NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Draco x Hermione] Isolation

    ลำดับตอนที่ #15 : Chapter 15 : Glass [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 20 ต.ค. 65


    วันสุดท้ายของพฤศจิกายนมาถึงพร้อมกับบรรยากาศอึมครึมและขมขื่น เผลอแป็บเดียวเดือนธันวาคมก็มาเยือนแล้ว

    ค่ำคืนของช่วงเวลานี้อาจทำให้คุณรู้สึกว่ามันยาวนานเกินกว่าจะผ่านพ้นไป ทั้งหนาวยะเยือกและสงัดเงียบเพราะสรรพสิ่งต่างพากันหลับใหลระหว่างฤดูกาลที่ผันผ่าน สิ่งเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกขอบคุณช่วงเวลานี้คือสายลมเองก็ได้จากไปเช่นกัน แต่ทว่าความเงียบที่ผ่านเข้ามาก็กลับหลอกหลอนเธอยิ่งกว่า

    ช่วงนี้เธอพยายามทำทุกอย่างให้ยุ่งเท่าที่จะทำได้ พยายามใช้เวลาทั้งหมดไปกับการทำงานในส่วนของเธอ ไป ๆ มา ๆ ระหว่างห้องสมุดและประชุมวางแผนงานกับไมเคิลและเหล่าพรีเฟ็ค หลังจากทะเลาะกันเธอรู้สึกว่าภายในหอนอนเริ่มทำให้เธอหายใจไม่คล่อง อีกทั้งเธอก็ยังไม่กล้าแม้แต่จะพบหน้าเขา แม้ว่าเวลาจะผ่านไปกว่าสองสัปดาห์แล้ว แต่เธอก็ยังรับมือกับมันไม่ได้อยู่ดี

    ส่วนเดรโกเองก็ดูเหมือนจะพยายามจะหาโอกาสพบเธออยู่เสมอ เป็นต้นว่าจู่ ๆ ก็เดินออกจากห้องขณะที่เธออยู่ในครัวหรือห้องนั่งเล่น ทำให้สองสัปดาห์ที่ผ่านมาพวกเขาเดินสวนกันไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง ซึ่งทั้งหมดนั้นล้วนเป็นความพยายามของเดรโก เธอพยายามที่จะออกจากห้องให้เร็วที่สุดและเลี่ยงที่จะสบตากับเขา เพราะกลัวว่าดวงตาคู่นั้นจะพาเธอกลับไปที่เดิมอีกแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่พ่ายแพ้ต่อตัวเองแล้วเผลอสบตาเขาครั้งสองครั้ง แต่ทุกครั้งที่เผลอมองตาริมฝีปากของเธอก็จะเริ่มแห้งผากไปพร้อมลมหายใจที่ติดขัด หากแต่เธอเองก็สามารถปรับใบหน้าให้เป็นปกติได้ขณะที่เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้เขาทำได้เพียงเฝ้ามองแผ่นหลังของเธอเท่านั้น

    หลังจากที่จูบกลายมาเป็นการทะเลาะเบาะแว้ง เดรโกก็ดูแย่ลง เขาดูอิดโรยและอ่อนล้า มันทำให้เธอเจ็บปวดทุกครั้งที่ต้องเห็นเขาเป็นแบบนี้ ลึก ๆ เธออยากจะช่วยอะไรสักอย่างเพื่อให้เขาดีขึ้นแต่เธอก็ตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะรักษาระยะห่างระหว่างพวกเขาเพื่อไม่ให้ต้องทำร้ายกันอีก สิ่งที่เธอยังคงทำให้ช่วงเวลาระหว่างพวกเขายืดยาวออกไปก็มีเพียงการทำอาหารในแต่ละวัน แม้ว่าเธอจะอยากทำมากกว่านั้นแต่เธอทำไม่ได้อยู่ดี

    และถึงจะพยายามที่สุดที่จะห้ามตัวเองแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่าเธอยังเป็นห่วงเขา

    ทว่าเมื่อสิ่งอื่นกำลังโถมทับเธอ ทั้งไมเคิลที่ขอให้เธอช่วยเรื่องงานเต้นรำและจัดเตรียมวันสิ้นเทอม และจินนี่ที่สามารถลากเธอไปร้านเสื้อผ้าได้ เธอก็ไม่มีเวลาพอที่จะจัดการเรื่องของเขา วันอาทิตย์นี้นักเรียนทุกคนได้รับอนุญาตให้ไปฮ้อกส์มี้ดเพื่อหาซื้อชุดสำหรับงานเลี้ยงที่กำลังจะมาถึง และเฮอร์ไมโอนี่ก็หวังวาบรรยากาศของเทศกาลจะทำให้ความรู้สึกของเธอดีขึ้นได้

    เธอรักวันคริสต์มาสแต่ดูเหมือนว่าความรู้สึกตื่นเต้นยินดีนั้นจะต้องพยายามและกระอักกระอ่วนที่จะรู้สึกเหลือเกินในปีนี้ เธอกำลังกลัวว่าอาจจะไม่ได้ใช้เวลาร่วมกับครอบครัวรวมถึงแฮร์รี่และรอน ความเสี่ยงกำลังพุ่งสูงจนทำให้แม้แต่หิมะที่เธอชื่นชอบมาตั้งแต่เด็ก ก็ต่างหากันหลบตัวไม่ยอมสละเกล็ดโปรยปรายลงมาในฤดูหนาวนี้

    ที่จริงก็ยังพอมีเวลา...

    “คิดว่าเป็นไง” จินนี่เอ่ยถามเมื่อรูดม่านห้องลองชุดออกมา เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมองแล้วส่งยิ้มไม่ได้พูดอะไร ชุดเดรสสีดำตัวสวยดูเข้ากับเพื่อนของเธอมาก ลวดลายลูกปัดขนาดเล็กที่ปักเป็นแนวตั้งแต่อกและตามตะเข็บชุดดูเขากับเธออย่างสมบูรณ์แบบ “เป็นไง” เธอถามความคิดเห็นอย่างกระตือรือร้นแล้วสะบัดเส้นผมสีแดงไปด้านหลัง “ดูดีไหม”

    “สวยมาก” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ “จริง ๆ นะจินนี่ ส่องกระจกแล้วชอบไหม”

    “กระจกเวทมนตร์นี่มันก็ทำให้ทุกชุดดูดีไปหมดแหละ” แม่มดสาวหยันเสียงใส่กระจก “แน่ใจนะว่าไม่ได้ชมตามมารยาท ?”

