คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3: วันที่เธอโทรมา
ตอนที่ 3 : วันที่เธอโทรมา
หลังจากวันที่เอกกลับบ้านที่ต่างจังหวัดไปได้สามวันแล้ว เบสยังอยู่ที่หอพักของมหาวิทยาลัยอีกสักพักเพราะเขาเป็นสต๊าฟยังต้องเตรียมงานรับน้องปีหนึ่งที่จะจัดขึ้นในอีกไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้าบวกกับที่เอกฝากให้เขาไปรับผลสอบแทนตัวเองที่ต้องกลับไปช่วยที่บ้านขายของในต่างจังหวัดเลยไม่สามรถกลับมากรุงเทพเพื่อเพียงแค่มาหยิบสมุดพกไปเฉยๆ สามวันที่ผ่านมาเอกก็โทรมาหาเขาบ้างในช่วงเย็นๆที่พวกเขาว่างทั้งคู่ เพราะนอกจากเอกต้องทำงานที่บ้านแล้วเขายังต้องรับผิดชอบความต้องการของแฟนคลับนับแสนที่กำลังรอคลิปของเขาอยู่ด้วย
“ดั่ม ดาดัม ดาดัม ดั้ม ดิ่ม ….” เสียงเรียกจากโทรศัพท์มือถือของเบสดังขึ้น
เบสลุกขึ้นมาจากเตียงด้วยความสะลึมสะลือของคนที่ถูกปลุกขึ้นกลางดึก
’11:32 PM’ นาฬิกาดิจิตอลขนาดย่อมบนหัวเตียงบ่งบอกถึงมารยาทของคนที่โทรมาเวลานี้จริงๆ มันทำให้คนที่ถูกปลุกรู้ในทันทีว่าใครโทรมาโดยไม่ต้องมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือ
“ไอเอก มึงจะโทรมาทำไมตอนนี้ว้า คนจะหลับจะนอน”
ถึงปากจะบ่นไปแบบนั้นแต่เขาก็รับสาย ความจริงถ้าไม่อยากคุยก็แค่ตัดสายแล้วปิดเครื่องไปเท่านั้นก็ไม่โดนกวนแล้ว มันทำให้คนที่รู้ว่าเพื่อนของเขานั้นจริงๆแล้วใส่ใจในตัวเขาแค่ไหน
“แหม่... ถ้าไม่อยากรับก็แค่ตัดสายแล้วปิดเครื่องทิ้งสิครับ จะรับให้เสียเวลานอนทำไม”
เอกตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงของคนที่ตื่นเต็มที่ ถ้าไม่บอกจากนาฬิกาคงคิดว่าเป็นเสียงของคนที่โทรมาตอนเที่ยงแหงๆ
“ไม่อะ กูเป็นคนดีมีมารยาทไม่ตัดสายชาวบ้านทิ้ง”
เบสพูดกวนเพื่อกลบความเขินที่คนที่อยู่ปลายสายสัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่เขามีให้ ถึงแม้จะตอบรับด้วยการย้อนก็เหอะ
“แล้วตกลงที่โทรมาตอนนี้เนี่ย มึงมีเรื่องอะไรจะคุยกับกูป่านนี้ฮะ”
เขาขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงเรื่องไร้สาระต่อแล้วจึงวกเข้าประเด็นหลักเลย
“คือ….กูอยากเคสเกมกับมึงอะ มึงพอว่างปล่าววะ แฟนคลับนี่เรียกร้องมึงมากอะ กุก็เลยจะจัดให้สักดอก”
“แล้วมึงจะให้กูเล่นเกมอะไรวะ”
“เกม Devine Warriors เป็นไง เกมนี้เขาผู้สนับสนุนกูอยู่ ให้เชิญชวนแฟนคลับมาปั๊มเวลชิงเสื้อลิมิเต็ดอิดิชันของกู
“เสื้อลิมิต่งลิมิเต็ดอะไรของมึงวะ กูไม่เห็นเคยได้ยินเลย”
“ก็เสื้อลาย ฮรก.ไง อยากได้อะเด้”
“ใครอยากได้ ไม่เห็นจะอยากได้เลย”
“เออๆ สรุปมึงมาเล่นกับกูได้ปะ พรุ่งนี้วันอาทิตย์แล้วนี่มึงน่าจะว่าง”
“เออๆๆ ว่างๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้มึงอย่าผิดนัดละ เจอกันตอนกี่โมงละ”
“พรุ่งนี้มึงก็ออนสไกป์สักตอนสิบโมงละกัน มึงน่าจะตื่นมากพอที่จะเจียดเวลาสักพักมาเล่นกับกูได้”
“เอ่อๆๆ แล้วเจอกัน แค่นี้นะกูจะนอนแล้ว”
“เฮ้ยยย อย่าเพิ่งวางๆ”
“อะไรอีกวะ”
