คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : บทที่ ๑๑ : ฐากูรตัวร้าย
ฐากูรมานั่งดื่มเหล้าที่ผับแห่งหนึ่งกับสาวๆ ประมาณสามคนอย่างสบายใจเฉิบ และสาวๆ แต่ละนางก็อายุเยอะกว่าเขาราวสามปีเห็นจะได้ แต่พวกเธอก็ยอมมานั่งกับเขาเพราะเห็นว่าเขาเป็นคนรวย คงจะเปย์หนักน่าดูเลยทีเดียว
“ดื่มให้เต็มที่เลยนะครับ วันนี้ผมเลี้ยงไม่อั้น ระดับฐากูรซะอย่าง เปย์แบบจัดหนักแน่นอนครับ”
“จริงเหรอจ๊ะ” สาวคนที่หนึ่งถาม
ชายหนุ่มพยักหน้ายิ้มๆ
“จริงสิครับ คนอย่างผมไม่เคยโกหกใครอยู่แล้ว ผมพูดคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้น พวกเจ๊ๆ ไว้ใจผมได้เลยครับ”
“ไม่เอา ไม่เรียกเจ๊ เรียกตัวเองจะดีกว่านะ ถ้าเรียกเจ๊มันจะดูแก่ไป” สาวคนที่สองว่า
ส่วนสาวคนที่สามก็เห็นด้วย
“ใช่ๆ เรียกเจ๊มันดูแก่ไป เรียกตัวเองน่ะดีที่สุดแล้ว นะๆ ฐากูร”
“จะดีจริงๆ เหรอครับ” ฐากูรถาม
“มันจะดีมากๆ เลยนะ” ทั้งสามตอบพร้อมเพรียงกัน
อีกฝ่ายจึงยอมทำตาม
“ได้ครับ…ถ้าตัวเองทั้งสามคนอยากจะดื่มอะไรก็สั่งมาได้เลยนะ เดี๋ยวเค้าจะเป็นคนจ่ายเอง วันนี้เค้าจะเป็นป๋าหนึ่งวัน เอ้า สั่งเลยๆ”
“ได้เลยค่าา” พวกเธอเอ่ยพร้อมกันอีกครั้ง ก่อนจะโบกมือเรียกบริกรชายให้มารับออเดอร์ เมื่อสามสาวสั่งเสร็จแล้วบริกรคนนั้นก็เดินออกไปทันที
แล้วสาวคนที่สองก็ควงแขนฐากูร พลางเอ่ยกับเขาว่า
“ฐากูรใจดีที่สุดเลยค่ะ แถมยังหล่ออีกต่างหาก”
“อ้อ ของแบบนี้มันแน่นอนอยู่แล้ว เค้าน่ะหล่อมาตั้งแต่เกิด ถ้าไม่เชื่อเดี๋ยวจะเอารูปตอนเด็กๆ ให้ดู” ฐากูรคุยโม้
อีกฝ่ายรีบโบกไม้โบกมือเป็นการใหญ่
“ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง เค้าเชื่อตัวเองแล้ว”
“ดีจ้ะ” ชายหนุ่มยิ้มอวดฟันขาวสะอาด พลันสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นณัทธรที่นั่งอยู่กับสาวคนหนึ่งอยู่ตรงมุมหนึ่ง เขาจึงบอกกับสาวๆ ที่นั่งอยู่ข้างๆ ว่า “เดี๋ยวเค้ามานะ เค้าเจอคนที่รู้จัก ตัวเองทั้งสามคนรออยู่ตรงนี้สักแป๊บนะ อย่างอนล่ะ” เอ่ยจบเขาก็หอมแก้มพวกเธอคนละฟอด ก่อนจะลุกเดินไปหาณัทธร
เมื่อเดินไปถึงอีกฝ่ายฐากูรก็ยกมือไหว้
“สวัสดีครับพี่ณัท”
“อ้าว นายกูร สวัสดีๆ” ณัทธรรับไหว้ยิ้มๆ ก่อนจะผายมือไปที่เก้าอี้ตรงหน้า “เชิญนั่งก่อนสิ”
