ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] Play Boy's GAME (Chanyeol x Baekhyun) | END.

    ลำดับตอนที่ #15 : CHAPTER 14 | complete.

    • อัปเดตล่าสุด 13 ม.ค. 56


    CHAPTER  14
    13.1.13 | 50% + 100%

     

     

     

     

                                                                      

     

    ....เจ็บปวด?

     

    แบบนี้เรียกว่าเจ็บปวดรึเปล่า...ความรู้สึกที่เขากำลังเผชิญอยู่นี่เรียกว่าเจ็บปวดรึเปล่า...ในอกอึดอัดไปหมด  ยิ่งเห็นหยาดน้ำใสๆที่ไหลรินจากดวงตาคู่สวยคู่นั้น...

     

    ...มันยิ่งอึดอัด...

     

    แผ่นหลังบางที่ห่างออกไปเรื่อยมันยิ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด  ดวงตาคู่สวยที่จ้องมองมาที่เขาอย่างตัดพ้อ...

     

    ฝ่ามือหนากำแน่นจนขึ้นข้อขาว  สมองสั่งให้ขายาวของเขาก้าวออกไปแล้วคว้าคนตัวเล็กไว้ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้พบกันอีก...อะไรบางอย่างบอกเขาว่ามีเวลาอีกไม่มากอย่างที่คิด...

     

    แต่ไม่ว่าจะสั่งเท่าไรร่างกายของเขากลับไม่ขยับ...รู้สึกหนักอึ้งไปหมด...

     

    ....เขารู้ว่าน้ำตาหยดนั้น....ต้นเหตุคือเขา...

     

    “โธ่เว้ย!”มือหนาทุบลงที่หมอนข้างตัวอย่างแรงด้วยความหงุดหงิด  หลังจากที่ได้เห็นน้ำตาไหลอาบใบหน้าสวยของแบคฮยอนแล้วมันทำให้เขาหงุดหงิดตัวเอง  อยากจะวิ่งเข้าไปไถ่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น  แต่ขาของเขากลับก้าวไม่ออก...

     

    ความรู้สึกผิดเกาะกุมจิตใจของเขาทีละน้อยๆ...

     

    ...ตั้งแต่วันนั้น...วันที่เขาทิ้งแบคฮยอนไว้ที่คอนโดเพียงคนเดียว...

     

     

     

     

    “พี่ลู่หาน!”เสียงทุ้มตะโกนเรียกชื่ออีกคนที่วิ่งออกมาก่อนหน้านี้  ชานยอลกระชับเสื้อโค้ตที่คว้าติดมือมาให้เข้าที่ก่อนจะเร่งฝีเท้าตามร่างบางนั้นไป

     

    “พี่ลู่หาน!”ไม่นานนักเขาก็ไล่ทันอีกฝ่าย  มือหนาคว้าข้อมือบางของอีกคนไว้ได้ทันก่อนที่ลู่หานจะหนีไป

     

    “ปล่อย!”เสียงหวานตะโกนสั่ง  ใบหน้าน่ารักเต็มไปด้วยน้ำตาอย่างที่ชานยอลไม่คิดว่าจะได้เห็นมาก่อน

     

    “พี่ต้องสัญญาก่อนว่าถ้าผมปล่อย...พี่ต้องไม่หนีอีก...”ชานยอลเอ่ยเสียงอ่อนโยน  ไม่มีเสียงตอบรับจากคู่สนทนา  มีเพียงเสียงสะอื้นเท่านั้น  แต่แรงสะบัดที่หายไปก็เป็นคำตอบได้เป็นอย่างดี  มือหนาค่อยๆคลายออกปล่อยให้อีกคนได้เป็นอิสระ

     

    “...เรื่องเมื่อกี้มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิดนะ...แบคฮยอนแค่มาช่วยผมทำความสะอาดห้องแค่นั้นเอง”ชานยอลพยายามอธิบายให้อีกคนเข้าใจ  แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะยากเหลือเกินเพราะลู่หานเอาแค่ส่ายหัวไปมาไม่ยอมรับฟังในสิ่งที่เขาพยายามอธิบายเลยแม้แต่น้อย

     

    “โกหก!”ลู่หานแผดเสียงลั่น  มือบางจับรั้วสะพานแน่นจนมือบางนั้นสั่นเทาไปหมด

     

    “มันไม่มีอะไรจริงๆครับ!”ชานยอลค่อยๆเดินเข้าไปใกล้อีกคนช้าๆ  แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าลู่หานถอยหลังหนีเขาไป

     

    “นายมันโกหก!  ปาร์คชานยอล! คนโกหก!”เสียงหวานกล่าวประณาม

     

    “ที่บอกว่าชอบฉันมันก็เป็นเรื่องโกหกเหมือนกันใช่มั๊ยล่ะ! ความจริงแล้วนายไม่ได้ชอบฉัน...ไม่เคยชอบฉันเลยปาร์คชานยอล!  ถ้านายไม่ชอบฉันแล้วจะเข้ามาทำให้ฉันรักนายทำไม!!”ชานยอลได้แต่ยืนนิ่งฟังสิ่งที่อีกคนเอ่ยออกมา

     

    ...มันเป็นความจริงทุกอย่าง...

     

    ...ลู่หานพูดความจริงทุกอย่าง....

     

    เขาเป็นคนก่อเรื่องนี้ให้เกิดขึ้น...ทำร้ายจิตใจของใครบางคนไปด้วยความอยากเอาชนะ...

