คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : Chapter 1 : run away [โกยไว้ก่อนพ่อสอนไว้]
.......................................................................................
บรรยากาศท้องฟ้ายามราตรีช่างสวยงามนัก ดวงดาวพร่างพรายทอแสงระยิบระยับยิ่งทำให้ท้องฟ้าในค่ำคืนนี้งดงามมากกว่าที่เคย.. แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังราตรีที่แสนสวยงามและเงียบสงัดนั้นจะมีคนที่ไม่ได้หลงระเริงไปกับความงามของบรรยากาศรอบตัวและ ปะปนอยู่ในฝูงชนมากมายนั้นด้วย
ร่างของคนคนหนึ่งยืนพิงอยู่บนต้นไม้ สายตาทอดมองลงสู่พื้นเบื้องล่าง
ตาแก่อ้วนฉุคนหนึ่งได้ก้าวเดินออกมาจากสถานบันเทิงในสภาพที่เมาไม่มีชิ้นดี เสื้อผ้าที่สวมด้วยสูทสีดำอย่างดีกับเน็ทไทมียี่ห้อซึ่งบอกได้เลยว่าคนคนนี้จะต้องเป็นผู้ใหญ่ผู้โตในระดับนึง เพราะหากคนธรรมดาจะซื้อของพวกนี้ไปใส่เพื่อออกสถานบันเทิงมันคงจะดูแปลกไปหน่อย
เพื่ออวดฐานะที่ร่ำรวยกว่าคนทั่วไปให้ชาวบ้านได้รับรู้ถึงต้องใส่สูทราคาแพงออกมาเดินโชว์ตัวตามผับตามบาร์ที่ต่อให้คุณใส่ชุดอ่ะไรไปนั้นคนเขาหาสนใจไม่ นอกจากพวกสิบแปดมงกุฎกับเจ้าของร้านที่หวังฟาดเงินแล้วคงไม่มีใครคิดจะสนหรอก
ร่างของตาแก่นั้นเอียงเซเรี่ยไปตามริมกำแพง ตารีเล็กที่ตี่เต็มทนเบ้อเบลอพร้อมเข้าห้วงนิทราเต็มที่แต่ก็ยังพยายามที่มองหาถนนเพื่อโบกแท็กซี่กลับบ้านของตน แต่แล้วก็ต้องยอมแพ้กับสภาพอันฝืนทนเดินเข้าไปในซอกตึกเพื่อระบายของเน่าเสียในกระเพาะออกทางปาก
ซากอาเจียนเละๆกองแผละอยู่กับพื้นจากนั้นเจ้าตัวก็ทำท่าจะเดินจากไปเหมือนไม่มีอ่ะไรเกิดขึ้น สร้างความคลื่นไส้ให้แก่คนที่สะกดรอยตามมาจนอยากจะร้อง ยี้ โดยที่ตาแก่นั่นไม่ได้รู้ตัวเลยว่าหลงเข้ามาในห้วงมิติแปลกๆเข้าแล้ว
‘ถึงนี่แล้ว..ฆ่าเลยก็แล้วกัน’
ฉึก!!
เสียงของวัตถุที่คาดว่าน่าจะเป็นของมีคมแทงเข้าทางด้านหลังทำให้ต้องส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ของเหลวสีแดงสดไหลทะลักออกมาจากปากแผลที่โดนวัตถุนั้นเสียบเข้าไปจนมิด ร่างของสิ่งที่ถูกแทงนั้นสั่นกระตุกก่อนที่จะหันกลับไปเพื่อขัดขืนการกระทำที่เกิดขึ้น
แต่นั่นไม่ได้ทำให้ ‘ผู้กระทำ’ นั้นหยุดแต่อย่างใดมันกลับชักมีดออกหน้าเฉยแล้วแทงซ้ำลงไปอีกหลายครั้งพร้อมกับเบี่ยงตัวหลบการโจมตีขัดขืนของตาแก่ที่เมาไร้สติไปด้วย
“ช่วยด้วย!!...”ตาแก่ร้องขอความช่วยเหลือ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้มแสยะของร่างตรงหน้า
“ร้องไปก็ไม่มีใครช่วยแกหรอก..เพราะนี่คือห้วงมิติที่ฉันสร้างขึ้น”เด็กชายปริศนานั้นพูด ตาแก่นั้นไม่ได้สนใจเพราะไม่เชื่อและยังคงเรียกร้องขอความช่วยเหลือต่อทั้งๆที่ร่างกายเริ่มจะทนไม่ไหว
“แกโกงกินชาวบ้านเขามามากพอแล้ว เพราะงั้นตายมันซะที่นี่แหละ!!!”สิ้นเสียงสุดท้ายกับดวงตาที่เบิกกว้างของตาแก่นั้นเอง มีดคมกริบก็พุ่งแทงเข้าที่คอหอยอย่างจัง การแทงครั้งเดียวในที่มืดเท่านั้นทะลุตรงเป้าพอดี.. เจ้าของมีดชักมือออกก่อนจะโยนมีดนั้นทิ้งลงข้างตัว
ตุบ..
