ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {story} me in ❛ Sweden ❜

    ลำดับตอนที่ #5 : [ 5 . ] Let's go picking up berries with new host family l เก็บเบอร์รี่กับโฮสถาวร

    • อัปเดตล่าสุด 13 เม.ย. 57


    [ 5 . ] Let’s go picking up berries with new host family l เก็บเบอร์รี่กับโฮสแฟมิลี่ถาวร

     

                    และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่ต้องย้ายโฮสแฟมิลี่ค่ะ เราได้อยู่กับโฮสชั่วคราวประมาณหนึ่งอาทิตย์กว่าๆ ช่วงปลายเดือนสิงหาคมก็ได้โฮสถาวรแล้ว ความรู้สึกตอนนั้นคือไม่อยากย้ายเลยเพราะโฮสชั่วคราวเราน่ารักและใจดีมากอยู่กับเค้าแล้วเรามีความสุขดี แต่ถึงยังไงก็ต้องย้ายแบบเลี่ยงไม่ได้เลยได้แต่แอบเศร้านิดหน่อย ตอนเก็บของมัมก็เดินเข้ามาหาในห้องถามว่าโอเครึเปล่าแล้วก็เข้ามากอด เรายิ่งไม่อยากไปเลย TT ข้อมูลทั้งหมดของโฮสถาวรที่เรารู้คือเค้าอยู่เมืองอะไรซักอย่างระหว่างมัลเมอร์กับ Ystad (เมืองที่เราจะต้องไปเรียน) และมีลูกสาวสามคน นอกจากนั้นก็ไม่รู้อะไรแล้ว ในใจคือแอบไม่อยากได้น้องสาวเพราะเราเป็นคนไม่ชอบเด็กแล้วยิ่งเด็กผู้หญิงอีกคนปวดหัวน่าดู แอบหวังให้โฮสซิสอายุพอๆกันจะได้คุยกันรู้เรื่องหน่อย ตอนโฮสไปส่งที่บ้านโฮสถาวรเราก็อยากให้เวลาผ่านไปช้าๆ ไม่อยากให้ถึงบ้านเค้าเลย แต่ใช้เวลาแค่ประมาณสี่สิบนาทีจากมัลเมอร์ก็มาถึงบ้านแล้ว ตอนนั้นเราก็เริ่มตื่นเต้น โฮสมัมกับลูกสาวสี่คนก็เดินมาต้อนรับหน้าบ้าน คนเล็กชื่ออิลมาอายุ 8 ปี อีกสองคนเป็นฝาแฝดกันชื่ออัลวากับอีด้าอายุ 12 (อันนี้ตอนแรกไม่รู้ว่าเค้าเป็นฝาแฝดกันเพราะไม่เหมือนกันเลยซักนิด 555) บ้านใหญ่มากค่ะมีสองชั้น หลังบ้านมีสระว่ายน้ำด้วย เราเพิ่งรู้ตอนถึงบ้านเค้าว่าเมืองที่อยู่คือเมือง Skurup แต่บ้านไม่ได้อยู่ในตัวเมืองค่ะเค้าถึงมีบ้านหลังใหญ่ได้ ถ้าอยู่ในเมืองบ้านจะหลังเล็กกว่านี้ครึ่งต่อครึ่งเลย ตอนบอกลาโฮสชั่วคราวซาโลมอนดูจะโกรธเราเพราะไม่ยอมพูดกับเราเลยเดินหนีไปขึ้นรถซะงั้น T_T แต่สุดท้ายก็ลากันด้วยดีค่ะ มัมยกกระเป๋าเข้าไปในห้องนอนให้(ยกอีกแล้วค่ะ แข็งแรงกันทั้งประเทศ)

    นี่ห้องนอนของเราค่ะ อยู่ชั้นล่างเหมือนเดิมอยู่ถัดจากห้องครัวออกไป

     

     
     

    วิวรอบบ้านค่ะ บ้านฝั่งตรงข้ามเลี้ยงม้าด้วย 555 ได้อยู่นอกเมืองสมใจ เราชอบมากๆ เพราะธรรมชาติมาก เดินข้ามถนนข้างบ้านไปไม่ไกลเท่าไร่จะมีบ้านที่เลี้ยงแกะด้วย