    “เปล่า” เธอส่ายหัว “มันสวยแล้วจิน เธอดูปังมาก”

    คนฟังยิ้มกว้างแล้วลูบไปตามเนื้อผ้า “ขอบใจ” เธอบอก “เอาไว้ใส่ถ่ายรูปกับแฮร์รี่ตอนเขากลับมาดีไหม ?”

    ถ้าเขากลับมาน่ะนะ...

    “ดีสิ” เธอพยักหน้าแทนที่จะทำลายบรรยากาศด้วยความคิดที่แวบเข้ามา “ถ้าเห็นเธอใส่ชุดนี้หมอนั่นพูดอะไรไม่ออกแน่ ๆ แม้กระทั่งเนวิลล์ก็ต้องพูดไม่ออกแน่”

    “ไม่มีทาง” จินนี่ขำคิก “ช่วงนี้ตาเขามองเห็นแต่แฮนนาห์ อับบอตต์”

    “ถามจริง ? แล้วทำไมเขาไม่ขอเธอไปงานเต้นรำล่ะ”

    “ก็รู้ว่าหมอนั่นขี้อายขนาดไหน” เธอพูดถึงเขาด้วยความเอ็นดู “อีกอย่าง ฉันก็ไปขอเขาก่อนที่เขาจะทันได้ขอใครซะอีก ฉันแค่อยากไปงานนี้กับใครสักคนที่ฉันเชื่อใจได้ เธอเองก็ควรทำอย่างนั้นเหมือนกันนะ เฮอร์ไมโอนี่”

    “ไมเคิลก็ดูไม่ได้อันตรายอะไร -”

    “เขาน่ะคิดอะไรสักอย่างกับเธอ” จินนี่ขัดคอด้วยน้ำเสียงไม่เห็นด้วย “ถึงหมอนั่นกับรอนจะไม่ได้สนิทกัน แต่เขาก็ควรจะรู้นะ -”

    “รอนกับฉันไม่เคยคบกันอย่างเป็นทางการสักหน่อย” เธอเตือนความจำ “และไมเคิลก็เป็นเพื่อนคนหนึ่งน่ะ จินนี่ -”

    “อือ แต่ถ้าเขาพยายามจะทำอะไรละก็ รอกินทากตลอดสัปดาห์ได้เลย”

    เฮอร์ไมโอนี่กลั้นขำไม่อยู่ “พี่เธอก็ชอบคาถานั้นเหมือนกัน”

    “ถึงมันจะย้อนใส่เขาน่ะเหรอ ?” จินนี่ขยับยิ้มเยาะ “เอาล่ะ ได้ชุดของฉันแล้ว เธอได้ของเธอหรือยัง ?”

    “ฉันมีชุดแล้ว -”

    “เธอน่าจะซื้อจุดใหม่นะ” เธอยืนกรานแล้วชี้ไปที่ชุดมากายในห้องเสื้อชั้นสูงแกลดแร็กส์ “สีน้ำเงินนั่นดูเหมาะกับเธอนะ -”

    “ไม่เห็นจำเป็นต้องซื้อชุดใหม่เพื่อไปงานที่ฉันไม่อยากไปนี่” เฮอร์ไมโอนี่เถียง ถึงแม้ว่าชุดนั้นจะดึงดูดเธออยู่บ้างก็ตาม “และฉันก็ไม่ได้อยากทำให้คู่เต้นรำฉันประทับใจสักหน่อย -”

    “ไม่ต้องทำเพื่อเขา แค่ทำเพื่อตัวเอง” จินนี่บอกขณะที่เดินไปหยิบชุดออกมา “สีน่ารักมาก แถมยังไม่มีดีเทลฟรุ้งฟริ้งที่เธอไม่ชอบด้วย”

    เฮอร์ไมโอนี่ลังเลครู่หนึ่งก่อนจะยื่นมือออกไปสัมผัสชุดชีฟองนั้น เมื่อเทียบกับชุดอื่น ๆ ในร้านแล้วชุดนี้ก็ดูเป็นชุดที่ได้รับการประดับประดาน้อยที่สุดจริง ๆ เธอชอบหลักการน้อยแต่มากของมัน “มันสวยมาก” เธอพึมพำใช้ความคิด “แต่ฉัน -”

    “ไปลองก่อน”

    ---

    ประธานนักเรียนสาวกลับมาถึงห้องพร้อมกับของขวัญวันคริสต์มาสและชุดใหม่ในมือ ต้องโทษจินนี่ที่ในที่เป็นมืออาชีพด้านการป้ายยา แต่ก็ต้องยอมรับว่าการได้ช็อปปิ้งและจิบบัตเตอร์เบียร์ในผับที่ตกแต่งใหม่ก็ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นบ้าง ถึงแม้ว่าเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องแล้วความผ่อนคลายจะหายไปหมดก็เถอะ

    เฮอร์ไมโอนี่สูดลมหายใจอย่างที่เคยทำเป็นประจำ ดูเหมือนว่าเธอจะติดการทำแบบนี้ในทุกครั้งที่จะต้องกลับเข้าหอนอนแล้ว ฝ่ามือเล็กผลักประตูให้เปิดออกและนึกด่าตัวเองที่ดันลืมกระเป๋าของเธอไปเสียสนิทระหว่างที่วุ่นวายกับการซื้อของ เธอหอบข้าวของเต็มมือเข้ามาภายในห้องและพยายามจะเดินให้เงียบที่สุด แต่ทว่าร่างกายกลับไม่เป็นใจ เธอสะดุดเท้าตัวเองและทำให้พุงในมือลอยไปตกบนพื้น

    “โธ่เอ้ย” เธอบ่นแล้วคุกเข้าขึ้นเก็บของ

    เสียงประตูเปิดออกดังขึ้นขณะที่เก็บชิ้นสุดท้ายเข้าถุง เธอพยายามหลุบตามองพื้นขณะที่เขาเดินผ่านไปยังห้องนั่งเล่น บรรยากาศในห้องเริ่มทำให้เธอหายใจไม่ออกเธอจึงสูดลมหายใจอีกครั้งแล้วลุกขึ้น

    “เอาพวกนั้นมาทำอะไร” เขาถามอย่างพิจารณาแล้วชี้ไปที่ชุดของเธอในถุงโปร่งใส

    เมื่อเธอไม่ตอบเขาจึงเดินมาดักเธอเอาไว้ และทำให้คำตอบไหลหลุดออกจากปากก่อนที่เธอจะทันหยุดมันไว้ “งานเลี้ยงคริสต์มาส” เธอรีบพูดแล้วเลี่ยงเดินไปที่โซฟาอย่างหนักใจ แต่เขาก็ตามมาอยู่ดี ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ชุดนั้น “เลิกขวางทางเถอะนะ”

    “เธอกำลังหลบหน้าฉัน” เขาถามเสียงแปร่งพร่า “เพราะอะไร ?”

