คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : CHAPTER 10
2.12.12
“นายอยากจะกลับบ้านรึยัง?”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นหลังจากที่พวกเขานั่งดูขบวนพาเรดที่ผ่านไปแล้วมาได้สักพักหนึ่ง
“กลับเลยก็ดี ที่บ้านคงเป็นห่วงกันแย่แล้วล่ะ”แบคฮยอนเอ่ยตอบก่อนคนตัวเล็กจะยันตัวลุกขึ้น มือเรียวปัดเศษดินเศษหญ้าที่เปื้อนตามกางเกงของตนออกอย่างลวกๆ
“งั้นฉันไปส่งแล้วกัน”ชานยอลเอ่ย ริมฝีปากได้รูปส่งรอยยิ้มบางๆให้อีกคน
“อือ”แบคฮยอนรับคำเบาๆก่อนที่จะเดินตามชานยอลไปที่ลานจอดรถ
ภายในรถเต็มไปด้วยความเงียบ แต่มันก็ไม่ได้น่าอึดอัดอย่างที่ควรจะเป็น ภาพทิวทัศน์ยามค่ำคืนของกรุงโซลสองข้างทางมันช่วยให้เขารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น แบคฮยอนหันไปมองคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาขับรถอยู่อย่างเงียบๆ
ใบหน้าหล่อเหลาที่ฉายแววเอาจริงเอาจังของอีกคนมันมีเสน่ห์จนเขาไม่อาจถอนสายตาจากไปได้...
หลังจากที่เขายอมรับความรู้สึกที่ก่อเกิดขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจของตัวเองได้แล้วหัวใจของเขาก็รู้สึกปลอดโปร่งอย่างน่าประหลาด...
“...ชานยอล...”เสียงหวานเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบภายในรถ
“หืม?”ชานยอลรับคำแต่ดวงตาของเขายังคงจับจ้องไปยังถนนเบื้องหน้า
“นายกับไอ้มินโฮนั่นมีเรื่องอะไรกันเหรอ?”คำถามจากคนข้างๆทำเอาชานยอลหายใจสะดุด
“...ท...ทำไมจู่ๆถึงถามขึ้นมาล่ะ”
“เอ้า! นี่ฉันเกือบโดนเพื่อนนายข่มขืนนะเว้ย!”แบคฮยอนหันไปแว๊ดไม่ได้มีความขวยเขินใดๆกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งสิ้น
“เฮ้อออออ....ฉันต้องบอกจริงๆใช่มั๊ย?”ชานยอลถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อเห็นสายที่จ้องอย่างเอาจริงเอาจังจากคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ใช่!”เสียงหวานเอ่ยตอบเสียงแข็ง
“...เรื่องมันก็ไม่นานเท่าไหร่หรอก สมัยตอนฉันอยู่โรงเรียนเก่านั่นแหละ....”เสียงทุ้มเอ่ยช้าๆเล่าเรื่องราวบาดหมางระหว่างเขากับมินโฮให้แบคฮยอนฟัง
“ฉันกับหมอนั่นเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ม.ต้น ตอนนั้นฉันมีแฟนอยู่คนนึง เธอเป็นคนสวยมากเลยล่ะ...นิสัยดีด้วย...”แบคฮยอนตั้งใจฟังอีกฝ่ายเล่าอย่างตั้งใจ แต่ประโยคนี้ของชานยอลทำให้เขาใจกระตุกเบาๆอย่างไม่รู้สาเหตุ
แฟนเก่าของชานยอล...
“ความรักของเรามันก็ทำท่าจะไปได้ด้วยดีจนกระทั่งพ่อของฉันไม่ยอมรับเธอ...พ่ออยากให้ฉันแต่งงานกับลูกสาวของหุ้นส่วน เราเลยจำเป็นต้องหมั้นกันเพราะผู้ใหญ่โดยที่เราไม่ได้รักกันเลยด้วยซ้ำ...”เสียงทุ้มยังเอ่ยเรื่อยๆราวกับมันคือนิทานก่อนนอนของเด็กน้อยเสียอย่างนั้น แต่มือหนาที่กำลังจับพวกมาลัยกลับกำแน่นจนขึ้นข้อขาว
“พอแฟนของฉันรู้ว่าฉันมีคู่หมั้นแล้วเธอก็เสียใจมาก...ทั้งที่ฉันพยายามอธิบายให้เธอเข้าใจว่าพวกเราไม่ได้รักกัน...แต่เธอก็ไม่ฟัง...จน...”เสียงทุ้มที่ขาดหายไปในช่วงสุดท้ายทำให้แบคฮยอนที่ตอนแรกเอาแต่ก้มหน้าฟังต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง ดวงตาคู่คมแดงก่ำ
“ชานยอล...”เมื่อเห็นว่าเรื่องที่เล่าอยู่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเสียแล้ว แบคฮยอนก็ตัดสินใจที่จะเอ่ยบอกอีกฝ่ายให้เลิกเล่า
“...จนเธอฆ่าตัวตาย....ฉันรู้ว่าเธอรักฉันมาก...และฉันก็รักเธอมากเหมือนกัน...ฉันคิดว่าฉันไม่อาจรักใครได้แล้วนากจากเธอ...”มือบางที่กำลังจะเอื้อมไปแตะไหล่หนาเบาๆคล้ายการปลอบใจหยุดชะงัก แบคฮยอนค่อยๆชักมือกลับเบาๆไม่ให้อีกคนรู้ตัว
รักใครไม่ได้แล้วอย่างนั้นหรือ?
“ฉันเพิ่งมารู้ที่หลังว่ามินโฮก็ชอบเธอเหมือนกัน...แถมชอบเธอก่อนหน้าฉันเสียอีก แต่หมอนั่นก็ยอมให้ฉันเพราะมันเชื่อว่าฉันจะดูแลเธอได้ดีกว่ามัน...แต่หมอนั่นก็คิดผิดที่ฝากเธอไว้กับฉัน...”แบคฮยอนเบือนหน้าหนีออกไปนอกหน้าต่างเมื่อเห็นดวงตาแดงก่ำที่รื้นน้ำของอีกฝ่าย
เขาไม่ควรให้ขานยอลขุดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาสินะ....