    พอเดินดูบ้านเสร็จสิ่งที่ทำถัดจากนั้นก็คือ”เก็บเบอร์รี่”ค่ะ

    ขอโทษด้วยค่ะที่ไม่มีรูปที่ดูรู้เรื่องกว่านี้ T_T ต้นสีเขียวเข้มด้านหน้าที่อยูปนๆกับต้นหญ้าสีอ่อนนั่นแหล่ะค่ะต้นแบล็คเบอร์รี่

    เป็นเรื่องขึ้นชื่อมากเลยว่าถ้าใครมาสวีเดนต้องมาเก็บเบอร์รี่ป่าและเก็บเห็ด มัมกับโฮสซิสทั้งสามคนพาเดินไปที่ป่าแถวบ้าน ไม่เชิงเป็นป่าเท่าไหร่เหมือนจะเป็นสวนแบล็คเบอร์รี่มากกว่า และอย่างที่เคยเล่าให้ฟังค่ะว่าถ้าเป็นป่าที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของก็สามารถทำอะไรได้เลยโดยไม่ต้องขอ นี่ก็เหมือนกัน เพราะเป็นป่าที่ไม่มีเจ้าของทุกคนเลยสามารถมาเก็บเบอร์รี่ได้มากเท่าที่ต้องการ โฮสเราก็เก็บแบล็คเบอร์รี่ไปสามถังใหญ่ๆ(ถังพลาสติกทรงกลมสูงประมาณหนึ่งคืบ ความกว้างก็หนึ่งฝ่ามือ ไม่ใช่ถังน้ำใบใหญ่บ้านเรานะคะ 555) พอเก็บเสร็จก็กลับบ้านไปทำพายแบล็คเบอร์รี่เลยค่ะแล้วเอามาฟิก้ากัน โฮสเอา”ยูลมุสท์(Julmust)”มาให้ดื่ม เป็นน้ำอัดลมที่คนสวีดิชนิยมดื่มกันช่วงเทศกาลคริสมาสต์ค่ะ บอกได้แต่ว่ารสชาติแปลกๆ เหมือนยาน้ำซ่าๆ เราไม่ชอบเท่าไหร่ ตอนฟิก้าก็คุยกับโฮสบ้างนิดหน่อย รู้สึกอึดอัดมากเลยวันนั้น แต่ก็พยายามทำทุกอย่างให้ดูเป็นปกติ เราพูดแต่กับอิลมาเพราะอัลวากับอีด้าไม่พูดกับเราเลย มัมบอกว่าเค้าเขินซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าทำไม คนเขินควรเป็นเรานะ 5555 ฟิก้าเสร็จก็ขึ้นไปเล่นเกมส์ wii กับโฮสซิสชั้นบน ที่ยากกว่าเกมส์คือฟังโฮสซิสพูดไม่รู้เรื่อง 555 ทุกคนพยายามใช้ภาษามือแต่เราก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดี เค้าพูดภาษาอังกฤษได้แค่นิดเดียวเลยยากกว่าตอนอยู่บ้านโฮสชั่วคราว กว่าจะสื่อสารกันเข้าใจก็เกือบครึ่งชั่วโมง แถมฝีมือการเล่มมาริโอ้ของเรายังแย่สุดๆเลยเปลี่ยนไปเล่นเกมส์กระดานกันแทน บ้านนี้มีเกมส์กระดานเยอะมากค่ะ มากแบบมากๆ เค้ามีเก็บไว้ห้องนึงโดยเฉพาะเลย อันนี้ต้องอธิบายกติกาเล่นอีกเข้าใจยากไปอีก สองเกมส์แล้วเลิกเลยค่ะไม่มีใครสนุกแล้ว 5555 เลยไปนั่งดูทีวีกันเฉยๆ เรื่องทีวีเป็นเรื่องนึงที่แอบขัดใจเรา เพราะเค้าดูการ์ตูนดิสนีย์แชแนลกันทั้งวัน ข่าวสารอะไรไม่เคยดูเลย คนสวีดิชเค้าตามใจลูกมากค่ะจากที่เราเห็นมาและจากความเห็นของเพื่อนที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเหมือนกัน ลูกเค้าอยากทำอะไรก็ให้ทำอยากได้อะไรก็ซื้อให้ถึงมันจะไม่ใช่ของที่จำเป็นต้องมีก็ตาม มีเด็กอายุไม่ถึง 10 ปีหลายคนที่มีไอโฟนห้าใช้เพียงเพราะเจ้าตัวอยากได้ เลโอนาร์ดกับซาโลมอนมีแลปทอปคนละเครื่องเลยค่ะ เรื่องคนสวีดิชติดเทคโนโลยีนี่เป็นอะไรที่ทุกคนเห็นด้วยหมดเลยแม้แต่คนสวีดิชเอง ภาพที่ชินตามากคือทุกคนนั่งก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ เวลาว่างก็เล่นโทรศัพท์ ชวนเพื่อนมาบ้านก็เล่นโทรศัพท์ ฟิก้ากันก็เล่นโทรศัพท์ เรียกว่าติดโทรศัพท์ก็คงจะได้ เป็นปัญหาที่ทุกคนรู้ตัวแต่แก้ไม่ได้ซักที ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ว่าเล่นโทรศัพท์ทั้งวันไม่ทำอะไรอย่างอื่นนะคะ เค้ากิจกรรมเยอะกันทุกคน อัลวากับอิลมามีเรียนไอซ์สเก็ตยิ่งอิลมานี่เรียนทุกวันวันละสองชั่วโมง อีด้าก็มีเล่นกีฬาฟลอบอล (หรือ innebandy ในภาษาสวีดิช) ที่เราบอกว่าแยกอัลวากับอีด้าไม่ออกว่าเป็นฝาแฝดก็เพราะเค้าชอบอะไรที่ต่างกันสุดขั้วเลยนี่แหละค่ะ อีด้าจะชอบพวกกีฬา วีดีโอเกมส์(จริงๆอันนี้เด็กสวีดิชชอบทุกคน) ชอบอะไรที่ไม่หวานแหวว พวกกระโปรง สีชมพูอะไรแบบนี้คือไม่ชอบมากๆ ส่วนอัลวาจะชอบแฟชั่น ชอบแต่งตัว เล่นตุ๊กตา สีชมพูนี่รักเป็นชีวิตจิตใจ คือแตกต่างกันแบบสุดๆแค่สไตล์การแต่งตัวก็บอกได้แล้วว่าใครเป็นใคร