     

    “...ผมขอโทษ...”เป็นเพียงคำเดียวที่เขาสามารถเอ่ยได้ในตอนนี้

     

    “ไม่...”เสียงหวานที่เอ่ยออกมาราบเรียบเรียกให้ชานยอลที่ได้แต่ก้มหน้ายอมรับความผิดต้องเงยหน้าขึ้นมาให้ความสนใจ

     

    “มันสายไปแล้วชานยอล...พี่รักนายไปแล้ว...”เสียงหวานที่เอ่ยออกมานั้นนิ่งเรียบจนน่าใจหาย  เสียงสะอื้นฮักไม่มีอีกแล้ว  มีเพียงหยาดน้ำใสเท่านั้นที่ยังคงไหลอาบแก้มขาว

     

    “ฉันรักนาย...และจะไม่ยกนายให้ใคร...รวมทั้งแบคฮยอนด้วย...”

     

    “พี่ลู่หาน...”คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ชานยอลได้แต่ตกตะลึง

     

    “สัญญากับฉันปาร์คชานยอล...เลิกยุ่งกับแบคฮยอน...”เสียงหวานเอ่ย  ดวงตากลมโตจ้องมองมายังเขา

     

    “...พี่...”

     

    “สัญญาสิ!

     

    “...พี่ลู่หานครับ...”

     

    “ถ้านายไม่สัญญา...ฉันจะกระโดดลงไปในแม่น้ำข้างล่างนี่แหละ!”เสียงหวานประกาศลั่นก่อนขาเรียวจะเริ่มปีนรั้วกั้นของสะพานใหญ่อย่างตั้งใจ 

     

    “พี่ลู่หาน!

     

    “สัญญามา!”ลู่หานตะโกน  ตอนนี้ลู่หานขึ้นไปนั่งอยู่บนรั้วเรียบร้อยแล้ว  พอชานยอลทำท่าจะเดินเข้าไปใกล้ลู่หานก็เขยิบไปด้านหน้าราวกับจะทิ้งตัวลงไปอย่างที่ประกาศไว้

     

    “สัญญากับฉันปาร์คชานยอล!”ลู่หานเปลี่ยนเป็นยืนอยู่นอกรั้วสะพาน

     

    “ผมสัญญา....”

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    ในที่สุดวันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง  งานโรงเรียนที่ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอ  แบคฮยอนเดินเร็วๆตรงไปยังห้องเรียนของตนเพื่อไปทำตามคำขอของเพื่อนสาวผู้น่ารักของตน  บนอาคารเรียนไม่ค่อยมีนักเรียนมากนัก  เพราะตอนนี้ทุกคนกำลังยุ่งกับการจัดร้านรวงต่างๆอยู่ด้านล่าง  บางคนที่มีคิวแสดงละครก็กำลังฝึกซ้อมอย่างเอาเป็นเอาตาย  เพราะงานนี้ไม่ได้มีเพียงแค่โรงเรียนพวกเขาเท่านั้น  แต่ยังมีละครจะโรงเรียนในเครือแห่งอื่นอีกด้วย  เพราะฉะนั้นคงจะทำให้โรงเรียนเสียชื่อไม่ได้หรอก...

     

    “แบคฮยอน! ทางนี้ๆ!”อึนจีสาวน้อยน่ารักที่ขอร้องให้แบคฮยอนมาช่วยเอ่ยเรียกเสียงใสทันทีที่เห็นร่างของเขาผ่านประตูห้องเข้ามา

     

    “สวัสดีอึนจี”แบคฮยอนทักทายก่อนจะส่งรอยยิ้มบางๆให้เหมือนอย่างเคย

     

    “นายไหวรึเปล่าน่ะ...หน้าซีดมากเลยนะ?”หญิงสาวเมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวเล็กของเธอมีใบหน้าที่ไม่ค่อยสดใสนักก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้

     

    “ไม่เป็นไร...ฉันแค่ตื่นเต้นไปหน่อย...”แบคฮยอนปฏิเสธก่อนจะทำท่าถูมือประกอบให้รู้ว่าเขาตื่นเต้นแค่ไหน

     

    “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะ...อ่ะนี่!  นายแค่ใส่ชุดนี้ไปยืนเรียกลูกค้าหน้าร้านให้ก็พอแล้วล่ะ”หญิงสาวเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง  มือบางคู่นั้นยื่นผ้าพับหนึ่งมาให้เขา  แบคฮยอนรัยมาก่อนจะขอตัวไปเปลี่ยนที่ห้องน้ำ

     

    มือเรียวคลี่ผืนผ้าออกเผยให้เห็นสิ่งที่มีหน้าตาคล้ายกับเสื้อคลุมอาบน้ำสีดำ...

     

    “อึนจีเอาอะไรให้ใส่วะเนี่ย?”แบคฮยอนอดที่จะบ่นออกมาไม่ได้  มือก็พยายามหาวิธีใส่ต่อไป...

     

    ...สงสัยวันนี้เขาจะไม่ได้ไปยืนหน้าร้านอย่างที่อึนจีขอแน่ๆ...

     

     

     

     

     

    “เชิญเลยครับ!  ทางด้านนี้มีร้านน้ำชานั่งสบายให้ทุกท่านพักผ่อนหย่อนใจกันนะครับ!”เสียงทุ้มตะโกนเชิญชวนผู้คนที่เดินผ่านไปมาให้สนใจอย่างแข็งขัน

     

    ถึงแม้ใบหน้าหล่อเหลานั่นจะประดับไปด้วยรอยยิ้ม...แต่ดวงตาของเขาไม่ได้ยิ้มตามเลยแม้แต่นิดเดียว...

