ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfiction MHA/BNHA] BattleField Angle 《???×OC》

    ลำดับตอนที่ #2 : 2 - คาบเรียนพื้นฐานฮีโร่ 《โทโดโรกิ Vs ฮานาบิ》

    • อัปเดตล่าสุด 27 เม.ย. 64



     

     

    -2-

    คาบเรียนพื้นฐานฮีโร่

     

     

     

    หลังจากนั้นการทดสอบที่เหลือก็ได้สิ้นสุดลง ผลปรากฏว่าไอซาวะเซนเซย์ได้บอกว่าการไล่ออกนั้นเป็นเรื่องล้อเล่น จนฮานาบิได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

     

    นึกว่าจะได้นั่งเก็บกระเป๋าออกจากโรงเรียนแทนกินข้าวกลางวันแล้วซะอีก

     

    หญิงสาวตักข้าวเข้าปากอย่างอารมณ์ดีอยู่คนเดียว อันที่จริงพวกอิซึจังก็ชวนเธอไปกินข้าวด้วยอยู่หรอก แต่ว่าเพราะเธอหิวมากและคนในโรงอาหารก็เยอะ ฮานาบิที่หิวจนตาลายจึงตัดสินใจนั่งกินข้าวมันคนเดียว 

     

    ยังไงก็ไปเจอกันที่ห้องอยู่ดีนี่นะ

     

    มันคงจะเป็นแบบนั้น ถ้าไม่ใช่จู่ๆคนที่เธอไม่คาดคิดก็ถือถาดข้าววางลงที่ฝั่งตรงข้ามเธอ

     

    "คัตจัง?" เธอมองอีกฝ่ายด้วยความงุนงง "ไม่ไปกินข้าวกับเพื่อนเหรอ?"

     

    "แล้วเธอไม่ใช่เพื่อนฉันรึไงวะ"

     

    แต่ว่านายเพิ่งจะบอกรำคาญฉันไปเองนะ

     

    ฮานาบิได้แต่พูดงุบงิบอยู่ในใจ เพราะไม่อยากต่อล้อต่อเถียง เธอจึงเลือกที่จะเงียบก่อนจะตักข้าวเข้าปากของตนเอง

     

    บรรยากาศเงียบสงบนั้นทำให้คัตสึกิรู้สึกยุบยิบชอบกล และรู้ตัวอีกทีกุ้งเทมปุระที่ควรจะอยู่บนจานตัวเองเขาก็ตักมันให้กับคนตรงหน้าไปซะแล้ว

     

    "กุ้ง?"

     

    "เออ ของโปรดเธอไม่ใช่รึไง"

     

    "ก็ใช่ แต่นายเอามาให้ฉันทำไมกันน่ะ"

     

    "ให้ก็กินไปเหอะน่า จะถามมากทำไมวะ จะกินไม่กิน ไม่กินฉันจะได้เอาไปทิ้ง"

     

    "นายอย่าโหดร้ายกับน้องกุ้งสิ คัตจัง" ฮานาบิว่าก่อนจะรีบกัดกุ้งเข้าปากแสดงความเป็นเจ้าของทันทีก่อนที่เขาจะเปลี่ยนใจ

     

    "เธอนี่ตะกละเป็นบ้า"

     

    "นายเองก็ปากเสียเป็นบ้า"

     

    "เฮ้ยๆ กินกุ้งฉันแต่ว่าฉันเหรอ" คัตสึกิขมวดคิ้ว

     

    "ช่วยไม่ได้ นายอยากว่าฉันก่อนเองนี่ ทั้งเมื่อกี้แล้วก็ในคาบเมื่อเช้าเลยด้วย!"

     

    "กินกุ้งไปแล้วห้ามบ่นมาก" คัตสึกิว่า ทำให้ฮานาบิถึงกับอมยิ้ม

     

    ที่แท้กุ้งนี่เป็นคำขอโทษของเขาเองสินะ~

     

    "คัตจัง น่ารักจังเลย"

     

    "หนวกหูเว้ย!"

