คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : CHAPTER 15 | complete.
CHAPTER 15
ถึงแม้ว่างานโรงเรียนจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ความวุ่นวายของชมรมฮับคิโดและชมรมบาสยังไม่ได้หมดไป เพราะหลังจากที่ประธานของทั้งสองชมรมให้เวลาพังเพียงแค่สองวันเท่านั้น สัปดาห์ถัดมาพวกเขาก็ต้องขนข้าวขนของเตรียมตัวไปเข้าค่ายเก็บตัวต้อนรับฤดูการแข่งขันที่ใกล้เข้ามาแล้ว
“เอ้า! เร็วๆ รีบๆขึ้นรถสิจะได้ไปถึงก่อนมืด หน้าหนาวยิ่งมืดเร็วอยู่นะ”เสียงทุ้มของประธานชมรมบาสที่ตอนนี้เหมือนว่าจะกลายมาเป็นประธานของทั้งสองชมรมไปแล้วเอ่ยเร่งให้เหล่าลูกลิงทั้งหลายขึ้นรถบัส
มือเรียวคว้ากระเป๋าลากใบใหญ่ของตนเดินไปยังท้ายรถเพื่อเก็บกระเป๋าให้เรียบร้อย อากาศที่เริ่มเย็นลงทำให้แบคฮยอนต้องใส่เสื้อกันหนาวเพื่อให้ความอบอุ่นกับร่างกาย
เขาเป็นคนป่วยง่ายกว่าที่เห็น...
ขาเรียวก้าวพาร่างของตนขึ้นไปบนรถบัส ดวงตาคู่สวยกวาดมองหาที่นั่งก่อนจะตัดสินใจที่จะนั่งด้านหน้าเกือบติดกับประตู คิดได้ดังนั้นแบคฮยอนก็เดินตรงไปทันที แต่แล้วเขาก็ต้องชะงัก...
ดวงตาคู่สวยของเขาประสานเข้ากับดวงตากลมโตของใครบางคนเข้าอย่างจัง ใบหน้าน่ารักนั้นไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมาแม้แต่น้อย มีเพียงแค่สายตาว่างเปล่าเท่านั้นที่จับจ้องมายังเขา...
...พี่ลู่หาน...
ใบหน้าสวยเสหลบ แบคฮยอนกระชับหมวกไหมพรมสีน้ำเงินของตนเองให้ปิดใบหน้าลงมาเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่ริมหน้าตาง
นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปได้สักพักคนก็เริ่มจะเต็มแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เห็นเงาของใครสักคนที่อยู่ในห้วงความคิดตลอดมา...
พูดไม่ทันขาดคำก็มีใครคนหนึ่งทิ้งตัวลงนั่งที่เบาะข้างๆเขาจนต้องหันไปให้ความสนใจ ใบหน้าหล่อเหลาจ้องมองมาที่เขาก่อนจะยิ้มบางๆให้
“นั่งด้วยนะ”เสียงทุ้มนั้นเอ่ยขึ้น แบคฮยอนล่ะอยากจะถีบจริงๆ จะมาขออะไรในเมื่อเจ้าตัวน่ะหย่อยก้นนั่งลงเรียบร้อยแล้วเนี่ย!
เห็นอีกคนไม่พูดอะไรชานยอลก็ถือซะว่าแบคฮยอนอนุญาตแล้วกัน...
ก่อนรถจะออกเพียงไม่กี่นาทีเด็กหนุ่มนามคิมจงอินก็วิ่งกระหืดกระหอบขึ้นรถมาอย่างรวดเร็ว จงอินกวาดสายตามองไปทั่วรถเพื่อหาที่นั่ง แต่แล้วดวงตาก็ไปสะดุดอยู่ที่ด้านหลังของใครสักคนที่เขาเฝ้ามองมาตลอดเวลา แต่พอเห็นว่าร่างบางนั้นนั่งอยู่กับใครเขาก็ต้องยิ้มออกมาบางๆด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย
ทั้งโล่งใจและเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน...
เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะตัดสินใจเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ว่างอีกตัวที่อยู่ไม่ไกลจากประตูหลังรถนัก
จงอินชำเลืองมองคนข้างๆเนียนๆ ร่างบางของลู่หานกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่อย่างสงบไม่คิดที่จะหันมาสนใจด้วยซ้ำว่ามีคนทิ้งตัวลงนั่งข้างๆตน
เขาเองก็ได้ยินเรื่องที่ชานยอลเลิกกับลู่หานมาจากแบคฮยอนแล้ว ทีแรกเขาคิดว่าลู่หานจะต้องไม่ยอมแน่ๆ เพราะหึงหวงถึงขั้นทำร้ายแบคฮยอนคนไม่หยุดเพียงแค่คำบอกเลิกของชานยอลหรอก...
แต่คนข้างๆของเขาตอนนี้มันกลับเหมือนคนละคนกับที่เขาเคยรู้จัก...ใบหน้าหวานไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมาเลยแม้แต่น้อย ไม่มีทั้งความเสียใจ หรือแม้กระทั่งความโกรธ...
แต่ลางสังหรณ์ของเขาบอกว่าเรื่องมันยังไม่จบแบบนี้แน่ๆ...
