คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : CHAPTER 13
CHAPTER 13
30.12.12
“คุณแบคฮยอนคะ...”น้ำเสียงแสนอบอุ่นที่คุ้นเคยผ่านเข้ามาในโสตประสาททำให้เจ้าของชื่อต้องลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก เปลือกตาหนักอึ้งไปหมด
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”น้ำเสียงและรอยยิ้มที่อบอุ่นเรียกให้เจ้าของห้องอดที่จะคลี่ยิ้มบางๆไม่ได้
“อรุณสวัสดิ์ครับนม”เสียงหวานที่เอ่ยออกมานั้นแหบพร่า แบคฮยอนค่อยๆหันไปมองหญิงวัยกลางคนที่กำลังง่วนกับการเตรียมอาหารให้เขาอยู่ช้าๆ
“เป็นยังไงบ้างคะ อิฉันเตรียมแพนเค้กราดซอสสตรอเบอร์รี่ไว้เป็นอาหารเช้าค่ะ”
“ปวดหัวนิดหน่อยครับ...”แบคฮยอนตอบเบาๆก่อนริมฝีปากบางจะคลี่ยิ้มน้อยๆ
“คุณแบคฮยอนน่าจะทานยาแก้ไข้หน่อยนะคะ”ผู้สูงวัยกว่าเอ่ยแนะนำด้วยความเป็นห่วง
“ครับ...”แบคฮยอนพยักหน้ารับก่อนจะเอี้ยวตัวไปกอดร่างนุ่มนิ่มของแม่นมเอาไว้ด้วยความรักใคร่
“รู้สึกดีขึ้นบ้างมั๊ยคะคุณหนูของนม...”เธอเอ่ยถามพลางลูบกลุ่มผมนุ่มนั่นเบาๆด้วยความเป็นห่วง
“ผมไม่เป็นไร...ขอบคุณครับนม...”พูดจบก็ผละตัวออกมาก่อนจะฉีกยิ้มกว้างส่งไปให้อีกคน
“แล้วนี่จะไม่ไปโรงเรียนใช่มั๊ยคะเนี่ย?”
“ม่ายยยยยย”แบคฮยอนเบ้ปากราวกับเด็กน้อยก่อนจะซุกหน้าลงกับต้นแขนนุ่มอย่างออดอ้อน
“เดี๋ยวคุณท่านจะว่าเอานะคะ”หญิงวัยกลางคนเอ่ยเอ็ดแต่ใบหน้านั้นกลับเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
“เดี๋ยวผมบอกพ่อเองครับ!”พูดแล้วก็ลุกออกจากเตียงไปบิดขี้เกียจทีสองทีเหมือนที่ทำเป็นประจำ
“งั้นอิฉันว่าคุณแบคฮยอนลงไปทานอาหารเช้าข้างล่างดีกว่านะคะเดี๋ยวอิฉันจะยกแพนเค้กลงไปให้...”แบคฮยอนพยักหน้ารัวๆเป็นคำตอบ
“ไปล้างหน้าล้างตาให้เรียกร้อยเถอะค่ะ...ดูสิตาบวมไปหมดแล้วเนี่ย”มือเล็กกร้านโลกเอื้อมออกมาสัมผัสที่เปลือกตาบางบวมเปล่งของอีกคนเบาๆ แบคฮยอนส่งยิ้มแหยๆไปให้ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
...เขาไม่อยากทำให้ใครเป็นห่วง...
ชายวัยกลางคนในชุดนอนผ้าแพรสีเข้มกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อย่างสบายใจ มือหนึ่งก็ยกกาแฟแก้วหรูขึ้นจิบ กลิ่นหอมของกาแฟลอยคละคลุ้งสร้างความผ่อนคลายให้เขาเป็นอย่างมาก มือหนาเลื่อนไปหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูขึ้นมาเพื่อจะดูเวลา แต่แล้วก็ต้องชะงักกึกเมื่อมีแขนเรียวของใครบางคนที่เอื้อมมาโอบรอบคอของเขาจากด้านหลัง
“มอร์นิ่งครับพ่อ...”เสียงหวานของคนที่เขารักยิ่งกว่าแก้วตาดวงใจเอ่ยขึ้นพร้อมกับปลายจมูกโด่งรั้นที่สัมผัสเบาๆที่แก้มด้านขวา