     

    ชานยอลส่งยิ้มให้กับแขกทั้งหลาย  แต่ภายในใจของเขากับร้อนรุ่มราวกับถูกสุมด้วยไฟ...ในหัวของเขาก็ไม่ได้มีประโยคที่พูดออกมาเพราะการท่องจำเลยแม้แต่น้อย

     

    ...มันมีเพียงใบหน้าของใครบางคนที่เขาอยากคุยด้วยมากที่สุดในตอนนี้...

     

    ชานยอลลดรอยยิ้มลงเมื่อไม่มีคนเดินผ่านร้านแล้ว...

     

     

    “ผมสัญญา...”

     

     

    ที่เขาพูดแบบนั้นมันถูกแน่แล้วรึเปล่า?  เขาไม่อยากให้ลู่หานคิดสั้นเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบแบบนั้น  แต่พูดออกไปแบบนั้นหากรักษาสัญญาไม่ได้...มันจะยิ่งทำให้ลู่หานเจ็บไม่ใช่เหรอ?

     

    ...แล้วเขาควรจะพูดออกไปแบบนั้นรึเปล่า?...

     

    ใบหน้าสวยของอีกคนผุดขึ้นมาแทนที่...ใบหน้านองน้ำตาของแบคฮยอนมันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด...อยากจะคุยกันให้รู้เรื่อง...แต่เขารู้ว่าจะทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว...เพราะคำสัญญาที่พูดออกไปแล้ว...

     

     

    “สัญญากับฉันปาร์คชานยอล...เลิกยุ่งกับแบคฮยอน...”

     

     

    ราวกับสวรรค์กำลังกลั่นแกล้งเขา...ร่างบางของคนที่อยู่ในความคิดกำลังเดินมาทางเขาพร้อมกับสาวน้อยร่วมห้องด้วยรอยยิ้ม...

     

    ...รอยยิ้มที่ฝืนเกินทน...

     

    แต่เมื่อหันมาเห็นเขา  ใบหน้าสวยนั่นก็กลายเป็นเรียบเฉยทันที  พาเอารู้สึกวูบในอกอย่างบอกไม่ถูก...

     

    แบคฮยอนในชุดยูคาตะสีดำกำลังเดินตรงมาที่เขา...ผิวขาวเนียนเมื่ออยู่ภายใต้อาภรณ์สีดำยิ่งทำให้ผิวนั้นขาวยิ่งขึ้นไปอีก...

     

    แบคฮยอนเดินมายืนที่อีกฝั่งของประตู  ทั้งๆที่อยู่ห่างกันแค่เพียงเอื้อมเท่านั้น  แต่ดวงตาคู่สวยนั้นกลับไม่มองมาที่เขาเลยแม้แต่น้อย

     

    ชานยอลได้แต่มองรอยยิ้มที่อีกคนปั้นแต่งขึ้นมาเพื่อเรียกลูกค้าให้เข้าร้านนิ่ง  เพื่อนๆหลายคนเดินเข้ามาทักทายแบคฮยอน...ซึ่งคนตัวเล็กก็ยิ้มรับเหมือนกับทุกครั้ง...

     

    “นายเป็นยังไงบ้าง?”เสียงทุ้มของชานยอลเอ่ยถามขึ้นทำลายความเงียบระหว่างทั้งสองที่โรยตัวลงมามากว่าสิบนาที

     

    “สบายดี”เสียงหวานเอ่ยตอบอย่างห่างเหินราวกับไม่เข้าใจความหมายของคำถาม...

     

    ...รู้...แบคฮยอนเองก็รู้ว่าชานยอลหมายถึงอะไร...

     

    เขาเองเหลือเวลาอีกไม่มาก...เขาไม่อยากให้ตัวเองถูกฉุดอยู่ที่เกาหลี...

     

    ...จนไม่อยากไปแคนาดาอย่างที่หวัง...

     

     

     

    ตลอดเวลากว่าสามชั่วโมงมีเพียงความเงียบเท่านั้นที่คอยโอบล้อมคนทั้งสองเอาไว้  ชานยอลขมวดคิ้วมุ่นด้วยความหงุดหงิด  หลังจากคำถามแรกไม่ว่าเขาจะพูดอะไร  แบคฮยอนก็จะทำเพียงแค่นิ่งแทนคำตอบเท่านั้น

     

    “แบคฮยอน!  ชานยอล!  มาช่วยเสิร์ฟหน่อย!”สาวน้อยที่แต่งกายด้วยชุดประจำชาติของจีนเอ่ยเรียก  คอนเซ็ปของร้านนี้คือความหลายหลายของเชื้อชาติ...ไม่ต้องแปลกใจที่พนักงานแต่ละคนจะแต่งตัวไม่เหมือนกันเลย...แบคฮยอนแต่งของญี่ปุ่น  ส่วนชานยอลก็สก๊อตแลนด์

     

    “จะไปเดี๋ยวนี้แหละ”แบคฮยอนร้องตอบก่อนจะเดินเข้าไปในร้านอย่างรีบร้อน  แต่เพราะชุดยูคาตะที่เพียงใส่พับทบไว้  เมื่อก้าวขายาวๆเรียวขาขาวเนียนถึงได้โผล่ออกมาให้เห็นโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจ

     