“หนาวรึเปล่า?”เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นข้างๆเรียกให้แบคฮยอนต้องหันไปให้ความสนใจ ชานยอลกำลังส่งยิ้มบางๆมาให้เขาอย่างอ่อนโยนเรียกให้ใบหน้าสวยขึ้นสีเรื่อชวนมอง มือหนาก็เลื่อนขึ้นไปปิดช่องแอร์เหนือศีรษะของพวกเขา หลังจากที่เขาเฝ้ามองคนข้างๆมาสักพักก็ค้นพบความจริงที่ว่า...
...แบคฮยอนน่ะขี้หนาว...
เพราะถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะสวมเสื้อกันหนาวอยู่แต่พอขึ้นรถมาได้สักพักก็เริ่มที่จะขดตัวเป็นกุ้งเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับตัวเองเสียอย่างนั้น
“ข...ขอบคุณ...”เสียงหวานเอ่ยเบาๆก่อนเจ้าของเสียงจะหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างแทนเขาทันที ใบหน้าสวยก็ยังคงขึ้นสีจางๆอย่างน่ารักจนชานยอลอดที่จะยิ้มไปกับภาพตรงหน้าไม่ได้
.
.
.
.
.
แบคฮยอนรีบกระโดดลงมายืนบนพื้นดินทันทีที่ถึงบ้านพัก แขนเรียวเหยียดขึ้นเพื่อบิดขี้เกียจ การนั่งรถติดต่อกันหลายชั่วโมงมันทำให้เขาล้าไปหมด
“เอ้าทุกคน! ลงจากรถแล้วไปรวมกันที่สนามบาสก่อน เราจะแบ่งเรื่องห้องนอนแล้วให้เอาของไปเก็บนะ!”เสียงของประธานชมรมฮับคิโด้เอ่ยขึ้น ถึงแม้ว่าจื่อเทาจะพูดไม่ค่อยชัดแต่ทุกคนก็จับใจความได้
แบคฮยอนยืนรอให้คนที่แย่งกันเอากระเป๋าซาลงก่อนที่เขาจะเดินไปหยิบกระเป๋า ดวงตาคู่สวยกวาดสายตามองหากระเป๋าที่เหลืออีกสี่ห้าใบก่อนมือเรียวจะเอื้อมไปยังกระเป๋าใบของตน แต่แล้วก็ต้องชะงักกึกเมื่อมีมือหนาของใครบางคนฉวยเอากระเป๋าของเขาตัดหน้าไปเสียก่อน
“ฉันถือให้...”พูดจบริมฝีปากได้รูปก็ฉีกยิ้มหวานส่งมาให้จนคนตัวเล็กอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้ ริมฝีปากบางเบะลงก่อนขาเรียวจะเตะเข้าที่หน้าแข้งอีกคนเบาๆอย่างหมั่นไส้
“โอ๊ย!”ชานยองแกล้งทำเป็นเจ็บก่อนจะต้องเจ็บจริงๆเพราะหมัดหนักๆของอีกคนที่ชกเข้าที่ต้นแขน
“ประสาท!”ด่าจบคนตัวเล็กก็สะบัดตัวเดินออกไปทันทีทอ้งให้อีกคนได้เป็นเด็กยกกระเป๋าอย่างที่วาดฝันไว้
“เอาล่ะทุกคน...ที่นี่มันไม่ใช่รีสอร์ทเพราะฉะนั้นจะมีห้องค่อนข้างน้อย เพื่อความสะดวกเราจะให้นอนด้วยกันสองคนเพราะว่าตอนกลางคืนมันเปลี่ยว ถ้าจะออกมาเข้าห้องน้ำก็พาเพื่อนมาด้วย....เดี๋ยวหายไปแล้วจะยุ่ง...”สิ้นเสียงทุ้มของกัปตันทีมบาสเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นทันที คำพูดที่ส่อไปในทางขมขู่ยิ่งทำให้คนขวัญอ่อนอย่างแบคฮยอนเบ้หน้า
...เขาจะไม่นอนคนเดียวเด็ดขาด!
“....งั้นทุกคนก็จับคู่กันเลย ใครได้คู่แล้วมาลงชื่อแล้วเอากุญแจกับฉันนะ...”คริสเอ่ย มือหนายกพวงกุญแจที่เต็มไปด้วยกุญแจห้องแขวนอยู่ขึ้นให้ทุกคนดู
“ป่ะ!”เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นข้างๆเรียกให้แบคฮยอนต้องหันไปให้ความสนใจ ชานยอลจัดการวางกระเป๋าให้เรียบร้อยเพื่อเอื้อมไปคว้าข้อมือบางมากอบกุมไว้
“ห๊ะ! อะไรนะ? ไปไหน?”เสียงหวานเอ่ยถามอย่างงงๆเมื่อจู่ๆเขาก็โดนฉุดกระชากลากถูให้เดินตามร่างสูงของคนข้างๆไป
“ก็ไปแจ้งชื่อไง..”
“ชื่ออะไร?”
“ก็พวกเราจะนอนด้วยกันไงบยอนแบคฮยอน”
ห๊ะ?
ระหว่างที่คนตัวเล็กได้แต่มำหน้าเหวอเขาก็ถูกอีกคนลากจนมาหยุดอยู่ที่โต๊ะลงชื่อเป็นที่เรียวร้อย ยังไม่ทันที่จะได้อ้าปากท้วงอะไรชานยอลก็จัดการเขียนชื่อตัวเองและชื่อของอีกคนลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“นี่!”เสียงทักท้วงที่ดังขึ้นมาจากแบคฮยอนไม่อาจเรียกร้องความสนใจของชานยอลได้เลย เพราะเขายื่นมือไปคว้ากุญแจห้องมาไว้ในมือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ปาร์คชานยอล!”