     

     

     

     

     

    "ออลไมท์!" ทุกคนเอ่ยอย่างตื่นเต้นและพร้อมเพรียง เมื่อเห็นว่าฮีโร่อันดับหนึ่งขวัญใจหลายๆคนเป็นอาจารย์ประจำวิชาฮีโร่พื้นฐาน และยิ่งตื่นเต้นเข้าไปอีกเมื่อรู้ว่าพวกเขาจะได้ใส่ชุดฮีโร่ที่ได้ออกแบบเอาไว้

     

    "ว้าว ชุดของฮานาบิจังเท่จังเลย" อุรารากะเอ่ยชม เมื่อเห็นชุดสีดำทั้งตัวตัดกับรองเท้าบูทสีขาวที่อีกฝ่ายใส่

     

    "ชุดของโอชาโกะจังก็น่ารักเหมือนกันนะ เหมาะกับเธอสุดๆไปเลยล่ะ" 

     

    "แหะๆ อย่างนั้นหรอกเหรอ"

     

    "เอาล่ะ ถึงเวลาฝึกซ้อมต่อสู้แล้ว"

     

    "เรื่องราวก็คือ วายร้ายซ่อนอาวุธนิวเคลียร์เอาไว้ที่ไหนสักแห่ง ฮีโร่จะต้องจับคนร้ายหรือกู้คืนอาวุธให้ทันเวลา ส่วนวายร้ายจะต้องปกป้องปกป้องอาวุธหรือจับฮีโร่ให้ได้"

     

    "'และคู่แรก ทีม A เป็นฮีโร่ ทีม D เป็นวายร้าย"

     

    เป็นการจับคู่ที่เลวร้ายสุดๆ

     

    ฮานาบิคิดในใจเมื่อเห็นคัตสึกิที่อยู่ทีม D ทำหน้าเหมือนวายร้ายของจริง กำลังมองไปที่อิซึคุที่อยู่ทีม A

     

    และเป็นดังที่คาดเมื่อเริ่มการทดสอบคัตสึกิเอาแต่หาโอกาสเล่นงานอีกฝ่ายเสียจนสะบักสะบอม ชนิดที่เธออยู่ห้องสังเกตการณ์ยังสังเกตเห็นความโกรธเกี้ยวของเขาได้เป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างนั้น...

     

    "กู้ได้แล้ว!"

     

    ฝ่ายอิซึคุและอุรารากะที่เป็นฝ่ายฮีโร่ก็สามารถกู้ขีปนาวุธคืนได้สำเร็จและเป็นฝ่ายชนะในการทดสอบ ในสภาพยับเยิน ขณะที่ฝ่ายวายร้ายยังคงดูแข็งแรงดีทุกประการ

     

    "หนูขอลงไปรักษาอิซึจังนะคะ ออลไมท์" ฮานาบิพูดขึ้นเมื่อเห็นสภาพของเพื่อนดูไม่จืด

     

    "เป็นเด็กดีจังนะ แต่ว่าเธอเก็บอัตลักษณ์ไว้เตรียมตัวจะดีกว่า ยัยหนูโมโดสุ เรื่องของเจ้าหนูมิโดริยะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรีคัฟเวอรีเกิร์ลเถอะ" ออลไมท์ว่า ทำให้ฮานาบิชะงักพยักหน้ารับ 

     

    แล้วก็เป็นอย่างที่ออลไมท์เอ่ยเตือนให้เตรียมตัว เพราะการฝึกซ้อมในรอบที่สองนั้น...

     

    "คู่ต่อไป ฝ่ายฮีโร่ ทีม B ฝ่ายวายร้ายทีม I"

     

    เอาจริงดิ!?

     

    สู้กับโทโดโรกิเนี่ยนะ

     

    ฮานาบิหันมองชายหนุ่มที่มีสีหน้านิ่งจนไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ และเธอยังจำได้ดีว่าในการต่อสู้ครั้งนี้อีกฝ่ายเล่นแช่เย็นทั้งตึกและเดินผ่านฝ่ายวายร้ายและชนะไปด้วยเวลาอันรวดเร็ว

     

    แต่ใครจะยอมแพ้ง่ายๆแบบนั้นกันล่ะ!

