยุนกิเอ่ยขึ้นมาเป็นการเรียกแทนที่จะตอบคำถาม ทำเอาคนตัวสูงชะงักไปเล็กน้อย

     
     

    “ครับ?”

     

     

    “จะจีบเหรอ?”

     

     

    “หะ...ห๊ะ?”

     
     

    “ก็ชอบมองแปลกๆ ทั้งให้ตรวจให้ แล้วจะไปส่งอีก จะจีบเหรอ?” ริมฝีปากเล็กเอ่ยถามออกมาอีก คำถามตรงๆแบบนั้นทำเอานัมจุนถึงกับไปไม่เป็น จริงๆก็ไปไม่เป็นตั้งแต่เจอพี่หมอแล้วแหละ ชีวิตนี้เคยตามจีบใครจริงๆจังๆแบบนี้ซะที่ไหนกันเล่า... นี่เขาอ่อนหัดจนโดนมองออกง่ายขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?

     

     

    นัมจุนยืนอึ้งอยู่พักนึง แต่แล้วความคิดในใจก็ตะโกนออกมาว่าให้ซื้อสัตย์กับการกระทำและความรู้สึกของตัวเองดีที่สุด

    ร่างสูงขยับเข้าไปชิดคนตัวเล็กมากขึ้นจนทำเอาบรรยากาศในลิฟต์ร้อนระอุด้วยอุณหภูมิที่ข้างแก้มของคนทั้งสอง  ก่อนที่เสียงทุ้มจะเอ่ยออกมาเบาๆ

     

     

    “แล้ว... ผมจีบได้มั้ยล่ะครับ?”

     

     

     

     

    ไกลนะ”


    ยุนกิตอบอ้อมแอ้ม แอบเหลือบมองคนตัวสูงที่ตอนนี้มายืนชิดข้างๆเขาแวบนึงก่อนรีบเบนสายตากลับไปมองปุ่มลิฟต์ที่ยังไม่ได้กด
    ประโยคที่ดูไม่สมบูรณ์นั่นทำเอาชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างงงๆ

     
     

    “ครับ?”

     
     

    “ก็ทางกลับหอไง... ไกลนะ จะเดินไปส่งไหวเหรอ?”

     
     

    นัมจุนไม่ตอบ เพียบแค่อมยิ้มเขินๆแล้วดึงกระเป๋าเป้ผ้าสีน้ำตาลของอีกคนมาถือไว้ ยุนกิยื้อกระเป๋าตัวเองไว้นิดหน่อยก่อนเงยหน้ามองคนสูงกว่า แต่เมื่อพบกับสายตาแปลกๆของนัมจุน คนตัวเล็กรีบปล่อยมือจากกระเป๋าให้นัมจุนเอาไปถือให้อย่างที่ตั้งใจ แล้วกลับไปยืนก้มหน้าตามเดิม...

     

     

    ทางกลับหอของยุนกิไกลจริงๆอย่างที่ร่างเล็กๆนั่นบอก แม้ว่าตลอดข้างทางจะมีแต่ร้านค้าและพื้นปูนแข็งๆ แต่การที่ได้เดินข้างๆมินยุนกิ มันทำให้นัมจุนรู้สึกเหมือนเดินท่ามกลางสวนดอกไม้อย่างไรอย่างนั้น...

     

     


    ...If I’m with you, anywhere we go is a 'flower garden'















     

     

    วันนี้อากาศดี...

     

     

    ร่างเล็กของยุนกิก้าวลงมาจากบันไดหอ คนตัวขาวเปิดประตูชั้นล่างของหอพักออกมาก็พบร่างสูงในเสื้อช็อปสีกรมท่าของใครบางคนนั่งขดตัวหันหลังให้เขาอยู่ตรงบันไดขั้นสุดท้าย

     

     

    ผมสีบลอนด์โดดเด่นแบบนั้นคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคิมนัมจุน ทั้งที่ตอนเย็นเมื่อวานก็มาส่งแล้ว เช้าวันนี้ก็ยังมาอีกเหรอเนี่ย...

     

     

    “มาทำอะไรแต่เช้า?” ว่าที่คุณหมอสะกิดไหล่นัมจุนเบาๆ ชายหนุ่มหันมามองข้ามไหล่อย่างงงๆ เมื่อเห็นว่าเป็นคนที่อุส่าแหกตาตื่นแต่เช้ามานั่งรอตั้งแต่ไก่โห่ก็รีบลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ยื่นแก้วชาเขียวลาเต้เย็นที่เริ่มละลายให้คนตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มกว้างอันอบอุ่น ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าเอากระเป๋าของคนตัวเล็กมาถือไว้ให้เหมือนเมื่อวาน

     

     
     

    “มาจีบ...” คำตอบตรงๆกับสายตาแวววับแบบนั้นทำเอาพี่หมอตัวเล็กถึงกับไปไม่ถูก ได้แต่รับแก้วชาเขียวนั่นมาดูดแก้เขิน

     

     

    ความเงียบแทรกกลางระหว่างทั้งคู่อีกครั้งในระหว่างทางเดินไปมหาลัย ในที่สุดก็เป็นมินยุนกิที่พูดขึ้นมาก่อน

     
     

     “ทำไมซื้อชาเขียวมาให้ล่ะ?” ยุนกิถามพลางหันไปจ้องคนตรงหน้าด้วยแก้วตาใส่แจ๋ว ดวงตาเรียวนั่นทำเอานัมจุนเกิดอึกอักขึ้นมาเล็กน้อย ชายหนุ่มอมยิ้มเล็กๆ แต่ก็มากพอที่จะเห็นลักยิ้มบุ๋มที่ข้างแก้มได้อย่างชัดเจน

     
     

     อยู่ใกล้พี่หมอทีไรก็ตื่นเต้นอย่างนี้ทุกที....

