คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : CHAPTER 14 | complete.
CHAPTER 14
13.1.13 | 50% + 100%
....เจ็บปวด?
แบบนี้เรียกว่าเจ็บปวดรึเปล่า...ความรู้สึกที่เขากำลังเผชิญอยู่นี่เรียกว่าเจ็บปวดรึเปล่า...ในอกอึดอัดไปหมด ยิ่งเห็นหยาดน้ำใสๆที่ไหลรินจากดวงตาคู่สวยคู่นั้น...
...มันยิ่งอึดอัด...
แผ่นหลังบางที่ห่างออกไปเรื่อยมันยิ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด ดวงตาคู่สวยที่จ้องมองมาที่เขาอย่างตัดพ้อ...
ฝ่ามือหนากำแน่นจนขึ้นข้อขาว สมองสั่งให้ขายาวของเขาก้าวออกไปแล้วคว้าคนตัวเล็กไว้ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้พบกันอีก...อะไรบางอย่างบอกเขาว่ามีเวลาอีกไม่มากอย่างที่คิด...
แต่ไม่ว่าจะสั่งเท่าไรร่างกายของเขากลับไม่ขยับ...รู้สึกหนักอึ้งไปหมด...
....เขารู้ว่าน้ำตาหยดนั้น....ต้นเหตุคือเขา...
“โธ่เว้ย!”มือหนาทุบลงที่หมอนข้างตัวอย่างแรงด้วยความหงุดหงิด หลังจากที่ได้เห็นน้ำตาไหลอาบใบหน้าสวยของแบคฮยอนแล้วมันทำให้เขาหงุดหงิดตัวเอง อยากจะวิ่งเข้าไปไถ่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ขาของเขากลับก้าวไม่ออก...
ความรู้สึกผิดเกาะกุมจิตใจของเขาทีละน้อยๆ...
...ตั้งแต่วันนั้น...วันที่เขาทิ้งแบคฮยอนไว้ที่คอนโดเพียงคนเดียว...
“พี่ลู่หาน!”เสียงทุ้มตะโกนเรียกชื่ออีกคนที่วิ่งออกมาก่อนหน้านี้ ชานยอลกระชับเสื้อโค้ตที่คว้าติดมือมาให้เข้าที่ก่อนจะเร่งฝีเท้าตามร่างบางนั้นไป
“พี่ลู่หาน!”ไม่นานนักเขาก็ไล่ทันอีกฝ่าย มือหนาคว้าข้อมือบางของอีกคนไว้ได้ทันก่อนที่ลู่หานจะหนีไป
“ปล่อย!”เสียงหวานตะโกนสั่ง ใบหน้าน่ารักเต็มไปด้วยน้ำตาอย่างที่ชานยอลไม่คิดว่าจะได้เห็นมาก่อน
“พี่ต้องสัญญาก่อนว่าถ้าผมปล่อย...พี่ต้องไม่หนีอีก...”ชานยอลเอ่ยเสียงอ่อนโยน ไม่มีเสียงตอบรับจากคู่สนทนา มีเพียงเสียงสะอื้นเท่านั้น แต่แรงสะบัดที่หายไปก็เป็นคำตอบได้เป็นอย่างดี มือหนาค่อยๆคลายออกปล่อยให้อีกคนได้เป็นอิสระ
“...เรื่องเมื่อกี้มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิดนะ...แบคฮยอนแค่มาช่วยผมทำความสะอาดห้องแค่นั้นเอง”ชานยอลพยายามอธิบายให้อีกคนเข้าใจ แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะยากเหลือเกินเพราะลู่หานเอาแค่ส่ายหัวไปมาไม่ยอมรับฟังในสิ่งที่เขาพยายามอธิบายเลยแม้แต่น้อย
“โกหก!”ลู่หานแผดเสียงลั่น มือบางจับรั้วสะพานแน่นจนมือบางนั้นสั่นเทาไปหมด
“มันไม่มีอะไรจริงๆครับ!”ชานยอลค่อยๆเดินเข้าไปใกล้อีกคนช้าๆ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าลู่หานถอยหลังหนีเขาไป
“นายมันโกหก! ปาร์คชานยอล! คนโกหก!”เสียงหวานกล่าวประณาม
“ที่บอกว่าชอบฉันมันก็เป็นเรื่องโกหกเหมือนกันใช่มั๊ยล่ะ! ความจริงแล้วนายไม่ได้ชอบฉัน...ไม่เคยชอบฉันเลยปาร์คชานยอล! ถ้านายไม่ชอบฉันแล้วจะเข้ามาทำให้ฉันรักนายทำไม!!”ชานยอลได้แต่ยืนนิ่งฟังสิ่งที่อีกคนเอ่ยออกมา
...มันเป็นความจริงทุกอย่าง...
...ลู่หานพูดความจริงทุกอย่าง....
เขาเป็นคนก่อเรื่องนี้ให้เกิดขึ้น...ทำร้ายจิตใจของใครบางคนไปด้วยความอยากเอาชนะ...
