คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 5 : Broken (แตกหัก)
…………………………………………………………………..
“เด็กผู้ถูกเลือก?” เสียงของ ยางามิ ไทจิ ชายผมสีนำตาลเข้มหน้าตาสะสวย พูดด้วยความฉงน
“ใช่ พวกเราเป็นเด็กผู้ถูกเลือกเมื่อ 3 ปีก่อน”อิซึมิพยักหน้ารับ
“ 3 ปีก่อน ชั้นไม่เห็นจำได้เลยว่า มีคนอื่นนอกจากพวกเราด้วย!” ไทจิ กำลังไม่เข้าใจในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า เมื่อ 3 ปีก่อนเขามั่นใจว่า มีแค่พวกเขา 8 คนเท่านั้น (ไม่นับตัวละครเสริม)
“โลกดิจิตอลที่พวกนายไป ใช่ที่เดียวกับพวกเรารึเปล่า” ทาเคโนอุจิ โซระ สาวน้อยผมสีส้ม ถามด้วยความสงสัยเช่นเดียวกัน
“อืม... พวกเราก็ตอบไม่ได้” อิซึมิพูดด้วยนำเสียงเศร้าๆ
ต๊อก ๆ ๆ
“เดี๋ยวก่อนครับไทจิซัง” เสียงของอิซึมิ โคจิโร่ เด็กชายท่าทางฉลาดหลักแหลมผมสีแดง ดังขึ้นขัด เขาโยกตัวเข้ามาในวงสนทนา เลื่อนโน้ตบุ๊คของเขาไปกลางวง แล้วชี้ให้ดูภาพในจอ
“ดูจากเหตูการณ์ที่เล่ามาหลายๆเรื่อง ซึ่งผมก็ตรวจสอบดูหลายๆอย่างแล้ว..”เขาพูดไปพลางก็ทำท่าครุ่นคิด
“ผมจึงตรวจดูจากดิจิไวท์ ของพวกเขาทั้งหมด ผลปรากฏว่า เป็นที่ที่เดียวกันครับ” โคจิโร่ กดเปลี่ยนข้อมูลของโลกดิจิตอล ให้มารวมกัน พบว่ามันเข้ากันเป๊ะ
“แล้วทำไมเราถึงไม่เจอพวกเขาละ” อิชิดะ ยามาโตะ ชายผมทองผู้เป็นพี่ของทาเครุ นักร้องเสียงใส ถามกลับ
“อืม..จะบอกว่ายังไงดีนะครับ”
“ประมาณว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกดิจิตอลเวิรล์เมื่อ 3 ปีก่อน มีโลกดิจิตอลซึ่งเป็นโลกคู่ขนาน 2 โลกครับ”โคจิโร่อธิบาย แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครเข้าใจ
“หมายความว่าโลกติจิตอลมี 2 ใบงั้นเหรอ”ทาจิคาวะ มีมี่ สาวน้อยผมสีชมพูใส่ชุดทันสมัย ว่า
“เอ่อ..มีใบเดียวครับ”โคจิโร่ยกมือขึ้นเกาหัว
“แล้วตกลงมันยังไงล่ะ?”คิโดะ โจ รุ่นพี่ที่แก่ที่สุดในวงสนทนา...เอ่อมีจุนเปย์อีกคนนี่!