     

     

    “ตอนนั้นเห็นกินที่โรงอาหารก็เลยคิดว่าชอบไง” ฝ่ามือหนายกขึ้นลูบต้นคออย่างเกร็งๆ เหลือบตามองคนข้างๆ ร่างเล็กในชุดนักศึกษาสีขาวสะอาดกับการเกงสแล็คสีดำแล้วก็รองเท้าคอนเวิร์สสีแดง เป็นแค่เครื่องแต่งกายเดิมๆที่นัมจุนกลับรู้สึกว่ามันดึงดูดสายตายิ่งกว่าเก่า

     

     

    “ก็ชอบนะ”คนตัวเล็กตอบกลับสั้นๆก่อนดูดชาเขียวเย็นอีกครั้ง แก้มกลมๆที่อมยิ้มตอนได้กินของที่ถูกใจทำคนที่ไปต่อคิวซื้อมาให้แต่เช้ายกยิ้มจนหน้าบานอย่างชื่นใจ

     

     

    “ชอบชาเขียวหรือชอบผม?”  ได้จังหวะจะเต๊าะมีเหรอคนอย่างคิมนัมจุนจะพลาด ดวงตาคมทำเป็นเหล่มองคนข้างๆก่อนยกยิ้มทะเล้นใส่จนยุนกิเกือบสำลักน้ำ

     

    “ชอบชาเขียว!!”  อีกคนรีบตอบแทบจะทันที นัมจุนแกล้งทำสีหน้าสลดลงแวบนึงก่อนที่จะยิ้มล้อเลียนคนตรงหน้าต่อพลางเอ่ยประโยคที่ทำเอาคนตัวเล็กแก้มร้อนฉ่าไปหมด

     




     

    “ไม่เป็นไร.... ต่อไปเดี๋ยวก็ชอบผมเองแหละ”

     


















     

     

    ทุกๆวันดำเนินไปอย่างนี้...


    ตอนเช้านัมจุนจะมารับยุนกิที่หอ พร้อมกับเอาชาเขียวของชอบกับขนมเล็กๆน้อยๆมาให้กินรองท้อง ส่วนตอนเย็นก็จะมารอรับที่หน้าคณะทุกวันตามตารางเรียนที่ให้โฮซอกไปขอพี่สาวให้

     
     

    จากวันเป็นสัปดาห์.... จากสัปดาห์เป็นเดือน  ความสม่ำเสมอของชายหนุ่มมันมากมายจนยุนกิไม่อยากจะเชื่อว่าคนธรรมดาอย่างเขาเนี่ยนะ จำมีหนุ่มฮอทที่ทั้งหล่อทั้งเรียนเก่งอย่างคิมนัมจุนมารับมาส่งเป็นเดือนๆแบบนี้ จากแค่ความรู้สึกประทับใจในคราแรก มันเริ่มเปลี่ยนไปวันละเล็กละน้อย...



     จนยุนกิไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ ว่าคนที่ตัวเองอยากเจอในตอนเช้าเป็นคนแรกและมองหาทุกวันหลังเลิกเรียนเป็นผู้ชายที่ชื่อ"คิมนัมจุน"ไปตั้งแต่เมื่อไร...

     

     

    เย็นวันนี้อาจารย์ยกเลิกคลาสตอนเย็นกะทันหัน   นักศึกษาแพทย์ที่เรียนหนักแบบไม่ได้พักมาตลอดทั้งเทอมรีบสลายตัวกลับไปนอนพักผ่อนจนเหลือแค่เพื่อนไม่กี่กลุ่มที่ยังนั่งเล่นกันอยู่ใต้คณะ

     

     

    “ทำอะไรกันอยู่อ่ะ” ยุนกิยื่นหน้าเข้ามาดูสิ่งที่กลุ่มเพื่อนผู้หญิงมุงดูกันอยู่อย่างอยากรู้อยากเห็น ก็เลยได้เห็นว่าสิ่งที่สาวๆกำลังดูอยู่ก็แค่ซีรี่ที่ฉายหลังข่าวธรรมดาๆเท่านั้นเอง

     
     

    “อ๋อยย พระเอกหล่อมากเลยอ่า ฮืออออ อยากได้...” ว่าที่แพทย์หญิงหันไปวี๊ดว๊ายกับเพื่อนในฉากตอนที่พระเอกออกมาอย่างออกนอกหน้า ทำเอายุนกิที่โดนเมินจากเพื่อนเบ้ปากอย่างหมั่นไส้

     

    “หล่ออะไร หน้าตางั้นๆแหละ” แกล้งแซวเข้าให้ตามประสาเพื่อนสนิทก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ

     
     

    ที่เขายังอยู่ใต้คณะไม่ยอมกลับหอนี่ไม่ได้รอใครมารับหรอกนะ...

     

    แค่กำลังจะหาเพื่อนอ่านหนังสือด้วยอะไรแบบเนี่ย...   



    ...จริงๆนะ

     


     

    “แหมมมมมม... ใครจะหล่อไปเหมือนพระเอกมนต์รักชาเขียวของยุนกิล่ะ” จองซูยองที่รู้ดีว่านัมจุนกำลังตามจีบเขาอยู่เบ้ปากคืน เรียกเสียงแซวปนล้อเลียนเกลียวกราวจากเพื่อนๆได้เป็นอย่างดี ทำเอามินยุนกิตกที่นั่งลำบากซะเอง

     
     

    “ใช่ๆ ใครจะไปเหมือนคนที่ยุนกิชอบล่ะ เด็กวิศวะคนนั้นที่มารับทุกเย็นเลยอ่า ที่สูงๆหล่อๆ  ชื่ออะไรนะ?”แก๊งสาวซีรี่ย์อีกคนรีบเสริมเมื่อเห็นใบหน้ายามเขินที่หน้าแกล้งของคนตัวขาว “อะไรจุนๆเนี่ย เอ...ชื่ออะไรน้า”

     

    “เขาชื่อคิมนัมจุน”ร่างเล็กตอบก่อนทำท่าจะลุกหนีเมื่อเป็นฝ่ายโดนแซวซะเอง

     
     

    “อ๊ายยยย!!! ยอมรับแล้วว่าชอบน้องนัมจุนอ่า ใช่มั้ยล่ะ กิ๊วๆๆ” คราวนี้ทั้งเพื่อนหญิงแล้วก็เพื่อนชายที่นั่งอยู่แถวนั้นหันมาเป่าปากล้อเลียนยุนกิกันเป็นการใหญ่ คนตัวเล็กอาปากเหวอเมื่อรู้ว่าตัวเองพลาดท่าเข้าเสียเอง

