ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตะวันส่องแสง (มี E-book แล้วนะครับ) และขายแบบแพ็กเกจ

    ลำดับตอนที่ #22 : บทที่ ๑๙ : ไม่รับผิดชอบ (๒)

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ย. 65


    “คุณวัฒน์คะ คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” มยุรีเอ่ยถามสามีด้วยความสงสัย เพราะตั้งแต่กลับจากบริษัทจนกระทั่งเข้าห้องเขาก็เอาแต่นั่งหน้านิ่งบนเตียงนอนราวกับหุ่นยนต์ เหมือนกำลังใช้ความคิด

    เมื่อได้ยินที่ภรรยาถามวิวัฒน์จึงตอบว่า

    “เมื่อตอนบ่ายคุณแม่เรียกผมเข้าไปพบในห้องทำงานที่บริษัท”

    “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่คุณนั่งหน้าเคร่งขรึมแบบนี้ล่ะคะ”

    “เกี่ยวสิ เกี่ยวเต็มๆ เลยละ”

    “ยังไงคะ คุณช่วยอธิบายให้ฉันที ฉันงงไปหมดแล้ว”

    ผู้เป็นสามีพยักหน้า

    “คุณแม่เรียกผมเข้าไปถามเรื่องโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมที่เราดูแลอยู่ ว่าดำเนินงานไปถึงไหนแล้ว”

    “ตายจริง!” มยุรีตกใจจนหวีที่ถืออยู่ตกหล่นบนพื้น “เอ่อ แล้วคุณตอบคุณแม่ไปว่ายังไงบ้างคะ”

    “ผมก็บอกท่านไปว่าโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมดำเนินงานไปได้ประมาณแปดสิบเปอร์เซ็นแล้ว เหลืออีกยี่สิบก็จะก่อสร้างแล้วเสร็จ คาดว่าน่าจะใช้เวลาอีกสี่เดือนก็เปิดตัวคอนโดฯ ได้ ผมบอกท่านแค่นี้ละ”

    “ถ้าคุณบอกคุณแม่ไปแบบนั้นแล้วทำไมคุณถึงยังทำหน้าเครียดอยู่อีกล่ะคะ” เธอยังถามสามีด้วยความแปลกใจอีกนั่นละ

    อีกฝ่ายจึงบอกว่า

    “ผมกังวลว่าสักวันคุณแม่จะจับได้ว่าผมโกหก เพราะตอนนี้โครงการมันได้หยุดชะงักแล้ว เพราะเงินที่ใช้ก่อสร้างมันอยู่กับเราครึ่งหนึ่ง”

    “คุณไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ คุณแม่ไม่มีวันจับได้แน่นอน ขอแค่คุณอย่าแสดงพิรุธให้ท่านเห็นก็พอ”

    “มันไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ”

    “แล้วมันมีอะไรอีกล่ะคะ”

    “เมื่อตอนบ่ายคุณแม่จะให้ผมพาไปที่ไซต์งาน ท่านบอกว่าท่านอยากเห็นตัวคอนโดฯ ว่ามันเป็นรูปแบบไหน แต่โชคดีที่ผมบอกท่านไปว่าที่ไซต์งานฝุ่นมันเยอะ ผมไม่อยากให้ท่านไป เพราะช่วงนี้สุขภาพของท่านยิ่งไม่ค่อยจะดีอยู่ ถ้าไปที่นั่นสุขภาพก็จะแย่ลง ผมเป็นห่วงท่าน คุณแม่ก็เลยบอกว่าไม่ไปแล้วก็ได้”

    ผู้เป็นภรรยายิ้มพอใจ

    “คุณนี่ฉลาดรอบคอบที่สุดเลยนะคะ ดีแล้วค่ะที่คุณบอกคุณแม่ไปแบบนั้น ท่านจะไม่ต้องอยากไปที่นั่น”

    “แต่ผมกลัวว่าท่านให้คนอื่นพาไปแทนน่ะสิ” วิวัฒน์บอกอย่างเคร่งเครียด

    มยุรีลุกจากโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วเดินไปนั่งข้างๆ สามี จากนั้นก็เอ่ยปลอบใจเขา

    “คุณไม่ต้องเครียดไปนะคะ ยังไงคุณแม่ท่านก็เชื่อใจคุณค่ะ ถ้าคุณบอกท่านไปแบบนั้นท่านก็คงไม่อยากไปที่นั่นแล้วละค่ะ เลิกคิดมากสักทีนะคะ แล้วนอนพักผ่อนกันดีกว่านะ”