ร่างไร้ชีวิตและลมหายใจของตาแก่ร่วงลงกระแทกกับพื้นที่ทำด้วยปูนอย่างแรง ร่างเล็กที่ยืนอยู่เหนือร่างที่แน่นิ่งนั้นมองศพด้วยสายตาแสนสมเพช เขาคลายห้วงมิติของตัวเองให้กลับมาในสถานที่ปกติ ก่อนที่จะออกเดินไปก็หันมาเตะหัวของสิ่งที่เคยมีชีวิตดังปั่ก
“ขยะก็ยังเป็นขยะอยู่วันยังค่ำ..”
หลังจากที่ออกมาพ้นบริเวณซอกตึกดวงตาก็มองเหล่มองซ้ายขวาอย่างระมัดระวัง สองขาที่ผ่านการปฏิบัติหน้าที่มาหลายครั้งนั้นก็ทำตามความเคยชินนั้นก็คือกระโดดขึ้นไปอยู่บนต้นไม้เพื่อสอดแนมว่ามีใครน่าสงสัยตามเขามาหรือไม่
ฟุ่บ..!
‘ตรู้ดด---’ทันทีที่เท้าถึงยอดไม้เสียงเครื่องมือสื่อสารขนาดพกพาก็ดังขึ้น มือขวาเลื่อนลงล้วงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงแบบรัดรูปออกอย่างยากลำบาก
‘ฆ่าคนมันยังไม่ยากเท่านี้เลย’นี่เป็นความคิดของเจ้าตัว
กริ๊ก
“นี่โนอาร์5078พูด”เมื่อเอาออกมาได้ก็ต้องรีบรับสาย เสียงถูกกรอกผ่านไมค์เล็กๆที่ติดอยู่กับหูฟังที่เขาสวมไว้เพียงข้างเดียว ที่หยิบมือถือออกมานั้นไม่ใช่อ่ะไรหรอก..จากการคลำกดของเขาไม่เคยจะโดนปุ่มรับสายเลยซักครั้งมีแต่จะไปโดนปุ่มวางสาย ไม่ประมาทจะดีกว่า
...ปลายสายพูดตอบกลับมา...
“เรียบร้อยแล้ว มันง่ายกว่าที่คิดนะคุ้มกว่าค่าจ้างที่ได้มาอีก”ดวงตาสีน้ำเงินเหมือนสีของท้องทะเลนั้นประกายด้วยด้วยแววขบขัน สีหน้าที่นิ่งขรึมเมื่อครู่ได้หายไปจากบนใบหน้าเสียสิ้นเชิง ทั้งคนรับสายและคนปลายสายต่างแลกเปลี่ยนคำพูดกันอีกสองสามคำ
“โอเคๆ กลับเลยใช่มั้ย”ดูเหมือนปลายสายจะสั่งอ่ะไรมาซักอย่างทำให้ฆาตกร(?)ต้องยกมือขึ้นกับตัวเองอย่างยอมแพ้ในการเถียงเพียงไม่กี่คำ แล้วก็วางสายลง
ร่างเล็กนั้นก้มลงเก็บโทรศัพท์เข้าที่กระเป๋ากางเกงเช่นเดิมด้วยความหงุดหงิดอีกครั้ง
“ทำไมมันไม่ออกแบบชุดที่ใส่ง่ายๆ?”ถามอยู่กับตัวเองเพราะรู้อยู่แล้วว่าไม่มีใครตอบให้
แต่ที่แน่ๆคือ เขาจะต้องรีบกลับก่อนที่หน่วยค้นหา HRG นั่นจะเคลื่อนไหว ถ้าหากเขาโดนจับได้ขึ้นมาเรื่องต้องสืบสาวไปจนถึงต้นถึงตอแหงมๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วหน้าที่การงานของเขาจัดอยู่ในระดับแนวหน้าเลยเชียวนะ ท้ายสุดเขาก็เป็นพวก ไม่มั่นใจ ในฝีมือของตัวเองว่างั้น
………………………………………………………………………………….