“...ผมขอโทษ...”เป็นเพียงคำเดียวที่เขาสามารถเอ่ยได้ในตอนนี้
“ไม่...”เสียงหวานที่เอ่ยออกมาราบเรียบเรียกให้ชานยอลที่ได้แต่ก้มหน้ายอมรับความผิดต้องเงยหน้าขึ้นมาให้ความสนใจ
“มันสายไปแล้วชานยอล...พี่รักนายไปแล้ว...”เสียงหวานที่เอ่ยออกมานั้นนิ่งเรียบจนน่าใจหาย เสียงสะอื้นฮักไม่มีอีกแล้ว มีเพียงหยาดน้ำใสเท่านั้นที่ยังคงไหลอาบแก้มขาว
“ฉันรักนาย...และจะไม่ยกนายให้ใคร...รวมทั้งแบคฮยอนด้วย...”
“พี่ลู่หาน...”คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ชานยอลได้แต่ตกตะลึง
“สัญญากับฉันปาร์คชานยอล...เลิกยุ่งกับแบคฮยอน...”เสียงหวานเอ่ย ดวงตากลมโตจ้องมองมายังเขา
“...พี่...”
“สัญญาสิ!”
“...พี่ลู่หานครับ...”
“ถ้านายไม่สัญญา...ฉันจะกระโดดลงไปในแม่น้ำข้างล่างนี่แหละ!”เสียงหวานประกาศลั่นก่อนขาเรียวจะเริ่มปีนรั้วกั้นของสะพานใหญ่อย่างตั้งใจ
“พี่ลู่หาน!”
“สัญญามา!”ลู่หานตะโกน ตอนนี้ลู่หานขึ้นไปนั่งอยู่บนรั้วเรียบร้อยแล้ว พอชานยอลทำท่าจะเดินเข้าไปใกล้ลู่หานก็เขยิบไปด้านหน้าราวกับจะทิ้งตัวลงไปอย่างที่ประกาศไว้
“สัญญากับฉันปาร์คชานยอล!”ลู่หานเปลี่ยนเป็นยืนอยู่นอกรั้วสะพาน
“ผมสัญญา....”
.
.
.
.
.
ในที่สุดวันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง งานโรงเรียนที่ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอ แบคฮยอนเดินเร็วๆตรงไปยังห้องเรียนของตนเพื่อไปทำตามคำขอของเพื่อนสาวผู้น่ารักของตน บนอาคารเรียนไม่ค่อยมีนักเรียนมากนัก เพราะตอนนี้ทุกคนกำลังยุ่งกับการจัดร้านรวงต่างๆอยู่ด้านล่าง บางคนที่มีคิวแสดงละครก็กำลังฝึกซ้อมอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะงานนี้ไม่ได้มีเพียงแค่โรงเรียนพวกเขาเท่านั้น แต่ยังมีละครจะโรงเรียนในเครือแห่งอื่นอีกด้วย เพราะฉะนั้นคงจะทำให้โรงเรียนเสียชื่อไม่ได้หรอก...
“แบคฮยอน! ทางนี้ๆ!”อึนจีสาวน้อยน่ารักที่ขอร้องให้แบคฮยอนมาช่วยเอ่ยเรียกเสียงใสทันทีที่เห็นร่างของเขาผ่านประตูห้องเข้ามา
“สวัสดีอึนจี”แบคฮยอนทักทายก่อนจะส่งรอยยิ้มบางๆให้เหมือนอย่างเคย
“นายไหวรึเปล่าน่ะ...หน้าซีดมากเลยนะ?”หญิงสาวเมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวเล็กของเธอมีใบหน้าที่ไม่ค่อยสดใสนักก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้
“ไม่เป็นไร...ฉันแค่ตื่นเต้นไปหน่อย...”แบคฮยอนปฏิเสธก่อนจะทำท่าถูมือประกอบให้รู้ว่าเขาตื่นเต้นแค่ไหน
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะ...อ่ะนี่! นายแค่ใส่ชุดนี้ไปยืนเรียกลูกค้าหน้าร้านให้ก็พอแล้วล่ะ”หญิงสาวเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง มือบางคู่นั้นยื่นผ้าพับหนึ่งมาให้เขา แบคฮยอนรัยมาก่อนจะขอตัวไปเปลี่ยนที่ห้องน้ำ
มือเรียวคลี่ผืนผ้าออกเผยให้เห็นสิ่งที่มีหน้าตาคล้ายกับเสื้อคลุมอาบน้ำสีดำ...
“อึนจีเอาอะไรให้ใส่วะเนี่ย?”แบคฮยอนอดที่จะบ่นออกมาไม่ได้ มือก็พยายามหาวิธีใส่ต่อไป...
...สงสัยวันนี้เขาจะไม่ได้ไปยืนหน้าร้านอย่างที่อึนจีขอแน่ๆ...
“เชิญเลยครับ! ทางด้านนี้มีร้านน้ำชานั่งสบายให้ทุกท่านพักผ่อนหย่อนใจกันนะครับ!”เสียงทุ้มตะโกนเชิญชวนผู้คนที่เดินผ่านไปมาให้สนใจอย่างแข็งขัน
ถึงแม้ใบหน้าหล่อเหลานั่นจะประดับไปด้วยรอยยิ้ม...แต่ดวงตาของเขาไม่ได้ยิ้มตามเลยแม้แต่นิดเดียว...