     

    "โอจิโร่คุง เขยิบเข้ามาหน่อยสิ" ฮานาบิหันไปเอ่ยกับโอจิโร่ด้วยแววตามุ่งมั่น

     

    "มีอะไรรึเปล่า โมโดสุ" โอจิโร่เอ่ยขึ้นอย่างสงสัย แต่ไม่ทันที่ฮานาบิจะได้อธิบายสัญญาณเริ่มต้นก็ดังขึ้น พร้อมกับความหนาวเย็นที่แผ่ไปทั่วทั้งตึก

     

    "ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว กระโดด! โอจิโร่คุง!!" หญิงสาวรีบร้องตะโกนทันที เมื่อเห็นน้ำแข็งค่อยๆไต่คืบคลานเข้ามาในห้อง

     

    โอจิโร่ถึงจะงุนงงแต่ก็กระโดดตามที่เธอว่า ก่อนจะมองปลายเท้าของตนที่รอดจากการถูกแช่โดยน้ำแข็งของฝ่ายที่เขายังไม่ทันมองเห็นตัวไปได้อย่างฉิวเฉียด

     

    และตอนนี้โทโดโรกิ โชโตะได้ใช้อัตลักษณ์น้ำแข็งของตนโอบล้อมทั้งตึกเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

     

    "น- หนาวเป็นบ้าเลย" โอจิโร่กอดอกตัวเองเอาไว้ เมื่ออุณหภูมิภายในตึกอยู่ในขั้นหนาวเย็นเกินกว่าเสื้อผ้าของพวกเขาจะรับไหว

     

    "นี่น่าจะพอช่วยได้นะ" ฮานาบิทาบฝ่ามือที่มีประกายสีฟ้าลงบนอกของเพื่อนร่วมทีม

     

    "เธอทำอะไรอย่างนั้นหรอกเหรอ" โอจิโร่เอ่ยถาม ตอนแรกเขาคิดว่าเธอจะทำให้ร่างกายของเขาอุ่นขึ้นเสียอีก แต่ว่าร่างกายที่สั่นจากความหนาวเย็นเหมือนเดิม แต่ทั้งที่เป็นแบบนั้นเขากลับรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

     

    "ฉันคืนพลังให้กับเซลล์ของโอจิโร่คุง"

     

    "คืนพลัง? ให้เซลล์?" โอจิโร่ทำหน้างุนงงเมื่อได้ยินประโยคนั้น

     

    "โดยปกติอากาศเย็นแบบนี้ร่างกายจะพยายามปรับสมดุลโดยดึงเอาพลังงานออกมาใช้เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น การสั่นเองก็เป็นการดึงพลังของร่างกายโอจิโร่คุงค่ะ เมื่อถึงจุดนึงถ้าร่างกายใช้พลังงานนั้นหมด เราก็จะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ฉันเลยทำให้เซลล์กลับไปอยู่สภาพที่สมบูรณ์ก่อนที่จะเจออากาศเย็น"

     

    "แบบนี้นี่เอง" โอจิโร่พยักหน้าอย่างเข้าใจ 

     

    "ทางฝั่งฮีโร่น่าจะมีแค่โทโดโรกิคุง เพราะเขาเล่นใช้พลังทั้งตึกแบบนี้โชจิคุงถ้าเข้ามาคงได้รับผลกระทบไม่ต่างกับเรา"

     

    "แข่งกับเวลาสินะ" โอจิโร่ยิ้มแห้ง เมื่อคิดว่าต้องสู้กับคนที่มีพลังแช่แข็งได้ทั้งตึก

     

    "อื้อ ถ้าเราจับเขาได้หรือ ยื้อเขาเอาไว้จนครบ 15 นาทีได้ล่ะก็เราก็จะเป็นฝ่ายชนะ"

     

    "จะเป็นอย่างนั้นเหรอ" เสียงเย็นเรียบ ราวกับอัตลัษณ์ของเจ้าตัวดังขึ้น พร้อมกับน้ำแข็งที่เคลื่อนเข้าหาร่างของพวกเธอ ที่กระโดดหลบพ้นอย่างหวุดหวิดอีกครั้ง

     

    โอจิโร่หันไปพยักหน้าให้กับฮานาบิที่กลิ้งหลบพลังไปคนละฝั่ง ก่อนที่ทั้งสองคนจะกระโดดเข้าใส่โทโดโรกิ ที่ใช้พลังรับการโจมตีจากหางและหมัดเอาไว้อย่างง่ายดาย

     

    "การป้องกันดีเป็นบ้า" โอจิโร่มองกำแพงน้ำแข็งที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า

     

    "ถึงจะเป็นอย่างนั้น แต่ทางนี้น่ะ มีสองคนนะ!" 

