ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] Play Boy's GAME (Chanyeol x Baekhyun) | END.

    ลำดับตอนที่ #14 : CHAPTER 13

    • อัปเดตล่าสุด 30 ธ.ค. 55


    CHAPTER  13 
    30.12.12

     

     

     

     

     

    “คุณแบคฮยอนคะ...”น้ำเสียงแสนอบอุ่นที่คุ้นเคยผ่านเข้ามาในโสตประสาททำให้เจ้าของชื่อต้องลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก  เปลือกตาหนักอึ้งไปหมด

     

    “อรุณสวัสดิ์ค่ะ”น้ำเสียงและรอยยิ้มที่อบอุ่นเรียกให้เจ้าของห้องอดที่จะคลี่ยิ้มบางๆไม่ได้

     

    “อรุณสวัสดิ์ครับนม”เสียงหวานที่เอ่ยออกมานั้นแหบพร่า  แบคฮยอนค่อยๆหันไปมองหญิงวัยกลางคนที่กำลังง่วนกับการเตรียมอาหารให้เขาอยู่ช้าๆ

     

    “เป็นยังไงบ้างคะ  อิฉันเตรียมแพนเค้กราดซอสสตรอเบอร์รี่ไว้เป็นอาหารเช้าค่ะ”

     

    “ปวดหัวนิดหน่อยครับ...”แบคฮยอนตอบเบาๆก่อนริมฝีปากบางจะคลี่ยิ้มน้อยๆ

     

    “คุณแบคฮยอนน่าจะทานยาแก้ไข้หน่อยนะคะ”ผู้สูงวัยกว่าเอ่ยแนะนำด้วยความเป็นห่วง

     

    “ครับ...”แบคฮยอนพยักหน้ารับก่อนจะเอี้ยวตัวไปกอดร่างนุ่มนิ่มของแม่นมเอาไว้ด้วยความรักใคร่

     

    “รู้สึกดีขึ้นบ้างมั๊ยคะคุณหนูของนม...”เธอเอ่ยถามพลางลูบกลุ่มผมนุ่มนั่นเบาๆด้วยความเป็นห่วง

     

    “ผมไม่เป็นไร...ขอบคุณครับนม...”พูดจบก็ผละตัวออกมาก่อนจะฉีกยิ้มกว้างส่งไปให้อีกคน

     

    “แล้วนี่จะไม่ไปโรงเรียนใช่มั๊ยคะเนี่ย?”

     

    “ม่ายยยยยย”แบคฮยอนเบ้ปากราวกับเด็กน้อยก่อนจะซุกหน้าลงกับต้นแขนนุ่มอย่างออดอ้อน

     

    “เดี๋ยวคุณท่านจะว่าเอานะคะ”หญิงวัยกลางคนเอ่ยเอ็ดแต่ใบหน้านั้นกลับเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม

     

    “เดี๋ยวผมบอกพ่อเองครับ!”พูดแล้วก็ลุกออกจากเตียงไปบิดขี้เกียจทีสองทีเหมือนที่ทำเป็นประจำ

     

    “งั้นอิฉันว่าคุณแบคฮยอนลงไปทานอาหารเช้าข้างล่างดีกว่านะคะเดี๋ยวอิฉันจะยกแพนเค้กลงไปให้...”แบคฮยอนพยักหน้ารัวๆเป็นคำตอบ

     

    “ไปล้างหน้าล้างตาให้เรียกร้อยเถอะค่ะ...ดูสิตาบวมไปหมดแล้วเนี่ย”มือเล็กกร้านโลกเอื้อมออกมาสัมผัสที่เปลือกตาบางบวมเปล่งของอีกคนเบาๆ  แบคฮยอนส่งยิ้มแหยๆไปให้ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป

     

    ...เขาไม่อยากทำให้ใครเป็นห่วง...

     

     

     

    ชายวัยกลางคนในชุดนอนผ้าแพรสีเข้มกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อย่างสบายใจ  มือหนึ่งก็ยกกาแฟแก้วหรูขึ้นจิบ  กลิ่นหอมของกาแฟลอยคละคลุ้งสร้างความผ่อนคลายให้เขาเป็นอย่างมาก  มือหนาเลื่อนไปหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูขึ้นมาเพื่อจะดูเวลา แต่แล้วก็ต้องชะงักกึกเมื่อมีแขนเรียวของใครบางคนที่เอื้อมมาโอบรอบคอของเขาจากด้านหลัง

     

    “มอร์นิ่งครับพ่อ...”เสียงหวานของคนที่เขารักยิ่งกว่าแก้วตาดวงใจเอ่ยขึ้นพร้อมกับปลายจมูกโด่งรั้นที่สัมผัสเบาๆที่แก้มด้านขวา

     

    “ว่าไงไอ้ลูกหมา...มาอ้อนแต่เช้านี้จะเอาอะไรอีกล่ะ”เสียงทุ้มทรงอำนาจเอ่อออกมาอย่างอ่อนโยนก่อนจะหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นใบหน้าสวยของลูกชายที่ยู่ลงเพราะคนแก่ดันรู้ทัน

     

