ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {infinite fic} ❝ babysitter - gyuwoo&myungyeol

    ลำดับตอนที่ #4 : ❝ babysitter : chapter 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 75
      0
      30 เม.ย. 57

    c h a p t e r 3 





    ตั้งแต่รู้จักกับคิมซองกยูชีวิตเขาก็เต็มไปด้วยความวุ่นวาย

    "ผมก็ลุ้นอยู่ตลอดเลยว่าใครจะเป็นพระเอกกันแน่ระหว่างเลวี่กับนิค แต่เลวี่ก็ดูเหมือนจะสนใจเรนอยู่ด้วย แต่ยังไงผมก็อยากให้เลวี่คู่กับแคทอยู่ดีล่ะนะ แล้ว...."

    เอาเถอะ อูฮยอนเริ่มปลงได้แล้วล่ะ 

    เขานั่งพิงกระจกรถกระบะสีเขียวแก่และพยักหน้าไปส่งๆขณะฟังจางดงอูเล่าเรื่องนิยายโรแมนติกที่เจ้าตัวกำลังติดหนึบหนับ ก็ไม่คิดเหมือนว่าจางดงอูเพื่อนคนตายด้านอย่างคิมซองกยูจะพูดมากต่างจากฝ่ายนั้นขนาดนี้ ตลอดทางที่นั่งรถมาชอนจูกันคุณจางดงอูนั่นก็พูดมาไม่หยุด จนตอนที่รถกระบะกลิ่นชวนคลื่นไส้เคลื่อนมาจอดหน้าไร่องุ่นที่มีบ้านหลังใหญ่ตั้งอยู่ลึกลงไปคุณดงอูก็ยังคงพูดแบบไม่เว้นวรรคหายใจ

    "คุณอูฮยอนต้องไปลองอ่านดูนะ เป็นนิยายที่ผมชอบที่สุดเท่าที่เคยอ่านมาเลย"

    อีกฝ่ายพูดด้วยรอยยิ้มขณะหยิบตุ๊กตาเป็ดสีเหลืองออกมาจากเบาะหลังส่งให้อูฮยอนถือ เขาได้แต่พยักหน้าส่งยิ้มไปให้เพราะนิยายโรแมนติกไม่ใช่อะไรที่เข้ากับเขานัก ถึงคุณดงอูจะพูดมากแค่ไหนแต่รอยยิ้มจริงใจที่ส่งมาให้เสมอก็ทำให้อีกฝ่ายดูเป็นมิตรมากกว่าคนขวางโลกบางคนนัก

    "ไปขับอ้อมโลกที่ไหนกันมาถึงได้มาช้าขนาดนี้"

    ตายยากจริงๆ

    อูฮยอนหุบยิ้มฉับพอได้ยินเสียงเรียบๆของผู้มาใหม่ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรนอกจากส่งสีหน้าหน่ายๆให้อีกคนก็แทบจะหงายหลังลงไปเมื่อโดนเด็กชายวัยห้าขวบกระโจนใส่

    "ยอนยอนใจดีที่ฉุดเยย ขอบคุณยอนยอนนะเจ้าเป็ดน่ายักจัง ไปเย่นกันๆ!"

    "ห เดี๋ยว.. เห้ย"

    ฮารังที่กระโจนใส่กันทันทีที่เห็นตุ๊กตาเป็ดตาโปนในอ้อมกอดเขากระโดดโหยงเหยงดึงนิ้วก้อยอูฮยอนให้วิ่งไปทางตัวบ้านชั้นเดียวหลังใหญ่ที่อยู่ห่างไปไม่กี่ร้อยเมตร อูฮยอนทำได้เพียงส่งยิ้มขอบคุณให้คุณดงอูที่อุตส่าห์ขับรถมาส่งแล้วตะโกนขออนุญาตซองกยูแบบไม่อยู่รอฟังคำตอบ

    "ขออนุญาตเข้าไปเล่นในบ้านคุณนะครับ ถ้าผมทำชุดไหพันล้านคุณแตกก็ขอโทษล่วงหน้าด้วยนะ!"

    ซองกยูเอี้ยวตัวมองตามผู้ใหญ่ติงต๊องที่ถูกลูกตัวเองดึงเข้าไปในบ้านแล้วถอนหายใจหน่าย ชุดไหพันล้านอะไรนั่นเขามีซะที่ไหนล่ะ

    "เจองานหนักแล้วสิซองกยู"

    ดงอูพูดแล้วหัวเราะคิกคัก หมวกสานใบใหญ่ถูกหยิบออกมาสวมขณะที่อีกฝ่ายเดินไปขนลังใส่ต้นอ่อนลงจากกระบะ

    ซองกยูขมวดคิ้วกับประโยคนั่น

    "งานหนักอะไรของนาย"