“ครับ” ชายหนุ่มนั่งลงตามคำเชิญ ก่อนจะเอ่ยว่า “เอ่อ พี่ณัทครับ คือผมมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับพี่ครับ”
“อ้อ ได้สิ” เขาพยักหน้า แล้วบอกกับหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ว่า “ผมมีธุระจะคุยกับคนรู้จักน่ะ”
“ค่ะ” เธอลุกเดินออกไป เพราะรู้ว่าเขาต้องการที่จะคุยกับคนรู้จักเป็นการส่วนตัว เธอจึงต้องหลบไปก่อน
เมื่ออยู่กันสองคน ณัทธรจึงเอ่ยถามฐากูรว่า
“นายมีธุระอะไรจะคุยกับพี่เหรอ ฐากูร”
“คือผมชอบน้องสาวของพี่ณัทครับ ผมพยายามตามจีบเธอหลายครั้งแล้วแต่เขาก็ไม่สนใจ ดุจดาวเธอทำเมินใส่ผม แต่ทีกับไอ้เด็กวัดสองคนนั่นดุจดาวกลับทำตีสนิทกับพวกมัน คุยกับพวกมันอย่างมีความสุข ผมละหมั่นไส้ไอ้เด็กวัดสองคนนั่นที่สุดเลยครับ” ไม่เพียงแค่เอ่ยเท่านั้น แต่ฐากูรยังแสดงออกทางสีหน้าด้วยอีกต่างหาก
“พี่เองก็ไม่ชอบพวกมันเหมือนกัน พี่กับคุณแม่ห้ามยายดาวไม่ให้ไปเกลือกกลั้วกับไอ้เด็กวัดพวกนั้นหลายครั้งแล้ว แต่ยายดาวมันก็ไม่ฟัง มันดึงดันที่จะคบกับไอ้สองคนนั่นต่อไป”
“พวกมันไม่ใช่คนดีหรอกครับ ที่พวกมันอยากเป็นเพื่อนกับดุจดาวและกนกนุชเพราะเห็นว่าทั้งสองเป็นรวย มันสองคนก็เลยแกล้งทำตัวเป็นคนดีเพื่อให้ยายดาวกับยายนุชตายใจ เพื่อที่สักวันมันสองคนจะได้หลอกเอาเงินจากพวกเธอได้” เขาใส่ความกันต์กับต้นกล้า
เมื่อได้ฟังจากที่ฐากูรเอ่ยมาณัทธรก็กำมือแน่นด้วยความโกรธ เพราะเชื่อในสิ่งที่อีกฝ่ายบอก
“นั่นไง พี่คิดไว้อยู่แล้วเชียว ว่าไอ้เด็กวัดสองคนนั่นมันต้องไม่ใช่คนดี แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ไม่ได้การละ พี่จะต้องห้ามไม่ให้ยายดาวไปยุ่งเกี่ยวกับไอ้สองคนนั่นให้ได้ ก่อนที่พวกมันจะหลอกเอาเงินจากน้องสาวพี่”
“ดีครับพี่ณัท พี่ณัทต้องห้ามดุจดาวให้ได้นะครับ ไม่อย่างนั้นยายดาวจะหมดเนื้อหมดตัวเพราะไอ้เด็กวัดนั่น ผมน่ะเป็นห่วงดุจดาวมากเลยครับ พยายามห้ามเธอเท่าไหร่แต่ก็ไม่ฟังผมเลย ผมเองก็จนใจเหมือนกันครับ” เขาแอบยิ้มร้ายดีใจที่อีกฝ่ายเชื่อคำพูดของตัวเอง
“นายไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เรื่องนี้เดี๋ยวพี่จะจัดการเอง คอยดูว่ายายดาวมันจะเลือกใคร ระหว่างไอ้เด็กวัดที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าสองคนนั่นหรือครอบครัวของมัน”
“ผมว่าดุจดาวต้องเลือกครอบครัวแน่นอนครับ”
“อืม พี่ก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้นละ”
