คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Chapter 16 : Snowy [100%]
ริมฝีปากของเดรโกยังคงชื้นไปด้วยจูบของพวกเขา
เขานั่งห่อตัวอยู่บนโซฟา
หลับตาแน่นใช้ฝ่ามือชุ่มเหงื่อประคองใบหน้าเอาไว้ขณะที่ละอองความเย็นโอบล้อมรอบกาย
เขาไม่รู้ว่าที่ตัวกำลังสั่นอยู่นี้เป็นเพราะความหนาวเย็นหรือเป็นเพราะความเจ็บปวดที่กำลังจะฉีกหัวใจเขาออกเป็นชิ้น
ในตอนนี้สิ่งที่เขารู้มีเพียงความรู้สึกหลงทาง แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเชื่อเหลือเกินว่าเกรนเจอร์กับห้องนี้เป็นตัวการทำให้สภาพจิตใจของเขาปั่นป่วน
แต่ระยะหลังมานี้เขากลับรู้สึกได้ชัดเจนมากขึ้นว่าการมีอยู่ของเธอนั้นช่วยบรรเทาความคิดเลวร้ายมากมายของเขายังไง
ความเงียบที่เธอมีให้ตลอดยี่สิบจึงทำให้เขาทุกข์ทรมาณ
ความโดดเดี่ยวที่เราได้รับทำให้เขาค่อย ๆ
ตั้งคำถามกับสายเลือดและสิ่งที่เขาต้องการจากเกรนเจอร์มากขึ้น
เสียงสะท้อนของพ่อเกี่ยวกับอคติที่มีต่อสายเลือดมักเกิ้ลค่อย
ๆ บิดเบี้ยวและเปราะบางลงในทุกวัน มันเลือนรางจนเหลือเพียงเสียงกระซิบภายในใจของเขาเท่านั้น
มันทำให้เขาทั้งโกรธและกลัวว่าเธออาจจะกำลังมีผลต่อความคิดของเขา
แต่ในขณะเดียวกันมันก็กลับสสร้างความโล่งใจในแบบที่เขาไม่เข้าใจ การจูบเธอ
สัมผัสเธอ มันสร้างช่องว่างของความรู้สึกสงบที่ต่างไปจากปกติ
หากแต่ก็ทำให้เขารู้สึกสับสนและหลงทาง - คงเป็นการหลงทาง...ที่ดี มันเหมือนกับเขากำลังจมน้ำ
และเขาก็จินตนาการเอาว่าความรู้สึกเหล่านี้เองก็คงเป็นสิ่งที่คนที่กำลังจะจมน้ำรู้สึก
แต่เธอก็กลับทิ้งเขาไว้ที่นี่
ทิ้งเขาไว้กับโทสะที่กำลังเดือดพล่านไปตามผิวหนังเมื่อคิดภาพบาดใจระหว่างเธอกับคอร์เนอร์
แต่ในส่วนลึกของสมองเขาก็เชื่อว่าเกรนเจอร์จะรักษาคำพูดของเธอที่บอกว่า
ระหว่างเธอและไอ้เรเวนท้อนั่นไม่มีอะไรนอกจากความเป็นเพื่อน
แต่ความหึงหวงก็ได้กัดกินเขาไปเรื่อย ๆ
เขาพบว่าตัวเองพร้อมจะอาละวาดทุกครั้งที่ภายในหัวปะทุภาพปรุงแต่งของพวกเขาขึ้นมา
เขาควรจะทำยังไงดี เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้มันเดือดกรุ่นอยู่แบบนั้น
คลื่นความน้อยใจพุ่งเขาซัดเขาซ้ำไปมาจนเล็บเผลอจิกเข้าที่ขมับโดยไม่รู้ตัว
เขากลืนน้ำลายลงคอที่กำลังตีบตันแล้วคำรามในลำคอจนสั่นไปทั้งร่างกาย
เขาตั้งใจจะฝังตัวนั่งอยู่แบบนี้เพราะรู้ดีว่าถ้าหากขยับออกจากโซฟาเพียงก้าวเดียว
เขาคงจะพาตัวเองพุ่งไปซัดผนังจนมือแตกไปข้าง
เขาไม่รู้เลยว่าเธอออกไปนานแค่ไหนแล้ว
บางทีอาจจะผ่านไปเพียงไม่กี่นาที
แต่ความเดียวดายกลับทำให้เขารู้สึกเหมือนมันนานนับชั่วโมง
เขาถูก...ฝึกมาเป็นอย่างดีให้คอยรักษากริยาของตัวเอง
แต่ในตอนนี้ เมื่อต้องอยู่ในห้องนี้กับเธอเพียงลำพัง แรงกระตุ้นมหาศาลที่ไม่อาจควบคุมได้ก็ทำให้ประหลาดใจ
แม้ว่าการควบคุมตัวเองจะเป็นสิ่งจำเป็น แต่ทุกครั้งสมองก็ชอบลอยทิ้งเขาไปเหมือนอยากปล่อยให้เขาทำอะไรที่อยากทำ
ช่องว่างขนาดใหญ่ภายในสมองของเขาเคยถูกอคติมากมายครอบครองเอาไว้
แต่ในตอนนี้มันกลับเต็มไปด้วยเรื่องของเธอ
คำพูดของเธอ
ใบหน้าของเธอ
กลิ่นของเธอ
รอยยิ้มของเธอ เสียงหายใจของเธอ
เกรนเจอร์...
