คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : Chapter 18 : Gifts [100%]
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเหมือนฟูกใต้ตัวของเธอยวบลงเล็กน้อยทำให้เธอต้องขยับตัวและส่งเสียงจากในลำคอ
เป็นขณะเดียวกับที่เดรโกปิดประตูลงเบื้องหลังเขา
ความหนาวเย็นมักเข้ามาอยู่แทนที่เขาเมื่อเขาทิ้งเธอเอาไว้ตามลำพัง
เธอทั้งต้องแสร้งทำเป็นหลับทั้งที่รู้สึกผิดหวังอยู่ลึก ๆ
และช่วงสองสามวันนี้ความรู้สึกนั้นก็ชัดเจนขึ้น แต่เธอก็รู้ดีว่าไม่อาจจะพูดเรื่องนี้กับเขาได้
เพราะเขาได้พูดอย่างชัดเจนแล้วว่าไม่ต้องการจะคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์อันแปลกประหลาดระหว่างพวกเขา
สุดท้ายสิ่งเหล่านี้ก็กลายเป็นเหมือนความสัมพันธ์จอมปลอมที่เป็นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันจันทร์
ทุกเช้าก็จะเป็นแบบนี้
เดรโกจะทิ้งเธอเอาไว้กับผืนผ้าที่มีเรื่องราวของพวกเขาและเสียงการจากไปแบบเงียบ ๆ
จากนั้นเธอก็จะลุกขึ้นไปเตรียมอาหารให้เขาก่อนจะออกไปห้องสมุดไม่ก็ห้องทำงานของมักกอนากัลเพื่อดำเนินการพานักเรียนทุกกลับบ้านอย่างปลอดภัย
ส่วนตอนเย็นก็จะแผดเผากันและกันด้วยความคาดหวังและสายตาที่กระอักกระอ่วนต่อกันซึ่งส่วนตัวเธอไม่ชอบมันสักนิด
เธอรู้ว่ามันเป็นผลมาจากสถานการณ์ที่พวกเขาพยายามปรับเข้าหากัน เอาเข้าจริงเธอกลับคิดถึงความร้อนเป็นไฟของพวกเขาทั้งคู่
คิดถึงการโต้แย้งที่เฉียบแหลมและการถกเถียงอันดุเดือด
เธอรู้สึกว่าไม่ช้าก็เร็วพวกเขาคงจะหมดความอดทน
บางทีอาจจะเป็นเธอ - เมื่อไรก็ตามที่ความรู้สึกระแวงของเธอลดลง
หรือไม่ก็ตอนที่ที่เดรโกยอมรับได้สักทีว่ามีใจชื่นชอบมักเกิ้ลอย่างเธอ
และเมื่อยามค่ำมาถึงเธอก็จะปลีกตัวกลับไปยังห้องนอนโดยไม่เผลอล็อกประตูเผื่อว่าเขาอยากจะมาหา
แม้จะมีอยู่สองสามคืนที่ทิฐิของเขาเอาชนะความสนใจที่มีต่อเธอได้และเขาก็เลือกที่จะกลับห้องไป
แต่นั่นไม่เป็นไร อย่างน้อยในช่วงเวลานั้นร่างกายของเธอจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่บ้าง
ถึงความจริงเธอจะอยากให้เขามานอนด้วยและคอยปัดเป่าค่ำคืนอันเดียวดายก็ตาม
แต่เขาก็ไม่ได้ทำอย่างนั้น
ถ้าหากเขาเข้ามาให้เธอ
เขาจะเริ่มจูบเธอเหมือนหวาดกลัวต่อโชคชะตา
ปลดเปลื้องปราการเสื้อผ้าทั้งหมดออกและจากนั้นก็เติมเต็มความพึงใจให้แก่กันและกัน
เขาไม่เคยลืมที่จะพาเธอไปสู่จุดพึงพอใจแม้ว่าบางครั้งจะใช้เวลาหลายชั่วโมงก็ตาม
เธอเคยได้ยินลาเวนเดอร์กับปัทมาคุยกันเรื่องนี้อยู่หลายครั้งว่าเป็นเรื่องยากที่ฝ่ายหญิงจะได้รับการปลดปล่อยอย่างสุขสม
แต่สำหรับเดรโกแล้วดูเหมือนเขาจะมีความตั้งใจที่จะปรนเปรอเธอจนกว่าจะได้เห็นเธอเกร็งไปทั้งร่างและปลดปล่อยเสียงอันอ่อนหวานออกมา
แต่เขาก็ไม่เคยกอดเธอเอาไว้หลังจากนั้น
เขาไม่เคยกระซิบถ้อยคำหวานหูหลังจากนั้น
และเขาไม่เคยอยู่ที่ห้องนานเกินกว่านั้น
เธอต้องคอยฟังเสียงการจากไปของเขาและเจ็บปวดภายในใจเพียงลำพัง
ก่อนจะต้องคอยพร่ำบอกตัวเองว่าไม่เป็นไร
เขากำลังต่อสู้กับอคติภายในใจเขาอยู่เช่นกัน
และวันนี้เรื่องราวเหล่านั้นก็กำลังเริ่มต้นซ้ำอีกครั้งเหมือนทุกวัน
---
นี่เป็นเสาร์สุดท้ายก่อนวันคริสต์มาส
และเธอกับจินนี่ก็ตั้งใจจะไปฮ้อกส์มี้ดเพื่อเลือกซื้อของขวัญในนาทีแทบจะสุดท้าย
จินนี่เตรียมพร้อมที่จะกลับไปบ้านโพรงกระต่ายวันอาทิตย์นี้และแม้ว่าในระยะนี้เธอจะรู้สึกว่ามิตรภาพระหว่างเธอกับน้องสาวของวีสลีย์จะค่อนข้างตึงต่อกัน
แต่การที่ไม่ได้เจอกันพักใหญ่ก็คงทำให้เธอคิดถึงจินนี่อยู่ดี
“ฉันมีเซอร์ไพรส์ให้เธอด้วย”
จินนี่ฉีกยิ้มแล้วเดินนำเข้าไปยังหมู่บ้าน “และฉันว่ามันอาจจะทำให้เธอยิ้มออก”
เฮอร์ไมโอนี่ฟังแล้วขมวดคิ้ว
“ชักจะสงสัยแล้วสิ”
สาวผมแดงล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าและหยิบของขวัญออกมาสองชิ้น
ชิ้นหนึ่งขนาดเท่ากำปั้นห่อมาแบบลวก ๆ ด้วยกระดาษสีแดง
ส่วนอีกอันใหญ่กว่าหน่อยถูกห่อเอาไว้ในกล่องสีทอง
ดวงตาอันสับสนของเฮอร์ไมโอนี่มองของขวัญสองชิ้นสลับกันก่อนจะเหลือบมองจินนี่ด้วยสายตาคาดหวัง
“ของฉันหมดเลยเหรอ
?”