     

    ฮานาบิพุ่งเข้าใส่โทโดโรกิอีกครั้งพร้อมเตรียมเหวี่ยงหมัดขวาเข้าใส่เขา แต่แล้วในจังหวะที่กำแพงน้ำแข็งผุดขึ้นจากพื้น เธอก็ใช้ขาขาซ้ายเป็นแกนในหมุนตัวขยับเลื่อนไปจากจุดเดิมแล้วใช้หมัดซ้ายชกไปยังอกของชายหนุ่มจนเขาเซถอยหลังไปก้าวหนึ่ง

     

    "ไม่เลวนี่"

     

    โทโดโรกิยกมือขึ้น เพื่อคุมให้น้ำแข็งเคลื่อนที่เข้าจับกุมเธอ แต่ฮานาบิก็กลิ้งหลบอีกครั้ง ในจังหวะเดียวกับที่โอจิโร่ใช้หางฟาดเข้าที่ลำตัวจนเขากระเด็นไปกับกำแพงอย่างแรง

     

    "ต้องจับกุมเขา!" เธอเตรียมพุ่งเข้าใส่

     

    "ฝันไปเถอะ" โทโดโรกิเอ่ยพร้อมกับใช้อัตลักษณ์ของเขายึดร่างของโอจิโร่ที่มีพลังโจมตีมากกว่าเอาไว้ได้สำเร็จ

     

    "จะขยับก็ได้นะ แต่คงจะสู้ยากหน่อยถ้าหนังของนายถูกฉีกออก" โอจิโร่กัดฟันแน่นอย่างเจ็บใจเมื่อได้ยินคำพูดนั้น

     

    "เท่านี้ก็เป็น หนึ่งต่อหนึ่งแล้วสินะ ถึงเธอจะตอบสนองได้ดี แต่จะเร็วสู้อัตลักษณ์ของฉันได้รึเปล่า"

     

    "ก็คงพอตัวล่ะมั้ง คิดว่านะ" ฮานาบิว่าพร้อมกับกระโจนเข้าใส่เขา แต่โทโดโรกิก็ใช้กำแพงน้ำแข็งป้องกันหมัดของเธอไว้อย่างง่ายดาย 

     

    "แรงดีเหมือนกันนี่" โทโดโรกิมองน้ำแข็งที่เป็นรูจากแรงหมัด แต่ถึงอย่างนั้นแรงหมัดของมนุษย์ที่ไม่มีอัตลักษณ์เสริมพลังก็ยังไม่สามารถทำลายมันลงได้อยู่ดี

     

    "แต่เธอช้าลงไปเยอะ ช้ากว่าตอนทดสอบสมรรถภาพอีกนะ" เขาเอ่ยขึ้นเมื่อใช้น้ำแข็งไล่ตามเหมือนกำลังเล่นไล่จับกับเธอ แต่พบว่าเธอวิ่งได้ช้าลงกว่าตอนทดสอบสมรรถภาพก่อนหน้านี้เสียจนเขาเกือบจะจับเธอได้ ถ้าเธอไม่กระโดดหลบเสียก่อน

     

    "ช่วยไม่ได้ก็มันหนักนี่" 

     

    "หือ? อึ่ก!"

     

    โทโดโรกิร้องออกมา เมื่อจู่ๆร่างกายของเขาก็ถูกของแข็งบางอย่างฟาดเข้าสีข้างอย่างเต็มเปาจนไถลลงไปกับพื้นน้ำแข็งที่ตนสร้าง

     

    "หวา! ตอนนี้ฮานาบิจังทำหน้าเหมือนวายร้ายสุดๆไปเลย" อุรารากะที่มองภาพของเพื่อนสาวจากห้องควบคุมเอ่ยออกมา เมื่อเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกอีกฝ่าย

     

    ทันทีที่กระโดดหลบน้ำแข็งที่โทโดโรกิสร้างครั้งสุดท้ายฮานาบิก็หยิบบางอย่างออกมาจากรองเท้าบูทที่สูงมาจนเกือบข้อเข่าของตน และตอนนั้นอุรารากะก็ได้รู้ว่าทำไมชุดฮีโร่ของอีกฝ่ายถึงต้องออกแบบรองเท้าให้เป็นแบบนั้น

     

    ท่อนเหล็กสองท่อนถูกประกอบเข้ากันอย่างรวดเร็ว และเพราะเอาท่อนเหล็กออกจากรองเท้าบูทแล้วในจังหวะนั้นร่างกายของฮานาบิจึงขยับได้ไวขึ้น และสามารถฟาดกระบองเหล็กของเธอลงสีข้างของโทโดโรกิเข้าอย่างเต็มเปา

