คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : Chapter 15 : Glass [100%]
วันสุดท้ายของพฤศจิกายนมาถึงพร้อมกับบรรยากาศอึมครึมและขมขื่น
เผลอแป็บเดียวเดือนธันวาคมก็มาเยือนแล้ว
ค่ำคืนของช่วงเวลานี้อาจทำให้คุณรู้สึกว่ามันยาวนานเกินกว่าจะผ่านพ้นไป
ทั้งหนาวยะเยือกและสงัดเงียบเพราะสรรพสิ่งต่างพากันหลับใหลระหว่างฤดูกาลที่ผันผ่าน
สิ่งเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกขอบคุณช่วงเวลานี้คือสายลมเองก็ได้จากไปเช่นกัน แต่ทว่าความเงียบที่ผ่านเข้ามาก็กลับหลอกหลอนเธอยิ่งกว่า
ช่วงนี้เธอพยายามทำทุกอย่างให้ยุ่งเท่าที่จะทำได้
พยายามใช้เวลาทั้งหมดไปกับการทำงานในส่วนของเธอ ไป ๆ มา ๆ
ระหว่างห้องสมุดและประชุมวางแผนงานกับไมเคิลและเหล่าพรีเฟ็ค หลังจากทะเลาะกันเธอรู้สึกว่าภายในหอนอนเริ่มทำให้เธอหายใจไม่คล่อง
อีกทั้งเธอก็ยังไม่กล้าแม้แต่จะพบหน้าเขา แม้ว่าเวลาจะผ่านไปกว่าสองสัปดาห์แล้ว
แต่เธอก็ยังรับมือกับมันไม่ได้อยู่ดี
ส่วนเดรโกเองก็ดูเหมือนจะพยายามจะหาโอกาสพบเธออยู่เสมอ
เป็นต้นว่าจู่ ๆ ก็เดินออกจากห้องขณะที่เธออยู่ในครัวหรือห้องนั่งเล่น ทำให้สองสัปดาห์ที่ผ่านมาพวกเขาเดินสวนกันไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง
ซึ่งทั้งหมดนั้นล้วนเป็นความพยายามของเดรโก
เธอพยายามที่จะออกจากห้องให้เร็วที่สุดและเลี่ยงที่จะสบตากับเขา
เพราะกลัวว่าดวงตาคู่นั้นจะพาเธอกลับไปที่เดิมอีกแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่พ่ายแพ้ต่อตัวเองแล้วเผลอสบตาเขาครั้งสองครั้ง
แต่ทุกครั้งที่เผลอมองตาริมฝีปากของเธอก็จะเริ่มแห้งผากไปพร้อมลมหายใจที่ติดขัด หากแต่เธอเองก็สามารถปรับใบหน้าให้เป็นปกติได้ขณะที่เดินออกจากห้องไป
ทิ้งให้เขาทำได้เพียงเฝ้ามองแผ่นหลังของเธอเท่านั้น
หลังจากที่จูบกลายมาเป็นการทะเลาะเบาะแว้ง
เดรโกก็ดูแย่ลง เขาดูอิดโรยและอ่อนล้า มันทำให้เธอเจ็บปวดทุกครั้งที่ต้องเห็นเขาเป็นแบบนี้
ลึก ๆ เธออยากจะช่วยอะไรสักอย่างเพื่อให้เขาดีขึ้นแต่เธอก็ตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะรักษาระยะห่างระหว่างพวกเขาเพื่อไม่ให้ต้องทำร้ายกันอีก
สิ่งที่เธอยังคงทำให้ช่วงเวลาระหว่างพวกเขายืดยาวออกไปก็มีเพียงการทำอาหารในแต่ละวัน
แม้ว่าเธอจะอยากทำมากกว่านั้นแต่เธอทำไม่ได้อยู่ดี
และถึงจะพยายามที่สุดที่จะห้ามตัวเองแล้ว
แต่ก็ต้องยอมรับว่าเธอยังเป็นห่วงเขา
ทว่าเมื่อสิ่งอื่นกำลังโถมทับเธอ
ทั้งไมเคิลที่ขอให้เธอช่วยเรื่องงานเต้นรำและจัดเตรียมวันสิ้นเทอม
และจินนี่ที่สามารถลากเธอไปร้านเสื้อผ้าได้
เธอก็ไม่มีเวลาพอที่จะจัดการเรื่องของเขา วันอาทิตย์นี้นักเรียนทุกคนได้รับอนุญาตให้ไปฮ้อกส์มี้ดเพื่อหาซื้อชุดสำหรับงานเลี้ยงที่กำลังจะมาถึง
และเฮอร์ไมโอนี่ก็หวังวาบรรยากาศของเทศกาลจะทำให้ความรู้สึกของเธอดีขึ้นได้
เธอรักวันคริสต์มาสแต่ดูเหมือนว่าความรู้สึกตื่นเต้นยินดีนั้นจะต้องพยายามและกระอักกระอ่วนที่จะรู้สึกเหลือเกินในปีนี้
เธอกำลังกลัวว่าอาจจะไม่ได้ใช้เวลาร่วมกับครอบครัวรวมถึงแฮร์รี่และรอน
ความเสี่ยงกำลังพุ่งสูงจนทำให้แม้แต่หิมะที่เธอชื่นชอบมาตั้งแต่เด็ก
ก็ต่างหากันหลบตัวไม่ยอมสละเกล็ดโปรยปรายลงมาในฤดูหนาวนี้
ที่จริงก็ยังพอมีเวลา...
“คิดว่าเป็นไง”
จินนี่เอ่ยถามเมื่อรูดม่านห้องลองชุดออกมา เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมองแล้วส่งยิ้มไม่ได้พูดอะไร
ชุดเดรสสีดำตัวสวยดูเข้ากับเพื่อนของเธอมาก
ลวดลายลูกปัดขนาดเล็กที่ปักเป็นแนวตั้งแต่อกและตามตะเข็บชุดดูเขากับเธออย่างสมบูรณ์แบบ
“เป็นไง” เธอถามความคิดเห็นอย่างกระตือรือร้นแล้วสะบัดเส้นผมสีแดงไปด้านหลัง “ดูดีไหม”
“สวยมาก”
เฮอร์ไมโอนี่ตอบ “จริง ๆ นะจินนี่ ส่องกระจกแล้วชอบไหม”
“กระจกเวทมนตร์นี่มันก็ทำให้ทุกชุดดูดีไปหมดแหละ”
แม่มดสาวหยันเสียงใส่กระจก “แน่ใจนะว่าไม่ได้ชมตามมารยาท ?”