ชื่อของเมืองนี้คือ ‘ดิไมเน่’ เมืองนี้เป็นเมืองที่รวมทั้งคนธรรมดาและไม่ธรรมดาเข้าไว้ด้วยกัน คนธรรมดานั้นก็คือสามัญชนทั่วไปที่ออกงานเช้ากลับเย็นกลับดึกหาเงินไปตามเวลา แต่คนที่ไม่ธรรมดานั้นคือ ‘เหล่าคนที่มีความสามารถในการใช้เวทย์มนตร์’
ใช้เวทย์มนตร์ที่ว่าไม่ใช่ว่าเอะอะก็ เปรี้ยงๆๆ ไปตามเรื่องตามราวเหมือนในนิยายหรืออนิเมชั่นการ์ตูนพวกนั้น แต่มันเป็นการใช้พลังของธรรมชาติที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายให้ออกมาเป็นพลังเวทย์ชนิดหนึ่งซึ่งเรียกว่า ‘ธาตุ’
ทุกคนในเมืองต่างล้วนมีธาตุด้วยกันทั้งสิ้น มันแล้วแต่ว่าใครนั้นจะมีธาตุอ่ะไร และความมารถนั้นรุนแรงแค่ไหนและสามารถแสดงออกมาได้หรือไม่ ทั้งธาตุธรรมดาเรียกง่ายๆว่าไร้ความสามารถในการใช้เวทย์มนตร์ก็นับจัดเป็นธาตุชนิดหนึ่ง
เมืองดิไมเน่เป็นเมืองใหญ่โตแต่โรงเรียนหรือสถานศึกษาที่เกี่ยวกับเวทย์มนตร์นั้นก็น้อยนิดเนื่องมาจาก คนที่สามารถใช้เวทย์มนตร์ได้นั้นมีอยู่น้อย
ในสมัยก่อนที่เมืองดิไมเน่ได้ถือกำเนิดขึ้น มันเป็นเมืองที่อยู่รวมกันระหว่างมนุษย์ ปีศาจ ภูต หรือแม้แต่ผีและพวกเอล์ฟ จุดกำเนิดที่ทำให้เกิดธาตุทั้ง 11 การร่วมสายเลือดของเผ่าพันธุ์ทั้ง 5 เผ่าทำให้เกิดการรวมตัวของพลังที่ไหลเวียนในร่างกาย ในสมัยนั้นได้จัดการสร้างโรงเรียนเพื่อสอนวิชาในการใช้พลังธาตุให้ถูกวิธีและการควบคุมพลัง
พลังของแต่ล่ะคนนั้นไม่เท่ากัน จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสายเลือดยิ่งพลังธาตุของพ่อแม่แรงเพียงใดของลูกนั้นก็จะเข้มข้นขึ้นตามไปด้วย
ตามตัวแล้วทายาทที่เกิดขึ้นมาจากมนุษย์นั้นจะไร้ธาตุหรือเป็นธาตุธรรมดา ปีศาจนั้นจะแบ่งออกตามลักษณะไปนั้นคือไฟ พลังจิตและดิน ภูตนั้นจะเป็นสายตามธรรมชาติอาทิเช่น ลม ไม้และน้ำ ผีนั้นมีอยู่สามรูปแบบ ไฟฟ้า มืดและวิญญาณ สุดท้ายเผ่าเอล์ฟจะเน้นความอ่อนโยน แสงและการรักษา
ถึงจะพูดไปว่าเยอะขนาดนี้ สุดท้ายทุกคนนั้นก็มีกันเพียงคนละธาตุเท่านั้นโดยสุ่มจากโครโมโซมที่จะส่งไปถึงรุ่นลูกหลานว่าจะแรงแค่ไหน บางตระกูลที่แต่งงานกันมนุษย์เมื่อยามหนึ่งก็จะหมดความสามารถนั้นไป
จริงๆเรื่องมันมีมากกว่านี้อีก และเขาก็อยากจะอ่านต่อแต่เมื่อมันเป็นหนังสืออ่านฟรีที่อยู่บนรถโดยสารที่วิ่งบนรางจึงต้องยอมวางหนังสือลงก่อนจะเดินลงจากรถไฟตามสถานที่แต่โดยดี