     

    "แต่ว่าเอาอาวุธเข้าไปได้แบบนั้นด้วยเหรอครับ ออลไมท์" อีดะเอ่ยถามอาจารย์ผู้สอนขึ้น

     

    "ถ้าเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมากับชุดฮีโร่ก็ไม่ขัดกับคาบเรียนหรอก"

     

    "งั้นก็หมายความว่าเธอตั้งใจจะใช้กระบองนั่นเป็นหลักในการโจมตีอยู่แล้วสินะ หรือว่าโรงเรียนกีฬาที่เธอเคยบอกว่าเคยฝึกฝน จะรวมถึงกีฬาอย่างเคนโด้ด้วยเลยเอามาใช้เป็นการโจมตีสินะ" อุรารากะพึมพำอย่างวิเคราะห์ เมื่อเห็นทิศทางการเหวี่ยงกระบองเหล็กนั่นเหมือนการเล่นเคนโด้ไม่ผิดเพี้ยน จะมีก็แต่ของในมีที่ควรจะเป็นดาบแต่ถูกแทนที่ด้วยกระบองเนี่ยแหละ

     

    เพราะต้องซ่อนไว้ที่รองเท้ารึเปล่านะ

     

    ยัยนั่น ร้ายเหมือนกันนี่หว่า

     

    คัตสึกิมองไปยังเพื่อนสมัยเด็กของตนที่ยกยิ้มอยู่เหนือร่างของคนที่ทำให้เขาแทบจะตาค้างเพราะอัตลักษณ์สุดยอดขนาดที่สามารถแช่แข็งทั้งตึกได้

     

    เหมือนว่าทั้งเดกุและฮานะจะแข็งแกร่งขึ้นจนไม่เหมือนคนที่เขาเคยรู้จักนั่นทำให้ความรู้สึกที่เหนือกว่าคนอื่นมาตลอดนั้นเริ่มจะสั่นคลอน

     

    "อ๊ะโทโดโรกิคุง โต้กลับแล้ว!" อุรารากะว่าขึ้นทำให้คัตสึกิหลุดออกจากภวังค์ของตน ก่อนจะจ้องมองไปที่การต่อสู้ตามเดิม

     

    "หืม? เท่านี้เองเหรอ น้ำแข็งของนาย แรงตกแล้วรึเปล่านะ" ฮานาบิเอ่ยด้วยรอยยิ้ม เมื่อรู้สึกว่าการโต้กลับหลังจากที่เธอฟาดสีข้างเขาไปเต็มแรงนั้นลดลง 

     

    อันที่จริงต้องขอบคุณกลุ่มก่อนหน้าอย่างอิซึจังและคัตจังที่เล่นใหญ่ซะขนาดนั้นเลยมีข้อคิดเห็นมาว่าการต่อสู้ในที่แบบนี้ไม่ควรจะใช้พลังทำลายสิ่งรอบข้างมากเกินไป เพราะฉะนั้นในตอนที่โทโดโรกิโจมตีได้ไม่เต็มกำลังแบบนี้ นอกจากอาการบาดเจ็บจากการโจมตีก็เพราะห่วงว่าจะโดนขีปนาวุธที่อยู่ด้านหลังเธอด้วยเนี่ยแหละ ไม่งั้นยั่วโมโหเขาแบบนี้คงได้โดนแช่แข็งแล้วทั้งชั้นแน่ๆ

     

    "เธอตั้งใจสินะ ที่ไม่เอากระบองนั่นออกมาตั้งแต่แรก" โทโดโรกิมองท่อนเหล็กที่ตอนนี้กำลังถูกเหวี่ยงทำลายน้ำแข็งของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า

     

    "ถ้าเอาออกมาแต่แรกแบบนั้นก็หาจังหวะโจมตีคนที่มีการโจมตีระยะไกลแบบนายไม่ได้น่ะสิ"

     

    "ที่ใช้หมัดต่อยน้ำแข็งก่อนหน้านี้ ก็เพื่อให้ฉันตายใจด้วยงั้นสินะ" เขาเอ่ยขึ้น เมื่อมองย้อนกลับไปครั้งแรกสุดที่เธอกระโจนใส่แล้วเห็นอัตลักษณ์ เธอยังใช้ขาขยับเพื่อที่จะเหวี่ยงหมัดอีกด้านโจมตีเขา นั่นเพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าลำพังหมัดของเธอไม่สามารถทำลายน้ำแข็งของเขาลงได้