“เอ่อ พี่ณัทครับ ผมอยากให้พี่ณัทช่วยทำให้ผมสมหวังกับดุจดาวหน่อยครับ ผมชอบดุจดาวจริงๆ และผมก็ขอสัญญาว่าถ้าได้เป็นน้องเขยของพี่ผมจะไม่ทำให้พี่ผิดหวังเลยครับ ผมสัญญาจากใจจริงเลย”
“ได้สิ พี่ต้องช่วยนายอยู่แล้ว เพราะพี่เองก็อยากได้นายมาเป็นน้องเขยของพี่เหมือนกัน เอาเป็นว่าเดี๋ยวพี่จะช่วยพูดกับยายดาวให้แล้วกันนะ” ณัทธรบอก
ฐากูรพยักหน้ายิ้มดีใจ พลางยกมือไหว้
“ขอบคุณมากนะครับพี่ณัท ขอบคุณจริงๆ ครับ”
“ไม่เป็นไรๆ เรื่องนี้พี่จะช่วยเต็มที่เลยนะว่าที่น้องเขยของพี่” เขาเรียกอีกฝ่ายว่า ‘ว่าที่น้องเขย’ ไว้ก่อน เพราะมั่นใจว่าจะสามารถทำให้ฐากูรสมหวังกับน้องสาวของตัวเองได้แน่นอน
ยิ่งณัทธรรับปากว่าจะช่วยฐากูรก็ยิ่งฮึกเหิม ยิ่งได้ใจ และเขาเชื่อว่าอีกฝ่ายจะช่วยเขาได้แน่นอน หลังจากเรียนจบเขากับดุจดาวจะต้องได้แต่งงานกัน ทีนี้ละเธอจะได้เลิกทำเป็นรังเกียจเดียจฉันท์เขาเสียที
‘ดุจดาว…หลังจากเรียนจบเธอเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวของฉันได้เลย เพราะฉันจะเอาเธอเป็นเมียให้ได้ เธอจะได้เลิกทำเป็นรังเกียจฉันสักที’
ชายหนุ่มเอ่ยในใจด้วยความสะใจ อีกทั้งยังหัวเราะดังกึกก้องอยู่ภายในใจอีกต่างหาก
เช้าวันใหม่…วันนี้เป็นวันหยุดเรียนอีกหนึ่งวัน ดุจดาวไม่ได้ออกไปไหน หญิงสาวจึงใช้เวลาว่างด้วยการนั่งอ่านหนังสือเรียนอยู่ในห้องรับแขกคนเดียว บิดากับมารดาออกไปทำธุระข้างนอก แล้วพี่ชายก็นอนอยู่บนห้องยังไม่ตื่น เนื่องจากเมื่อคืนไปเที่ยวและกลับดึกไปหน่อยนั่นเอง
แล้วขณะที่เธอกำลังอ่านหนังสืออยู่เพลินๆ ณัทธรก็เดินเข้ามา ดูจากท่าทางน่าจะเพิ่งตื่นนอน ผู้เป็นน้องสาวจึงเอ่ยทัก
“อ้าว! พี่ณัท ตื่นแล้วเหรอคะ”
อีกฝ่ายไม่ตอบ แต่เขาเดินมานั่งตรงโซฟาอีกตัวใกล้ๆ กับน้องสาว พลางเอ่ยว่า
“ยายดาว พี่มีเรื่องจะคุยกับแก”
“เรื่องอะไรเหรอคะ” หญิงสาวเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย
“ถ้าแกยังไม่มีแฟนก็แล้วทำไมแกถึงไม่เปิดใจให้นายฐากูรดูล่ะ ลองคบกันก็ไม่เสียหายอะไรนี่ เพราะนายฐากูรเขาก็ชอบแกอยู่นะ”
เมื่อได้ยินที่พี่ชายบอกผู้เป็นน้องสาวก็ถึงกับไม่พอใจอย่างมาก
“พี่ณัทว่าอะไรนะคะ พี่จะให้ดาวเปิดใจให้คนอย่างนายฐากูรงั้นเหรอคะ ดาวไม่มีทางเปิดใจให้คนแบบนั้นหรอก คนที่ชอบพาลหาเรื่องคนอื่นไปวันๆ แล้วอีกอย่าง ดาวก็ไม่ได้ชอบนายนั่นด้วย”