“แน่นอนว่าใช่”
แม่มดสาวพยักหน้า “พวกนี้ถูกส่งมาจากแฮร์รี่กับรอนน่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่เผลออ้าปากค้าง
“เดี๋ยว อะไรนะ -”
“พวกเขาส่งไว้ที่แม่ตั้งแต่เดือนตุลาแน่ะ”
จินนี่อธิบายแล้วยื่นกล่องของขวัญให้ “แม่อยากจะเซอร์ไพรส์เธอเพราะรู้ว่าเธอคงคิดถึงพวกเขามาก”
“ไม่อยากจะเชื่อว่าพวกเขาวางแผนล่วงหน้าเป็นด้วย”
เธอพึมพำแล้วไล่นิ้วไปตามกล่องของขวัญอันล้ำค่า “ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นไรน่า”
จินนี่ว่า “อันสีแดง -”
“ของรอนสินะ”
เฮอร์ไมโอนี่ต่อประโยคพร้อมบิดปากยิ้ม “เขาไม่เคยห่อของขวัญเองสักครั้ง
ต้องคอยให้ฉันกับแฮร์รี่ห่อให้ตลอดตอนที่จะให้ของขวัญเธอกับที่บ้าน”
“เจ้าตัวขี้เกียจเอ้ย”
คนฟังกลอกตา “อยากจะรู้จริง ๆ ว่าตานั่นให้อะไรเธอ
ถ้าเปิดดูแล้วส่งจดหมายนกฮูกมาบอกด้วยนะ แม่บอกว่าของขวัญที่พี่ให้ฉันมันดูออกอย่างกับอะไร”
“เธอได้ของจากพวกเขาด้วยเหรอ”
“ยังหรอก
ต้องรอไปแกะที่บ้านน่ะ” เธอบอก “แต่เดาได้ว่าก็คงเป็นผ้าพันคออีกผืน
ส่วนของแฮร์รี่ฉันก็หวังว่ามันจะสร้างสรรค์กว่าของพี่”
ใบหน้าครุ่นคิดระบายขึ้นบนหน้าคนฟัง
“มันมีทางไหนที่เราจะส่งของให้พวกเขาได้บ้างไหม”
“ไม่มี”
จินนี่นิ่วหน้าแล้วช่วยเฮอร์ไมโอนี่เก็บของขวัญใส่กระเป๋า “แม่ถามรีมัสแล้ว
แต่เราไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาไปตะลอน ๆ กันอยู่ที่ไหน อีกอย่างเฮดวิกก็ไม่เคยรอรับจดหมายตอบกลับหรืออะไรสักอย่าง”
“ถ้าให้อะไรกับพวกเขาได้ก็คงจะดี
-”
“พอเลย”
จินนี่เตือนเสียงต่ำ “ของพวกนั้นควรจะทำให้เธอดีใจไม่ใช่มาซึมกระทืออยู่แบบนี้ –”
“โทษที”
เฮอร์ไมโอนี่หดคอขอโทษ “ยังไงก็ขอบคุณสำหรับเซอร์ไพรส์นะจิน”
“ดีใจที่ได้เห็นรอยยิ้มเธอสักที”
เธอบ่นขณะที่พากันเดินไปรอบ ๆ หมู่บ้าน “อีกอย่าง
เธอต้องช่วยฉันเลือกของขวัญให้เฟร็ดกับจอร์จด้วยนะ”
แม่มดสาวใช้เวลาราวหนึ่งชั่วโมงในการตามหานู่นนี่นั่นก่อนเฮอร์ไมโอนี่จะปล่อยให้จินนี่แวะไปทำธุระให้พ่อ
เจ้าของเรือนผมเป็นลอนเดินไปเรื่อยเปื่อยไม่มีจุดหมายตามทางเท้าที่ถูกห่มคลุมไปด้วยเกล็ดหิมะพลางชื่นชมการตกแต่งหน้าร้านของร้านรวงต่าง
ๆ ไปเรื่อย ๆ น่าแปลกที่การตกแต่งและบรรยากาศของคริสต์มาสเพียงเล็กน้อยก็สามารถปลุกความรู้สึกตื่นเต้นต่อเทศกาลขึ้นมาได้
เธอหยุดมองหน้าต่างร้านหนึ่งพร้อมกับความคิดน่าสนใจที่พุ่งเข้ามาในหัว
เธอรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปในร้านและตรงไปยังสิ่งที่เธอหมายตาเอาไว้เพราะคิดถึงเดรโก
ในหัวของเธอคิดว่าเมื่อกลับไปถึงโรงเรียนคงจะต้องไปคุยอะไรสักอย่างกับมักกอนากัลและสิ่งนั้นก็ดูเหมาะเหม็ง
“มีอะไรให้ช่วยมั้ย”
เสมียนร้านถามดึงเธอออกจากความคิด
“ค่ะ”
เธอพยักหน้า “รบกวนขออันนี้ค่ะ”
---
ศาสตราจารย์ใหญ่มองเธอด้วยสายตาสงสัย
“คุณเกรนเจอร์ -”
“หนูทราบค่ะว่าศาสตราจารย์คงมีคำถาม”
เฮอร์ไมโอนี่รีบพูด “แต่เพราะเป็นวันคริสต์มาส หนูเลยคิดว่าเขาน่าจะต้องการมัน”
“ฉันไม่แน่ใจว่าจะ
-”
“แค่ชั่วโมงเดียวนะคะ”
เธอตื๊ออย่างดันทุรัง “ขอร้องนะคะ ศาสตราจารย์
ที่นี่ไม่มีใครแล้วและหนูสัญญาว่าเขาจะไม่พยายามทำอะไรทั้งนั้น หนูคิดว่าเขารู้ว่าเรากำลังพยายามจะช่วยเขาอยู่”
“เธอวางใจไม่ได้มากนักหรอก
เฮอร์ไมโอนี่” ศาสตราจารย์ตอบด้วยน้ำเสียงเฉียบแหลม “ถ้าหากว่าเขา -”
“เขาไม่มีไม้กายสิทธิ์นะคะ”
เธอแย้ง “เขาไม่มีที่ไป และตอนนี้เขาก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน -”
“เฮอร์ไมโอนี่
-”
“นะคะ”
เธอโพล่งด้วยเสียงที่ดังขึ้น “หนูจะไม่ให้มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ หนูสัญญา
คุณก็รู้ว่าหนูรับมือได้”
มักกอนากัลเอียงคอแล้วมองเด็กสาวด้วยแววตาอบอุ่น
“ทำไมถึงอยากทำเพื่อเขาล่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่รู้ว่าตอนนี้สีหน้าเธอกำลังเปลี่ยน
“หนูแค่คิดว่าเขาคงอยากพักบ้าง” เธอพูดขึ้นในที่สุด “อย่างที่หนูบอกไป
มันเป็นวันคริสต์มาสน่ะค่ะ เป็นช่วงเวลาของการให้อภัยนะคะ”
คล้ายกับศาสตราจารย์พยายามพลิกคำพูดเหล่านั้นซ้ำไปมาในหัวก่อนจะผ่อนลมหายใจยาวอย่างอ่อนใจ
“อย่างนั้นก็ได้”
“จริงเหรอคะ”