...ก็เหมือนอย่างเคย...
...บยอนแบคฮยอนก็ทำได้แค่โวยวายเท่านั้นแหละ...
“นี่พวกนายจะนอนด้วยกันได้มั๊ยเนี่ย...”เสียงทุ้มของคริสเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าแบคฮยอนกำลังวิ่งไล่เตะชานยอลอยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย
“นั่นสิ”แต่เสียงที่เอ่ยขึ้นเห็นด้วยกลับเรียกความสนใจของทุกคนได้มากยิ่งกว่าคำถามของคริสเสียอีก
ใบหน้าน่ารักนั่นกำลังคลี่ยิ้มหวานเหมือนที่พวกเขาเคยเห็นกันมาก่อน ลู่หานเดินเข้ามาหาพวกเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“งั้นเอาอย่างงี้มั๊ยล่ะ...ฉันจะนอนกับแบคฮยอนเอง...”เสียงหวานนั่นเอ่ยขึ้นก่อนรอยยิ้มจะฉีกกว้างขึ้นจนตาปิด
คิ้วข้าวของชานยอลขมวดเข้าหากันแทบจะเป็นปม ชายหนุ่มก้าวออกมาด้านหน้าคนตัวเล็ก แขนแกร่งก็กางออกราวกับกันไม่ให้ลู่หานเข้าใกล้
ดวงตาคมของชานยอลจ้องมองลึกลงไปในดวงตากลมโตของอีกคน...
...น่าแปลกที่มันมีแต่ความว่างเปล่า...
สายตาของทั้งคู่สบประสานกันราวกับมีเมฆฝนก่อตัวอยู่เหนือหัวของพวกเขาทั้งคู่ บรรยากาศอึมครึมทำให้คนอื่นๆพากันถอยห่าง
...ทุกคนรู้เรื่องที่ชานยอลเลิกกับลู่หานแล้ว...
“อ...เอ่อ...”ดูเหมือนคนที่ลำบากใจที่สุดจะกลายเป็นผู้ถือกุญแจอย่างคริสเสียแล้ว
“ได้ไงครับพี่ลู่หาน...พี่บอกว่าจะมาเป็นเทรนเนอร์เรื่องฟิตหุ่นให้ผมไม่ใช่เหรอ”แต่จู่ๆเสียงทุ้มของใครคนหนึ่งก็เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ เด็กหนุ่มผิวเข้มเดินยิ้มออกมายืนอยู่หน้าคริสก่อนจะลงมือเขียนชื่อตนเองและชื่อของคนที่เขาลากเข้ามาอยู่ด้วยลงไปทันที
“เพราะงั้นเราต้องนอนห้องเดียวกันครับจะได้ดูแลกันง่ายๆ”เขียนไปปากก็เอ่ยไป จงอินฉวยเอากุญแจห้องมาจากคริสก่อนจะเดินตรงไปยังกระเป๋าของลู่หานทันที
“...งั้นเราเอาของไปเก็บกันเถอะครับ”เด็กหนุ่มเอ่ยออกมาอย่างร่าเริง เขาจัดการลากกระเป๋าของตัวเองและของเพื่อนร่วมห้องตรงไปยังห้องพักทันทีโดยไม่สนใจคำทักท้วงจากคนที่โดนมัดมือชกเลยแม้แต่น้อย
...เขามีลางสังหรณ์ว่าเรื่องมันยังไม่จบ...
...แล้วเขาจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายพี่แบคฮยอนเด็ดขาด...
...โดยเฉพาะลู่หาน...
.
.
.
.
.
...แบคฮยอนคิดว่าเคราะห์กรรมของเขามากพอแล้วที่ต้องนอนห้องเดียวกับปาร์คชานยอล...
...แต่อันที่จริงน่ะเขาคิดผิด!
“อะไรเนี่ย!!!”เสียงหวานแหวขึ้นทันทีที่เข้ามาสำรวจห้องพัก นอกจากจะมีขนาดไม่ใหญ่มากแล้วก็แทบจะไม่มีเฟอร์นิเจอร์มีแต่....
...ฟูกที่นอน..................หนึ่งอัน...
หนึ่งอันไงล่ะ!!!
“แล้วจะนอนยังไงเล่า!”ขาเรียวง้างขึ้นก่อนจะเตะฟูกนั่นอย่างอารมณ์เสีย ปากก็ยังคงบ่นๆๆไม่หยุด
“ก็นอนด้วยกันไง”ปาร์คชานยอลก็ตอบหน้าตายเรียกค้อนวงโตจากอรกคนได้ทันที
“นายจะบ้าเหรอปาร์คชานยอล? ฟูกเดียวกันนะ”แบคฮยอนหันไปพูดให้ชานยอลได้ยินชัดๆ
“...เตียงเดียวกันยังเคยมาแล้วนะ ฟูกเดียวกันก็เหมือนกันนั่นแหละ”พูดจบใบหน้าหล่อเหลาของชานยอลก็ยกยิ้มกวนประสาท ก่อนจะต้องเปลี่ยนมาเป็นหัวเราะร่าเมื่อคนตัวเล็กเริ่มวิ่งไล่เตะเขาด้วยความหมั่นไส้
...กลับไปทะเลาะกันก็ยังดีกว่าให้แบคฮยอนเมินเขา...