“ว่าไงไอ้ลูกหมา...มาอ้อนแต่เช้านี้จะเอาอะไรอีกล่ะ”เสียงทุ้มทรงอำนาจเอ่อออกมาอย่างอ่อนโยนก่อนจะหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นใบหน้าสวยของลูกชายที่ยู่ลงเพราะคนแก่ดันรู้ทัน
“วันนี้ผมไม่ไปเรียนนะ...”พูดจบก็ยิ้มหวานๆไปให้ผู้เป็นพ่อเพื่อหวังให้อีกคนใจอ่อน
“จะหยุดทำไมล่ะ...ไม่ได้ป่วยไม่ใช่เหรอ”ผู้สูงวัยกว่าละมือออกจากหนังสือพิมพ์ก่อนจะเอื้อมมือไปขยี้เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนด้วยความหมั่นไส้
“ง่า...พ่ออ่ะ ก็ดูหน้าลูกชายพ่อสิครับ ตาบวมปากแห้งหน้าหมอง ไม่หล่ออ่ะ ไม่กล้าออกไปเจอใคร”พูดไปก็ชี้หน้าตัวเองให้พ่อดูเพื่อเป็นการยืนยัน
“ตามใจแล้วกัน...”ผู้เป็นพ่อยิ้มให้บางๆ ในใจก็ได้แต่คิดว่าแปลก...แปลกเพราะแบคฮยอนแทบจะไม่เคยขออะไรจากเขาเลย อย่างเรื่องหยุดโรงเรียนถ้าเจ้าตัวไม่อยากไปก็จะหยุดเองโดยไม่บอก แต่ดูเหมือนวันนี้จะมีอะไรบางอย่างที่แปลกไป
ดวงตาอ่อนโยนของผู้เป็นพ่อทอดมองใบหน้าสวยของลูกชายคนเดียวที่กำลังทานแพนเค้กอย่างอเร็ดอร่อยนิ่ง ใบหน้าสวยที่ถอดแบบผู้เป็นมารดามามักจะสดใสแสมอ แต่บัดนี้มันกลับหมองลงราวกับมีเมฆฝนมาบดบังเอาไว้ เปลือกตาบางที่ยังคงบวมอยู่บอกให้เขารู้ว่าลูกชายผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก แต่สาเหตุคืออะไรนั้นเขาไม่สามารถรู้ได้เลย
อาจเป็นเพราะตัวเขาเองที่ไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกได้อย่างเพียงพอเพราะการงานที่กำลังก้าวหน้า หลังจากคลอดแบคฮยอนได้เพียงหนึ่งปีผู้เป็นมารดาก็ประสบอุบัติเหตุทำให้ด่วนจากไป มีเพียงเขาผู้เป็นพ่อเท่านั้นที่เลี้ยงดูเด็กน้อยมาจนเติบโตเป็นเด็กหนุ่มอย่างทุกวันนี้ ถึงแม้จะจำไม่ได้แม้แต่ใบหน้าของผู้เป็นมารดา แต่แบคฮยอนก็ไม่เคยทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาเลย...อาจจะมีที่ซุกซนจนเกิดเรื่องไปบ้าง แต่มันก็คือธรรมชาติของเด็กผู้ชาย
“พ่อครับ...”เสียงเรียกจากลูกชายเรียกให้ชายวัยกลางคนต้องหลุดออกจากภวังค์ความคิด
“ว่าไงไอ้ลูกหมา...”เสียงทุ้มเอ่ยถามไป
“เรื่องสาขาใหม่ของบริษัทน่ะครับ...”เสียงหวานขาดหายไป ริมฝีปากบางเม้มแน่น แต่ในที่สุดแบคฮยอนก็ต้องตัดสินใจพูดออกมา
“ผมจะไปแคนาดา...”
.
.
.
.
.
เหล่านักเรียนเดินไปมากันอย่างวุ่ยวาน บางคนก็กำลังง่วนอยู่กับการจัดร้านสำหรับงานโรงเรียนในวันพรุ่งนี้ บางคนก็วิ่งวุ่นประสานงานไปทั่วอย่างไม่กลัวว่าจะเป็นลม
“อ้ะ! อยู่นี่เอง...แบคฮยอน!!”เสียงหวานของหญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยเรียกทำให้เจ้าของชื่อต้องหมุนตัวกลับไปให้ความสนใจ พอเห็นว่าคนที่เอ่ยเรียกเป็นสาวน้อยน่ารักประจำห้องตัวเองเท่านั้นแหละริมฝีปากบางก็ยกยิ้มที่คิดว่ามีเสน่ห์ที่สุดไปให้ทันที
“ว่าไงอึนจี?”