     

     

    จริงๆแล้วยุนกิก็แอบยอมรับในใจตัวเองเงียบๆว่าเริ่มชอบนัมจุนมาได้สักพักนึงแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้เอ่ยปากบอกใครก็เท่านั้น เมื่อไม่รู้ว่าจะแก้ตัวยังไงเพราะร่างเล็กจึงรีบคว้ากระเป๋าเป้ใบเดิมแล้วเดินดุ่มๆด้วยใบหน้าที่แดงก่ำออกจากวงสนทนาของเพื่อนๆทันทีพร้อมกับเสียงโห่แซวที่ไล่ตามหลัง

     

     


     

     

    ร่างเล็กเดินวนไปวนมาอยู่หน้าคณะอย่างไม่รู้จะทำอะไร สุดท้ายก็เลือกจะทิ้งตัวลงนั่งที่ข้างบันไดแล้วหยิบหูฟังมาฟังเพลงเหมือนที่ชอบทำเวลาอยู่คนเดียว เวลาผ่านไปจนเลยเวลาเลิกเรียนตามปกติของเขามามากแล้ว  ผู้คนหน้าคณะแพทย์เริ่มบางตา แต่วันนี้ก็ยังไม่เห็นคิมนัมจุนแม้แต่เงา...

     

     

    โอเค... ยอมรับก็ได้ว่าที่เขายังอยู่ที่นี่ ก็เพราะรอนัมจุนมารับ...
     

     

    แต่ทำไมวันนี้มาช้าจัง...

     

     

    “รอใครอยู่เหรอ ยุนกิ?” เสียงทุ้มคุ้นหูที่ไม่ได้ยินมานานดังขึ้นที่ด้านหลัง คนตัวเล็กเอาหูฟังออกก่อนหันไปมอง  รอยยิ้มหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของคิมซอกจินปรากฎอยู่ตรงหน้า คนตัวขาวหลุบสายตาลงหลบนัยน์ตากลมของชายหนุ่ม



     

     คนที่อยากเจอกลับไม่ได้เจอ... กลับเจอคนที่ไม่อยากเจอซะอย่างงั้น

     

     

    “เปล่าหรอกฮะ... แค่ขี้เกียจกลับหอ เลยนั่งฟังเพลง” เสียงหวานลึกของยุนกิตอบกลับก่อนทำเป็นยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดแก้อาการประหม่า

     
     

    มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกหรอกที่คนร่าเริงแบบยุนกิจะทำหมือนไม่อยากคุยกับคิมซอกจิน... คงไม่มีใครที่ไหนจะเสวนากับแฟนเก่าได้อย่างปกติ

     

    “เหรอ นึกว่ารอเด็กวิศวะคนนั้นซะอีก พี่เห็นมารับมาส่งกันทุกวัน”  ริมฝีปากหนาของซอกจินยกยิ้มเล็กๆที่มุมปาก พลางทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ  ยุนกิขมวดคิ้วอย่างแปลกใจที่แฟนเก่าอย่างคิมซอกจินผู้ซึ่งทิ้งเขาไปคบกับสาวดาวบัญชีอย่างไม่ใยดีจะมาสนใจด้วยว่าเขาจะไปไหนมาไหนกับใคร

     

    “ผมจะไปไหนกับใครมันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับพี่ตรงไหนนี่ครับ” ร่างเล็กรีบกระชากหูฟังออกจากหูพลางเก็บมันลงกระเป๋าอย่างรีบๆ ไม่อยากจะนั่งอยู่ตรงนี้กับคนที่เคยทำร้ายจิตใจเขาอย่างเลือดเย็นนานๆ

     
     

     “พี่มานั่งกับผมแบบนี้ ถ้าโบมีมาเห็นเขาจะว่าเอานะครับ” ดวงตาเรียวเย็นชาปราดมองซอกจินเล็กน้อยพร้อมลุกขึ้นยืนแล้วสะพายเป้เตรียมเดินหนี

     
     

    “นี่ ใจเย็นสิยุนกิ คุยกันดีๆไม่ได้เหรอไง” มือหนาคว้าเอาแขนเล็กของยุนกิเพื่อรั้งไว้แต่คนตัวเล็กดูท่าจะไม่ยอมง่ายๆ

     
     

    “ผมไม่มีอะไรจะคุยกับพี่”

     
     

    “แต่พี่มี... พี่ยังรักเราอยู่นะ พี่เลิกกับโบมีแล้ว” ซอกจินว่าก่อนจะถือวิสาสะคว้าเอาร่างเล็กของยุนกิมากอดไว้แน่น  ยุนกิตัวแข็งทื่อ หัวใจเต้นแรง ความรู้สึกเก่าๆตีขึ้นมาในอกปนเปกันไปหมดจนเขาสับสน คิมซอกจินเป็นรักแรกของมินยุนกิ ตอนนั้นเขาทุ่มเทให้ซอกจินอย่างหมดหัวใจ ทั้งคู่คบกันตั้งแต่มัธยมปลายแต่พอขึ้นมหาวิทยาลัยได้เพียงปีเดียวอีกฝ่ายก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ คงเป็นเพราะเปลี่ยนสังคมใหม่ๆ เปลี่ยนเพื่อนใหม่ๆ คิมซอกจินเลยเปลี่ยนใจจากมินยุนกิไปอย่างง่ายดาย...

     

     

    ยุนกิยืนนิ่งปล่อยให้อีกคนกอดอยู่อย่างนั้นพักใหญ่จนซอกจินแอบอมยิ้มเมื่อคิดไปว่าคนตัวขาวจะยอมใจอ่อนกลับมาเริ่มกันใหม่ แต่แล้วก็เหมือนว่าร่างเล็กจะได้สติขึ้นมาอีกครั้ง

     

     

    “ปล่อยผม” เสียงเรียบเย็นชาถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากเรียวเล็ก ยุนกิขืนตัวออกแต่ซอกจินไม่ยอม

     
     

    “เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย?”