                มาถึงการเจอแด๊ดบ้าง แด๊ดกลับจากที่ทำงานที่มัลเมอร์ตอนเย็นๆค่ะ เค้าเดินเข้าบ้านมาแล้วจับมือทักทายเรา เราก็ทักตอบแบบงงๆเพราะนึกว่าเป็นแขกของมัม .__. วิธีทักทายของคนสวีดิชนี่ไม่มีอะไรแปลกค่ะ จับมือแล้วพูดชื่อตัวเองแค่นั้นจบ ถ้าสนิทกันก็กอด ไม่มีจุ๊บซ้ายขวาสองสามทีอะไรทั้งนั้น 555 พอแด๊ดกลับมาบ้านก็ได้เวลาอาหารเย็นพอดี จำได้ว่ามื้อแรกคือพิซซ่าโฮมเมด เค้าทำอาหารอร่อยมากเลยค่ะเรานี่มีความสุขมาก 55555 การพูดคุยบนโต๊ะอาหารราบรื่นกว่าตอนเล่นเกมส์มากเพราะทั้งแด๊ดทั้งมัมพูดภาษาอังกฤษดีมากถึงมากที่สุด มัมเคยไปอยู่อเมริกาปีนึง(แต่ไปทำงานค่ะไม่ได้ไปแลกเปลี่ยนแบบเรา)เลยได้ภาษามา แด๊ดนี่เรียนเอาจากการฟังเทป ดูหนังทั่วไป จริงๆเราก็เรียนเหมือนแด๊ดนะแต่สกิลภาษาอังกฤษช่างต่างกัน T__T เราคิดว่าส่วนหนึ่งเป็นที่ภาษาสวีดิชมีคำยืมจากภาษาอังกฤษเยอะ ไม่ใช่พวกคำแบบ football หรือ tv นะคะ เป็นศัพท์เช่น demonstration หรือ international พวกนั้น แต่จะออกเสียงต่างออกไปหรือบางคำก็สะกดคล้ายๆกันไม่ได้เหมือนเป๊ะ

                หมดเรื่องจะเขียนแล้วค่ะ หายไปหลายวันเลยเพราะยุ่งๆเรื่องที่โรงเรียน แต่อาทิตย์ต่อไปนี้เป็นวันหยุดเราก็คงได้ลงทุกวันแล้ว อยากลงให้ถึงเรื่องปัจจุบันเร็วๆจะแย่แล้วค่ะ 555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×