น้ำเสียงของเบสเริ่มเหมือนคนที่ตื่นนอนเต็มที่แล้ว เอกจึงประเมินได้ว่าตอนนี้เพื่อนสนิทของเขาคงจะตื่นสนิทแล้ว
“กูเดาว่าตอนนี้มึงคงจะตื่นแล้วละ ใช่ไม้”
“ใช่ ตอนนี้มึงทำกูที่ควรจะได้นอนสบายๆไปแล้วตื่นสนิทจิตแจ่มใสเลยละ" เบสตอบด้วยน้ำเสียงประชดประชันเล็กๆ
“คุยต่อได้เปล่าวะ” เอกถามด้วยน้ำเสียงเกรงๆนิดๆเพราะเขาไม่แน่ใจว่าคนที่ปลายสายจะอยากนอนหรือขี้เกียจนอนแล้ว
“คุยต่อเลย ตื่นสนิทแล้วขี้เกียจนอนแล้วว่ะ” เบสตอบหลับมาเหมือนไม่ใส่ใจ แต่ความจริงแล้วใจของเขาหน่ะอยากจะคุยกับเอกต่อไปเรื่อยๆ เพราะไม่รู้ทำไมเหมือนกันถึงรู้สึกว่าเวลาได้คุยกันเวลามันจะผ่านไปเร็วและมีความสุขเสมอ
“คือ... ช่วงนี้มึงได้ดูคลิปของกูบ้างเปล่าวะ” เอกถามมาด้วยน้ำเสียงที่ดูอ่อนแรง
“ทำไมวะ ช่วงนี้คลิปมึงมันชอบหนีเที่ยวไปเดินช้อปปิ้งหรือไง”
“ช้อปปิ้งบ้านพี่คุณสิครับ คือ… ช่วงนี้อะ แฟนคลับกูเค้าทะเลาะกันเว่ย”
“ทะเลาะกันเรื่องอะไรวะ” เบสถามกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง รวมทั้งใจที่เป็นห่วงด้วย
“คือ เมื่อราวๆสามวันก่อนอะเว่ย กูหน่ะแคส outlast กับเรวี่อะ”
“แล้ว?”
“คือในเกมอะ กูเผลอปากหยอด จีบ เสี่ยวใส่เรวี่เค้าเยอะมากอะ จนคนเค้าคิดว่ากูกับเรวี่อะเป็นแฟนกันหมดเลยเว่ย แฟนคลับสาววายก็เลยเข้าไปถล่มเรวี่กัน แล้วพวกธรรมดาก็เชียร์กูกับเรวี่ให้คบกันแล้วด่าพวกสาววาย แมร่งก็เลยเกิดสงครามคีย์บอร์ดกันขนานใหญ่แล้วแบบ คือกูรู้สึกผิดกับเรวี่มากว่ะที่ทำให้เค้าต้องมาโดนสาววายแอนตี้”
เอกตอบกลับมาด้วยเสียงที่ดูเครียดอย่างเห็นได้ชัด มันทำให้เบสรับรู้ว่าความเป็นห่วงเป็นใยที่เพื่อนของเขามีให้เรวี่นั้นมีมากเป็นพิเศษ มันทำให้เขารู้สึกแน่นๆในใจบอกไม่ถูก มันคล้ายๆกับว่าเขาจะอิจฉาเรวี่ที่มีเอกมาเป็นห่วงเป็นใยยังไงอย่างนั้น
“มึงก็บอกแฟนคลับมึงไปสิว่าจริงๆแล้วมึงกับเรวี่ก็เป็นแฟนกัน พวกแฟนคลับสาววายจะได้เลิกจิ้นกูกับมึงสักที แล้ว….” แทนที่เขาจะช่วยแก้ปัญหา เขากลับประชดคนที่อยากได้กำลังใจและความช่วยเหลือขึ้นมาเสียอย่างนั้น มันทำให้เพื่อนของเขาที่ไม่คิดว่าจะได้ยินคำตอบแบบนี้รู้สึกผิดหวังในคำพูดของเขาขึ้นมา
ความจริงแล้วเขาไม่ได้อยากประชดออกไปแบบนั้น เพราะเขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ควรทำ แต่เบสก็เผลอพลั้งพูดข้อความประชดประชันตามใจอยากขึ้นมา มันทำให้เขารู้สึกอยากด่าตัวเองขึ้นมา
ทำไมเราถึงเห็นแก่ตัวแบบนี้
“นี่ที่ผมทำมาทั้งหมดคุณยังไม่เข้าใจอีกหรอ ว่ามันหมายความว่ายังไง” เอกตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
ทั้งๆที่ทำไปขนาดนี่ก็น่าจะรู้แล้วแท้ๆว่าเราสองคนควรอยู่ในสถานะไหน
ทั้งๆที่เราสองคนรักกัน
แต่ทำไมมึง ถึงได้พูดเหมือนจะผลักไสกูให้คนอื่น เหมือนไม่อยากได้กูมาครอบครองซะอย่างนั้น
“ถึงตอนนี้มึงยังไม่รู้อีกหรอ.. ว่ากูหน่ะรักมึงเหมือนกัน แล้วก็รักมึงในแบบที่มากกว่าเพื่อน ความรักอย่างที่กูไม่เคยมี จนถึงตอนนี้หน่ะมึงยังไม่เข้าใจอีกหรอว่ากูกับมึงหน่ะ ควรจะเป็นอะไรกัน”
"อะ...เอ่อ คือกู....."