    “อย่าวิ่ง!”เสียงทุ้มเอ่ยเตือนพร้อมกับมือหนาที่คว้าข้อมือบางของแบคฮยอนให้หยุด  แบคฮยอนพยายามบิดข้อมือออกจากการเกาะกุม  อาการที่แสดงให้เห็นว่าไม่อยากยุ่งกับเขามากเท่าไหร่มันยิ่งทำให้ชานยอลหงุดหงิด

     

    “เดี๋ยวฉันกับแบคฮยอนขอตัวก่อนนะ!  ต้องไปซ้อมละครน่ะ!”เสียงทุ้มตะโกนบอกเพื่อนในร้าน  เห็นหลายคนพยักเพยิดให้เป็นการรับรู้แล้วเขาก็จัดการลากอีกคนให้เดินไปด้วยกันทันที

     

    ...เขาไม่สนใจอีกแล้วว่าพี่ลู่หานจะรู้หรือไม่...

     

    ...รู้เพียงแค่เขาต้องคุยกับแบคฮยอนให้รู้เรื่องก่อนที่พวกเขาทั้งสองจะต้องตกอยู่ในบรรยากาศชวนอึดอัดนี่ต่อไป!

     

    “ปล่อย!”แบคฮยอนตะโกนใส่อีกคน  ข้อมือบางก็พยายามบิดออกจากการเกาะกุมแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นผลเลยแม้แต่น้อย  มีแต่จะทำให้มือหนานั้นเพิ่มแรงบีบมากขึ้นไปอีกเท่านั้น

     

    “อั่ก!”ร่างบางถูกชานยอลเหวี่ยงกระแทกกำแพงหลังตึกเรียนอย่างแรงจนจุกไปหมด

     

    “มองหน้าฉัน!”เสียงทุ้มเอ่ยสั่ง  มือทั้งสองข้างเท้ากับกำแพงปิดทางหนีของคนตัวเล็กจนหมดสิ้น

     

    “หลบไป!

     

    “ไม่!

     

    “ฉันบอกให้หลบไป!”มือบางออกแรงผลักแผ่นอกกว้างของอีกคนให้ออกห่างจากตัวเองแต่ก็ถูกรวบข้อมือไว้ก่อน

     

    “คุยกับฉัน...ได้โปรด...”เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นน้ำเสียงเจือไปด้วยการอ้อนวอนอย่างเต็มเปี่ยม  ดวงตาคมของชานยอลจ้องมองใบหน้าสวยของอีกคนอย่างขอร้องจนแบคฮยอนอดที่จะใจสั่นไม่ได้

     

    ...บางทีชานยอลอาจจะเจ็บปวดไม้แพ้พวกเขาเลย...

     

    “...ฉันขอโทษแบคฮยอน...ฉันขอโทษ”เมื่อเห็นว่าแบคฮยอนไม่ดิ้นแล้วชานยอลก็ค่อยๆปล่อยข้อมือบางของคนตัวเล็กให้เป็นอิสระ

     

    เขาเป็นอะไรแบคฮยอนก็ไม่รู้...เพียงแค่ได้ยินคำว่าขอโทษจากอีกคนมันเหมือนกับกำแพงที่พยายามก่อขึ้นมาพังทลายลงมาอย่างไม่มีชิ้นดี  หยาดน้ำใสๆไหลทะลักออกมาจากดวงตาคู่สวยทั้งสองข้างอย่างห้ามไม่อยู่

     

    “ฮึก...ฮือ...”เสียงสะอื้นฮักดังขึ้นอย่างที่เจ้าตัวไม่คิดจะปิดบังอีกต่อไป  แบคฮยอนทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง

     

    ...นี่มันอะไรกัน...

     

    “...แบคฮยอน...”ชานยอลเองก็ดูเหมือนจะทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน  น้ำตาที่ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ของร่างบางตรงหน้าทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด..

     

    ...เวลานี้แบคฮยอนที่เคยดูเป็นคนแข็งแกร่งกลับดูเปราะบางราวกับจะแตกสลายไปต่อหน้าต่อตาหากเขาพูดอะไรไม่ดีออกไป...

     

    ...นี่อาจจะเป็นเพราะเขาเอง...

     

    “...แบคฮยอน...ฉันขอร้อง...ได้โปรดอย่าร้องไห้...”เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างสั่นเครือ  ชานยอลทิ้งตัวลงนั่งลงตรงหน้าร่างบางที่เอาแต่ปิดหน้าปิดตาร้องไห้  มือหนาคว้าร่างนั้นเข้ามาในอ้อมกอดโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว

     

    “...ฉันขอโทษ”เสียงทุ้มที่กระซิบเบาๆอยู่ที่ข้างใบหูบางมันทำให้ร่างบางยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม

     

    “...ฉันทำไม่ได้”เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างหนักแน่น  ชานยอลผละออกจากแบคฮยอน  มือหนาจับไหล่บางให้คนที่กำลังร้องไห้อยู่นั้นจ้องหน้าเขาให้ชัดเจน  ดวงตาคู่สวยมองคนตรงหน้าผ่านม่านน้ำตาด้วยความสับสน

     

    “...ฉันเลิกยุ่งกับนายอย่างที่สัญญากับพี่ลู่หานไว้ไม่ได้...”จบประโยคริมฝีปากหนาของชายหนุ่มก็ทาบทับลงบนริมฝีปากบางของอีกคนอย่างแผ่วเบา  มันเป็นจูบที่รู้สึกดียิ่งกว่าครั้งไหนๆ  ถึงแม้ริมฝีปากจะสัมผัสกันเพียงแผ่วเบาเท่านั้น  แต่ความอ่อนโยนของคนตรงหน้าก็ทำให้น้ำตาของแบคฮยอนไหลทะลักออกมาอีกครั้ง...