ชานยอลส่งยิ้มให้กับแขกทั้งหลาย แต่ภายในใจของเขากับร้อนรุ่มราวกับถูกสุมด้วยไฟ...ในหัวของเขาก็ไม่ได้มีประโยคที่พูดออกมาเพราะการท่องจำเลยแม้แต่น้อย
...มันมีเพียงใบหน้าของใครบางคนที่เขาอยากคุยด้วยมากที่สุดในตอนนี้...
ชานยอลลดรอยยิ้มลงเมื่อไม่มีคนเดินผ่านร้านแล้ว...
“ผมสัญญา...”
ที่เขาพูดแบบนั้นมันถูกแน่แล้วรึเปล่า? เขาไม่อยากให้ลู่หานคิดสั้นเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบแบบนั้น แต่พูดออกไปแบบนั้นหากรักษาสัญญาไม่ได้...มันจะยิ่งทำให้ลู่หานเจ็บไม่ใช่เหรอ?
...แล้วเขาควรจะพูดออกไปแบบนั้นรึเปล่า?...
ใบหน้าสวยของอีกคนผุดขึ้นมาแทนที่...ใบหน้านองน้ำตาของแบคฮยอนมันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด...อยากจะคุยกันให้รู้เรื่อง...แต่เขารู้ว่าจะทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว...เพราะคำสัญญาที่พูดออกไปแล้ว...
“สัญญากับฉันปาร์คชานยอล...เลิกยุ่งกับแบคฮยอน...”
ราวกับสวรรค์กำลังกลั่นแกล้งเขา...ร่างบางของคนที่อยู่ในความคิดกำลังเดินมาทางเขาพร้อมกับสาวน้อยร่วมห้องด้วยรอยยิ้ม...
...รอยยิ้มที่ฝืนเกินทน...
แต่เมื่อหันมาเห็นเขา ใบหน้าสวยนั่นก็กลายเป็นเรียบเฉยทันที พาเอารู้สึกวูบในอกอย่างบอกไม่ถูก...
แบคฮยอนในชุดยูคาตะสีดำกำลังเดินตรงมาที่เขา...ผิวขาวเนียนเมื่ออยู่ภายใต้อาภรณ์สีดำยิ่งทำให้ผิวนั้นขาวยิ่งขึ้นไปอีก...
แบคฮยอนเดินมายืนที่อีกฝั่งของประตู ทั้งๆที่อยู่ห่างกันแค่เพียงเอื้อมเท่านั้น แต่ดวงตาคู่สวยนั้นกลับไม่มองมาที่เขาเลยแม้แต่น้อย
ชานยอลได้แต่มองรอยยิ้มที่อีกคนปั้นแต่งขึ้นมาเพื่อเรียกลูกค้าให้เข้าร้านนิ่ง เพื่อนๆหลายคนเดินเข้ามาทักทายแบคฮยอน...ซึ่งคนตัวเล็กก็ยิ้มรับเหมือนกับทุกครั้ง...
“นายเป็นยังไงบ้าง?”เสียงทุ้มของชานยอลเอ่ยถามขึ้นทำลายความเงียบระหว่างทั้งสองที่โรยตัวลงมามากว่าสิบนาที
“สบายดี”เสียงหวานเอ่ยตอบอย่างห่างเหินราวกับไม่เข้าใจความหมายของคำถาม...
...รู้...แบคฮยอนเองก็รู้ว่าชานยอลหมายถึงอะไร...
เขาเองเหลือเวลาอีกไม่มาก...เขาไม่อยากให้ตัวเองถูกฉุดอยู่ที่เกาหลี...
...จนไม่อยากไปแคนาดาอย่างที่หวัง...
ตลอดเวลากว่าสามชั่วโมงมีเพียงความเงียบเท่านั้นที่คอยโอบล้อมคนทั้งสองเอาไว้ ชานยอลขมวดคิ้วมุ่นด้วยความหงุดหงิด หลังจากคำถามแรกไม่ว่าเขาจะพูดอะไร แบคฮยอนก็จะทำเพียงแค่นิ่งแทนคำตอบเท่านั้น
“แบคฮยอน! ชานยอล! มาช่วยเสิร์ฟหน่อย!”สาวน้อยที่แต่งกายด้วยชุดประจำชาติของจีนเอ่ยเรียก คอนเซ็ปของร้านนี้คือความหลายหลายของเชื้อชาติ...ไม่ต้องแปลกใจที่พนักงานแต่ละคนจะแต่งตัวไม่เหมือนกันเลย...แบคฮยอนแต่งของญี่ปุ่น ส่วนชานยอลก็สก๊อตแลนด์
“จะไปเดี๋ยวนี้แหละ”แบคฮยอนร้องตอบก่อนจะเดินเข้าไปในร้านอย่างรีบร้อน แต่เพราะชุดยูคาตะที่เพียงใส่พับทบไว้ เมื่อก้าวขายาวๆเรียวขาขาวเนียนถึงได้โผล่ออกมาให้เห็นโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจ
“อย่าวิ่ง!”เสียงทุ้มเอ่ยเตือนพร้อมกับมือหนาที่คว้าข้อมือบางของแบคฮยอนให้หยุด แบคฮยอนพยายามบิดข้อมือออกจากการเกาะกุม อาการที่แสดงให้เห็นว่าไม่อยากยุ่งกับเขามากเท่าไหร่มันยิ่งทำให้ชานยอลหงุดหงิด
“เดี๋ยวฉันกับแบคฮยอนขอตัวก่อนนะ! ต้องไปซ้อมละครน่ะ!”เสียงทุ้มตะโกนบอกเพื่อนในร้าน เห็นหลายคนพยักเพยิดให้เป็นการรับรู้แล้วเขาก็จัดการลากอีกคนให้เดินไปด้วยกันทันที
...เขาไม่สนใจอีกแล้วว่าพี่ลู่หานจะรู้หรือไม่...