“ก็นั่นแหละครับ มีใบเดียว แต่ด้วยเหตุการณ์ที่ปั่นป่วนในช่วง 3 ปีก่อน ทำให้โลกดิจิตอลเหมือนแยกกันออกไปอยู่ 2 มิติ ซึ่งแยกด้วยพวกที่ศรัทธารู้จัก สิบ นักรบในตำนาน และโลกที่สงบสุข”
“โลกที่สงบสุข ที่ที่เราไปมันสงบตรงไหนกันล่ะ”ไทจิยังคงไม่รู้เรื่อง
“เอ..ความจริงที่เราไปก็เพราะมันไม่สงบนั่นแหละครับ จากที่โลกจิตอลเวิร์ลแยกออกเป็น 2 มิติเพราะความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นจาก 10 นักรบในตำนาน แต่แล้วการแยกมิติออกเป็นสอง ซึ่งก็คือแบ่งดิจิมอนออกมาด้วย “โคจิโร่กดเน้นลงไปบนพื้นดิจิตอลเวิร์ลในแผนที่
“แต่การแบ่งแยกนั้นก็ไม่ได้ทำให้ส่งผลสำเร็จ 100% ยังคงมีดิจิมอนชั่วร้ายบางส่วนหลงเหลืออยู่ในโลกที่คิดว่าสงบสุขแล้ว แต่ความจริงยังมีอีกมากมายนั่นก็คือดิจิมอนที่พวกเราผ่านมา ทั้งนี้ก็มาจากเรื่องในสมัยก่อนที่คุณเก็นไนได้เล่าไว้” ไทจิ โซระ มีมี่ โจ ยามาโตะ ฮิคาริ มิยาโกะ เคน ไดสุเกะ อิโอริ พยักหน้าร้องอ้อเข้าใจในความหมาย แต่พวก 04 รึจะเข้าใจ ก็พวกเขาไม่เคยพบคนที่ชื่อเก็นไนนี่
“เก็นไนนี่ใครเหรอ” ทาคุยะรีบถามเพื่อไม่ให้ค้างคา พวกเขาก็พยักหน้าอยากรู้ด้วย
“อ่าว .. พวกคุณไม่ได้ถูกคุณเก็นไนเรียกตัวไปเหรอ”โคจิโร่เบิกตากว้าง
“อื้ม คนที่เรียกพวกชั้นไปน่ะคือ โอฟานีมอน เทพผู้พิทักษ์โลกดิจิตอลน่ะ”โคจิพูดไปมือก็เอื้อมไปหยิบแก้วน้ำชาขึ้นมาดื่ม
“โอฟานีมอน..”โคจิโร่พึมพำ
“โลกดิจิตอลนี่ซับซ้อนวุ่นวายกว่าที่คิดนะ”ไทจิเอียงคอแล้วเอียงคนอีก จนไม่รู้จะเอียงยังไง สุดท้ายก้นที่นั่งอยู่บนท่อก็ไถลร่วงลงมา
ไทจิร่วงลงมาจากท่อ หลับตาปี๋ก่อนท่องพุธโธในใจให้ก้นไม่แหลกตอนกระแทกพื้น ปากก็แผดเสียงซะหมดสภาพ ทุกคนก็รีบหันมามอง
“แว๊กก อุ้บ!”เป็นสวรรค์ของไทจิ ที่ยามาโตะรีบกระโจนเข้ามารับก่อนที่จะร่วงกระแทกพื้นสมใจแต่สงสัยจะรีบไปนิดหนึ่งทำให้ล้มตึงไปอีกรอบหลังการรับเจ้าตัวยุ่ง
“โครม”
ตาไทจิหมุนเป็นอมยิ้มลอลลี่ป๊อป มองคนตรงหน้าเบลอๆ พอเริ่มเห็นก็กอดหมับเข้าให้ สร้างความตกใจให้คนรอบข้างและคนโดนกอดไปพักนึง
“ไทจิ..กลัวก็ไม่ว่า แต่ปล่อยก่อนได้ไหม..”ยามาโตะพูดเสียงนุ่ม ไทจิที่เพิ่งรู้ว่าทำอ่ะไรลงไปก็รีบคลายมือออกแล้วลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งยังทำหน้าแดงฉานให้ชาวบ้านเค้าได้เห็น เรียกเสียงหัวเราะได้เป้นอย่างดี
แต่แล้วก็มีอยู่ 2 คนที่ไม่หัวเราะไปกับเขา แต่หากกลับได้แต่ทำหน้าเศร้า ไดสุเกะมองไทจิด้วยสายตาที่บอกอารมณ์ไม่ได้ ดวงตาติดๆจะแดงๆ ส่วนทาเครุซึ่งมองไดสุเกะอยู่ ก็หรี่ตาลง ดวงตาขุ่นมัว ก่อนจะเบนหน้าหนีแล้วถอนหายใจ
ปัปๆ
“เคน..”ไดสุเกะหันไปทางมือที่มาตบที่ไหล่ของเขา เคนยิ้มแล้วลูบไหล่ไดสุเกะอีก2-3ที เป็นเชิงว่าไม่เป็นไรนะ