“เปล่า”
เธอส่ายหัว “มันสวยแล้วจิน เธอดูปังมาก”
คนฟังยิ้มกว้างแล้วลูบไปตามเนื้อผ้า
“ขอบใจ” เธอบอก “เอาไว้ใส่ถ่ายรูปกับแฮร์รี่ตอนเขากลับมาดีไหม ?”
ถ้าเขากลับมาน่ะนะ...
“ดีสิ”
เธอพยักหน้าแทนที่จะทำลายบรรยากาศด้วยความคิดที่แวบเข้ามา “ถ้าเห็นเธอใส่ชุดนี้หมอนั่นพูดอะไรไม่ออกแน่
ๆ แม้กระทั่งเนวิลล์ก็ต้องพูดไม่ออกแน่”
“ไม่มีทาง”
จินนี่ขำคิก “ช่วงนี้ตาเขามองเห็นแต่แฮนนาห์ อับบอตต์”
“ถามจริง
? แล้วทำไมเขาไม่ขอเธอไปงานเต้นรำล่ะ”
“ก็รู้ว่าหมอนั่นขี้อายขนาดไหน”
เธอพูดถึงเขาด้วยความเอ็นดู “อีกอย่าง ฉันก็ไปขอเขาก่อนที่เขาจะทันได้ขอใครซะอีก
ฉันแค่อยากไปงานนี้กับใครสักคนที่ฉันเชื่อใจได้ เธอเองก็ควรทำอย่างนั้นเหมือนกันนะ
เฮอร์ไมโอนี่”
“ไมเคิลก็ดูไม่ได้อันตรายอะไร
-”
“เขาน่ะคิดอะไรสักอย่างกับเธอ”
จินนี่ขัดคอด้วยน้ำเสียงไม่เห็นด้วย “ถึงหมอนั่นกับรอนจะไม่ได้สนิทกัน
แต่เขาก็ควรจะรู้นะ -”
“รอนกับฉันไม่เคยคบกันอย่างเป็นทางการสักหน่อย”
เธอเตือนความจำ “และไมเคิลก็เป็นเพื่อนคนหนึ่งน่ะ จินนี่ -”
“อือ
แต่ถ้าเขาพยายามจะทำอะไรละก็ รอกินทากตลอดสัปดาห์ได้เลย”
เฮอร์ไมโอนี่กลั้นขำไม่อยู่
“พี่เธอก็ชอบคาถานั้นเหมือนกัน”
“ถึงมันจะย้อนใส่เขาน่ะเหรอ
?” จินนี่ขยับยิ้มเยาะ “เอาล่ะ ได้ชุดของฉันแล้ว เธอได้ของเธอหรือยัง ?”
“ฉันมีชุดแล้ว
-”
“เธอน่าจะซื้อจุดใหม่นะ”
เธอยืนกรานแล้วชี้ไปที่ชุดมากายในห้องเสื้อชั้นสูงแกลดแร็กส์ “สีน้ำเงินนั่นดูเหมาะกับเธอนะ
-”
“ไม่เห็นจำเป็นต้องซื้อชุดใหม่เพื่อไปงานที่ฉันไม่อยากไปนี่”
เฮอร์ไมโอนี่เถียง ถึงแม้ว่าชุดนั้นจะดึงดูดเธออยู่บ้างก็ตาม “และฉันก็ไม่ได้อยากทำให้คู่เต้นรำฉันประทับใจสักหน่อย
-”
“ไม่ต้องทำเพื่อเขา แค่ทำเพื่อตัวเอง”
จินนี่บอกขณะที่เดินไปหยิบชุดออกมา “สีน่ารักมาก
แถมยังไม่มีดีเทลฟรุ้งฟริ้งที่เธอไม่ชอบด้วย”
เฮอร์ไมโอนี่ลังเลครู่หนึ่งก่อนจะยื่นมือออกไปสัมผัสชุดชีฟองนั้น
เมื่อเทียบกับชุดอื่น ๆ ในร้านแล้วชุดนี้ก็ดูเป็นชุดที่ได้รับการประดับประดาน้อยที่สุดจริง
ๆ เธอชอบหลักการน้อยแต่มากของมัน “มันสวยมาก” เธอพึมพำใช้ความคิด “แต่ฉัน -”
“ไปลองก่อน”
---
ประธานนักเรียนสาวกลับมาถึงห้องพร้อมกับของขวัญวันคริสต์มาสและชุดใหม่ในมือ
ต้องโทษจินนี่ที่ในที่เป็นมืออาชีพด้านการป้ายยา แต่ก็ต้องยอมรับว่าการได้ช็อปปิ้งและจิบบัตเตอร์เบียร์ในผับที่ตกแต่งใหม่ก็ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นบ้าง
ถึงแม้ว่าเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องแล้วความผ่อนคลายจะหายไปหมดก็เถอะ
เฮอร์ไมโอนี่สูดลมหายใจอย่างที่เคยทำเป็นประจำ
ดูเหมือนว่าเธอจะติดการทำแบบนี้ในทุกครั้งที่จะต้องกลับเข้าหอนอนแล้ว
ฝ่ามือเล็กผลักประตูให้เปิดออกและนึกด่าตัวเองที่ดันลืมกระเป๋าของเธอไปเสียสนิทระหว่างที่วุ่นวายกับการซื้อของ
เธอหอบข้าวของเต็มมือเข้ามาภายในห้องและพยายามจะเดินให้เงียบที่สุด
แต่ทว่าร่างกายกลับไม่เป็นใจ เธอสะดุดเท้าตัวเองและทำให้พุงในมือลอยไปตกบนพื้น
“โธ่เอ้ย”
เธอบ่นแล้วคุกเข้าขึ้นเก็บของ
เสียงประตูเปิดออกดังขึ้นขณะที่เก็บชิ้นสุดท้ายเข้าถุง
เธอพยายามหลุบตามองพื้นขณะที่เขาเดินผ่านไปยังห้องนั่งเล่น
บรรยากาศในห้องเริ่มทำให้เธอหายใจไม่ออกเธอจึงสูดลมหายใจอีกครั้งแล้วลุกขึ้น
“เอาพวกนั้นมาทำอะไร”
เขาถามอย่างพิจารณาแล้วชี้ไปที่ชุดของเธอในถุงโปร่งใส
เมื่อเธอไม่ตอบเขาจึงเดินมาดักเธอเอาไว้
และทำให้คำตอบไหลหลุดออกจากปากก่อนที่เธอจะทันหยุดมันไว้ “งานเลี้ยงคริสต์มาส”
เธอรีบพูดแล้วเลี่ยงเดินไปที่โซฟาอย่างหนักใจ แต่เขาก็ตามมาอยู่ดี
ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ชุดนั้น “เลิกขวางทางเถอะนะ”
“เธอกำลังหลบหน้าฉัน”
เขาถามเสียงแปร่งพร่า “เพราะอะไร ?”