    ดงอูส่งลังต้นอ่อนนั่นให้คนงานก่อนจะหันมาตอบเขา "ก็คุณอูฮยอนคนนั้นไง ดูจะไม่ชอบนายน่าดู มาอยู่ด้วยกันอย่างนี้ก็ได้กัดกันตายพอดี ..เนอะบิงซู"

    ดงอูหันไปพยักพเยิดหน้ากับเจ้าหมาคอลกี้ที่ควรจะนอนแผ่อยู่หน้าทีวีในบ้านเขา ซองกยูถอนหายใจเมื่อหาสาเหตุที่ทำให้บิงซูมากระโดดเกาขาเขาได้อย่างนี้ นี่เด็กสองคนนั่นตรงเข้าบ้านไปเล่นอย่างเดียวเลยล่ะสิ ลืมแม้แต่จะปิดประตูบ้านให้เรียบร้อยจนบิงซูออกมาวิ่งเล่นได้น่ะ

    "ช่างฉันเถอะ เด็กนั่นทำอะไรฉันไม่ได้หรอกนอกจากจะแอบด่าฉันลับหลังกับขอร้องไม่ให้โดนตัดเงินเดือนน่ะ"

    "เป็นแค่เด็กนั่นจริงเร้อ" ดงอูพูดแล้วใช้ไหล่ตัวเองดันไหล่เขาอยู่สองสามที "พี่สาวฉันก็ทำงานบริษัทพี่เลี้ยงเด็กนายไม่ยักจะไปใช้บริการแฮะ"

    ซองกยูขมวดคิ้วกับประโยคนั่น ไม่รู้ว่าเพื่อนอารมณ์ดีต้องการอะไรกันแน่ "ก็ชั้นจ้างเขาตั้งแต่ยังอยู่โซลแล้ว จะให้ฉันจ้างพี่นายจากชอนจูให้ไปเลี้ยงฮารังที่โซลรึยังไง"

    พูดแล้วก็หันไปมองบ้านตัวเองที่ยังเปิดประตูอ้ารับลมเย็นอยู่เหมือนเดิม นี่ไม่คิดจะมาปิดประตูจริงๆหรือไง

    "นายเลยจ้างคุณอูฮยอนจากโซลให้ตามมาเลี้ยงฮารังทั้งที่ย้ายลงมาชอนจูแทนสินะ" ดงอูเหล่มองและอมยิ้มขำ "อืมม ต่างจากจ้างพี่สาวฉันจริงๆด้วย"

    ซองกยูถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน คนพวกนี้ช่างขยันสร้างความน่ารำคาญในชีวิตเขาจริงๆ

    "พอเถอะน่า ฉันจะเข้าบ้านแล้ว เปิดประตูทิ้งไว้แบบนั้นป่านนี้ยุงหามหมดแล้วมั้ง" เขาตัดสินใจจบบทสนทนาน่ารำคาญนั่นแล้วหันไปมองประตูบ้านอีกทีแต่มันก็ยังไม่ถูกปิดแต่อย่างใด บางทีการมีนัมอูฮยอนมาอยู่บ้านด้วยอีกคนคงไม่ต่างจากเขาเลี้ยงลูกสองคนเท่าไหร่

    ดงอูหัวเราะดังลั่นด้วยเหตุผลที่เขาเองก็ไม่อาจเข้าใจได้เหมือนกัน อีกฝ่ายปาดน้ำตาแล้วตบไหล่เขาป้าบๆ 

    "โอเคๆ ฉันไม่ล้อแล้ว เข้าบ้านไปเถอะเดี๋ยวคุณพี่เลี้ยงที่อุตส่าห์ตามมาจากโซลจะรอนาน" และหัวเราะต่อ "ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ"

    ซองกยูส่ายหัวให้กับเพื่อนยิ้มง่ายของเขา ดีดนิ้วสองสามทีเรียกบิงซูให้วิ่งตามมาก่อนจะสาวเท้าฉับๆเดินตรงไปยังตัวบ้านที่ถูกเปิดประตูอ้าไว้นานเกือบครึ่งชั่วโมง

    "เข้าบ้านกันเถอะบิงซู ก่อนที่ฮารังกับเด็กนั่นจะชวนกันพังบ้านฉันซะก่อน"





    b a b y s i t t e r .