“โธ่! ยายดาว นาทีนี้แกจะสนใจอะไรกับเรื่องชอบหรือไม่ชอบวะเนี่ย” ณัทธรทำหน้าเบื่อหน่ายใส่น้องสาว “ตระกูลของนายกูรน่ะร่ำรวยมหาศาลนะ เป็นถึงเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ดังที่สุดระดับประเทศเลยทีเดียว รายได้ที่ไหลเข้าบริษัทในแต่ละปีก็ได้ไม่ต่ำกว่าพันล้านบาทแน่ะ นี่ถ้าแกได้ไปเป็นสะใภ้ตระกูลนั้นรับรองว่าแกจะสบายไปทั้งชาติเลยละ”
ดุจดาวจึงเอ่ยถามพี่ชายว่า
“ร่ำรวยแล้วยังไงคะ ดาวไม่เห็นสนใจเรื่องเงินๆ ทองๆ อะไรนี่เลย เงินไม่สามารถซื้อทุกอย่างได้หรอกนะคะ แต่มันกลับทำให้ทุกอย่างแย่ลงต่างหาก อ้อ แล้วที่พี่ณัทอยากให้ดาวเปิดใจให้นายกูรน่ะ พี่ณัทรู้จักนิสัยนายนั่นดีพอแล้วเหรอคะ”
“ทำไมฉันจะไม่รู้จักนิสัยของนายกูรดีพอ ถึงนายกูรมันจะเป็นคนชอบพาล แต่มันก็มีส่วนดีของมันอยู่บ้างละ เพียงแต่แกมองไม่เห็นเท่านั้นเอง”
“แล้วพี่ณัทเคยเห็นส่วนที่ดีของนายกูรเหรอคะ แล้วส่วนที่ดีที่ว่านี่มีอะไรบ้าง ไหนพี่ณัทลองยกตัวอย่างมาให้ดาวดูหน่อยสิ”
“ก็…ก็มีแล้วกันน่า” ผู้เป็นพี่ชายคิดหาคำแก้ตัวไม่ได้
“ที่พี่ณัทว่ามีน่ะ มีอะไรบ้างคะ” หญิงสาวยังคงถามพี่ชาย
แต่อีกฝ่ายทำเป็นหงุดหงิด
“นี่! ยายดาว แกอย่าเซ้าซี้ถามฉันแบบนี้ได้มั้ย ฉันบอกว่านายกูรมีส่วนดีก็มีสิ มาถามอะไรให้มากความวะ อ้อ แล้วที่ฉันแนะนำให้แกเปิดใจคบกับนายกูรก็เพราะว่าฉันน่ะหวังดีกับแก อยากเห็นแกมีชีวิตที่สุขสบาย นี่ถ้าแกไม่ใช่น้องของฉัน ฉันคงไม่แนะนำคนดีๆ อย่างนายกูรให้หรอกนะ”
“นั่นน่ะเหรอคะ คนดีของพี่ณัท คนที่ชอบพาลชอบหาเรื่องคนอื่นเขาเรียกว่าคนดีงั้นเหรอ คนดีที่แท้จริงคือนายกันต์กับนายต้นกล้าต่างหาก ดีแบบไม่ต้องสร้างภาพ ไม่เหมือนนายกูรที่สร้างภาพเก่ง”
“พูดถึงไอ้เด็กวัดสองคนนั่นก็ดีเลย ฉันขอสั่งห้ามไม่ให้แกไปเกลือกกลั้วกับพวกมันอีก เพราะพวกมันเป็นคนชั้นต่ำ ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ไม่มีสกุลรุนชาติ ถ้าแกยังดื้อดึงที่จะคบกับไอ้เด็กวัดสองคนนั่นต่อไปมีแต่จะทำให้วงศ์ตระกูลของเราเสียชื่อเสียง ถ้าแกไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นก็เลิกยุ่งกับพวกมันซะ”
“หัวเด็ดตีนขาดดาวก็ไม่มีวันที่จะเลิกยุ่งกับนายกันต์และต้นกล้าได้หรอกค่ะ
“ยายดาว…” ณัทธรไม่พอใจน้องสาว