“ฉันตามหานายตั้งหลายวันแล้วเนี่ย...ไม่มาโรงเรียนเลยใช่มั๊ย?”หญิงสาวที่ชื่อว่าอึนจีเอ่ยก่อนจะหัวเราะน้อยๆอย่างน่ารัก
“เอ๊ะ...ผอมลงรึเปล่าเนี่ย? อย่างนี้ก็แย่น่ะสิ...”อึนจีเอ่ยถามด้วยความสงสัย หลังจากที่เธอไม่เห็นแบคฮยอนมาเป็นอาทิตย์เธอรู้สึกได้เลยว่าคนตรงหน้าเธอนั้นผอมลง ใบหน้าที่มักจะมีรอยยิ้มสดใสเสมอตอนนี้มันกลับตอบลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ในความคิดของเธอแบคฮยอนก็ยังจัดว่าดูดีอยู่ดี
“แย่อะไร...เธอนั่นแหละสวยขึ้นนะ ฮ่าๆๆ”พูดเสร็จก็ต้องหัวเราะออกมาอย่างถูกใจเมื่อเห็นใบหน้าน่ารักนั่นขึ้นสีอย่างปิดไม่มิด
“บ้าสิ! ไม่เอาแล้วเข้าเรื่องดีกว่า...”มือเล็กตีต้นแขนของอีกคนเบาๆก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องคุยก่อนที่คนตรงหน้าจะเริ่มหยอดขนมจีบเธอจนไม่ได้คุยเรื่องงานกันสักที
“คือพรุ่งนี้ร้านห้องเราจะทำเป็นคาเฟ่น่ะ ฉันอยากให้นายไปเป็นพนักงานต้อนรับให้หน่อยได้มั๊ย....แค่ครึ่งวันเช้าเองนะ นะ นะ”มือเล็กยกขึ้นมาประกบกันอย่างขอร้อง ใบหน้าน่ารักนั่นก็แสดงการอ้อนวอนอย่างเต็มที่
“ได้สิ...ยังไงก็เริ่มแต่งหน้าตอนบ่ายสองอยู่แล้วล่ะ”
“เย้! ขอบคุณมากนะแบคฮยอน! พรุ่งนี้เจอกันที่ห้องเรียนตอนเจ็ดโมงนะ! ฉันไปทำงานต่อล่ะบ๊ายบาย!”พูดจบเจ้าตัวก็รีบวิ่งกลับไปช่วยเพื่อนๆจัดร้านต่อทันที แบคฮยอนอดที่จะยิ้มตามกับภาพนั้นไม่ได้
ฝ่ายละครเองก็กำลังวุ่นวายไม่แพ้กัน คนทำฉากก็ทำกันจนมือเป็นระวิง ฝ่ายเตรียมเสื้อผ้าก็เย็บกันจนหน้ามืด แบคฮยอนเดินเข้าไปหามินซอกที่กำลังสั่งโน่นสั่งนี่ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“พี่มินซอก..”
“อ้าวแบคฮยอน...หายป่วยแล้วเหรอ พรุ่งนี้เล่นไหวมั๊ยเนี่ย?”แบคฮยอนส่งยิ้มให้แทนคำตอบ ที่เขาหยุดไปเกือบอาทิตย์ก็มีหลายคนที่โทรมาถามไถ่อาการ เขาก็ได้แต่อ้างว่าป่วย ทั้งๆที่ร่างกายก็แข็งแรงดี
...แต่เขายังไม่อยากเจอใคร...
แบคฮยอนเดินไปหลบที่มุมโรงยิมก่อนจะทิ้งตัวลงนั่ง มือเรียวหยิบบทละครที่อยู่ในเป้ของตัวเองออกมาก่อนจะเริ่มรันบทละครนั้นด้วยตัวเอง วันนี้เป็นวันที่ต้องซ้อมใหญ่ พรุ่งนี้ก็วันงานแล้ว แบคฮยอนกระชับผ้าพันคอให้แน่นขึ้น ถึงแม้ว่าโรงยิมจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนแต่อากาศเย็นๆจากด้านนอกก็ยังทำให้ข่างในนี้เย็นอยู่ดี ตอนนี้ก็ต้นเดือนธันวาแล้ว...เหลือเวลาอีกเดือนกว่าๆสำหรับการอยู่เกาหลี...
แบคฮยอนสะบัดหัวไล่ความคิดที่ทำให้ขอบตาของเขาร้อนๆออกไปก่อนจะตั้งใจอ่านบทละครในมือต่อไปแทน
แต่การตั้งใจอ่านมันกลับยิ่งทำให้เขายิ่งอยากร้องไห้...
ธีราเน่...บทที่เขาเล่น...ราวกับสร้างมาเพื่อเขายังไงอย่างงั้น...
ธีราเน่เป็นดวงจันทร์ที่หลงรักมนุษย์ผู้ชายคนหนึ่ง เพื่อที่จะทำให้เขามีความสุขเธอยอมช่วยให้ความรักของชายหนุ่มกับเจ้าหญิงคนสวยแห่งแคว้นสมหวังโดยที่ตัวเองนั้นเจ็บปวดเจียนตาย ในงานวิวาห์ของทั้งสองเธอบอกลาชายหนุ่มและกลับไปอยู่บนท้องฟ้าดังเดิม แต่เธอก็ทนความคิดถึงที่มีให้เขาไม่ได้จนแอบหนีลงมาแอบมองเขาและครอบครัวทุกคืน
มิดไนท์...ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่หลงรักเธอรู้เข้าก็ไม่พอใจจึงไปฟ้องธีรารอสดวงอาทิตย์พี่ชายของเธอ ธีรารอสสั่งห้ามไม่ให้เธอลงมายังโลกมนุษย์อีกและให้มิดไนท์คอยเฝ้าเอาไว้...