เฮอร์ไมโอนี่เลิกหลบตา
“นายก็รู้ว่าทำไมนี่ เดรโก” เธอตวาด “ถอยไป -”
“แล้วจะเงียบไปจนถึงเมื่อไหร่”
เขาพูดต่ออย่างโมโห “มันเริ่มทำให้ฉันไม่ชอบใจแล้วนะ -”
“จะไม่พูดซ้ำแล้วนะ”
เธอพูดพลางเม้มปากก่อนจะเริ่มรื้อกระเป๋าอย่างเงอะงะเพื่อควานหาไม้กายสิทธิ์ “จะถอยไปเองหรือจะต้องให้ฉันช่วย”
เขามองเธอด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสับสนพลางกัดภายในปากอย่างหงุดหงิด
เขาขยับเลี่ยงทางให้เธอพร้อมกับถอนหายใจ
ฝ่ามือที่กำหมัดแน่นสั่นสะท้านขณะที่เดินก้าวผ่านไป ส่วนเธอเองก็พยายามที่จะไม่สนใจกลิ่นกายและลมหายใจของเขาที่
แต่สิ่งที่ยากกว่าก็คือการหยุดยั้งอาการสั่นที่พยายามจะทรยศเธอ
“เราก็เคยทะเลาะกันมาก่อนนะ
เกรนเจอร์” เขาพูดขึ้นก่อนที่เธอจะก้าวถึงประตูด้วยน้ำเสียงที่ฟังเกือบจะหดหู่ “ทำไมคราวนี้...เธอถึงเป็นแบบนี้”
เธอหยุดฝีเท้าและรู้สึกเดือดขึ้นในอก
“นายเป็นคนบอกให้ฉันไม่ยุ่งกับนายเองนะ” เธอตอบเสียงเย็น “และฉันก็กำลังทำไง -”
“แต่ฉัน
-”
“นายเป็นคนก่อมันขึ้นเองนะ
เดรโก” เธอบอกเขาอย่างมีสติพยายามที่จะไม่เริ่มทะเลาะ “ดังนั้นก็รับผิดชอบมันซะ”
เธอหยิบไม้กายสิทธิ์แล้วร่ายมัฟฟลิอาโต้ก่อนจะพูดเปลี่ยนรหัสผ่าน
- ครุกแชงส์ พลางสงสัยว่าเขาจะรู้ชื่อสัตว์เลี้ยงแสนรักของเธอไหมและตระหนักได้ว่าทุกครั้งที่จะเข้าห้องหลังจากนี้ต้องระวังมากขึ้นอีกหน่อย
เธอไม่แน่ใจว่าเขากำลังพึมพำอะไรอยู่ด้านหลังเธอ
แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่เธอจะสนใจอีกแล้ว
“เดี๋ยว”
เขาเรียก แต่เธอกระแทกประตูปิดลงแล้ว
เขาจำได้ว่ามีบางคำที่แม่เขาเคยพูดก่อนที่จะมาฮอกวอตส์ซึ่งเขาไม่ได้เห็นด้วยแต่แรกว่าเขาจะคิดถึงคฤหาสน์ของเขา
แต่กระทั่งเขาไม่อาจกลับไปได้อีก เขาก็เพิ่งรู้ซึ้งถึงสิ่งนั้น
หลังจากสองสัปดาห์ที่ผ่านไปพร้อมกับการพูดคุยสั้น ๆ เท่าที่จำเป็น
เขาก็เริ่มเสียใจที่ตัดสินใจแก้ปัญหาต่าง ๆ ไปแบบนั้น
เห็นได้ชัดว่าเธอพยายามที่จะไม่มองหน้าเขาด้วยซ้ำ มันค่อย ๆ กัดเซาะความตั้งใจที่จะแสร้งทำเหมือนมันไม่เป็นอะไร
เพราะความจริงที่น่ากลัวกำลังบอกเขาว่า เขาต้องการบางอย่างจากเธอ
การโต้แย้งที่รุ่มร้อน
การสนทนาที่มีสาระ...และจูบ
อะไรก็ตาม
---
วันพุธกำลังผ่านไปอย่างเชื่องช้า
ชั้นเรียนของเฮอร์ไมโอนี่จบลงทั้งหมดแล้วและตลอดบ่ายนี้เธอจะต้องเก็บงานที่เหลือเพื่อตกแต่งห้องโถงใหญ่
เธอปลีกตัวจากกลุ่มพรีเฟ็คที่กำลังเต็มไปด้วยพลังงานและใช้เวลาสองสามชั่วโมงในห้องสมุด
แต่การสืบค้นเกี่ยวกับฮอร์ครักซ์ก็ยังคงไม่มีความคืบหน้าจนน่าผิดหวัง รู้ตัวอีกทีนาฬิกาก็บอกเวลาราวสี่ทุ่มเธอจึงตัดสินใจยอมแพ้ให้กับเปลือกตาที่หนักอึ้งและพาตัวเองกลับหอนอน
หวังว่าเดรโกเองก็จะไม่ได้เตร่อยู่ที่ห้องนั่งเล่น
เธอค่อย
ๆ แอบเข้าไปด้านในอย่างเงียบเชียบ หยิบแก้วรินน้ำก่อนที่เสียงเคาะที่ประตูใหญ่จะเรียกเธอ
ความตกใจทำให้แก้วในมือหล่นลงแตกแทบเท้า
มันสร้างเสียงดังที่ทำให้เธอต้องเหลือบมองประตูห้องของเดรโกอย่างระแวง
“เฮอร์ไมโอนี่
เธอเป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงไมเคิลดังจากด้านนอกทำให้เธอกลอกตา “ฉันได้ยิน -”
“ไม่มีอะไร”
เธอบอก “มีธุระอะไรเหรอไมเคิล”
“มีเรื่องต้องคุยนิดหน่อย
-”
“ฉันกำลังจะไปนอนแล้ว”
เธอพูดแล้วพยายามเดินเลี่ยงเศษแก้ว “ไว้คุยกันพรุ่งนี้ได้ไหม -”
“ขอคุยแป๊บเดียว”
เขายืนยัน “ไม่เอาน่า เฮอร์ไมโอนี่ นี่มันเพิ่งสี่ทุ่มเอง”
แม่มดสาวถอนหายใจแล้วยกมือขึ้นนวดขมับ
หันมองประตูห้องของเดรโกอย่างสงสัย
แน่นอนว่าเขาคงไม่ออกมาถ้ารู้ว่าเธอมีแขกแต่มันก็ไม่แน่ว่าเขาจะทะเล่อทะล่าออกมาได้จังหวะไหม
เธอคิดว่าควรจะคุยกับไมเคิลให้เสร็จโดยเร็วเพื่อไม่ให้มีปัญหา ร่างเล็กร่ายคาถาเปลี่ยนชุดคลุมเป็นชุดนอนแล้วสะบัดรองเท้าออก
ทิ้งกระเป๋ากับไม้กายสิทธิ์ไว้ที่ครัวขณะที่เดินไปเปิดประตู
“ขอเข้าไปได้ไหม”
ประธานนักเรียนชายถามเมื่อเธอแง้มประตูออก
“อย่าดีกว่า”
เธอส่ายหน้า เหนื่อยล้าเกินกว่าจะหาข้ออ้าง “มีอะไรเหรอ ?”