     
     

    “ไม่... แล้วอย่ามาทำแบบนี้กับผมอีก” มินยุนกิไม่ใช่คนโง่ที่จะยอมเจ็บซ้ำสอง ครั้งแรกและครั้งเดียวที่เจ็บเจียนตายก็เกินพอ ร่างเล็กสะบัดตัวออกจากเกาะกุมของซอกจินได้สำเร็จก่อนรีบหมุนตัวเดินหนีออกไปทางหน้าคณะ

     




     

    แต่แล้วหัวใจดวงน้อยก็ต้องกระตุกวูบ...

     

    แก้วชาเขียวเย็นที่เริ่มละลายกับขนมปังแบบที่เขาบ่นเมื่อเช้าว่าอยากกิน ถูกวางทิ้งไว้อยู่ตรงม้านั่งหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่อย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนที่ดวงตาเรียวของยุนกิจะมองเห็นเจ้าของแผ่นหลังกว้างในเสื้อช็อปสีกรมท่า และผมสีบลอนด์โดดเด่นนั่นเดินหายลับจากสายตาไป...

     

     

     
















     

    “มีแฟนแล้วเหรอวะ?!” โฮซอกถลึงตามองเพื่อนซี้ตรงหน้าอย่างอึ้งๆ ไอ้เพื่อนบ้านี่ไปรับไปส่งพี่หมออยู่เป็นเดือนแต่ไม่รู้ว่าเขามีแฟนแล้วเนี่ยนะ?

     

     

    คนตัวสูงพนักหน้าส่งๆยืนยันประโยคที่เมื่อครู่...

     

     

    “แต่เจ๊กูบอกว่ายังไม่มีนะเว้ย”  ร่างผอมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆนัมจุนที่สีหน้าไม่ค่อยดีนัก ใบหน้าคมมีรอยหมองคล้ำใต้ตาแบบที่รู้ว่าไม่ได้นอนมาทั้งคืน มือใหญ่ยกขึ้นเสยผมอย่างเซ็งๆก่อนเหลือบตามองเพื่อนสนิท

     
     

    “เมื่อวานกูเห็นเขากอดกับใครไม่รู้หน้าคณะอยู่ตั้งนาน ไม่ใช่แฟนแล้วจะอะไรวะ...” นัมจุนพยายามจะทำเป็นไม่สนใจอาการเบาโหวงที่ปรากฏที่กลางอก แต่เขาก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้เลยว่าเขาเสียใจ... รู้สึกเหมือนโดนหลอกให้เป็นไอ้โง่ที่ตามจีบคนมีเจ้าของแล้วอยู่เป็นเดือน.. มีแฟนแล้วก็ไม่บอกปล่อยให้เขาเป็นบ้าอยู่ได้

     

     

    ปล่อยให้เขาคิดว่าตัวเองมีโอกาส... จนเขายกใจไปให้หมดทั้งดวง แต่แล้วก็โดนเขวี้ยงทิ้งอย่างไม่ใยดี

     
     

    แล้วไหนจะรอยยิ้มน่ารักนั่นอีก...  รอยยิ้มที่เหมือนจะดีใจเวลาเห็นเขามารับที่หอหรือหน้าคณะมันคืออะไร?

     
     

    แววตาสดใสนั่นล่ะ.... แววตามีความสุขเวลาที่เดินด้วยกันกับเขามันคืออะไร?

     
     

    ทั้งหมดนี่เขาคิดไปเองทั้งหมด...หรือมันเป็นเพียงแค่การเล่นสนุกของคนตัวเล็กนั่นกันแน่?

     
     

    ทำไมถึงใจร้ายได้ขนาดนี้...

     



     

    “เหรอ... ว่าแต่ทำไมเขาถึงเหมือนจะยอมให้มึงจีบเลยวะ?”

     
     

    “ไม่รู้ดิ คงสนุกมั้ง... กูยังตลกตัวเองเลย เหมือนคนบ้าว่ะ ฮ่าๆ” เป็นเสียงหัวเราะที่ฟังดูแปร่งหูยิ่งกว่าครั้งไหนที่จองโฮซอกเคยได้ยินจากปากเพื่อนสนิท มือบางตบบ่าเพื่อนเบาๆอย่างไม่รู้จะปลอบใจยังไง สุดท้ายก็ได้แต่เดินเลี่ยงไปทำงานในอีกฝั่งของแลป ปล่อยให้นัมจุนได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองอย่างที่เขาคิดว่าอีกฝ่ายต้องการ

     
     

    ชายหนุ่มถอนหายใจ หลุบสายตาลงต่ำอย่างเหนื่อยอ่อนกับการพยายามซ่อนความอ่อนแอในแววตาของเขาเอง นัมจุนไม่อยากจะดูเป็นไอ้โง่ไปมากกว่านี้อีก ยิ่งฟูมฟายก็ยิ่งดูงี่เง่า  สักวันเขาคงจะเข้มแข็งเหมือนเดิมได้เอง

     
     

    แต่ครั้งนี้คงนานหน่อยล่ะมั้ง ก็ทุ่มให้สุดตัวขนาดนี้นี่นา...

     

    เจ็บว่ะ...


     

     

    ริมฝีปากหนายกยิ้มอย่างสมเพชตัวเอง ก่อนสะบัดหัวไล่ความคิดเหล่านั้นออกไปเพื่อจะได้มีสมาธิกับงานตรงหน้า

     

    จนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร แล็ปแมชชีนของคณะวิศวกรรมศาสตร์ถึงได้เหลือเขาอยู่เพียงลำพัง เมื่อความมืดเริ่มโรยตัวมาโดยรอบนั่นแหละนัมจุนถึงได้รู้สึกตัว ชายหนุ่มนึกขึ้นได้ลางๆว่าโฮซอกเดินมาลาเขาตอนมันกลับบ้าน ตอนนั้นเขาเพียงแค่พยักหน้าส่งๆไปอย่างไม่ใส่ใจนัก เพราะมัวแต่จับจ้องกับงานตรงหน้า ซึ่งมันก็ดีกว่าที่ต้องไปคิดถึงเรื่องคนๆนั้น



    แค่เมื่อเช้าไม่ได้ไปรับเหมือนเคย... ตอนนี้ก็คิดถึงจนแทบบ้า

     

     

    เป็นเอามากจริงๆ...
     