    “วันนี้ผมไม่ไปเรียนนะ...”พูดจบก็ยิ้มหวานๆไปให้ผู้เป็นพ่อเพื่อหวังให้อีกคนใจอ่อน

     

    “จะหยุดทำไมล่ะ...ไม่ได้ป่วยไม่ใช่เหรอ”ผู้สูงวัยกว่าละมือออกจากหนังสือพิมพ์ก่อนจะเอื้อมมือไปขยี้เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนด้วยความหมั่นไส้

     

    “ง่า...พ่ออ่ะ  ก็ดูหน้าลูกชายพ่อสิครับ  ตาบวมปากแห้งหน้าหมอง  ไม่หล่ออ่ะ  ไม่กล้าออกไปเจอใคร”พูดไปก็ชี้หน้าตัวเองให้พ่อดูเพื่อเป็นการยืนยัน

     

    “ตามใจแล้วกัน...”ผู้เป็นพ่อยิ้มให้บางๆ  ในใจก็ได้แต่คิดว่าแปลก...แปลกเพราะแบคฮยอนแทบจะไม่เคยขออะไรจากเขาเลย  อย่างเรื่องหยุดโรงเรียนถ้าเจ้าตัวไม่อยากไปก็จะหยุดเองโดยไม่บอก  แต่ดูเหมือนวันนี้จะมีอะไรบางอย่างที่แปลกไป

     

    ดวงตาอ่อนโยนของผู้เป็นพ่อทอดมองใบหน้าสวยของลูกชายคนเดียวที่กำลังทานแพนเค้กอย่างอเร็ดอร่อยนิ่ง  ใบหน้าสวยที่ถอดแบบผู้เป็นมารดามามักจะสดใสแสมอ  แต่บัดนี้มันกลับหมองลงราวกับมีเมฆฝนมาบดบังเอาไว้  เปลือกตาบางที่ยังคงบวมอยู่บอกให้เขารู้ว่าลูกชายผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก  แต่สาเหตุคืออะไรนั้นเขาไม่สามารถรู้ได้เลย

     

    อาจเป็นเพราะตัวเขาเองที่ไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกได้อย่างเพียงพอเพราะการงานที่กำลังก้าวหน้า  หลังจากคลอดแบคฮยอนได้เพียงหนึ่งปีผู้เป็นมารดาก็ประสบอุบัติเหตุทำให้ด่วนจากไป  มีเพียงเขาผู้เป็นพ่อเท่านั้นที่เลี้ยงดูเด็กน้อยมาจนเติบโตเป็นเด็กหนุ่มอย่างทุกวันนี้  ถึงแม้จะจำไม่ได้แม้แต่ใบหน้าของผู้เป็นมารดา  แต่แบคฮยอนก็ไม่เคยทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาเลย...อาจจะมีที่ซุกซนจนเกิดเรื่องไปบ้าง  แต่มันก็คือธรรมชาติของเด็กผู้ชาย

     

    “พ่อครับ...”เสียงเรียกจากลูกชายเรียกให้ชายวัยกลางคนต้องหลุดออกจากภวังค์ความคิด

     

    “ว่าไงไอ้ลูกหมา...”เสียงทุ้มเอ่ยถามไป

     

    “เรื่องสาขาใหม่ของบริษัทน่ะครับ...”เสียงหวานขาดหายไป  ริมฝีปากบางเม้มแน่น  แต่ในที่สุดแบคฮยอนก็ต้องตัดสินใจพูดออกมา

     

     

     

     

     

     

    “ผมจะไปแคนาดา...”

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    เหล่านักเรียนเดินไปมากันอย่างวุ่ยวาน  บางคนก็กำลังง่วนอยู่กับการจัดร้านสำหรับงานโรงเรียนในวันพรุ่งนี้  บางคนก็วิ่งวุ่นประสานงานไปทั่วอย่างไม่กลัวว่าจะเป็นลม 

     

    “อ้ะ! อยู่นี่เอง...แบคฮยอน!!”เสียงหวานของหญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยเรียกทำให้เจ้าของชื่อต้องหมุนตัวกลับไปให้ความสนใจ  พอเห็นว่าคนที่เอ่ยเรียกเป็นสาวน้อยน่ารักประจำห้องตัวเองเท่านั้นแหละริมฝีปากบางก็ยกยิ้มที่คิดว่ามีเสน่ห์ที่สุดไปให้ทันที

     

    “ว่าไงอึนจี?”

     

    “ฉันตามหานายตั้งหลายวันแล้วเนี่ย...ไม่มาโรงเรียนเลยใช่มั๊ย?”หญิงสาวที่ชื่อว่าอึนจีเอ่ยก่อนจะหัวเราะน้อยๆอย่างน่ารัก

     

    “เอ๊ะ...ผอมลงรึเปล่าเนี่ย?  อย่างนี้ก็แย่น่ะสิ...”อึนจีเอ่ยถามด้วยความสงสัย  หลังจากที่เธอไม่เห็นแบคฮยอนมาเป็นอาทิตย์เธอรู้สึกได้เลยว่าคนตรงหน้าเธอนั้นผอมลง  ใบหน้าที่มักจะมีรอยยิ้มสดใสเสมอตอนนี้มันกลับตอบลงอย่างเห็นได้ชัด  แต่ในความคิดของเธอแบคฮยอนก็ยังจัดว่าดูดีอยู่ดี