“ก็แค่สงสัยว่าเราจะจัดการวันศุกร์นี้ยังไง”
“นายก็รู้แผนแล้วนี่”
เธอขมวดคิ้ว “ฉันส่งรายละเอียดให้หมดแล้วนะ”
“หมายถึงเราสองคนน่ะ”
เขาแจงพลางยกมือขึ้นนวดคอ “จะให้มารับที่นี่ หรือว่าเธอจะ -”
“อ้อ
เรื่องนั้น” เธอพึมพำพยายามจะใจเย็น มันไมใช่ความผิดเขา เธอหงุดหงิดไปเอง “ไม่เป็นไร
ไมเคิล เราทั้งหมดไปจะไปเจอกันที่ห้องโถงใหญ่เลย เพราะงั้นเราสองคนก็ทำแบบนั้นแหละ”
“อ๋อ
ได้เลย” เขาพยักหน้ารับปกปิดความผิดหวังเอาไว้ไม่มิด “แน่ใจนะว่าไม่อยากเจอกันก่อน
?”
“ไม่ล่ะ
เราน่าจะต้องรีบกันสุด ๆ ดังนั้นไปเจอที่นั่นเลยง่ายกว่า” เธอแจกแจงแล้วแกล้งปิดปากหาว
“มีอะไรอีกไหม ฉันเพลีย ๆ น่ะ”
“เอ่อ
ไม่มีแล้วล่ะ” เขายักไหล่ “งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ”
“ฝันดี”
เธอเลื่อนประตูปิดเมื่อเสียงฝีเท้าของไมเคิลดังไกลออกไป
เธอยืนหายใจนิ่งอยู่แบบนั้นเมื่อรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ ที่แผ่นหลัง รู้ได้เลยว่าสลิธีรินในห้องเธอกำลังอยู่เบื้องหลัง
“เล่นอะไรของนาย” เธอถามแล้วหันกลับมาก่อนจะเผลอสบตาเข้ากับเขาอีกครั้ง “อยากถูกจับได้หรือไง
?”
ใบหน้าขาวซีดของเดรโกบูดบึ้งอย่างเจ็บปวดจนทำให้เธอชะงัก
“ไหนบอกว่าระหว่างเธอกับคอร์เนอร์ไม่มีอะไรไง ?”
เขาพูดเสียงต่ำทำให้ภายในอกของเธอตีบตัน
เฮอร์ไมโอนี่เดินไปข้างหน้าแต่เดรโกเดินมาดักเธอเอาไว้ได้
“ก็ไม่มีอะไร” เธอลังเลที่จะพูด “ถอย เดรโก -”
“แต่ดูเหมือนเธอกำลังจะไปงานเต้นรำกับหมอนั่นนะ”
เสียงแหบพร่าของเขาดังขึ้นพร้อม ๆ กับที่เขาสืบเท้าเข้าหาเธอ “ไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนขี้โกหกนะ
เกรนเจอร์”
“ฉันไม่ได้โกหก”
เธอเถียง รู้สึกเสียใจที่ดันวางไม้กายสิทธิ์ทิ้งไว้ในครัว “ฉันจะกลับห้องนอนแล้ว -”
“มันชอบเธอ
เกรนเจอร์” เขาบอก “บอกได้เลย -”
“ตลกอะไรของนายอีกแล้ว”
เธอดุ ไม่สบอารมณ์กับน้ำเสียงของเขา “ถอยไป -”
“ลองทำให้ฉันหลบสิ”
เขาท้า “ฉันหมดเรื่องจะพูดเกี่ยวกับไอ้นั่นแล้ว”
ประเมินจากสถานการณ์แล้วคงจะต้องใช้เวทมนตร์เข้าช่วยก่อนที่เธอจะตกหลุมพรางของเขา
เธอเหลือบตามองไม้กายสิทธิ์แล้วรีบพุ่งไปหยิบ แต่ทว่าน้ำที่เจิงนองบนพื้นทำให้เธอเสียหลักแล้วล้มลงมือไถลไปบนเศษแก้วที่เกลื่อนพื้น
เฮอร์ไมโอนี่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดที่แล่นเข้าสู่ฝ่ามือและข้อแขน
เธอมองไปที่ฝ่ามือแล้วเห็นว่าเศษแก้วขนาดเท่าเหรียญเกลเลียนปักทิ่มเข้ามาพร้อมกับหยาดโลหิตสีแดงที่ไหลซึมระหว่างนิ้ว
เธอพาตัวเองลุกขึ้นนั่งพิงตู้วางของและก่อนที่เธอจะรู้ตัว เดรโกก็คุกเข่าอยู่ตรงหน้าด้วยใบหน้าที่กำลังพิจารณาอย่างใจเย็น
มันมีบางส่วนที่ทำให้เธอเกือบจะเข้าใจผิดไปว่ามันคือความห่วงใย
“เอามือมาดูหน่อย”
เขาสั่งเสียงเรียบ “ต้องเอาเศษแก้วออกก่อน -”
“ช่างเถอะ”