     

    นัมจุนส่ายหัวพลางยกยิ้มอย่างขำตัวเองก่อนลูกขึ้นยืน เช็ดคราบน้ำมันเครื่องออกจากฝ่ามือแล้วปัดฝุ่นที่เกาะอยู่ตามเสื้อผ้าออก   เมื่อวันก่อนที่พวกปีหนึ่งมาทำแลปดันทำเพลาเครื่องจักรหักซะได้ วันนี้อาจารย์เลยวานให้พวกปีสามช่วยซ่อมให้ พวกเพื่อนก็เกี่ยงกันทำเพราะก็ยังทำงานของตัวเองไม่เสร็จ สุดท้ายแล้วก็เป็นเขาที่ต้องทำ

     
     

    แต่ก็ดีเหมือนกัน...ทำๆงานไปจะได้เลิกฟุ้งซ่าน

     
     

    ชายหนุ่มเหวี่ยงเป้ขึ้นพาดบนไหล่กว้าง ไล่ปิดไฟที่ห้องแลปของภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลที่ละดวงพลางเดินเรื่อยๆออกจากคณะอย่างไม่รีบร้อนนัก...  ยังไงวันนี้ก็ไม่ต้องรีบไปรับใครอยู่แล้วนี่นา

     
     

    แสงสลัวยามใกล้ค่ำตกกระทบใครบางคนที่นั่งกอดเข่าเอาหลังพิงกำแพงอยู่ที่ทางเข้าคณะ ร่างเล็กนั่นหันออกไปด้านนอกอย่างเหม่อลอย แต่ชายหนุ่มก็จำรองเท้าผ้าใบสีแดงที่เดินเคียงข้างเขาทุกเช้าเย็นได้อย่างดี

     

     

    มินยุนกิ..
     

     


     

    “พี่หมอ?” เสียงทุ้มเอ่ยทำลายความเงียบสงัด คนตัวเล็กหันขวับมามอง ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองรึเปล่า แต่เขาสาบานว่าเห็นแววตาตัดพ้อในดวงตาเรียวเล็กคู่นั้น

     
     

    ว่าที่คุณหมอลุกขึ้นยืนก่อนเดินมาใกล้นัมจุนที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ดวงตาคมสั่นไหวอย่างสับสนจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ยากเกินจะอธิบาย

     
     

    “ทำไมเมื่อเช้าไม่มารับ... ตอนเย็นก็ไม่มา” ยุนกิถามออกมาตรงๆ แก้วตาสีนิลที่มองมาทำเองร่างสูงต้องเป็นฝ่ายหลบตาเสียเอง นัมจุนขบกรามแน่นก่อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะทำเป็นปกติ แต่กลับแหบพร่าอย่างที่เขาไม่ต้องการซะได้

     
     

    “ผมต้องถามพี่มากกว่านะ ว่าทำไมถึงได้ยอมให้ผมไปรับไปส่งทุกวัน..  แฟนพี่เขาไม่ว่าเอาเหรอครับ?”
    พูดได้แค่นั้นชายหนุ่มรีบกระชับเป้บนหลังก่อนเดินเลี่ยงออกมา แต่กลับโดนมือขาวๆคว้าไว้ได้เสียก่อน

     
     

    “ไม่ใช่แฟน... เลิกกันนานแล้ว”

     
     

    “เลิกกันแล้ว... แต่ยืนกอดกันหวานชื่นแบบนั้นน่ะเหรอครับ?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงพลางหันกลับมามองดวงหน้าหวานที่เขาชอบมองมันนักหนา แต่วันนี้กลับทำเขาเจ็บจนแทบจะยืนไม่อยู่

     
     

    “เขากลับมาขอคบ แต่ปฎิเสธไปแล้ว”

     
     

    นัมจุนทอดสายตามองพี่หมอตัวเล็กของเขา ที่ก็ยังดูน่ารักที่สุดเหมือนเคยด้วยแววตาที่สับสน ถ้าเผลอเชื่อไปจะกลายเป็นไอ้โง่ซ้ำสองรึเปล่า?

     
     

    ชายหนุ่มไม่ตอบอะไร เขาต้องการเวลาจะกลับไปคิดอีกสักพัก ขายาวหมุนตัวเตรียมจะเดินหนีแต่แล้วมือขาวๆก็ยืดชายเสื้อเขาไว้แน่น พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ทำเอาใจที่คิดว่าเข้มแข็งนักหนาอ่อนไหวยิ่งกว่าผิวน้ำเวลาต้องลม

     

     

    “นัมจุน.. ไปส่งหน่อย”

     
     

     

     

    ร่างสูงเงียบไปอยู่นาน ความมืดและเส้นผมสีบลอนด์ตกลงมาปรกหน้าทำให้ไม่รู้ว่าในดวงตาเรียวคมนั่นกำลังแสดงอารมณ์แบบไหน แต่ที่รู้ๆคือยุนกิไม่มีทางปล่อยมือจากชายเสื้อช็อปสีเข้มนี้แน่

     
     

    คนตัวสูงแอบลอบถอนใจ ฝ่ามือใหญ่คว้าเอากระเป๋าเป้สีน้ำตาลของคนตัวเล็กมาสะพายไว้ให้อย่างเคย ริมฝีปากหนาเอ่ยออกมาเบาๆแต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้คนข้างๆแอบยิ้มออกมาได้

     
     

    “ผมเห็นว่ามันดึกแล้วหรอกนะ...