“อื้มไม่เป็นไรหรอก...”ไดสุเกะก้มหน้าลงอย่างผิดหวัง ทาเครุเมื่อเห็นเคนเข้าไปช่วยก็ทำสีหน้าเจ็บปวดและคิดว่าตัวเองช่างงี่เง่านัก
“พี่คะ แล้วจะทำยังไงต่อ”ฮิคาริเอ่ยปากถามผู้เป็นพี่ชาย
ไทจิทำหน้าเหมือนกินบ๊วยทั้งก้อน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหน้าอมมะขามเปรี้ยว
“วันนี้ผมว่า มันก็ค่ำแล้วนะ เรากลับบ้านกันก่อน แล้วค่อยมาเจอกันอีกทีดีไหม?”โคจิโร่เสนอความคิด ทุกคนเริ่มมองไปรอบๆตัว หลังจากที่พวกเขาคุยกันมันน่าขนาดนี้เชียวเหรอ โคอิจิยกนาฬิกาขึ้นมาดูก็พบว่า ปาไปทุ่มกว่าเสียแล้ว แถมบรรยากาศรอบตัวก็มีเพียงไฟในสนามนี้ที่ให้ความสว่างและ ไฟรอบถนน
“อืม..ก็ว่างั้นนะ”ทาคุยะยกมือขึ้นปัดแมลงที่บินผ่าน
“งั้นขอชื่อที่ ที่อยู่..”ไทจิ พูดกลับทาคุยะพลางล้วงหาเศษกระดาษในกระเป๋า
“แล้วก็ขนาดอกเอวสะโพกด้วยนะ^^”ไทจิพูดจบก็ยื่นกระดาษให้ทาคุยะ
“อืม.. ห้ะ...” ทาคุยะทำท่าจะเขียนก่อนทวนคำพูดของไทจิอีกทีแล้วร้องเสียงหลง ไทจิเมื่อเห็นดังนั้นก็หลุดขำออกมาก๊ากใหญ่
“โอ้ยแกล้งคนนี่มันสนุกดีจริงๆ”ทาคุยะอยากรู้ว่าตัวเองโดยแกล้งเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว แต่คนตรงหน้าเขาก็คงไม่ได้จะเอาจริง จะให้ว่าดูจากส่วนสูงแล้ว ก็ไม่ต่างจากเขาไปซักเท่าไหร่ เพียงแต่ไทจิดูสูงกว่าทาคุยะเล็กน้อย ถ้าดูรวมๆกับนิสัยและหน้าตาก้น่ารักไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว
“ไทจิ อย่าแกล้งเค้าซิ”ยามาโตะตีแขนไทจิเบาๆ เจ้าตัวดีก็หัวเราะก๊ากไม่อายใคร
ระหว่างที่ทาคุยะกำลังเขียนชื่อ เบอร์โทรและนาๆลงไปในกระดาษ คนในกลุ่มสนทนาก็เริ่มกลับกันไปแล้ว โดยที่มีมี่รีบวิ่งกลับไปก่อนเพราะบอกว่า ป๊ากับม๊าจะห่วง โซระเองก็บอกว่าต้องจัดดอกไม้ให้แขก อิซึมิก็บอกว่าจะโชว์ชุดให้พ่อแม่ดู โดยจุนเปย์ก็ตามไป โทโมคิก็กลับไปหาพี่ชาย
“งั้นผมไปก่อนนะครับ”โคจิโร่ปิดโน้ตบุ๊คลุกขึ้นลา ก่อนค่อยๆเดินจากไป อิโอริบอกว่าเดี๋ยวต้องซ้อมเคนโด้ด้วยจึงรีบกลับไปกับมิยาโกะ เคนพูดว่าจะกลับไปกินกับข้าวฝีมือแม่พร้อมครอบครัวแล้ววิ่งออกไป โจต้องไปคืนหนังสือแพทย์ก็กลับไปเช่นกัน
ตอนนี้ก็เหลือ ยามาโตะ ไทจิ ทาเครุ ไดสุเกะ ฮิคาริ ทาคุยะ โคจิ โคอิจิ
แปะๆ
“อ่าวฝนตก”ไทจิเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าก่อนจะ
ซ่าาาาาา...
ฝนเม็ดเบ้อเริ่มร่วงลงใส่เต็มหน้าของไทจิ เล่นเอาลงมาสำลักแทบไม่ทัน
“ชั้นไม่ได้เอาร่มแค่กๆ มาด้วยนะเฟ้ย อุ่กค่อก แง่ง!”ไทจิพูดไปสำลักไป ด่าว่าเทพเจ้าสายฟ้าให้โกรธแล้วฟ้าผ่าเล่น แต่ท่าทางน่ารักแบบนั้นเทพเขาคงไม่โกรธ55+
“ชั้นมีร่มน่ะ”ยามาโตะรีบหยิบร่มในกระเป๋าออกมากางแล้วเดินไปหาไทจิที่ยังด่าท้องฟ้าอยู่
“ด่าแบบนั้นเดี๋ยวฟ้าก็ผ่าหัวหรอก”
เปรี้ยง!!!!!!