เธอพูดผ่านไรฟันด้วยความเจ็บแปลบที่มือ “เอาไม้กายสิทธิ์มาให้ก็พอ -”
“ฉันแตะไม้ของเธอได้ที่ไหน”
เขาว่า “ให้ฉันเอาเศษแก้วออกก่อนแล้วเธอค่อยไปรักษาต่อเองก็ได้”
“ช่วยฉันลุก
-”
“อยู่นิ่ง
ๆ” เสียงของเขาฟังดูเคร่งขรึมกว่าปกติ “ส่งมือมาเกรนเจอร์ เดี๋ยวเดียวก็เสร็จ -”
“โอ้ย”
เธอหายใจแรงเมื่อเขาค่อย ๆ ประคองข้อมือเธออย่างอ่อนโยนแล้วมองบาดแผลใกล้ ๆ
ความอ่อนโยนและสุขุมของเขาเป็นสิ่งที่เธอไม่ทันได้คาดคิด
มันทำให้เธอรู้สึกสับสนขณะที่เฝ้ามองดวงตาและใบหน้าที่อ่อนลงของเขา “โอเค”
เธอถอนหายใจ “พร้อมแล้ว”
เฮอร์ไมโอนี่สะอื้นออกมาเล็กน้อยเมื่อเขาดึงเศษแก้วออก
“มันเจ็บ” เธอโพล่งออกมาก่อนที่จะได้ยั้งปาก “เดรโก -”
“ไม่เป็นไรนะ”
เขาปลอบและค่อย ๆ ถอนชิ้นสุดท้ายออกมา “เสร็จแล้ว”
เดรโกมองความโล่งใจที่ระบายบนใบหน้าอ่อนหวานของเธอและเริ่มรู้สึกถึงแรงสั่นภายในอก
เลือดของเธอเปรอะนิ้วของเขาและซึมไปตามเล็บ
มันควรจะทำให้เขารู้สึกขยะแขยงแต่แล้วมันก็ไม่ เขาใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือนวดไปบนข้อมือของเธอขณะที่เธอพยายามสูดหายใจลึก
ๆ เพื่อบรรเทาอาการปวดหนึบของบาดแผล ความเงียบที่น่าอึดอัดกระจายไปรอบตัวพวกเขา
เดรโกเฝ้ามองเธออย่างตั้งความหวัง - หวังว่าเธอจะพูดอะไรสักอย่าง
“แอคซิโอไม้กายสิทธิ์”
เธอกระซิบคาถาแล้วละความสนใจจากเขา
เดรโกปล่อยมือจากเธออย่างไม่เต็มใจนักระหว่างที่เธอเริ่มใช้เวทมนตร์รักษาแผล
เขายังคงนั่งอยู่เคียงข้างเธอ
เขาต้องคว้าทุกโอกาสที่พอจะมีเพื่อใกล้ชิดเธอก่อนที่เธอจะกลับไปหลบหน้าเขาอีก
ชายหนุ่มเลียริมฝีปากแล้วบอกให้ตัวเองใจเย็น
เฝ้ามองเธอด้วยสายตาวิเคราะห์ว่าเขาควรจะทำอย่างไรเพื่อให้เรื่องนี้จบลงด้วยดี
“ไม่มีอะไรต้องคุยกับนายแล้ว”
เธอบอกเขาหลังจากที่รักษาแผลเสร็จ
“บางที”
เขาค่อย ๆ พูด “ฉันอาจจะ -”
“มันไม่ได้ทำให้อะไรเปลี่ยนไปหรอก”
เธอรีบพูดแล้วขยับออกจากเขาพร้อมสายตาเชือดเฉือน “ฉันยังโกรธนายอยู่ -”
“เพราะงั้นก็เลยจะไปงานเต้นรำกับไอ้คอร์เนอร์น่ะเหรอ”
เขาคำรามในลำคอ เสียงของเขาเต็มไปด้วยความหึงหวงมากกว่าจะเป็นการดูหมิ่น “เพื่อทำให้ฉันเห็นงั้นเหรอ”
“ฉันไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้นายเห็น!” เธอเถียงกลับแล้วลุกขึ้นตรงไปยังห้องนอน “ความคิดที่นายมีต่อฉันมันก็ชัดเจนแล้ว
-”
“อย่าหนีฉันนะ
เกรนเจอร์” เขาร้องเรียก “ทำไมครั้งนี้มันถึงเป็นแบบนี้ ?”
“นายก็รู้ว่าทำไม!” เธอตะเบ็งเสียง พวงแก้มขึ้นสีเชอรี่พร้อมกับดวงตาที่เริ่มชื้น
“ฉันเหนื่อยกับการโดยนายขว้างไปมาและปั่นหัวฉันแล้ว!
ฉันรู้สึกยังไงกับนายฉันก็บอกไปหมดและนายก็ -”
“เธอรู้สึกยังไงกับฉัน”
เขาถามย้ำพร้อมเสียงหัวใจที่เต้นดัง “เธอ -”
“มันไม่สำคัญแล้วล่ะ”
เธอรีบขัดนึกด่าตัวเองที่เผลอพูดอย่างนั้นออกไป “นายเองก็ไม่ได้ต้องการอะไรจากนั้น
เพราะงั้นยังมีอะไรที่เรา -”
“เกรนเจอร์
เดี๋ยว!”