“....หลังจากนั้นไม่ว่าฉันจะคบใครหมอนั่นก็จะต้องทำลายคนรักของฉันทุกครั้ง....เหมือนที่คนที่มันรักจากไปเพราะฉัน...และมันคงคิดว่านายกำลังคบกับฉันอยู่...”ชานยอลเอ่ย น้ำเสียงทุ้มตอนนี้กลับมาเป็นปกติแล้ว
“ขอโทษที่ถามเรื่องนี้...”แบคฮยอนเอ่ยเสียงเบาก่อนจะจัดการตัดบทสนทนาโดยการหันหน้าออกไปชมวิวทิวทัศน์ข้างทางแทน
ตลอดทางหลังจากนั้นบรรยากาศภายในรถก็เต็มไปด้วยความเงียบที่แสนอึดอัดแตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง ทั้งสองคนต่างปล่อยให้ความคิดของตัวเองล่องลอยไปตามกระแสของมัน
ไม่นานรถคันหรูก็แล่นเข้ามาจอดที่หน้าคฤหาสน์หลังหนึ่ง รปภ.หน้าป้อมเดินออกมาดูผู้มาเยือน แต่พอเห็นใบหน้าของคุณหนูของบ้านที่กำลังส่งยิ้มบางๆมาให้เขาก็ต้องรีบรุดมาเปิดประตูให้ทันที
“ขอบคุณมากนะที่มาส่ง”แบคฮยอนเอ่ยขอบคุณอีกฝ่าย รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวย แต่ก่อนที่เขาจะได้ลงจากรถ ข้อมือบางก็ถูกมือหนาของอีกคนรั้งไว้ก่อน
“หือ?”
“เอาเบอร์นายมา เดี๋ยวฉันตามเรื่องรถให้...”ชานยอลเอ่ยก่อนจะยื่นโทรศัพท์มือถือของตนเองให้อีกฝ่าย แบคฮยอนรับมาก่อนจะกดหมายเลขของตนแล้วโทรออก มือเรียวหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาโชว์ให้อีกคนรู้ว่าเขาได้เบอร์แล้ว
“กลับบ้านดีๆ”แบคฮยอนค่อยๆดึงมือออกจากการกอบกุมของอีกคน
“เดี๋ยว”เสียงทุ้มของอีกคนเอ่ยเรียกไว้หลังจากที่เขาลงมาจากรถเรียบร้อยแล้ว ชานยอลก็ลดกระจกด้านข้างคนขับลงมาเพื่อคุยกับเขา
“จำไว้นะ...มีเรื่องอะไรโทรหาฉัน...”พูดจบรถยนต์คันหรูก็เคลื่อนตัวออกไปทันทีทิ้งไว้แต่คนที่กำลังยืนงงกับคำพูดเมื่อครู่
“ตายแล้วคุณแบคฮยอน”เสียงเอ่ยเรียกชื่อจากทางด้านหลังทำให้แบคฮยอนต้องหันกลับไปมอง
“ทำไมกลับดึกอย่างนี้ล่ะค่ะ...เห็นว่าช่วงนี้มีเรื่องอยู่ไม่ใช่เหรอคะ...อิฉันเป็นห่วงนะคะ”หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเอ่ยขึ้นก่อนจะคว้ามือบางของแบคฮยอนไปจับไว้ด้วยความเป็นห่วง
“ขอโทษครับนม...พอดีผมเที่ยวเพลินไปหน่อยน่ะครับ”แบคฮยอนเอ่ยก่อนจะส่งรอยยิ้มหวานไปให้แทนการขอโทษ
“คราวหลังต้องโทรมาบอกที่บ้านด้วยสิคะ...แล้วเมื่อกี้ใครมาส่งคะ?”แม่นมเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มอย่างเอ็นดู แบคฮยอนก็เหมือนลูกแท้ๆของเธอ
“...เพื่อนน่ะครับ...เข้าบ้านเถอะครับนม”แบคฮยอนเอ่ยตอบเบาๆก่อนจะเกาะแขนแม่นมผู้เป็นที่รักอย่างออดอ้อน
“เดี๋ยวคุณแบคฮยอนขึ้นไปรอที่ห้องก่อนนะคะ เดี๋ยวอิฉันจะเอานมสตรอเบอรรี่เย็นเจี๊ยบขึ้นไปให้นะคะ”หญิงวัยกลางคนเอ่ยอย่างเป็นมิตรก่อนที่เธอจะขอตัวไปเตรียมของว่างมื้อดึกให้กับคุณหนูของเธอ
แบคฮยอนยิ้มให้กับความอบอุ่นที่เขามักจะได้รับจากคนที่บ้านเสมอ ร่างบางหมุนตัวเตรียมขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเอง
“แบคฮยอน”แต่ก่อนที่เขาจะได้ก้าวขาน้ำเสียงทรงอำนาจที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังก็ทำให้เขาต้องหันกลับมามอง
“มาหาพ่อที่ห้องทำงานด้วย”ชายวัยกลางคนผู้เป็นนายใหญ่ของบ้านเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะเดินนำเขาไปที่ห้องทำงานทันที
“มีอะไรเหรอครับพ่อ”เสียงหวานเอ่ยถามผู้เป็นพ่อ
“นั่งก่อนสิ...”ชายวัยกลางคนผายมือออกเป็นเชิงอนุญาตให้นั่ง
“...พ่อกำลังจะเปิดสาขาใหม่ที่แคนดา...ช่วงสามเดือนแรกพ่ออยากให้ลูกไปคุมงานที่แคนดาให้หน่อย ส่วนหลังจากนั้นพ่อได้แต่งตั้งหัวหน้าสาขาที่แคนดาไว้แล้ว...ลูกว่ายังไงแบคฮยอน?”ชายวัยกลางคนเอ่ยถามความเห็นจากลูกชาย
“...ผม...”ร่างบางอ้ำอึ้ง เขารู้สึกว่ายังๆไม่อยากไปไหนตอนนี้
“ไม่เป็นไร...ถ้าลูกไม่อยากไปพ่อก็ไม่ว่าอะไร...”ชายวัยกลางคนเอ่ยก่อนจะส่งรอยยิ้มอ่อนโยนให้กับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตน
“ขอเวลาผมตัดสินใจก่อนได้มั๊ยครับ?”แบคฮยอนเอ่ยถาม เขาเองก็ยังไม่ได้คิดให้ดีว่าจะไปหรือไม่ไป
“พร้อมเมื่อไหร่ค่อยให้คำตอบแล้วกัน”
“ขอโทษนะครับ...”