ฟ้าฝ่าห่างออกไปในระยะ
“เอ่อ...ชั้นว่ารีบกลับเหอะ”ยามาโตะพูดเร่ง ไทจิเองก้รีบยัดของเข้ากระเป๋า แล้วกระโดดไปประจำตำแหน่งข้างๆตัวยามาโตะแล้วกอดหมับเข้าที่แขน
“ทาเครุ..กลับเองได้ใช่มั้ย” ยามาโตะรีบหันไปพูดกับทาเครุ ทาเครุพยักหน้า
“อ่าวแล้วไดสุเกะคุงไปไหนแล้วล่ะ”ฮิคาริถามหลังมองไปรอบก็ไม่พบไดสุเกะเสียแล้ว
ไทจิ ยามาโตะ ทาเครุจึงมองไปรอบๆ ไม่เห็นไดสุเกะจริงๆด้วย
“เอ่อพวกชั้นขอกลับก่อนนะ” ทาคุยะพูดแทรก ทั้ง 3 คนดูอนาถแบบแปลกๆ ร่มคันเดียวของโคจิใช้กัน 3 คน แต่ยังดีที่เป็นร่มใหญ่ พออยู่ 4 คนสบายๆ
“อื้ม โชคดีนะ” ไทจิโบกมือลา ทุกคนก็ยกมือให้
“แปลกจัง เมื่อตะกี้ยังยืนอยู่อยู่เลย”ฮิคาริยกมือขึ้นลูบหน้าอย่างกังวล
“อ่าว..เห็นไดสุเกะบอกว่าวันนี้ลืมพกร่มนี่”ไทจิพูดพลางขมวดคิ้ว..ไวกว่าความคิด ทาเครุก็วิ่งออกเลี้ยวไปทางบ้านไดสุเกะแล้ว
“อ่าวทาเครุ!”ยามาโตะตะโกนไล่หลังมา แต่ทาเครุไม่สนใจเสียงเรียกนั่น เขายังคงวิ่งต่อไป
…
“เฮ้อ...”
“ทำไมชั้นถึงได้ขี้ขลาดแบบนี้นะ..”ไดสุเกะซึ่งวิ่งออกมาตั้งแต่ฝนเริ่มตก แล้วมานั่งตรงสวนสาธารณะระหว่างทางกลับบ้าน
“แล้วนี่ชั้นมานั่งตากฝนแบบนี้ทำไม..”เขาบ่นพึมพำราวกับว่าไม่ใช่ตัวของตัวเอง
“น่าขำจริงๆ..ฮึก..”เสียงสะอื้นหลุดลอดออกมาโดยที่เจ้าตัวพยายามกลั้นเอาไว้ ก่อนยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลลงมา
แซร่กๆ
เฮือก เสียงใบไม้ที่เสียดสีกันทำเอาไดสุเกะสะดุ้งตัวขึ้นหันไปมองพุ่มไม้ที่กำลังเคลื่อนไหว
ฟึ่บ
“ทา..เค..รุ..?”ไดสุเกะเรียกชื่อคนตรงหน้าด้วยความยากลำบากจากการสะอื้น
“ไดสุเกะ...”ทาเครุเรียกชื่อไดสุเกะด้วยเสียงที่แผ่วเบา คนตรงหน้าเขาที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ไม้ยาวไม่เหลือความเข้มแข็งในวันที่ไปยังดิจิตอลเวิร์ลอีกแล้ว
ทาเครุเดินไปข้างๆไดสุเกะ นั่งลงอีกฝั่งของเก้าอี้แต่มือยังคงถือร่มไว้อยู่
“อ่ะไรล่ะ..จะมาหัวเราะรึไง”ไดสุเกะพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ ก้มหน้าลงสกัดกั้นก้อนสะอื้นที่ไหลระรอกเข้ามาทำร้ายจิตใจ
“ฉันเปล่า...”ทาเครุพูดตอบเบาๆ
“แล้ว..อึก..มาทำไม”ไดสุเกะหันไปมองคนที่นั่งอีกฟาก ใบหน้าเปื้อนน้ำตาที่เปียกโชกก็เผยให้คนตรงหน้าได้เห็น แต่เจ้าตัวไม่สนใจ
“มาตามหานาย..”ทาเครุเจ็บ.. เขาไม่อยากที่จะเห็นคนตรงหน้าร้องไห้ มันทำให้เขาพลอยเศร้าไปด้วย แถมสาเหตุที่คนตรงหน้าร้องนั่นก็..