     

    ...นี่อาจจะเป็นจูบครั้งสุดท้าย...

     

    “...หยุดร้องนะ”ชานยอลละจูบออกช้าๆอย่างอ้อยอิ่ง  มือหนาเลื่อนขึ้นไปจับใบหน้าสวยไว้เพื่อมองหน้าอีกคนได้ชัดๆ  ชานยอลใช้นิ้วหัวแม่มือบรรจงเช็ดหยาดน้ำใสออกจากแก้มนิ่มอย่างอ่อนโยน

     

     

     

     

     

     

     

     

    “...ฉันจะทำให้เรื่องนี้มันชัดเจนเสียที...ฉันเสียนายไปไม่ได้...”

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    “วันหลังถ้ามีงานแบบนี้คุณน้องห้ามนอนดึกอีกนะคะ”เสียงสาวประเภทสองที่กำลังวุ่นวายกับการแต่งหน้าให้กับนางเอกละครอดที่จะบ่นไม่ได้เมื่อมาถึงเธอก็พบกับดวงตาที่บวมตุ่ยอย่างกับลูกมะเขือของหนุ่มน้อยน่ารักคนนี้

     

    “อ่า...ผมจะพยายามครับ...”แบคฮยอนตอบเสียงเบา

     

     

     

    ...เขาไม่เข้าใจ...

     

    หลังจากที่ชานยอลพูดประโยคที่เขาไม่เข้าใจนั่นออกมาชานยอลก็พาเขาไปล้างหน้าล้างตาให้เรียบร้อยก่อนที่จะเดินมาแต่งหน้า  เพราะการแสดงจะเริ่มขึ้นในตอนบ่าย

     

    ...โชคดีที่เขาไม่ต้องเจอพี่ลู่หาน...

     

    “แบคฮยอน...”เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นเรียกให้เจ้าของชื่อตั้องหันไปให้ความสนใจ

     

    คริสอยู่ในชุดหรูหราสีทองสว่างไสว  สง่างามราวกับพระราชา  บนใบหน้าหล่อเหลานั่นกำลังแย้มรอยยิ้มกว้าให้แบคฮยอนอย่างให้กำลังใจ

     

    “เป็นไงบ้างเรา?  ได้ข่าวว่าจะไปดูบริษัทที่แคนาดาเหรอ?”คริสเอ่ยถาม  แบคฮยอนได้แต่ส่งยิ้มบางๆให้เท่านั้น

     

    “ครับ...แล้วพี่คริสล่ะครับ?  บริษัทนี้พ่อพี่เป็นหุ้นส่วนใหญ่ด้วยไม่ใช่เหรอครับ?”

     

    “อ่า...พี่ไม่ค่อยอยากไปน่ะ  แต่ดูจะไม่มีใครไปดูให้  ก็คงจะต้องไปน่ะนะ...”คริสเอ่ยขึ้น  ใบหน้าหล่อเหลานั่นแสดงอาการลำบากใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด

     

    “อ่าครับ”

     

    “เอ้าเค้าเรียกแสตนด์บายแล้วนั่น...ไปกันเถอะ  เอาเป็นว่าถ้าเราหาคนไปแทนพี่ได้นี่บอกหน่อยนะ...”ประโยคสุดท้ายเอ่ยเบาๆให้ได้ยินกันแค่สองคน  แบคฮยอนพยักหน้าให้เบาๆ

     

    ...บางทีเขาน่าจะลองถามจงอินว่าอยากไปกับเขามั๊ย...

     

     

     

    ผ้าม่านสีแดงผืนใหญ่ค่อยๆเลื่อนออกเผยให้เห็นฉากละครสวยงามที่ผู้ทำลงทุนลงแรงทำมันอย่างเต็มที่  ร่างบางในชุดเดรสสีทองที่กำลังนั่งห้อยขาอยู่บนดวงจันทร์ดวงใหญ่ที่ห้อยลงมาจากเพดานเรียกสายตาทุกคู่ไม่ให้ละไปไหน  รอยยิ้มไร้เดียงสาแสนสวยนั่นยิ่งตรึงตราตรึงใจทุกคนเข้าไปใหญ่

     

    แบคฮยอนเล่นบทละครอย่างที่ซ้อมกันมาเป็นอย่างดี  ถึงแม้ทุกครั้งที่เห็นใบหน้าของลู่หานรุ่นพี่ที่เขารักแล้วน้ำตามันพาลจะไหลออกมาทุกที  แต่อาการที่อีกคนดูจะไม่ได้สนใจเขาเท่าไหร่มันก็ช่วยบรรเทาลงไปได้เยอะ

     

    การแสดงเป็นไปอย่างราบรื่น  นักแสดงทุกคนต่างแสดงฝีมือกันอย่างเต็มที่  แบคฮยอนคิดว่าบทที่ทุกคนได้รับนั้นช่างเหมาะเจาะเสียจริง  พี่คริสได้รับบทธีรารอสดวงอาทิตย์ผู้สว่างไสว  คริสก็เล่นมันออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด  จงอินเองก็เช่นกัน  เด็กหนุ่มได้รับบทมิดไนท์เจ้าแห่งท้องฟ้ายามค่ำคืน  ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนนี้เจ้าเด็กข้างบ้านนั่นดูดีมากแค่ไหน

     

    ...ชานยอลเองก็เช่นกัน...