เฮอร์ไมโอนี่กระพริบตาประหลาดใจ “ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”
“ฉันคงจะเสียใจที่ทำแบบนี้แน่”
ศาสตราจารย์ถอนหายใจแล้วนวดขมับ “แต่ก็ถูกต้อง ฉันจะเตรียมการให้ดังนั้นคำขอของเธอก็เป็นไปได้
-”
“โอ้
ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ ศาสตราจารย์”
“แต่หากเกิดอะไรขึ้นเธอจะต้องรับผิดชอบมันแต่เพียงผู้เดียวนะ”
เธอเตือนอย่างเคร่งขรึม “ต้องให้แน่ใจว่าคุณมัลฟอยจะไม่พยายามทำอะไรแผลง ๆ -”
“แน่นอนค่ะ
-”
“และนี่จะเป็นการอนุญาตเพียงครั้งเดียว”
เธอพูดต่อแล้วลุกจากเก้าอี้ “อย่าลืมบอกเขาด้วยล่ะ -”
“ได้ค่ะ”
เธอพยักหน้าอย่างตื่นเต้นแล้วกระโดดเข้าไปใกล้ศาสตราจารย์ก่อนจะกอดหญิงสาวเอาไว้ “ขอบคุณค่ะ
ศาสตราจารย์”
มิเนอร์วาเบี่ยงตัวออกอย่างอึดอัดก่อนจะวางมือลงบนหลังของนักเรียนสาวอย่างอ่อนโยนพร้อมรอยยิ้มจำนน
“เมอร์รี่คริสต์มาส เฮอร์ไมโอนี่”
---
เดรโกสบถอยู่ในลำคอ
พยายามจะโยนความความผิดพลาดครั้งที่สามลงอ่างแล้วมองมันค่อย ๆ ไหลวนหายไป
เขาอยากกินกาแฟแต่พยายามจะเลียนแบบกาแฟแก้วโปรดจากเกรนเจอร์แล้วไม่ประสบความสำเร็จ
แถมยังห่วยแตกจนน่ารำคาญ
เขาเคยเห็นเธอทำมันมานับครั้งไม่ถ้วนและมันก็ดูง่ายดายเหลือเกิน แต่ไม่รู้ว่าเขาตกหล่นอะไรไปเพราะเขาไม่สามารถทำให้สีมันออกมาคล้ายของเธอด้วยซ้ำ
เขากำลังจะเริ่มทำแก้วที่สี่แต่ในที่สุดเธอก็กลับมาหลังจากออกไปนานกว่าที่เคย
แก้มของเธอขึ้นสีเลือดฝาดเพราะความหนาวและเส้นผมก็พลิ้วไปตามสายลม
เธอทิ้งกระเป๋าใบหนักของเธอลงใกล้กับโซฟาขณะที่เขาเหลือบมองใบหน้าของเธออย่างที่เคยทำบ่อย
ๆ ตอนที่เธอไม่สังเกตเห็นเขา
นับว่าเป็นนิสัยใหม่อีกอย่างที่น่ารำคาญซึ่งเพิ่งจะเกิดขึ้นหลังจากค่ำคืนนั้น
แต่สุดท้ายมันก็กลายเป็นว่าเขายอมแพ้ที่จะต่อต้านมันเพราะลึก ๆ
เขาก็มีความปรารถนาที่จะสัมผัสเธอจริง ๆ เสียงหม้อน้ำเดือดคงทำให้เธอรู้ว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่คนเดียว
เมื่อเธอมองมาเขาทำได้แต่แค่นเสียงใส่อีกครั้ง
“กาน้ำนี่มันเป็นบ้าอะไรของมัน”
เขาบ่นแล้วชี้ไปที่จำเลยวัตถุ
“หมายความว่าไง”
“ฉันพยายามจะต้มกาแฟแต่รสชาติมันออกมาไม่เหมือนกาแฟสักนิด”
เขาแจกแจง โดยความหมายแฝงก็คือมันรสชาติไม่เหมือนที่เธอทำ “ฉันก็ทำแบบที่เธอทำทุกอย่าง
-”
“ใส่นมแล้วหรือยัง”
เธอถามแล้วเดินเข้าไปหา
“ใส่แล้วสิ”
“แล้วก็น้ำตาลสองช้อนนะ
?”
“ใส่แล้ว”
“งั้น
ได้ใส่กาแฟไหม” เธอตั้งคำถามพลางส่งยิ้มให้เมื่อเขาขมวดคิ้วใส่เธอ “มันอยู่ในกระป๋องสีฟ้าชั้นบนน่ะ
-”
“น่าขำชะมัด”
เขาคำราม “ฉันไม่ควรจะลดตัวมาทำอะไรแบบมักเกิ้ลเลย”
เขาอยู่ในอารมณ์ที่อยากจะกวนใจเธอ
ตั้งแต่พวกเขาเริ่มแผดเผากันด้วยค่ำคืนต้องห้าม
เธอก็ค่อนข้างสงวนท่าทีและไม่ค่อยมั่นใจระหว่างที่อยู่กับเขา ซึ่งเขาไม่ชอบมันสักนิด
ถ้าจะมีอะไรสักอย่างที่เขาพอจะบอกได้ว่าเขาชอบอะไรในตัวเกรนเจอร์
ก็คงเป็นอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่ต่างจากเขา
ในขณะที่เวลาแต่ละชั่วโมงผันผ่านไปในคุกนี่ความคิดและความสามารถในการเอาชนะเขาด้วยถ้อยคำอันชาญฉลาดทำให้แต่ละวันพอจะ...ผ่านไปได้
และเปลวไฟบางอยางในดวงตาของเธอเวลาเธอโมโหร้ายก็ทำให้กล้ามเนื้อบางส่วนของเขากระตุกเกร็ง
ส่วนผสมระหว่างความรำคาญใจที่ต้องติดอยู่ในห้องนี้ทั้งวันทั้งคืน
และการที่เธอซื้ออะไรบางอย่างมาให้เขาหลังจากที่เขาพูดชัดเจนว่าไม่ต้อง
ก็เลยทำให้เขาหลุดพูดจาร้ายกาจใส่เธออีกครั้ง
“ก็ไม่ใช่การลดตัวสักหน่อย”
เธอเถียงกลับทันควันแล้วมองเขาด้วยใบหน้าเคร่งขรึมที่ปลุกเขาในตื่นขึ้น “ก็เป็นแค่เรื่องปกติที่จะทำอะไรโดยไม่ใช่เวทมนตร์
-”
“ก็มันงี่เง่าน่ารำคาญ!” เขาตวาด “แล้วเธอซ่อนอะไรไว้หลังโซฟา ?”
“ไม่มีอะไรนี่”
“ก็บอกไปแล้วว่าไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น! สาบานเลยนะเกรนเจอร์
เธอกำลังจะทำให้เรื่องนี้มันยากขึ้น -”
“ฉันทำอะไรให้ยากขึ้น”
เธอถามย้ำอย่างโมโห “ก็อดดริก นายนี่มันงี่เง่า -”
“ฉันบอกไปแล้วว่าไม่ได้อยากได้อะไรจากเธอ
-”
“แย่หน่อยนะ!” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนแล้วยืดไหล่ขึ้นมองเขาด้วยสายตาท้าทาย
“นี่มันคริสต์มาสแล้ว!