    ฮารังโดนยุงกัด

    แต่อูฮยอนโดนยุงรุมกัด

    ทำไมโลกนี้ไม่เคยมีความยุติธรรมให้เขาเลย

    "นี่ยอน ปะป๊าอยู่ไหน ..ฮารังเป็นอะไยไม่ยู้คันทั้งตัวเยย"

    อูฮยอนเงยหน้าจากการถูแขนตัวเองไปมองเด็กน้อยที่นั่งทำหน้ายู่ดิ้นไปมาอยู่ตรงหน้า "ฮารังเจ็บ ปะป๊าอยู่ไหน.. อึก"

    เอาอีกแล้วไง

    "โอ๋ๆ ไหนฮารังมาให้ฮยองดูซิ" เขาอ้าแขนรอรับฮารังที่คลานเข้ามาหา ไม่สันทัดการปลอบเด็กนักแต่จะปล่อยให้ฮารังนั่งแหกปากร้องจนปะป๊าเจ้าตัวมาหาก็คงเดือดร้อนมากกว่า

    เขาอุ้มเด็กน้อยไปห้องน้ำแล้ววักน้ำจากอ่างที่คุณปะป๊าฮารังเปิดไว้เตรียมแช่มาลูบแขนลูบขาเจ้าตัวเล็ก ฮารังที่ทำปากยู่กำปกคอเสื้อเขาแน่น น้ำตายังคงเกาะอยู่ที่แก้มยุ้ยๆนั่น ดูน่ารักจนอดไม่ได้ต้องฟัดแก้มไปซักทีสองที ฮารังวัยห้าขวบที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวทำเสียงอื้ออึงในลำคอแล้วยกมือปิดแก้มตัวเองเพราะรำคาญ เห็นแล้วยิ่งน่าแกล้งอูฮยอนเลยฟัดแก้มแถมให้อีกสามที ถ้าไม่นับนิสัยขี้ฟ้องแบบเด็กๆแล้วฮารังก็น่ารักอยู่หรอก แล้วการเล่นกับเด็กที่ทำตัวน่ารักก็ทำให้เขายิ้มได้ไม่ยาก

    "นายจะเลิกฟัดแก้มลูกชั้นได้รึยัง"

    อูฮยอนลืมไปชั่วขณะว่าพ่อของเด็กในอ้อมกอดมีตัวตนอยู่ด้วย 

    เขาเป็นอันต้องหุบยิ้มเมื่อหมุนตัวกลับไปเห็นซองกยูในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงแส็คคุ้นตายืนเท้าประตูห้องน้ำอยู่กับสีหน้าตายๆ ไม่รู้ทำไมคิมซองกยูถึงขยันทำให้เขาหุบยิ้มนัก

    อีกฝ่ายขมวดคิ้วเล็กๆ "แล้วนายไปทำอะไรที่อ่างน้ำฉัน"

    อูฮยอนเด้งตัวออกมาแทบไม่ทันเมื่อได้ยิน นี่คุณซองกยูคงไม่คิดว่าเขาจะไปแย่งตัวเองนอนแช่น้ำกลิ่นพีชแล้วจิบไวน์ใต้แสงจันทร์หรอกใช่ไหม อย่างอูฮยอนน่ะอาบน้ำฝักบัวสิบนาทีเท่านั้นแหละ

    "ก็ฮารังโดนยุงกัดผมเลยพามาลูบน้ำเฉยๆ คุณคงไม่หวงแม้กระทั่งน้ำประปาในอ่างนี่หรอกใช่ไหม" เขาพูดแล้วโยกตัวเด็กน้อยที่หลับคาบ่าไปด้วย พยายามเปล่งเสียงให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้ฮารังตื่น อีกฝ่ายเองก็ทำเหมือนกัน เลยฟังดูออกจะตลกไปซักหน่อยที่ยืนเถียงกันด้วยเสียงกระซิบแบบนี้ "แล้วอีกอย่างนะผมไม่นิยมอาบน้ำอ่างให้เปลืองค่าน้ำหรอก บ้านไม่ได้รวยเหมือนใครบางคน"

    "ฉันแค่ถามว่านายไปทำอะไรยังไม่ได้ว่าอะไรซักคำ นายจะร้อนตัวทำไมฮะ"

    อูฮยอนยู่หน้า ที่คุณซองกยูพูดมันก็จริง แต่กับคนปากเสียตลอดเวลาแบบอีกฝ่ายใครจะไปรู้ว่าคิดอะไรอยู่ "ก็คุณมันพวกคิดลบนี่ แถมยังขี้บ่นอีกต่างหาก ผมจะรู้ได้ยังไงว่าคุณจะว่าผมรึเปล่าน่ะ"

    ซองกยูไม่ได้พูดอะไรนอกจากทำหน้าตาเบื่อโลกเต็มทน

    "เรื่องนั้นน่ะช่างมันเถอะ ตอนนี้คุณควรไปหามุ้งลวดมาติดบ้านหรือไม่ก็รู้จักฉีดยากันยุงซะบ้างนะ ยุงหามจนลูกคุณจะตัวบวมอยู่แล้วเนี่ย" พอพูดจบเขาก็ได้ยินเสียงคุณซองกยูแค่นหัวเราะ อีกฝ่ายมองหน้าเขาแล้วพูดชัดถ้อยชัดคำ

    "ก็แล้วใครล่ะที่เปิดประตูบ้านอ้าเอาไว้ให้ยุงมันบินเข้ามาได้น่ะ ไม่ใช่นายรึไง"