จากการเดินทางในยามค่ำคืนนั้นท้ายสุดก็ถึงที่หมาย...เส้นทางต่อจากนี้ผนังที่อยู่ติดกับช่องจ่ายบัตรที่กำแพงด้านข้าง ร่างเล็กในชุดไปรเวทเดินตรงเข้าไปหากำแพง มือข้างหนึ่งยกขึ้นทาบกับบล็อกช่องของอิฐที่ดูเหมือนจะไม่มีอ่ะไร แล้วถ้าถามว่าทำถึงเป็นชุดไปรเวทก็ต้องบอกว่า..ถ้าขืนขึ้นรถไฟมาในสภาพนั้นคงต้องโดนจับแล้วจอดไม่ต้องแจว
เครื่องแสกนลายมือหลังอิฐบล็อกทำงานอย่างรวดเร็ว ร่างของเด็กชายก็เลือนหายไป ณ ตรงนั้นเอง
ปัง
“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน ลอยด์..”การเข้าผ่านทางอิฐบล็อกนั้นก็เหมือนเช็ดลายนิ้วมือก่อนเดินเข้าบ้านหรือสถานที่ทำงาน แต่ที่นี่ไม่ใช่ทั้งสองแห่ง..มันเป็นสถานที่ที่ระบุไม่ได้ว่ามันคืออ่ะไรกันแน่
ชายผมสีส้มที่ดูหเมือนย้อมแต่ความจริงมันเป็นมาตั้งแต่เกิดยืนกอดหมอนอยู่หน้าประตูทางเข้า คนคนนี้คือมุนษย์คนเดียวกับคนที่เขาคุยด้วยหลังเชือดสวะนั่นเสร็จ
“นายพูดแบบนี้ทุกครั้งเวลาฉันกลับมา”
“แล้วจะให้พูดยังไงล่ะ”
“พูดอ่ะไรก็ได้ที่มันไม่ซ้ำซาก ฉันเบื่อเต็มทนแล้ว”
“งั้นพูดว่า..ขอยินดีต้อนรับที่กลับถึงบ้านโดยปลอดภัยนะคะคุณลอยด์ เมคาเล็ทเดี๋ยวอิชั้นจะไปชง...อุ่บ”มือเรียวเพียวๆของร่างที่เล็กกว่ายัดเข้าที่เต็มปากของคนพูดมาก
“อุจาด”
“แล้วนี่มันใช่บ้านฉันซะที่ไหน?”คนที่ชื่อลอยด์ เอามือออกจากปากคนที่เริ่มทำหน้าบึ้งด้วยความไม่พอใจ
“ถึงไม่ใช่ก็เกือบจะใช่”
“เออรู้ แต่ถ้าขืนนายยังเถียงฉันอยู่แบบนี้เดี๋ยวฉันจะสั่งให้หัวหน้าเอานายออกไปนอนข้างนอกดีมั้ย เมมิล ฟีเรเซ่...”มุมปากยิ้มโหด เด็กชายผมสีน้ำเงินแสดงคำพูดจากริยาท่าทางไม่ได้สมกับหน้าตาเลยซักนิด ‘เมมิล’ เด็กชายอีกคนที่สูงกว่าลอยด์ไปคืบยิ้มแห้งๆ แต่ถ้าเทียบจากทางหน้าตาแล้วเหมือนอายุจะไม่ห่างกันเท่าไหร่
“ฉันยอมแพ้แล้ว..”เมมิลพูดยิ้มๆ
“แต่ว่านายเหอะ ช่วงนี้ออกไปเปื้อนเลือดทุกวันไม่เบื่อบ้างเหรอ?”ลอยด์ที่กำลังถอดเป้สีดำที่ภายในใช้เก็บชุดที่ออกภารกิจก็ต้องชะหงักกับคำพูด เขาหันไปมองหน้าเมมิลเล็กน้อย
“ฉันว่ามันสนุกดี”
“นายทำแบบนี้ติดต่อกันมาเกือบเดือนแล้วนะเพลาๆลงมั่งเหอะ เลือดมันติดตา”