และทุกอย่างก็แย่ไม่รู้จะแย่ยังไง นายยังจะมาทำตัว -”
“ฉันไม่ได้
-”
“ฉันยังพูดไม่จบนะ!” เธอแหว “บ้าเอ้ย เดรโก! เป็นอะไรนักหนา
ทำไมจะต้องมีคำถามกับทุกสิ่งทุกอย่าง -”
“เพราะฉันไม่ได้อยู่ในจุดที่จะให้อะไรเธอกลับได้ยังไงล่ะ!” เขาตะคอกแล้วยกนิ้วมือที่สั่นด้วยโทสะขึ้นเสยผมอย่างหงุดหงิด
“ไม่อยากจะติดค้างเธอจนยาวเป็นห่างว่าว -”
“ฉันไม่ได้อยากได้อะไรกลับมาเลย”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “ฉันไม่ได้คาดหวัง -”
“แล้วเธอทำไปทำไม”
“เพราะมันเป็นวันคริสต์มาส”
เธอถอนหายใจสิ้นหวัง “เชื่อเถอะว่า -”
“ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องเชื่อเธอ”
เดรโกแทรกขึ้น สังเกตเห็นแววตาผิดหวังภายในดวงตาสีเฮเซล “เธอเองก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องให้
-”
“มัน...มันก็แค่เรื่องดี
ๆ ที่ควรทำ -”
“ดีกับผีน่ะสิ”
เขากัดฟันอย่างเย็นชา เมื่อรู้สึกว่าคำพูดนั้นกำลังแผดเผาเขา “พวกกริฟฟินดอร์น่าสมเพช
-”
“ฉันไม่ได้น่าสมเพช”
เธอพูดลอดไรฟัน “กล้าดียังไง -”
“งั้นก็อย่าเพ้อเจ้อ
-”
“รู้มั้ยว่ามันไม่เป็นไรที่จะเชื่อใจใครสักคนและทำดีกับเขา!” เธอเถียงอย่างหมดความอดทน “มันไม่เป็นไรที่จะห่วงใยคนอื่น
-”
“เกรนเจอร์
-”
“มันไม่เป็นไรที่จะไม่เป็นแบบพ่อนาย!” เฮอร์ไมโอนี่กระชากเสียง ก่อนจะต้องรู้สึกผิดในสิ่งที่พูดเมื่อใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไปอย่างน่าเกลัว
“ฉันเตือนเธอแล้วนะ”
เขาขู่เสียงต่ำ “ว่าอย่าพูดถึงพ่อฉัน -”
“เดรโก
-”
“เธอคิดว่าแค่แหกขาให้ฉันก็มีสิทธิ์ที่จะพูดถึงครอบครัวฉันยังไงก็ได้งั้นเหรอ”
เขาหยันเสียงแล้วโน้มใบหน้าเข้าใกล้ “จะบอกให้รู้เอาไว้เลยนะ -”
“ฉันแค่อยากให้นายรู้ว่าการเชื่อใจใครสักคนไม่ได้ทำให้นายดูน่าสมเพช!” เธอแย้งแล้วขยับเข้าไปใกล้จนลมหายใจร้อนของเขาเป่ากระทบหน้าผาก
“มันไม่ได้ทำให้นายอ่อนแอ หรือ...หรือด้อยค่า -”
“เธอต้องการอะไร
เกรนเจอร์” เขาถามด้วยใบหน้าโกรธขึง “อยากให้ฉันเชื่อใจเธอหรือไง”
“มันแค่เริ่มจาก
-”
“บ้าชิบ”
เขาพึมพำ “ข้อโต้แย้งนี้ใช้ไม่ได้ เธอเองก็ไม่ได้เชื่อใจฉัน”
เฮอร์ไมโอนี่ผ่อนลมหายใจแล้วยกฝ่ามือขึ้นแนบแก้มเขา
“ฉันอยากจะเชื่อนาย” เธอบอกเขาเสียงแผ่ว รู้สึกโล่งใจเมื่อพบว่ากล้ามเนื้อของเขาคลายลงใต้ฝ่ามือของเธอ
แต่เธอก็ต้องสับสนอีกครั้งเมื่อเขาขยับยิ้มหยัน
“ฉันสงสัยนะว่าทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้อีกแล้ว”
เขาว่าแล้วถอยออกจากมือของเธอ และใบหน้าก็กลับเป็นแบบที่เธอไม่ชอบอีกครั้ง “ฟังนะเกรนเจอร์
ฉันชอบนะตอนที่เราตั้งใจจะ...ช่างหัวคริสต์มาส -”
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว”
เธอยิ้มหยัน “ฉันอยากให้คริสต์มาสเป็นคริสต์มาส และจะไม่ยอมให้นายทำลายมันด้วย! เราจะ -”
“ฉันไม่เห็นความสำคัญของมันสักนิด!” เขาโต้กลับ รู้สึกว่าภายในเริ่มบิดเร้าเมื่อเห็นอารมณ์ร้อนของเธอ
“มันก็แค่วันหนึ่ง -”
“แค่นั้นก็พอแล้วไง!” เธอตะโกนแล้ววาดมือในอากาศเพื่อตัดจบ “เลิกคุยเถอะ
-”
เดรโกโน้มตัวเข้าหาเธอและจูบปิดริมฝีปากที่กำลังพูดฉอด
ๆ อย่างร้อนแรง เขาประคองใบหน้าของเธอเอาไว้อย่างเกรี้ยวกราดและพามุ่งหน้าไปยังโซฟา
เมื่อต้นขาของเธอชนเข้ากับที่วางแขนพวกเขาก็ผละออกจากกัน เขาเฝ้ามองเถ้าถ่านที่คุกรุ่นอยู่ภายในดวงตาของเธอครู่หนึ่ง
ก่อนจะก่นด่าตัวเองอย่างลับ ๆ ว่าสูญเสียการควบคุมมากจนเกินไป แล้วขยับห่างออกมาปั้นหน้าไม่แยแส
“ได้
เกรนเจอร์” เขาพึมพำ “อยากทำอะไรก็ -”
“ฉันแค่อยากให้มันเป็นวันคริสต์มาสธรรมดา
ๆ วันหนึ่ง” เธอกระซิบเสียงพร่าแล้วยกมือขึ้นทาบที่อกของเขาก่อนจะคลึงผ่านกระดูกไหปลาร้า
“และฉัน...ก็อยากให้นายอยู่ด้วย”
เดรโกขมวดคิ้วแล้วหลับตา
“เพราะอะไร”
“เพราะนายเองก็คงต้องการมันพอ
ๆ กับฉันไง”
---
ชั่วระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ก่อนถึงวันคริสต์มาส
วันและคืนในขณะนี้ดูคล้ายจะซึมซาบเข้าหากัน
ย่ำค่ำและย่ำรุ่งของผืนฟ้าฤดูหนาวไม่อาจข้อแตกต่างของกันและกันได้ถนัดนัก
ความหนาวเย็นทำให้ฮอกวอตส์จมดิ่งลงสู่ห้วงอารมณ์แสนอ้างว้างอันสงัดเงียบด้วยแทบไม่มีสิ่งมีชีวิตใดปรากฎขึ้นภายในปราสาทขณะนี้
หิมะตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่พาตัวเองเดินเตร่ไปตามเส้นทางที่พร่างพรมไปด้วยเกล็ดหิมะระยิบตา
เธอใช้เวลาหลายชั่วโมงอันว่างเปล่าไปกับการตามหาลูน่าที่น่าจะยังคงอยู่ที่โรงเรียน
แต่เธอก็หาไม่พบ
เมื่อเช้าเธอตื่นขึ้นพร้อมกับเดรโกที่กำลังจะออกจากห้องไปก่อนที่แสงอาทิตย์อันอบอุ่นจะอาบไล้ใบหน้า
เป็นเพียงหนึ่งชั่วโมงหลังจากเธอเหลือบมองปฏิทินที่เต็มไปด้วยร่องรอยขีดเขียนของเธอ
แล้วพบว่าวันนี้เป็นวันคริสต์มาส
เธอยิ้มให้ตัวเองก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วเริ่มแต่งตัวเพื่อตรงไปยังห้องนั่งเล่น
ดวงตาสีเฮเซลมองไปยังประตูห้องของเดรโกด้วยอาการครุ่นคิดแต่ก็ตัดสินที่จะไม่รบกวนเขาในตอนนี้
เธอยังไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องไปเจอเขา ไม่กี่วันมานี้เรื่องราวระหว่างพวกเขาดูง่ายขึ้น