     

    “แย่อะไร...เธอนั่นแหละสวยขึ้นนะ  ฮ่าๆๆ”พูดเสร็จก็ต้องหัวเราะออกมาอย่างถูกใจเมื่อเห็นใบหน้าน่ารักนั่นขึ้นสีอย่างปิดไม่มิด

     

    “บ้าสิ!  ไม่เอาแล้วเข้าเรื่องดีกว่า...”มือเล็กตีต้นแขนของอีกคนเบาๆก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องคุยก่อนที่คนตรงหน้าจะเริ่มหยอดขนมจีบเธอจนไม่ได้คุยเรื่องงานกันสักที

     

    “คือพรุ่งนี้ร้านห้องเราจะทำเป็นคาเฟ่น่ะ  ฉันอยากให้นายไปเป็นพนักงานต้อนรับให้หน่อยได้มั๊ย....แค่ครึ่งวันเช้าเองนะ นะ นะ”มือเล็กยกขึ้นมาประกบกันอย่างขอร้อง  ใบหน้าน่ารักนั่นก็แสดงการอ้อนวอนอย่างเต็มที่

     

    “ได้สิ...ยังไงก็เริ่มแต่งหน้าตอนบ่ายสองอยู่แล้วล่ะ”

     

    “เย้!  ขอบคุณมากนะแบคฮยอน!  พรุ่งนี้เจอกันที่ห้องเรียนตอนเจ็ดโมงนะ!  ฉันไปทำงานต่อล่ะบ๊ายบาย!”พูดจบเจ้าตัวก็รีบวิ่งกลับไปช่วยเพื่อนๆจัดร้านต่อทันที  แบคฮยอนอดที่จะยิ้มตามกับภาพนั้นไม่ได้

     

     

     

     

     

    ฝ่ายละครเองก็กำลังวุ่นวายไม่แพ้กัน  คนทำฉากก็ทำกันจนมือเป็นระวิง  ฝ่ายเตรียมเสื้อผ้าก็เย็บกันจนหน้ามืด  แบคฮยอนเดินเข้าไปหามินซอกที่กำลังสั่งโน่นสั่งนี่ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

     

    “พี่มินซอก..”

     

    “อ้าวแบคฮยอน...หายป่วยแล้วเหรอ  พรุ่งนี้เล่นไหวมั๊ยเนี่ย?”แบคฮยอนส่งยิ้มให้แทนคำตอบ  ที่เขาหยุดไปเกือบอาทิตย์ก็มีหลายคนที่โทรมาถามไถ่อาการ  เขาก็ได้แต่อ้างว่าป่วย  ทั้งๆที่ร่างกายก็แข็งแรงดี

     

    ...แต่เขายังไม่อยากเจอใคร...

     

    แบคฮยอนเดินไปหลบที่มุมโรงยิมก่อนจะทิ้งตัวลงนั่ง  มือเรียวหยิบบทละครที่อยู่ในเป้ของตัวเองออกมาก่อนจะเริ่มรันบทละครนั้นด้วยตัวเอง  วันนี้เป็นวันที่ต้องซ้อมใหญ่  พรุ่งนี้ก็วันงานแล้ว  แบคฮยอนกระชับผ้าพันคอให้แน่นขึ้น  ถึงแม้ว่าโรงยิมจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนแต่อากาศเย็นๆจากด้านนอกก็ยังทำให้ข่างในนี้เย็นอยู่ดี  ตอนนี้ก็ต้นเดือนธันวาแล้ว...เหลือเวลาอีกเดือนกว่าๆสำหรับการอยู่เกาหลี...

     

    แบคฮยอนสะบัดหัวไล่ความคิดที่ทำให้ขอบตาของเขาร้อนๆออกไปก่อนจะตั้งใจอ่านบทละครในมือต่อไปแทน

     

    แต่การตั้งใจอ่านมันกลับยิ่งทำให้เขายิ่งอยากร้องไห้...

     

    ธีราเน่...บทที่เขาเล่น...ราวกับสร้างมาเพื่อเขายังไงอย่างงั้น...

     

    ธีราเน่เป็นดวงจันทร์ที่หลงรักมนุษย์ผู้ชายคนหนึ่ง  เพื่อที่จะทำให้เขามีความสุขเธอยอมช่วยให้ความรักของชายหนุ่มกับเจ้าหญิงคนสวยแห่งแคว้นสมหวังโดยที่ตัวเองนั้นเจ็บปวดเจียนตาย  ในงานวิวาห์ของทั้งสองเธอบอกลาชายหนุ่มและกลับไปอยู่บนท้องฟ้าดังเดิม  แต่เธอก็ทนความคิดถึงที่มีให้เขาไม่ได้จนแอบหนีลงมาแอบมองเขาและครอบครัวทุกคืน

     

    มิดไนท์...ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่หลงรักเธอรู้เข้าก็ไม่พอใจจึงไปฟ้องธีรารอสดวงอาทิตย์พี่ชายของเธอ  ธีรารอสสั่งห้ามไม่ให้เธอลงมายังโลกมนุษย์อีกและให้มิดไนท์คอยเฝ้าเอาไว้...