เสียงประตูหลักดังขึ้นทำให้เขารีบเงยหน้าขึ้นมอง
การกลับมาของเธอทำให้สายลมรอบกายเขาราวกับหยุดพักการทำงาน
เธอหอบหายใจไม่เป็นจังหวะพร้อมใบหน้าที่ขี้นสีแดง เส้นผมของเธอกลับมาเป็นลอนเหมือนเดิมแล้วและมันก็ล้อมกรอบหน้าของเธอเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบ
เขามองดวงตาที่เบิกกว้างและเนินอกที่กำลังขยับขึ้นลงตามแรงหายใจแล้วพบว่าเธอช่างน่ากินเกินต้านทาน
รวมไปถึงชายกระโปรงสีน้ำเงินที่กำลังพลิ้วไหว้นั่นทำให้เขาต้องผุดลุกขึ้นยืนพร้อมหัวใจที่เต้นแรง
พวกเขาตรึงสายตาไว้กับกันและกัน
มันมีทั้งความสับสนและความตึงเครียดแทรกผ่านระหว่างนั้น
และเดรโกเต็มใจที่จะอดทนรอไม่ทำอะไร เพราะเขาอาจจะแค่คิดไปเองว่าเธอกลับมาหา
บางทีเธออาจจะแค่ลืมของ และไม่ได้มีความหวังอะไรให้เขาได้หวัง แต่ด้วยสีหน้าประหม่าที่ระบายอยู่ทั่วใบหน้าน่ารักนั่น
เดรโกก็พอจะเดาได้ว่าเธอคงกลับมาด้วยเหตุผลที่จำเพาะกว่านั้น แค่เพียงคิดภายในของเขาก็เริ่มบิดรัดไปด้วยความตื่นเต้นและหวั่นใจ
สองเท้าของเขาเริ่มขยับออกไปเองตามสัญชาตญาณของมัน
เขาจะต้องรีบเข้าไปหาเธอก่อนที่เธอจะเริ่มเข้าใจสถานการณ์ไปผิด
ๆ และทำให้พวกเขาต้องมีปัญหากันอีก
เขาพยายามอย่างมากที่จะสะกดความต้องการที่มีต่อเธอในคืนนี้เอาไว้ เพียงเพราะบางทีถ้าหากพวกเขา...ยอมรับในแรงกระตุ้นที่ไม่อาจหลบเลี่ยงได้
เธออาจจะเริ่มไว้ใจเขามากขึ้น และในที่สุดข้อด้อยไร้สาระของเขาที่เธอคิดก็จะหายไป
“ฉัน...ฉันไม่รู้ว่าตัวเองมาทำอะไรที่นี่”
เฮอร์ไมโอนี่พึมพำเมื่อเขามาหยุดอยู่ตรงหน้า
เดรโกพยายามที่จะบุ่มบ่ามเข้าหาเธอ
เขาจึงทำเพียงประคองใบหน้าของเธอเอาไว้และลากนิ้วหัวแม่มือไปตามแนวปากของเธออย่างอ่อนโยน
เขารู้สึกได้ว่าเธอกำลังกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากและเมื่อเขาก้าวเข้าไปใกล้อีกนิด
เธอก็ค่อย ๆ หลับตาลง เดรโกกลั้นหายใจพร้อมกับเสียงมากมายที่กำลังถกกันภายในสมอง
แต่ชั่ววินาทีนั้นเธอก็ขยับห่างออก
“ฉัน...”
เธอกระซิบด้วยความประหม่า “ฉันแค่ต้องการคืนนี้แค่คืนเดียวที่ -”
“แค่คืนเดียว”
เขาพยักหน้าแล้วแทรกผ่านช่องว่างสุดท้ายระหว่างพวกเขา
เสียงทอดลมหายใจอย่างยอมจำนนของเธอทำให้เขาวูบวาบภายในลำคอขณะที่ค่อย
ๆ รุกล้ำเข้าไปภายในปากของเธอ เขาสัมผัสได้ถึงรสชาติของบลูเบอร์รี่และคำสัญญาที่กำลังมอมเมาเขา
ความปรารถนาบีบรัดอยู่ภายในขณะที่เขาโถมเทความร้อนใจทั้งหมดระหว่างที่เธอทิ้งเขาไปให้กับเธอ
ชายหนุ่มกระชับร่างของเธอเอาไว้อย่างหวงแหน
กอดเธเอาไว้แนบกายอย่างไม่ต้องการให้เธอจากไปไหน
เธอกระพริบตาแล้วพยายามรวบรวมสติ
“ครุกแชงส์” เธอรีบพูดรหัสผ่านพร้อมกับที่เดรโกพาเธอผ่านประตูไป
ภายในห้องมืดสลัวมีเพียงแสงระยับตาของดวงจันทร์ที่ทอแสง
มันมืดมากพอที่เธอจะปล่อยให้มันกลืนเธอเอาไว้ ที่นี่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย –
ปลอดภัยที่จะกักเก็บความลับแสนอันตรายและเรื่องราวต้องห้ามเหล่านี้เอาไว้ เธอเอียงหน้าให้เดรโกเพื่อให้เขาจูบเธอได้อีกครั้งพร้อมหัวใจที่หวังว่าเขาจะสามารถดูดกลืนความรู้สึกหวาดหวั่นอันดื้อรั้นของเธอไปได้จนหมด
ท่าทางของเธอทำให้เดรโกรู้ว่าเธอกำลังกังวล
แต่เดรโกก็ยังคงไม่หยุดมือที่ป่ายแปะอยู่ที่สะบักหลัง
เขารู้สึกว่าความเครียดของเธอลดลงมากพอที่เขาจะสามารถปลดชุดของเธอออกได้แล้ว
และเสียงอึดใจชุดราตรีสีน้ำเงินก็ถูกปลดลงไปกองกับพื้น แต่เดรโกก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเธอกลับนิ่งไปอีกครั้ง
เดรโกขยับออกเพื่อให้เธอสบตาที่เต็มไปด้วยความหมายของเขา
แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อาจห้ามสายตาไม่ให้เลื่อนมองร่างกายของเธอได้
ภายในท้องของเขาบิดรัด เขารู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังเขม่นตึงขึ้นอีกครั้งขณะที่เขากำลังเชยชมเรือนร่างของเธอ
ก็ใช่ที่เขาเคยจินตนาการภาพเธอที่อีกฝั่งของกำแพงห้องน้ำ แต่เขาต้องยอมรับว่าเขาประเมินเธอต่ำเกินไป
เธอมีความอ่อนช้อยและเต็มไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดมากกว่าภาพที่เขาสร้างขึ้นในหัว
ชุดชั้นในสีน้ำเงินธรรมดา ๆ นั้นไม่อาจปิดบังสัดส่วนที่ตรึงสายตาของเขาได้
และด้วยแสงที่สลัวก็ทำให้ผิวกายของเธอเป็นสีมะกอกราวกับทอฟฟี่ที่น่าลิ้มลอง
และในอึดใจนั้นเขาก็ไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้เลย
ไม่มีสิ่งใดที่น่ารังเกียจ...หรือโสโคลก...