พวกเขากลับมาทะเลาะกันตามปกติอีกครั้ง และความกระอักกระอ่วนส่วนใหญ่ก็ค่อย ๆ
มลายไป แม้ว่าเดรโกจะยังคงดึงดันไม่ยอมทำตัวให้เข้ากับเทศกาลก็ตาม
พวกเขาเดี๋ยวดีเดี๋ยวตีกันเหมือนแต่ก่อน
โดยมีสิ่งที่เปลี่ยนไปคือเดรโกเลิกใช้คำว่า ‘เลือดสีโคลน’ ไปอย่างสิ้นเชิง
และนอกจากนั้นทุกครั้งที่ทะเลาะกันก็จะนำพาพวกเขาไปจบลงที่เตียงเพื่อสร้างความลับต้องห้ามของกันและกัน
เธอพยายามจะหาเหตุผลที่เธอเริ่มรู้สึกดีกับเขาขึ้นเรื่อย ๆ แต่เหตุผลทั้งหลายก็ถูกทิ้งไปทุกครั้ง
ร่างเล็กขยับไปยังต้นคริสต์มาสและจับจ้องไปที่กองกล่องของขวัญที่ชิ้นหนึ่งมาจากแฮร์รี่กับรอน
อีกชิ้นของจินนี่ มักกอนากัลและเนวิลล์ และจดหมายอีกจำนวนหนึ่ง -
ที่เต็มไปด้วยเงินอย่างไม่ต้องสงสัย - จากพ่อแม่ของเธอ โดยศาสตราจารย์ใหญ่ให้ตำราแปลงร่าง(ที่เธอแทบอดใจไม่ไหวที่จะเปิดอ่านมัน)
ส่วนจินนี่ก็ตั้งใจเลือกน้ำหอมกลิ่นพิเศษให้ ในขณะที่เนวิลล์ให้ช็อคโกแลตที่ดูน่าอร่อย
แฮร์รี่ส่งรูปของพวกเขาสามคนมาให้
มันเป็นรูปที่พวกเขาถ่ายด้วยกันตอนคริสต์มาสปีกลายพร้อมหิมะที่ลอยละลิ้ว
ดูไม่ได้เดือดร้อนกับอากาศหนาวเย็นที่กำลังผันผ่านซีกโลกนี้ไป
มันถูกใส่ไว้ในกรอบเวทมนตร์ที่มีเถาไอวี่และช่อฮอลลี่เกี่ยวเลื้อยอยู่โดยรอบ
เธอชอบมันและตั้งใจจะวางเอาไว้ใกล้เตียง
เธอหันไปหาของขวัญของรอน
ลงมือแกะกระดาษที่ห่ออย่างลวก ๆ ออกแล้วพบกับกล่องเครื่องประดับที่ทำให้ความกังวลใจแล่นพล่านไปตามสันหลัง
ภายในบรรจุล็อกเกตที่ดูประณีตงดงาม
มันเป็นรูปหัวใจสีเงินและประดับเอาไว้ด้วยอัญมณีสีเหลืองที่ส่องประกายวิบวาวเมื่อต้องแสงไฟ
มันดูอ่อนหวานมากและดู...ไม่เหมาะกับเธอ หญิงสาวเฝ้ามองมันพร้อมความรู้สึกผิดที่ดันขึ้นปริ่มคอเป็นขณะเดียวกันกับเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น
“นั่นจากวีสลีย์งั้นเหรอ”
เขาถามเสียงขื่น “คิดว่าเป็นแค่เพื่อนกันซะอีก -”
“เราเป็นแค่เพื่อนกัน”
เธอตัดบททันควันแล้วลุกขึ้นยืน
ดวงตาริษยาของเขาย้ายไปมองวัตถุนั้น
“แต่เหมือนว่าสร้อยนั่นจะไม่ได้หมายความแบบเดียวกันนะ -”
“ใคร ๆ
ก็ให้ของขวัญวันคริสต์มาสกัน -”
“พวกคู่รักก็ด้วย
-”
“เดรโก
-”
“ฟังนะ
เกรนเจอร์” เขาคำรามในลำคอแล้วสาวเท้าเข้ามาหา “ฉันจะไม่ใช้ผู้หญิงร่วม -”
“หยุดงี่เง่านะ”
เธอแค่นเสียงแล้วเดินชนไหล่เขาออกไปอีกมุมหนึ่งของห้อง “ฉันจะไม่ฟังอะไรทั้งนั้น -”
“นั่นจะไปไหน”
“จะไปอาบน้ำ!” เธอแหวโดยไม่หันหน้ามองก่อนจะปิดประตูเสียงดัน
เดรโกคำรามในห้องที่ว่างเปล่าแล้วกำหมัดแน่นจนฝ่ามือเริ่มมีเลือดซิบ
นี่เธอคาดหวังอะไรจากเขา เขาไม่ค่อยชินกับสถานการณ์ซับซ้อนและผิดที่ผิดทางแบบนี้เท่าไรแต่เขาก็ยังคงหนีมันไม่รอดสักที
ความจริงเขาค่อนข้างมั่นใจว่าความสนใจในตัวเธอเริ่มน้อยลงแล้วหลังจากผ่านค่ำคืนเหล่านั้นมาสักพัก
แต่กลายเป็นว่าเขาดันกลับไปที่ห้องของเธอแทบทุกคืนเสียอย่างนั้น
เธอที่ไม่ค่อยประสานักกลับมีเสน่ห์ต่อเขาอย่างประหลาด
แถมตอนนี้ก็ยังกลายเป็นว่าเริ่มรู้งานขึ้นอีก มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้
เขาจะปฏิเสธได้ยังไงในเมื่อเธอดันกลายเป็นคู่นอนคนแรกที่เขารู้สึกว่า...เข้ากันดี
อาจจะมีบางอย่างที่ซับซ้อนทางชีวภาพหรือไม่ก็...ให้ตายเมอร์ลิน มันก็แค่ดีอย่างที่เขาต้องการและมันไม่ใช่แค่เรื่องเซ็กส์ด้วย
ทั้งจูบของเธอ สัมผัสของเธอ แค่ร่างกายของเธอทำให้เขาสั่นไหวอยู่ภายใน
เขาไม่รู้ว่าทำไมและสำคัญยังไง เขารู้แค่ว่ามันเข้ากันดี
เขาได้ยินเสียงหยดน้ำดังกระทบแผ่นกระเบื้องและผิวกายของเธอซึ่งเสียงนั้นทำให้ความรู้สึกภายในของเขาตื่นขึ้นอีกครั้ง
ความจริงวีสลีย์ไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเขาในหอนี้ หมอนั่นเป็นเพียงบุคคลภายนอกที่จะถูกหลงลืมไปได้ง่ายดาย
แต่ตอนนี้เพราะไอ้แง่งขิงนั่น – ล็อกเกตเวรน่าเกลียดนั่น –
มันดันมาอยู่ในห้องและเริ่มสั่นคลอนความคิดของเกรนเจอร์ เขาก็รู้สึกรำคาญมันขึ้นมา
สัญชาตญาณผู้ชายจะต้องครอบครองในสิ่งที่ต้องการหรือไม่ก็ลึกซึ้งไปกว่านั้น
สองเท้าของเขาจึงพาตัวเขามาหยุดอยู่ที่ประตูห้องน้ำ เขาถอดชุดออก โยนเสื้อและกางเกงนอนโยนไปอีกด้านขณะที่คิดว่าเขาปล่อยทิ้งเรื่องราวระหว่างเขากับเธอภายใต้ฝักบัวอาบน้ำนานเกินไปแล้ว
และอย่างที่เขาเคยทำมาก่อน
เดรโกค่อย ๆ ก้าวเข้าไปภายในห้องน้ำอย่างเงียบเชียบ
ซุ่มเข้าไปด้านหลังของเธอและไล่สายตามองรูปร่างของเธอด้วยความชื่นชมอย่างเสียไม่ได้
มีโอกาสไม่มากนักที่จะได้เฝ้ามองเรือนร่างงดงามของเธอเพราะเธอมักจะพยายามปกปิดร่างกายของเธอเสมอ
เขาสำรวจไปทุกตารางนิ้วบนผิวกายนวลเนียน ตั้งแต่เรือนผมสีท๊อฟฟี่
สู่ส่วนคอดเว้าของสะโพก และปลายนิ้วเท้า เขาไม่พบจุดไหนที่ไม่สวยงามเลย
ถ้าหากไม่ใช่เพราะสายเลือดของเธอ ก็คง...
“นายมาทำอะไร
เดรโก” เสียงของเธอแทรกผ่านความคิดของเขา เธอเอี้ยวหน้ากลับมามองเขาภายใต้ม่านน้ำ
“จะมาอาบน้ำ”
เขาโกหกง่าย ๆ แล้วกอดแผ่นหลังของเธอเอาไว้ชิดอกพร้อมกับไล้นิ้วมือไปตามเอวคอด
เธอปัดมือเขาออกอย่างไม่เต็มใจนัก
“ฉันยังโกรธนายอยู่นะ -”
“เธอก็โกรธฉันอยู่ตลอดอยู่แล้ว
-”
“ฉันเคยทำให้นายประทับใจกับการ...นั่นแหละ
บ้างมั้ย”
“การเอากัน
?” เขายักไหล่ “หรือว่าเ...”