    เฮอร์ไมโอนี่เลิกหลบตา “นายก็รู้ว่าทำไมนี่ เดรโก” เธอตวาด “ถอยไป -”

    “แล้วจะเงียบไปจนถึงเมื่อไหร่” เขาพูดต่ออย่างโมโห “มันเริ่มทำให้ฉันไม่ชอบใจแล้วนะ -”

    “จะไม่พูดซ้ำแล้วนะ” เธอพูดพลางเม้มปากก่อนจะเริ่มรื้อกระเป๋าอย่างเงอะงะเพื่อควานหาไม้กายสิทธิ์ “จะถอยไปเองหรือจะต้องให้ฉันช่วย”

    เขามองเธอด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสับสนพลางกัดภายในปากอย่างหงุดหงิด เขาขยับเลี่ยงทางให้เธอพร้อมกับถอนหายใจ ฝ่ามือที่กำหมัดแน่นสั่นสะท้านขณะที่เดินก้าวผ่านไป ส่วนเธอเองก็พยายามที่จะไม่สนใจกลิ่นกายและลมหายใจของเขาที่ แต่สิ่งที่ยากกว่าก็คือการหยุดยั้งอาการสั่นที่พยายามจะทรยศเธอ

    “เราก็เคยทะเลาะกันมาก่อนนะ เกรนเจอร์” เขาพูดขึ้นก่อนที่เธอจะก้าวถึงประตูด้วยน้ำเสียงที่ฟังเกือบจะหดหู่ “ทำไมคราวนี้...เธอถึงเป็นแบบนี้”

    เธอหยุดฝีเท้าและรู้สึกเดือดขึ้นในอก “นายเป็นคนบอกให้ฉันไม่ยุ่งกับนายเองนะ” เธอตอบเสียงเย็น “และฉันก็กำลังทำไง -”

    “แต่ฉัน -”

    “นายเป็นคนก่อมันขึ้นเองนะ เดรโก” เธอบอกเขาอย่างมีสติพยายามที่จะไม่เริ่มทะเลาะ “ดังนั้นก็รับผิดชอบมันซะ”

    เธอหยิบไม้กายสิทธิ์แล้วร่ายมัฟฟลิอาโต้ก่อนจะพูดเปลี่ยนรหัสผ่าน - ครุกแชงส์ พลางสงสัยว่าเขาจะรู้ชื่อสัตว์เลี้ยงแสนรักของเธอไหมและตระหนักได้ว่าทุกครั้งที่จะเข้าห้องหลังจากนี้ต้องระวังมากขึ้นอีกหน่อย เธอไม่แน่ใจว่าเขากำลังพึมพำอะไรอยู่ด้านหลังเธอ แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่เธอจะสนใจอีกแล้ว

    “เดี๋ยว” เขาเรียก แต่เธอกระแทกประตูปิดลงแล้ว

    เขาจำได้ว่ามีบางคำที่แม่เขาเคยพูดก่อนที่จะมาฮอกวอตส์ซึ่งเขาไม่ได้เห็นด้วยแต่แรกว่าเขาจะคิดถึงคฤหาสน์ของเขา แต่กระทั่งเขาไม่อาจกลับไปได้อีก เขาก็เพิ่งรู้ซึ้งถึงสิ่งนั้น หลังจากสองสัปดาห์ที่ผ่านไปพร้อมกับการพูดคุยสั้น ๆ เท่าที่จำเป็น เขาก็เริ่มเสียใจที่ตัดสินใจแก้ปัญหาต่าง ๆ ไปแบบนั้น เห็นได้ชัดว่าเธอพยายามที่จะไม่มองหน้าเขาด้วยซ้ำ มันค่อย ๆ กัดเซาะความตั้งใจที่จะแสร้งทำเหมือนมันไม่เป็นอะไร เพราะความจริงที่น่ากลัวกำลังบอกเขาว่า เขาต้องการบางอย่างจากเธอ

    การโต้แย้งที่รุ่มร้อน การสนทนาที่มีสาระ...และจูบ

    อะไรก็ตาม

    ---

    วันพุธกำลังผ่านไปอย่างเชื่องช้า

    ชั้นเรียนของเฮอร์ไมโอนี่จบลงทั้งหมดแล้วและตลอดบ่ายนี้เธอจะต้องเก็บงานที่เหลือเพื่อตกแต่งห้องโถงใหญ่ เธอปลีกตัวจากกลุ่มพรีเฟ็คที่กำลังเต็มไปด้วยพลังงานและใช้เวลาสองสามชั่วโมงในห้องสมุด แต่การสืบค้นเกี่ยวกับฮอร์ครักซ์ก็ยังคงไม่มีความคืบหน้าจนน่าผิดหวัง รู้ตัวอีกทีนาฬิกาก็บอกเวลาราวสี่ทุ่มเธอจึงตัดสินใจยอมแพ้ให้กับเปลือกตาที่หนักอึ้งและพาตัวเองกลับหอนอน หวังว่าเดรโกเองก็จะไม่ได้เตร่อยู่ที่ห้องนั่งเล่น

    เธอค่อย ๆ แอบเข้าไปด้านในอย่างเงียบเชียบ หยิบแก้วรินน้ำก่อนที่เสียงเคาะที่ประตูใหญ่จะเรียกเธอ ความตกใจทำให้แก้วในมือหล่นลงแตกแทบเท้า มันสร้างเสียงดังที่ทำให้เธอต้องเหลือบมองประตูห้องของเดรโกอย่างระแวง

    “เฮอร์ไมโอนี่ เธอเป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงไมเคิลดังจากด้านนอกทำให้เธอกลอกตา “ฉันได้ยิน -”

    “ไม่มีอะไร” เธอบอก “มีธุระอะไรเหรอไมเคิล”

    “มีเรื่องต้องคุยนิดหน่อย -”

    “ฉันกำลังจะไปนอนแล้ว” เธอพูดแล้วพยายามเดินเลี่ยงเศษแก้ว “ไว้คุยกันพรุ่งนี้ได้ไหม -”

    “ขอคุยแป๊บเดียว” เขายืนยัน “ไม่เอาน่า เฮอร์ไมโอนี่ นี่มันเพิ่งสี่ทุ่มเอง”