     

    แต่เธอก็ขอร้องมิดไนท์...ขอแค่เพียงเดือนละครั้งที่เธอจะลงมาแอบดูชายหนุ่ม  วันเวลาที่เหลือเธอจะมอบมันให้กับมิดไนท์  อยู่เคียงคู่กับเขาบนท้องฟ้าตลอดเวลา

     

    วันไหนที่เธอลงมาที่โลกมนุษย์...บนท้องฟ้าจะมีเพียงมินไนท์เท่านั้น...นั่นคือคืนเดือนมืด...

     

    ...สุดท้ายแล้วความรักของเธอก็ไม่ได้สมหวัง  เธอได้แต่เฝ้ามองชายหนุ่มค่อยๆแก่และตายจากไปตามกาลเวลาเท่านั้น..

     

    ...โดยที่เขาไม่เคยรับรู้เลยว่าเธอหลงรักเขาตลอดมา...

     

     

     

    ...ความรักที่ไม่มีทางสมหวัง...

     

     

     

    แหมะ!

     

    หยดน้ำใสๆหยดกระทบกระดาษจนหมึกพิมพ์สีดำกระจายเป็นวงกว้าง  แบคฮยอนใช้ผ้าพ้นคอเช็ดน้ำตาเพียงหยดเดียวที่ไหลออกจากดวงตา  เขาไม่ได้ร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเมื่อหลายคืนที่ผ่านมา  แต่ราวกับเขาเข้าใจความรู้สึกของตัวละครตัวนี้

     

    ...ความรักไม่ต้องสมหวัง...แต่เธอก็ยังคงยืนยันที่จะรักเขาต่อไปจนชั่วนิรันดร์...

     

    แบคฮยอนหัวเราะเบาๆให้กับความคิดของตัวเอง  สงสัยว่าเขาจะถูกบทละครนี่ครอบงำความคิดแล้วกระมังถึงได้คิดว่ามันช่างตรงกับตัวเขาเองเหลือเกิน...

     

    ...ท่าจะบ้านะบยอนแบคฮยอน...

     

    เสียงเรียกรวมตัวของผู้กำกับตัวกลมทำให้เขาต้องหลุดออกจากภวังค์  แบคฮยอนรีบเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับคนอื่นทันที

     

    การรันคิวแสดงเป็นไปอย่างราบรื่นแต่แบคฮยอนกลับไม่ดีใจกับมันเลยสักนิด  แน่นอนหากเริ่มแสดงคนที่เขาไม่อากเจอที่สุดก็ต้องมายืนประจันหน้ากันอย่างช่วยไม่ได้

     

    ...แค่เห็นสายตาคู่นั้นที่จ้องมองมาที่เขาก็พาลจะพาให้น้ำตาไหล...

     

    ท่านต้องการสิ่งใดงั้นรึเสียงหวานเอ่ยถาม  ใบหน้าสวยช้อนมองอีกคนด้วยแววตาที่สั่นไหว

     

    ...หากท่านช่วยข้าได้จริงข้อขอเพียงแค่ได้สมหวังในรักกับเจ้าหญิงซาเรสตร้า...เท่านั้นก็เกินพอน้ำเสียงทุ้มที่เอ่ยกลับมาอย่างอ้อนวอน

     

    ...ให้ข้าช่วยท่านอย่างนั้นรึ?น้ำเสียงหวานที่อ่ยออกมาสั่นไหว

     

    ...ช่วยคนที่รักให้สมหวังกับคนอื่นงั้นหรือ...

     

    ความรู้สึกร้อนๆที่ดวงตาเตือนให้แบคฮยอนรู้ตัวว่าเขากำลังจะทนไม่ไหว  ริมฝีปากบางเม้มแน่นเพื่อกลั้นหยดน้ำที่กำลังก่อตัว

     

    ...อดทนไว้ก่อนบยอนแบคฮยอน...

     

    การรันควดำเนินมาเรื่อยๆจนถึงช่วงท้ายของเรื่อง...จุดไคลแม็กซ์ที่ทุกคนรอชม

     

    ...แต่แบคฮยอนเกลียดที่สุด

     

    ...ฉากการยอมรับความรักที่ไม่มีวันเป็นไปได้...รวากับตอกย้ำซ้ำๆอยู่ภายในตัวเขา

     

    ข้าดีใจด้วยคาลอส...เสียงหวานเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เจือความเศร้าจนน่าใจหาย  ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มหวานแสนขมขื่น

     

    ข้อต้องขอบคุณเจ้ามาธีราเน่! ที่ทำให้ข้าได้แต่งงานกับเจ้าหญิงซาเรสตร้าในที่สุด!”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจก่อนร่างของชานยอลจะสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้  มือหนาจะคว้าคนตัวเล็กเข้ามากอดไว้แน่น

     

    ...ท่านอย่าทำอย่างนี้เลยเสียงหวานเอ่ยออกมาเบาๆ

     

    ...อย่าทำแบบนี้ชานยอล...

     

     

     

    ทำไมล่ะธีราเน่

     

     

     

    ...เพราะมัน...

     

    ...ทำให้ฉันเข้าข้างตัวเอง...

     

     

     

    ...ข้าต้องไปแล้วคาลอส...