ความรู้สึกลำบากใจของเธอเด่นชัดขึ้นเมื่อเธอเคลื่อนมือไปปิดบังร่างกาย
และก่อนที่เขาจะถูกความสับสนขโมยเธอจากไปอีก ร่างสูงก็รีบประทับริมฝีปากของเธออีกครั้ง
เขาจะไม่มีทางปล่อยให้เธอหายไปอีก
เดรโกแทรกมือระหว่างพวกเขาเพื่อปลดกางเกงและเคลื่อนตัวเข้าไปในห้อง
เตียงที่เขาเคยนอนเมื่อคืนก่อนอยู่เพียงไม่ไกลและเขาก็ได้ยินเสียงหัวใจของเธอดังสะท้อนอยู่ภายในอก
เธอจับใบหน้าของเขาเอาไว้ด้วยฝ่ามือที่สั่นระริกเมื่อเขาค่อย ๆ
ผลักเธอลงบนเตียงด้วยความอ่อนโยนเท่าที่ความต้องการของเขาจะอนุญาตให้ทำได้
เขาพาเธอเคลื่อนไปบนฟูกขณะที่ริมฝีปากยังคงทำงานของมันอย่างไม่ยอมหยุดพัก
เขารู้สึกว่าประสาทการรับรู้ของเธอกำลังเต็มไปด้วยความกังวลอีกครั้งเมื่อเขาเคลื่อนมือไปสู่ตะขอเสื้อชั้นใน
และเขาก็ยิ่งดูดดึงริมฝีปากของเธออย่างล้ำลึกเพื่อให้เธอหลงลืมมันไป เขาวิงวอนต่อสิ่งใดก็ตามเป็นพันครั้งในใจเพื่อให้เธอละทิ้งตรรกะเหตุผลทั้งหมดอย่างที่เขากำลังทำ
เดรโกไล้เล็มแนวกระดูกไหลปลาร้าไปพร้อมกับเสียงครางอันแผ่วเบาที่ดังผ่านริมฝีปากบาง
เขารู้สึกว่าเธอกำลังโอนอ่อนตาม
และเขาก็รู้สึกว่าความปรารถนาของเขากำลังดุนดันต้นขาด้านในของเธอ
ฝ่ามือของเขาแทรกผ่านระหว่างพวกเขาอีกครั้งเพื่อดึงปราการสุดท้ายของตัวเองให้พ้นไปให้พวกเขาได้สัมผัสผิวเนื้อของกันและกัน
เขาค่อย
ๆ สอดปลายนิ้วผ่านกางเกงชั้นในของเธอแล้วดึงมันผ่านต้นขา เข่า และแข้งด้วยความใจเย็นระดับเหรียญทอง
ร่างกายของเธอสั่นสะท้านไปด้วยความสงสัยและไม่แน่ใจเมื่อเขาใช้ดวงตาคมเลื่อนมองพร้อมไปแสงจันทร์ที่กำลังอาบไล้ตัวเธอ
ดวงตาของเธอเบิกกว้างและหวาดหวั่นทำให้เขาค่อย ๆ เอียงใบหน้ามอบจูบให้เธอีกครั้งอย่างปลอบประโลม
เขาพยายามตั้งหลักระหว่างขาของเธอแต่แล้วเสียงอันสั่นเครือก็ทำให้เขาหยุดนิ่ง
“เดรโก
รอเดี๋ยว” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบ เขาเหลือบตาขึ้นมองเธอแล้วสาบานต่อซัลลาซาร์ว่าถ้าหากเธอบอกให้เขาหยุด
เขาจะยอมจำนน เธอเลียริมฝีปากแล้วมองเขาด้วยดวงตาอ้อนวอนก่อนจะค่อย ๆ
พูดออกมาด้วยถ้อยคำละเอียดลออ “ได้โปรด ใจเย็นกับฉันด้วยนะ”
คิ้วของเดรโกย่นเข้าหากันเมื่อได้ฟังคำขออันมีนัยยะของเธอ
“ฉันคิดว่าเธอไม่ -”
“ใช่”
เธอดักคอพร้อมกับพวงแก้มที่ขึ้นสีจัด “แต่ฉัน...แค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
กดดันแล้ว...