    แม่มดสาวถอนหายใจแล้วยกมือขึ้นนวดขมับ หันมองประตูห้องของเดรโกอย่างสงสัย แน่นอนว่าเขาคงไม่ออกมาถ้ารู้ว่าเธอมีแขกแต่มันก็ไม่แน่ว่าเขาจะทะเล่อทะล่าออกมาได้จังหวะไหม เธอคิดว่าควรจะคุยกับไมเคิลให้เสร็จโดยเร็วเพื่อไม่ให้มีปัญหา ร่างเล็กร่ายคาถาเปลี่ยนชุดคลุมเป็นชุดนอนแล้วสะบัดรองเท้าออก ทิ้งกระเป๋ากับไม้กายสิทธิ์ไว้ที่ครัวขณะที่เดินไปเปิดประตู

    “ขอเข้าไปได้ไหม” ประธานนักเรียนชายถามเมื่อเธอแง้มประตูออก

    “อย่าดีกว่า” เธอส่ายหน้า เหนื่อยล้าเกินกว่าจะหาข้ออ้าง “มีอะไรเหรอ ?”

    “ก็แค่สงสัยว่าเราจะจัดการวันศุกร์นี้ยังไง”

    “นายก็รู้แผนแล้วนี่” เธอขมวดคิ้ว “ฉันส่งรายละเอียดให้หมดแล้วนะ”

    “หมายถึงเราสองคนน่ะ” เขาแจงพลางยกมือขึ้นนวดคอ “จะให้มารับที่นี่ หรือว่าเธอจะ -”

    “อ้อ เรื่องนั้น” เธอพึมพำพยายามจะใจเย็น มันไมใช่ความผิดเขา เธอหงุดหงิดไปเอง “ไม่เป็นไร ไมเคิล เราทั้งหมดไปจะไปเจอกันที่ห้องโถงใหญ่เลย เพราะงั้นเราสองคนก็ทำแบบนั้นแหละ”

    “อ๋อ ได้เลย” เขาพยักหน้ารับปกปิดความผิดหวังเอาไว้ไม่มิด “แน่ใจนะว่าไม่อยากเจอกันก่อน ?”

    “ไม่ล่ะ เราน่าจะต้องรีบกันสุด ๆ ดังนั้นไปเจอที่นั่นเลยง่ายกว่า” เธอแจกแจงแล้วแกล้งปิดปากหาว “มีอะไรอีกไหม ฉันเพลีย ๆ น่ะ”

    “เอ่อ ไม่มีแล้วล่ะ” เขายักไหล่ “งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ”

    “ฝันดี” เธอเลื่อนประตูปิดเมื่อเสียงฝีเท้าของไมเคิลดังไกลออกไป เธอยืนหายใจนิ่งอยู่แบบนั้นเมื่อรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ ที่แผ่นหลัง รู้ได้เลยว่าสลิธีรินในห้องเธอกำลังอยู่เบื้องหลัง “เล่นอะไรของนาย” เธอถามแล้วหันกลับมาก่อนจะเผลอสบตาเข้ากับเขาอีกครั้ง “อยากถูกจับได้หรือไง ?”

    ใบหน้าขาวซีดของเดรโกบูดบึ้งอย่างเจ็บปวดจนทำให้เธอชะงัก “ไหนบอกว่าระหว่างเธอกับคอร์เนอร์ไม่มีอะไรไง ?” เขาพูดเสียงต่ำทำให้ภายในอกของเธอตีบตัน

    เฮอร์ไมโอนี่เดินไปข้างหน้าแต่เดรโกเดินมาดักเธอเอาไว้ได้ “ก็ไม่มีอะไร” เธอลังเลที่จะพูด “ถอย เดรโก -”

    “แต่ดูเหมือนเธอกำลังจะไปงานเต้นรำกับหมอนั่นนะ” เสียงแหบพร่าของเขาดังขึ้นพร้อม ๆ กับที่เขาสืบเท้าเข้าหาเธอ “ไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนขี้โกหกนะ เกรนเจอร์”

    “ฉันไม่ได้โกหก” เธอเถียง รู้สึกเสียใจที่ดันวางไม้กายสิทธิ์ทิ้งไว้ในครัว “ฉันจะกลับห้องนอนแล้ว -”

    “มันชอบเธอ เกรนเจอร์” เขาบอก “บอกได้เลย -”

    “ตลกอะไรของนายอีกแล้ว” เธอดุ ไม่สบอารมณ์กับน้ำเสียงของเขา “ถอยไป -”

    “ลองทำให้ฉันหลบสิ” เขาท้า “ฉันหมดเรื่องจะพูดเกี่ยวกับไอ้นั่นแล้ว”

    ประเมินจากสถานการณ์แล้วคงจะต้องใช้เวทมนตร์เข้าช่วยก่อนที่เธอจะตกหลุมพรางของเขา เธอเหลือบตามองไม้กายสิทธิ์แล้วรีบพุ่งไปหยิบ แต่ทว่าน้ำที่เจิงนองบนพื้นทำให้เธอเสียหลักแล้วล้มลงมือไถลไปบนเศษแก้วที่เกลื่อนพื้น

    เฮอร์ไมโอนี่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดที่แล่นเข้าสู่ฝ่ามือและข้อแขน เธอมองไปที่ฝ่ามือแล้วเห็นว่าเศษแก้วขนาดเท่าเหรียญเกลเลียนปักทิ่มเข้ามาพร้อมกับหยาดโลหิตสีแดงที่ไหลซึมระหว่างนิ้ว เธอพาตัวเองลุกขึ้นนั่งพิงตู้วางของและก่อนที่เธอจะรู้ตัว เดรโกก็คุกเข่าอยู่ตรงหน้าด้วยใบหน้าที่กำลังพิจารณาอย่างใจเย็น มันมีบางส่วนที่ทำให้เธอเกือบจะเข้าใจผิดไปว่ามันคือความห่วงใย

    “เอามือมาดูหน่อย” เขาสั่งเสียงเรียบ “ต้องเอาเศษแก้วออกก่อน -”

    “ช่างเถอะ” เธอพูดผ่านไรฟันด้วยความเจ็บแปลบที่มือ “เอาไม้กายสิทธิ์มาให้ก็พอ -”

    “ฉันแตะไม้ของเธอได้ที่ไหน” เขาว่า “ให้ฉันเอาเศษแก้วออกก่อนแล้วเธอค่อยไปรักษาต่อเองก็ได้”