     

    ...เพราะอยู่ไปก็มีแต่ความเจ็บปวด

     

     

     

    ...เจ้าจะไปไหนธีราเน่!”

     

     

     

    ...ที่ที่ข้าสมควรจะอยู่คาลอส

     

     

     

    ...ข้า....ท่าน

     

     

     

     

     

    ...ฉันรักนายชานยอล...

     

     

     

     

     

    น้ำเสียงหวานขาดหายพร้อมกับหยดน้ำที่พรั่งพรูออกจากดวงตาคู่สวยท่ามกลางความตกใจของทุกคน

     

    ...ฮึก....แบคฮยอนรีบวิ่งลงจากเวทีก่อนที่จะมีใครมาถามไถ่สาเหตุให้วุ่นวาย  เขายังไม่พร้อมที่จะตอบใครทั้งนั้น...

     

    แบคฮยอน!”ได้ยินเสียงทุ้มของอีกคนเอ่ยเรียกจากด้านหลังก็ยิ่งทำให้ปวดแปล๊บในอกมากขึ้นไปอีก

     

    ...อย่าเรียกชื่อฉันด้วยความเป็นห่วงแบบนั้นปาร์คชานยอล...

     

    ...ได้โปรด

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    ดวงตากลมโตจ้องมองภาพเบื้องหน้าด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย  สับสน  โกรธ  ผิดหวัง...เขายอมรับว่าตอนนี้ตัวเองมีความรู้สึกด้านลบให้กับแบคฮยอนอย่างรุนแรง...

     

    เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนบาปเพราะทันทีที่เห็นน้ำตาที่ไหลอาบแก้มขาวของแบคฮยอนเขากลับรู้สึก...สะใจ...

     

    อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าไม่ใช่เขาคนเดียวที่ต้องเจ็บ...

     

    ลู่หานพยายามหักห้ามใจตัวเองไม่ให้คิดร้ายกับแบคฮยอน  แต่อารมณ์กลับควบคุมเขาไว้ทั้งหมด  ขาเรียวก้าวฉับๆเดินอ้อมหลังเวทีออกไปทันที...

     

    ภาพที่ชานยอลเอ่ยเรียกอีกคนด้วยน้ำเสียงที่แสดงความห่วงใยออกมาอย่างชัดเจนยิ่งทำให้ความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นราวกับมีดกรีดซ้ำ

     

    รู้ตัวอีกทีเขาก็มายืนมองร่างบางที่กำลังล้างหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายแล้ว...

     

    เงาดำที่พาดทับเขาจากด้านหลังทำให้แบคฮยอนต้องเงยหน้าขึ้นมามอง  ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหลังตนนั้นเป็นใคร

     

    พ...พี่ลู่หาน...เสียงหวานสั่นเครือ  ยิ่งเห็นดวงตากลมโตคู่นั้นฉายแววความเจ็บปวดมาให้เขาอย่างเห็นได้ชัดยิ่งทำให้รู้สึกละอายใจมากขึ้น

     

    ...สิ่งที่เขาทำมามันก็เหมือนมือที่สามในสายตาของอีกคน...

     

    นายชอบชานยอลรึเปล่า?ลู่หานเอ่ยถามเสียงสั่น  ใบหน้าสวยของรุ่นน้องที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตายิ่งตอกย้ำว่าสิ่งที่เขาจะทำมันเลวร้ายแค่ไหน

     

    ตอบมาสิ!”ความเงียบของอีกคนทำเอาลู่หานเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่อีกต่อไป  มือเล็กคว้าไหล่บางของคนตรงหน้าไว้ก่อนจะออกแรงเขย่าหวังให้อีกคนตอบ

     

    อย่าเงียบแบบนี้!”เสียงหวานที่ตะหวาดออกมาสั่นเครือ  ดวงตาคู่กลมเริ่มรื้นไปด้วยน้ำตา  แบคฮยอนก็ไม่ต่างกัน  น้ำตาที่เหมือนว่ามันจะหยุดลงแล้วกลับไหลออกมาอีกครั้งเมื่อสัมผัสได้ถึงความปวดร้าวในน้ำเสียงและดวงตาของผู้เป็นรุ่นพี่

     

    แบคฮยอนนายรู้มั๊ยว่าฉันเสียใจแค่ไหน!  ยิ่งเป็นนาย...เป็นน้องที่ฉันรักมากคนนึงยิ่งทำให้ฉันเจ็บปวด!”ลู่หานระบายความในใจออกมาให้อีกคนได้รับรู้  หยาดน้ำใสพรั่งพรูออกมาจากดวงตาคู่กลมอย่างห้ามไม่อยู่

     

    ...ฮึก...ยิ่งสัมผัสได้ว่าอีกคนรักเขามากเท่าไหร่  น้ำตาก็ยิ่งไหลออกมาเท่านั้น

     

    ฉันโกรธนาย! ฉันโกรธ!  ฮึก...แต่ฉันก็เกลียดนายไม่ได้...เสียงหวานเอ่ยแทบไม่เป็นประโยคเพราะแรงสะอื้นจากการร้องไห้

     

    มือเล็กปล่อยให้รุ่นน้องได้เป็นอิสระ  ดวงตากลมโตจ้องมองแบคฮยอนนิ่ง  ...ถ้าแบคฮยอนบอกว่าไม่มีอะไรกับชานยอลเขาจะเชื่อ...