แต่เธอก็ขอร้องมิดไนท์...ขอแค่เพียงเดือนละครั้งที่เธอจะลงมาแอบดูชายหนุ่ม วันเวลาที่เหลือเธอจะมอบมันให้กับมิดไนท์ อยู่เคียงคู่กับเขาบนท้องฟ้าตลอดเวลา
วันไหนที่เธอลงมาที่โลกมนุษย์...บนท้องฟ้าจะมีเพียงมินไนท์เท่านั้น...นั่นคือคืนเดือนมืด...
...สุดท้ายแล้วความรักของเธอก็ไม่ได้สมหวัง เธอได้แต่เฝ้ามองชายหนุ่มค่อยๆแก่และตายจากไปตามกาลเวลาเท่านั้น..
...โดยที่เขาไม่เคยรับรู้เลยว่าเธอหลงรักเขาตลอดมา...
...ความรักที่ไม่มีทางสมหวัง...
แหมะ!
หยดน้ำใสๆหยดกระทบกระดาษจนหมึกพิมพ์สีดำกระจายเป็นวงกว้าง แบคฮยอนใช้ผ้าพ้นคอเช็ดน้ำตาเพียงหยดเดียวที่ไหลออกจากดวงตา เขาไม่ได้ร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเมื่อหลายคืนที่ผ่านมา แต่ราวกับเขาเข้าใจความรู้สึกของตัวละครตัวนี้
...ความรักไม่ต้องสมหวัง...แต่เธอก็ยังคงยืนยันที่จะรักเขาต่อไปจนชั่วนิรันดร์...
แบคฮยอนหัวเราะเบาๆให้กับความคิดของตัวเอง สงสัยว่าเขาจะถูกบทละครนี่ครอบงำความคิดแล้วกระมังถึงได้คิดว่ามันช่างตรงกับตัวเขาเองเหลือเกิน...
...ท่าจะบ้านะบยอนแบคฮยอน...
เสียงเรียกรวมตัวของผู้กำกับตัวกลมทำให้เขาต้องหลุดออกจากภวังค์ แบคฮยอนรีบเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับคนอื่นทันที
การรันคิวแสดงเป็นไปอย่างราบรื่นแต่แบคฮยอนกลับไม่ดีใจกับมันเลยสักนิด แน่นอนหากเริ่มแสดงคนที่เขาไม่อากเจอที่สุดก็ต้องมายืนประจันหน้ากันอย่างช่วยไม่ได้
...แค่เห็นสายตาคู่นั้นที่จ้องมองมาที่เขาก็พาลจะพาให้น้ำตาไหล...
“ท่านต้องการสิ่งใดงั้นรึ”เสียงหวานเอ่ยถาม ใบหน้าสวยช้อนมองอีกคนด้วยแววตาที่สั่นไหว
“...หากท่านช่วยข้าได้จริงข้อขอเพียงแค่ได้สมหวังในรักกับเจ้าหญิงซาเรสตร้า...เท่านั้นก็เกินพอ”น้ำเสียงทุ้มที่เอ่ยกลับมาอย่างอ้อนวอน
“...ให้ข้าช่วยท่านอย่างนั้นรึ?”น้ำเสียงหวานที่อ่ยออกมาสั่นไหว
...ช่วยคนที่รักให้สมหวังกับคนอื่นงั้นหรือ...
ความรู้สึกร้อนๆที่ดวงตาเตือนให้แบคฮยอนรู้ตัวว่าเขากำลังจะทนไม่ไหว ริมฝีปากบางเม้มแน่นเพื่อกลั้นหยดน้ำที่กำลังก่อตัว
...อดทนไว้ก่อนบยอนแบคฮยอน...
การรันควดำเนินมาเรื่อยๆจนถึงช่วงท้ายของเรื่อง...จุดไคลแม็กซ์ที่ทุกคนรอชม
...แต่แบคฮยอนเกลียดที่สุด
...ฉากการยอมรับความรักที่ไม่มีวันเป็นไปได้...รวากับตอกย้ำซ้ำๆอยู่ภายในตัวเขา
“ข้าดีใจด้วยคาลอส...”เสียงหวานเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เจือความเศร้าจนน่าใจหาย ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มหวานแสนขมขื่น
“ข้อต้องขอบคุณเจ้ามาธีราเน่! ที่ทำให้ข้าได้แต่งงานกับเจ้าหญิงซาเรสตร้าในที่สุด!”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจก่อนร่างของชานยอลจะสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้ มือหนาจะคว้าคนตัวเล็กเข้ามากอดไว้แน่น
“...ท่านอย่าทำอย่างนี้เลย”เสียงหวานเอ่ยออกมาเบาๆ
...อย่าทำแบบนี้ชานยอล...
“ทำไมล่ะธีราเน่”
“...เพราะมัน...”
...ทำให้ฉันเข้าข้างตัวเอง...
“...ข้าต้องไปแล้วคาลอส...”