    “ช่วยฉันลุก -”

    “อยู่นิ่ง ๆ” เสียงของเขาฟังดูเคร่งขรึมกว่าปกติ “ส่งมือมาเกรนเจอร์ เดี๋ยวเดียวก็เสร็จ -”

    “โอ้ย” เธอหายใจแรงเมื่อเขาค่อย ๆ ประคองข้อมือเธออย่างอ่อนโยนแล้วมองบาดแผลใกล้ ๆ ความอ่อนโยนและสุขุมของเขาเป็นสิ่งที่เธอไม่ทันได้คาดคิด มันทำให้เธอรู้สึกสับสนขณะที่เฝ้ามองดวงตาและใบหน้าที่อ่อนลงของเขา “โอเค” เธอถอนหายใจ “พร้อมแล้ว”

    เฮอร์ไมโอนี่สะอื้นออกมาเล็กน้อยเมื่อเขาดึงเศษแก้วออก “มันเจ็บ” เธอโพล่งออกมาก่อนที่จะได้ยั้งปาก “เดรโก -”

    “ไม่เป็นไรนะ” เขาปลอบและค่อย ๆ ถอนชิ้นสุดท้ายออกมา “เสร็จแล้ว”

    เดรโกมองความโล่งใจที่ระบายบนใบหน้าอ่อนหวานของเธอและเริ่มรู้สึกถึงแรงสั่นภายในอก เลือดของเธอเปรอะนิ้วของเขาและซึมไปตามเล็บ มันควรจะทำให้เขารู้สึกขยะแขยงแต่แล้วมันก็ไม่ เขาใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือนวดไปบนข้อมือของเธอขณะที่เธอพยายามสูดหายใจลึก ๆ เพื่อบรรเทาอาการปวดหนึบของบาดแผล ความเงียบที่น่าอึดอัดกระจายไปรอบตัวพวกเขา เดรโกเฝ้ามองเธออย่างตั้งความหวัง - หวังว่าเธอจะพูดอะไรสักอย่าง

    “แอคซิโอไม้กายสิทธิ์” เธอกระซิบคาถาแล้วละความสนใจจากเขา

    เดรโกปล่อยมือจากเธออย่างไม่เต็มใจนักระหว่างที่เธอเริ่มใช้เวทมนตร์รักษาแผล เขายังคงนั่งอยู่เคียงข้างเธอ เขาต้องคว้าทุกโอกาสที่พอจะมีเพื่อใกล้ชิดเธอก่อนที่เธอจะกลับไปหลบหน้าเขาอีก ชายหนุ่มเลียริมฝีปากแล้วบอกให้ตัวเองใจเย็น เฝ้ามองเธอด้วยสายตาวิเคราะห์ว่าเขาควรจะทำอย่างไรเพื่อให้เรื่องนี้จบลงด้วยดี

    “ไม่มีอะไรต้องคุยกับนายแล้ว” เธอบอกเขาหลังจากที่รักษาแผลเสร็จ

    “บางที” เขาค่อย ๆ พูด “ฉันอาจจะ -”

    “มันไม่ได้ทำให้อะไรเปลี่ยนไปหรอก” เธอรีบพูดแล้วขยับออกจากเขาพร้อมสายตาเชือดเฉือน “ฉันยังโกรธนายอยู่ -”

    “เพราะงั้นก็เลยจะไปงานเต้นรำกับไอ้คอร์เนอร์น่ะเหรอ” เขาคำรามในลำคอ เสียงของเขาเต็มไปด้วยความหึงหวงมากกว่าจะเป็นการดูหมิ่น “เพื่อทำให้ฉันเห็นงั้นเหรอ”

    “ฉันไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้นายเห็น!” เธอเถียงกลับแล้วลุกขึ้นตรงไปยังห้องนอน “ความคิดที่นายมีต่อฉันมันก็ชัดเจนแล้ว -”

    “อย่าหนีฉันนะ เกรนเจอร์” เขาร้องเรียก “ทำไมครั้งนี้มันถึงเป็นแบบนี้ ?”

    “นายก็รู้ว่าทำไม!” เธอตะเบ็งเสียง พวงแก้มขึ้นสีเชอรี่พร้อมกับดวงตาที่เริ่มชื้น “ฉันเหนื่อยกับการโดยนายขว้างไปมาและปั่นหัวฉันแล้ว! ฉันรู้สึกยังไงกับนายฉันก็บอกไปหมดและนายก็ -”

    “เธอรู้สึกยังไงกับฉัน” เขาถามย้ำพร้อมเสียงหัวใจที่เต้นดัง “เธอ -”

    “มันไม่สำคัญแล้วล่ะ” เธอรีบขัดนึกด่าตัวเองที่เผลอพูดอย่างนั้นออกไป “นายเองก็ไม่ได้ต้องการอะไรจากนั้น เพราะงั้นยังมีอะไรที่เรา -”

    “เกรนเจอร์ เดี๋ยว!” เขาตะโกนแต่สิ่งที่ตอบกลับมามีเพียงเสียงกระแทกประตูเท่านั้น “แม่งเอ้ย” เขากัดฟันแล้วเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างคราบเลือดออกจากนิ้วมือ

    ครั้งนี้เขาไม่ได้เอาแต่เสาะหาร่องรอยของโคลนอีกต่อไป เขารู้เต็มอกว่าเลือดนี่ก็เหมือนเลือดของเขา

    เขาเท้ามือเข้ากับอ่างล้างหน้าและเปิดก๊อก เฝ้ามองริ้วสีแดงที่ค่อย ๆ ไหลไปตามน้ำจนกระทั่งมันเหลือเพียงสีชมพูจาง เขาขบกรามขณะที่ฟังเสียงภายในอกดังลั่นในโสตประสาท เส้นกั้นที่เธอมีต่อเขาทำให้เขาให้เขารู้สึกหนักอึ้งไปหมด เวลามันผ่านไปสองสัปดาห์แล้วและเขาก็เริ่มจำสัมผัสของเธอ รสชาติของเธอไม่ได้แล้ว

    เขาไม่อาจจะตำหนิในสิ่งที่เธอทำได้ แต่การที่เธอกำลังยอมแพ้ให้กับสิ่งที่พวกเขามีต่อกันกำลังทำให้เขาเจ็บปวด การล้อเล่นกับความรู้สึกของเธอและเฝ้ามองเธอมานะที่จะรับผิดชอบมันเคยเป็นเรื่องสนุกสำหรับเขา แต่คราวนี้ด้วยความดื้อรั้นของเธอที่เขารู้ดี เขาก็พอจะตระหนักได้ว่าครั้งนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว

    เขาทำให้เธอเป็นแบบนั้น และเขาเองก็กำลังจะต้องแก้ปมที่เขาเป็นคนมัดขึ้นเอง

    มันเจ็บปวดที่ต้องรับรู้ว่าเรื่องราวกำลังเป็นแบบนี้เพราะเขาต้องการเธอ แม้ว่าเสียงภายในหัวจะกำลังกระซิบต่อว่าเขาอย่างร้ายกาจว่าสิ่งที่เขารู้สึกมันผิด แต่เขาเองก็รู้สึกว่าภายในของเขามันกำลังร่ำร้องว่ามีบางอย่างได้เกิดขึ้นแล้ว

    เขากำลังอยู่ไม่สุข

    ---

    เฮอร์ไมโอนี่ยักไหล่ไม่ยี่หระกับภาพสะท้อนตัวเองภายในกระจกแล้วจึงปาดลิปบาล์มลงบนริมฝีปากเป็นขั้นตอนสุดท้าย

    ชุดราตรีสีมิดไนท์บลูดูจะด้อยคุณค่าลงไปเมื่อเธอไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับงานบอลขนาดนั้น จะมีก็เพียงเครื่องสำอางค์เล็กน้อยที่พอจะช่วยส่งเสริมชุดขึ้นมาได้บ้าง จินนี่ช่วยให้สเปรย์กับลอนผมของเธอเหมือนกับที่เธอเคยใช้เมื่องานเต้นรำครั้งก่อน แต่คราวนี้เธอไม่ได้ม้วนลอนจนแน่นแต่กลับปล่อยให้มันคลายลง มองโดยรวมแล้วเธอก็ไม่รู้ว่าจะมีคืนไหนอีกไหมที่ทำให้เธอรู้สึกงดงามได้เท่าคืนนี้ แต่ก็นั่นแหละ แม้ภายนอกจะดูดีแล้วแต่ลึก ๆ ภายในของเธอก็ยังคงมีเมฆหมอกของความเสียใจที่ยังคงค้างอยู่ตั้งแต่วันพุธ

    พฤติกรรมของเดรโกดูอ่อนโยนและเอาใจใส่เธอมากตอนที่เธอบาดเจ็บจากเศษแก้ว นั่นทำให้เธอถึงกับละทิ้งสัญญาที่มีต่อตัวเองว่าจะอยู่ให้ห่างจากเขา แต่ตอนนี้เธอก็กลับมายึดมั่นกับมันอีกครั้ง ถ้อยคำของเขาในการทะเลาะกันครั้งล่าสุดยังคงทำให้เธอมีสติมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะสามารถหยุดคิดเรื่องความละเอียดอ่อนอยู่แทรกซ้อนอยู่ระหว่างสิ่งที่เธอตัดสินใจได้ เขาปฏิบัติต่อเธอราวกับแก้วใสที่บอบบางซึ่งทำให้เธอเกือบจะลุ่มหลงในสิ่งที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อน บางทีระยะห่างระหว่างพวกเขาอาจจะส่งผลบางอย่างกับเขาก็ได้...

    เธอส่ายหน้าขับไล่ความรู้สึกละห้อยหาแล้วตัดสินใจว่าจะรีบออกไปห้องโถงใหญ่เพราะดูเหมือนเธอกำลังจะสายแล้ว เธอใส่ไม้กายสิทธิ์ไว้ในกระเป๋าถือแล้วเดินออกจากห้องก่อนจะต้องชะงักทื่อเมื่อพบร่างที่คุ้นตากำลังนั่งอยู่บนโซฟา

    เดรโกนั่งก้มหน้าและเคาะนิ้วกับหัวเข่าอย่างไม่รู้ตัว เขาดูเหมือนกำลังตกอยู่ในความคิดบางอย่างที่ยากลำบากสำหรับเขา วินาทีนั้นเธอกลับมากังวลเรื่องรูปลักษณ์ของเธอในตอนนี้ทั้งที่ปกติไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน ฝ่ามือเล็กปัดไปมาระหว่างเนื้อผ้าที่ทอทับบนหน้าท้องด้วยความประหม่า และเขาเองก็คงจะได้ยินเสียงเธอนั่นทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาสีราวกับท้องฟ้าในฤดูหนาวเบิกกว้างและเริ่มดื่มด่ำไปกับภาพที่เห็น จังหวะนั้นเธอก็รู้สึกถึงความร้อนที่เริ่มก่อตัวขึ้นบริเวณแก้ม

    เดรโกรู้สึกว่าชีพจรของเขาเต้นแรงขึ้นเมื่อเขาได้ซึมซาบภาพความเป็นเธอ แผนการมหาศาลที่เขาเตรียมเอาไว้ถูกลืมไปเสียสิ้น เธอดูธรรมดาแต่ว่ากลับพิเศษอย่างไม่มีคำอธิบาย เขาไม่อาจปล่อยให้เธอออกไปพบใครได้โดยเฉพาะไอ้เรเวนคลอนั่น ที่ไม่รู้ว่าบริสุทธิ์ใจหรือไม่ด้วยซ้ำ

    “นายทำอะไรอยู่น่ะ” เธอถามพาเขาออกจากภวังค์ “ฉัน -”

    “อย่าไปกับเขา” เขาโพล่งบอกโดยไม่สนใจแล้วว่าจะฟังดูน่าสมเพชหรือไม่ “อย่าไปกับเขาเลย เกรนเจอร์”

    เฮอร์ไมโอนี่เม้มปาก “นายไม่ควรพูดแบบนั้น -”

    “ควรสิ” เขาแย้งแล้วลุกขึ้นจากที่นั่ง “อยู่ที่นี่เถอะ -”

    “ทำไมฉันถึงต้องทำแบบนั้น”

    “เพราะฉันทนไม่ได้!” เขากรีดเสียง “ฉันทน...ฉันทนไม่ได้! และอย่าบอกให้ฉันทำด้วย!