“อ้อ แล้วถ้าพี่ณัทอยากเกี่ยวดองกับตระกูลของนายกูรนักละก็ พี่ณัทก็ไปแต่งงานกับนายฐากูรเองเลยสิคะ เพราะดาวไม่มีวันทำตามความต้องการของพี่แน่นอน ขอตัวก่อนนะคะ” เอ่ยจบเธอก็ผลุนผลันออกไปทันที ด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว
ผู้เป็นพี่ชายหันมองตามน้องสาวแล้วตะโกนเรียก
“ยายดาว แกกลับมาพูดกับฉันให้รู้เรื่องนะ แกจะเดินหนีฉันแบบนี้ไม่ได้…โธ่โว้ย!” สุดท้ายก็ระบายความโมโหออกมา “ยังไงฉันก็จะทำให้แกแต่งงานกับนายกูรหลังเรียนจบให้ได้ ก่อนที่แกจะไปคว้าไอ้เด็กวัดที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาเป็นน้องเขยฉัน ซึ่งฉันจะไม่ยอมให้มันแบบนั้นแน่นอน” ณัทธรเอ่ยอย่างมาดหมาย
“เธอคิดยังไงเนี่ยยายดาว ถึงได้ชวนฉันมาเดินห้างแบบนี้” กนกนุชเอ่ยถามเพื่อนขณะที่กำลังขึ้นบันไดเลื่อนในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งแถวใจกลางกรุงเทพมหานคร
เพราะก่อนที่จะมาเดินเที่ยวห้างด้วยกัน ดุจดาวขับรถไปหาเธอที่บ้านแล้วชวนเธอไปเที่ยว โดยไม่ได้บอกว่าจะพาไปที่ไหน สุดท้ายดุจดาวก็พาเธอมาที่นี่ เธอก็เลยอดที่จะเอ่ยถามเพื่อนด้วยความแปลกใจไม่ได้เลย
“ก็ไม่ได้คิดยังไง ฉันแค่รู้สึกเบื่อๆ ก็เลยชวนเธอมาเดินห้างตากแอร์สักหน่อย” ดุจดาวบอกเมื่อขึ้นมาถึงชั้นสามของห้างสรรพสินค้าแล้ว
กนกนุชจึงถามอีกว่า
“นี่เธอทะเลาะกับที่บ้านอีกแล้วใช่มั้ย”
“อืม ใช่” หญิงสาวพยักหน้าเศร้าๆ
“คราวนี้เรื่องอะไรอีกล่ะ อย่าบอกนะว่า…”
“เรื่องมันยาว ไว้เดี๋ยวฉันจะเล่าให้เธอฟังทีหลังแล้วกัน แต่ตอนนี้ฉันขอเดินเที่ยวห้างให้สบายใจซะก่อน”
“ก็ได้” กนกนุชจำต้องยอมเพื่อน
“ฉันว่าเราไปเดินดูเสื้อผ้าตรงร้านโน้นดีกว่า ดูเหมือนว่าเสื้อผ้าจะมีแต่สวยๆ ทั้งนั้นเลย” ดุจดาวชี้ไปยังร้านเสื้อผ้าผู้หญิงที่อยู่ไม่ไกลนัก
ผู้เป็นเพื่อนพยักหน้า “อืม ไปสิ”
แล้วดุจดาวก็พาเพื่อนไปยังร้านเสื้อผ้าที่เธอชี้บอก เมื่อเดินถึงร้านก็พบมีเสื้อผ้าสวยๆ ทั้งนั้น มีเฉพาะของผู้หญิงอย่างเดียว
แล้วเจ้าของร้านวัยห้าสิบกว่าๆ ก็เดินมาต้อนรับลูกค้าทั้งสอง
“สวัสดีค่ะ สนใจเสื้อผ้าแบบไหนดีคะ”
“เอ่อ ขอเดินดูก่อนค่ะ” ดุจดาวบอกยิ้มๆ
อีกฝ่ายพยักหน้ายิ้มตอบ
“ได้ค่ะ”
ต่อจากนั้นดุจดาวกับกนกนุชก็เดินเลือกดูเสื้อผ้ากันต่อไป แล้วฝ่ายแรกก็เอ่ยถามเพื่อนว่า
“เธอเอาสักชุดมั้ยยายนุช เดี๋ยวฉันซื้อให้”