     

    เนื้อเรื่องดำเนินมาถึงจุดไคลแม็กซ์  ฉากที่พระเอกของเรื่องต้องสารภาพรักกับเจ้าหญิงต่อหน้านางเอกที่คอยช่วยอยู่หลังต้นไม้ใหญ่

     

    “คาลอส...”เสียงหวานของเจ้าหญิงคนสวยเอ่ยเรียกชื่อของชายหนุ่มคนที่เธอรัก  ร่างบางนั้นค่อยๆเคลื่อนกายเข้าใกล้อีกคนช้าๆ

     

    “องค์หญิง...”เสียงทุ้มที่แบคฮยอนชอบฟังเอ่ยเรียกอีกฝ่าย 

     

    ...ต่อจากนี้สินะ...ต่อจากนี้แหละที่จะถึงจุดจบของความรักข้างเดียวนี่เสียที...

     

    ...แค่คิดก็เหมือนน้ำตาจะไหล...

     

    แต่บทของธีราเน่หากจะร้องไห้ก็คงไม่แปลก...คิดได้ดังนั้นเปลือกตาบางจึงปิดลงปล่อยให้หยดน้ำตามันค่อยๆไหลออกมาอย่างที่ไม่คิดจะขัดขวาง

     

    “..ข้า...”

     

    ...ถ้าหากทำได้  แบคฮยอนคงตะโกนออกไปว่าอย่าพูดนะ...แต่นี่มันก็แค่ละคร บยอนแบคฮยอน...

     

    ...มันเป็นแค่ละคร...

     

     

     

     

     

     

    “...ข้าไม่ได้รักท่าน...”

     

    แต่เสียงทุ้มที่เอ่ยออกไปสร้างความประหลาดใจให้กับเหล่าทีมงานที่รู้เรื่องอยู่แล้วเป็นอย่างมาก  ไม่เว้นแม้แต่แบคฮยอน...

     

    เปลือกตาบางเปิดขึ้นด้วยความสงสัย  ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปยังแผ่นหลังกว้างที่เขาคุ้นเคยอย่างงงงวย...

     

    ...นี่ชานยอลจะทำอะไร?

     

    ในบทมันต้องบอกรักนะ...

     

    ได้ยินเสียงโวยวายเบาๆจากผู้กำกับที่อยู่หลังเวทีแต่ชานยอลก็ไม่สนใจอีกแล้ว  ชายหนุ่มจ้องตรงไปยังดวงตากลมโตของลู่หานที่เบิกกว้างด้วยความไม่เข้าใจ  ขายาวค่อยๆพาร่างผละห่างออกมาจากร่างบางนั้น

     

    “...ข้าไม่ได้รักท่านองค์หญิง...”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอีกครั้งคล้ายเป็นการยืนยันกับทุกคนว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่นี้ไม่ได้หูฝาดไป

     

    “...ช...คาลอส...”ลู่หานเอ่ยเรียกอีกคนเสียงสั่น  เพราะความสับสนทำเอาเกือบหลุดจากบทละครของตน

     

    “...ในอดีตค้าเคยชื่นชอบท่าน...แต่บัดนี้ข้ามีคนที่ข้ารักอยู่แล้ว...”ชานยอลเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง  ใบหน้าหล่อเหลานั้นแสดงความรู้สึกผิดออกมาอย่างปิดไม่มิด

     

    ชานยอลเดินตรงไปยังต้นไม้กระดาษที่แบคฮยอนใช้หลบ  มือหนาเอื้อมไปคว้าข้อมือบางมากอบกุมไว้ก่อนจะพาอีกคนเดินออกมาจากที่หลบซ่อนทั้งๆที่ใบหน้าสวยของแบคฮยอนยังคงเหรอหราและเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม

     

    “ตอนนี้คนที่ข้ารัก....คือธีราเน่...”สิ้นเสียงชานยอลก็ออกแรงดึงร่างบางเข้ามาประชิดตัวก่อนจะประกบริมฝีปากหนาลงกับริมฝีปากอิ่มอย่างแผ่วเบา 

     

    เสียงอื้ออึงดังระงมไปทั่วเพราะฉากการเล่นจริงจูบจริงของคู่พระนาง  แต่เสียงเหล่านั้นกลับไม่ผ่านเข้าหูของลู่หานเลยแม้แต่น้อย  ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ  ความเจ็บปวดแล่นริ้วเข้าสู่ขั้วหัวใจ  หยาดน้ำใสๆรื้นขึ้นที่หน่วยตา  มือบางจับกระโปรงก่อนจะรีบพาร่างของตนวิ่งเข้าไปหลังเวทีทันที

     

    มือบางทุบอกอีกคนเป็นสัญญาณให้ชานยอลรู้ว่าแบคฮยอนเริ่มจะขาดอากาศหายใจแล้ว  ชายหนุ่มค่อยๆละจูบออกจากริมฝีปากบางช้าๆ  ใบหน้าของเขาจ้องมองใบหน้าสวยภายใต้เครื่องสำอางค์ที่กำลังขึ้นสีเรื่ออย่างถูกใจ  ชานยอลคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้นมือหนาก็ยังคงกอบกุมมือบางไว้ด้วยความรักใคร่

     

    “...แต่งงานกับข้านะที่รักของข้า”สิ้นเสียงริมฝีปากหนาก็จรดลงจุมพิตเบาๆที่หลังมือบางอย่างอ่อนโยน  ชานยอลจงใจไม่เอ่ยชื่อตัวละคร  เพราะคาลอสไม่ได้รักธีราเน่...