“มาครบกันแล้วใช่มั๊ย”เสียงหวานของลู่หานเอ่ยขึ้น ดวงตากลมโตก็กวาดมองไปให้ทั่วเพื่อตรวจสอบเพื่อนร่วมค่าย ลู่หานได้รับหน้าที่ในการเป็นโค้ชฝึกสอนเหมือนที่เขาเคยทำให้กับชมรมฮับคิโด เพียงแต่คราวนี้คนที่เขาต้องคอยดูแลกมีเพิ่มอีกเป็นเท่าตัวเพราะชมรมบาสที่ตกลงปลงใจจะมาเก็บตัวด้วยกัน
“มาครบก็ดีแล้ว...วันนี้เราจะเริ่มฝึกกันเลยนะ”สิ้นเสียงหวานที่เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ่มแย้มเหมือนอย่างเคย แต่ประโยคที่พูดออกมาราวกับยมทูตในคราบนางฟ้าชัดๆ! เสียงโอดครวญดังระงมไปทั่ว พวกเขาเพิ่งเดินทางไกลมา แน่นอนอยู่แล้วที่ยังคงเหนื่อล้าจนอยากจะนอนพักกันอยู่
“ถ้าใครทำไม่สำเร็จก็อดข้าวเย็น”คำขู่ของร่างบางดูจะได้ผล เพราะทันทีที่ได้ยินทุกคนก็พากันปิดปากฉับและตั้งใจฟังกันทันที
“เราจะวิ่งทะลุป่านั่น...”นิ้วชี้ไปที่ป่าด้านข้างของที่พักที่กินเนื้อที่กว้างขวาง ลู่หายอดที่จะยกยิ้มด้วยความขบขันไม่ได้เมื่อเห็นว่าแต่คนทะหน้าสะพรึงขนาดไหน
“...ไม่ต้องห่วงฉันทำเชือกกั้นบอกทางไว้แล้ว...ถ้าไม่ทะเล่อทะล่าก็ไม่หลงหรอก...ตอนนี้ก็หกโมงเย็น...”ข้อมือบางยกขึ้นมาเพื่อดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือเรือนหรู
“ถ้าภายในสองทุ่มยังไม่ถึงจุดนัดพบที่อยู่อีกฝั่งของป่าล่ะก็....งดข้าวเย็นนะ....”เสียงหวานเอ่ยขึ้นก่อนเสียงหัวเราะใสๆจะดังตามมา ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นภาพที่น่ารักเพียงใด...แต่ทุกคนกลับพร้อมใจลงความเห็นว่า...
....ปีศาจชัดๆ!
ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบๆอย่างหวาดระแวง ขาเรียวก็ทำงานของมันได้อย่างดีเยี่ยม ตอนนี้พวกเขากำลังวิ่งเหยาะๆลัดเลาะเข้าไปในป่า เชือกสีแดงที่ผูกโยงไว้ตามทางทำให้พวกเขารู้ว่ายังไม่หลงทาง เพราะเวลาที่ล่วงเลยมาได้สักพักแล้ว ท้องฟ้าสีครามจึงเปลี่ยนเป็นสีม่วงต้อนรับรัติกาลที่กำลังจะมาเยือนในไม่ช้า
ความเงียบสงัดของป่ายามค่ำคืนยิ่งทำให้แบคฮยอนเสียสติ ทุกฝีเก้าที่เท้าของพวกเขาเหยียบย่ำเสียงกร๊อบแกร๊บของใบไม้แห้งก็จะดังเข้ามาในโสดประสาททุกครั้ง แบคฮยอนเลือกที่จะรักษาความเร็วของตนในอยู่ที่กลางๆกลุ่มเพราะเขารู้สึกว่าอยู่หน้าไปก็น่ากลัวอยู่หลังไปก็ชวนสติแตก
...ตรงกลางนี่แหละปลอดภัย
มือเรียวยกขึ้นมาถูกันเบาๆเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย ความมืดที่โรยตัวลงมาพร้อมกับความหนาวทำเอาขนลุกไปทั้งตัว ถึงแม้เขาจะใส่เสื้อกันหนาวมาแล้วแต่มันก็ยังหนาวอยู่ดี...
“หนาวเหรอ?”เสียงทุ้มของคนขายาวข้างๆเอ่ยถามขึ้น แบคฮยอนหันไปมองก่อนจะพยักหน้าเบาๆ...
...ความจริงแล้วชานยอลวิ่งไปหน้าสุดเลยก็ได้...แต่เขาคิดว่าจะวิ่งเป็นเพื่อนคนตัวเล็กนี่...
“อ่ะ!”ชานยอลจัดการถอดเสื้อกันหนาวของตนส่งให้แบคฮยอนเรียกให้ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“ถอดมาทำไมเล่า! อยากหนาวตายเหรอปาร์ชานยอล! ใส่กลับไป”มือเรียวก็สะบัดๆเป็นเชิงไล่ เมื่อเห็นอีกคนดูท่าจะไม่สนใจความหวังดีของเขา ชานยอลเลยยัดเยียดความหวังดีให้ทันที
“อ๊ะ!”เสื้อกันหนาวตัวใหญ่ถูกโยนปุลงบนหัวจนแบคฮยอนแทบเสียหลัก มือเรียวคว้ามันมาสวมไว้ก่อนจะหันไปค้อนใส่อีกคนเล็กน้อย แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็คือรอยยิ้มกว้างที่เขาเกลียดแสนเกลียด...