     

     

    ...เขาจะเชื่อทุกอย่างที่แบคฮยอนพูด...

     

    ...ขอแค่คนตัวเล็กเอ่ยคำแก้ตัวออกมาเท่านั้น...

     

     

     

     

    ...ผ...ผม...ขอโทษแต่สิ่งที่ได้รับกลับมีเพียงแค่คำขอโทษเท่านั้น  มันคือการยอมรับผิด...มันคือการยอมรับว่าสิ่งที่เขาไม่อยากให้เกิดมันเป็นจริงแล้ว...  ลู่หานปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร...

     

    ...ขอเพียงแค่แบคฮยอนแก้ตัว...เขาก็จะยอมเชื่อ

     

    ...แต่คนตัวเล็กกลับเอาแต่เอ่ยคำขอโทษซ้ำๆ...ราวกับตอกย้ำให้เขาต้องยอมรับ

     

    ...แบคฮยอนรักชานยอล...

     

     

     

     

    เพี๊ยะ!

     

    ใบหน้าสวยหันไปตามแรงจากฝ่ามือเล็กของอีกคน  ความเจ็บแปล๊บที่ข้างแก้มเรียกเอาน้ำตาอีกมากมายให้พากันไหลรินลงมาจนดวงตาพร่ามัว  มือบางยกขึ้นมาสัมผัสเบาๆที่ข้างแก้ม...

     

    ...ฉันรักชานยอลและจะไม่มีวันยอมยกให้ใคร!”ลู่หานประกาศลั่นก่อนขาเรียวจะพาร่างของเขาออกจากตรงนั้นทันที

     

    ...เขานี่เลวร้ายจริงๆ...

     

     

     

     

     

     

    คิมจงอินยืนเกาหัวด้วยความงุนงง  เขาตกใจมากที่จู่ๆแบคฮยอนก็ร้องไห้เลยตัดสินใจที่จะตามออกไปดู  แต่ตามออกมาช้าแป๊บเดียวก็คลาดกับอีกคนเสียแล้ว  เด็กหนุ่มหมุนตัวไปมามองหาที่ที่คิดว่าอีกคนน่าจะอยู่  สุดท้ายเด็กหนุ่มก็ตัดสินใจที่จะเดินไปดูห้องน้ำหลังโรงเรียนที่ไม่ค่อยมีคนเข้านัก

     

    ...ถ้าแบคฮยอนไม่อยากให้ใครถามเรื่องการร้องไห้ก็คงต้องมาอยู่ที่ที่ไม่ค่อยมีคนมานั่นแหละ...

     

    คิดได้ดังนั้นก็ก้าวเท้าตรงไปยังห้องนั้นทันที  แต่ขายาวก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยที่แสนคุ้นเคย

     

     

    “นายชอบชานยอลรึเปล่า”

     

    ...พี่ลู่หาน?

     

     

     

    “ตอบมาสิ!

     

     

     

    “อย่าเงียบแบบนี้!

     

     

     

    แบคฮยอนนายรู้มียว่าฉันเสียใจแค่ไหน!  ยิ่งเป็นนาย...เป็นน้องที่ฉันรักมากคนนึงยิ่งทำให้ฉันเจ็บปวด!”

     

    ...กับพี่แบคฮยอน?

     

     

     

    ...ผ...ผม...ขอโทษเสียงหวานที่เขาจำได้ดีเอ่ยเบาๆแต่เขาก็ยังได้ยินมันชัดเจน

     

    ขอโทษ....เรื่องอะไร?

     

     

     

    เพี๊ยะ!

     

    เสียงที่ดังขึ้นทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์ความคิด  จงอินพยายามชะโงกหน้าออกไปจากขอบกำแพงเพื่อดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  แต่ด้านหลังของคนที่เขาคิดว่าน่าจะเป็นลู่หานกลับบังร่างบางของอีกคนไว้จนมิดทำให้เขาไม่สามารถเห็นได้ว่าแบคฮยอนกำลังมีสีหน้าแบบไหน

     

     

    ...ฉันรักชานยอลและจะไม่มีวันยอมยกให้ใคร!”เสียงหวานของลู่หานที่ตหวาดลั่นทำให้เขาต้องรีบหลบเข้าไปอยู่หลังกำแพงอีกครั้ง

     

    ไม่นานนักร่างของลู่หานก็วิ่งผ่านเขาไป  อาจเป็นเพราะหยาดน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าน่ารักนั่นอยู่ก็เป็นได้ที่ทำให้ลู่หานไม่ทันสังเกตเห็นเขา

     

    “พี่แบคฮยอน”จงอินรีบวิ่งเข้าไปพยุงอีกคนเมื่อเห็นร่างบางทรุดตัวนั่งลงอย่างไร้เรี่ยวแรง  แบคฮยอนสะอื้นจนตัวโยน  ไหล่บางที่บัดนี้มันดูบางลงอย่างเห็นได้ชัดกำลังสั่นไหว  มือเรียวยังคงกุมแก้มซ้ายไว้ไม่ยอมปล่อย

     

    แบคฮยอนไม่สนใจอีกคนที่เดินเข้ามาประคองเขาไว้เลยแม้แต่น้อย  ในหัวของเขามีเพียงคำประนามหยามเหยียดตัวเอง

     

    ...ลู่หานรักเขามากแค่ไหนเขารู้...