“พ่อมีเรื่องจะถามลูกเท่านี้แหละ...ไปพักผ่อนเถอะ...ลูกก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”แบคฮยอนเอ่ยลาผู้เป็นพ่อก่อนจะขอตัวขึ้นห้องไปพักผ่อนหลังจากที่เขาเองก็เที่ยวจนเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว
กริ๊งงงงงง
เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานดังขึ้นเรียกให้ชายวัยกลางคนต้องละสายตาออกจากแผ่นหลังบางของลูกชายตนมาให้ความสนใจ
“ว่าไง”เขากรอกเสียงลงไปตามสายด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เข้าใจล่ะ...จับตาดูให้ดี...ภายในอาทิตย์นี้ฉันขอประวัติเจ้าหนุ่มนั่นอย่างละเอียดด้วย...”เมื่อปลายสายรับคำเขาก็จัดการวางสายทันที
มือหนากร้านโลกค่อยๆเปิดเอกสารซองสีน้ำตาลที่วางอยู่บนโต๊ะออกช้าๆ ภาพถ่ายสิบกว่าใบปรากฏให้เขาได้เห็น ภาพลูกชายสุดที่รักของเขากำลังหัวเราะร่าเริงอยู่กับผู้ชายตัวสูงอีกคนที่อายุไล่เลี่ยกัน บางภาพก็มีการแตะเนื้อต้องตัวกันอย่างเกินความจำเป็น...
โดยเฉพาะรูปที่ทะเลสาบ...
“นายเป็นใครกัน?”ดวงตาจับจ้องไปยังใบหน้าหล่อเหลาของเด็กหนุ่มในภาพไม่วางตา
.
.
.
.
.
“หยุดๆ พอเลยพอ!”เสียงหงุดหงิดของผู้กำกับเรียกให้เหล่านักแสดงที่กำลังซ้อมบทอยู่บนเวทีต้องหยุดการกระทำ
“นี่มันอะไรกันน่ะพวกนาย! ก่อนหน้านี้ก็เล่นดีๆอยู่ ทำไมรอบนี้ถึงเล่นแบบนี้ล่ะ แข็งมาก โดยเฉพาะลู่หานกับชานยอลนะ ตอนแรกคู่พวกนายนี่น่าลุ้นที่สุดแล้วนะ...ทำไมตอนนี้มันแข็งแบบนี้ล่ะ”มินซอกโวยวาย มือขาวโยนบทละครลงพื้นอย่างอารมณ์เสียก่อนจะเดินออกไปจากโรงยิมเพื่อสงบสติอารมณ์สักครู่
ชานยอลถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความเหนื่อยล้า เขาเห็นด้วยกับคำพูดของพี่มินซอกทั้งหมด ตอนแรกเขากับพี่ลู่หานเล่นได้ดีมากแต่มาตอนนี้พวกเขากลับรู้สึกเกรงๆต่อกัน ชายหนุ่มหันไปมองใบหน้าหวานของอีกคนที่กำลังก้มหน้าห้มตาอยู่ข้างๆคน
“พี่ลู่หานครับ”เสียงทุ้มเอ่ยเรียกเบาๆ ลู่หานสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะรีบเดินลงจากเวทีไปทันที
นี่พี่ลู่หานกำลังหลบหน้าเขา?
ชานยอลได้แต่เกาหัวอย่างงงๆ ดวงตาเผลอเบือนไปสบเข้ากับดวงตาคู่สวยของอีกคนที่กำลังจ้องมองมาที่ตรงจากด้านล่างของเวที แต่จ้องกันได้ไม่นั้นเจ้าของดวงตาคู่สวยก็หมุนตัวหันหลังให้เขาเสียอย่างนั้น
แปะ! แปะ!
เสียงปรบมือที่ดังก้องจากทางด้านหน้าประตูโรงยิมเรียกให้ทุกคนต้องหันไปให้ความสนใจ มินซอกกลับมาแล้ว ใบหน้าที่ดูไม่ค่อยหงุดหงิดแล้วทำให้ทุกคนเบาใจลงได้ว่าคงไม่มีระเบิดจากผู้กำกับแล้วล่ะ
“วันนี้พอแค่นี้แล้วกัน ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้านได้แล้วล่ะ ส่วนชมรมบาสกับชมรมฮับคิโดอยู่ก่อนนะ ประธานมีเรื่องสำคัญจะต้องคุย”สิ้นเสียงของมินซอก เหล่านักเรียนชายที่เหน็ดเหนื่อยจากการซ้อมละครก็พากันแตกฮือกระจัดกระจายกันราวกับผึ้งแตกรัง เหลือเพียงแต่นักเรียนสองชมรมเท่านนั้นที่ยังคงนั่งทำหน้าเซ็งอยุ่ที่กลางโรงยิม
“เอาล่ะขอบคุณทุกคนมากที่มาประชุมกันในวันนี้”เสียงทุ้มของกัปตันชมรมบาสร่างสูงเอ่ยขึ้นโดยมีกัปตันชมรมฮับคิโดอย่างจื่อเทายืนอยู่ข้างๆ
“ชมรมฮัปคิโดขอพูดก่อนแล้วกันนะ”จื่อเทาเอ่ย เมื่อไม่มีใครคัดค้านเขาเลยจัดการพูดต่อไป
“กำหนดการทัวร์นาเม้นต์ระดับประเทศออกแล้วนะ...ซึ่งฉันก็ลงสมัครไปแล้ว...”สิ้นเสียงของกัปตันชมรมเสียงฮือฮาโหยหวนโอดครวญ(?)ของเหล่าสมาชิกชมรมฮัปคิโดก็ดังระงมไปทั่ว ชานยอลเหลือบมองปฏิกิริยาของขนข้างๆแล้วก็แอบที่จะรู้สึกขนลุกตามไปด้วยไม่ได้ ใบหน้าสวยของแบคฮยอนตอนนี้เรียกได้ว่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างถึงที่สุด บ่อยครั้งที่คนตัวเล็กลอบกลืนน้ำลายลงคอ
“เพราะฉะนั้นค่ายเก็บตัวของเราก็จะมาถึงเร็วๆนี้...อีกสามสัปดาหืจะเป็นงานโรงเรียนแต่อีกหนึ่งเดือนของถึงเวลาลงแข่ง...พอจบงานโรงเรียนแล้วเราจะไปเข้าค่ายเก็บตัวกัน!”จื่อเทาเอ่ยก่อนใบหน้าจะแสดงอาการที่เรียกว่าร่าเริงอย่างถึงที่สุด แต่สีหน้าของสมาชิกชมรมแต่ละคนเหมือนจะเป้นลมกันทั้งหมด