....เพราะทุกครั้งที่ได้รับ หัวใจเขาก็เต้นผิดจังหวะทุกที...
“นายเป็นอะไรรึเปล่า”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นหลังจากที่สังเกตเห็นว่าคนตัวเล็กดูไม่ค่อยปกติเท่าไหร่
“เปล่า...”แบคฮยอนตอบแต่คนตัวเล็กก็ค่อยๆวิ่งเข้ามาใกล้ชานยอลมากขึ้น
“หรือว่ากลัว?”ชานยอลเอ่ยถามอย่างล้อเลียน เขายังจำได้ดีว่าจุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของบยอนแบคฮยอนเป็นอะไร
ยิ่งเห็นใบหน้าสวยนั้นเบ้ลงราวกับเด็กที่ถูกรู้ทันก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ แบคฮยอนเหวี่ยงค้อนไปให้สองสามทีก่อนจะต่อยไปที่ต้นแขนของอีกคนอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้ เรียกเอาเสียงหัวเราะของชานยอลหุบลงทันที
“...ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันอยู่กับนายนี่ไง...”ชานยอลเอ่ยขึ้นก่อนรอยยิ้มอ่อนโยนจะถูกส่งไปให้อีกคน ใบหน้าหวานขึ้นสีน้อยๆก่อนจะค่อยๆเขยิบเข้ามาวิ่งข้างๆชายหนุ่ม
“ปกติพี่ลู่หานไม่เคยให้ฝึกตอนกลางคืนแบบนี้เลยนะนายรู้มั๊ย....”เสียงหวานที่เอ่ยออกมาเรียกให้ชานยอลที่กำลังอมยิ้มอยู่คนเดียวต้องหันกลับมาให้ความสนใจ
“...เพราะพี่เขารู้ว่าฉันกลัว...”เสียงหวานขาดหายไปในประโยคสุดท้าย เขารู้ว่าแบคฮยอนหมายถึงอะไร เขารู้ว่าแบคฮยอนเล่าให้เขาฟังทำไม...
มือหนาเลื่อนไปลูบหัวอีกคนเบาๆคล้ายการปลอบ บางทีเขาก็คิดว่าบยอนแบคฮยอนที่แข็งแกร่งคนนั้นเป็นแค่กำแพงที่คนตัวเล็กสร้างขึ้น เพราะที่จริงแล้วแบคฮยอนที่ราวกับเด็กน้อยตอนนี้ต่างหากที่เป็นตัวจริง...
“ใครถึงฝั่งนู้นที่หลังเป็นเบ๊จนถึงวันกลับ!”ชานยอลเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงท้าทายก่อนมือหนาที่เคยลูบหัวอีกคนอย่างอ่อนโยนจะเปลี่ยนมาเป็นขยี้แทน ชานยอลผลักหัวของแบคฮยอนออกก่อนจะวิ่งนำขึ้นไปโดยไม่คิดจะรอคำตกลงจากคนถูกท้าเลยแม้แต่น้อย
“ย่า! ปาร์คชานยอล!”
แบคฮยอนทิ้งตัวนอนแผ่ที่พื้นอย่างหมดแรงหลังจากที่เขาวิ่งเต็มสปีดมาจนถึงจุดนัดพบ ไม่นานนักชานยอลก็เดินยิ้มลงมานั่งข้างๆเขา เสียงหอบหายใจถี่รัวที่ดังออกมาจากอีกคนทำให้เขารู้ว่าชานยอลเองก็เหนื่อยไม่ใช่น้อย
...เขารู้ว่าที่เขาวิ่งมาถึงก่อนนี่เป็นเพราะชานยอลไม่ได้วิ่งเต็มสปีด แถมอีกคนยังใส่แค่เสื้อยืดกางเกงวอร์มวิ่งผ่านอากาศหนาวๆแบบนี้มาด้วย...
“ขอบคุณนะ...”เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นปนกับเสียงหอบหายใจเรียกให้ชานยอลต้องหันไปมอง
“สำหรับเรื่องที่นายคิด แล้วก็เรื่องที่นายทำเมื่อกี้...”คำพูดของอีกคนเรียกให้ชายหนุ่มอดที่จะฉีกยิ้มไม่ได้
...ที่เขาชวนแบคฮยอนแข่ง ก็เพราะไม่อยากให้อีกคนกลัว...
...ซึ่งดูเหมือนจะโดนแบคฮยอนรู้ทัน...
“อ...ไม่เป็นไร...”เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆอย่างเคอะเขิน มืหนาก็ยกขึ้นเกาท้ายทอยแก้เก้อ แบคฮยอนอดที่จะหัวเราะออกมากับอาการเคอะเขินของอีกคนที่นานๆทีจะมีให้เห็นไม่ได้
...ปาร์คชานยอลก็มีมุมที่น่ารักเหมือนกันนะ...