“อย่างนายเนี่ยนะ ฮึๆ ไม่อยากจะเชื่อเลย”ไดสุเกะพูดน้ำเสียงขื่นๆ ยกยิ้มเยาะที่มุมปาก
“นายร้องไห้ทำไม..”ทาเครุถามเสียงเรียบ
“หึชั้นไม่ได้อึก..ร้องสักหน่อยฮึกๆ..”เจ้าตัวยังคงปากแข็งไม่ยอมรับความจริงทั้งที่มือยังคงปาดน้ำตา
“โกหก...”ทาเครุว่า
“ฮึ ถ้าเป็นนายคิดว่าชั้นร้องทำไมล่ะ”เจ้าตัวดีต่อให้ร้องไห้ก็ยังคงกวนประสาทไม่เลิก แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ทาเครุจะมาหาเรื่องทะเลาะด้วย คนตรงหน้ากำลังเสียใจ
“ฉันว่านาย...ชอบพี่ไทจิซินะ”คำพูดของทาเครุเรียกก้อนสะอื้นก้อนใหญ่ของไดสุเกะได้เป็นอย่างดี ความเข้มแข็งที่สั่งสมมา และ กำแพงที่สร้างขึ้นมากั้นขวางใจ พังทลายลง ไดสุเกะทรุดหน้าลงซบกับฝ่ามือร้องไห้ออกมาไม่หยุด
ทาเครุพยายามเขยิบเข้าไปนั่งข้างๆไดสุเกะ เมื่ออยู่ใกล้ในระยะนึง ก็ยื่นร่มเข้ามาให้ไดสุเกะ
“….”ทาเครุไม่รุ้จะพูดอ่ะไร เขาคิดว่าควรจะให้เจ้าตัวอยุ่เงียบๆมากกว่า
...
...
เป็นเวลาหลายนาที กว่าไดสุเกะจะร้องไห้เบาลงจนเงยหน้าขึ้นมา
“นายไม่ต้องมา...สนใจ...ชั้น..หรอก”ไดสุเกะค่อยๆทะลักคำพูดออกมาทีละคำ
“ไม่ได้หรอก..”ทาเครุยกมือขึ้นสัมผัสไหล่ของไดสุเกะเบาๆเป็นแรงปลอบโยน
“ฮึก..”ไดสุเกะ เริ่มจะร้องไห้อีกครั้ง
ความคิดชั่ววูบที่ทาเครุเห็นไดสุเกะเริ่มจะร้องไห้ต่อทำให้เขาพลั้งปากออกไปตามใจคิด
“ฉันว่า..นายเลิกชอบพี่ไทจิเค้าเหอะ” ด้วยความที่ทาเครุอยากให้ไดสุเกะเลิกจมอยู่กับความเสียใจที่แก้ไขไม่ได้ทำให้ทาเครุไม่รู้ตัวว่าได้พูดคำที่ผิดร้ายแรงออกไป
ก่อนที่เจ้าตัวจะรู้ตัว.. ทาเครุเบิกตากว้างมองคนตรงหน้า มือค่อยๆหลุดเลื่อนออก
ตาของคนตรงหน้าอย่างคนไร้วิญญาณหลังได้ยินคำพูด ขอบตาแดงเกิดจากการร้องไห้ ทั้งเนื้อตัวยังเปียกปอนไปหมด ริมฝีปากก็ซีดและสั่นน้อยๆ
ไดสุเกะผละตัวไปข้างหลังเล็กน้อย ทาเครุยื่นมือออกไป..
“เพี๊ยะ!!”
...
“อย่ามาแตะ...” ไดสุเกะปัดมือของทาเครุออกไปก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
“ชั้น..”ทาเครุอยากจะพูด
“ใช่! นายไม่ใช่ชั้นนี่!”ไดสุเกะลุกจากเก้าอี้ ถอยห่างออกไปแล้วพูดด้วยเสียงที่ดังขึ้น
“ไม่นะ”
“นายไม่เข้าใจอ่ะไรเลย!!!!”ไดสุเกะตะโกนสุดเสียง ก่อนจะหันหลังแล้ววิ่งจากไป
ทิ้งให้ ทาเครุ นั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่เหลียวกลับมามอง...
“...”ทาเครุที่นั่งอยู่ทามกลางสายฝน อึ้งจนไม่สามารถจะขยับตัวได้
“...นี่...ฉันทำอ่ะไรลงไป...” ทาเครุเอื้อนคำพูดที่ติดปาก ก่อนที่น้ำตาที่คลออยู่ขอบตาจะไหลลงมา
ขนาดคนที่ตัวเองรักเขายังดูแลไม่ได้
ทำไมเขาบ้าแบบนี้...
รู้สึก..เจ็บที่ใจ
............................................................................
แก้ตัวหนังสือ
ความคิดเห็น