...เพราะอยู่ไปก็มีแต่ความเจ็บปวด
“...เจ้าจะไปไหนธีราเน่!”
“...ที่ที่ข้าสมควรจะอยู่คาลอส”
“...ข้า....ท่าน”
...ฉันรักนายชานยอล...
น้ำเสียงหวานขาดหายพร้อมกับหยดน้ำที่พรั่งพรูออกจากดวงตาคู่สวยท่ามกลางความตกใจของทุกคน
“...ฮึก....”แบคฮยอนรีบวิ่งลงจากเวทีก่อนที่จะมีใครมาถามไถ่สาเหตุให้วุ่นวาย เขายังไม่พร้อมที่จะตอบใครทั้งนั้น...
“แบคฮยอน!”ได้ยินเสียงทุ้มของอีกคนเอ่ยเรียกจากด้านหลังก็ยิ่งทำให้ปวดแปล๊บในอกมากขึ้นไปอีก
...อย่าเรียกชื่อฉันด้วยความเป็นห่วงแบบนั้นปาร์คชานยอล...
...ได้โปรด
.
.
.
.
.
ดวงตากลมโตจ้องมองภาพเบื้องหน้าด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย สับสน โกรธ ผิดหวัง...เขายอมรับว่าตอนนี้ตัวเองมีความรู้สึกด้านลบให้กับแบคฮยอนอย่างรุนแรง...
เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนบาปเพราะทันทีที่เห็นน้ำตาที่ไหลอาบแก้มขาวของแบคฮยอนเขากลับรู้สึก...สะใจ...
อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าไม่ใช่เขาคนเดียวที่ต้องเจ็บ...
ลู่หานพยายามหักห้ามใจตัวเองไม่ให้คิดร้ายกับแบคฮยอน แต่อารมณ์กลับควบคุมเขาไว้ทั้งหมด ขาเรียวก้าวฉับๆเดินอ้อมหลังเวทีออกไปทันที...
ภาพที่ชานยอลเอ่ยเรียกอีกคนด้วยน้ำเสียงที่แสดงความห่วงใยออกมาอย่างชัดเจนยิ่งทำให้ความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นราวกับมีดกรีดซ้ำ
รู้ตัวอีกทีเขาก็มายืนมองร่างบางที่กำลังล้างหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายแล้ว...
เงาดำที่พาดทับเขาจากด้านหลังทำให้แบคฮยอนต้องเงยหน้าขึ้นมามอง ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหลังตนนั้นเป็นใคร
“พ...พี่ลู่หาน...”เสียงหวานสั่นเครือ ยิ่งเห็นดวงตากลมโตคู่นั้นฉายแววความเจ็บปวดมาให้เขาอย่างเห็นได้ชัดยิ่งทำให้รู้สึกละอายใจมากขึ้น
...สิ่งที่เขาทำมามันก็เหมือนมือที่สามในสายตาของอีกคน...
“นายชอบชานยอลรึเปล่า?”ลู่หานเอ่ยถามเสียงสั่น ใบหน้าสวยของรุ่นน้องที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตายิ่งตอกย้ำว่าสิ่งที่เขาจะทำมันเลวร้ายแค่ไหน
“ตอบมาสิ!”ความเงียบของอีกคนทำเอาลู่หานเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่อีกต่อไป มือเล็กคว้าไหล่บางของคนตรงหน้าไว้ก่อนจะออกแรงเขย่าหวังให้อีกคนตอบ
“อย่าเงียบแบบนี้!”เสียงหวานที่ตะหวาดออกมาสั่นเครือ ดวงตาคู่กลมเริ่มรื้นไปด้วยน้ำตา แบคฮยอนก็ไม่ต่างกัน น้ำตาที่เหมือนว่ามันจะหยุดลงแล้วกลับไหลออกมาอีกครั้งเมื่อสัมผัสได้ถึงความปวดร้าวในน้ำเสียงและดวงตาของผู้เป็นรุ่นพี่
“แบคฮยอนนายรู้มั๊ยว่าฉันเสียใจแค่ไหน! ยิ่งเป็นนาย...เป็นน้องที่ฉันรักมากคนนึงยิ่งทำให้ฉันเจ็บปวด!”ลู่หานระบายความในใจออกมาให้อีกคนได้รับรู้ หยาดน้ำใสพรั่งพรูออกมาจากดวงตาคู่กลมอย่างห้ามไม่อยู่
“...ฮึก...”ยิ่งสัมผัสได้ว่าอีกคนรักเขามากเท่าไหร่ น้ำตาก็ยิ่งไหลออกมาเท่านั้น
“ฉันโกรธนาย! ฉันโกรธ! ฮึก...แต่ฉันก็เกลียดนายไม่ได้...”เสียงหวานเอ่ยแทบไม่เป็นประโยคเพราะแรงสะอื้นจากการร้องไห้
มือเล็กปล่อยให้รุ่นน้องได้เป็นอิสระ ดวงตากลมโตจ้องมองแบคฮยอนนิ่ง ...ถ้าแบคฮยอนบอกว่าไม่มีอะไรกับชานยอลเขาจะเชื่อ...