เขาตะโกนแต่สิ่งที่ตอบกลับมามีเพียงเสียงกระแทกประตูเท่านั้น “แม่งเอ้ย”
เขากัดฟันแล้วเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างคราบเลือดออกจากนิ้วมือ
ครั้งนี้เขาไม่ได้เอาแต่เสาะหาร่องรอยของโคลนอีกต่อไป
เขารู้เต็มอกว่าเลือดนี่ก็เหมือนเลือดของเขา
เขาเท้ามือเข้ากับอ่างล้างหน้าและเปิดก๊อก
เฝ้ามองริ้วสีแดงที่ค่อย ๆ ไหลไปตามน้ำจนกระทั่งมันเหลือเพียงสีชมพูจาง เขาขบกรามขณะที่ฟังเสียงภายในอกดังลั่นในโสตประสาท
เส้นกั้นที่เธอมีต่อเขาทำให้เขาให้เขารู้สึกหนักอึ้งไปหมด เวลามันผ่านไปสองสัปดาห์แล้วและเขาก็เริ่มจำสัมผัสของเธอ
รสชาติของเธอไม่ได้แล้ว
เขาไม่อาจจะตำหนิในสิ่งที่เธอทำได้
แต่การที่เธอกำลังยอมแพ้ให้กับสิ่งที่พวกเขามีต่อกันกำลังทำให้เขาเจ็บปวด การล้อเล่นกับความรู้สึกของเธอและเฝ้ามองเธอมานะที่จะรับผิดชอบมันเคยเป็นเรื่องสนุกสำหรับเขา
แต่คราวนี้ด้วยความดื้อรั้นของเธอที่เขารู้ดี เขาก็พอจะตระหนักได้ว่าครั้งนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว
เขาทำให้เธอเป็นแบบนั้น
และเขาเองก็กำลังจะต้องแก้ปมที่เขาเป็นคนมัดขึ้นเอง
มันเจ็บปวดที่ต้องรับรู้ว่าเรื่องราวกำลังเป็นแบบนี้เพราะเขาต้องการเธอ
แม้ว่าเสียงภายในหัวจะกำลังกระซิบต่อว่าเขาอย่างร้ายกาจว่าสิ่งที่เขารู้สึกมันผิด
แต่เขาเองก็รู้สึกว่าภายในของเขามันกำลังร่ำร้องว่ามีบางอย่างได้เกิดขึ้นแล้ว
เขากำลังอยู่ไม่สุข
---
เฮอร์ไมโอนี่ยักไหล่ไม่ยี่หระกับภาพสะท้อนตัวเองภายในกระจกแล้วจึงปาดลิปบาล์มลงบนริมฝีปากเป็นขั้นตอนสุดท้าย
ชุดราตรีสีมิดไนท์บลูดูจะด้อยคุณค่าลงไปเมื่อเธอไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับงานบอลขนาดนั้น
จะมีก็เพียงเครื่องสำอางค์เล็กน้อยที่พอจะช่วยส่งเสริมชุดขึ้นมาได้บ้าง
จินนี่ช่วยให้สเปรย์กับลอนผมของเธอเหมือนกับที่เธอเคยใช้เมื่องานเต้นรำครั้งก่อน
แต่คราวนี้เธอไม่ได้ม้วนลอนจนแน่นแต่กลับปล่อยให้มันคลายลง
มองโดยรวมแล้วเธอก็ไม่รู้ว่าจะมีคืนไหนอีกไหมที่ทำให้เธอรู้สึกงดงามได้เท่าคืนนี้
แต่ก็นั่นแหละ แม้ภายนอกจะดูดีแล้วแต่ลึก ๆ ภายในของเธอก็ยังคงมีเมฆหมอกของความเสียใจที่ยังคงค้างอยู่ตั้งแต่วันพุธ
พฤติกรรมของเดรโกดูอ่อนโยนและเอาใจใส่เธอมากตอนที่เธอบาดเจ็บจากเศษแก้ว
นั่นทำให้เธอถึงกับละทิ้งสัญญาที่มีต่อตัวเองว่าจะอยู่ให้ห่างจากเขา
แต่ตอนนี้เธอก็กลับมายึดมั่นกับมันอีกครั้ง ถ้อยคำของเขาในการทะเลาะกันครั้งล่าสุดยังคงทำให้เธอมีสติมากขึ้น
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะสามารถหยุดคิดเรื่องความละเอียดอ่อนอยู่แทรกซ้อนอยู่ระหว่างสิ่งที่เธอตัดสินใจได้
เขาปฏิบัติต่อเธอราวกับแก้วใสที่บอบบางซึ่งทำให้เธอเกือบจะลุ่มหลงในสิ่งที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อน
บางทีระยะห่างระหว่างพวกเขาอาจจะส่งผลบางอย่างกับเขาก็ได้...
เธอส่ายหน้าขับไล่ความรู้สึกละห้อยหาแล้วตัดสินใจว่าจะรีบออกไปห้องโถงใหญ่เพราะดูเหมือนเธอกำลังจะสายแล้ว
เธอใส่ไม้กายสิทธิ์ไว้ในกระเป๋าถือแล้วเดินออกจากห้องก่อนจะต้องชะงักทื่อเมื่อพบร่างที่คุ้นตากำลังนั่งอยู่บนโซฟา
เดรโกนั่งก้มหน้าและเคาะนิ้วกับหัวเข่าอย่างไม่รู้ตัว
เขาดูเหมือนกำลังตกอยู่ในความคิดบางอย่างที่ยากลำบากสำหรับเขา วินาทีนั้นเธอกลับมากังวลเรื่องรูปลักษณ์ของเธอในตอนนี้ทั้งที่ปกติไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน
ฝ่ามือเล็กปัดไปมาระหว่างเนื้อผ้าที่ทอทับบนหน้าท้องด้วยความประหม่า
และเขาเองก็คงจะได้ยินเสียงเธอนั่นทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาสีราวกับท้องฟ้าในฤดูหนาวเบิกกว้างและเริ่มดื่มด่ำไปกับภาพที่เห็น
จังหวะนั้นเธอก็รู้สึกถึงความร้อนที่เริ่มก่อตัวขึ้นบริเวณแก้ม
เดรโกรู้สึกว่าชีพจรของเขาเต้นแรงขึ้นเมื่อเขาได้ซึมซาบภาพความเป็นเธอ
แผนการมหาศาลที่เขาเตรียมเอาไว้ถูกลืมไปเสียสิ้น เธอดูธรรมดาแต่ว่ากลับพิเศษอย่างไม่มีคำอธิบาย
เขาไม่อาจปล่อยให้เธอออกไปพบใครได้โดยเฉพาะไอ้เรเวนคลอนั่น ที่ไม่รู้ว่าบริสุทธิ์ใจหรือไม่ด้วยซ้ำ
“นายทำอะไรอยู่น่ะ”
เธอถามพาเขาออกจากภวังค์ “ฉัน -”
“อย่าไปกับเขา”
เขาโพล่งบอกโดยไม่สนใจแล้วว่าจะฟังดูน่าสมเพชหรือไม่ “อย่าไปกับเขาเลย เกรนเจอร์”
เฮอร์ไมโอนี่เม้มปาก
“นายไม่ควรพูดแบบนั้น -”
“ควรสิ”
เขาแย้งแล้วลุกขึ้นจากที่นั่ง “อยู่ที่นี่เถอะ -”
“ทำไมฉันถึงต้องทำแบบนั้น”
“เพราะฉันทนไม่ได้!” เขากรีดเสียง “ฉันทน...ฉันทนไม่ได้! และอย่าบอกให้ฉันทำด้วย!”