    อูฮยอนสะดุ้งนิดๆ เหมือนจะจำได้ลางๆว่าตัวเองเดินตามฮารังเข้าบ้านมาแล้วตรงเข้าห้องรับแขกเลยไม่ได้สนใจประตูที่ถูกเปิดทิ้งไว้ซักนิด ใจนึงแอบคิดอยากให้คุณซองกยูว่าลูกตัวเองซะด้วยแต่ฮารังก็หลับไปแล้ว อีกอย่างจะไปโทษเด็กห้าขวบที่ยังผูกเชือกรองเท้าเองไม่เป็นก็ไม่เข้าท่าเท่าไหร่

    คุณซองกยูยังคงเลิกคิ้วมองหน้ากัน

    "ก็.. ยังไงคุณก็ควรฉีดยากันยุงอยู่ดีแหละน่า เผื่อมีใครลืมปิดประตูบ้านอีกไง" เขาพูดด้วยหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ เห็นอีกฝ่ายอมยิ้มจากหางตา เป็นยิ้มที่ดูจริงใจไม่ใช่ยิ้มมุมปากเหมือนเคยก็อายมากกว่าเดิม "กันไว้มันดีกว่าแก้ใช่ไหมล่ะ"

    เป็นอูฮยอนที่ทำหน้ายู่แทนฮารังเมื่ออีกฝ่ายหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ แต่พอเขาเหลือบตาไปมองอีกคนก็ปรับสีหน้าไปตายด้านเหมือนเดิมแล้ว ขี้เก๊กชะมัด

    แต่ถึงยังไงเขาก็แอบสะดุดอยู่ที่อีกฝ่ายหลุดหัวเราะ ถึงจะรู้จักกันได้แค่วันเดียวแต่อีกคนก็เก๊กหน้าขรึมทำตัวเฉยชามาทั้งวัน อยู่ๆมาหลุดหัวเราะอย่างนี้เขาก็อดแปลกใจไม่ได้เหมือนกัน และเพราะช่วงเวลาชวนเงอะงะที่ไม่มีใครรู้ว่าควรทำตัวยังไงดีเราเลยยืนเงียบกันอยู่อย่างนั้น จนซองกยูกระแอมไอขึ้นมา

    "คือ ... ห้องนายอยู่ใต้หลังคานะ" ซองกยูพูดไปขมวดคิ้วไปคงกำลังเก๊กขรึมน่าดู อูฮยอนต้องกลั้นหัวเราะจนตัวสั่นเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำตัวไม่ถูก

     

    "จริงๆมันเป็นห้องที่เราใช้นอนกันในหน้าหนาว แต่ตอนนี้นายก็อยู่ไปก่อนแล้วกันมันไม่มีห้องอื่นว่างแล้ว"

     

    จบประโยคซองกยูก็คลายเนคไทออกมา อูฮยอนเพิ่งสังเกตเหมือนกันว่าอีกคนในเชิ้ตสีขาวเพียงตัวเดียวกับผมที่ถูกยีให้ตั้งขึ้นไปลวกๆแบบนี้ดูดีกว่าเวลามีสูทสีดำตัวนอกและผมที่ถูกเซตให้เรียบแปล้เยอะนัก

    "ส่วนฮารังนอนกับฉันข้างล่าง เพราะงั้นก็ไม่ต้องห่วง แต่ถ้ามีอะไรกลางดึกเดี๋ยวฉันจะขึ้นไปเรียกแล้วกัน"

    อูฮยอนพยักหน้ารับรู้ เขาขอตัวอีกฝ่ายพาฮารังเข้าไปนอนเพราะตัวเองก็ง่วง
    เต็มทน ทั้งแข่งกินเป็นกะละมังแล้วยังต้องนั่งรถกลิ่นชวนเวียนหัวของคุณดงอูอีกหลายชั่วโมง กิจกรรมวันนี้มันดูดพลังงานเขาไปจนจะหมด พอห่มผ้าให้ฮารังเสร็จก็แทบจะไหลไปนอนบนเตียงข้างๆถ้าไม่ติดว่ายังไม่ได้อาบน้ำและเขาไม่อยากนอนร่วมเตียงกับคุณพ่อฮารังเท่าไหร่

    เขาเดินไปค้นชุดนอนกับผ้าเช็ดตัวมาจากกระเป๋าลากใบโตแล้วมานั่งรอเจ้าของบ้านอาบน้ำอยู่บนโซฟาหน้าทีวี ไม่ได้ยินเสียงจากน้ำฝักบัวแม้แต่หยดเดียวแต่ก็เดาได้ว่าอีกฝ่ายคงกำลังนอนแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำสุดหรูของเจ้าตัว อูฮยอนง่วงจนตาจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่แต่ก็ไม่อยากไปเร่งอีกคนเท่าไหร่เพราะเขาก็เป็นแค่คนอาศัย จะไปเร่งให้เจ้าของบ้านรีบอาบน้ำในห้องน้ำบ้านตัวเองก็ดูจะไม่สมควร เลยได้แต่นั่งตบยุงรออยู่อยู่ข้างนอก

