คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ❝ babysitter : chapter 1
c h a p t e r 1
ซองยอลสะใจ
ใช่ คงไม่ต้องบอกว่าเรื่องอะไร เห็นนัมอูฮยอนโวยวายทำหน้าบูดแต่เถียงอะไรเหมือนเคยไม่ได้ก็คงตอบคำถามได้ทั้งหมด ไม่ได้จะแก้แค้นหรืออะไรแต่ทุกอย่างมันดันลงล็อคเองนี่
ลงล็อคที่คนเดลียดเด็กอย่างอูฮยอนอยากเขาช่วยเลี้ยงเด็กวันนั้น ลงล็อคที่อูฮยอนพลั้งมือทำร้ายลูกคุณนายอี ลงล็อคที่บริษัทรับเลี้ยงเด็กชื่อดังของซองยอลโดนคุณนายอีที่ว่าฟ้อง แล้วก็ลงล็อคที่ว่าลูกค้าคนใหม่ล่าสุด..คุณซองกยูนั่นแหละ เพิ่งส่งใบมาหาพี่เลี้ยงเด็กพอดีเป๊ะ
ผลสรุปเลยเป็นอย่างที่เห็น อูฮยอนได้งานทำที่เขามั่นใจว่าดีกว่าการเป็นพนักงานร้านหนังสือกิ้กก้อกของมันแถมซองยอลยังไม่พลาดลูกค้ากระเป๋าหนักอย่างคิมซองกยูไปด้วย
.. นัมอูฮยอนควรรู้ได้แล้วว่าใครกันแน่ที่ฉลาดกว่ากัน
“เป็นอะไร ทำหน้าตาโรคจิต”
ซองยอลสะดุ้งโหยง เสียงที่ดังขึ้นเรียกให้ตกใจจนควบคุมมือตัวเองไม่อยู่ แฟ้มเอกสารบนโต๊ะทำงานเป็นตั้งเลยหล่นลงตามแรงโน้มถ่วงโลกเสียงดังโครมโดยที่เจ้าของไม่ได้ตั้งใจ อดเงยหน้ามองไม่ได้เมื่อเสียงที่ดูจะเป็นเสียงเดียวกับที่ทำเขาตกอกตกใจเมื่อกี้กำลังหัวเราะหึหึอยู่ในลำคอ พอเห็นหน้าตาท่าทางคุ้นเคยแบบนั้นอีซองยอลก็แทบจะขว้างแฟ้มบากหน้าซักทีสองที
“ว่างมากรึไง บริษัทตัวเองก็มีไม่ไปละหะ ฉันไม่ต้อนรับนายหรอกนะ”
ยกแฟ้มเก็บไปก็บ่นคนมาใหม่ไปด้วย คิมมยองซูเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามโดยที่ยังไม่ได้เชิญแล้วหยิบกาแฟสีเข้มตรงหน้าไปกินเฉย
..ไอ้เด็กมารยาทแย่
“อย่าหลงตัวเองสิฉันไม่ได้มาหานายซักหน่อย”
ซองยอลจะทนไม่ไหวกับสายตาล้อเลียนขบขันแบบนั้น มยองซูหัวเราะกับหน้ายักษ์ของอีกคนก่อนจะบอกจุดประสงค์ที่แท้จริง
“พี่อูฮยอนเป็นยังไงบ้าง ได้ข่าวว่าไม่ถูกกับงานใหม่”
“คงงั้นมั้ง มันก็ไม่ชอบเด็กอยู่แล้ว”
ซองยอลเหล่ตามอง นึกในใจว่าที่คิมมยองซูเคยบอกว่าไม่ได้คิดอะไรคงจะไม่จริง ทั้งที่บริษัทตัวเองก็อยู่ไกลลิบยังอุตส่าห์ถ่อมาหาเขาถึงนี่เพราะอยากรู้ว่าอูฮยอนเป็นยังไงบ้าง ..ถามเด็กอนุบาลยังรู้เลยว่าไอ้ผู้ชายนี่คิดไม่ซื่อกับเพื่อนเขาแน่ๆ
อันที่จริงซองยอลก็ล้อมันมาตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่แล้ว คิมมยองซูที่ดูนิ่งๆไม่เคยเข้าหาใครก่อนแต่ดันชวนอูฮยอนคุยทุกครั้ง แถมยังเรียกพี่อูฮยอนอีกทั้งที่รุ่นพี่โตสุดในโรงเรียนมยองซูไม่เคยจะเติมคำแสดงความเคารพให้เลย จำได้ว่ามีวันนึงที่เขาล้อมันจริงจังจนถึงขั้นวางแผนให้ไปบอกรักเสร็จสรรพ แต่พอถึงเวลาเล่าแผนให้มยองซูฟังเด็กนี่กลับทำหน้ามึนๆมาให้แล้วบอกว่านายสมองกลับรึไงคิดว่าฉันชอบพี่อูฮยอนหรอ ซองยอลเลยอธิบายว่ามันมีปัจจัยไหนบ้างที่ทำให้คิดได้ว่าคิมมยองซูชอบนัมอูฮยอนเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ หลังฟังจบมยองซูก็เปลี่ยนไปแค่นหัวเราะ มองตาเขานิ่งแล้วตอบกลับว่าถ้าอย่างนั้นไม่คิดบ้างหรอว่าฉันจะชอบนาย