     

     

     

     



     

    มีเพียงความเงียบที่โอบล้อมคนสองคนในยามนี้...  ท้องฟ้าครึ้มๆและบรรยากาศที่มีกลิ่นชื้นทำให้รู้ว่าอีกไม่นานฝนจะโปรยปรายลงมาจากฟ้า แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสนใจเท่าไรนัก


    ยุนกิแอบชำเลืองสายตามองรุ่นน้องต่างคณะ ก่อนที่ริมฝีปากบางจะเม้มแน่นอย่างกดดัน ไม่รู้ว่าต้องพูดยังไงนัมจุนถึงจะเชื่อเขา ความอึดอัดปกคลุมทั้งคู่อยู่อย่างนั้นจนกระทั่งร้องเท้าผ้าใบสองคู่มาหยุดอยู่หน้าหอของยุนกิ

     
     

    “ผมส่งแค่นี้นะ” น้ำเสียงเรียบๆว่าพลางยื่นกระเป๋าคืน ในใจของเขาสั่นยิ่งกว่าแผ่นดินไหวยามเมื่อเผลอไปสบตากับคนตัวเล็กเข้าให้

     
     

    “แต่ฝนจะตกแล้วนะ..

     

    ไม่ทันขาดคำหยดน้ำหยดเล็กก็ร่วงลงบนกลุ่มผมสีบลอนด์ของชายหนุ่มก่อนสายฝนจะสาดเทลงมาจากฟ้าไม่ขาดสาย คล้ายจะกลั่นแกล้งใครบางคน

     
     

     นัมจุนขมวดคิ้วอย่างเซ็งๆ


    “ไม่เป็นไร ผมกลับได้” เสียงทุ้มว่าก่อนตั้งท่าจะเดินจากไป แต่ยุนกิรั้งสายกระเป๋าเป้สีดำนั่นไว้ได้เสียก่อน ไม่รู้ว่าวันนี้มันวันอะไร  ทำไมคิมนัมจุนถือเอาแต่จ้องจะเดินหนีเขานัก

     
     

    “ไม่ให้ไป.. คนตัวเล็กว่าอย่างเอาแต่ใจ นัมจุนหันกลับมามองพี่หมอของเขาที่เริ่มเปียกปอนจากน้ำฝนก่อนเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

     
     

    “กลับเข้าหอไปเถอะครับ... เปียกหมดแล้ว”

     

    “ไม่ไปจนกว่านัมจุนจะยอมเชื่อ” ไม่ยักรู้ว่าพี่หมอจะดื้อขนาดนี้ นัมจุนส่ายหัวอย่างอ่อนใจ รีบถอดเสื้อช็อปสีเข้มมาคลุมหัวให้คนตัวเล็กก่อนที่จะเป็นหวัดไปเสียก่อน

     
     

    “ผมไม่ได้ไม่เชื่อหรือว่าเชื่ออะไรทั้งนั้นแหละครับ  พี่หมอเข้าหอได้แล้ว จะยืนตากฝนทำไม?” วงแขนกว้างโอบรอบตัวคนตัวเล็กพลางกางเสื้อขึ้นบังไม่ให้น้ำฝนหยดกระทบคนในอ้อมแขน ขยับตัวใช้แผ่นหลังกว้างบังละอองฝนที่สาดมาอย่างไม่ปราณีจนเสื้อยืดสีเทาของเขาเปียกชุ่มไปหมดทั้งหลัง

     
     

    “งั้นเข้ามาหลบฝนก่อนค่อยกลับ   ไม่งั้นก็จะยืนตรงนี้แหละ” คิ้วเรียวเลิกขึ้นขณะจ้องสีหน้าอึกอักของคนตรงหน้าตรงๆ

     
     

    ในที่สุดนัมจุนก็ต้องถอนหายใจอย่างยอมแพ้

    “ครับ ก็ได้”

     

     

     



     


    Oh god, I’m like the wind that is led by the weather that is you
    You’re a flower, I’m a bee


    I’m only going toward you

     






     

    ผมสีบลอนด์ถูกเช็ดด้วยผ้าขนหนูอย่างลวกๆ เสื้อยืดสีขาวของยุนกิถูกเอามาให้เขาเปลี่ยนแทนเสื้อที่เปียกโชกของเขา ทั้งที่เจ้าตัวบอกว่ามันตัวใหญ่ที่สุดในตู้แต่นั่นมันออกจะเล็กเกินไปสำหรับเขาสักนิด...
     

     
     

    ดวงตาคมยังคงเลี่ยงที่จะสบกับคนตัวเล็กอย่างเคย ในใจภาวนาให้ฝนข้างนอกหยุดตกสักทีเพราะการที่เขาต้องมาอยู่กับพี่หมอสองต่อสอง กับอากาศเย็นๆในคืนฝนตกนี่มัน...

     
     

    ชายหนุ่มรีบหยุดความคิดตัวเองไว้ก่อนที่มันจะเลยเถิดไปกันใหญ่ แต่ก็ไม่อาจซ่อนริ้วแดงๆที่พาดข้างแก้มจางๆได้

     
     

    แก้วโกโก้ร้อนหอมฉุยถูกยื่นมาตรงหน้า นัมจุนรับไปพลางเอ่ยขอบคุณออกมาเบาๆ แม้จะเสดวงตามองไปทางอื่นแต่หางตาก็ดันแอบไปเห็นผิวเนื้อขาวๆของยุนกิที่โผล่พ้นกางเกงขาสั้นสีดำและเสื้อยืดย้วยๆ

     

     

    ใจเย็น

     

     

    คิมนัมจุนสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ พยายามอย่างยิ่งที่จะจ้องมองแก้วกระเบื้องตรงหน้าอย่างกับมันน่าสนใจนักหนา

     
     

    ถ้าไม่มองก็ไม่คิดใจเย็นไว้

     
     

    ร่างเล็กทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาข้างๆทำเอากางเกงขาสั้นนั่นเลิกสูงขึ้นอีก นัมจุนสะดุ้ง ตัวแข็งทื่อเป็นหุ่นขี้ผึ้ง ทั้งที่เห็นทั้งขาอ่อนทั้งเนินอกของสาวๆในคอลเลคชั่นไม่รู้กี่รายต่อกี่ราย แต่กลับต้องมานั่งเกร็งเหงื่อแตกพลั่กเพราะคนๆนี้




    RRRRRrrrrrr

     
     

    ขอบคุณโทรศัพท์ของร่างบางที่สั่นขึ้นมาเรียกสติที่เริ่มกระเจิงของคิมนัมจุนกับมาได้เล็กน้อย ร่างสูงผ่อนลมหายใจเงียบๆ บังคับตัวเองให้เลิกมองผิวขาวๆของคนข้างๆสักทีอย่างยากลำบาก

     
     

    “เขาโทรมา...