     

    ...แต่เขากลับทำให้ลู่หานเจ็บปวดอย่างไม่น่าให้อภัย...

     

     

     

    “ขอผมดูหน่อย...”จงอินเอ่ยขออย่างอ่อนโยน  แค่เห็นใบหน้าสวยของคนที่ตนรักเต็มไปด้วยน้ำตาเขาก็อยากจะคว้าตัวเข้ามากอดปลอบ  มือหนาจับมือบางอย่างเบามือก่อนจะค่อยๆเลือนมันออกจากใบหน้าสวย  แก้มขาวที่มีรอยแดงพวกผ่านประกฎแก่สายตา  จงอินอดที่จะรู้สึกโกรธลู่หานไม่ได้...

     

    “ผมว่าพี่กลับบ้านเถอะเดี๋ยวผมไปส่ง...”เด็กหนุ่มเสนอแนะ  ไร้ซึ่งเสียงหวานที่ขานรับ  มีเพียงร่างบางที่กำลังสะอื้นไห้เท่านั้น

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    “...เรียบร้อยแล้วค่ะ”เสียงของหญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้นเบาๆอย่างเป็นห่วงหลังจากที่เด็กหนุ่มข้างบ้านนามว่าคิมจงอินพาคุณหนูของเธอกลับมาที่บ้านด้วยใบหน้านองน้ำตา แก้มขาวมีรอยแดงพาดผ่านทำให้เธอตกใจ  เธอจัดการทำแผลและทายาให้เรียบรอย  แก้มซ้ายที่เริ่มบวมทำให้เธอรับรู้ได้ว่าแรงที่กระทำมันคงไม่ใช่น้อยๆ

     

    “...ขอบคุณครับ”เป็นเด็กหนุ่มนามคิมจงอินที่เอ่ยขอบคุณเพราะคนที่โดนทำแผลเอาแต่นั่งนิ่ง  แบคฮยอนหยุดร้องไห้แล้วแต่ดวงตาคู่สวยก็เอาแต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าตาง  อาการใจหลุดลอยของอีกคนเรียกให้จงอินเริ่มกังวล

     

    “พี่แบคฮยอน....เกิดอะไรขึ้นครับ”หลังจากที่แม่นมประจำบ้านออกไปแล้ว  จงอินก็ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงข้างๆร่างบางของอีกคนที่นั่งอยู่  ด้วยความสงสัยเด็กหนุ่มจึงเอ่ยถามออกไป  แต่ก็ได้รับเพียงคำปฏิเสธเท่านั้น

     

    “ไม่มีอะไรหรอกจงอิน...”

     

    คำปฏิเสธนั้นเรียกให้เด็กหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น  ริมฝีปากได้รูปเม้มแน่น...เขาไม่อยากให้แบคฮยอนเจ็บปวด...ถึงอย่างนั้นหากเจ็บปวดก็อยากให้ระบายออกมา  ไม่ใช่นั่งนิ่งเป็นตุ๊กตาแบบนี้!

     

    เด็กหนุ่มตัดสินใจคว้าร่างบางตรงหน้าเข้ามากอดไว้แนบอก  แบคฮยอนตกใจที่จู่ๆก็ถูกอีกคนกระชากตัวเข้าไปในอ้อมกอดแบบนี้  แต่แขนแกร่งที่กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นราวกับการปลอบโยน  ความอบอุ่นจากอีกคนทำให้ดวงตาคู่สวยเริ่มรื้นไปด้วยน้ำตา

     

    ...จงอินเป็นห่วงเขาเสมอ...

     

    “ฮือ....ฮึก!”ในที่สุดแบคฮยอนก็ไม่สามารถต้านทานความอึดอัดนี้ได้อีกต่อไป  คนตัวเล็กปล่อยให้น้ำตาไหลไปตามอารมณ์ที่พรั่งพรูออกมา  มือหนาบรรจงลูบแผ่นหลังบางเบาๆอย่างทะนุถนอม  เด็กหนุ่มใจชื้นขึ้นมาทันทีที่เห็นอีกคนปล่อยโฮออกมา...

     

    ...อย่างน้อยแบคฮยอนก็จะได้ระบาย...

     

     

     

     

    คิมจงอินเพิ่งรับรู้ว่าการที่ฟังเรื่องของคนที่ตัวเองรักกับคนอื่นจากปากของเจ้าตัวมันเจ็บปวดแค่ไหน...แต่สำหรับเขา...ขอแค่แบคฮยอนมีความสุขนั่นก็ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของเขาแล้วเช่นกัน

     

    ...แบคฮยอนรักชานยอล...

     

    นี่คือสิ่งที่เขาสงสัยมานานแล้วแต่ไม่กล้าถาม...สายตาของแบคฮยอนเวลาที่มองไปยังรุ่นพี่ตัวสูงคนนั้นมันเต็มไปด้วยความรักใคร่  และชานยอลเองก็ดูจะเป็นแบบนั้นเช่นกัน...