“จะยังไงก็เรื่องของฉันน่า ว่าแต่นายนั่นแหละเมมิลทำไมไม่ออกไปทำงานว่าจ้างบ้างเดี๋ยวตังไม่พอเอาฉันจะไม่แบ่งให้หรอกนะ”ลอยด์พูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน..ใช่แล้วคนอย่างพวกเขาทำงานหาเงินด้วยการเชือดตัวสวะไปวันๆตามการว่าจ้าง จะเป็นใครก็ช่างเชือดได้นั้นเป็นพอ
“ก่อนหน้านี้ฉันเก็บตังมาบ้างแล้ว ก็อยากจะพักผ่อนเสียหน่อย”
“แล้วงานครั้งนี้ได้กี่ดีพี[ค่าเงิน]ล่ะ”เมมิลเปลี่ยนบทสนทนาไปถามเรื่องเงินๆทองๆจากงานที่เพิ่งเสร็จมาหมาดๆของลอยด์ด้วยความตื่นเต้น
“ก็เยอะพอควร 5หมื่นดีพีน่ะไอ่แก่นั่นก็เมาเสียได้ที่เอามีดเสียบซักทีสองทีก็นอนแน่นิ่งไม่ไหวติง..ไม่รู้ทำไมไม่ฆ่าเอาเอง แต่ก็งี้แหละดีแล้วจะได้มีเงินเข้าง่ายๆ”ลอยด์พูดอย่างไม่ใส่ใจนัก แต่เขาสนใจเงินที่กำลังจะได้รับมากกว่า เมื่อเมมิลได้ยินว่า 5หมื่นดีพีก็ตาลุกวาว
“5หมื่น!! นี่มันเป็นเงินสำหรับฉันหาทั้งเดือนเลยนะ”
“เพราะนายไม่ขยันน่ะสิเดือนเดือนนึงรับทำสองสามงาน นี่ฉันว่าจะทำติดต่อกันไปอีกซักพักแล้วฉันจะพักเที่ยวบ้างล่ะ”
“อีกซักพักของนายมันไม่น่าเชื่อถือเลยให้ตาย ซักพักของนายคราวก่อนก็ปาเข้าไปสามเดือน ฉันอยากจะรู้จริงๆว่านายไม่รู้สึกเหนื่อยบ้างเหรอแล้วนี่คิดว่าหัวหน้าเขาจะยังมีงานให้นายทำอยู่อีกรึไง?”
“งานน่ะมีอยู่เรื่อยๆอยู่แล้ว ถ้าหากเมืองนี้ยังมีแต่ ความอาฆาต นะ”
“ตามใจ แต่ฉันขอเตือนนายไว้หน่อยนะว่า ระวังจะโดนออกหมายจับโดยไม่รู้ตัว ลืมไปแล้วเหรอว่าต่อให้ตำรวจหรือคนที่เราเชือดนั่นไม่รู้ไม่หน้าเรา แต่ไอ่พวก HRG นั่นมันไม่เหมือนกันหากให้มันสำรวจบ่อยๆเข้า ชื่อนายได้ลอยไปติดอยู่บนใบประกาศจับแน่ อย่าลืมว่าพวกที่ใช้ธาตุได้ยังมีอีกเพียบเผลอเมื่อไหร่นายไม่รอดชัวร์”ลอยด์ถอดรองเท้าก่อนที่จะเก็บเข้ากับชั้นวางก็ต้องมุ่ยหน้าเมื่อเจอบ่นต่อเทกสอง
“ฉันรู้แล้วน่า ก็ระวังอยู่ทุกวัน”จึงได้ตอบปัดๆไป
“อย่าเหลิงมันให้มากนักก็แล้วกัน เดี๋ยวหัวไม่อยู่บนบ่าจะรู้สึก”
………………………………………………………………………………….
แต่แล้ววันต่อมาก็เจอเรื่องที่ไม่อยากจะเชื่อ
ช่วงเช้าเป็นเวลาที่ลอยด์จะเดินเข้าไปในเมืองตามปกติเพื่อที่จะซื้อขนมปังมากินเป็นข้าวเช้าสายบ่ายเย็น ขณะที่เดินผ่านกำแพงตึกหนึ่งในเมืองสายตาก็ได้ปะกับใบประกาศจับ ก็ต้องเดินเข้าไปดูใกล้ๆ...