.. นับแต่นั้นมาอีซองยอลก็ไม่เคยล้อมยองซูกับอูฮยอนอีกเลย เพราะจะพูดทีไรฉากนี้มันก็รีเพลย์ในหัวแบบห้ามไม่ได้ทุกที
ก็มันน่าขนลุกมั้ยล่ะ
“ซองยอล นี่ ได้ยินไหม”
“หะ หา อะไร”
“ฉันถามว่าพ่อหรือแม่ของเด็กที่พี่อูฮยอนไปเลี้ยงให้น่ะใคร”
ซองยอลส่งสายตาล้อเลียนไปให้จนคนเห็นตีหน้าหน่าย “อย่ามาลีลา ถามก็ตอบ”
“จะอยากรู้ไปทำไม ถ้าเป็นพ่อแล้วจะตามไปหึงรึไง”
เขาเห็นมยองซูขยี้ผมถอนหายใจแบบเหนื่อยจะแก้ตัวสุดฤทธิ์ แล้วซองยอลก็ยิ่งได้ใจ เป่าปากวี้ดวิ้วแซวเด็กหน้านิ่งตรงข้าม ก่อนจะตกใจจนแทบหงายหลังเมื่อหน้านิ่งๆเมื่อกี้เลื่อนมาใกล้จนชิด แขนที่วางไว้บนโต๊ะถูกอีกคนจับกดแน่น สัมผัสเบาจากมือที่ทัดปอยผมให้ก็ยิ่งทำเอาจั๊กจี๋จนต้องย่นคอหนี แต่ก็คงไม่จั๊กจี๋เท่าประโยคสยิวกิ้วข้างหูได้หรอก ..
“อยากให้จีบนักใช่ไหม ฉันทำให้ได้ไม่มีปัญหา”
“แต่บอกไว้ก่อนนะว่าคนที่ฉันจะจีบน่ะไม่ใช่พี่อูฮยอน”
b a b y s i t t e r .
“อู-ฮยอน”
“ยอน ..ยอน”
“อูฮยอนครับ นัม-อู-ฮยอน”
“ยอน คิคิ ..ยอน”
“ไม่ใช่นะครับ อู-ฮยอน”
“#%#$^&@”
ให้ตายเถอะ นี่มันเด็กประถมหรือเด็กอนุบาลวะเนี่ย . .
พอคิดได้ว่าต่อให้ใช้เครื่องช่วยพูดเด็กที่เขาอุ้มอยู่ก็คงไม่มีทางพูดชื่อถูกอูฮยอนเลยล้มเลิกความตั้งใจจะสอนเด็กชายที่เขาต้องดูแลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปให้รู้จักชื่อพี่เลี้ยงตัวเองมาเป็นการหาขนมให้กินจะดีกว่า เด็กน้อยในความดูแลจะได้อารมณ์ดีไม่ตบหน้าเขาเหมือนเมื่อชั่วโมงที่แล้วที่เจอกันครั้งแรก ..เด็กบ้าอะไรอายุห่างกับเกือบยี่สิบปีแถมเขาก็ยังเป็นคนแปลกหน้าแต่ไม่เห็นคิมฮารังจะมีความกลัวเลยซักนิด หนำซ้ำยังเป็นฝ่ายวิ่งมาขี่คอเขาเองอีก
มันน่าจับไปปล่อยให้โจรมาลักพาตัวนักเชียว
“ฮารังกินพัตบิงซูอยู่นี่แปปนะครับ เดี๋ยวฮยองมา”
โยนเด็กตัวเล็กในชุดนักเรียนลายสก็อตดูดีน่าอิจฉากว่าตอนเขาเรียนลงบนโต๊ะไม้ทิ้งไว้พร้อมน้ำแข็งไสถั่วแดงหนึ่งถ้วยแล้วอูฮยอนก็เดินออกมา ล้วงกระดาษแผ่นเล็กจากซอกกระเป๋ากางเกงยีนส์ตัวเองแล้วจัดการหยอดเหรียญตู้โทรศัพท์สาธารณะกดเบอร์ตามตัวเลขที่ถูกเขียนด้วยลายมือหวัดๆ ฟังเสียงรอสายอยู่นานจนเกือบจะวางหูไปแล้วถึงได้มีเสียงผู้ชายทุ้มๆผ่านสายมา
-สวัสดีครับ-
“สวัสดีครับ ผมนัมอูฮยอนที่คุณติดต่อไปให้มาเป็นพี่เลี้ยงฮารังนะครับ”
-..........- ปลายสายเงียบ อูฮยอนขมวดคิ้วกดหูโทรศัพท์ให้ชิดเข้ามาอีก เสียงที่ดังมาก็คือเสียงคนอีกหลายคนแย่งกันพูดเหมือนมีการประชุมอะไรซักอย่างอยู่ ..ก็แปลว่าสายไม่ได้ตัดนะสิ แล้วทำไมไม่มีคนตอบวะ
“ฮัลโหล ได้ยินไหมครับ”
-..........-
“ฮัล ..”