     

    แต่ตบจนยุงจะหมดบ้านแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าอีกคนจะออกมา

     

    หรือจะจมน้ำสลบไปแล้วนะ

     

    คิดได้อย่างนั้นอูฮยอนก็รีบเดินไปเคาะประตูห้องน้ำ ถึงจะไม่ชอบขี้หน้าเท่าไหร่แต่ถ้าอยู่ๆอีกฝ่ายมาจมน้ำตายไปแบบนี้เขาก็ใจไม่ดีเหมือนกันนะ

     

    “คุณ”

     

    เขาได้ยินเสียงน้ำจ๋อมๆมาเป็นคำตอบ ถึงจะบ่งบอกได้ว่ามีการเคลื่อนไหวแต่เขาก็ยังวางใจไม่ได้ถ้าไม่ได้ยินเสียงอีกฝ่ายตอบกลับมาก่อน

     

    “นี่คุณ ได้ยินผมรึเปล่า”

     

    คราวนี้พูดเสียงดังขึ้นอีกนิดพร้อมเอาหูไปแนบบานประตู แต่เสียงที่ได้กลับมาก็ยังเป็นเสียงน้ำเหมือนเดิม

     

    “คุณซองกยู! ตอบผมด้วย ถ้าคุณไม่ตอบผมจะพังประตูเข้าไปแล้วนะ”

     

    เขาพูดไปอย่างนั้นแต่ก็ไม่รู้จะทำได้รึเปล่า ประตูบานใหญ่ที่ทำจากไม้เนื้อแน่นนี่ดูจะทำให้ความเป็นไปได้ในประโยคเขาเป็นศูนย์ แต่ก็ยังคงไม่มีเสียงใดตอบกลับมาจากในห้องน้ำ เขาขบปากเม้มแน่นใจเริ่มเต้นแรง ถ้าอีกฝ่ายเป็นอะไรไปจริงๆคงกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆล่ะ อูฮยอนเริ่มคิดไปถึงว่าเขาจะไปบอกฮารังว่ายังไงที่อยู่ๆปะป๊าเจ้าตัวก็ไปนอนตัวซีดคาอ่างอาบน้ำซะงั้น

     

    “คุณคิมซองกยู! ถ้าคุณไม่เป็นอะไรก็ตอบผมด้วย เล่นอย่างนี้..”

     

    “มีอะไร!

     

    อูฮยอนสะดุ้งตัวโยนเมื่อเสียงแข็งนั่นตะโกนตอบกลับมา เขาถามออกไปอย่างไม่มั่นใจ “คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

     

    “เปล่า แล้วนายจะมาตะโกนอะไรปาวๆอยู่หน้าห้องน้ำฉัน”

     

    อูฮยอนเบะปากเมื่อได้ยิน คนเขาอุตส่าห์เป็นห่วงกลัวจะเป็นลมตายคาห้องน้ำไปก่อนยังไม่รู้จักขอบคุณอีก แต่อย่างน้อยอีกฝ่ายมาบ่นกันได้อย่างนี้ก็วางใจได้เปราะนึงว่ายังแข็งแรงดีอยู่

     

    “ก็คุณไม่ตอบผมนี่ผมตะโกนไปตั้งสามสี่ครั้ง ..นึกว่าจะตายไปซะแล้ว”

     

    เขาพูดเสียงเบาในประโยคสุดท้าย แต่อีกฝ่ายก็ยังจะหูดีได้ถูกเวลาอีก

     

    “ฉันได้ยินนะนัมอูฮยอน!

     

    “ก็คุณไม่ยอมตอบผมเองนะ ถ้าผมหายไปห้องน้ำเป็นครึ่งชั่วโมงแบบนั้นแล้วไม่มีเสียงอะไรเล็ดรอดออกมาเลยเป็นคุณก็คิดเหมือนกันนั่นแหละ”

     

    “ฉันล้างหน้าอยู่นี่ นายจะให้ฉันพูดตอบนายไปยังไงล่ะ”

     

    แล้วใครจะไปรู้ว่าไอ้เสียงน้ำจ๋อมๆนั่นคือเสียงวักน้ำล้างหน้าน่ะ เขาก็นึกว่าอีกฝ่ายตีน้ำขอความช่วยเหลือซะอีก

     

    “ช่างมันเถอะ แต่คุณน่ะรีบออกมาได้แล้ว คุณเข้าไปในนั้นจะชั่วโมงนึงอยู่แล้วนะ”