ไม่น่านนักเหล่าสมาชิกของทั้งสองชมรมผู้เคราะห์ร้ายก็ค่อยๆทยอยกันมาถึง เมื่อเห็นว่าทุกคนมาถึงครบแล้วคนที่นั่งจับเวลาอยู่ข้างกองไฟอุ่นๆก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ใบหน้าน่ารักฉีกยิ้มหวานให้อย่างเคย ลู่หานปรบมือเรียกให้ทุกคนมานั่งพักที่หน้ากองไฟ
“ดูเหมือนวันนี้จะไม่มีคนอดข้าวเย็นนะ...”ลู่หานเอ่ยขึ้นก่อนจะทยอยยกถาดข้าวที่เตรียมไว้มาแจกจ่ายให้ทุกคน
ไม่ต้องรอให้สั่งเหล่านักกีฬาผู้หิวโซก็จัดการฟาดอาหารตรงหน้าทันทีชานยอลเองก็เช่นกัน ความหิวและความเหนื่อยล้าที่เกิดจากการออกกำลังกายเข้าเกาะกุม เจ้าตัวจัดการจ้วงข้าวเข้าปากอย่างรวดเร็วจนไม่เหลือมาด
แบคฮยอนจ้องมองการกินที่แสนมูมมามของคนข้างๆแล้วก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ คนตัวเล็กเองก็เริ่มใช้ช้อนเขี่ยๆดูอาหารในจากของตนเองเตรียมลงมือกินแล้วเช่นกัน
“ทำไมไม่กินล่ะ?”หลังจากที่จัดการจานข้าวของตนจนสะอาดหมดจดแล้ว ชานยอลที่เอาแต่กินจนไม่ลืมหูลืมตาก็เงยหน้าขึ้นมามองคนข้างๆ เขาเห็นเพียงมือบางที่เขี่ยๆอาหารในจานเท่านั้น
“ฉันกินไม่ได้...”แบคฮยอนเอ่ยเบาๆ
“...ฉันแพ้กุ้ง...”
...ใช่เขาแพ้กุ้ง...
...ความจริงข้อนี้เริ่มทำให้เขารู้สึกแย่...
ทุกครั้งที่เขาเคยไปเข้าค่ายเก็บตัวของชมรมฮับดิโดเขาไม่เคยที่จะต้องกังวงลเลย เพราะลู่หานคอยจัดการเรื่องพวกนี้ให้จนหมด ลู่หานรู้หลายๆอย่างเกี่ยวกับเขาแล้วก็มักจะคอยจัดการให้เขาอยู่ได้อย่างสบายใจมากที่สุด
ทั้งเรื่องที่เขากลัวผีและเรื่องที่เขาแพ้กุ้งแบบนี้ก็เช่นกัน...
...แต่ดูเหมือนเรื่องแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว...
...ก็เป็นเพราะเขาเอง...
“ตามมานี่มา!”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น มือหนาจัดการวางถาดอาหารของตนลงก่อนจะเอื้อมไปคว้าข้อมือบางของอีกคนให้ลุกตามตนเองมา
...พอเห็นใบหน้าสวยที่เสลดลงเขาก็รู้ทันทีว่าอีกคนกำลังคิดอะไรอยู่...
...เขาจะไม่ทำให้แบคฮยอนร้องไห้อีก...
แบคฮยอนได้แต่นั่งมองแผ่นหลังกว้างตรงหน้าอย่างตกตะลึง มือหนาไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็ดูชำนาญไปเสียหมด ใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังจริงจังกับอะไรสักอย่าง...
...ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันน่าหลงใหลเพียงใด...
“อ่ะ...ไข่เจียวร้อนๆได้แล้วครับ...”ชานยอลเอ่ยอย่างอารมณ์ดี ก่อนมือหนาจะวางจานข้าวและไข่เจียวที่เพิ่งทำเสร็จเมื่อกี้ลงตรงหน้าอีกคน กลิ่นหอมของอาหารเรียกเอาท้องของเขาส่งเสียงประท้วงครืดคราด
“ขอบคุณนะ!”แบคฮยอนเอ่ยขอบคุณตาวาว ก่อนคนตัวเล็กจะลงมือทานไข่เจียวด้วยความอเร็ดอร่อยทันที
ชานยอลจ้องมองภายตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม... มาถึงขนาดนี้แล้วเขาก็มั่นใจแล้วว่าการเลิกราของเขากับลู่หานมันไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด เขาลู่ว่าการกลั่นแกล้งแบคฮยอนเล็กๆน้อยๆนี่ไม่ใช่สิ่งที่ลู่หานตั้งใจไว้...
“แบคฮยอน...”เสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกชื่อตนทำให้แบคฮยอนต้องเงยหน้าขึ้นมามองทั้งๆที่ยังมีไข่เจียวอยู่เต็มปาก
“...จำไว้นะ...ไม่ว่าใครจะคิดร้ายกับนายยังไง ฉันนี่แหละที่จะคอยปกป้องนายเอง...”
.
.
.
.
.
เวลาล่วงเลยมาจนถึงตีสองแล้วแต่แบคฮยอนก็ยังไม่สามารถข่มตาให้หลับได้ คำพูดของชานยอลยังคงดังก้องอยู่ในหัวสมอง คนตัวเล็กกระชับผ้าห่มให้สูงขึ้นก่อนดวงตาคู่สวยจะเหลือบไปมองแผ่นหลังกว้างของอีกคนที่กำลังนอนคุดคู้อยู่นอกฟูก...