     

    แต่รอบที่สองที่จงใจต่อยน้ำแข็งให้เขาเห็นนี่คงล่อให้เขาประมาท เพื่อหาจังหวะใช้อาวุธนั่นโจมตีเขา

     

    "ปิ๊งป่อง ถูกต้องแล้วล่ะ ถึงวิธีนี้จะเหมือนวายร้ายลอบโจมตีไปหน่อย อ๊ะ แต่ว่าตอนนี้ฉันป็นวายร้ายนี่เนอะ"

     

    "แล้วจะทำแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่" 

     

    โทโดโรกิมองท่อนเหล็กที่ฟาดมาที่เขา แต่ถูกน้ำแข็งป้องกันเอาไว้ได้ สลับกับหญิงสาวที่หลบหลีกการจับกุมของเขาไปเรื่อยๆเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด

     

    "จนกว่าจะหมดเวลาล่ะมั้ง โทโดโรกิคุงคงได้ยินฉันคุยกับโอจิโร่คุงแล้วสินะ ว่าฉันสามารถใช้อัตลักษณ์คืนพลังให้กับเซลล์ได้ ก่อนหน้านี้ที่บอกว่าทางนี้ต้องแข่งกับเวลาน่ะ เพราะว่าฉันคงมีโอกาสใช้อัตลักษณ์ให้กับโอจิโร่คุงแค่ครั้งเดียว แต่ถ้าเป็นตัวฉันเอง ฉันสามารถใช้อัตลักษณ์ให้ตัวเองได้เรื่อยๆเลยล่ะ"

     

    "เข้าใจแล้ว เป็นทางนี้สินะที่ต้องเป็นฝ่ายแข่งกับเวลา"

     

    "ปิ๊งป่อง! อ่านเกมส์ได้เก่งอีกแล้วนะ" ฮานาบิว่า ในขณะที่ใช้กระบองของตนค้ำกับพื้น เพื่อกระโดดหลบการโจมตีของโทโดโรกิแล้วตวัดไม้ขึ้นเพื่อฟาดลงบนร่างของเขา ถึงแม้จะรู้ว่าคงเปล่าประโยชน์เพราะเจ้าตัวคงใช้อัตลักษณ์ป้องกันไว้ได้อยู่ดี

     

    "งั้นเปลี่ยนวิธีหน่อยเป็นไง" เขาเอ่ยพร้อมกับยืนนิ่งไม่ยกฝ่ามือขึ้นเพื่อใช้อัตลักษณ์ป้องกันเหมือนเคย ทำให้ท่อนเหล็กสัมผัสเข้ากับน้ำแข็งปกคลุมอยู่บนหัวไหล่ด้านซ้าย จนเศษน้ำแข็งที่แตกกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อยจนเรียกเลือดบนใบหน้าซีกซ้ายของโทโดโรกิ รวมถึงหัวไหล่ที่ต้องรับน้ำหนักของท่อนเหล็กที่เหลือจากการหักล้างกับน้ำแข็งเข้าอย่างจัง จนฮานาบิได้แต่อึ้งกับการตัดสินใจที่แสนจะบ้าบิ่นนั่น

     

    ในจังหวะนั้นเองที่หญิงสาวเริ่มรู้ตัวว่าอีกฝ่ายเลือกที่จะรับการโจมตีเพื่ออะไร เมื่ออัตลักษณ์อันหนาวเย็นของคนตรงหน้าค่อยคืบคลานมาบนอาวุธคู่ใจจนเธอต้องปล่อยมันทิ้ง

     

    "ตอบสนองไวดี" โทโดโรกิเอ่ยชมอีกครั้ง เมื่อทันที่สูญเสียอาวุธ ฮานาบิก็ไม่รอช้าที่จะเหวี่ยงหมัดเข้าใส่หน้า จนเขาต้องรีบชักมือกลับมารับไว้ทันอย่างหวุดหวิด

     

    "แต่ตอนนี้คงจบจริงๆแล้วล่ะ" เขาว่าเมื่ออัตลักษณ์ของเขากำลังคืบคลานปกคลุมกำปั้นของเธอจนค่อยๆลามขึ้นไปถึงท่อนแขน