    “อืม!” ผู้เป็นสามีพยักหน้า ก่อนจะลุกไปปิดสวิตซ์ไฟแล้วกลับมานอนกับภรรยา

     

    “เธอว่าอะไรนะยายภัค นี่ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่มั้ย” ขวัญจิราเอ่ยถามเพื่อนขณะนั่งรถไปที่มหาวิทยาลัยด้วยกัน โดยหญิงสาวเป็นโชเฟอร์

    ภคพรส่ายหน้าพลางยิ้มอย่างมีความสุข

    “โนๆ เธอไม่ได้หูฝาดไปหรอกย่ะ ฉันกับฐากูรได้เสียเป็นผัวเมียกันแล้วจริงๆ”

    “ไหนเธอช่วยเล่าให้ฉันฟังทีสิ เรื่องราวมันเป็นยังไง ทำไมเธอกับนายฐากูรถึง…”

    “เรื่องมันยาวย่ะ”

    “ต่อให้ยาวเป็นหางว่าวเธอก็ต้องเล่าให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้” ขวัญจิราบอกแกมออกคำสั่ง “เธอเป็นคนแนะนำให้นายฐากูรไปสู่ขอยายดาวไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมเธอถึงได้ลงเอยกับนายนั่นซะเองล่ะ หรือมันมีอะไรที่เธอยังไม่ได้บอกฉันใช่มั้ยยายภัค เธอเล่ามาให้หมดเลยนะ ฉันอยากรู้”

    “ความจริงฉันก็ชอบนายฐากูรอยู่ละ เพียงแต่ไม่เคยบอกใครก็เท่านั้นเอง ฉันตั้งใจจะเก็บไว้คนเดียว อ้อ แล้วที่ฉันแนะนำฐากูรไปแบบนั้นก็เพราะฉันเห็นว่าเขารักยายดาวมาก และเขาคงไม่มีวันหันมามองคนอย่างฉันหรอก ฉันก็เลยตัดสินใจปล่อยเขาไป เพราะฉันอยากเห็นเขามีความสุข” ภคพรเล่าให้เพื่อนฟัง

    หลังจากที่ได้ฟังอีกฝ่ายก็ถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

    “หา! เธอชอบนายฐากูร นี่ฉันพลาดอะไรไปหรือเปล่าเนี่ย”

    “จริงย่ะ…ฉันชอบฐากูรจริงๆ นะ ก็อย่างที่ฉันบอกเธอนั่นละ ว่าฉันไม่เคยบอกใคร ฉันเก็บไว้เป็นความลับ ขนาดเธอเป็นเพื่อนสนิทฉัน ฉันยังไม่บอกเธอเลย แต่วันนี้มันถึงเวลาแล้วที่ฉันต้องเปิดเผยให้ทุกคนได้รับรู้กันทั่วหน้า เพราะฉันได้เสียตัวให้กับฐากูรแล้ว และจะไม่ยอมเสียตัวฟรีๆ แน่นอน”

    “หมายความว่านายฐากูรจะปัดความรับผิดชอบงั้นเหรอ”

    “ใช่! ฐากูรจะไม่รับผิดชอบฉัน เขาจะใช้เงินฟาดหัวฉัน แต่ฉันจะไม่ยอมหรอกนะ เรื่องอะไรที่ฉันจะยอมเสียผัวให้คนอื่น ยังไงซะฉันก็จะทำให้เขารับผิดชอบฉันให้ได้”

    “โธ่ ยายภัคเอ๊ย ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้กับเธอด้วยนะ”

    “ฉันเต็มใจที่จะให้เรื่องนี้เกิดอยู่แล้ว”

    “แปลว่าเธอไม่ได้เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอเลยใช่มั้ย”

    “ถูกต้องจ้ะ” ภคพรยิ้มอย่างมีความสุข

    แล้วขวัญจิราก็เอ่ยถามเพื่อนอีกว่า

    “เธอช่วยเล่าให้ฉันฟังอย่างละเอียดทีได้มั้ย ว่าก่อนที่เธอกับนายฐากูรจะได้กันมันเกิดอะไรขึ้น เล่ามาเลยๆ เล่าตอนนี้ละย่ะ”

    “ไว้ฉันจะเล่าให้ฟังทีหลังแล้วกัน แต่ถ้าฉันเจอหน้ายายดาวฉันจะต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกหล่อนแน่นอน หล่อนจะได้ถอยห่างจากฐากูร แล้วเขาก็ได้หันมามองฉันบ้าง”

    “เธอจะเอาแบบนั้นเหรอ”