    “ฉันไม่ได้บอกให้นายทำอะไรเลยนะ!” เธอโต้กลับ หวังว่าเสียงของเธอจะไม่แสดงอารมณ์จนเกินไป “ไมเคิลเป็นแค่เพื่อน! และต่อให้ไม่ใช่ มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนาย -”

    “ถ้างั้นก็ทำให้มันเกี่ยวสิ” เขาตะโกนแล้วเดินตรงเข้ามาหา “ทำให้มันเป็นเรื่องของฉัน -”

    “อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ -” เธอเตือนหากแต่กลับฟังดูอ่อนแอเหลือเกิน “ขอร้อง เดรโก -”

    “อยู่เถอะ” เขาพูดซ้ำอีกครั้งแล้วก้าวเข้ามาใกล้จนลมหายใจของเขาเป่ารดกระดูกไหปลาร้า “อยู่ด้วยกัน” เขาย้ำด้วยเสียงที่อ่อนลง ดวงตาของเธอค่อย ๆ ปิดลงเมื่อเขาขยับเข้ามาใกล้แล้วพยายามจะจุมพิตเธอเพื่อประกาศว่าเขาเป็นผู้ชนะในครั้งนี้ แต่แล้วเธอก็ผลักเขาออกก่อนที่จะทันได้สัมผัสเธอ “เกรนเจอร์ -”

    “ไม่!” เธอท้วงแล้วส่ายหน้า “ฉันให้โอกาสนายมาหลายครั้งแล้วเดรโก! และนายก็เอาแต่ทำแบบเดิมซ้ำไปมา! ฉันอาจจะทนรับฟังคำพูดเรื่องเลือดสีโคลนที่นายเอาแต่พูดได้ แต่ฉันจะไม่ยอมให้นายมาเล่นกับหัวใจของฉัน! นายทำให้ฉันเจ็บ รู้ไหม!

    คลื่นความรู้สึกผิดซัดสาดเข้าหาเขา “ฉันจะไม่ -”

    “นายจะทำแน่นอน” เธอแหวใส่แล้วใช้นิ้วมือที่สั่นระริกชี้ไปที่เขา “ฉันไม่ใช่คนที่นายจะมาทำเป็นเล่นแล้วก็เขี่ยทิ้งได้นะ!

    เขาพยายามจะเข้าใกล้เธออีกครั้ง แต่คราวนี้เธอเลี่ยงเขาได้ทัน “เกรนเจอร์ -”

    “บอกมาว่านายไม่ใช่แค่อยากจะเอาฉัน!” เธอตวาดถ้อยคำที่แผดเผาเธอ “พูดออกมา!

    ตัวเขากระตุกเมื่อสบเข้ากับดวงตาลุกโชนของเธอ “เธอเป็นทุกอย่างสำหรับฉันและไม่ใช่แค่เรื่องนั้น เกรนเจอร์” เขาบอกเธออย่างจริงใจ “และฉันรู้ว่าเธออยากให้ฉัน...ให้ฉันสัมผัสเธอ”

    “เงียบนะ!” เธอกลั้นหายใจแล้วปาดน้ำตาที่หางตา “พอสักที -”

    “และเธอเองก็อยากสัมผัสฉันเหมือนกัน” เดรโกพูดต่ออย่างใจสู้แล้วก้าวเข้าไปหาเธออีกครั้ง ก่อนจะจับไหล่ของเธอเอาไว้ “เธอบอกว่า -”

    “ฉันรู้ว่าฉันพูดอะไรออกไป -” เธอว่าแล้วเบี่ยงไหล่ให้พ้นจากการเกาะกุม “แต่นายก็ -”

    “ช่างหัวสิ่งที่ฉันพูด” เขาคำรามเสียงแห้งแล้วเอียงใบหน้า “ถ้าเธอบอกให้ฉันหยุด ฉันจะไม่จูบเธอ”

    ขีดจำกัดความอดทนของเขาพุ่งถึงจุดสิ้นสุดเมื่อสายตาของเธอจับจ้องมาที่ใบหน้าของเขา ใบหน้าของเธอเรียบแข็งหากแต่ภายในสามวินาทีต่อจากนั้นเขาก็ค้นพบความงดงามที่กระจายอยู่บนใบหน้านั้น ในตอนนั้นเองเขาก็ตัดสินใจได้แล้วว่าเขาไม่ได้ปล่อยเวลาให้ผ่านไปร่วมยี่สิบวันเพื่อพลาดโอกาสนี้อีก

    เดรโกฉวยจูบจากเธอรวดเร็วและไม่อาจหยุดยั้งได้ เขาพร้อมจะจมดิ่งไปพร้อมกับเธอถ้าหากได้รับคำอนุญาต เฮอร์ไมโอนี่ตอบรับจูบของเขาทันด้วยการเผยอปากออกแล้วปล่อยให้เขาได้ล่วงล้ำเข้ามา เสียงของหัวใจเต้นดังเสียจนเขาได้ยินผ่านอกของเขาเมื่อเธอประคองใบหน้าของเขาเอาไว้ นิ้วมือของเธอวาดสะเปะสะปะไปตามใบหูและลำคอ เขากระชับสะโพกของเธเอาไว้แน่นและเริ่มพาเธอเข้าชิดกำแพงขณะที่หูกำซาบเสียงครางแผ่วเบา แรงดึงดูดมหาศาลกำลังทำให้เขาสะท้านไปทั้งแผ่นหลังและมันเริ่มสร้างแรงขับที่ระหว่างสะโพกอีกครั้ง นั่นทำให้เขายิ่งกดจูบแนบแน่น

    เสียงฉ่ำชื้นแสนหวานดังสอดประสานระหว่างพวกเขายิ่งพวกเขาคลั่งไคล้กันมากขึ้น มันก็ยิ่งดังประสานจังหวะก้องกังวาน เดรโกลากฟันผ่านริมฝีปากล่างของเธอสู่คางมนและลำคอ เสียงครางรับจังหวะลิ้นของเขาดังก้องอยู่ภายในประสาทของเขาและยิ่งทำให้เขาเล็มเลียผิวกายเธออย่างตะกลาม

    ไม่ว่าเขาจะชอบมันหรือไม่แต่ความต้องการและความตึงเครียดนี้เดือดปุดอยู่ภายในตัวเขามาหลายสัปดาห์แล้ว เขาไม่อาจหยุดยั้งฝ่ามือตัวเองไม่ให้เลื่อนไล้ลงสู่หน้าท้องแบนราบและเคลื่อนลงต่ำกว่านั้น เขารู้ว่าเขากำลังรีบร้อนจนเกินไป แต่หลังจากภาพจินตนาการตอนเธออาบน้ำนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดมือของเขาก็ไล้ผ่านเข้าสู่ระหว่างขาของเธอ

    “หยุดก่อน” เฮอร์ไมโอนี่หอบหายใจแล้วกดเล็บเข้ากับไหล่ของเขา “ฉันต้องไปแล้ว -”