...รู้เพียงแค่เขาต้องคุยกับแบคฮยอนให้รู้เรื่องก่อนที่พวกเขาทั้งสองจะต้องตกอยู่ในบรรยากาศชวนอึดอัดนี่ต่อไป!
“ปล่อย!”แบคฮยอนตะโกนใส่อีกคน ข้อมือบางก็พยายามบิดออกจากการเกาะกุมแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นผลเลยแม้แต่น้อย มีแต่จะทำให้มือหนานั้นเพิ่มแรงบีบมากขึ้นไปอีกเท่านั้น
“อั่ก!”ร่างบางถูกชานยอลเหวี่ยงกระแทกกำแพงหลังตึกเรียนอย่างแรงจนจุกไปหมด
“มองหน้าฉัน!”เสียงทุ้มเอ่ยสั่ง มือทั้งสองข้างเท้ากับกำแพงปิดทางหนีของคนตัวเล็กจนหมดสิ้น
“หลบไป!”
“ไม่!”
“ฉันบอกให้หลบไป!”มือบางออกแรงผลักแผ่นอกกว้างของอีกคนให้ออกห่างจากตัวเองแต่ก็ถูกรวบข้อมือไว้ก่อน
“คุยกับฉัน...ได้โปรด...”เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นน้ำเสียงเจือไปด้วยการอ้อนวอนอย่างเต็มเปี่ยม ดวงตาคมของชานยอลจ้องมองใบหน้าสวยของอีกคนอย่างขอร้องจนแบคฮยอนอดที่จะใจสั่นไม่ได้
...บางทีชานยอลอาจจะเจ็บปวดไม้แพ้พวกเขาเลย...
“...ฉันขอโทษแบคฮยอน...ฉันขอโทษ”เมื่อเห็นว่าแบคฮยอนไม่ดิ้นแล้วชานยอลก็ค่อยๆปล่อยข้อมือบางของคนตัวเล็กให้เป็นอิสระ
เขาเป็นอะไรแบคฮยอนก็ไม่รู้...เพียงแค่ได้ยินคำว่าขอโทษจากอีกคนมันเหมือนกับกำแพงที่พยายามก่อขึ้นมาพังทลายลงมาอย่างไม่มีชิ้นดี หยาดน้ำใสๆไหลทะลักออกมาจากดวงตาคู่สวยทั้งสองข้างอย่างห้ามไม่อยู่
“ฮึก...ฮือ...”เสียงสะอื้นฮักดังขึ้นอย่างที่เจ้าตัวไม่คิดจะปิดบังอีกต่อไป แบคฮยอนทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
...นี่มันอะไรกัน...
“...แบคฮยอน...”ชานยอลเองก็ดูเหมือนจะทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน น้ำตาที่ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ของร่างบางตรงหน้าทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด..
...เวลานี้แบคฮยอนที่เคยดูเป็นคนแข็งแกร่งกลับดูเปราะบางราวกับจะแตกสลายไปต่อหน้าต่อตาหากเขาพูดอะไรไม่ดีออกไป...
...นี่อาจจะเป็นเพราะเขาเอง...
“...แบคฮยอน...ฉันขอร้อง...ได้โปรดอย่าร้องไห้...”เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างสั่นเครือ ชานยอลทิ้งตัวลงนั่งลงตรงหน้าร่างบางที่เอาแต่ปิดหน้าปิดตาร้องไห้ มือหนาคว้าร่างนั้นเข้ามาในอ้อมกอดโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว
“...ฉันขอโทษ”เสียงทุ้มที่กระซิบเบาๆอยู่ที่ข้างใบหูบางมันทำให้ร่างบางยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม
“...ฉันทำไม่ได้”เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างหนักแน่น ชานยอลผละออกจากแบคฮยอน มือหนาจับไหล่บางให้คนที่กำลังร้องไห้อยู่นั้นจ้องหน้าเขาให้ชัดเจน ดวงตาคู่สวยมองคนตรงหน้าผ่านม่านน้ำตาด้วยความสับสน
“...ฉันเลิกยุ่งกับนายอย่างที่สัญญากับพี่ลู่หานไว้ไม่ได้...”จบประโยคริมฝีปากหนาของชายหนุ่มก็ทาบทับลงบนริมฝีปากบางของอีกคนอย่างแผ่วเบา มันเป็นจูบที่รู้สึกดียิ่งกว่าครั้งไหนๆ ถึงแม้ริมฝีปากจะสัมผัสกันเพียงแผ่วเบาเท่านั้น แต่ความอ่อนโยนของคนตรงหน้าก็ทำให้น้ำตาของแบคฮยอนไหลทะลักออกมาอีกครั้ง...