...เขาจะเชื่อทุกอย่างที่แบคฮยอนพูด...
...ขอแค่คนตัวเล็กเอ่ยคำแก้ตัวออกมาเท่านั้น...
“...ผ...ผม...ขอโทษ”แต่สิ่งที่ได้รับกลับมีเพียงแค่คำขอโทษเท่านั้น มันคือการยอมรับผิด...มันคือการยอมรับว่าสิ่งที่เขาไม่อยากให้เกิดมันเป็นจริงแล้ว... ลู่หานปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร...
...ขอเพียงแค่แบคฮยอนแก้ตัว...เขาก็จะยอมเชื่อ
...แต่คนตัวเล็กกลับเอาแต่เอ่ยคำขอโทษซ้ำๆ...ราวกับตอกย้ำให้เขาต้องยอมรับ
...แบคฮยอนรักชานยอล...
เพี๊ยะ!
ใบหน้าสวยหันไปตามแรงจากฝ่ามือเล็กของอีกคน ความเจ็บแปล๊บที่ข้างแก้มเรียกเอาน้ำตาอีกมากมายให้พากันไหลรินลงมาจนดวงตาพร่ามัว มือบางยกขึ้นมาสัมผัสเบาๆที่ข้างแก้ม...
“...ฉันรักชานยอลและจะไม่มีวันยอมยกให้ใคร!”ลู่หานประกาศลั่นก่อนขาเรียวจะพาร่างของเขาออกจากตรงนั้นทันที
...เขานี่เลวร้ายจริงๆ...
คิมจงอินยืนเกาหัวด้วยความงุนงง เขาตกใจมากที่จู่ๆแบคฮยอนก็ร้องไห้เลยตัดสินใจที่จะตามออกไปดู แต่ตามออกมาช้าแป๊บเดียวก็คลาดกับอีกคนเสียแล้ว เด็กหนุ่มหมุนตัวไปมามองหาที่ที่คิดว่าอีกคนน่าจะอยู่ สุดท้ายเด็กหนุ่มก็ตัดสินใจที่จะเดินไปดูห้องน้ำหลังโรงเรียนที่ไม่ค่อยมีคนเข้านัก
...ถ้าแบคฮยอนไม่อยากให้ใครถามเรื่องการร้องไห้ก็คงต้องมาอยู่ที่ที่ไม่ค่อยมีคนมานั่นแหละ...
คิดได้ดังนั้นก็ก้าวเท้าตรงไปยังห้องนั้นทันที แต่ขายาวก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยที่แสนคุ้นเคย
“นายชอบชานยอลรึเปล่า”
...พี่ลู่หาน?
“ตอบมาสิ!”
“อย่าเงียบแบบนี้!”
“แบคฮยอนนายรู้มียว่าฉันเสียใจแค่ไหน! ยิ่งเป็นนาย...เป็นน้องที่ฉันรักมากคนนึงยิ่งทำให้ฉันเจ็บปวด!”
...กับพี่แบคฮยอน?
“...ผ...ผม...ขอโทษ”เสียงหวานที่เขาจำได้ดีเอ่ยเบาๆแต่เขาก็ยังได้ยินมันชัดเจน
ขอโทษ....เรื่องอะไร?
เพี๊ยะ!
เสียงที่ดังขึ้นทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์ความคิด จงอินพยายามชะโงกหน้าออกไปจากขอบกำแพงเพื่อดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ด้านหลังของคนที่เขาคิดว่าน่าจะเป็นลู่หานกลับบังร่างบางของอีกคนไว้จนมิดทำให้เขาไม่สามารถเห็นได้ว่าแบคฮยอนกำลังมีสีหน้าแบบไหน
“...ฉันรักชานยอลและจะไม่มีวันยอมยกให้ใคร!”เสียงหวานของลู่หานที่ตหวาดลั่นทำให้เขาต้องรีบหลบเข้าไปอยู่หลังกำแพงอีกครั้ง
ไม่นานนักร่างของลู่หานก็วิ่งผ่านเขาไป อาจเป็นเพราะหยาดน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าน่ารักนั่นอยู่ก็เป็นได้ที่ทำให้ลู่หานไม่ทันสังเกตเห็นเขา
“พี่แบคฮยอน”จงอินรีบวิ่งเข้าไปพยุงอีกคนเมื่อเห็นร่างบางทรุดตัวนั่งลงอย่างไร้เรี่ยวแรง แบคฮยอนสะอื้นจนตัวโยน ไหล่บางที่บัดนี้มันดูบางลงอย่างเห็นได้ชัดกำลังสั่นไหว มือเรียวยังคงกุมแก้มซ้ายไว้ไม่ยอมปล่อย
แบคฮยอนไม่สนใจอีกคนที่เดินเข้ามาประคองเขาไว้เลยแม้แต่น้อย ในหัวของเขามีเพียงคำประนามหยามเหยียดตัวเอง
...ลู่หานรักเขามากแค่ไหนเขารู้...