    เสียงเล็กๆนั่นทำเอาหัวใจของนัมจุนกลับมาห่อเหี่ยวอีกครั้ง ฝ่ามือหนาโบกขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนักทั้งๆที่ความจริงแล้วหัวสมองกลับหนักอึ้งเหมือนมีใครมาทุบเข้าอย่างจัง

     
     

    “ตามสบายนะครับ...” นัมจุนทำท่าจะลุกออกไปนั่งที่อื่นตามมารยาท แต่แล้วยุนกิก็คว้าข้อมือเขาไว้

     
     

    “ไม่ต้องไป” มือขาวกดรับโทรศัพท์นั่น ในขณะที่ชายหนุ่มมองอย่างไม่เข้าใจ เสียงปลายสายดังลอดเข้ามาท่ามกลางความเงียบอย่างชัดเจน

     
     

    “ยุนกิ...

     
     

    “โทรมาทำไม?” ฝ่ามือขาวดึงนัมจุนให้นั่งลงข้างๆเมื่อชายหนุ่มทำท่าจะเดินจากไปอีกครั้ง

     

    “ก็อยากกลับมาดูแลเราอีก ขอโทษที่ตอนนั้นทำให้เสียใจ เรายังรักพี่อยู่ พี่รู้”  เสียงทุ้มของซอกจินดังเข้ามาเต็มสองรูหูของคนทั้งคู่ นัมจุนถอนใจไม่รู้ครั้งที่เท่าไรของวัน ดวงตาคมมองออกไปนอกหน้าต่าง พยายามบอกตัวเองว่าอย่าไปฟัง แต่สมองกลับซึมซับบทสนทนาอย่างไม่รู้ตัว

     

    “ผมไม่ได้รักพี่แล้ว แล้วตอนนี้ผมมีคนที่ผมชอบอยู่แล้วด้วย”



    มือขาวเลื่อนจากลำแขนมาจับเข้าที่ฝ่ามือใหญ่ของนัมจุน ก่อนที่จะสอดนิ้วเล็กเข้ามาตามร่องนิ้วของเขาแล้วกุมมันไว้อยู่อย่างนั้น ...

     
     

    นัมจุนหันกลับมามองพี่หมอของเขาอย่างแปลกใจระคนดีใจ ก้อนเนื้อใจอกเต้นรัวราวกับจะกระโดดออกมานอกอก สัมผัสอุ่นที่ฝ่ามือบ่งบอกว่าเขาไม่ได้หูฝาดหรือฝันไปแม้แต่น้อย

     

    “งั้นเหรอ? ใครล่ะ”

     
     

    “อยากคุยกับเขามั้ยล่ะ ตอนนี้ผมอยู่กับเขา”  ยุนกิยื่นโทรศัพท์ให้นัมจุนพร้อมใบหน้าที่แดงก่ำไปจนถึงใบหู ริมฝีปากเรียวกลั้นยิ้มอย่างเขินๆ ก่อนก้มหน้าลงมองมือที่ประสานกันอยู่บนตักแทนที่จะมองหน้าคนข้างๆอย่างที่ควรจะเป็น

     
     

    “ครับ” นัมจุนรับโทรศัพท์มาด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มก่อนกรอกเสียงลงไปตามสาย คลี่ยิ้มละมุน มองกลุ่มผมสีน้ำตาลอมส้มที่ตกลงมาปรกใบหน้าแดงแจ๋ของคนข้างๆ

     

    “นายเป็นใคร?”

     
     

    “ผมคิมนัมจุน... คุณมีอะไรจะพูดกับผมงั้นเหรอ?”

     

    “ฉันน่ะแฟนคนแรกของยุนกิ รักแรกน่ะเข้าใจมั้ย”  ดูเหมือนปลายสายจะต้องการสื่อว่าตัวเองเป็นฝ่ายเหนือกว่า   นัมจุนเลิกคิ้วน้อยๆ เหลือบตามองพี่หมอคนน่ารักที่ยังนั่งก้มหน้าอยู่ข้างๆ  แต่กลับใช้มือบางอีกข้างวางลงมาทับฝ่ามือที่ประสานกันของทั้งคู่แทนคำตอบทุกอย่างที่ข้างคาใจของร่างสูงมาตั้งแต่เมื่อวาน

     

     

    “แล้วไงครับ?”

     

     

    “ก็ไม่แล้วไง... แค่อยากบอกว่ายังไงยุนกิก็ไม่มีทางลืมฉันได้สนิทใจหรอก ระวังนายจะเสียใจทีหลังแล้วกัน” เสียงของซอกจินเริ่มไม่เป็นมิตรจนอีกฝ่ายรู้สึกได้  นัมจุนเพียงแค่รับฟังมันในขณะที่ริมฝีปากหนาของชายหนุ่มยกยิ้มเล็กน้อยก่อนตอบกลับเบาๆ

     

     

    “เหรอครับ? ขอบคุณที่เตือน แต่ผมบอกคุณไว้เลยแล้วกัน ว่ายังไงพี่หมอก็ไม่มีทางกลับไปหาคุณหรอก...เพราะอะไรรู้มั้ย?”

