คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Sunday Morning (Rewrite)
บ่ายวันอาทิตย์ที่แสนจะสุขสบาย ถูกทำลายด้วยกลิ่นฉุนและเหม็นเขียวของคื่นช่าย บรรยากาศภายในห้องนอนของศาสตราจารย์สเนปเปลี่ยนไปทันที เหมือนเป็นนาฬิกาปลุกระบบอัตโนมัติ ผมรีบเด้งขึ้นจากที่นอน ตะเกียกตะกายเปิดหน้าต่างอย่างสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด มันไม่น่าพิสมัยตั้งแต่หัววันเสียเลย กลิ่นหยาดน้ำค้างจากสนามหญ้าฮอกวอตส์ช่วยบรรเทาอากาศคลื่นไส้ได้ดีจากเมื่อสักครู่
'ศาสตราจารย์เสนปกำลังฆ่าผมด้วยกลิ่นของคื่นช่าย'
ป่านนี้เขาคงจะเก็บกวาดห้องจนสะอาด ถึงได้ลงมือทำอาหารเช้าสำหรับเราทั้งสองคน จะหาว่าตัวผมเองแล้งน้ำใจก็ใช่เรื่อง ในเมื่อเขามีข้อตกลงว่าผมสามารถประกอบอาหารได้แต่ห้ามใช้เตาแก๊สเป็นอันขาด...ออกกฎแบบนี้มาเพื่ออะไร แบบนี้ผมทำแค่แซนวิชกับสลัดแค่นั้นน่ะสิ เขาคงจะโล่งใจไม่น้อยที่คุกใต้ดินจะไม่กลายเป็นทะเลเพลิง
'ก็แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละ'
"แฮร์รี่ พอตเตอร์...ห้ามเข้ามาในครัวขณะที่ฉันกำลังทำอาหาร"
"แต่ศาสตราจารย์ครับ ผมอยากช่วยบ้างนะครับ มีส่วนร่วมสักนิดก็ยังดี"
สภาพเหมือนเขาเพิ่งเดินผ่านมังกรพันธุ์ฮังการีหางหนามมาหมาดๆ แว่นตาของผมที่เขากำลังใส่อยู่ขึ้นเป็นละอองจากการเข้าครัวเป็นระยะๆ ไม่แปลกใจว่าทำไมศาสตราจารย์สเนปที่ต้องมาติดอยู่ในร่างของคนสายตาสั้นจนเกือบตาบอดจะรู้สึกหงุดหงิด
"ไม่เอา ฉันทะเลาะกับแว่นตาก็มากพอแล้ว อย่าให้ต้องอารมณ์เสียมากกว่านี้เลย"
"ผมอยากช่วย"
กลิ่นคื่นช่ายยังคงเตะจมูกผมต่อไป มันเลวร้ายที่สุดถ้าไม่นับช่วงเวลาที่เจ้าแห่งศาสตร์มืดครองอำนาจสูงสุดในโลกผู้วิเศษ
"งั้นช่วยจัดโต๊ะจัดจานแล้วกัน"
ผมแต่งตัวเสื้อยืดสีเทากับกางเกงกีฬาสีกรม พยายามยืนให้ห่างรัศมีของกลิ่นนรกนี้ มันก็เท่ห์นิดหน่อยมั้ง? คุณอาจจะอยากลองเป็นศาสตราจารย์เสนปสักครั้งก็ได้ รูปร่างสูงโปร่งและสามารถแต่งตัวแบบไหนก็ได้ (ถ้าในตู้เสื้อผ้ามีเสื้อผ้าสีอื่นนอกจากขาว เทา ดำ และสีกรมท่า) ยืนพิงวงกบพลางกอดอกไปด้วย ยิ่งรอยตรามารบนท้องแขนแน่นๆที่ผมกำลังมองอยู่มันช่าง...