“ส่วนเรื่องของชมรมบาสก็เหมือนกัน ถึงแม้ว่าเราจะยังไม่ได้แข่งเร็วๆนี้แต่ฉันขอโค้ชแล้ว เราจะไปค่ายเก็บตัวเหมือนกัน...ไปกับชมรมฮัปคิโดนี่แหละ...”คริสเอ่ยหน้าตาย
“ห๊า????”ปฏิกิริยาที่ทุกคนแสดงออกล้วนเป็นไปทางเดียวกันหมด
“ทำไมต้องไปด้วยกันล่ะ”เป็นแบคฮยอนที่กล้าเอ่ยถาม
“เพราะว่าเราจะไปใช้พื้นที่บ้านพักพี่เป็นค่ายเก็บตัวไงล่ะแบคฮยอน”เสียงทุ้มเอ่ยตอบก่อนคริสจะส่งยิ้มบางๆให้คนถามอย่างเป็นมิตร
แบคฮยอนพยักหน้ารับรู้ เขาลืมไปเสียสนิทว่าคริสมีบ้านพักของครอบครัวอยู่ที่เชจูหรืออะไรสักอย่างนี่แหละ มันใหญ่พอที่จะตั้งสโมสรได้เลยล่ะ
ประชุมกันต่ออีกไปนานทุกคนก็แยกย้ายกันไป เหลือแต่ลู่หานและชานยอลที่ถูกมินซอกเรียกตัวไว้คุยอะไรสักอย่างแบคฮยอนเหลือบมองด้วยใบหน้าเรียบเฉย ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่เขาเริ่มคิดว่าลู่หานชักจะไม่น่ารักแล้ว
คิดอะไรอยู่คนเดียวได้ไม่นานดวงตาคุ่สวยก็ต้องเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้า ขณะที่ลู่หานกำลังจะลงจากเวทีร่างบางนั้นก็เสียหลักล้มลงแต่โชคดีที่ชานยอลที่เดินตามลงมาคว้าตัวไว้ได้ทัน ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ใกล้กันแค่คืบ
จู่ๆแบคฮยอนก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก มือเรียวคว้ากระเป๋าเป้ของตัวเองแล้วตั้งท่าจะเดินกลับบ้านทันที
เฮอะ!
เดินหงุดหงิดงุ่นง่านมาได้สักพักแบคฮยอนก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
แล้วนี่เขาจะหงุดหงิดทำไม?
ขาเรียวพาร่างของเจ้าของเดินไปตามซอยเงียบๆแห่งนี้ช้าๆ เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นอย่างสม่ำเสมอทางด้านหลังทำให้เขาไม่ได้สนใจอะไรจนกระทั่งที่เขาลองเปลี่ยนจังหวะการเดิน ฝีเท้าของคนด้านหลังก็เปลี่ยนจังหวะตามเขา
แบคฮยอนหยุดเดิน...คนด้านหลังก็หยุดเดิน
พอเขาเริ่มเดิน...คนด้านหลังก็เริ่มเดิน
เมื่อมันใจว่ามันผิดปรกติ ฝีเท้าก้ถูกเร่งให้เดินเร็วขึ้น แต่เสียงฝีเท้าที่ตามเขามาก็เร่งขึ้นเช่นกัน ในตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าตัวเองกำลังถูกตามอยู่แน่ๆ สมองเลยสั่งการให้ขาเรียวออกวิ่งทันที
แบคฮยอนวิ่งหนีมาเรื่อยๆจนกระทั่งเขาหลุดออกจากทางกลับบ้าน เวลานี้ก็เลยเวลาเลิกเรียนมานานแล้ว ผู้คนจึงไม่ค่อยมากอย่างที่ควรจะเป็น
“อะไรนักหนาวะ! ขออยู่สงบๆสักวันได้มั๊ยเนี่ย!”ร่างบางสบถกับตัวเอง ช่วงนี้รู้สึกว่าชีวิตของเขามันจะวุ่นวายเกินไปแล้ว ต้องเป็นเพราะไอ้บ้านั่นแน่ๆ
เพราะนายแน่ๆปาร์คชานยอล!!
“ชิ!”เสียงหวานสะบถออกมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าตัวเองเลี้ยวผิดมาเจอทางตันซะงั้น แบคฮยอนกำลังจะวิ่งออกไป แต่ไม่ทันเสียแล้วเพราะไอ้คนที่วิ่งตามเขามามันมาหยุดยืนอยู่หน้าทางออกเพียงทางเดียวของตรอกเล็กๆนี่เสียแล้ว
“แฮ่กๆ”อีกฝ่ายเองก็หอบไม่แพ้เขาเลย แบคฮยอนกวาดสายตาไปทั่วเพื่อหาทางหนีทีไล่ แต่ก็พบเพียงแต่กำแพงอิฐสูง...
สงสัยคงต้องลุยกันสักตั้งแล้วมั้ง...
มือเรียวค่อยๆเลื่อนขึ้นไปหมายจะปลดเป้ตัวเองลงเพื่อให้ลุยได้ถนัดขึ้น แต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อมีชายฉกรรจ์อีกประมาณห้าหกคนเดินเข้ามาสมทบบังทางออกเสียจนมิด
“ทำเอาพวกฉันวิ่งวะเหนื่อยเลยนะไอ้ตัวแสบ”ชายคนกลางที่วิ่งไล่ตามแบคฮยอนมาตั้งแต่ต้นเอ่ยขึ้นปนกับเสียงหอบหายใจ เสียงและรูปร่างที่คุ้นเคยเรียกให้คิ้วเรียวต้องขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด
ชายหนุ่มร่างใหญ่คนนั้นค่อยๆถอดแว่นตาดำที่บดบังใบหน้าของตนออก เผยให้เห็นใบหน้าที่บวมช้ำราวกับเพิ่งไปฟัดกับหมามายังไงอย่างงั้น
“ไอ้โล้น!”เสียงหวานอุทานออกมาด้วยความตกใจ ถึงแม้ตอนนี้ใบหน้านั่นจะบวมตุ่ยขนาดไหนแต่เขาก็ยังจำได้ดีว่ามันคือคนที่ทำร้านน้องหนูของเขาที่ผับคืนนั้น
“จำได้ซะทีนะไอ้ตัวแสบ! แกดูเอาไว้วะว่าแกทำอะไรกับพวกฉันไว้บ้าง! วันนี้แหละแกต้องชดใช้!”ชายฉกรรจืคนนั้นคำรามก้อง
แบคฮยอนกวาดสายตามองศัตรูของเขา...ประมารหกคน...ดูท่าจะโหดหินไปสักหน่อย
ถึงจะเจ้บตัวบ้างแต่เขาคิดว่าฝีมือเขาน่าจะพอต่อกรได้ล่ะ!