     

    อูฮยอนไม่ได้สนใจมารยาทของผู้อาศัยแล้วในเวลานี้ อาการง่วงที่รุมล้อมเขาอยู่สำคัญที่สุด

     

    “แล้วนายจะให้ฉันแช่น้ำห้านาทีหรือยังไง”

     

    อูฮยอนทำหน้าซังกะตาย อีกฝ่ายอายุกี่ขวบกันที่มาเถียงกับเขาผ่านบานประตูห้องน้ำแบบนี้ ที่อูฮยอนเถียงกลับไปน่ะไม่นับสิ

     

    “ตามใจคุณแล้วกัน แต่แช่น้ำเกินสิบนาทีแล้วมีโอกาสสลบคุณไม่รู้หรอ บอกไว้ก่อนนะว่าผมไม่เข้าไปหามคุณออกมาแน่ๆ” อูฮยอนพูดแล้วเดินผละออกจากห้องน้ำมา แต่ก็ยังหันไปตะโกนใส่บานประตูไม้อีกที “อีกอย่างระวังตัวเหี่ยวด้วยนะ”

     

    เดินกลับมานั่งรออยู่บนโซฟาไม่ถึงสิบนาทีอีกฝ่ายก็เดินขยี้ผมตัวเองออกมา ดวงหน้าอีกฝ่ายเปลี่ยนเป็นสีแดงคงเป็นเพราะน้ำอุ่นที่เจ้าตัวนอนแช่อยู่นานสองนาน อูฮยอนไม่มีอารมณ์จะพูดอะไรกับอีกคนเพราะตาที่แทบจะปิดสนิทอยู่รอมร่อ ถึงอย่างนั้นก็อดยู่หน้าไม่ได้อยู่ดีเมื่อในห้องน้ำเต็มไปด้วยไอร้อนลอยฟุ้งจนแทบมองไม่เห็นทาง คนรวยนี่ใช้ชีวิตเรียบง่ายกันไม่เป็นรึยังนะ

     

    อูฮยอนใช้เวลาอาบน้ำฝักบัวของเขาไม่เกินสิบนาทีก็ออกมายืนเช็ดผมอยู่นอกห้องน้ำแล้ว แต่ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงนั่งหน้านิ่งอยู่บนโซฟาและหันมองมาทางเขา

     

    “คุณมีอะไรรึเปล่า”

     

    พูดแล้วลูบแขนตัวเองไปมา เขาไม่ชอบให้คนอื่นเห็นตัวเองหลังอาบน้ำเท่าไหร่เพราะผิวแพ้ง่ายของเขาจะเห่อแดงเสมอ แต่อีกฝ่ายก็ดูจะไม่ได้สนใจมัน คิมซองกยูเดินตรงเข้ามาหาพร้อมหลอดยาในมือ

     

    “เอาไปทาซะ ฉันไม่อยากเห็นนายเดินเกาเป็นลิงไปทั่วบ้านฉันหรอกนะ”

     

    อีกฝ่ายยื่นหลอดยาสีขาวแต่ให้แต่อูฮยอนผลักมันคืนไป “ไม่เอา มันไม่ได้คันมากมายเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็หายแล้ว ผมไม่เดินเกาเป็นลิงให้คุณดูหรอก”

     

    ซองกยูคนขี้หงุดหงิดพอได้ยินอย่างนั้นก็ดึงแขนเขาไปแล้วเป็นฝ่ายบีบยาทาให้เอง เพิ่งรู้ว่าอีกคนเป็นคนมือหนักแค่ไหนเพราะหนังเขาแทบจะหลุดติดมือไปกับการทายาแบบใส่อารมณ์นั่น

     

    “ก็แค่นี้ มันยากตรงไหนกับแค่ทายาน่ะฮะ” ทาเสร็จก็ยังไม่วายบ่นต่อ ที่อูฮยอนไม่อยากทาก็เพราะมันเหนอะหนะแล้วเขาก็ไม่ชอบนอนแบบตัวเหนอะหนะด้วย แต่ตอนนี้จะท้วงอะไรไปก็คงไม่ทันอยู่ดี อีกอย่างหนังตาที่เปิดอยู่สองมิลลิเมตรของเขาก็น่าสนใจกว่าการเถียงอีกฝ่ายเป็นไหนๆ

     

    เขาเดินผละออกมา ตรงไปยังบันไดขึ้นห้องใต้หลังคาแล้วบอกฝันดีอีกคนทั้งที่หาววอดๆ

     

    “ฝันดีนะคุณ”

     

    ซองกยูมองตามหลังคุณพี่เลี้ยงเด็กไป ได้ยินเสียงหาวแบบไม่เกรงใจใครเขาก็อมยิ้มขึ้นมา “อืม ฝันดี”

     

     

    b a b y s i t t e r .