     

    แต่ไม่รู้ทำไมถึงกลายเป็นชานยอลกับพี่ลู่หานไปได้...

     

    แต่พอแบคฮยอนเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง  จงอินก็ได้คำตอบ...มันเป็นเรื่องที่ชานยอลและแบคฮยอนก่อเอาไว้  และตอนนี้ก็มีแค่สองคนนี้เท่านั้นที่จะแก้มันได้

     

    ...เพราะไม่ว่ายังไงก็เจ็บทุกคน...

     

    แต่ถ้าถามเขา...ขอแค่แบคฮยอนเป็นคนเดียวที่ไม่เจ็บปวด  นั่นก็ถือว่าพอแล้ว...

     

    “ฉันเลวมากใช่มั๊ยจงอิน...”เสียงหวานเอ่ยเบาๆ  คนตัวเล็กหยุดร้องไห้แล้วแต่ดวงตาคู่สวยก็ยังแดงก่ำ

     

    “...ความรักมันห้ามกันไม่ได้นี่ครับ...ถ้าพี่เลวก็เลวกันทั้งโลกแล้ว”เด็กหนุ่มพูดติดตลก

     

    ...ถ้าการรักคนอื่นเรียกว่าเลว...เขาคงเลวจนนรกเมินทีเดียว  เพราะเขาดังหลงรักแบคฮยอนอย่าโงหัวไม่ขึ้นขนาดนี้

     

    “...ทำเป็นพูด”เสียงหวานเอ่ยออกมา  รอยยิ้มบางๆประดับบนใบหน้าสวย  มือเรียวเอื้อมมาโยกหัวอีกคนด้วยความหมั่นไส้

     

    การได้เล่าให้ใครสักคนฟังมันช่วยให้ความอึดอัดบรรเทาลงไปเยอะ  เขาถึงยิ้มได้อย่างที่เห็น...หากไม่มีจงอินที่คอยรับฟังก็ไม่รู้ว่าป่านนี้เขาจะอกแตกตายไปแล้วรึยัง

     

    “ฉันจะทำยังไงดีจงอิน...”เสียงหวานเอ่ยถามอีกคนอย่างขอความเห็น  ดวงตาคู่สวยจ้องมองดวงตาสีรัตติกาลของอีกคนอย่างจนแต้ม

     

    ...เขาไม่รู้จริงๆว่าควรจะต้องทำอย่างไรดี...

     

    “ก็ทำตามที่หัวใจสั่งสิครับ”เสียงทุ้มที่เอ่ยตอบเรียกให้แบคฮยอนต้องขมวดคิ้ว

     

    “...แต่...พี่ลู่หาน...”แบคฮยอนละไว้ในฐานที่เขาใจ

     

    “สำหรับผมนะ...ผมคิดว่าเราทำให้ทุกคนถูกใจไม่ได้หรอกครับ”เด็กหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง  ดวงตาคมคู่นั้นจ้องมองมายังดวงตาคู่สวยของแบคฮยอนนิ่ง  มือหนาข้างหนึ่งเอื้อมมาแตะที่ลาดไหล่บางราวกับให้กำลังใจ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “...เป็นตัวร้ายแล้วสมหวังในรักดีกว่าอกหักเพราะทำตัวเป็นพระเอกนะครับ...”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ...ถึงแม้ว่าคนที่หลงรักตัวร้ายที่ว่านั่นจะเจ็บปวดก็ตาม...












    TBC.

    TALK. สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าค่าาาาาา!!! ><  เพชรเอาตอนสิบสามมาลงให้เป็นของขวัญปีใหม่ให้นักอ่านที่น่ารักทุกคนเนอะ!  ถือว่าเป็นการไถ่โทษที่ไม่ได้อัพนานเลยมาอัพติดๆกันสองตอนเลยแล้วกันค่ะ ตอนที่แล้วดราม่าตอนนี้ก็ยังดราม่าอยู่นะ  แล้วมันก็จะดราม่าต่อๆไป #ห๊ะ #ล้อเล่นค่ะ  ยังไงก็ติดตามเรื่องนี้กันต่อไปนะคะ  นี่ก็ครึ่งเรื่องแล้วเนอะ ><

    เดี๋ยวเพชรจะเริ่มทยอยตอบคอมเม้นแล้วนะคะ  แหมกว่าจะตอบนี่ก็ครึ่งเรื่อง 55555555555555  ขอโทษค่าาาา

    ส่วนเรื่องรวมเล่มนี่รอกันได้เลยค่ะ  เพชรคิดว่าจะรวมเล่มนะจริงๆ  แต่ไม่รู้จะมีคนสั่งรึเปล่า  เพราะว่าถ้าคนต้องการน้อยก็จะทำไม่ได้ค่ะ  เพราะต้นทุนจะสูงเกินไป  ยังไงก็อยากให้มีคนสั่งเยอะๆนะ  ตอนนี้เพชรก็กำลังทำปกอยู่ค่ะ  ถ้ารวมเล่มแล้วก็อย่าลืมติดตามนะคะทุกคน ไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ บ๊ายบายยยยย

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×