เขารู้ได้ในทันทีว่าเธอพยายามเพื่อเขามากแค่ไหน
และนั่นยิ่งทำให้เขาต้องต่อสู้กับแรงขับที่มากขึ้น ความต้องการบ่าท้นท่วมจนเจ็บในอก
มันเป็นความเจ็บปวดที่เต็มไปด้วยความยินดีและเขาตั้งใจที่จะไม่เห็นแก่ตัวกับเธอในคืนนี้
“จับบ่าของฉันเอาไว้นะ”
เขากระซิบนำและรอจนกว่าเธอจะทำตามก่อนจะพูดต่อ “ถ้าเจ็บให้จิกเล็บแรงที่สุดเท่าที่เธออยากทำ
แล้วกัดปากของฉันได้”
คำพูดของเขาช่วยบรรเทาความกังวลของเธอลงได้
ร่างเล็กพยักหน้ารับก่อนที่เขาจะเริ่มปรนเปรอลำคอของเธอด้วยจูบที่อ้อยอิ่ง เขาค่อย
ๆ เรียนรู้เธอไปพร้อมจังหวะเชื่องช้าและในที่สุดก็รู้ว่าจะเป็นการดีกว่าถ้าหากไม่ปล่อยให้เธอได้ว่างเว้นจากจูบของเขา
เดรโกเลื่อนนิ้วมือผ่านหน้าท้องแบนราบและพามันแทรกผ่านระหว่างขาของเธอเพื่อให้แน่ใจว่าเธอพร้อมแล้ว
แม้ว่าภายในหัวของเธอจะเต็มไปด้วยความขัดแย้งมากมายแต่ร่างของเธอก็ตอบสนองเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เขารู้สึกได้ถึงความฉ่ำชื้นและไหลลื่นด้วยนิ้วของเขา เดรโกพยายามอดทนต่อความต้องการของตัวเองแล้วใช้นิ้วหัวแม่มือสัมผัสไปที่จุดอ่อนไหวซึ่งเรียกเสียงครางอย่างเขินอายให้ดังขึ้น
ก้านนิ้วเรียวทั้งสองนิ้วค่อย ๆ
พาตัวเองสอดเลื่อนเข้าไปภายในเพื่อให้เธอพร้อมสำหรับเขา เดรโกใช้เวลาหลายนาทีในการขยับนิ้วและฟังเสียงลมหายใจของเธอ
เขาตัดสินใจว่าจะรอ ต่อให้นานแค่ไหนเขาจะอดทน เพื่อทำทุกอย่างให้เธอผ่อนคลายที่สุด
เดรโกขยับตัวในท่าทางที่เตรียมพร้อมหากแต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ขบริมฝีปากของเขาครั้งหนึ่ง
ชายหนุ่มค่อย ๆ วนปลายนิ้วขณะที่แทรกผ่านเข้าไปภายในตัวเอง
เล็บมือที่อยู่บนบ่าจิกลงกับผิวเนื้อเปลือยจนเขาต้องซี้ดปาก
เธอยังคงเกร็งไปด้วยความไม่ประสาและวิตกกังวล แม้ว่ามันจะเป็นไปเพราะความรู้สึกดีอย่างอัศจรรย์
แต่เขาก็อยากให้เธอมีความสุขไปกับมัน
“ผ่อนคลายนะ”
เขากระซิบกับริมฝีปากของเธอ “มันจะไม่เป็นไร”
เขารู้ว่าเธอยังคงต้องการเวลาเพื่อจะปรับตัวอีกนิดหน่อย
เขาจึงพยายามเป็นอย่างมากที่จะสู้กับแรงกระตุ้นมหาศาลเพื่อให้ไม่รีบขยับทำอะไรมากไปกว่านี้
เขาซบหน้าผากลงกับเธอหวังว่าความเจ็บปวดจะจางไปโดยเร็ว ชายหนุ่มค่อย ๆ
ถอนตัวออกแล้วแทรกผ่านเข้ามาอีกครั้ง
เขาเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าต่อเนื่องจนกระทั่งเธอเลิกจิกเล็บลงบนบ่าและปล่อยริมฝีปากของเขาให้เป็นอิสระ
เดรโกฝังใบหน้าลงข้างลำคอของเขาด้วยจำได้ว่าเป็นบริเวณที่ปลุกกระตุ้นเธอได้ดีพร้อมกับค่อย
ๆ เร่งจังหวะให้เร็วขึ้น
เธอเริ่มสูญเสียสมาธิไปพร้อมกับความเจ็บปวดที่กำลังจางไป
เธอได้ยินส่วนล่างของเขากำลังทำหน้าที่ของมันเพื่อกระตุ้นบางอย่างที่อยู่ภายในตัวเธอ
ทุกจังหวะเคลื่อนไหวของเขากำลังปลุกความรู้สึกอ่อนไหวภายในท้องของเธอและมันยิ่งทำให้เธอต้องแอ่นสะโพกขึ้นรับมันมากขึ้นด้วยสัญชาตญาณ
เดรโกเงยหน้าขึ้นมองเธอ ริมฝีปากของพวกเขาไม่อาจสัมผัสกัน มีเพียงลมหายใจเท่านั้นที่แลกผ่านผันผวนระหว่างพวกเขา
ดวงตาทั้งคู่เชื่อมหวานอยู่อย่างนั้นขณะที่เสียงครวญครางในลำคอดังสะท้อนอยู่แนบอกแกร่ง
จังหวะที่เขามอบให้ทำให้เธอมองเห็นปมอันแสนวิจิตรที่ถักทอดขึ้นภายในจากความเสียวซ่าน
เดรโกโอบแผ่นหลังของเธอเอาไว้แล้วประคองเธอให้ลุกขึ้นนั่งลงบนตัวของเขา
ในขณะที่หญิงสาวได้แต่ซ่อนใบหน้าของเธอเอาไว้แนบแผงอกที่ชื้นเหงื่อ เขากอดกระชับสะโพกของเธอเข้าหาก่อนจะมอบจูบที่ร้อนแรงกว่าครั้งไหน
ๆ ให้กับเธอ เดรโกจัดท่าทางใหม่ให้เพื่อให้สัมผัสของเขากระตุ้นถูกจุดความรู้สึกของเธอได้มากขึ้น