คิดได้ดังนั้นแบคฮยอนก็ถอดเป้วางไว้ที่พื้น คนตัวเล็กพ่นลมหายใจออกจากปากอย่างรวบรวมสมาธิ แขนทั้งสองข้างยกขึ้นตั้งการ์ด เขาพร้อมจะมีเรื่องแล้ว!
กริ๊ก!
กระบอกโลหะหันปลายมาทางเขาด้วยฝีมือของไอ้โล้นและลูกน้องคนอื่น แบคฮยอนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ มือเรียวค่อยๆเปลี่ยเป็นยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้
“ไม่ต้องคิดที่จะสู้ให้ยุ่งยาก เพราะถ้าคิดจะลุยละก็....ดีไม่ดีลูกตะกั่วจะเข้าไปฝังในตัวแกทีเดียวหกเม็ด”ชายหนุ่มคนนั้นเอ่ยขึ้นก่อนจะค่อยๆสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้ๆแบคฮยอนที่ตอนนี้ได้แต่ยืนนิ่งแข็ง
“ความจริงแล้วฉันอยากจะฆ่าแกซะเดี๋ยวนี้เลยนะ...เห็นหน้าแกแล้วเปลี่ยนใจว่ะ...”เสียงทุ้มที่น่าขยะแขยงสำหรับแบคฮยอนเอ่ยขึ้นก่อนที่ชายหนุ่มจะใช้กระบอกปืนโลหะแตะไปที่แก้มขาวเบาๆ ความเย็นของโลหะเรียกให้ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อย
“จะฆ่าเลยฉันก็เสียดายหน้าแกว่ะ...”กระบอกปืนเย็นๆไล้ไปตามใบหน้าสวยของแบคฮยอนช้าๆ แบคฮยอนเบี่ยงหน้าหลบอย่างรังเกียจ เมื่อเห็นท่าทีรังเกียจอย่างชัดเจนจากอีกคนชายหนุ่มก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที มือหนาข้างที่ไม่ได้ถือปืนออกแรงตบแก้มขาวนั้นอย่างแรงจนใบหน้าสวยสะบัดหันไปอีกทาง
โลหิตสีแดงไหลย้อยช้าๆออกมาจากมุมปากบางของแบคฮยอน แบคฮยอนไม่ได้ตอบโต้อีกฝ่ายเพราะตอนนี้เขาเป็นรองอยู่อย่างเห็นได้ชัด แต่ดวงตาสวยก็ตวัดมองอีกคนอย่างเอาเรื่อง
“ดูสิหน้าสวยๆของแกที่นายฉันถูกใจเป็นแผลหมดแล้ว...ทางที่ดีถ้าไม่อยากเจ็บตัวล่ะก็ทำตามที่ฉันบอกจะดีกว่านะ...”มือหนาบีบคางมนบังคับให้ใบหน้าสวยหันมาสบตน ยิ่งเห็นสายตาไม่พอใจแต่ไม่อาจตอบโต้ได้ของอีกคนก็ยิ่งสะใจ
“ก่อนที่ฉันจะชำระแค้นกับแก...ขอสนุกกับแกสักหน่อยก็แล้วกันนะ”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างหื่นกระหาย ดวงตาคู้นั้นจ้องมองร่างกายบางน่าสัมผัสของคนตรงหน้าด้วยสายตาแทะโลมอย่างไม่ปกปิด กระบอกปืนสีดำถูกยกขึ้นมาจ่อหน้าผากมน
“ถอดเสื้อออก”สั่งสั้นๆก่อนจะแตะกระบอกปืนกับหน้าผากมนเป็นการย้ำคำสั่ง แบคฮยอนกัดฟันกรอดก่อนมือเรียวจะค่อยๆเลื่อนมาปลดกระดุมเสื้อนักเรียนของตนทีละเม็ดอย่างช้าๆ
“เร็วๆ”เมื่อเห็นว่าอีกคนชักช้าเหลือเกิน ชายหนุ่มก็เอ่ยสั่งให้เร่งมือแบคฮยอนเร่งมือขึ้นแต่ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยเป็นที่พอใจเท่าไหร่นัก เท้าใหญ่ของอีกฝ่ายถึงได้ยกขึ้นถีบหน้าท้องของเขาเสียหงายหลัง
“อั่ก!”เพราะไม่ทันได้ตั้งตัวลำตัวบางจึงรับแรงถีบไปเต็มๆ มือขาวทั้งสองข้างกุมท้องของตัวเองแน่น แบคฮยอนจุกเสียจนไม่สามารถเปล่งเสียใดๆออกมาได้
“หึ!”ชายฉกรรจ์คนนั้นจ้องมองร่างบางที่นอนขดตัวอยู่ที่พื้นด้วยความสะใจ เขาหันไปฝากอาวุธปืนไว้กับลูกน้องก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าหาร่างที่กำลังทรมาณอยู่ที่พื้น
“อึก!”เรือนผมสีน้ำตาลสวยถูกมือหนากระชากจากด้านหลังให้ใบหน้าสวยเงยขึ้นมาสบกับตน ดวงตาคู่สวยจ้องมองเขาราวกับจะฆ่าให้ตายเสียตรงนั้น เสียงไอและหอบหายใจเป็นระยะยังคงดังออกมาจากริมฝีปากบางทำให้คนกระทำอดที่จะแย้มรอยยิ้มด้วยความพอใจไม่ได้
“ปล่อ....ย”ร่างบางถูกเหวี่ยงกระแทกพื้นอย่างไร้ปรานีก่อนที่ร่างของเขาจะถูกคร่อมทับด้วยร่างหนาของอีกคน เสียงหวานที่เปล่งออกมาขาดหายไม่เป็นคำ
“ทำตัวน่ารักๆดีกว่านะ...แกจะได้ตายแบบสบายๆหน่อย...”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนมือหนาจะพยายามปลดซิปกางเกงนักเรียนของร่างบาง แต่มือเรียวก็ทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเปล่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือหรืออะไรได้ แต่ร่างกายของเขาก็ยังพอมีแรงอยู่บ้าง
เพี้ยะ!