'ดีต่อใจสุดๆ'
ไม่อยากจะปฏิเสธหรอกว่าผมเริ่มรู้สึกโอเคกับศาสตราจารย์เสนปมากขึ้นหลังจากเราทั้งคู่ต้องมาตกที่นั่งลำบากด้วยกัน อยู่กับเขายังรู้สึกปลอดภัยมากกว่าซิเรียสเสียอีก ตอนนี้เขาเหมือนเป็นไม้กันหมาไปแล้วด้วย ถ้าจะอยู่กับเขาแล้วสบายใจขนาดนี้น่าจะเป็นพ่อทูนหัวของผมตั้งแต่แรกเลยดีกว่า เพราะเกือบจะทุกที่ที่ผมไป จะมีสายตาคู่หนึ่งจากเด็กชายผู้รอดชีวิตจ้องอยู่เสมอ ผมพยายามเล่นละครให้สมกับบทบาท ตรงข้ามกับศาสตราจารย์เสนปโดยสิ้นเชิง
"ทำหน้าตาเหมือนเดินเล่นในป่าต้องห้ามเลยนะ พอตเตอร์"
"เปล่านะครับ แค่รู้สึกแย่นิดหน่อย"
"แย่ตรงไหน ฉันไม่ให้เธอช่วยทำกับข้าว? ท้องไส้ปั่นป่วน? ไม่ต้องห่วงนะพอตเตอร์ เธอไม่ได้ท้องหรอก"
'นี่เขาพูดเล่นหรือเปล่า? ต้องเป็นเรื่องตลกแน่ๆ ผู้ชายท้องได้ที่ไหนกันเล่า ถ้าหากผมจะเป็นจะตายขึ้นมาจริงก็คงไม่มีชีวิตรอดพ้นหนึ่งวันแน่'
"ผมไม่กินคื่นช่ายครับ"
เหมือนยกฮอกวอตส์ออกจากอก ในที่สุดผมก็พูดมันออกมาเสียที ความจริงที่ผมไม่เคยบอกใครนอกจากรอนและเฮอร์ไมโอนี่ เด็กชายผู้รอดชีวิตที่เผชิญหน้าเจ้าแห่งศาสตร์มืดตั้งแต่ยังเป็นทารก แต่ต้องนั่งกอดชักโครกเกือบเอาชีวิตไม่รอดเพราะกินผักสีเขียวไม่กี่ใบเข้าไป นับว่าเป็นภาพที่หายากมาก ไม่มีบันทึกในประวัติศาสตร์...และผมก็ไม่อยากให้มันมีด้วย อยากลบออกจากความทรงจำด้วยซ้ำไป
"อ่าวหรอ ก็ปรกติเห็นสมาชิกกลุ่มเธอนั่งกินแต่ไก่ทอดกับเบคอน ฉันอยากให้กินอะไรที่มีประโยชน์บ้าง"
"สมาชิกกลุ่มที่ศาสตราจารย์พูดถึงนี่คือ-"
"วีสลีย์ โทมัส ฟินิแกน แล้วก็ลองบอตท่อม...จะกินไข่เจียวหรือเปล่า จะทำให้"
ผมพยักหน้าเล็กน้อย น่าประหลาดใจที่เขาไม่แม้แต่จะตวาดผมสักครั้ง นับตั้งแต่สองสัปดาห์ที่ผ่านมา นี่ถือเป็นสิ่งที่ประสบความสำเร็จอย่างหนึ่งหรือเปล่า? ถ้าไม่นับเรื่องที่ศาสตราจารย์สเนปเป็นเสือยิ้มยาก เขาน่าจะเป็นเสือผู้หญิง กุมหัวใจของนักเรียนทั้งฮอกวอตส์ได้สบายๆ
'ผมนับถือเขาจริงๆทั้งเรื่องศาสตร์การปรุงยาและศาสตร์การทำอาหาร'
ผมสีดำขลับสะบัดไปมาตลอดจังหวะการขยับร่างกาย คล้ายกับศิลปะการเต้นรำ แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือไข่เจียวร้อนๆเหมาะกับยามเช้าวันอาทิตย์แบบนี้ กลิ่นคื่นช่ายพอจะจางลงบ้างแล้ว ผมจึงสามารถนั่งรอที่โต๊ะอาหารได้อย่างสบายใจ สเนปยังคงมีความสุขอยู่และไม่บ่น หรือพาดพิงผมแม้แต่ครั้งเดียว(ยกเว้นเมื่อสักครู่ที่เขาหงุดหงิดเรื่องแว่นตาที่ขึ้นฝ้า) แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เราสองคนควรจะสงบศึกกันได้สักที เพราะไม่รู้ว่าจะต้องอยู่ในสภาพสลับร่างกันอีกนานแค่ไหน
ศาสตราจารย์หน้าตายวางจานที่มีไข่เจียวตรงหน้าผม เขาตักข้าวสวยพอประมาณสำหรับกินเพียงหนึ่งคน ส่วนผมก็หยิบขนมปังเปล่าสองแผ่นมากินรองท้อง มันเช้าเกินกว่าจะทานอาหารอย่างมีความสุข แต่เหตุผลก็ยังมีหลายร้อยข้อให้สาธยายว่าทำไมผมถึงชอบกินอาหารตอนสายมากกว่า ดังนั้นจึงต้องปั้นสีหน้าให้ดูเรียบเฉยมากที่สุด ผมอาจจะลืมบอกทุกคนไปว่า...