     

    ...แต่ตอนนี้เขาที่สะบั้นบทละครอยู่คือปาร์คชานยอล...

     

    “อ...คาลอส...”เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกัก  แบคฮยอนยังคงงงและรับบทสดของชานยอลไม่ทัน  ก็เลยได้แต่เรียกชื่อตัวละครให้อีกคนรู้สึกตัวว่าไม่ใช่ตัวเอง...

     

    “...คำตอบของเจ้าล่ะ?”เสียงทุ้มที่เอ่ยถามเรียกให้ใบหน้าสวยแดงก่ำ  ยิ่งดวงตาคมที่จ้องมองมาอย่างจริงจังนั่นยิ่งทำให้หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะ  มือหนาบีมมือบางเบาๆเป็นการเร่งรัด

     

    “อ...อื้อ”ทันทีที่เสียงหวานเอ่ยรับคำรอยยิ้มกว้างก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา  ชานยอลหยัดตัวขึ้นก่อนจะคว้าอีกคนเข้ามากอดไว้ด้วยความรักใคร่

     

    “ปล่อยดอกไม้งานแต่งตอนนี้แหละ!”มินซอกหันไปสั่งสต๊าฟเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า  เอาตอนนี้เป็นตอนจบแล้วกันเพราะปาร์คชานยอลเล่นสะบั้นบทเขาซะกระจุยไปหมด  เล่นตามน้ำไปให้มันจบสวยๆแล้วกัน!

     

    ภาพของคนสองคนที่สวมกอดกันอย่างแนบแน่น  ดนตรีไพเราะส่งท้ายและกรีบดอกกุหลาบสีแดงที่โปรยปรายลงมาจากเพดานช่างสวยงามจนเหล่าคนดูต้องพากันตบมือให้กับความเก่งกาจของผู้กำกับ

     

    ชานยอลและแบคฮยอนผละออกจากกันทันทีที่นักแสดงทยอยกันออกมาก้มหัวขอบคุณเป็นสัญญาณว่าละคนเวทีของพวกเขาได้จบลงแล้ว  ถึงแม้ละครจะจบลงแล้ว

     

     

     

     

     

    ...แต่มือของทั้งสองคนยังคงเกาะกุมกันแน่น...

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    งานโรงเรียนจบลงด้วยดี  ผู้มาร่วมงานต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัยว่าพวกเขาประทับใจ  โดยเฉพาะละครเวทีที่แสดงออกมาได้ดีราวกับเป็นตัวละครนั้นๆจริงๆ

     

    แบคฮยอนจ้องมองฝ่ามือบางของตัวเองนิ่งงัน  ความอบอุ่นจากใครอีกคนยังคงหลงเหลืออยู่ที่มือนี้  ดวงตาคู่สวยเหลือบไปเห็นที่คาดผมหูเสือที่แขวนอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งแล้วก็ได้แต่ยิ้มบางๆ

     

    ...ทำไมตอนนั้นถึงมีความสุขจังนะ...

     

    ร่างบางหยัดกายลุกออกจากเตียงนอนกว้างก่อนจะค่อยๆเดินไปยังโต๊ะเครื่องแป้ง  แบคฮยอนทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้เบาะนวมหน้าโต๊ะ  มือเรียวเอื้อทไปหยิบที่คาดผมที่เต็มไปด้วยความทรงจำนั้นขึ้นมาบรรจงสวมลงบนศีรษะอย่างแผ่วเบา

     

    ...ริมฝีปากบางแย้มรอยยิ้มให้กับใบหน้าที่อยู่ในกระจก...

     

    ...มีความสุขจริงๆด้วย...

     

    เสียงโทรศัพท์เครื่องหรูที่ดังขึ้นจากหัวเตียงเรียกให้แบคฮยอนต้องถอดที่คาดผมวางไว้ที่เดิมแล้วเดินไปรับอย่างเสียไม่ได้  หน้าจอแสดงชื่อคนโทรมาว่าเป็นรุ่นพี่ตัวกลมผู้กำกับละครนั่นแหละ

     

    “ครับ”

     

    (แบคกี้เหรอ?  พรุ่งนี้วันเสาร์นายว่างรึเปล่า?)  เสียงปลายสายถามออกมาอย่างสดใส

     

    “ว่างครับ”น้ำเสียงแสนร่าเริงเรียกให้แบคฮยอนอดที่จะอารมณ์ดีตามไปด้วยไม่ได้

     

    (งั้นเหรอๆ  ดีเลย  ไปเลี้ยงฉลองให้ความสำเร็จของละครด้วยกันดีมั๊ย?)

     

    “ได้สิครับ...”ได้ยินปลายสายร่ายที่จัดงานมาอย่างรวดเร็วจนฟังแทบไม่ทันแล้วก็อดที่จะหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้

     

    ...พี่มินซอกนี่สดใสเสมอจริงๆ...