“หยุดดิ้นสิวะ!”ฝ่ามือหนาประทะเข้ากับแก้มขาวอย่างแรง รอยแดงปรากฏขึ้นให้เห็นอย่างชัดเจน ชายหนุ่มอดที่จะรำคาญไม่ได้ที่อีกคนเอาแต่ดิ้น ทั้งๆที่แรงก็แทบไม่เหลืออยู่แล้ว
“ปล่....อย...”ยิ่งซิปกางเกงถูกรูดต่ำลงเท่าไร แบคฮยอนก็เริ่มรู้สึกภึงอันตรายที่เริ่มคืบคลานเข้ามาหาเขาทุกทีๆ ดวงตาคู่สวยที่เริ่มรื้นน้ำกวาดมองไปรอบตัวหวังเพียงขอความช่วยเหลือในตอนนี้...ตอนที่เขาไม่สามารถสู้ได้ แต่ตรอกเปลี่ยวแห่งนี้ก็ดูจะไร้ความหวังเหลือเกิน ท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสียิ่งทำให้เขาใจหาย
“ปล่อย!!”แบคฮยอนรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายเท่าที่จะหาได้ออกแรงผลักร่างหนาที่คร่อมทับตนอยู่ออกไป แขนเรียวพยายามยันร่างตัวเองขึ้นเพื่อหาทางหนีแต่ก็ไม่ทันมือหนาของอีกคนที่กระชากข้อมือบางเสียจนเจ้าของร่างปลิวติดมือมาอย่างง่ายดาย
“ดื้อนักใช่มั๊ย!!”เสียงทุ้มคำรามลั่น สิ้นเสียงหมัดใหญ่ก็กระแทกลงที่หน้าท้องขาวนั่นทันที
“แค่ก! แค่กๆ”แบคฮยอนไอออกมาอย่างหนัก เรี่ยวแรงของเขาหายไปจนหมด ไม่มีแม้แรงที่จะขัดขืน ลมหายใจติดขัด ดวงตาของเขาเริ่มพร่าเรือนไม่รู้ว่าเพราะความเจ็บปวดหรือเพราะน้ำตาที่มันไหลอาบแก้มขาวจนเขารู้สึกได้นี่กันแน่
สัมผัสน่ารังเกลียดตามลำคอและแผ่นอกทำให้เขายิ่งอยากร้องไห้ เปลือกตาสวยค่อยๆปิดลงอย่างไร้ทางสู้หวังแค่จะหนีจากสัมผัสน่ารังเกลียดนี่ แต่ยิ่งหลับตากลับยิ่งสัมผัสได้อย่างชัดเจน
มือเรียวเหยียดไปยังทางออก สัมผัสอบอุ่นบางอย่างยังคงหลงเหลืออยู่ที่ฝ่ามือ...
เขาแค่หวังความอบอุ่นที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยของใครสักคนเท่านั้น...
แต่มันก็มีเพียงอากาศเท่านั้น...
เสียงตะโกนของใครหลายคนเรียกให้เปลือกตาบางต้องเปิดขึ้นอีกครั้ง ภาพตรงหน้าของเขาพร่าเลือนไปหมด แสงสว่างที่ส่องลอดผ่านทางออกของตรอกมาทำให้เห็นเงาของใครบางคนวิ่งใกล้เข้ามา ร่างสูงที่คุ้นเคย...
“ชาน....ยอล....”เอ่ยเบาราวกับเสียงลม รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากบางสวยก่อนที่สติสุดท้ายของเขาจะค่อยๆจางหายไป
“พี่แบคฮยอน!!!”จงอินตะโกนเรียนชื่ออีกคนหลังจากที่เห็นร่างบางนั้นหมดสติไป
กริ๊ก!
ขายาวกำลังจะก้าวพาร่างของตัวเองเข้าไปหาอีกคน แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักกึก กระบอกปืนที่เคยเล็งไปยังคนตัวเล็กบัดนี้ได้พากันสามัคคีหันมาหาเขากันหมดแล้ว
“ออกไปซะไอ้หนูถ้ายังไม่อยากตาย!”หนึ่งในคนที่กำลังเล็งปืนมาที่เขาเอ่ยขึ้น ดวงตาคมเหลือบไปมองร่างบางที่นอนนิ่งอยู่ด้านหลัง คิมจงอินขบกรามแน่น
แรงสั่นที่มาจากโทรศัพท์เครื่องหรูในมือซ้ายเรียกรอยยิ้มเล็กๆให้ปรากฏขั้นที่มุมปากของเด็กหนุ่มได้
“ยิ้มอะไร”
คิมจงอินไม่ได้ตอบอะไรมีเพียงรอยยิ้มร้ายเท่านั้น เสียงล้อรถเบียดถนนดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆก่อนรถยนต์สีดำจะแล่นเข้ามาจอดไม่ไกลนัก ชายในชุดสูทพากันวิ่งกรูลงมาจากรถ กระบอกปืนสีดำหลายสิบกระบอกพากันจ่อตรงไปยังชายฉกรรจ์เหล่านั้น
“ขออภัยในความล่าช้าครับคุณจงอิน”ชายหนุ่มสวมแว่นดำคนหนึ่งเอ่ยกับเด็กหนุ่มก่อนจะขอให้เขาเข้าไปช่วยคุณหนูคนสำคัญที่นอนหมดสติอยู่ไม่ไกลนัก
เมื่อเห็นว่าเสียทีชายหนุ่มจึงต้องยอมจำนน กระบอกปืนถูกวางไว้ที่พื้นช้าๆก่อนพวกเขาจะถูกต้อนออกไปจากตรอกนั้น