ชานยอลตัดสินใจที่จะยกฟูกให้เขานอนแล้วตัวเองก็นอนอยู่ข้างๆกัน ไม่มีฟูก ไม่มีหมอน ไม่มีแม้กระทั่งผ้าห่ม มีเพียงแค่เสื้อกันหนาวของชายหนุ่มเท่านั้นที่ให้ความอบอุ่น
“นายยังไม่หลับใช่มั๊ย?”เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นเรียกให้แบคฮยอนหลุดออกจากภวังค์
“อื้อ”แบคฮยอนตอบ
“นอนไม่หลับเหรอ?”ชานยอลเอ่ยถาม ก่อนชายหนุ่มจะพลิกตัวหันกลับมาจ้องหน้าแบคฮยอน วงตาคมคู่นั้นเต็มไปด้วยความห่วงใย
“ก็นิดหน่อย”
“นายควรจะรีบนอนนะ...พรุ่งนี้ก็มีซ้อมอีกไม่ใช่เหรอ?”แบคฮยอนพยักหน้าให้ชานยอล
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากหลับนะ...แต่เพราะตอนนี้ในสมองมันมีเรื่องมากมายประดังกันเข้ามาเสียจนหลับไม่ลงต่างหาก
“แต่ฉันนอนไม่หลับ...”
“มานี่สิมีอะไรจะให้ดู...ความจริงแล้วกะจะเก็บไว้เป็นความลับซะหน่อย แต่เห็นลูกหมาขี้อ้อนแถวนี้มันเลยอกสงสารไม่ได้”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น ชานยอลลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนมือหนาจะเอื้อมมาหาอีกคนหวังจะช่วยให้อีกคนลุกขึ้นยืนได้อย่างไม่ลำบากมากนัก มือเรียวเอื้อมไปจับมือหนาของอีกคนไว้...ความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาจากฝ่ามือของอีกคนเรียกให้แบคฮยอนต้องยิ้มออกมาบางๆ
“หลับตาก่อนสิ...”ชานยอลเอ่ยด้วยรอยยิ้ม เปลือกตาบางค่อยๆปิดลงอย่างที่อีกคนต้องการ...
...อะไรกันนะที่ชานยอลอยากให้เขาดู...
สายลมที่พัดผ่านใบหน้าของเขาเข้ามาทำให้ร่างบางอดที่จะแปลกใจไม่ได้ กลิ่นหอมของอะไรสักอย่างลอยเข้ามาอย่างชัดเจน
“ลืมตาได้แล้ว...”เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นเรียกให้แบคฮยอนค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างว่าง่าย
ภาพตรงหน้าทำให้แบคฮยอนตกตะลึง แสงระยิบระยับจากเหล่าหิ่งห้อยตัวน้อยกำลังเกาะกุมกันอยู่บนต้นไม้ใหญ่ตรงกลางสวนนั่น น้ำค้างที่เกาะอยู่ตามใบไม้และกลีบดอกไม้ที่ทอดยาวไปที่พื้นสะท้อนแสงจากหิ่งห้อยราวกับพวกเขาอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวดวงเล็กๆ
ขาเรียวพาร่างบางของเจ้าของก้าวออกไปยังระเบียงห้องเพื่อจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างหลงใหล รอยยิ้มกว้างอย่างตกตะลึงปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวย
“สวยมากเลย...”เสียงหวานอุทานออกมาอย่างดผลอไผล
...เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าห้องนี้มีระเบียงแบบนี้ด้วย...
แสงจันทร์นวลต้องผิวขาวของคนตรงหน้าขับให้ผิวขาวนั้นน่าสัมผัสยิ่งขึ้นไปอีก รอยยิ้มสวยงามที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยเต็มไปด้วยความไร้เดียงสาเรียกให้ชานยอลอดที่จะยิ้มตามไม่ได้
...นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้...
“ใช่...สวยมากเลย”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเบาๆที่ข้างใบหูบาง มือหนาก็ตวัดเกี่ยวรอบเอวบางของคนตรงหน้าอย่างอ่อนโยน ชานยอลค่อยๆวางคางลงบนลาดไหล่บางของคนตัวเล็กอย่างออดอ้อน
“...หมายถึงนายนะแบคฮยอน...”เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นเรียกเอาพวงแก้มขาวขึ้นสีแดงกล่ำจนแทบจะกลายเป็นมะเขือเทศ แบคฮยอนพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดของอีกคนเพราะความเขินอาย แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดดิ้นทันทีที่จมูกโด่งของชายหนุ่มที่โอบกอดเขาอยู่ฝังลงไปในแก้มของตน...
“...หอมด้วย...”ชานยอลสูดกลิ่นหอมจนเต็มปอด กลิ่นกายของคนตรงหน้าช่างหอมหวานยิ่งกว่าเหล่าดอกไม้ป่าที่พากันบานสะพรั่งอยู่ด้านนอกนั่นเสียอีก
...ทั้งรอยยิ้ม ทั้งกลิ่นกายที่หอมหวานนี่...
...ทุกสิ่งทุกอย่างของบยอนแบคฮยอนคือสิ่งที่เขาหลงใหล...