'ผมยังไม่ได้แปรงฟันเลยครับ'
ความจริงข้อนี้มีผมที่รู้อยู่คนเดียว การแปรงฟันไม่จำเป็นอีกต่อไปสำหรับวันสุดสัปดาห์เช่นนี้ เราอยู่ในสถานที่ส่วนตัวและคงไม่มีใครอยากจะลงมาพูดคุย พบปะกับเซเวอรัส สเนปในยามเช้าแบบนี้แน่ๆ เขามักจะทำตัวไร้มนุษย์สัมพันธ์ตะเพิดคนเหล่านั้นออกไปจากห้องทันที ไม่มีศาสตราจารย์คนไหนจะชวนไปเดินเที่ยวตรอกไดแอกอน ไม่มีนักเรียนวิ่งเข้ามาเพื่อขอคำอธิบายการบ้านให้ฟัง
'...อร่อย...'
ไข่เจียวนุ่มๆปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย ชวนผมลืมเรื่องที่เคยวนเวียนอยู่ในหัวทั้งหมดเป็นปลิดทิ้ง ตอนนี้มีแค่ผมและสเนป กำลังนั่งแข่งขันกันในใจว่าใครจะกินอาหารเช้าหมดก่อนกัน เขาตักข้าวสวยโดยใช้ช้อนส้อมอย่างชำนาญ เนื้อปลาผัดคื่นช่ายคงจะเป็นอาหารจานโปรดเป็นแน่
"มีร้านที่น่าอร่อยในลอนดอนอยู่ร้านนึง" ไม่มีแม้แต่การเงยหน้าสนทนา ต่างคนต่างตั้งใจกินกันต่อไป
"ย่านมักเกิ้ลหรอครับ?"
"อื้ม วันหลังจะพาไป มีพวกอาหารทอดเยอะแยะเลย เธอน่าจะชอบนะ นึกถึงเบค่อนร้อนๆสิ เพื่อนผมแดงของเธอคงยอมทำรายงานสิบฉบับเพื่อให้ได้กินแน่ๆ"
"ถ้าผมอยู่กับศาสตราจารย์อีกสักนิด ผมจะไม่กลายเป็น'เด็กเสี่ย'หรอครับ" ผมพูดติดตลกเพราะยิ่งนานวันเข้า เราก็เริ่มสนิทกันมากยิ่งขึ้น
"หึ ลองสักครั้งจะเป็นอะไรไป"
'กูพูดเล่นนนนนนน'
ผมกรีดร้องภายในใจ ความจริงแล้วเขาเป็นบุคคลที่อันตรายพอๆกับซิเรียสเลย เคราเมอร์ลิน นี่ผมกำลังหนีเสือปะจระเข้ หรือหนีเสือปะมังกรกันแน่ เพิ่งรู้จริงๆว่าตลอดสองสัปดาห์ที่ผมอาศัยอยู่ที่นี่ ผมอยู่กับตาเฒ่าหัวงูมาโดยตลอด
เมื่อกี้จะต้องเป็นมุขตลก ผมคงไม่หูฝาดไปหรอก เราสองคนเริ่มสนิทกันแต่เหมือนมีช่องว่างระหว่างวัยอยู่ ไม่แน่เขาว่ากำลังพยายามลดช่องว่างลงเพื่อลดความอดอัด ต้องใช่! นี่ต้องเป็นสิ่งที่ศาสตราจารย์สเนปในร่างผมกำลังทำอยู่ เขาไม่ใช่คนที่เลวร้ายขนาดนั้นแต่ที่แต่ใจได้อย่างหนึ่งคือ เซเวอรัส สเนปไม่ใช่คนประเภทฉวยโอกาส
'เขาจะไม่ทำเรื่องบัดสีแบบที่ซิเรียวทำกับผมแน่ๆ'
กลับมาหลังจากเปิดภาคเรียนได้ครึ่งเดือนแล้ว งานเรียนและการบ้านของไรเตอร์ก็เริ่มทะยอยหลั่งไหลเข้ามาอย่างบ้าคลั่งเลย ฮรืออออ//เปิดเพลงLet It Go
ตอนนี้ก็อยากปิดฟิคหลายเรื่องมากเลยค่ะ
1.สงสารคนอ่านเพราะบางเรื่องรอนานมาก(เช่น ฟิครูมเมตJohnlock)
2.ฟิคบางเรื่องมีกระแสกดดันอยู่เสมอ5555 (เช่น ฟิคลุงๆชอบทำให้เราหวั่นไหว)
3.ไรต์เตอร์มีพล็อตเรื่องที่ยังไม่ได้ลงมีเขียนเพียบเลยค่ะ
แต่ไม่ต้องกลัวนะคะ ทักมาทวงทางทวิตเตอร์ได้ เพราะไรต์เตอร์ไม่เคยรู้สึกถึงความกดดันเลยค่ะ อ่าว. ก็ชอบที่ได้พูดคุยกับคนอ่านไง รู้จักคนมากขึ้น
พูดมากเกินไปแล้ว ขอกราบลา ณ ที่นี้ สวัสดีค่ะ.
ความคิดเห็น