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ ฉันไม่เอา” กนกนุชปฏิเสธ
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“ที่บ้านฉันก็มีเสื้อผ้าเยอะอยู่แล้ว ไม่ต้องซื้ออีกหรอก”
“แต่ฉันอยากให้เธอลองใส่ชุดกระโปรงดู คงจะสวยมากเลยนะ” ดุจดาวว่า
แต่อีกฝ่ายส่ายหน้า
“ไม่เอาหรอก เธอซื้อของเธอไปเถอะจ้ะ”
“เธอจะไม่ลองใส่ชุดกระโปรงจริงๆ เหรอ”
“ไม่จ้ะ”
“แต่…”
“ไม่มีแต่ แล้วก็เลือกซื้อเสื้อผ้าของเธอต่อไปซะ” กนกนุชบอก
ดุจดาวทำหน้าเซ็งๆ ก่อนจะหันไปเลือกเสื้อผ้าต่อ แล้วหญิงสาวก็เจอชุดหนึ่งที่ถูกใจ เป็นชุดเดรสสั้นสีชมพูที่สวยมาก คงจะเหมาะกับเธอ
“ฉันเจอชุดที่ถูกใจฉันแล้วละยายนุช”
“ถ้าอย่างนั้นก็เอาเลยสิ ฉันก็ว่าชุดนี้เหมาะกับเธอดี”
อีกฝ่ายพยักหน้ายิ้มๆ จากนั้นก็เอื้อมมือออกไปจะจับชุดเดรสที่เธอบอกว่าถูกใจ แต่จู่ๆ ก็มีมือของใครบางคนมาจับชุดนั้นก่อน
“ชุดนี้สวยจังยายขวัญ” เป็นภคพรนั่นเองที่จับชุดนั้น
ดุจดาวกับกนกนุชหันขวับไปมองคนที่ชิงจับชุดเดรสสีสวยก่อน เมื่อเห็นว่าเป็นใครสองสาวก็รู้สึกไม่พอใจมาก โดยเฉพาะฝ่ายหลังที่โกรธแทนเพื่อนจนต้องต่อว่าภคพร
“นี่! ยายภัค เธอไม่เห็นเหรอว่ายายดาวกำลังจะจับชุดนี้ แล้วทำไมเธอถึงเสียมารยาทชิงจับก่อนแบบนี้ล่ะ”
ภคพรจึงเอ่ยว่า
“ฉันเสียมารยาทตรงไหน ก็ฉันไม่เห็นนี่ว่ายายดุจดาวจะจับชุดนี้เหมือนกัน เธอเห็นหรือเปล่ายายขวัญ” ประโยคหลังหันไปถามเพื่อน
ขวัญจิราส่ายหน้า
“ไม่เห็นนะ ฉันไม่เห็นยายดาวเอื้อมมือมาจะจับชุดนี้เลย แต่จะว่าไปแล้วเนี่ย ฉันว่าชุดนี้ไม่เหมาะกับยายดาวหรอก เหมาะกับยายภัคมากกว่านะ”
“แต่ยายดาวมองเห็นชุดนี้ก่อนพวกเธอ”
“ก็มองเห็น แต่ไม่ได้เขียนป้ายติดเอาไว้นี่ว่าจองชุดเดรสสีชมพูชุดนี้” เอ่ยจบภคพรก็หัวเราะ
“โธ่โว้ย! ฉันชักจะทนกับพวกนี้ไม่ไหวแล้วนะโว้ย” กนกนุชรู้สึกโมโหมาก แล้วหญิงสาวก็ผลักภคพรทันทีเมื่อทนไม่ไหว
อีกฝ่ายเซจะล้ม โชคดีที่ขวัญจิรารับร่างไว้ทัน เมื่อยืนนิ่งได้ภคพรมองคนที่ผลักด้วยความไม่พอใจ แล้วก็เอื้อมมือไปจะตบหน้าคู่อริเพื่อชำระแค้น ทว่ายังไม่ทันได้ตบก็เจอกนกนุชสวนหมัดกลับเสียก่อน จนเลือดออกจมูก
“อ๊ายยย! นี่แกต่อยฉันเหรอยะ” เธอถึงกับปรี๊ดแตกเลยทีเดียว
กนกนุชพยักหน้า
“ใช่! ฉันต่อยหน้าเธอ เพราะฉันต้องการที่จะปกป้องตัวเอง”