“มีอะไรกัน”
เธอแก้ด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีแดง “ฉันถามจริง ๆ นะว่าฉันทำนายคิดว่าฉันเป็นพวกนอนกับใครก็ได้
หรือฉันดูเหมือนคนที่จะไปนอนกับคนอื่นทั้ง ๆ ที่มีแฟนอยู่แล้วอะไรทำนองนั้นหรือเปล่า”
เขาเดาะลิ้น
“ก็ไม่นะ” เขายอมรับด้วยความจริงจัง พยายามจะบรรเทาความผิดหวังของเธอด้วยมือของเขา
“แต่เธอกับวีเซิ่ลก็เคยมีประวัติมาก่อน -”
“ฉันยังไม่เคยถามถึงเรื่องก่อนหน้านี้ของนายเลยนะ
-”
“แพนซี่กับแอสเทอเรีย”
เขาตอบง่าย ๆ “แต่...ความสัมพันธ์ของเธอกับวีสลีย์ไม่เหมือนกัน -”
“พอเลย”
เธอถอนหายแล้วหันกลับมาหาเขา “ฉัน...ฉันนอนกับนาย แค่นั้นก็พอ
ฉันไม่ได้คิดว่าจะไปชอบคนอื่นหรือนอนกับคนอื่น
และก็หวังว่านายจะทำแบบเดียวกันแม้ว่านายจะไม่ได้ติดอยู่ที่นี่”
เขาไม่พูดอะไรเพียงแต่ใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมให้พ้นไปจากหน้าผากมน
ก่อนจะโน้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากของเธอด้วยความรู้สึกที่เกือบจะบริสุทธิ์ที่สุดในทุกครั้งที่ผ่านมา
มันอ่อนหวานหากแต่หนักแน่นแบบที่เขาไม่เคยกล้าจะมอบให้เธอมาก่อน และแม้ว่ารสชาติของความปรารถนาจะละลายปะปนเข้ามาภายในชั่วอึดใจแต่เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ได้ว่าครั้งนี้มันต่างไป
เธอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่นซ่านอยู่ภายใน
เดรโกยังคงได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาจากในสมองของเขาให้เขาประทับตราในแบบที่วีสลีย์ไม่เคยทำ
เขาค่อย ๆ พรมจูบไล่จากลำคอเรื่อยไปจนถึงหน้าอกที่สร้างเสียงอันแผ่วเบาจากปากของเธอ
ชายหนุ่มย่อตัวลงตรงหน้าของเธอพร้อมความรู้สึกแข็งขืนที่แข็งต้านบริเวณหน้าท้อง
เขากำลังจะทำในสิ่งที่สัญชาตญาณบอกกับเขาว่าเธอคงไม่เคยได้รับ
“เดรโก”
เธอกระซิบเสียงพร่า “ฉันไม่เคย -”
“ไม่เป็นไร”
เขาใช้น้ำเสียงมั่นคงที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อประโลมเธอ “เธอจะต้องชอบมัน
เกรนเจอร์”
“แต่ฉัน
-”
“เชื่อฉันนะ
เฮอร์ไมโอนี่” เขาพูดอย่างเด็ดเดี่ยวและตรึงสายตาไว้กับเธอ “ฉันจะไม่ทำให้เธอเจ็บ”
เธอขบริมฝีปากอย่างลังเลก่อนจะพยักหน้าอนุญาตเขาพร้อมความกังวล
ร่างเล็กเอนตัวพิงกำแพงอย่างพยายามผ่อนคลาย เขาค่อย ๆ
ลากปลายนิ้วไปตามขาของเธอเพื่อลดความกังวลแล้วจึงแยกขาของเธอออกอย่างอ่อนโยน
ลมหายใจของเขาเป่ารดจุดที่อ่อนไหวจนเฮอร์ไมโอนี่หลุดเสียงออกมาจากความรู้สึกแปลกใหม่ที่รัณจวนป่วนปั่นอยู่ภายใน
“คิดซะว่าเป็นของขวัญจากฉันแล้วกัน”
เดรโกพึมพำแล้วชั่ววินาทีนั้นเรียวลิ้นก็ค่อย ๆ
สัมผัสเข้ากับความชื้นฉ่ำและเขาก็เริ่มซึมซาบเสียงครางอ่อนหวานของเธอ
นี่มันดีกว่าไอ้ล็อกเก็ตไร้รสนิยมนั่นเป็นไหน
ๆ
---
“ฉันคิดว่าน่าจะถึงเวลาแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ
“เวลาอะไร?”
“เวลาให้ของขวัญนายไง”
เดรโกทำหน้าบึ้งพยายามจะต่อสู้กับรอยยิ้มที่พยายามจะทรยศเขา
หลังจากพวกเขาใช้เวลาร่วมสองชั่วโมงในห้องอาบน้ำพวกเขาก็ย้ายกลับมาที่โซฟา ห่อตัวอยู่ภายในผ้าห่มและใช้เวลาไปกับการสนทนาหลายเรื่อง เถียงกันบ้าง ก่อนจะจบลงที่มื้อเย็นเป็นแซนวิชไก่งวงภายใต้บรรยากาศที่อบอวลด้วยความรัก เมื่อความมืดเข้าครอบคลุมท้องฟ้าทั่วทั้งผืน เขาเหลือบมองนาฬิกาที่ผนังห้องครัวก็พบว่ามันกำลังบอกเวลาว่าอีกไม่กี่นาทีก็จะห้าทุ่มแล้ว
มันดูห่างไกลจากคริสต์มาสที่เขาเคยมีกับครอบครัวมากนัก แต่มันก็เรียกได้ว่า...ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ เพราะเมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์โดยรวมแล้ว การใช้เวลาทั้งวันไปกับเซ็กส์บนโซฟาจะทำให้ผู้ชายอย่างเขาปฏิเสธลงได้อย่างไร
เขาเฝ้ามองเธอที่กำผ้าห่มเอาไว้ที่อกขณะที่ค่อย ๆ เอื้อมไปหยิบของขวัญกล่องสุดท้ายที่วางอยู่เดียวดายใต้ต้นคริสต์มาส มันถูกห่อเอาไว้ด้วยกระดาษสีเขียวและผูกโบว์สีทอง เขาขยับตัวนั่งให้เข้าที่เมื่อเธอวางมันลงบนตักของเขาและเฝ้ามองด้วยดวงตาคาดหวัง
“พูดอีกทีนะว่ามันไม่จำเป็นเลย” เขาว่าขณะที่ดึงริบบิ้นออก
“เปิดเถอะน่า” เธอขมวดคิ้วแล้วกระทบนิ้วกับข้อมือ “เราไม่มีเวลาขนาดนั้นหรอกนะ”
เขาแกะกระดาษออกและค่อย ๆ หยิบของที่อยู่ภายในออกมา คิ้วของเขาเลิกขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงผืนผ้านุ่มภายใต้ฝ่ามือของเขา มันคือเสื้อโค้ทสีดำ ไม่เหมือนกับเขาที่เขาเคยใส่เมื่อสองสามปีก่อน มันดูเรียบแต่ก็ยังคงมองออกว่ามีราคาแพงจากคุณภาพและการออกแบบ เขาเลิกคิ้วอย่างฉงนแล้วมองเธออย่างตั้งใจจะถามว่าทำไมถึงเลือกสิ่งนี้ให้เขาแต่เธอพูดขึ้นก่อนที่เขาจะทันได้หายใจเข้าด้วยซ้ำ
“นี่แค่ส่วนหนึ่งนะ” เธอพึมพำอย่างประหม่า “ฉัน...ฉันไปขอให้ศาสตราจารย์อนุญาตให้นายออกจากห้องมาด้วย”
ดวงตาของเขาเบิกกว้างทันทีที่ได้ยิน “อะไรนะ ฉันไม่เข้าใจ” เขาพูดเสียงแผ่ว “ฉัน...ฉันออกไปได้เหรอ?”