     

     

     

     

     

     

    ร้านอาหารระดับปานกลางกำลังคลาคล่ำไปด้วยผู้คนซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นนักเรียนจากโรงเรียนเขาทั้งนั้น  วันนนี้แบคฮยอนเลือกที่จะแต่งตัวสบายๆเพราะเขาคงไม่มีอารมณ์ไปหาสาวที่ไหนหรอก  ดวงตาคู่สวยกวาดสายตามองหารุ่นพี่ที่เป็นคนชวนเขามาทันที  เห็นมือป้อมๆของใครกำลังกวักหยอยๆให้เขาไปหา

     

    “เป็นไงมั่งแบคกี้...ผอมลงรึเปล่าเนี่ย?  พอยุ่งๆเลยไม่ทันสังเกต”มินซอกเอ่ยถามขึ้นด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นรุ่นน้องตัวเล็กที่ตัวบางลงอย่างน่าใจหาย

     

    “ก็เครียดๆเพราะละครพี่นั่นแหละ...กินไม่ได้นอนไม่หลับเลย”แบคฮยอนพูดก่อนจะทำท่าลูบท้องให้เห็นว่าเขาขาดอาหารมากแค่ไหน  แค่นี้ก็เรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากคนรอบข้างได้แล้ว

     

    “พี่ดีใจที่นายกลับมาเป็นปกตินะ...ถึงจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็เถอะ...”น้ำเสียงของรุ่พี่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเอ่ยขึ้น  มินซอกเอื้อมมือมาขยี้หัวของแบคฮยอนเบาๆด้วยความเอ็นดู

     

    “ครับ?”แบคฮยอนเอ่ยถามด้วยความงงงวย

     

    “ก็ก่อนหน้านี้นายรู้มั๊ยว่านายดูแย่มากแค่ไหน?  เหมือนซอมบี้เลยล่ะ”แบคฮยอนยิ้มบางๆรับความเป็นห่วงจากรุ่นพี่

     

    ...สุดท้ายเขาก็ทำให้ทุกคนเป็นห่วงจนได้สิ...

     

    “แบคฮยอน...”เสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกเขาทำให้เขาต้องหลุดออกจากห้วงความคิด

     

    “ชานยอล...”

     

    “ไปคุยกันหน่อยได้มั๊ย?”น้ำเสียงทุ้มที่เอ่ยออกมาอย่างจริงจังเรียกให้แบคฮยอนขมวดคิ้วมุ่น  คนตัวเล็กชั่งใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินตามอีกคนออกไปที่นอกร้าน

     

    “...นายเป็นยังไงบ้าง?”คำถามเดิมๆเหมือนที่เคยถามไปแล้ว  และชานยอลก็หวังว่าจะไม่ได้คำตอบเหมือนเดิม

     

    “ฉันไม่เป็นไรแล้ว...”แบคฮยอนเอ่ยตอบเบาๆ  ก่อนจะส่งยิ้มบางๆไปให้

     

    “...นายต้องกินอะไรให้มากกว่านี้นะ...นายผอมเกินไปแล้ว...”เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นเรียกให้ใบหน้าสวยขึ้นสีจางๆ  อดเข้าข้างตัวเองไม่ได้...

     

    ...ว่าชานยอลเป็นห่วงเขา...

     

    “อื้อ”แบคฮยอนรับคำสั้นๆเพราะตอนนี้เขาประหม่าเกินกว่าที่จะพูดอะไรออกไป

     

    หลังจากจูบอ่อนโยนนั่นและการขอแต่งงานนอกบทแบบนั้นมันทำให้เขาทำตัวไม่ถูกเมื่ออยู่ต่อหน้าชานยอล  เขาไม่รู้หรอกว่าคำขอแต่งงานนั้นชานยอลพูดกับใคร

     

    ...เขาหรือธีราเน่...

     

    ...แต่มันก็ทำให้เขาใจเต้นไม่เป็นจังหวะทันทีที่ได้ยิน...

     

    “แล้วนายมีอะไรเหรอ?”เสียงหวานเอ่ยถาม  เห็นชานยอลไม่ยอมบอกเรื่องที่จะคุยกันเสียที

     

    “...อ...เอ่อ...คือ”ชายหนุ่มอ้ำอึ้ง  เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหนดี  จึงได้แต่หาเรื่องชวนคุยไปแบบนั้น

     

    ...แต่ถึงยังไงเขาก็ต้องบอกไป...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “...ฉันบอกเลิกพี่ลู่หานแล้ว...”

     










    TBC.


    TALK. ถ้าทันเพชรจะเอามาลงที่เหลือนะคะ  ต้องขอโทษด้วยค่ะที่หายไปนานมาก  มัวแต่ยุ่งๆกับโปรเจคน่ะคะ  แต่ตอนนี้โปรเจคเสร็จแล้วค่ะ  นอกจากเรื่องเรียนก็จะมามุ่งกับการอัพฟิคนี่แหละ 55555555555555555  แล้วเจอกันอีกครึ่งตอนที่เหลือค่ะ ><

    เอามาลงจนครบได้ในที่สุด! ต้องขอบคุณแรงทวงจากนักอ่านทุกคนค่ะที่ไปตามจิกในทวิต 555555555555555555  เห็นมีแต่คนด่าชานยอลแล้วสงสารเลยค่ะ  ก็มีคนสวยมาให้เลือสองคนแบบนี้มันก็เลือกยากนะะะ >3< #ตอบแทนชานยอล  ตอนนี้ชานยอลก็เริ่มชัดเจนขึ้นแล้วเนอะ รึเปล่า? 55555555555555555555  ยังไงก็อยากให้ทุกคนติดตามเรื่องราวกันต่อไปนะคะ  มันยังไม่จบหรอกค่ะ กิกิ #แกก็แต่งให้จบเถอะ  ยังไงก็จะพยยายามโผล่มาอัพเท่าที่ทำได้นะคะ  เลิฟฟฟฟฟฟ ><
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×