“ฉันไม่ได้บอกให้นายทำอะไรเลยนะ!” เธอโต้กลับ
หวังว่าเสียงของเธอจะไม่แสดงอารมณ์จนเกินไป “ไมเคิลเป็นแค่เพื่อน! และต่อให้ไม่ใช่ มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนาย -”
“ถ้างั้นก็ทำให้มันเกี่ยวสิ”
เขาตะโกนแล้วเดินตรงเข้ามาหา “ทำให้มันเป็นเรื่องของฉัน -”
“อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ
-” เธอเตือนหากแต่กลับฟังดูอ่อนแอเหลือเกิน “ขอร้อง เดรโก -”
“อยู่เถอะ”
เขาพูดซ้ำอีกครั้งแล้วก้าวเข้ามาใกล้จนลมหายใจของเขาเป่ารดกระดูกไหปลาร้า “อยู่ด้วยกัน”
เขาย้ำด้วยเสียงที่อ่อนลง ดวงตาของเธอค่อย ๆ ปิดลงเมื่อเขาขยับเข้ามาใกล้แล้วพยายามจะจุมพิตเธอเพื่อประกาศว่าเขาเป็นผู้ชนะในครั้งนี้
แต่แล้วเธอก็ผลักเขาออกก่อนที่จะทันได้สัมผัสเธอ “เกรนเจอร์ -”
“ไม่!” เธอท้วงแล้วส่ายหน้า “ฉันให้โอกาสนายมาหลายครั้งแล้วเดรโก! และนายก็เอาแต่ทำแบบเดิมซ้ำไปมา!
ฉันอาจจะทนรับฟังคำพูดเรื่องเลือดสีโคลนที่นายเอาแต่พูดได้
แต่ฉันจะไม่ยอมให้นายมาเล่นกับหัวใจของฉัน! นายทำให้ฉันเจ็บ
รู้ไหม!”
คลื่นความรู้สึกผิดซัดสาดเข้าหาเขา
“ฉันจะไม่ -”
“นายจะทำแน่นอน”
เธอแหวใส่แล้วใช้นิ้วมือที่สั่นระริกชี้ไปที่เขา “ฉันไม่ใช่คนที่นายจะมาทำเป็นเล่นแล้วก็เขี่ยทิ้งได้นะ!”
เขาพยายามจะเข้าใกล้เธออีกครั้ง
แต่คราวนี้เธอเลี่ยงเขาได้ทัน “เกรนเจอร์ -”
“บอกมาว่านายไม่ใช่แค่อยากจะเอาฉัน!” เธอตวาดถ้อยคำที่แผดเผาเธอ “พูดออกมา!”
ตัวเขากระตุกเมื่อสบเข้ากับดวงตาลุกโชนของเธอ
“เธอเป็นทุกอย่างสำหรับฉันและไม่ใช่แค่เรื่องนั้น เกรนเจอร์” เขาบอกเธออย่างจริงใจ
“และฉันรู้ว่าเธออยากให้ฉัน...ให้ฉันสัมผัสเธอ”
“เงียบนะ!” เธอกลั้นหายใจแล้วปาดน้ำตาที่หางตา “พอสักที -”
“และเธอเองก็อยากสัมผัสฉันเหมือนกัน”
เดรโกพูดต่ออย่างใจสู้แล้วก้าวเข้าไปหาเธออีกครั้ง ก่อนจะจับไหล่ของเธอเอาไว้ “เธอบอกว่า
-”
“ฉันรู้ว่าฉันพูดอะไรออกไป
-” เธอว่าแล้วเบี่ยงไหล่ให้พ้นจากการเกาะกุม “แต่นายก็ -”
“ช่างหัวสิ่งที่ฉันพูด”
เขาคำรามเสียงแห้งแล้วเอียงใบหน้า “ถ้าเธอบอกให้ฉันหยุด ฉันจะไม่จูบเธอ”
ขีดจำกัดความอดทนของเขาพุ่งถึงจุดสิ้นสุดเมื่อสายตาของเธอจับจ้องมาที่ใบหน้าของเขา
ใบหน้าของเธอเรียบแข็งหากแต่ภายในสามวินาทีต่อจากนั้นเขาก็ค้นพบความงดงามที่กระจายอยู่บนใบหน้านั้น
ในตอนนั้นเองเขาก็ตัดสินใจได้แล้วว่าเขาไม่ได้ปล่อยเวลาให้ผ่านไปร่วมยี่สิบวันเพื่อพลาดโอกาสนี้อีก
เดรโกฉวยจูบจากเธอรวดเร็วและไม่อาจหยุดยั้งได้
เขาพร้อมจะจมดิ่งไปพร้อมกับเธอถ้าหากได้รับคำอนุญาต เฮอร์ไมโอนี่ตอบรับจูบของเขาทันด้วยการเผยอปากออกแล้วปล่อยให้เขาได้ล่วงล้ำเข้ามา
เสียงของหัวใจเต้นดังเสียจนเขาได้ยินผ่านอกของเขาเมื่อเธอประคองใบหน้าของเขาเอาไว้
นิ้วมือของเธอวาดสะเปะสะปะไปตามใบหูและลำคอ เขากระชับสะโพกของเธเอาไว้แน่นและเริ่มพาเธอเข้าชิดกำแพงขณะที่หูกำซาบเสียงครางแผ่วเบา
แรงดึงดูดมหาศาลกำลังทำให้เขาสะท้านไปทั้งแผ่นหลังและมันเริ่มสร้างแรงขับที่ระหว่างสะโพกอีกครั้ง
นั่นทำให้เขายิ่งกดจูบแนบแน่น
เสียงฉ่ำชื้นแสนหวานดังสอดประสานระหว่างพวกเขายิ่งพวกเขาคลั่งไคล้กันมากขึ้น
มันก็ยิ่งดังประสานจังหวะก้องกังวาน เดรโกลากฟันผ่านริมฝีปากล่างของเธอสู่คางมนและลำคอ
เสียงครางรับจังหวะลิ้นของเขาดังก้องอยู่ภายในประสาทของเขาและยิ่งทำให้เขาเล็มเลียผิวกายเธออย่างตะกลาม
ไม่ว่าเขาจะชอบมันหรือไม่แต่ความต้องการและความตึงเครียดนี้เดือดปุดอยู่ภายในตัวเขามาหลายสัปดาห์แล้ว
เขาไม่อาจหยุดยั้งฝ่ามือตัวเองไม่ให้เลื่อนไล้ลงสู่หน้าท้องแบนราบและเคลื่อนลงต่ำกว่านั้น
เขารู้ว่าเขากำลังรีบร้อนจนเกินไป แต่หลังจากภาพจินตนาการตอนเธออาบน้ำนับครั้งไม่ถ้วน
ในที่สุดมือของเขาก็ไล้ผ่านเข้าสู่ระหว่างขาของเธอ
“หยุดก่อน”
เฮอร์ไมโอนี่หอบหายใจแล้วกดเล็บเข้ากับไหล่ของเขา “ฉันต้องไปแล้ว -”
“อย่าไป”
เขาครวญกับผิวกายของเธอ “เกรนเจอร์ -”
“มันเร็วเกินไป”
เธอยืนกรานจนเขาต้องยอมผละออกอย่างไม่เต็มใจนัก “ฉัน - ฉันต้องไปงานเลี้ยงแล้ว -”
“ไม่!” เขาพูดแกมบังคับพยายามให้เธอสบตากับเขา “ฉันรู้ว่าเธอต้องการ
-”
“ขอเวลาให้ฉันคิดก่อน”
เธอพึมพำแล้วเดินห่างออกมาเพื่อไปยังประตู “นาย...นายอาจจะทำไปเพราะ -”
“ไม่ใช่!” เขาแย้งด้วยโทสะที่เริ่มแสดงผ่านน้ำเสียง “เธอกล้าออกไปทั้ง
ๆ อย่างนี้งั้นเหรอ เกรนเจอร์”
“ฉัน...ฉันแค่ไม่สามารถ
-” เธออึกอักแล้วตะกายประตูให้เปิดออก
ที่อีกฝั่งของประตู
เฮอร์ไมโอนี่ใช้เวลาอีกครู่ใหญ่เพื่อจัดแจงเสื้อผ้าและใบหน้าให้เรียบร้อย
ขอบตาของเธอร้อนผ่าวขณะที่หัวใจหนักอึ้ง เธอไม่อาจห้ามไม่ให้ร่างกายสั่นได้
พระเจ้า
พระเจ้า พระเจ้า...