แล้วจึงค่อย ๆ ขยับสะโพกไปตามจังหวะอีกครั้ง จากนั้นจึงละจากริมฝีปากของเธอแล้วใช้ฝ่ามือประคองเคล้นสัดส่วนอันอ่อนนุ่มเพื่อปรนเปรอเธออีกครั้งด้วยปลายลิ้น
เสียงเล็ก
ๆ ของเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นจังหวะที่เร่าร้อนขึ้นพร้อมกับที่เขารู้สึกถึงการบีบรัดภายใน
ร่างเล็ก ๆ ภายในอ้อมแขนกำลังสั่นสะท้านและเสียงหัวใจที่เร่งจังหวะจนสัมผัสได้ด้วยริมฝีปาก
ทำให้เขารู้ได้ว่าเธอใกล้จะถึงจุดนั้นแล้ว เดรโกพยายามยับยั้งตัวเองเพื่อให้เธอได้ผ่านมันไปก่อน
เขาไม่ยอมแน่
ถ้าหากไม่ได้สัมผัสแรงรัดและความผ่อนคลายของเธอ
เฮอร์ไมโอนี่สะอื้นออกมาเมื่อความร้อนในกายกำลังแผ่ซ่านไปทั่วร่างพร้อมการบีบรัดภายใน
เธอสูญเสียการควบคุมทั้งหมดไปพร้อมกับปล่อยให้ความรู้สึกแปลกประหลาดอันสวยงามกลืนกินเธอ
เดรโกกอดเธอไว้แน่นขณะที่ร่างกายของเธอค่อย ๆ ผ่อนลง
เขาขยับสะโพกอีกไม่กี่ครั้งภายในระลอกคลื่นความสุขของเธอ
แล้วในที่สุดความสุขสมของเขาก็ระเบิดทะยานเข้าสู่ตัวเธอ
เขาครางต่ำในลำคอซุกหน้าเข้าเข้าหาเธอกอดเธอเอาไว้แน่นก่อนจะค่อย ๆ
ผ่อนลมหายใจรินรดลำคอระหง เมื่อลมหายใจกลับมาเป็นปกติเขาก็รู้สึกถึงความหนักอึ้งไปทั่วสรรพางค์
ตัวเธออ่อนปวกเปียกในอ้อมกอดของเขา
ร่างเล็กเอียงซบลงที่ลาดไหล่แล้วพรมจูบแผ่วเบา เดรโกขยับประคองพวกเขาลงนอนบนหมอนโดยไม่ลืมขยับผ้าห่มคลุมร่างให้ห่างจากความหนาวเหน็บ
ดวงตาสีอ่อนเฝ้ามองแพขนตาและริมฝีปากที่เม้มแน่น
เขารู้ว่าความเงียบอันน่าอึดอัดกำลังกลับมาอีกครั้งหลังการจากไปของเสียงลมหายใจอันสุขสม
มันทิ้งพวกเขาไว้พร้อมคำถามที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
“พักผ่อนเถอะ
เกรนเจอร์” เขาบอก
“ฉันแค่อยากจะขอบคุณ”
เธอกระซิบอย่างอ่อนล้าในขณะที่ดวงตาใกล้จะปิดลง “สำหรับการที่นาย...อ่อนโยนกับฉัน”
เขาขมวดคิ้วเมื่อได้ฟังน้ำเสียงอันเป็นมิตรพร้อมกับที่รู้ว่าในอีกไม่กี่ชั่วโมงทุกอย่างอาจจะเปลี่ยนไป
เมื่อแสงเจิดจ้าของยามเช้ามาถึง เขาอาจจะเกลียดที่ตัวเองทำแบบนี้
และเธออาจจะกลับไปรู้สึกเหมือนถูกหลอกใช้อีกครั้ง
แต่ในค่ำคืนนี้ก็ได้สร้างความสุขสงบและความลับระหว่างพวกเขามากพอแล้ว
เพราะอย่างนั้นเขาจึงเอื้อมมือไปเกลี่ยเส้นผมสีกาแฟให้ไม่ระคายใบหน้าของเธอ แล้วจึงลากนิ้วมือไปตามคิ้วเรียวขณะที่เธอหวนเข้าสู่ห้วงนิทราและผ่อนลมหายใจพลางกระซิบถ้อยคำที่ไม่อาจจับใจความ
เขาชะงักและดึงมือกลับเมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร
นึกด่าตัวเองที่กำลังยืดเวลาเหล่านี้ออกไป ความจริงเขาควรจะออกจากห้องได้แล้ว
แต่ว่าร่างกายของเขากลับหนักอึ้งและเตียงนอนของเกรนเจอร์ก็อุ่นกว่าเตียงของเขามาก
เดรโกจึงทำได้เพียงขยับตัวเพื่อให้ได้นอนมองหน้าเธอได้อย่างถนัดตา
แม้ว่าจะขยับเข้าใกล้เกินกว่าที่จำเป็นแต่เขาก็ไม่ได้สัมผัสเธออีก
และก่อนที่เขาจะได้ตั้งคำถามกับความใกล้ชิดนี้ห้วงนิทราก็พาตัวเขาไป
เดรโกนึกชิงชังวันพรุ่งนี้
เพราะมันจะต้องมาถึงอย่างที่เขาไม่อาจหยุดยั้งมันได้
---
เฮอร์ไมโอนี่ตื่นขึ้นพร้อมความรู้สึกปวดหนึบทั้งแขนและขา
อีกทั้งบริเวณระหว่างขายังมีอาการกดเจ็บที่กำลังสลับกันไปมาระหว่างความเจ็บปวดและความพึงพอใจ
เธอค่อย ๆ
ขยับเปลือกตาขณะที่ยังรู้สึกได้ถึงรสสัมผัสของสลิธีรินที่ริมฝีปากอันเจ่อบวม ฝ่ามือเล็กควานเจอความอบอุ่นที่ยังคงทิ้งร่องรอยเจือจางอยู่ข้างกาย
แม้ความจริงเธอจะคิดว่าเขาคงจากไปแล้วเมื่อเธอตื่นขึ้น แต่พอดวงตาสะลึมสะลือเคลื่อนไปพบร่างสูงที่เห็นเป็นเพียงเงาย้อนแสงยืนอยู่ที่กรอบหน้าต่าง
นั่นก็ทำให้เธอตกใจอยู่ไม่น้อย เธอค่อย