    “อย่าไป” เขาครวญกับผิวกายของเธอ “เกรนเจอร์ -”

    “มันเร็วเกินไป” เธอยืนกรานจนเขาต้องยอมผละออกอย่างไม่เต็มใจนัก “ฉัน - ฉันต้องไปงานเลี้ยงแล้ว -”

    “ไม่!” เขาพูดแกมบังคับพยายามให้เธอสบตากับเขา “ฉันรู้ว่าเธอต้องการ -”

    “ขอเวลาให้ฉันคิดก่อน” เธอพึมพำแล้วเดินห่างออกมาเพื่อไปยังประตู “นาย...นายอาจจะทำไปเพราะ -”

    “ไม่ใช่!” เขาแย้งด้วยโทสะที่เริ่มแสดงผ่านน้ำเสียง “เธอกล้าออกไปทั้ง ๆ อย่างนี้งั้นเหรอ เกรนเจอร์”

    “ฉัน...ฉันแค่ไม่สามารถ -” เธออึกอักแล้วตะกายประตูให้เปิดออก

    ที่อีกฝั่งของประตู เฮอร์ไมโอนี่ใช้เวลาอีกครู่ใหญ่เพื่อจัดแจงเสื้อผ้าและใบหน้าให้เรียบร้อย ขอบตาของเธอร้อนผ่าวขณะที่หัวใจหนักอึ้ง เธอไม่อาจห้ามไม่ให้ร่างกายสั่นได้

    พระเจ้า พระเจ้า พระเจ้า...

    สองขาที่ยังคงสั่นไหวพาเธอตรงไปถึงห้องโถงใหญ่โดยมีผนังระเบียงทางเดินเป็นตัวช่วยพยุง เธอสายแล้วและเสียงดนตรีคลาสสิคกำลังเริ่มบรรเลงก้องไปทั่วปราสาท จังหวะของมันเริ่มทำให้ความปั่นป่วนในท้องหวนกลับมาอีกครั้งและเธอต้องใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะมองข้ามความรู้สึกร้อนวาบที่ขา เธอได้ยินเสียงของพวกเรียนดังอยู่ไม่ไกลนั่นทำให้ต้องรีบปรับใบหน้าให้กลับมาดูเป็นปกติอีกครั้งเพื่อไม่ให้ใครก็ตามสังเกตเห็นร่องรอยความตกใจและวิตกกังวาลที่ซ่อนอยู่

    “เฮอร์ไมโอนี่!” เสียงไมเคิลทำให้เธอตกใจ แต่พยายามจะไม่แสดงออกเมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า “ในที่สุดก็มาแล้ว! ฉันกำลังเป็นห่วงอยู่เลยว่าเธอจะเป็นอะไรหรือเปล่า แต่เธอดูสวยมากเลยนะ”

    เขาตรงเข้าหาเธออย่างร่าเริงและพยายามจะทักทายด้วยการจูบแก้ม แต่เธอเลี่ยงอย่างไม่สบายใจนัก “ขอบใจนะ” เธอพยักหน้ารับอย่างสุภาพ “จินนี่กับคนอื่น ๆ ล่ะ”

    “พวกเขาเข้าไปข้างในกันแล้ว” เขาบอก “แล้วเธอพร้อมจะเข้าไปหรือยัง ?”

    “เอ่อ...พร้อม” เธอพึมพำแล้วปล่อยให้เขาพาเธอผ่านประตูไป

    พวกเขาหยุดอยู่ที่ด้านนอกห้องซึ่งตกแต่งเอาไว้อย่างวิจิตร เฮอร์ไมโอนี่ไล่สายตาไปตามสิ่งของประดับประดาที่เธอใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการจัดเตรียม เธอยังคงเก็บความหนาวยะเยือกของวันคริสต์มาสเอาไว้แล้วเพิ่มเติมด้วยสิ่งอื่นอีกเล็กน้อย ทั้งหิมะจำลองที่กำลังโปรยลงจากเพดาน และประติมากรรมน้ำแข็งที่เต้นล้อไปพร้อมกับบรรดานักเรียน เมื่อมองไปรอบ ๆ แล้ว เธอก็แน่ใจว่าทุกคนคงจะกำลังสนุกอยู่ แต่บรรยากาศรื่นเริงนั้นก็ไม่ได้ทำให้ความทุกข์ใจที่เธอสะสมไว้ตั้งแต่ต้นเทอมเบาบางลงได้ ไม่มีอะไรบรรเทาความรู้สึกเหล่านั้นลงได้เลย

    ทั้งหมดที่เธอพอจะคิดออกก็มีเพียงริมฝีปากและนิ้วมือของเดรโกเท่านั้น มันทำให้เธอสะท้านไปทุกรูขุมขน เธอกำลังกังวลว่าสถานการณ์เหล่านี้จะพาเธอไปสู่จุดไหน เธอยังคงเข้าใจว่าเขาทำลงไปเพียงเพราะความเห็นแก่ตัวและความต้องการ แต่เมื่อนึกไปถึงท่าทางของเขาในคืนนี้และวันพุธที่ผ่านมา เธอก็เริ่มสงสัย มันดูต่างไป มันดูจริงใจ แต่เธอก็อาจจะคิดไปเองก็ได้ หรือไม่เขาก็เป็นนักแสดงที่เก่งมาก

    แต่ถ้าหากว่า...

    แต่ถ้าหากว่ามันเป็นมากกว่านั้น ถ้าหากว่ามันเป็นเรื่องจริง จะเกิดอะไรขึ้นกับการที่เธอรีบหนีออกมา ก็อดดริก เธอต้องการคำตอบ...

    “ขอโทษนะไมเคิล” เธอรีบพูดแล้วก้าวออกห่างจากเขา “ฉันทำไม่ได้”

    “ทำอะไรนะ ?” เขาถามแล้วมองเธอด้วยใบหน้าตั้งคำถาม “เธอหมายถึงอะไรน่ะ ?”

    “ขอโทษนะ” เธอพูดซ้ำ

    โดยไม่รอคำตอบเธอรีบหันหลังกลับแล้วปล่อยให้อะดรีนาลีนที่กำลังสูบฉีดพาเธอกลับไปที่หอนอน - พาเธอกลับไปหาเขา

     

    ---
    นายเดรโกเขาพูดดี ๆ กับเขาไม่เป็นจริง ๆ นะคะ เป็นเอ็นดูและอยากเขกไปพร้อม ๆ กัน
    ฝากเม้นด้วยน้า ขอบคุณค่ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×