“แค่คืนนี้เท่านั้น” เธอรีบบอก “ศาสตราจารย์อนุญาตให้นายออกไปได้ตราบใดก็ตามที่ฉันอยู่กับนาย แต่เราออกไปไกลมากไม่ได้และมีเวลาแค่ห้าทุ่มถึงเที่ยงคืน อย่างกับซินเดอเรลล่าอะไรอย่างงั้น”
“อย่างกับอะไรนะ”
“ช่างเถอะ” เธอส่ายหน้า “อย่างนี้นะเดรโก ฉันจะต้องแน่ใจว่านายจะเข้าใจว่านี่คือ 1 ชั่วโมงสำหรับวันคริสต์มาส และถ้านายพยายามจะหนีไปละก็ ฉันก็จะต้องหยุดนายเอาไว้”
เจ้าของเรือนผมสีอ่อนไม่มีคำตอบอื่นนอกจากพยักหน้าและเฝ้ามองเธอด้วยความงุนงง เขาจำคริสต์มาสและวันเกิดของเขาที่ผ่านมาได้ทั้งหมด มันเต็มไปด้วยความอู้ฟู่และคำสัญญาที่ว่างเปล่าซึ่งไม่อาจคาดหวังได้แถมยังจบลงที่ความผิดหวังนับครั้งไม่ถ้วน ไม่มีใครเสียเวลาหรือทุ่มเทเพื่อจะคิดอะไรเพื่อเขาอย่างที่เธอทำ แม้แต่พ่อแม่ของเขาเองก็ไม่
เขาสามารถพูดได้อย่างตรงไปตรงมาว่าการหนีไปไม่เคยอยู่ในความคิดของเขา เขาไม่มีที่ให้ไปและเธอไม่จำเป็นต้องสะบัดไม้กายสิทธิ์เพื่อขัดขวางเขาด้วยซ้ำ
“ฉัน...ไม่แน่ใจว่าควรพูดอะไร” เขาสารภาพเสียงสั่น ไล่นิ้วมือไปตามเสื้อโค้ทตัวใหม่พลางประหลาดใจที่เธอเดาใจเขาได้ไม่ผิดเพี้ยน
“ฉันคาดหวังนะ” เธอส่งยิ้ม “เราต้องไปกันแล้ว” เธอบอกแล้วชี้ไปที่ชุด “ใส่เสื้อเถอะ ข้างนอกหนาวมาก ๆ”
---
เฮอร์ไมโอนี่พาพวกเขาลงมาตามเส้นทางที่เงียบงันของปราสาทพร้อมคาถาลูมอสจาง ๆ ที่ไม้กายสิทธิ์ โถงทางเดินว่างเปล่าอย่างที่ศาสตราจารย์บอกเธเอาไว้ จนกระทั่งพวกเขาเดินมาถึงประตูที่จะพาไปสู่ด้านนอก เดรโกก็ดื่มด่ำไปกับทิวทัศน์ด้านนอกที่ถูกแพรไหมของหิมะปกคลุมเอาไว้ ทุกหนแห่งดูเงียบสงบและเรืองรองไปด้วยแสงจากพระจันทร์เต็มดวงที่ฉาบทาไปทั่ว เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ผิวแก้มของเขาได้สัมผัสกับปุยหิมะที่ร่อนลงมองจุมพิตแผ่วเบาให้เขาพร้อมสายลมระเรื่อยที่พัดกระทบร่างกาย
เสียงสวบสาบของหิมะใต้เท้าของเขาทำให้เขาตระหนักได้ว่าที่ผ่านมาเขาไม่เคยชื่นชมมันเลยกระทั่งเดี๋ยวนี้ เขาเดินตามเกรนเจอร์ที่พาเขาออกมาไกลจากปราสาทแล้วพบว่าเธอกำลังพาเขาไปยังทะเลสาบ พวกเขาเดินผ่านต้นไม้ที่ผลัดใบจนหมดพร้อมกับสายลมที่หมุนวนรอบกายของพวกเขาและกัดกินผิวหน้าอย่างน่าหงุดหงิด ทั้งสองเดินเคียงข้างกันผ่านพื้นหญ้าที่เยือกแข็งไปด้วยหิมะโดยไม่สังเกตเลยว่ามีดวงตาบางคู่เฝ้ามองพวกเขาอยู่ เดรโกสูดหายใจเอากลิ่นของความหนาวเย็นเข้าเต็มปอดและปล่อยให้มันเยือกแข็งลำคอของเขา
“หนาวกว่าที่คิดอีกนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้นข้างเขา “เดี๋ยวจะร่ายคาถา -”
“ไม่เป็นไร” เขาบอกเสียงว่างเปล่า “ฉันลืมไปหมดแล้วว่าสายลมทำให้รู้สึกแบบไหน”
เธอนิ่วหน้าก่อนจะส่ายหน้าอย่างเข้าใจ พยายามให้แสงไฟจากคาถาอ่อนลงที่สุดเพื่อให้แน่ใจว่าถ้าหากจะมีใครมองมาจากหน้าต่างประสาทจะเข้าใจไปว่ามันเป็นเพียงแสงเลื่อมจากหิมะเท่านั้น พวกเขาเดินมาถึงช่องทางเล็ก ๆ ก่อนจะถึงทะเลสาบ พวกเขาหยุดลงที่ใต้โครงร่างเปราะบางของต้นวิลโลว์และเฝ้ามองเกล็ดอ่อนบางที่กระจายอยู่บนผืนผิวน้ำ
“ตลกดี” เธอพึมพำขณะที่เลื่อนสายตามองผืนฟ้าสีเข้ม “ฉันตั้งใจวางแผนพานายออกมาแต่ไม่ได้วางแผนเอาไว้ว่าเราจะออกมาทำอะไรกัน”
“ต้องวางแผนไปทุกเรื่องเลยหรือไง” เขาถาม
“ก็ไม่ทุกเรื่องหรอก ก็มีสองสามอย่างที่ตั้งใจจะทำ แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ทำ”
“อย่างเช่น?”
เธอเอียงหน้าครุ่นคิดหาคำตอบ แล้วมองไปที่ทะเลสาบซึ่งเยือกแข็ง “ฉันอยากเล่นสเก็ตน้ำแข็งน่ะ”
“ไม่เคยเล่นสเก็ตน้ำแข็งเหรอ” เขาถามย้ำแล้วมองเธออย่างประหลาดใจ “เธอดูเป็นคนที่น่าจะชอบอะไรแบบนั้นนะ”
“ฉันก็คิดว่าฉันน่าจะชอบ” เธอพยักหน้า “นายเล่นสเก็ตน้ำแข็งเป็นไหม”
“แน่นอน”
เฮอร์ไมโอนี่กลืนก้อนประหม่าแล้วเชิดคาง “สอนหน่อยได้ไหม”
“พูดเล่นใช่ไหม” เขาแค่นเสียงก่อนที่ร่องรอยเย้ยหยันบนริมฝีปากจะละลายไปเมื่อเขาสังเกตเห็นแววตาเว้าวอนของเธอ ดวงตาสีกรวดของเขามองเธออย่างชั่งใจก่อนจะกลอกตาอย่างยอมแพ้ “ได้” เขาว่าแล้วเดินนำไปที่ริมทะเลสาบ “ได้เห็นเธอล้มคงจะตลกดี ว่าแต่พวกสัตว์ในทะเลสาบล่ะ”
“พวกนั้นจำศีลระหว่างที่ทะเลสาบเป็นน้ำแข็งน่ะ” เธออธิบายแล้วเดินตามเขาไปก่อนจะเสกคาถาให้รองเท้ากลายเป็นรองเท้าสเก็ต “เดรโก นาย -”
เสียงของเธอขาดไปเมื่อเขาลงไปยังน้ำแข็งเบื้องล่างด้วยท่าทางสง่างามซึ่งทำเอาหัวใจของเธอเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผล เธอรู้สึกลังเลที่จะวางเท้าลงบน้ำแข็งซ้ำยังรู้สึกแปลกและทรงตัวไม่ได้จนกังวลไปหมด
“เดรโก” เธอเรียกแล้วชักเท้ากลับมาบนพื้นดิน “ฉันเปลี่ยนใจแล้ว -”
“เถอะน่า เกรนเจอร์” เขาเร่งเร้าและเคลื่อนตัวไปตามผืนผิวเยือกแข็งอย่างง่ายดาย “เกิดอะไรขึ้นกับพวกบ้าบิ่นอย่างกริฟฟินดอร์แล้วล่ะ?”