“ตายแล้ว! ยายภัค” ขวัญจิราทำหน้าตกใจเมื่อเห็นเลือดออกจากจมูกเพื่อน
ภคพรจึงถามว่า
“มีอะไร ยายขวัญ”
“จมูกของเธอน่ะ…จมูกของเธอ”
“จมูกของฉันทำไมยะ เอ๊ะ หรือว่า…” หญิงสาวเริ่มเอะใจจึงเอานิ้วชี้เเตะที่จมูกตัวเอง เมื่อได้สัมผัสก็รู้สึกว่ามีน้ำหนืดๆ ไหลออกจากรูจมูก แล้วเธอก็ยกนิ้วชี้ขึ้นมาดู ปรากฏว่ามีเลือดติดมาด้วย เธอจึงกรี๊ดด้วยความตกใจ “กรี๊ดดด! เลือดออกจากจมูกฉัน แก! นังนุช ฉันจะเอาคืนแก” ว่าแล้วก็เงื้อมือขึ้นจะตบหน้าอีกฝ่าย
กนกนุชชูหมัดขึ้นขู่
“ก็เอาสิ ถ้าเธออยากให้เลือดออกจมูกเป็นครั้งที่สองก็ลองดู”
“ไปกันเถอะยายภัค เธอสู้มันไม่ได้หรอก ยายนี่มันหมัดหนักจะตายไป” ขวัญจิราว่า
ภคพรชี้หน้าคู่อริด้วยความแค้นใจ
“ฝากไว้ก่อนเถอะแก คราวหลังฉันจะเอาคืนแกแน่”
“เอากลับคืนไปด้วย ฉันไม่รับฝาก เพราะฉันไม่ใช่ธนาคาร อ้อ คราวหลังถ้าเธออยากไฝว้กับฉันก็ลองดู” เธอบอกอย่างท้าทาย
อีกฝ่ายฝากสายตาเคียดแค้นทิ้งท้ายไว้ก่อนถูกเพื่อนดึงแขนออกไปจากร้านขายเสื้อผ้า
กนกนุชมองตามอย่างสะใจ
“ฉันโคตรจะมีความสุขที่สุด ที่ได้ต่อยคนจนเลือดออกจมูกเลย” เอ่ยจบก็หัวเราะเบาๆ
ดุจดาวตีเข้าที่แขนเพื่อน เผียะ อย่างหมั่นไส้
“นี่แน่ะ เธอชักจะห้าวเกินไปแล้วนะยะยายนุช นี่ตกลงฉันได้เพื่อนผู้ชายหรือเพื่อนผู้หญิงกันแน่เนี่ย ไอ้เรื่องชกต่อยถนัดนักนะ”
“เอ้า! ก็พวกมันมาหาเรื่องเธอนี่ ฉันก็ต้องปกป้องเธอสิ แค่ต่อยมันยังน้อยไป มันต้องถีบด้วยถึงจะสะใจดี ให้สมกับที่มันร้ายใส่เราสองคน” อีกฝ่ายว่า
“จ้า ฉันต้องขอบใจเธอสินะเพื่อนรัก”
“แน่นอนจ้ะ เธอต้องขอบใจฉันอยู่แล้วละ”
“โอเคจ้ะ ฉันขอบใจเธอมากนะ ที่ช่วยฉันจัดการกับยายภัคและยายขวัญ”
“ไม่เป็นไรๆ เพื่อนก็ต้องปกป้องเพื่อนอยู่แล้ว” กนกนุชบอก
ดุจดาวพยักหน้ายิ้มๆ
“จ้า เธอน่ารักเสมอละ…เพื่อนรักของฉัน”
“ชมจนฉันจะตัวลอยได้อยู่แล้วเนี่ย”
อีกฝ่ายหัวเราะคิกคัก ก่อนจะบอกว่า “เอาละๆ เดี๋ยวฉันเลือกเสื้อผ้าต่อดีกว่า แล้วพอซื้อเสื้อผ้าเสร็จก็ไปทานอาหารและดูหนังฟังเพลง วันนี้เต็มที่ไปเลยจ้ะ เพราะฉันจะเป็นคนเปย์เอง”
“ค่ะ เจ๊…เจ๊ดาวใจดีมากเลยค่ะ”
“ย่ะ ไม่ต้องพูดมากหรอก ฉันเลือกเสื้อผ้าก่อน อ่า เธอช่วยฉันเลือกดีกว่า”
“ได้สิ” กนกนุชรับคำ
แล้วทั้งสองก็ช่วยกันเลือกเสื้อผ้า หลังจากซื้อเสื้อผ้าเสร็จดุจดาวก็จะพากนกนุชไปทานอาหารและดูหนังฟังเพลงกันต่อไป
ความคิดเห็น