...แต่เขากลับทำให้ลู่หานเจ็บปวดอย่างไม่น่าให้อภัย...
“ขอผมดูหน่อย...”จงอินเอ่ยขออย่างอ่อนโยน แค่เห็นใบหน้าสวยของคนที่ตนรักเต็มไปด้วยน้ำตาเขาก็อยากจะคว้าตัวเข้ามากอดปลอบ มือหนาจับมือบางอย่างเบามือก่อนจะค่อยๆเลือนมันออกจากใบหน้าสวย แก้มขาวที่มีรอยแดงพวกผ่านประกฎแก่สายตา จงอินอดที่จะรู้สึกโกรธลู่หานไม่ได้...
“ผมว่าพี่กลับบ้านเถอะเดี๋ยวผมไปส่ง...”เด็กหนุ่มเสนอแนะ ไร้ซึ่งเสียงหวานที่ขานรับ มีเพียงร่างบางที่กำลังสะอื้นไห้เท่านั้น
.
.
.
.
.
“...เรียบร้อยแล้วค่ะ”เสียงของหญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้นเบาๆอย่างเป็นห่วงหลังจากที่เด็กหนุ่มข้างบ้านนามว่าคิมจงอินพาคุณหนูของเธอกลับมาที่บ้านด้วยใบหน้านองน้ำตา แก้มขาวมีรอยแดงพาดผ่านทำให้เธอตกใจ เธอจัดการทำแผลและทายาให้เรียบรอย แก้มซ้ายที่เริ่มบวมทำให้เธอรับรู้ได้ว่าแรงที่กระทำมันคงไม่ใช่น้อยๆ
“...ขอบคุณครับ”เป็นเด็กหนุ่มนามคิมจงอินที่เอ่ยขอบคุณเพราะคนที่โดนทำแผลเอาแต่นั่งนิ่ง แบคฮยอนหยุดร้องไห้แล้วแต่ดวงตาคู่สวยก็เอาแต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าตาง อาการใจหลุดลอยของอีกคนเรียกให้จงอินเริ่มกังวล
“พี่แบคฮยอน....เกิดอะไรขึ้นครับ”หลังจากที่แม่นมประจำบ้านออกไปแล้ว จงอินก็ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงข้างๆร่างบางของอีกคนที่นั่งอยู่ ด้วยความสงสัยเด็กหนุ่มจึงเอ่ยถามออกไป แต่ก็ได้รับเพียงคำปฏิเสธเท่านั้น
“ไม่มีอะไรหรอกจงอิน...”
คำปฏิเสธนั้นเรียกให้เด็กหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น ริมฝีปากได้รูปเม้มแน่น...เขาไม่อยากให้แบคฮยอนเจ็บปวด...ถึงอย่างนั้นหากเจ็บปวดก็อยากให้ระบายออกมา ไม่ใช่นั่งนิ่งเป็นตุ๊กตาแบบนี้!
เด็กหนุ่มตัดสินใจคว้าร่างบางตรงหน้าเข้ามากอดไว้แนบอก แบคฮยอนตกใจที่จู่ๆก็ถูกอีกคนกระชากตัวเข้าไปในอ้อมกอดแบบนี้ แต่แขนแกร่งที่กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นราวกับการปลอบโยน ความอบอุ่นจากอีกคนทำให้ดวงตาคู่สวยเริ่มรื้นไปด้วยน้ำตา
...จงอินเป็นห่วงเขาเสมอ...
“ฮือ....ฮึก!”ในที่สุดแบคฮยอนก็ไม่สามารถต้านทานความอึดอัดนี้ได้อีกต่อไป คนตัวเล็กปล่อยให้น้ำตาไหลไปตามอารมณ์ที่พรั่งพรูออกมา มือหนาบรรจงลูบแผ่นหลังบางเบาๆอย่างทะนุถนอม เด็กหนุ่มใจชื้นขึ้นมาทันทีที่เห็นอีกคนปล่อยโฮออกมา...
...อย่างน้อยแบคฮยอนก็จะได้ระบาย...
คิมจงอินเพิ่งรับรู้ว่าการที่ฟังเรื่องของคนที่ตัวเองรักกับคนอื่นจากปากของเจ้าตัวมันเจ็บปวดแค่ไหน...แต่สำหรับเขา...ขอแค่แบคฮยอนมีความสุขนั่นก็ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของเขาแล้วเช่นกัน
...แบคฮยอนรักชานยอล...
นี่คือสิ่งที่เขาสงสัยมานานแล้วแต่ไม่กล้าถาม...สายตาของแบคฮยอนเวลาที่มองไปยังรุ่นพี่ตัวสูงคนนั้นมันเต็มไปด้วยความรักใคร่ และชานยอลเองก็ดูจะเป็นแบบนั้นเช่นกัน...