“ฉันขอโทษนะ...สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง...”เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นทำให้แบคฮยอนต้องนิ่งฟัง
“ฉันจะไม่ขอให้นายยกโทษให้...แต่ฉันอยากขอโอกาสให้คนอย่างฉันอีกสักรอบได้มั๊ยแบคฮยอน...”ชานยอลค่อยๆคลายอ้อมกอดออกก่อนจะหมุนร่างบางของอีกคนเข้ามาให้ดวงตาของทั้งสองสบกัน
“...ฉันรักนายแบคฮยอน...”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่นเรียกเอาหัวใจของคนฟังเต้นระรัวด้วยความรู้สึกแปลกๆ
...นี่ใช่มั๊ยคือสิ่งที่เขาร้องขอมาตลอด...
...นี่ใช่มั๊ยคือสิ่งที่เขายอมทำทุกอย่างมาจนถึงตอนนี้...
...นี่คือ...................เรื่องจริงใช่มั๊ย?
หยาดน้ำใสๆค่อยๆก่อตัวขึ้นที่หน่วยตาก่อนจะกลั่นตัวหยดออกมาจากดวงตาคู่สวยนั่นช้าๆ ริมฝีปากอิ่มแย้มรอยยิ้มหวานอย่างที่เขาไม่เคยได้เห็นมาก่อน
...แบคฮยอนกำลังดีใจ...
...ดีใจจนไม่อาจเก็บต้ำตานี่ไว้ได้อีกต่อไป...
“...ฮึก...”เสียงสะอื้นที่เร็ดรอดออกมาเริ่มทำให้ชานยอลใจไม่ดี แขนแกร่งคว้าร่างบอบบางของอีกคนเข้ามาในอ้อมกอด
...ถ่ายทอดความรู้สึกที่มีให้ลงไปในอ้อมกอดนี้...
...หากเขายอมรับใจตนเองตั้งแต่แรก...
...แบคฮยอนคงไม่ต้องเจ็บปวดแบบนี้...
“...หยุดร้องเถอะนะแบคฮยอน...”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเว้าวอน ริมฝีปากหนาไล่จุมพิตซับน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าของอีกคนอย่างอ่อนโยน
“...ให้โอกาสฉันอีกสักครั้งได้มั๊ย...บยอนแบคฮยอน...”ชานยอลจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่สวยของอีกคน ดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื้นตัน
ความรู้สึกผิดที่ฉายชัดบนดวงตาของอีกฝ่ายเรียกให้หัวใจดวงน้อยๆของเขาต้องสั่นรัว แบคฮยอนเองก็จ้องมองลึกลงไปในดวงตาสีรัตติกาลของอีกฝ่ายเช่นกัน
...หวังว่าชานยอลคงจะเข้าใจสิ่งที่ส่งออกไปจากดวงตาคู่นี้...
“...ได้โปรด...”เสียงทุ้มที่กำลังจะเอ่ยต้องขาดหายไปเพราะริมฝีปากอิ่มของคนตัวเล็กที่ทาบทับลงมา มือเรียวคว้าไหล่หนาของชายหนุ่มคล้ายหลักยึดเหนี่ยว แบคฮยอนเขย่งปลายเท้าให้จูบของเขาแนบชิดกับอีกฝ่ายมากขึ้น
...จูบอบอุ่นที่ไม่มีการรุกล้ำใดๆทั้งนั้น...
...รสจูบที่มีเพียงความรักอันบริสุทธิ์...
...ไม่มีความอยากหรือความใคร่เข้ามาเจือปน...
แบคฮยอนค่อยๆถอนจูบออกจากอีกฝ่ายช้าๆ ดวงตาคู่สวยจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังเหวอด้วยความขบขัน รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวย
...เขาตัดสินใจแล้ว...
“โอกาสของนายมีอีกครั้งเดียวเท่านั้นปาร์คชานยอล...อย่าทำให้ฉันเจ็บปวดล่ะ...”
TBC.
TALK. เอามาลงครึ่งนึงไว้ก่อนค่า เดี๋ยวอีกครึ่งจะตามมา แต่ยังไงก็จะพยายามให้ครบตอนภายในอาทิตย์นี้นะ แต่ตอนนี้ใกล้สอบไฟนอลแล้วค่ะ งานเลยสุมหัว เพชรจะขอไปปั่นงานก่อนเลย 55555555555555 ไว้เจอกันอีกทีตอนจบตอนค่ะ
เอามาลงให้ครบแล้วค่ะในที่สุด #ดีใจโพดดดดด ตอนนี้ยอมรับว่าแต่งได้อย่างยากลำบากเพราะหวัดกินค่ะ 555555555555555 แต่มันก็ออกมาแล้วเนอะ ดีใจมากค่ะ
ในที่สุดปชย.ก็บอกรักน้องแบคแล้ว เย้! #ปิดซอยฉลอง งืออออออ เอาล่ะสิจะเป็นยังไงต่อไปน้าาาาา >< อย่าลืมติดตามกันต่อไปนะคะ
เพชรว่าจะรวมเล่มนะ ตอนนี้กำลังหาสำนักพิมพ์อยู่ค่ะ เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก เพชรอาจจะมีปัญหากับการรวมเล่ม แต่จะพยายามค่ะ เพราะเพชรอยากรวมเล่มมาก #ฮาาาาาาาาาาาา ถ้าได้รายละเอียดอะไรเรียบร้อยแล้วรับรองว่าจะรีบมาแจ้งทันทีค่ะ
รักนักอ่านทุกคนนะคะ เจอกันตอนหน้ค่ะ ม๊วฟฟฟฟฟฟ >3< #โปรยจูบ
ความคิดเห็น