ๆ หยัดตัวขึ้นนั่งเพื่อให้มองเห็นใบหน้าของเขาชัดเจนขึ้น ใบหน้าขาวซีดของเขากำลังมองไปนอกหน้าต่างขณะที่มือกำลังลูบบริเวณคางด้วยท่าทางครุ่นคิด
เขาคงกำลังตกอยู่ในความคิดนานเสียจนไม่ทันได้สังเกตว่าเธอตื่นแล้ว “คิดว่านายจะไปแล้วเสียอีก”
เธอทำลายความเงียบลงด้วยเสียงแห้ง เดรโกไม่ได้มองกลับมาที่ต้นเสียง
“จะอยู่หรือไปก็ไม่สำคัญอะไรในเมื่อเธอนึกออยากจะเข้าห้องฉันเมื่อไหร่ก็ได้”
เขาพูดเสียงเรียบ เฮอร์ไมโอนี่สูดหายใจลึกครั้งหนึ่งแล้วรวบผ้าห่มมาพันห่อตัวเอาไว้แล้วลุกจากเตียง
เธอค่อย ๆ เดินเข้าไปหาเขาโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังทำไปเพื่ออะไร
แต่เมื่อเข้าใกล้เขามากขึ้น ภาพภายนอกหน้าต่างก็ทำให้เธอเผลอยิ้มกว้างออกมา
ความสวยงามของปุยสีขาวโพลนกำลังครอบครองทิวทัศน์สุดสายตา เดรโกเฝ้ามองเธออย่างใคร่ครวญว่าควรจะลากเธอกลับไปที่เตียงเพื่อสานต่อเรื่องราวต้องห้ามระหว่างพวกเขาอีกครั้งดีหรือไม่
ในเมื่อห้องทั้งห้องนั้นกำลังเต็มไปด้วยกลิ่นของพวกเขาที่ผสานกันจนทำให้รู้สึกราวกับเป็นยากระตุ้นกำหนัดชั้นเลิศ
“มีความสุขอะไรนักหนา”
เขาถามเสียงแข็ง แล้ววางคางลงบนข้อนิ้วพยายามแสดงท่าทางเหยียดยามต่อเธอ “หิมะไงล่ะ” เขาขมวดคิ้ว
“แล้ว ?” “ฉันรอหิมะตกมาตั้งนาน”
เธอพูดเสียงอ่อน ขณะนี้เธออยู่ใกล้เขาเสียจนสามารถสัมผัสเธอตอนไหนก็ได้หากเขาต้องการ
แต่ภาพของเธอในยามนี้ก็ทำให้เขายั้งมือเอาไว้ เกรนเจอร์ในเช้าถัดมาหลังจากค่ำคืนอันแสนสาหัสช่างน่ามองอย่างประหลาด
ทั้งด้วยเส้นผมที่ยุ่งเหยิงพอประมาณ ทั้งแก้มที่ขึ้นสีเลือดฝาด
และไหนจะร่องรอยริมฝีปากของเขาที่ยังคงเด่นชัดที่ลำคอ เธอดึงดูดเขาอย่างประหลาด
แค่เพียงมองเธอแบบนี้สัดส่วนอันดื้อรั้นก็เริ่มขยับเกร็งขึ้นอีกครั้ง
เดรโกกลืนน้ำลายแล้วละสายตาจากเธอพร้อมทั้งขบกรามแน่น
เขากำลังคิดว่าจะพูดอะไรสักอย่างแล้วรีบออกจากห้องไป “เกรนเจอร์
-” “นาย...นายรู้สึกแย่กับเรื่องเมื่อคืนไหม
?” เธอถามขัดขึ้นอย่างไม่แน่ใจนัก พลางไล่ขยับมือไปตามผ้าห่มที่พันรอบกาย เดรโกรู้สึกกระอักกระอ่วนในใจ
เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรตอบคำถามนั้นยังไง “แล้วเธอล่ะ ?” เขาเปลี่ยนเป็นถามกลับแทนให้คำตอบ เฮอร์ไมโอนี่เม้มริมฝีปาก
“ไม่ ไม่เลย และฉันก็...คิดว่านายเองก็คงเหมือนกัน” “แต่จริง
ๆ แล้วมันไม่เกี่ยวกัน” เขาพึมพำและหลบสายตา “ความจริงไม่ว่าจะรู้สึกแย่หรือไม่ก็ตาม
มันไม่ควรจะเกิดขึ้น และก็ไม่ควรเกิดขึ้นซ้ำด้วย -” “ไม่ควรเกิดขึ้นเหรอ
?” “จะไม่เกิดขึ้นอีก”
เขาแก้อย่างรวดเร็ว “มันไม่อาจ -” “ทำไมล่ะ
?” เธอถามกลับอย่างหงุดหงิดกับการพยายามปฏิเสธของเขา “เพราะฉันเป็นมักเกิ้ลงั้นเหรอ
?” “เกรนเจอร์
-” “รู้มั้ย
นายไม่ได้ใช้สายตารังเกียจเดียดฉันท์มองฉันอีกต่อไปแล้ว” เธอพูดเสียงเย็น “ตรงกันข้าม
ความจริงนาย -” “เธอคาดหวังอะไรจากเรื่องนี้เหรอ
เกรนเจอร์” เขาถามตรงไปตรงมา “เธอรู้ว่าฉันเป็นใคร -” “ใช่
ฉันรู้” เธอพยักหน้า “และฉันก็รู้ว่านายไม่ได้ปักใจเชื่อเรื่องพวกนั้น
เพราะไม่อย่างนั้นเรื่องเมื่อคืนก็คงไม่เกิดขึ้น -” “เรื่องเมื่อคืนมันเห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะที่นี่ทำให้สมองฉันปั่นป่วนไปหมด
-” “พอเถอะ!” เธอแหวอย่างโมโห “เลิกโทษนู่นนี่ไปเรื่อยสักที! มันน่าสมเพชนะ! นายรู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไร!” “เธอเองก็เหมือนกัน!” “และฉันก็ไม่เคยปฏิเสธมันเลยสักอย่าง!” เธอตะโกน “ฉันไม่สำคัญสำหรับนายเลยใช่ไหม ?” เขากัดฟันแล้วจ้องมองเธอด้วยสายตาเยือดเย็น
เมอร์ลิน คำพูดของเธอกำลังทำให้เขาหงุดหงิดเหมือนจะบ้า “ไม่เข้าใจหรือไง”