     
     

     
     

    “เพราะผมจะไม่มีวันทำเขาเสียใจเหมือนที่คุณทำ... แค่นี้นะ แล้วอย่ามาตอแยแฟนผมอีก”  มือใหญ่กระชับมือเล็กไว้แน่นก่อนกดตัดสายอย่างไม่ใส่ใจนัก พลางชะโงกหน้าไปมองคนตัวเล็กที่หันหน้าหนีเขาซะอีก

     
     

    “ฟะ... แฟนอะไร...ขี้โม้”

     
     

    นัมจุนยิ้มทะเล้นๆอย่างล้อเลียนให้คนตรงหน้าเมื่อเห็นใบหน้าขึ้นสีจัดนั่น ปลายคางมนถูกจับให้หันมาสบตากับเขา ดวงตาคมคายจ้องลึกเข้าไปในดวงตาเรียวของยุนกิ ก่อนกวาดสายตาไปทั่วใบหน้าหวานด้วยแววตาที่ทำเอาคนเป็นพี่เบนหลบแทบไม่ทัน หยุดสายตาไว้ที่ริมฝีปากแดงเรื่อที่เม้มแน่นสักพักและเบนไปสบกับแก้วตาใสอีกครั้ง

     
     

    “พี่หมอพุดจริงเหรอ ที่ว่าชอบผม?...” คิ้วเข้มเลิกขึ้นขณะจ้องมองคนตรงหน้าไม่วางตา ทำเอาคนตัวเล็กหายใจติดขัดไปหมด จะเขยิบหนีก็ไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองโดนดึงมาอยู่ในอ้อมแขนของคิมนัมจุนจนแทบชิดไปกับร่างสูงนี่ตั้งแต่เมื่อไร

     
     

    “อะ..อือ” เสียงเล็กตอบกลับเบาๆ แก้มร้อนฉ่าไปหมดจนนัมจุนยังรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิร่างกายที่สูงลิ่วราวกับจับไข้ของยุนกิ


     

    “ไม่เอาแค่ 'อือ' สิ”

     

    “ก็จะให้ตอบอะไรเล่า!!” มือบางรีบยันอกคนตรงหน้าเมื่อรู้สึกว่าเจ้าเด็กนี่มันชักจะโอบเอวเขาแน่นเกินไปแล้ว  ลมหายใจร้อนที่เป่าอยู่ข้างหูทำเอาคนตัวเล็กใจสั่นไปหมด

     
     

    “ก็แบบนี้ไง...”  ริมฝีปากหนาเขยิบเข้ามาชิดใบหูร้อนของยุนกิก่อนเอ่ยออกมาเบาๆด้วยเสียงทุ้มที่ฟังกี่ทีก็ชวนให้หลงใหล โดยเฉพาะยามที่เขาใช้มันเอ่ยประโยคนี้

     
     

    “ผมชอบพี่...

     

     

    ชายหนุ่มถอนใบหน้าออกก่อนโน้มลงไปกระซิบที่หูอีกข้าง

     

    “ผมชอบพี่หมอนะ...

     

     

    ริมฝีปากหนากดจูบเบาๆที่ต้นขอขาว ทำเอายุนกิสะดุ้ง แล้วก็ยิ่งตกใจเมื่อรู้สึกว่าตัวเองโดนดึงมานั่งตักคิมนัมจุนคนเจ้าเล่ห์เข้าแล้ว

     
     

    “ชอบมินยุนกินะครับ”

     
     

    เสียงทุ้มเอ่ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ปลายจมูกโด่งคลอเคลียที่พวกแก้มใสอยู่เป็นนาน  คล้ายจะกลั่นแกล้งคนตัวขาวให้เขินเล่น ก่อนที่จะเชยปลายคางแล้วทำท่าจะประทับริมฝีปากลงมาบนกลีบปากสีสด..

     
     

    “ชะ...ชอบนัมจุน” ยุนกิรีบพูดออกมาก่อนที่จะโดนจูบเข้าให้  เพราะรู้ตัวดีว่าใกล้จะหัวใจวายเต็มทน คนตัวเล็กเอามือยันอกนัมจุนไว้ก่อนพยายามจะหนีออกจากอ้อมแขนที่เหนียวยิ่งกว่าปลาหมึก

     

    “อะไรนะ? ไม่ได้ยินเลย”  ได้ทีแกล้งก็เอาใหญ่ นัมจุนทำเป็นเลิกคิ้วพลางเอียงหูมาชิดริมฝีปากเรียว
     

     

    ยุนกิกัดริมฝีปากอย่างขัดใจ เขินจนตัวจะระเบิดอยู่แล้วมาแกล้งอะไรอีกเนี่ย!!

     
     

    “ชอบคิมนัมจุน”  เสียงหวานลึกกล่าวอีกครั้งที่ข้างหู  การได้ยินคำที่ปราถนามานานทำเอาชายหนุ่มยิ้มจนเผยให้เห็นลักยิ้มบุ๋มๆที่ข้างแก้มชัดเจนยิ่งกว่าครั้งไหนๆ   ใบหน้าคมเบนมาสบตากับคนในอ้อมแขนอีกครั้ง ก่อนที่จะหลุบสายตาลงจ้องมองที่ริมฝีปากบางของอีกคนอย่างเคลิบเคลิ้ม

     

    นัมจุนโน้มใบหน้าลงมาใกล้จนลมหายใจอบอุ่นคลอเคลียอยู่ที่ข้างแก้มที่แดงซ่าน  ก่อนที่สรรพสิ่งทุกอย่างจะเงียบลงเหลือเพียงเสียงของสายฝนที่โปรยปราย  เมื่อริมฝีปากหนาประทับลงบนกลีบปากนุ่มของคนตัวเล็กอย่างแผ่วเบาแล้วตักตวงความหวานละมุนจากยุนกิซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้เบื่อ... 









     

    You’re my Miss Right, Miss Right
    If I lose you, it’s a miss, right? Miss Right?
    You’re my Miss Right, Miss Right


    Girl you want "MY KISS" right?

    Miss Right  :)


     

     

     

     













    ....................................




    หง่อวววว ...


    พอไหวมั้ยคะ?555555555555555555


    ฟิคหวานๆนี่แต่งยากจริงๆค่ะ #ปาดเหงื่อ


    ถ้าชอบก็อย่าลืมคอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้ไรท์เตอร์ด้วยนะคะ
    เดี๋ยวคงมีไรท์เตอร์ท่านอื่นๆทะยอยลงเพิ่มอีกหลายตอน ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ><

    สกรีมฟิคติดแทค #songficBTS โลดดดด~~

    รออ่านทุกเม้นทุกทวิตอยู่นะคะ^^





    ไหนๆก็ไหนๆ ถือโอกาสฝากผลงานเลยแล้วกัน เข้าไปอ่านผลงานเพิ่มเติมของเราได้ที่  #ficsweetswagger นะคะ


    writter : Cypher_94



     


    CR.SHL
    THE GIRL IN : L
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×