“นี่มัน..”ถึงจะไม่มีรูปติดเอาไว้แต่จากการบรรยายลักษณะว่า เด็กชายสูงประมาณ155-160 ผมสีน้ำเงินยาวระต้นคอเป้นประกาย ดวงตาสีน้ำเงินเหมือนท้องทะเล รูปร่างผอมบางผิวขาวชอบใส่ชุดไปรเวทแบบ... มันเขียนทอดยาวลงไปถึงคุณลักษณะที่สามารถมองเห็นได้ภายนอกแต่มันคงจะรู้ละเอียดชี้ชัดไปหน่อยมั้ง มันบ่งบอกถึงเขาชัดๆเลย
ชี้ช้ำกะหล่ำปลี(?) ลอยด์ยืนนิ่งมองใบประกาศจับอยู่พักหนึ่ง หูก็แว่วได้ยินเสียง
“เฮ้ย..ใช่คนนั้นมั้ยวะที่ติดบนประกาศจับน่ะ”
“น่าจะใช่ว่ะ ค่าหัวตั้ง3แสนดีพีด้วย แต่ดูยังไงก็แค่ไอ่อ่อนนี่หว่า”
ว่าใครอ่อนกันไม่ทราบ..เสียงนิ่งเย็นเยียบดังขึ้นในหัวสมอง ทั่วไปแล้วประกาศจับนี้ก็มีเอี่ยวเกี่ยวข้องกันคนธรรมดาเป็นส่วนใหญ่ มันก็เหมือนประกาศจับทั่วไปเหมือนโจรขโมยรถนั่นแหละ ไอ่ปากเน่าๆของแกเดี๋ยวจะทำให้ง่อยเดี๋ยวนี้แหละ.. เมื่อคิดได้ดังนั้นลอยด์ก็หมุนตัวกลับไปมองตามเสียง
ซวยเห็ดผุด
จากที่คิดว่ามันมีกันอยู่สองคนตามเสียง ที่ไหนได้ดันมีกันเป็นสิบ ไม่ใช่ว่ากลัวแต่เป็นเพราะไม่อยากจะมีเรื่องโดยไม่จำเป็นทีล่ะมากๆ ถ้าไปก่อเรื่องใหญ่โตจนถึงหูหัวท่านเมื่อไหร่คงจะได้มีเฮเป็นแน่แท้เชียว ความคิดหลังจากนี้น่ะเหรอ...
‘ก็วิ่งน่ะสิ!!!’
สองเท้าติดสปีดถีบตัวออกไปอย่างรวดเร็ว เวลาคนเราทำอ่ะไรผิดพลาดหรืออยากจะหนีหน้าใคร มันก็ต้องวิ่งไว้ก่อนพ่อสอนไว้ถ้าไม่วิ่งคงจะได้เกิดการฆาตกรหมู่โดยไม่มีเหตุผลขึ้นมาก็ได้ แล้วพ่อที่ว่ามันไม่ได้หมายถึงพ่อของลอยด์หรอก แต่มันหมายถึงความเป็น พ่อพระ ที่ลอยด์พอจะมีอยู่เท่านั้นเอง!
“มันหนีไปแล้ว ตามเร็ว!!”จะตามมาทำไม? ตามมานั่นแหละจะทำให้พวกแกไม่รอดน่ะแล้วก็อย่างว่าอ่ะนะ พวกนั้นต่างก็ยกโขยงวิ่งกันมาเป็นโขลงเพื่อตามล่าเขาเลยทีเดียว ไม่นึกเลยว่าที่เมมิลได้แช่งไปหยกๆมันจะสำฤทธิผลเร็วขนาดนี้
สงสัยกลับไปจะได้ตบรางวัลการแช่งให้เมมิลงามๆซะแล้ว
.......................................................................................
ลองเอามาทดสอบลงดู มันก็เป็นฟิคออริ..เรื่องที่เท่าไหร่จำไม่ได้
แต่ส่วนมากเนื้อพล๊อตถูกเอาไปรวมกันดิจิมอนเรียบร้อยแล้ว =[]=''
บอกไว้ก่อนนะเห้ยว่าธาตุไม่เหมือนดิจิทั้งหมดนะ!!
ความคิดเห็น