แต่ไม่รู้ทำไมถึงกลายเป็นชานยอลกับพี่ลู่หานไปได้...
แต่พอแบคฮยอนเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง จงอินก็ได้คำตอบ...มันเป็นเรื่องที่ชานยอลและแบคฮยอนก่อเอาไว้ และตอนนี้ก็มีแค่สองคนนี้เท่านั้นที่จะแก้มันได้
...เพราะไม่ว่ายังไงก็เจ็บทุกคน...
แต่ถ้าถามเขา...ขอแค่แบคฮยอนเป็นคนเดียวที่ไม่เจ็บปวด นั่นก็ถือว่าพอแล้ว...
“ฉันเลวมากใช่มั๊ยจงอิน...”เสียงหวานเอ่ยเบาๆ คนตัวเล็กหยุดร้องไห้แล้วแต่ดวงตาคู่สวยก็ยังแดงก่ำ
“...ความรักมันห้ามกันไม่ได้นี่ครับ...ถ้าพี่เลวก็เลวกันทั้งโลกแล้ว”เด็กหนุ่มพูดติดตลก
...ถ้าการรักคนอื่นเรียกว่าเลว...เขาคงเลวจนนรกเมินทีเดียว เพราะเขาดังหลงรักแบคฮยอนอย่าโงหัวไม่ขึ้นขนาดนี้
“...ทำเป็นพูด”เสียงหวานเอ่ยออกมา รอยยิ้มบางๆประดับบนใบหน้าสวย มือเรียวเอื้อมมาโยกหัวอีกคนด้วยความหมั่นไส้
การได้เล่าให้ใครสักคนฟังมันช่วยให้ความอึดอัดบรรเทาลงไปเยอะ เขาถึงยิ้มได้อย่างที่เห็น...หากไม่มีจงอินที่คอยรับฟังก็ไม่รู้ว่าป่านนี้เขาจะอกแตกตายไปแล้วรึยัง
“ฉันจะทำยังไงดีจงอิน...”เสียงหวานเอ่ยถามอีกคนอย่างขอความเห็น ดวงตาคู่สวยจ้องมองดวงตาสีรัตติกาลของอีกคนอย่างจนแต้ม
...เขาไม่รู้จริงๆว่าควรจะต้องทำอย่างไรดี...
“ก็ทำตามที่หัวใจสั่งสิครับ”เสียงทุ้มที่เอ่ยตอบเรียกให้แบคฮยอนต้องขมวดคิ้ว
“...แต่...พี่ลู่หาน...”แบคฮยอนละไว้ในฐานที่เขาใจ
“สำหรับผมนะ...ผมคิดว่าเราทำให้ทุกคนถูกใจไม่ได้หรอกครับ”เด็กหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ดวงตาคมคู่นั้นจ้องมองมายังดวงตาคู่สวยของแบคฮยอนนิ่ง มือหนาข้างหนึ่งเอื้อมมาแตะที่ลาดไหล่บางราวกับให้กำลังใจ
“...เป็นตัวร้ายแล้วสมหวังในรักดีกว่าอกหักเพราะทำตัวเป็นพระเอกนะครับ...”
...ถึงแม้ว่าคนที่หลงรักตัวร้ายที่ว่านั่นจะเจ็บปวดก็ตาม...
TBC.
TALK. สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าค่าาาาาา!!! >< เพชรเอาตอนสิบสามมาลงให้เป็นของขวัญปีใหม่ให้นักอ่านที่น่ารักทุกคนเนอะ! ถือว่าเป็นการไถ่โทษที่ไม่ได้อัพนานเลยมาอัพติดๆกันสองตอนเลยแล้วกันค่ะ ตอนที่แล้วดราม่าตอนนี้ก็ยังดราม่าอยู่นะ แล้วมันก็จะดราม่าต่อๆไป #ห๊ะ #ล้อเล่นค่ะ ยังไงก็ติดตามเรื่องนี้กันต่อไปนะคะ นี่ก็ครึ่งเรื่องแล้วเนอะ ><
เดี๋ยวเพชรจะเริ่มทยอยตอบคอมเม้นแล้วนะคะ แหมกว่าจะตอบนี่ก็ครึ่งเรื่อง 55555555555555 ขอโทษค่าาาา
ส่วนเรื่องรวมเล่มนี่รอกันได้เลยค่ะ เพชรคิดว่าจะรวมเล่มนะจริงๆ แต่ไม่รู้จะมีคนสั่งรึเปล่า เพราะว่าถ้าคนต้องการน้อยก็จะทำไม่ได้ค่ะ เพราะต้นทุนจะสูงเกินไป ยังไงก็อยากให้มีคนสั่งเยอะๆนะ ตอนนี้เพชรก็กำลังทำปกอยู่ค่ะ ถ้ารวมเล่มแล้วก็อย่าลืมติดตามนะคะทุกคน ไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ บ๊ายบายยยยย
ความคิดเห็น