“ฉันไม่ชอบเลย” เธอบอก “ฉันไม่ชอบที่มันควบคุมไม่ได้และ -”
“นี่ความคิดเธอนะ”
“งั้นช่วยหน่อยได้ไหม?” เธอขอแล้วยื่นมือออกไปเป็นสัญญาณให้เขากลับมา “แค่...ขอยืมมือหน่อยหรือไม่ก็ -”
“ถ้าเธอจะลงมา -”
“ได้ไหม เดรโก” เธอพยายามอีกครั้งแล้วมองเขาอย่างจริงจัง
“ให้ตายเถอะเมอร์ลิน” เขาถอนหายใจแล้วเคลื่อนตัวเข้ามายื่นมือให้เธอ “มาสิเกรนเจอร์”
“ห้ามแกล้งหรือผลักฉันหรืออะไรทั้งนั้นนะ” แม่มดสาวเตือน แล้วจับมือเขาไว้ก่อนจะพาตัวเองลงไปที่ทะเลสาบอีกครั้ง เมื่อเท้าข้างหนึ่งแตะลงสู่น้ำแข็งเธอก็โงนเงนทำให้เดรโกต้องใช้อีกมือช่วยประคองตามสัญชาตญาณ และเมื่อเธอวางเท้าอีกข้างลงมาเธอก็รู้สึกได้ว่ากำลังจิกนิ้วเข้ากับเสื้อตัวหนาของเขาอย่างสิ้นหวัง “ฉันไม่ชอบเลย”
“ก็พอจะมองออก” เขายิ้มเยาะขณะที่เธอสั่นไปมาเพราะความไม่มั่นคง “เย็นไว้เกรนเจอร์ ถ้าทำได้แล้วมันก็ง่ายมาก -”
“อวดเก่งจริงนะ”
“ค่อย ๆ เคลื่อนเท้าไปตามแนวแทยง” เขาสอนแล้วพยุงเธอไปกับเขา “เดี๋ยวก็ชิน -”
“สาบานเลยนะ เดรโก” เธอกระซิบด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีแววของการข่มขู่อย่างที่ควรจะเป็น “ถ้านายปล่อยมือฉัน -”
“ฉันจะไม่ปล่อยมือเธอ” เขารับรองอย่างลืมตัวขณะที่คว้าเธอเอาไว้ตอนที่เธอสะดุด “ให้ตาย เธอนี่ไม่ได้เรื่องเลยนะ และพอมาคิดดูแล้วเธอก็ขี่ไม้กวาดไม่ได้เรื่องเหมือนกันนี่”
“เมอร์ลินสาปให้ฉันมีข้อด้อยบ้างน่ะสิ” เธอตอบแล้วปล่อยให้เขาพาเธอไปตามผืนน้ำแข็ง “ทุกคนก็มีจุดอ่อนกันบ้างอยู่แล้ว”
เดรโกชะงักกับคำพูดของเธอแต่ก็ยังคงพาพวกเขาไปต่ออย่างมั่นคง หากแต่ภายในสมองของเขา เขาก็หวังว่าคำพูดของเธอจะมีผลต่อเขาน้อยลงเมื่อเขาได้ออกจากห้องนี้ไปแล้ว แต่เมื่อเห็นเธอตอนนี้แล้ว ด้วยปุยหิมะที่ประดับแต่งบนเส้นผม ใบหน้าที่ขึ้นสีแดงอุ่น และทำเหมือนการเชื่อใจเขาเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดในโลก เขาก็พบว่าเธอยังคงมีผลต่อเขาไม่ต่างจากตอนที่อยู่ในห้องนั้นเลย
เขาหวังว่าเขาจะกลับไปเป็นเหมือนก่อนได้
กลับไปจมดิ่งอยู่ในความคิดดั้งเดิมของเขา
กลับไปเกลียดเธออีกครั้ง อย่างที่ควรทำ
ทว่า...
เธอดันกลายมาเป็นจุดอ่อนของเขาไปเสียแล้ว
“ฉันว่าฉันพอจะเข้าใจแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่บอกด้วยน้ำเสียงตั้งใจ “ปล่อยมือข้างหนึ่ง -”
“ให้อภัยฉันนะ” เขาโพลงขึ้นอย่างไม่มีที่มา หยุดพวกเขาเอาไว้อย่างนั่นและจับต้นแขนของเธเอาไว้ การหายใจของเขาดูติดขัดขณะที่จ้องมองเข้าไปในดวงตาสีเหมือนฤดูใบไม้ร่วงของเธอ เขาพยายามอย่างมากที่จะไม่ประทับจูบลงบนริมฝีปากที่เขากำลังเฝ้ารอคำตอบ “ให้อภัยฉัน” เขาพูดย้ำอีกครั้งหากแต่แผ่วเบากว่าครั้งก่อน
สำหรับทุกสิ่งที่ฉันได้ทำ และสำหรับทุกสิ่งที่ฉันอาจจะทำร้ายเธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในอนาคต
เป็นเพราะความอ่อนไหวของคริสต์มาสที่แล่นผ่านเข้ามา หรืออาจเป็นเพราะเขายอมรับว่าเขายังคงรู้สึกกับเธอเหมือนเดิมแม้จะออกมานอกกำแพงห้องแล้ว หรืออาจเป็นเพราะเขาอยากจะตอบแทนที่เธอทำให้เขาได้รู้สึกถึงสายลมอีกครั้ง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาอยากจะจดจำสิ่งนี้เอาไว้ให้เด่นชัดที่สุดก่อนที่พวกเขาจะต้องกลับเข้าไป เธอเป็นเหมือนสิ่งเดียวที่แสนบริสุทธิ์และดีงามภายใต้ความมืดมิดที่เขาดำรงอยู่ เขาอยากจะจดจำเธอเอาไว้ก่อนที่เขา หรือความจริงเกี่ยวกับสงครามจะทุบทำลายความสงบสุขนี้ไป
“ฉันว่าฉันให้อภัยนายไปตั้งแต่เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนแล้วนะ” เธอบอกเขาด้วยรอยยิ้มโศก ก่อนจะยืดตัวขึ้นประทับริมฝีปากกับเขาเป็นการผนึกคำสัญญา หยาดน้ำตาอุ่นไหลผ่านดวงตาขณะที่เธอผละริมฝีปากออกและซบหน้าผากลงกับเขา “เมอร์รี่คริสต์มาส เดรโก”
เป็นเพียงวันที่สมบูรณ์แบบ
คุณทำให้ฉันหลงลืมตัวตนของฉันไป
อย่างกับฉันเป็นใครที่ไม่ใช่ฉัน
เป็นใครสักคนที่ดีขึ้นกว่าเดิม
ความคิดเห็น