เขาลากเสียง “ฉันกำลังเป็นพวก -” “พวกไหน
?” “พวกทรยศต่อสายเลือดยังไงล่ะ!” เขาตวาดแล้วลุกขึ้นจากที่นั่ง “ฉันกำลังทำให้เกียรติของตระกูลย่อยยับ
เธอยังจะกล้ามาถามหาความรู้สึกอะไรเกี่ยวกับเธออีกหรือไง” เฮอร์ไมโอนี่ชะงักกับอารมณ์ที่เขาเพิ่งสาดใส่เธอ
ทั้งคู่ยืนทื่ออยู่แบบนั้น มีเพียงโทสะและความตกใจที่วูบไหวอยู่ภายในดวงตาของเดรโกรเมื่อเขาตระหนักได้ว่าตัวเองเพิ่งพูดอะไรออกไป
สิ่งเดียวที่เขาอยากทำคือเก็บเกี่ยวถ้อยคำทั้งหมดนั้นกลับคืน เธอพยายามจะยื่นมือมาสัมผัสแก้มของเขาแต่เดรโกก็รีบขยับหนีเพื่อปฏิเสธมัน
- ปฏิเสธที่จะรู้สึกโง่เง่าไปมากกว่าที่เขากำลังเป็นอยู่ในตอนนี้ “แม่งเอ้ย”
เขาเคี้ยวฟันแล้วเดินตรงไปที่ประตู “พอกันที -” “เดรโก
รอเดี๋ยว” เฮอร์ไมโอนี่เรียกแล้วตามไปหาเขาก่อนที่เขาจะเปิดประตูออกไป “ขอโทษที่ต้องพูดแบบนี้
แต่...แต่ฉันคงไม่สามารถอยู่กับนายได้ถ้าหากว่านายจะเป็นแบบนี้” ภายในอกของเขาบิดรัดด้วยความเจ็บปวดเมื่อได้ยินดังนั้น
“เธอหมายความว่ายังไง” “ถ้า...ถ้าหากว่านายอยากจะหยุดมันไว้แค่นี้จริง
ๆ” เธอพูดต่อด้วยน้ำเสียงเศร้าและมีเสียงสะอื้นคลอเป็นระยะ “ฉันคงต้องปรึกษากับศาสตราจารย์ว่าจะหาที่อยู่ใหม่ให้นายได้ไหม
เพราะฉัน...ฉันอยู่กับนายไม่ได้อีกแล้ว
หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเรา...ฉันทำไม่ได้จริง ๆ” ที่อื่น
? ที่ไม่มีเธอ ? เพียงคิดว่าต้องอยู่คนเดียวก็ทำให้เขารู้สึกแย่ไปหมด
ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังเข้าสู่สภาวะที่ไม่อาจเพิกเฉยได้
เขาได้เห็นเธอทั้งหมดอย่างไม่มีสิ่งใดปิดปัง และไม่ว่าพวกเขาจะชอบมันหรือไม่
แต่พวกเขาก็เป็นเจ้าของส่วนใดส่วนหนึ่งของกันและกันแล้ว
ต่อให้ร่องรอยนิ้วมือบนบ่าหรือรอยกัดที่ริมฝีปากจะจางไป
แต่ความทรงจำจะยังคงอยู่อย่างนั้นอย่างแจ่มชัดและพร้อมจะฉายย้อนได้ทุกครั้งที่เขาต้องการคิดถึงมัน
และทั้งหมดนั้นเมอร์ลินก็รู้ว่าทิฐิของเขาได้พังทลายไปหมดสิ้นเสียแล้ว “แล้วจะให้ฉันตอบว่ายังไง
?” เขาได้ยินเสียงสูดจมูกอยู่เบื้องหลัง
“นายมีเวลาถึงสุดสัปดาห์นี้” เธอพึมพำเสียงอ่อน “ฉันจะมาฟังคำตอบวันจันทร์นี้” เฮอร์ไมโอนี่เฝ้ามองแผ่นหลังของเขาและลาดไหล่ที่ยกขึ้นดันประตูให้เปิดออก
เขาจากไปแล้วและทิ้งเธอเอาไว้กับร่องรอยหลักฐานความสัมพันธ์ของพวกเขา ทั้งผ้าปูที่นอนที่ยับย่นและกลิ่นของความปรารถนาที่ยังคงล่องลอยอยู่ในอากาศ
เธอนั่งอยู่ข้างหน้าต่างและค่อย ๆ เช็ดน้ำตาให้ตัวเอง พยายามไล่นับเกล็ดหิมะน้อยใหญ่ที่อยู่บนหน้าต่างเพื่อให้เธอได้ผ่านพ้นความรู้สึกอันแสนเปราะบางไป เธอรู้ว่าเขารู้สึกบางอย่างกับเธอ
เขาแสดงมันออกมาด้วยตัวเขาเอง ความอ่อนโยนของเขาเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย
แต่เธอก็รู้จักความดื้อรั้นของเขาดี เธอไม่กล้าคิดว่าเขาจะอยู่
หรือแม้แต่จะคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเองเธอก็ยังไม่กล้า
เพราะแค่เพียงคิดว่าเขาจะไม่อยู่ ความคิดนั้นก็กัดกินเธอเสียจนแทบแดดิ้น
เธอแอบเสียใจในคำขาดของเธออยู่ไม่น้อยแต่เธอก็ไม่อาจจะมองเห็นเขาทุกวันแล้วรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งซ้ำ
ๆ ได้อีกแล้ว มันเหมือนถูกเขาใช้เป็นเครื่องมือบำบัดความปรารถนา แล้วก็ค่อยโยนเธอทิ้งแค่เพียงเพื่อตอบสนองต่อทิฐิตัวเองเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้น
หากเพียงแค่เขาเลือกที่จะยังอยู่ นั่นก็เพียงพอต่อเธอแล้ว --- เย็นวันอาทิตย์ผ่านมาถึง
และเดรโกรู้สึกเหมือนเครื่องในกำลังพยายามจะกลับนอกกลับในอยู่ภายในท้องของเขา เกรนเจอร์ออกไปตั้งแต่วันเสาร์ตอนเช้าหลังจากยื่นคำขาดให้เขา