...นี่อาจจะเป็นจูบครั้งสุดท้าย...
“...หยุดร้องนะ”ชานยอลละจูบออกช้าๆอย่างอ้อยอิ่ง มือหนาเลื่อนขึ้นไปจับใบหน้าสวยไว้เพื่อมองหน้าอีกคนได้ชัดๆ ชานยอลใช้นิ้วหัวแม่มือบรรจงเช็ดหยาดน้ำใสออกจากแก้มนิ่มอย่างอ่อนโยน
“...ฉันจะทำให้เรื่องนี้มันชัดเจนเสียที...ฉันเสียนายไปไม่ได้...”
.
.
.
.
.
“วันหลังถ้ามีงานแบบนี้คุณน้องห้ามนอนดึกอีกนะคะ”เสียงสาวประเภทสองที่กำลังวุ่นวายกับการแต่งหน้าให้กับนางเอกละครอดที่จะบ่นไม่ได้เมื่อมาถึงเธอก็พบกับดวงตาที่บวมตุ่ยอย่างกับลูกมะเขือของหนุ่มน้อยน่ารักคนนี้
“อ่า...ผมจะพยายามครับ...”แบคฮยอนตอบเสียงเบา
...เขาไม่เข้าใจ...
หลังจากที่ชานยอลพูดประโยคที่เขาไม่เข้าใจนั่นออกมาชานยอลก็พาเขาไปล้างหน้าล้างตาให้เรียบร้อยก่อนที่จะเดินมาแต่งหน้า เพราะการแสดงจะเริ่มขึ้นในตอนบ่าย
...โชคดีที่เขาไม่ต้องเจอพี่ลู่หาน...
“แบคฮยอน...”เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นเรียกให้เจ้าของชื่อตั้องหันไปให้ความสนใจ
คริสอยู่ในชุดหรูหราสีทองสว่างไสว สง่างามราวกับพระราชา บนใบหน้าหล่อเหลานั่นกำลังแย้มรอยยิ้มกว้าให้แบคฮยอนอย่างให้กำลังใจ
“เป็นไงบ้างเรา? ได้ข่าวว่าจะไปดูบริษัทที่แคนาดาเหรอ?”คริสเอ่ยถาม แบคฮยอนได้แต่ส่งยิ้มบางๆให้เท่านั้น
“ครับ...แล้วพี่คริสล่ะครับ? บริษัทนี้พ่อพี่เป็นหุ้นส่วนใหญ่ด้วยไม่ใช่เหรอครับ?”
“อ่า...พี่ไม่ค่อยอยากไปน่ะ แต่ดูจะไม่มีใครไปดูให้ ก็คงจะต้องไปน่ะนะ...”คริสเอ่ยขึ้น ใบหน้าหล่อเหลานั่นแสดงอาการลำบากใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“อ่าครับ”
“เอ้าเค้าเรียกแสตนด์บายแล้วนั่น...ไปกันเถอะ เอาเป็นว่าถ้าเราหาคนไปแทนพี่ได้นี่บอกหน่อยนะ...”ประโยคสุดท้ายเอ่ยเบาๆให้ได้ยินกันแค่สองคน แบคฮยอนพยักหน้าให้เบาๆ
...บางทีเขาน่าจะลองถามจงอินว่าอยากไปกับเขามั๊ย...
ผ้าม่านสีแดงผืนใหญ่ค่อยๆเลื่อนออกเผยให้เห็นฉากละครสวยงามที่ผู้ทำลงทุนลงแรงทำมันอย่างเต็มที่ ร่างบางในชุดเดรสสีทองที่กำลังนั่งห้อยขาอยู่บนดวงจันทร์ดวงใหญ่ที่ห้อยลงมาจากเพดานเรียกสายตาทุกคู่ไม่ให้ละไปไหน รอยยิ้มไร้เดียงสาแสนสวยนั่นยิ่งตรึงตราตรึงใจทุกคนเข้าไปใหญ่
แบคฮยอนเล่นบทละครอย่างที่ซ้อมกันมาเป็นอย่างดี ถึงแม้ทุกครั้งที่เห็นใบหน้าของลู่หานรุ่นพี่ที่เขารักแล้วน้ำตามันพาลจะไหลออกมาทุกที แต่อาการที่อีกคนดูจะไม่ได้สนใจเขาเท่าไหร่มันก็ช่วยบรรเทาลงไปได้เยอะ
การแสดงเป็นไปอย่างราบรื่น นักแสดงทุกคนต่างแสดงฝีมือกันอย่างเต็มที่ แบคฮยอนคิดว่าบทที่ทุกคนได้รับนั้นช่างเหมาะเจาะเสียจริง พี่คริสได้รับบทธีรารอสดวงอาทิตย์ผู้สว่างไสว คริสก็เล่นมันออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด จงอินเองก็เช่นกัน เด็กหนุ่มได้รับบทมิดไนท์เจ้าแห่งท้องฟ้ายามค่ำคืน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนนี้เจ้าเด็กข้างบ้านนั่นดูดีมากแค่ไหน
...ชานยอลเองก็เช่นกัน...