     

     

    “พี่อูฮยอนไปชอนจูแล้วทำไมนายไม่บอกฉัน!

     

    ซองยอลสะดุ้งจนแทบสำลักกาแฟเมื่ออยู่ๆอีกฝ่ายก็เปิดประตูเข้ามาโวยวายใส่ เขาเช็ดคราบกาแฟด้วยหลังมือขณะเหลือบตามองแขกไม่ได้รับเชิญ

     

    “เป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีกเนี่ย อูฮยอนมันไปไหนฉันต้องรายงานนายด้วยรึไง”

     

    คิมมยองซูกระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้รับแขกหน้าโต๊ะทำงานเขาแถมยังขมวดคิ้วใส่กัน เห็นแล้วก็นึกอยากดีดซักหนึ่งที คนที่ควรขมวดคิ้วน่ะเขามากกว่าไม่ใช่รึไง อยู่ๆก็โดนรบกวนเวลาจิบกาแฟตั้งแต่เช้าแบบนี้

     

    “แล้วทำไมพี่อูฮยอนต้องไปชอนจูด้วย”

     

    อีกฝ่ายประสานมือโน้มหน้ามาถามด้วยสีหน้ายุ่งๆ ดูหงุดหงิดเสียจนอยากเอ่ยปากล้อแต่ก็กลัวโดนตอกกลับมาเหมือนครั้งก่อน

     

    “มันก็ไปทำงานของมันสิลูกค้าเค้าอยากให้ตามไปนี่”

     

    มยองซูจ้องแก้วกาแฟนิ่งเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง “คิมซองกยูใช่ไหม”

     

    ซองยอลเลิกคิ้วสูงเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดชื่อลูกค้ากระเป๋าหนักของเขาขึ้นมา “นายรู้ได้ยังไง”

     

    “ฉันรู้ก็แล้วกัน แล้วทำไมเขาต้องย้ายไปชอนจูด้วย แล้วทำไมต้องเป็นพี่อูฮยอนที่ตามไป แล้วบริษัทนายไม่มีสาขาที่ชอนจูรึไง”

     

    มยองซูรัวถามมาไม่หยุดจนคนให้คำตอบแบบเขาต้องถอนหายใจหน่าย สาบานว่าได้ว่าคิมมยองซูบอกว่าไม่ได้ชอบนัมอูฮยอน แล้วไอ้ที่มานั่งซักอยู่อย่างนี้มันจะอยากรู้ไปทำไมกัน

     

    “ก็คุณซองกยูเขาต้องย้ายไปคุมไร่องุ่นของเขาที่ชอนจู ส่วนเรื่องทำไมต้องเป็นอูฮยอนที่ตามไปก็เพราะมันรับงานนี้ไปแล้วน่ะสิ แล้วอีกอย่างบริษัทฉันก็ไม่มีสาขาที่ชอนจูด้วย” พูดเสร็จเขาก็หอบหายใจ “อยากรู้อะไรอีกไหมฮะ” ตามด้วยประโยคประชดประชันอีกหนึ่งประโยค

     

    มยองซูไม่ได้สนใจอะไรนอกจากสบถเบาๆหลังฟังคำตอบของเขา อีกฝ่ายกำลังหงุดหงิดที่โทรหาอูฮยอนไม่ติด ซองยอลที่นั่งมองอยู่อย่างนั้นก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ปากแข็งจริงๆนะคนเรา

     

    “นี่ ชอบมันก็บอกมันไปสิ อูฮยอนมันติงต๊องขนาดนั้นไม่มีใครมาเป็นคู่แข่งนายหรอก”

     

    พูดจบมยองซูก็เงยหน้ามองเขาแทบจะทันที อีกฝ่ายเก็บโทรศัพท์ตัวเองแล้วจ้องหน้าซองยอลด้วยรอยยิ้มมุมปากที่ทำเอาเขาตามไม่ทัน เมื่อกี้มันยังหงุดหงิดอยู่เลยไม่ใช่หรอ

     

    “อะไรของนาย”

     

    เขาถามออกไป เพราะสีหน้าอีกคนดูไม่น่าไว้วางใจซักเท่าไหร่

     

    “นายจะให้ฉันบอกกี่รอบกันว่าฉันไม่ได้ชอบพี่อูฮยอน” มยองซูคว้าแก้วกาแฟเขาไปขโมยจิบเหมือนเคย “แล้วอีกอย่างฉันก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรอกว่าจะจีบนายน่ะ”

     

    เห้ย

     

    “จีบบ้าอะไรเล่า บอกตอนไหน อย่ามามั่วนะ”

     

    เขาพูดเสียงดังเมื่อได้ยินประโยคจากอีกฝ่าย จำไม่เห็นได้ว่ามาบอกว่าจะจีบตั้งแต่เมื่อไหร่ และถึงจะบอกจริงๆก็เถอะยังไงก็ไม่ยอมหรอก ซองยอลไม่อยากได้เด็กกวนประสาทนี่มาเป็นแฟนหรอกนะ