และไม่กลับมาอีกตั้งแต่ตอนนั้น เขาไม่รู้ว่าเธอไปอยู่ที่ไหน
แต่สิ่งที่เขาพอจะรู้ก็คือ เขาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเธอตลอดเวลาที่เธอไม่อยู่
แต่ตรรกะเหตุผลก็คอยบอกเขาว่า ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอจริง ป่านนี้มักกอนากัลก็คงมาหาเขาที่นี่แล้ว
ซึ่งเมื่อคิดได้อย่างนั้นมันก็ทำให้เขาพอจะใจเย็นได้มากขึ้น ความจริงมันก็คงเป็นความคิดที่ดีที่จะยอมรับข้อเสนอของเกรนเจอร์แล้วย้ายไปอยู่คุกอื่นเพื่อบำบัดอาการติดเธอ
แต่เอาเข้าจริงมันก็ไม่ควรมีตัวเลือกนั้นแต่แรกด้วยซ้ำ เพราะเธอได้เปลี่ยนไปจากเรื่องน่ารำคาญในนรกนี่
กลายเป็นไปเหตุผลที่ทำให้เขายังคงมีสติอยู่ หากไม่มีเธอป่านนี้เขาคงแหลกสลายไม่ต่างอะไรกับแง่งผาที่ถูกคลื่นซัดจนพังทลาย
เขาอยากสัมผัสเธออีกครั้ง เขาต้องการเธอ แม้ว่าจะคิดหาเหตุผลอะไรมาประกอบไม่ได้ แต่มันก็...ดูมีเหตุผลในตัวมันเองแล้ว เขาสรุปได้ว่ามันเป็นเพียงผลพลอยได้จากความโดดเดี่ยวนี้
และมันก็ไม่ได้ผิดอะไรถ้าหากเขาจะต้องการเธอแค่เพียงเพื่อให้ช่วยประคองสติของเขาเอาไว้
เมื่อใดก็ตามที่เขาออกจากฮอกวอตส์ไปได้ ทุกอย่างก็จะกลับเข้าไปสู่วงจรเดิมของมัน
และก็จะไม่มีใครรู้ว่าเขาได้ทำเรื่องอัปยศเอาไว้ที่นี่ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่จะมีแค่ฉันกับนายที่รู้ เสียงประตูหลักเปิดและปิดลงพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยก้าวเข้ามาภายในห้องและตรงไปยังห้องนอนของเธอ
เขาพอจะรู้ได้ว่าเธอคงเดินวนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปต่อ
คราวนี้เข้าไปในห้องน้ำและเริ่มเปิดน้ำอาบ เสียงปลดเสื้อผ้าที่คุ้นเคยทำให้ภาพคืนวันศุกร์ฉายกลับมาอีกครั้ง
ทั้งชุดสีน้ำเงินและผิวกายของเธอกลับฉายวาบเข้ามาอีกครั้ง เขาคิดทบทวนอีกครั้งและอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นยืนพร้อมความรู้สึกกระด้างกระเดื่องที่เร่งเร้าขึ้นบริเวณสะโพก เขาคงจินตนาการภาพเธออาบน้ำเสียจนเคยตัว เดรโกค่อย
ๆ สืบเท้าเข้าไปใกล้ห้องน้ำหวังว่าเธอจะลืมล็อกกลอนและดูเหมือนว่าโชคจะเข้าข้างเขาในวันนี้
เขาแทรกตัวผ่านเข้าไปด้านในที่ฟุ้งไปด้วยไอน้ำร้อนและกลิ่นหอมของเชอร์รี่ที่คลุ้งในอากาศ
ค่อย ๆ ปลดเสื้อของเขาออกขณะที่ตรึงสายตาไว้ที่เรือนร่างภายใต้ม่านละอองน้ำ ชีพจรของเขาเต้นจนดังก้องอยู่ในหูขณะที่เขาค่อย
ๆ ปลดกางเกงบ็อกเซอร์ออก แล้วก้าวย่างไปบนห้องน้ำเพื่อพาตัวเองไปสู่ห้องอาบน้ำสี่เหลี่ยมเล็ก
ๆ นั่น ดวงตาสีซีดจ้องไปยังแผ่นหลังที่พราวพรมไปด้วยละอองน้ำที่ไหลหยดผ่านเส้นผมที่เปียกชุ่มเหนือลักยิ้มวีนัสบริเวณสะโพก
แล้วไล่เลื่อนสายตาลงมาตามน่องขา เขาไม่อาจห้ามมือตัวเองได้อีกต่อไป
แต่ทันทีที่ปลายนิ้วของเขาสัมผัสผิวกายของเธอ
หญิงสาวก็หันกลับมาพร้อมดวงตาพรั่นพรึงพลางพยายามใช้ฝ่ามือปกปิดส่วนสงวนของเธอเอาไว้ เขาสกัดเสียงกรีดร้องของเธอเอาไว้ด้วยจูบที่ดุดันและดูดดื่ม
เฮอร์ไมโอนี่ขัดขืนอยู่เพียงอึดใจก็โอนอ่อนต่อสัมผัสของริมฝีปากและหยดน้ำที่ฉ่ำชื้น
เขาไล้นิ้วหัวแม่มืดไปตามลำคอและเรื่อยไปจนถึงกกหู ร่างสูงค่อย ๆ ดันเธอขยับติดผนังแต่ก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเธอผละจากจุมพิตของเขาและยกมือขึ้นกอดไว้แนบอก “นายจะทำอะไร
?” เธอถามพลางหอบหายใจ ขอแค่นายอย่าล้อเล่น... เขาขยับใบหน้ามองเธอแน่วแน่ด้วยความคิดที่ว่าเรื่องราวเหล่านี้จะหายไปเมื่อเขาออกจากที่นี่ได้
ในที่สุดริมฝีปากนั้นก็ขยับตอบคำถามที่เธอเฝ้ารอ “ฉันจะอยู่กับเธอ”
ความคิดเห็น