เนื้อเรื่องดำเนินมาถึงจุดไคลแม็กซ์ ฉากที่พระเอกของเรื่องต้องสารภาพรักกับเจ้าหญิงต่อหน้านางเอกที่คอยช่วยอยู่หลังต้นไม้ใหญ่
“คาลอส...”เสียงหวานของเจ้าหญิงคนสวยเอ่ยเรียกชื่อของชายหนุ่มคนที่เธอรัก ร่างบางนั้นค่อยๆเคลื่อนกายเข้าใกล้อีกคนช้าๆ
“องค์หญิง...”เสียงทุ้มที่แบคฮยอนชอบฟังเอ่ยเรียกอีกฝ่าย
...ต่อจากนี้สินะ...ต่อจากนี้แหละที่จะถึงจุดจบของความรักข้างเดียวนี่เสียที...
...แค่คิดก็เหมือนน้ำตาจะไหล...
แต่บทของธีราเน่หากจะร้องไห้ก็คงไม่แปลก...คิดได้ดังนั้นเปลือกตาบางจึงปิดลงปล่อยให้หยดน้ำตามันค่อยๆไหลออกมาอย่างที่ไม่คิดจะขัดขวาง
“..ข้า...”
...ถ้าหากทำได้ แบคฮยอนคงตะโกนออกไปว่าอย่าพูดนะ...แต่นี่มันก็แค่ละคร บยอนแบคฮยอน...
...มันเป็นแค่ละคร...
“...ข้าไม่ได้รักท่าน...”
แต่เสียงทุ้มที่เอ่ยออกไปสร้างความประหลาดใจให้กับเหล่าทีมงานที่รู้เรื่องอยู่แล้วเป็นอย่างมาก ไม่เว้นแม้แต่แบคฮยอน...
เปลือกตาบางเปิดขึ้นด้วยความสงสัย ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปยังแผ่นหลังกว้างที่เขาคุ้นเคยอย่างงงงวย...
...นี่ชานยอลจะทำอะไร?
ในบทมันต้องบอกรักนะ...
ได้ยินเสียงโวยวายเบาๆจากผู้กำกับที่อยู่หลังเวทีแต่ชานยอลก็ไม่สนใจอีกแล้ว ชายหนุ่มจ้องตรงไปยังดวงตากลมโตของลู่หานที่เบิกกว้างด้วยความไม่เข้าใจ ขายาวค่อยๆพาร่างผละห่างออกมาจากร่างบางนั้น
“...ข้าไม่ได้รักท่านองค์หญิง...”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอีกครั้งคล้ายเป็นการยืนยันกับทุกคนว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่นี้ไม่ได้หูฝาดไป
“...ช...คาลอส...”ลู่หานเอ่ยเรียกอีกคนเสียงสั่น เพราะความสับสนทำเอาเกือบหลุดจากบทละครของตน
“...ในอดีตค้าเคยชื่นชอบท่าน...แต่บัดนี้ข้ามีคนที่ข้ารักอยู่แล้ว...”ชานยอลเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง ใบหน้าหล่อเหลานั้นแสดงความรู้สึกผิดออกมาอย่างปิดไม่มิด
ชานยอลเดินตรงไปยังต้นไม้กระดาษที่แบคฮยอนใช้หลบ มือหนาเอื้อมไปคว้าข้อมือบางมากอบกุมไว้ก่อนจะพาอีกคนเดินออกมาจากที่หลบซ่อนทั้งๆที่ใบหน้าสวยของแบคฮยอนยังคงเหรอหราและเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
“ตอนนี้คนที่ข้ารัก....คือธีราเน่...”สิ้นเสียงชานยอลก็ออกแรงดึงร่างบางเข้ามาประชิดตัวก่อนจะประกบริมฝีปากหนาลงกับริมฝีปากอิ่มอย่างแผ่วเบา
เสียงอื้ออึงดังระงมไปทั่วเพราะฉากการเล่นจริงจูบจริงของคู่พระนาง แต่เสียงเหล่านั้นกลับไม่ผ่านเข้าหูของลู่หานเลยแม้แต่น้อย ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ ความเจ็บปวดแล่นริ้วเข้าสู่ขั้วหัวใจ หยาดน้ำใสๆรื้นขึ้นที่หน่วยตา มือบางจับกระโปรงก่อนจะรีบพาร่างของตนวิ่งเข้าไปหลังเวทีทันที
มือบางทุบอกอีกคนเป็นสัญญาณให้ชานยอลรู้ว่าแบคฮยอนเริ่มจะขาดอากาศหายใจแล้ว ชายหนุ่มค่อยๆละจูบออกจากริมฝีปากบางช้าๆ ใบหน้าของเขาจ้องมองใบหน้าสวยภายใต้เครื่องสำอางค์ที่กำลังขึ้นสีเรื่ออย่างถูกใจ ชานยอลคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้นมือหนาก็ยังคงกอบกุมมือบางไว้ด้วยความรักใคร่
“...แต่งงานกับข้านะที่รักของข้า”สิ้นเสียงริมฝีปากหนาก็จรดลงจุมพิตเบาๆที่หลังมือบางอย่างอ่อนโยน ชานยอลจงใจไม่เอ่ยชื่อตัวละคร เพราะคาลอสไม่ได้รักธีราเน่...