สองขาที่ยังคงสั่นไหวพาเธอตรงไปถึงห้องโถงใหญ่โดยมีผนังระเบียงทางเดินเป็นตัวช่วยพยุง
เธอสายแล้วและเสียงดนตรีคลาสสิคกำลังเริ่มบรรเลงก้องไปทั่วปราสาท
จังหวะของมันเริ่มทำให้ความปั่นป่วนในท้องหวนกลับมาอีกครั้งและเธอต้องใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะมองข้ามความรู้สึกร้อนวาบที่ขา
เธอได้ยินเสียงของพวกเรียนดังอยู่ไม่ไกลนั่นทำให้ต้องรีบปรับใบหน้าให้กลับมาดูเป็นปกติอีกครั้งเพื่อไม่ให้ใครก็ตามสังเกตเห็นร่องรอยความตกใจและวิตกกังวาลที่ซ่อนอยู่
“เฮอร์ไมโอนี่!” เสียงไมเคิลทำให้เธอตกใจ
แต่พยายามจะไม่แสดงออกเมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า “ในที่สุดก็มาแล้ว! ฉันกำลังเป็นห่วงอยู่เลยว่าเธอจะเป็นอะไรหรือเปล่า แต่เธอดูสวยมากเลยนะ”
เขาตรงเข้าหาเธออย่างร่าเริงและพยายามจะทักทายด้วยการจูบแก้ม
แต่เธอเลี่ยงอย่างไม่สบายใจนัก “ขอบใจนะ” เธอพยักหน้ารับอย่างสุภาพ “จินนี่กับคนอื่น
ๆ ล่ะ”
“พวกเขาเข้าไปข้างในกันแล้ว”
เขาบอก “แล้วเธอพร้อมจะเข้าไปหรือยัง ?”
“เอ่อ...พร้อม”
เธอพึมพำแล้วปล่อยให้เขาพาเธอผ่านประตูไป
พวกเขาหยุดอยู่ที่ด้านนอกห้องซึ่งตกแต่งเอาไว้อย่างวิจิตร
เฮอร์ไมโอนี่ไล่สายตาไปตามสิ่งของประดับประดาที่เธอใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการจัดเตรียม
เธอยังคงเก็บความหนาวยะเยือกของวันคริสต์มาสเอาไว้แล้วเพิ่มเติมด้วยสิ่งอื่นอีกเล็กน้อย
ทั้งหิมะจำลองที่กำลังโปรยลงจากเพดาน และประติมากรรมน้ำแข็งที่เต้นล้อไปพร้อมกับบรรดานักเรียน
เมื่อมองไปรอบ ๆ แล้ว เธอก็แน่ใจว่าทุกคนคงจะกำลังสนุกอยู่ แต่บรรยากาศรื่นเริงนั้นก็ไม่ได้ทำให้ความทุกข์ใจที่เธอสะสมไว้ตั้งแต่ต้นเทอมเบาบางลงได้
ไม่มีอะไรบรรเทาความรู้สึกเหล่านั้นลงได้เลย
ทั้งหมดที่เธอพอจะคิดออกก็มีเพียงริมฝีปากและนิ้วมือของเดรโกเท่านั้น
มันทำให้เธอสะท้านไปทุกรูขุมขน
เธอกำลังกังวลว่าสถานการณ์เหล่านี้จะพาเธอไปสู่จุดไหน เธอยังคงเข้าใจว่าเขาทำลงไปเพียงเพราะความเห็นแก่ตัวและความต้องการ
แต่เมื่อนึกไปถึงท่าทางของเขาในคืนนี้และวันพุธที่ผ่านมา เธอก็เริ่มสงสัย
มันดูต่างไป มันดูจริงใจ แต่เธอก็อาจจะคิดไปเองก็ได้
หรือไม่เขาก็เป็นนักแสดงที่เก่งมาก
แต่ถ้าหากว่า...
แต่ถ้าหากว่ามันเป็นมากกว่านั้น
ถ้าหากว่ามันเป็นเรื่องจริง จะเกิดอะไรขึ้นกับการที่เธอรีบหนีออกมา ก็อดดริก
เธอต้องการคำตอบ...
“ขอโทษนะไมเคิล”
เธอรีบพูดแล้วก้าวออกห่างจากเขา “ฉันทำไม่ได้”
“ทำอะไรนะ
?” เขาถามแล้วมองเธอด้วยใบหน้าตั้งคำถาม “เธอหมายถึงอะไรน่ะ ?”
“ขอโทษนะ”
เธอพูดซ้ำ
โดยไม่รอคำตอบเธอรีบหันหลังกลับแล้วปล่อยให้อะดรีนาลีนที่กำลังสูบฉีดพาเธอกลับไปที่หอนอน
- พาเธอกลับไปหาเขา
ความคิดเห็น