     

    "ใครจะไปยอมแพ้กันเล่า!" ฮานาบิใช้แรงเฮือกสุดท้ายของตนส่งแรงจากหัวไหล่ที่ยังไม่ถูกแช่แข็งดันกำปั้นของตนให้ชิดกับไปหน้าของเขาไปทุกขณะ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่โทโดโรกิผ่อนแรงลงพอดี ส่งผลให้ร่างกายของทั้งคู่เสียหลักวืดลงไปกองกับพื้น

     

    "โอ๊ย!" ทั้งสองร้องขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อโทโดโรกิหลังกระแทกกับพื้นเข้าอย่างจัง ในขณะที่ฮานาบิเองจมูกก็กระแทกกับหน้าอกของเขาอีกที

     

    "เจ็บจัง..." ฮานาบิเอ่ยอย่างโอดครวญก่อนพยายามใช้แขนซ้ายที่ไม่ถูกแช่แข็งยันตัวลุกขึ้นจากร่างของชายหนุ่ม ในจังหวะที่....

     

    "ฮีโร่เป็นฝ่ายชนะ!" เสียงของออลไมท์ประกาศก้องใส่ไมค์ จนหญิงสาวเบิกตากว้าง

     

    "ได้ยังไงกัน!" เธอหันควันกลับไปมองยังขีปนาวุธก่อนจะพบว่าโชจิที่ควรจะยืนรออยู่ด้านนอกใช้ฝ่ามือแตะมันเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย

     

    "เผื่อเธอจะลืมทางนี้ก็มีสองคนเหมือนกัน" โทโดโรกิเอ่ยย้ำ ในขณะที่เริ่มละลายน้ำแข็งบนร่างของเธอและภายในตึก

     

    "ชิ! รู้แล้วล่ะน่า" ฮานาบิยู่ปากอย่างรู้สึกขัดใจก่อนจะมองเวลาพบว่าพวกเธอต่อสู้กันไปร่วม 14 นาที

     

    อีกนิดเดียวแท้ๆเชียว...

     

    "แต่ว่าเธอสู้ได้ดี" โทโดโรกิเอ่ยขึ้น ทำให้หญิงสาวทำหน้าประหลาดใจ

     

    "ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ"

     

    "นึกว่านายจะพูดทำนองว่าเพราะฉันเหนือกว่าเธอเยอะอะไรแบบนี้ซะอีกน่ะ"

     

    "ฉันจะพูดแบบนั้นได้ยังไง ในเมื่อ-" โทโดโรกิไม่พูดอะไรต่อแต่ก้มมองสภาพตัวเองที่ดูไม่จืด

     

    ใบหน้าด้านซ้ายถูกบาดเป็นแผลเล็ก ไหล่ซ้ายเองก็บาดเจ็บตามมาด้วยสีข้าง ยังไม่รวมถึงหลังที่ล้มกระแทกนั่นอีก

     

    "-ฝีมือเธอทั้งนั้นเลย"

     

    "อุหวา! ขอโทษจริงๆเลยนะ" ฮานาบิเอ่ยอย่างลุกลี้ลุกลนพร้อมกับใช้ฝ่ามือด้านหนึ่งทาบไปบนแก้ม อีกมือหนึ่งทาบไปบนไหล่ของเขา

     

    โทโดโรกิมองประกายสีเขียวสดที่ปรากฏบนฝ่ามือของอีกฝ่าย พร้อมกับความอบอุ่นที่ค่อยๆแทรกผ่านร่างกายของเขา เพียงไม่นานความเจ็บก่อนหน้าก็มลายหายไป

     

    "เรียบร้อย ค่อยยังชั่วถ้าใบหน้าหล่อๆของโทโดโรกิคุงมีแผลเพราะฉันมีหวังถูกหมายหัวแน่เลย"

     

    "แบบนี้หายเจ็บแล้วใช่รึเปล่าโทโดโรกิคุง" เธอพูดพร้อมกับคลี่ยิ้มกว้างให้เขา

     

    และรอยยิ้มนั่นทำให้โทโดโรกิรู้สึกว่ามันอบอุ่นเหมือนกับอัตลักษณ์ของเธอ

     

    "อื้อ คิดว่าหายแล้วล่ะ ขอบคุณนะ"

     

    +++++

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×