...แต่ตอนนี้เขาที่สะบั้นบทละครอยู่คือปาร์คชานยอล...
“อ...คาลอส...”เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกัก แบคฮยอนยังคงงงและรับบทสดของชานยอลไม่ทัน ก็เลยได้แต่เรียกชื่อตัวละครให้อีกคนรู้สึกตัวว่าไม่ใช่ตัวเอง...
“...คำตอบของเจ้าล่ะ?”เสียงทุ้มที่เอ่ยถามเรียกให้ใบหน้าสวยแดงก่ำ ยิ่งดวงตาคมที่จ้องมองมาอย่างจริงจังนั่นยิ่งทำให้หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะ มือหนาบีมมือบางเบาๆเป็นการเร่งรัด
“อ...อื้อ”ทันทีที่เสียงหวานเอ่ยรับคำรอยยิ้มกว้างก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา ชานยอลหยัดตัวขึ้นก่อนจะคว้าอีกคนเข้ามากอดไว้ด้วยความรักใคร่
“ปล่อยดอกไม้งานแต่งตอนนี้แหละ!”มินซอกหันไปสั่งสต๊าฟเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เอาตอนนี้เป็นตอนจบแล้วกันเพราะปาร์คชานยอลเล่นสะบั้นบทเขาซะกระจุยไปหมด เล่นตามน้ำไปให้มันจบสวยๆแล้วกัน!
ภาพของคนสองคนที่สวมกอดกันอย่างแนบแน่น ดนตรีไพเราะส่งท้ายและกรีบดอกกุหลาบสีแดงที่โปรยปรายลงมาจากเพดานช่างสวยงามจนเหล่าคนดูต้องพากันตบมือให้กับความเก่งกาจของผู้กำกับ
ชานยอลและแบคฮยอนผละออกจากกันทันทีที่นักแสดงทยอยกันออกมาก้มหัวขอบคุณเป็นสัญญาณว่าละคนเวทีของพวกเขาได้จบลงแล้ว ถึงแม้ละครจะจบลงแล้ว
...แต่มือของทั้งสองคนยังคงเกาะกุมกันแน่น...
.
.
.
.
.
งานโรงเรียนจบลงด้วยดี ผู้มาร่วมงานต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัยว่าพวกเขาประทับใจ โดยเฉพาะละครเวทีที่แสดงออกมาได้ดีราวกับเป็นตัวละครนั้นๆจริงๆ
แบคฮยอนจ้องมองฝ่ามือบางของตัวเองนิ่งงัน ความอบอุ่นจากใครอีกคนยังคงหลงเหลืออยู่ที่มือนี้ ดวงตาคู่สวยเหลือบไปเห็นที่คาดผมหูเสือที่แขวนอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งแล้วก็ได้แต่ยิ้มบางๆ
...ทำไมตอนนั้นถึงมีความสุขจังนะ...
ร่างบางหยัดกายลุกออกจากเตียงนอนกว้างก่อนจะค่อยๆเดินไปยังโต๊ะเครื่องแป้ง แบคฮยอนทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้เบาะนวมหน้าโต๊ะ มือเรียวเอื้อทไปหยิบที่คาดผมที่เต็มไปด้วยความทรงจำนั้นขึ้นมาบรรจงสวมลงบนศีรษะอย่างแผ่วเบา
...ริมฝีปากบางแย้มรอยยิ้มให้กับใบหน้าที่อยู่ในกระจก...
...มีความสุขจริงๆด้วย...
เสียงโทรศัพท์เครื่องหรูที่ดังขึ้นจากหัวเตียงเรียกให้แบคฮยอนต้องถอดที่คาดผมวางไว้ที่เดิมแล้วเดินไปรับอย่างเสียไม่ได้ หน้าจอแสดงชื่อคนโทรมาว่าเป็นรุ่นพี่ตัวกลมผู้กำกับละครนั่นแหละ
“ครับ”
(แบคกี้เหรอ? พรุ่งนี้วันเสาร์นายว่างรึเปล่า?) เสียงปลายสายถามออกมาอย่างสดใส
“ว่างครับ”น้ำเสียงแสนร่าเริงเรียกให้แบคฮยอนอดที่จะอารมณ์ดีตามไปด้วยไม่ได้
(งั้นเหรอๆ ดีเลย ไปเลี้ยงฉลองให้ความสำเร็จของละครด้วยกันดีมั๊ย?)
“ได้สิครับ...”ได้ยินปลายสายร่ายที่จัดงานมาอย่างรวดเร็วจนฟังแทบไม่ทันแล้วก็อดที่จะหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้
...พี่มินซอกนี่สดใสเสมอจริงๆ...