ความรู้สึกงอนปนอิจฉาของเบสได้หายไป กลายเป็นความรู้สึกอีกแบบหนึ่งทันทีที่ได้ยินข้อความที่เอกสื่อมา
“ความจริงจะใช่ว่ากูจะไม่รู้นะเอก… ค..แค่กูยังไม่แน่ใจเท่านั้นเอง ว่าจริงๆแล้วมึงรู้สึกรักกูในแบบๆใหน ไม่รู้ว่ากูควรจะทำตัวยังไง แต่ตอนนี้กูว่ากูรู้แล้วละว่าจริงๆแล้วละว่ามึงคิดกับกูแบบไหน สรุปก็คือมึงกับกู….เป็น..แฟนกัน ชะ..ใช่ม้ะ”
คำพูดติดๆขัดๆของเบสทำให้เอกรู้สึกได้ถึงความประหม่าของคนที่เขากำลังคุยด้วยในทันใด
ในที่สุดความรู้สึกของเขาก็ส่งไปถึงให้เจ้าคนน่ารักคนนั้นรู้ตัวสักที
กว่าจะเขาใจได้ นี่นายทึ่มหรือว่านายแกล้งผมกันแน่
ช่างเหอะ อย่างน้อยตอนนี้แค่คนปลายสายเข้าใจเขาแล้ว
.....มันก็พอ
“ใช่ครับ ! แล้วก็รู้ไว้ด้วยว่าต่อไปนี้ห้ามโยนผมไปให้เป็นแฟนคนอื่นอีก ไม่งั้นจะลงโทษ”
“ลงโทษไงคับ”
“ลองทำดูสิเดี๋ยวก็รู้เอง”
“เอกวี่อิสเรียล” เบสทดสอบ
หึๆ ถือว่ากูเตือนแล้วนะเพื่อนเอ๋ย เอ้ย แฟนเอ๋ย
“กูเตือนมึงแล้วนะ กูสัญญาว่ากูจะไม่ผิดสัญญา เดี๋ยวอีกเดือนนึงกูกลับไปลงโทษมึงแน่”
“โอ้ยย มึงจะลงโทษยังไง มึงทำอะไรกูไม่ได้ร้อกก”
“เดี๋ยวมึงก็รู้ รอกูก่อนเดี๋ยวกลับไป เจอ !”
“โหๆๆๆ กลัว จุง กลั้ว กลัว” เบสตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงทะเล้น
“ก็ไม่รู้สินะ อย่าลืมพรุ่งนี้สิบโมงแล้วกัน ส่วนเรื่องลงโทษ…ขอให้รอคอยอย่างมีความสุขนะครับ เพราะไอที่ผมลงโทษหน่ะอาจจะทำให้คุณสุขจนสุกกันไปข้างนึงเลย”
“เออ กูจะรอให้มึงเอากูไปต้มอย่างมีความสุขแล้วกัน บ้ายบายย”
“บายครับฮันนี่”
“ฮันนี่บ้านพี่คุณสิครับ”
“ตื้ด ตื้ด ตื้ดๆๆๆๆ”
หึๆ อยากกลับไปลงโทษคุณ ‘แฟน’ เร็วๆจัง
แหม่ๆ อยากรู้จังว่าอย่างมึงจะลงโทษอะไรกูได้
To be continue
ตอนนี้ที่ไรต์บอกว่าจะดราม่า นี่คือแบบ เอ่ออออ ไรต์พยายามหาเรื่องวกเข้าดราม่าแง้ววววว T^T แต่ข้าน้อยมีความสามารถจะดราม่าได้เพียงเท่านี้ คือไม่กล้าแต่งดราม่าเยอะ แต่งเองเจ็บเอง 5555
ปล ตอนนี้ไรต์ตัดสินใจเรื่องระยะเวลาในการอัพแต่ละตอนและความยาวในแต่ละตอนได้แล้วนะคะ
คือ - ความยาวหนึ่งตอนจะยาวประมาณ สาม ถึง สี่ หน้ากระดาษในword โดยใช้ขนาดตัวอักษรเป็น 14 ฟ้อน cordia นะคะ
- ไรต์จะอัพอาทิตย์นึงประมาณสามตอนบวกลบค่ะ
เนื้อเรื่องในตอนต่อๆไป อยากให้คนอ่านทุกคนออกความคิดเห็นว่าอยากให้เรื่องดำเนินไปในแนวทางไหน ไรต์จะได้นำความเห็นของทุกคนไปประยุกต์ใช้ในการแต่งตอนต่อๆไปค่ะ
ด้วยรักรีดเดอร์และเอกเบส
ผักต้มสุก
ความคิดเห็น