     

    “จำไม่ได้หรอ แต่ไม่เป็นไรหรอกนั่นไม่ได้สำคัญเท่าไหร่ เอาเป็นว่าเดี๋ยวเริ่มจีบเลยแล้วกัน”

     

    พูดไปก็ยิ้มไปแถมยังเคาะโต๊ะอย่างอารมณ์ดี ช่างต่างจากคนที่เพิ่งกระชากประตูห้องทำงานเขาออกด้วยสีหน้าขุ่นมัวเมื่อสิบนาทีที่แล้วนัก แต่ตอนนี้น่ะซองยอลไม่มีอารมณ์มายิ้มแบบอีกฝ่ายหรอกนะ

     

    “ว่างนักรึไงถึงได้มากวนฉันอย่างนี้เนี่ย งานการมีก็ไปทำสิไป”

     

    พูดด้วยสีหน้ายุ่งๆพร้อมลุกจากโต๊ะดึงแขนอีกฝ่ายแล้วผลักไปนอกห้องทำงานตัวเอง คิมมยองซูเองเป็นถึงหัวหน้าผู้จัดการแต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงได้ว่างมานั่งเล่นในบริษัทเขานัก

     

    “อย่าเพิ่งสิ” คนถูกไล่ยังขืนตัวไว้กับกรอบประตู แล้วอยู่ดีๆก็ล้วงกระเป๋ากางเกงเค้าหยิบเอาโทรศัพท์ไปซะอย่างนั้น ซองยอลแทบจะปล่อยมือไปจับขาตัวเองใต้กางเกงเนื้อดีแทบไม่ทัน ทำบ้าอะไรวะขนลุกชะมัด

    “นี่เบอร์ใหม่ฉันนะ”

     

    นั่นเป็นประโยคสุดท้ายก่อนอีกฝ่ายจะเดินหายไป ซองยอลก้มมองเบอร์อีกคนที่ฉายอยู่บนจอโทรศัพท์ตัวเองแล้วตัดสินใจกดบันทึก ถึงจะรำคาญเจ้าเด็กนั่นอยู่ไม่น้อยแต่ไหนๆก็เป็นคนรู้จักกันมีเบอร์กันไว้ก็คงไม่เสียหายอะไร เผื่ออีกฝ่ายโทรมาเขาจะได้ตัดสายถูก

     

    มยองซู

     

    ซองยอลไม่ใช่เด็กน้อยที่จะมานั่งเมมเบอร์คนอื่นด้วยชื่อประหลาดๆเช่น นารูโตะสีดำ หรือ ศัตรูหมายเลขหนึ่ง อะไรแบบนั้นหรอกนะ

     

    เขากำลังจะกลับไปตรวจแฟ้มงานอยู่แล้วเชียวถ้าไม่ติดว่าโทรศัพท์ในมือสั่นขึ้นมาเสียก่อน

     

    เป็นข้อความจากคนที่เพิ่งเดินออกจากห้องไปนั่นแหละ

     

    -มยองซู-

    เริ่มจากเย็นนี้เลยแล้วกันนะ เลิกงานแล้วอย่าเพิ่งไปไหนล่ะเดี๋ยวฉันไปรับเอง

     

    ซองยอลทำหน้าแหยใส่โทรศัพท์ตัวเองแล้วโยนมันลงไปบนโซฟา เขาก้าวฉับๆไปนั่งที่โต๊ะทำงานแล้วลงมือจัดการแฟ้มกองใหญ่บนโต๊ะทันที พอดีวันนี้เกิดอยากเลิกงานก่อนเวลาน่ะ ขอโทษด้วยนะคิมมยองซู

     

     

     

     

    to be continued
     

    โอะโอ อนุญาตให้กลับไปอ่านตอนก่อนๆได้ค่ะ เรามั่นใจว่าทุกคนลืมมันไปแล้ว 55555

    เนื่องด้วยเราเป็นคนขี้เกียจ ._. และตั้งแต่ปีที่แล้วจนตอนนี้ชีวิตยุ่งมากเรื่องแลกเปลี่ยนเราเลยไม่คิดจะลงฟิคต่อ แต่อยู่ๆก็เกิดคึกอยากต่อขึ้นมาตอนที่สามเลยออกมาแบบนี้นี่แหละค่ะ ว่าจะไปแต่งอันโนวน์ต่อด้วยเพราะอย่างที่บอกไป(เมื่อปีที่แล้ว -_-)ว่าเราชอบพลอตจริงๆ 555 ยังไงก็ฝากติดตามทั้งสองเรื่องเลยนะคะ ถึงแม้จะขาดตอนไปถึงหนึ่งปีเลยก็ตาม 5555


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×