จงอินตัดสินใจปล่อยพวกตัวร้ายให้คนของตระกูลบยอนจัดการ ส่วนเขาก็มีหน้าที่ดูอาการคุณหนูของบ้าน
“พี่แบคฮยอน!”จงอินอดที่จะตกใจกับสภาพของอีกคนไม่ได้ เด็กหนุ่มรีบถอดเสื้อนอกของชุดนักเรียนออกก่อนจะบรรจงคลุมร่างบางนั้นอย่างเบามือ แขนแกร่งช้อนร่างของอีกคนขึ้นมาแนบอกก่อนจะรีบวิ่งไปที่รถทันที ชายหนุ่มในแว่นดำที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของเหล่าชายชุดดำนี้ดูจะตกใจไม่น้อยกับสภาพสะบักสะบอมของคุณหนู เขารีบเปิดประตูให้จงอินเข้าไปนั่งและขับรถออกไปทันที
“ขอบคุณคุณจงอินมากนะครับที่โทรมาบอกคุณท่าน ไม่อย่างนั้นพวกเราก็อาจจะมาช้าเกินไป”
“ไม่เป็นไรครับ...”เสียงทุ้มตอบรับเบาๆก่อนเจ้าของเสียงจะหันมาให้ความสนใจร่างที่ไม่ได้สติอยู่ในอ้อมแขน เด็กหนุ่มเลื่อนมือขึ้นไปปาดเลือดที่เลอะบริเวรมุมปากบางเบาๆราวกับกลัวว่าอีกคนจะแตกสลายไปหากเขาลงแรงมากกว่านั้น
หลังจากเลิกการประชุมชมรมตอนเย็นแล้วเขาก็เดินออกมารอแบคฮยอนที่หน้าโรงเรียนกะว่าจะชวนอีกคนกลับบ้านด้วยกัน แต่ดูเหมือนเขาจะมาช้าไปหน่อย เพราะพอเดินมาถึงหน้าประตูก็เห็นแผ่นหลังที่คุ้นเคยแว่บๆ
“พี่แบคฮยอน!”เด็กหนุ่มตะโกนเรียกแต่ดูเหมือนว่าอีกคนจะไม่ได้สนใจเขาเลย ขาเรียวนั้นเอาแต่พาร่างของตัวเองวิ่งอย่างเอาเป็นเอาตาย จงอินจึงตัดสินใจวิ่งตาม แต่ไม่นานพวกเขาก็คลาดกัน
“นี่ไม่ใช่ทางกลับบ้านนี่...”เด็กหนุ่มบ่นพึมพำ เมื่อเขามองไปรอบๆตัวแล้วพบทิวทัศน์ที่แปลกตา เขารู้สึกสังหรณ์ไม่ดีอย่างไรก็ไม่รู้ เพราะก่อนจะคลาดกัน เหมือนว่าเขาจะเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังวิ่งไล่แบคฮยอนอยู่ เขาเลยตัดสินใจโทรบอกพ่อของแบคฮยอนว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอาจจะเจอปัญหาเข้าแล้วก็ได้
กว่าเขาจะวิ่งหาตรอกที่เกิดเหตุพบก็เล่นเอาเหนื่อยทีเดียวล่ะ เพราะบริเวณนี้เขาก็ไม่คุ้นกับมันเช่นกัน...
ใช้เวลาไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ที่คุ้นตา รถยนต์คันหรูแล่นไปจอดที่หน้าประตูบ้านก่อนที่เหล่าคนรับใช้จะพากันกรูออกมาช่วยเหลือ
“เดี๋ยวกระผมจัดการต่อเองครับ...”คนที่ดูเหมือนจะเป็นพ่อบ้านเอ่ย จงอินค่อยๆส่งร่างของแบคฮยอนให้คนคนนั้น
“จงอิน...”เสียงทุ้มทรงอำนาจที่เขาไม่ค่อยคุ้นเท่าไรนักเอ่ยเรียกชื่อทำให้เด็กหนุ่มต้องหันไปให้ความสนใจ
“ครับ?”
“ขอบคุณมากนะที่คอยดูแลลูกชายฉัน...”ชายวัยกลางคนคนนั้นเอ่ยก่อนจะเดินเข้ามาใกล้เขา มือหนาหยาบกร้านวางลงบนไหล่ของเขาเบาๆ รอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งมาให้เขา
“ไม่เป็นไรครับ...ผมเต็มใจ”เด็กหนุ่มเอ่ยตอบเบาๆอย่างเกรงใจ
“หลังจากนี้ฉันคงต้องฝากเธอดูแลแบคฮยอนเวลาอยู่ที่โรงเรียนแล้วล่ะ...”
“ครับ”จงอินรับคำก่อนจะยิ้มบางๆ
“วันนี้เธอกลับไปก่อนแล้วกัน ขอบคุณมากนะ ฉันขอตัวขึ้นไปดูแบคฮยอนหน่อย...”ชายวัยกลางคนเอ่ยก่อนจะขอตัวขึ้นไปดูอาการลูกชายของตนเอง
.
.
.
.
.
หลังจากที่ประชุมเรื่องชมรมเสร็จชานยอลและลู่หานก็ถูกมินซอกเรียกตัวไปคุยอยู่นานเสียงจนมืด เนื้อหาก็เรื่องเดิมๆที่พวกเขาแสดงกันได้ไม่ดีเท่าที่ควร มินซอกเลยเสนอทางออกให้ ซึ่งเขาว่ามันจะยิ่งทำให้แย่ลง....มั้ง?
“ฉันขอสั่งให้พวกนายไปซ้อมกันมาให้เรียบร้อยนะ สัปดาห์หน้าถ้าไม่ได้ล่ะก็........ตาย!”