ร้านอาหารระดับปานกลางกำลังคลาคล่ำไปด้วยผู้คนซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นนักเรียนจากโรงเรียนเขาทั้งนั้น วันนนี้แบคฮยอนเลือกที่จะแต่งตัวสบายๆเพราะเขาคงไม่มีอารมณ์ไปหาสาวที่ไหนหรอก ดวงตาคู่สวยกวาดสายตามองหารุ่นพี่ที่เป็นคนชวนเขามาทันที เห็นมือป้อมๆของใครกำลังกวักหยอยๆให้เขาไปหา
“เป็นไงมั่งแบคกี้...ผอมลงรึเปล่าเนี่ย? พอยุ่งๆเลยไม่ทันสังเกต”มินซอกเอ่ยถามขึ้นด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นรุ่นน้องตัวเล็กที่ตัวบางลงอย่างน่าใจหาย
“ก็เครียดๆเพราะละครพี่นั่นแหละ...กินไม่ได้นอนไม่หลับเลย”แบคฮยอนพูดก่อนจะทำท่าลูบท้องให้เห็นว่าเขาขาดอาหารมากแค่ไหน แค่นี้ก็เรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากคนรอบข้างได้แล้ว
“พี่ดีใจที่นายกลับมาเป็นปกตินะ...ถึงจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็เถอะ...”น้ำเสียงของรุ่พี่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเอ่ยขึ้น มินซอกเอื้อมมือมาขยี้หัวของแบคฮยอนเบาๆด้วยความเอ็นดู
“ครับ?”แบคฮยอนเอ่ยถามด้วยความงงงวย
“ก็ก่อนหน้านี้นายรู้มั๊ยว่านายดูแย่มากแค่ไหน? เหมือนซอมบี้เลยล่ะ”แบคฮยอนยิ้มบางๆรับความเป็นห่วงจากรุ่นพี่
...สุดท้ายเขาก็ทำให้ทุกคนเป็นห่วงจนได้สิ...
“แบคฮยอน...”เสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกเขาทำให้เขาต้องหลุดออกจากห้วงความคิด
“ชานยอล...”
“ไปคุยกันหน่อยได้มั๊ย?”น้ำเสียงทุ้มที่เอ่ยออกมาอย่างจริงจังเรียกให้แบคฮยอนขมวดคิ้วมุ่น คนตัวเล็กชั่งใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินตามอีกคนออกไปที่นอกร้าน
“...นายเป็นยังไงบ้าง?”คำถามเดิมๆเหมือนที่เคยถามไปแล้ว และชานยอลก็หวังว่าจะไม่ได้คำตอบเหมือนเดิม
“ฉันไม่เป็นไรแล้ว...”แบคฮยอนเอ่ยตอบเบาๆ ก่อนจะส่งยิ้มบางๆไปให้
“...นายต้องกินอะไรให้มากกว่านี้นะ...นายผอมเกินไปแล้ว...”เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นเรียกให้ใบหน้าสวยขึ้นสีจางๆ อดเข้าข้างตัวเองไม่ได้...
...ว่าชานยอลเป็นห่วงเขา...
“อื้อ”แบคฮยอนรับคำสั้นๆเพราะตอนนี้เขาประหม่าเกินกว่าที่จะพูดอะไรออกไป
หลังจากจูบอ่อนโยนนั่นและการขอแต่งงานนอกบทแบบนั้นมันทำให้เขาทำตัวไม่ถูกเมื่ออยู่ต่อหน้าชานยอล เขาไม่รู้หรอกว่าคำขอแต่งงานนั้นชานยอลพูดกับใคร
...เขาหรือธีราเน่...
...แต่มันก็ทำให้เขาใจเต้นไม่เป็นจังหวะทันทีที่ได้ยิน...
“แล้วนายมีอะไรเหรอ?”เสียงหวานเอ่ยถาม เห็นชานยอลไม่ยอมบอกเรื่องที่จะคุยกันเสียที
“...อ...เอ่อ...คือ”ชายหนุ่มอ้ำอึ้ง เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหนดี จึงได้แต่หาเรื่องชวนคุยไปแบบนั้น
...แต่ถึงยังไงเขาก็ต้องบอกไป...
“...ฉันบอกเลิกพี่ลู่หานแล้ว...”
TBC.
TALK. ถ้าทันเพชรจะเอามาลงที่เหลือนะคะ ต้องขอโทษด้วยค่ะที่หายไปนานมาก มัวแต่ยุ่งๆกับโปรเจคน่ะคะ แต่ตอนนี้โปรเจคเสร็จแล้วค่ะ นอกจากเรื่องเรียนก็จะมามุ่งกับการอัพฟิคนี่แหละ 55555555555555555 แล้วเจอกันอีกครึ่งตอนที่เหลือค่ะ ><
เอามาลงจนครบได้ในที่สุด! ต้องขอบคุณแรงทวงจากนักอ่านทุกคนค่ะที่ไปตามจิกในทวิต 555555555555555555 เห็นมีแต่คนด่าชานยอลแล้วสงสารเลยค่ะ ก็มีคนสวยมาให้เลือสองคนแบบนี้มันก็เลือกยากนะะะ >3< #ตอบแทนชานยอล ตอนนี้ชานยอลก็เริ่มชัดเจนขึ้นแล้วเนอะ รึเปล่า? 55555555555555555555 ยังไงก็อยากให้ทุกคนติดตามเรื่องราวกันต่อไปนะคะ มันยังไม่จบหรอกค่ะ กิกิ #แกก็แต่งให้จบเถอะ ยังไงก็จะพยยายามโผล่มาอัพเท่าที่ทำได้นะคะ เลิฟฟฟฟฟฟ ><
ความคิดเห็น