    “อืม ก็เอาแบบนั้นละย่ะ” พยักหน้ายืนยัน

    อีกฝ่ายไม่ถามอะไรเพื่อนอีกเลย ได้แต่ทำหน้าที่โชเฟอร์ต่อไป ส่วนภคพรก็ยิ้มอย่างเดียว เพราะเธอรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากที่สุด

     

    ดุจดาวกับกนกนุชมาถึงมหาวิทยาลัยประมาณเจ็ดโมงกว่าๆ เมื่อมาถึงก็จะพากันขึ้นอาคารเรียนเลย ทว่ายังไม่ทันขึ้นภคพรกับขวัญจิราก็มายืนขวางตรงบันได ท่าทางทั้งสองเหมือนตั้งใจมาหาเรื่องเสียมากกว่า

    “หลีกไป ฉันสองคนจะขึ้นไปข้างบน” กนกนุชบอกอย่างไม่พอใจ

    แต่ขวัญจิรากลับบอกว่า

    “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับหล่อน เพราะฉะนั้นไม่ต้องเผือก ยายภัคมีเรื่องจะคุยกับยายดาวเพียงแค่คนเดียว ย้ำ แค่ยายดาวคนเดียวเท่านั้น”

    “มีอะไรก็รีบๆ พูดมา อย่าลีลา ฉันสองคนจะรีบขึ้นไปเรียน” ดุจดาวทำหน้าแบบว่าเบื่อหน่าย

    ภคพรเบะปากใส่

    “เหลืออีกตั้งหนึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเรียน เธอสองคนไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ย่ะ”

    “ฉันนับหนึ่งถึงสาม ถ้ายังไม่พูดฉันจะไปทันที หนึ่ง สอง…”

    “เรื่องนี้มันสำคัญมาก เพราะฉะนั้นต้องค่อยๆ เล่า”

    “สาม!”

    “รีบจัง”

    “ไปกันเถอะยายดาว ไม่ต้องไปรอฟังพวกแม่นี่หรอก ทำลีลาซะจริงๆ” กนกนุชคว้าแขนเพื่อนแล้วจูงเดินออกไป

    ทว่ายังเดินไปไม่ถึงห้าก้าวก็ได้ยินเสียงของภคพรเอ่ยขึ้นว่า

    “ฉันกับฐากูรได้เสียเป็นผัวเมียกันแล้วเมื่อคืน”

    “เหรอจ๊ะ” ดุจดาวหันไปยิ้มให้อีกฝ่ายนิดๆ “ฉันขอแสดงความยินดีด้วยนะ แต่คราวหลังไม่ต้องบอกฉันนะ เพราะฉันไม่ได้สนใจว่าใครจะได้กับใคร แล้วฉันก็ไม่ได้คิดอะไรกับนายฐากูรด้วย เขาเหมาะสมกับเธอมากกว่าฉัน เหมือน…”

    “เหมือนผีเน่ากะโลงผุ” กนกนุชต่อให้ “อีกคนก็เป็นผีเน่า ส่วนอีกคนก็เป็นโลงผุ เหมาะสมกันมากทีเดียว หาใครที่เหมาะสมกันได้ขนาดนี้ไม่มีอีกแล้ว ฉันดีใจด้วยนะจ๊ะ ที่เธอได้นายฐากูรเป็นผัว อ้อ คราวหน้าคราวหลังไม่ต้องเอาเรื่องแบบนี้มาเล่าให้พวกฉัน เพราะมันไร้สาระมาก พวกฉันไม่อยากฟัง…ไปกันดีกว่ายายดาว อยู่ตรงนี้นานๆ แล้วฉันรู้สึกหงุดหงิดยังไงไม่รู้” แล้วก็ดึงมือเพื่อนขึ้นบันไดไปทันที

    ขวัญจิรามองตามทั้งสองอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันมาเอ่ยกับเพื่อน

    “พวกมันว่าเธอน่ะยายภัค”

    “ฉันรู้ย่ะ ไม่ต้องตอกย้ำ” ภคพรบอกอย่างหงุดหงิด แล้วตามหลังดุจดาวกับกนกนุชด้วยแววตาเคียดแค้น “นังดุจดาว นังกนกนุช ฉันฝากไว้ก่อนเถอะ แล้วสักวันเราจะได้เห็นดีกัน”

    เอ่ยจบก็เดินขึ้นบันไดไปด้วยท่าทางอารมณ์เสีย โดยไม่รอเพื่อนสนิท

    “เดี๋ยวสิ ยายภัค รอฉันด้วย” แล้วเธอก็เดินขึ้นบันไดตามเพื่อนไปอย่างเร่งรีบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×