ชานยอลคว้ากระเป๋าเป้ตัวเองขึ้นมาสะพาย ดวงตาคมสอดส่องไปทั่ว เขากำลังมองหาใครบางคนที่เขาคิดว่าจะเดินไปส่งเสียหน่อย แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า เขาไม่แปลกใจเลยที่แบคฮยอนจะกลับไปก่อนเพราะตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว ไม่ใช่เรื่องของแบคฮยอนที่จะต้องมารอเขาเสียหน่อย
มือหนาความหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงกะจะโทรไปถามเสียหน่อยว่าถึงบ้านแล้วรึยัง เขารู้สึกสังหรณ์แปลกๆยังไงไม่รู้สิ
“อ...เอ่อ...ชานยอล”แต่ก่อนที่จะได้กดโทรออก เสียงหวานของอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักก็ดังขึ้นขัดเสียก่อน
“ครับ?”ชานยอลรับคำ
“คือ...นี่ก็มืดแล้ว...คือ”ลู่หานรู้สึกกระดากอายหากเขาจะเอ่ยขอออกไป บางทีมันอาจจะดูไม่ดี ใบหน้าน่ารักขึ้นสีเล็กน้อยอย่างน่ารัก
“จริงด้วย...งั้นเดี๋ยวผมไปส่งแล้วกันครับ”ชานยอลเอ่ยก่อนจะส่งรอยยิ้มบางๆไปให้ เรียกให้แก้มขาวนั้นขึ้นสีอย่างง่ายดาย
“อ...อื้อ”ลู่หานรู้สึกขอบคุณที่ชานยอลเป็นคนเอ่ยปากเอง เพราะเขาก็อายเกินกว่าที่จะขอให้อีกคนไปส่ง
ชานยอลไม่ได้เอารถมา เพราะฉะนั้นทั้งคู่จึงต้องนั่งรถเมล์เอา ผ่านไปประมาณเจ็ดป้ายรถเมล์ก็ถึงหน้าปากซอยบ้านของลู่หาน แต่เพราะบ้านของลู่หานอยู่สุดซอยพวกเขาจึงต้องเดินเข้าไปอีกใกลอยู่
“ชานยอล...”เสียงหวานของคนข้างๆเอ่ยขึ้นเรียกให้ชานยอลต้องหันไปให้ความสนใจ
“ครับ”
“คือเรื่องนั้นน่ะ...”ลู่หานเอ่ยเปิดประเด็น
“เรื่องที่สวนสนุกวันนั้นน่ะ...”ชานยอลรู้สึกหายใจสะดุดขึ้นมาทันทีที่ชื่อสวยสนุกถูกเอ่ยขึ้น เขาแทบจะลืมเรื่องนั้นไปเสียสนิด
“คือพี่ไปคิดๆมาแล้วนะ...”ลู่หานหยุดเดิน ใบหน้าสวยก้มลงจนคางชิดอก ชานยอลก็หยุดตามอีกคน ดวงตาคู่คมเริ่มฉายแววความหนักใจ
“เรื่องที่นาย....พี่...”ลู่หานเอ่ยเสียงเบา ตอนนี้เขาเขินเกินกว่าจะเอ่ยมันออกมาให้ชัดเจนได้
“พี่จะ....พี่จะคบกับนายนะ!”เสียงหวานเอ่ยออกมารัวเร็วเสียแทบฟังไม่ทัน และก่อนที่ชานยอลจะได้เอ่ยอะไรต่อ เจ้าตัวก็รีบวิ่งดุ๊กๆเข้าบ้านไปทันที
“อ...ห๊ะ?”ฝ่ายชานยอลที่เหมือนสมองจะประมวลผลได้ช้าเหลือเกินก็ได้แต่ตกอยู่ในอาการมึนงง
เขาบอกไม่ถูกว่าในตอนนี้ตัวเขารู้สึกอย่างไร เขาควรจะดีใจที่พี่ลู่หานตกลงคบกับเขา แต่เขาก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีใจ แต่มันมีความรู้สึกจุกๆอะไรบ่งอย่างที่เกิดขึ้นในอกอย่างที่เขาไม่สามารถหาที่มาของมันได้
ความรู้สึกที่มันเริ่มทำให้เขาอึดอัดอย่างประหลาด...
มือหนาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา แต่แล้วก็ทำให้เขารู้ว่าเขาเปิดรายชื่อทิ้งไว้
‘ไอ้ลูกหมาบยอน’
แค่เขานึกถึงเจ้าของชื่อแล้วเขาก็รู้สึกว่าลมหายใจของเขามันติดขัด...
ทำไมกัน.....
TBC.
TALK: หายหัวไปนานมากค่ะ ยอมรับผิดแต่โดยดี ขอโทษน้าาาาาาาาา TT งานเยอะอ่ะ ไม่ใช่เรื่องเรียนหรอก กิจกรรมอ่ะค่ะ อาทิตย์หน้าเพชรก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอัพได้รึเปล่า เพราะเป็นอาทิตย์ที่มีงานโรงเรียนพอดี ม.6 แบบเพชรก็ต้องทำละครล่ะค่ะ! ติดงานทำฉากทำนู่นทำนี่ทำนั่น เยอะไปหมดเลย TT ขอโทษจริงๆนะคะ
โอเคเข้าเรื่อง... ตัวละครสำคัญโผล่มาอีกตัวแล้ววววว คุณพ่อบยอนนั่งเองค่ะ >< ขอสปอยเกี่ยวกับคุณพ่อบยอนไว้นิสนุง ขอบอกว่านางเป็นคนหวงลูกชายมากค่ะ! อุอุ เรื่องจะเป็นยังไงต่อไปก็ต้องติดตามกันต่อไปนะคะ ><
ส่วนเรื่อง heartshot นี่ เพชรอัพแน่ๆค่ะ แต่ก็อย่างที่บอก เนื่องจากอีเพชรสมาธิสั้นม๊ากกกก ไม่สามรถทำอะไรนานๆได้ เพชรเลยแต่งเร็วไม่ได้(เกี่ยว?) เพชรเลยจะขอลงให้จบเป็นเรื่องๆอ่ะค่ะ จะลงเพลย์บอยให้จบก่อนแล้วค่อยลงฮาร์ตชอทต่อ แต่ถ้าคนอ่านไม่สบายใจที่เห็นมันมีแต่อินโทรค้างเติ่งมานานมาก เพชรจะลบบทความออกก่อนดีมั๊ยคะ จะได้ไม่ทำร้ายจิตใจกันเกินไป #เหรอ ฮ่าๆๆๆๆๆ ยังไงก็อดใจรอกันอีกหน่อยนะคะ เรื่องนี้จบจะอัพให้เลย!!! สัญญา! เกี่ยวก้อยๆ ปิดเทอมนี้จะอัพได้เร็วแล้วค่ะ เพชรมีที่เรียนแล้ว ชิวแล้ว ไม่มีเรื่องเรียนพิเศษอะไรอีกแล้ว จะยุ่งก็แค่พวกกิจกรรมนี่แหละค่ะ แต่เดี๋ยวก็หมดแล้ว
ถึงตอนนั้นจะนั่งแต่งทั้งวี่ทั้งวันเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ >< เจอกันตอนหน้านะคะทุกคน
ความคิดเห็น