-มีปัญหาอะไรก็รีบพูดมาสิครับผมประชุมอยู่-
“อ ..คือ”
แล้วอูฮยอนควรพูดว่าอะไรละ ..มารยาทแย่จริงๆเลยตัวเองเป็นคนจ้างเค้ามาทำงานแท้ๆ อุตส่าห์สละเวลามาให้แล้วมาพูดกันแบบนี้เนี่ยนะ
-ครับ-
อีกคนเว้นช่วงให้เขาตอบ อูฮยอนเลยต้องเก็บความหงุดหงิดเอาไว้เพราะประโยคเดียวทีดังก้องในหัว .. ค่าเช่า ค่าเช่า ค่าเช่า ..
“ผมไปรับฮารังกลับมาจากโรงเรียนแล้วนะครับ ไม่ทราบว่าคุณ ..เอ่อ อยากให้ผมพาเค้าไปที่ไหนต่อรึเปล่า”
-พาฮารังมาที่ทำงานผมแล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกทีแล้วกันครับ-
ตื้ด
อ่าวเฮ่ย!
“คุณครับ! คุณซองกยู!”
ที่ทำงานอยู่ที่ไหนก็ไม่บอก แล้วจะพาไปถูกไหมล่ะ ..ตวัดตามองเด็กเจ้าปัญหาที่นั่งนิ่งกว่าที่คิดจ้วงน้ำแข็งไสเข้าปากไม่หยุดแล้วก็ต้องฟึดฟัดเมื่อนึกพาลไปถึงคนเป็นพ่อที่เขาไม่เคยเห็นหน้า นี่อูฮยอนต้องทำงานกับคนนิสัยแบบนี้เนี่ยนะ อยู่ๆก็โทรไปหาซองยอลตั้งแต่ตีห้าให้เพื่อนรักนั่นโทรมาบอกเขาอีกทีให้เริ่มทำงานได้เลยโดยเริ่มจากการไปรับคิมฮารังมาจากโรงเรียน ซื้อพัตบิงซูให้กินหนึ่งถ้วยและต้องเป็นของเจ้าที่อยู่หน้าสวนสาธารณะข้างโรงเรียนเท่านั้น แล้วก็ปิดท้ายด้วยการพาไปส่งถึงมือคุณพ่อแบบครบสามสิบสองประการ
ทุกอย่างที่ว่านั่นอูฮยอนทำหมดแล้วเว้นก็แต่ข้อสุดท้ายนี่แหละ ก็ดันบอกมาแค่ที่ทำงานแล้วคิดว่าอูฮยอนจะรู้เองได้รึไงว่าตัวเองทำงานที่ไหนน่ะหะ
เดี๋ยวก็ปล่อยทิ้งไว้ซะเลยนี่
“ยอน ปะป๊าอยู่ไหน”
อูฮยอนหันตามเสียงเล็กๆนั่น เดินตรงเข้าไปหาแล้วย่อตัวนั่งให้หน้าอยู่ระดับเดียวกัน
“เรียกฮยองด้วยสิครับ ฮยองแก่กว่าฮารังเยอะเลยนะ” ฉีกยิ้มใจดีให้เด็กปากแดงที่ยืนเล่นน้ำลายอยู่ตรงหน้า อูฮยอนหยิกแก้มยุ้ยหวังจะเรียกร้องความสนใจแต่มันดันกลายเป็นว่า ..
เพี้ยะ
“ยอนหยิกฮารังทำไม ฮารังจะฟ้องปะป๊า”
เห้ย ฮารังตบเขา ไอ้เด็กนี่มันตบเขา
คว้ามือป้อมๆไว้แล้วดึงเข้าหาตัว อูฮยอนจ้องตาตี่ๆของเด็กน้อยนิ่งระงับอารมณ์ .. แย่ แย่มากๆ ก็เข้าใจอยู่ว่าภรรยาคุณซองกยูอะไรนั่นไม่ได้อยู่เลี้ยงลูกด้วยกัน แต่เพราะอย่างนั้นคนเป็นพ่อก็ต้องยิ่งดูแลลูกไม่ใช่เลยรึไง ปล่อยให้ก้าวร้าวเที่ยวตบหน้าคนอื่นสบายใจเฉิบมาตั้งห้าปีเนี่ยนะ
“ฮารังขอโทษฮยองเดี๋ยวนี้เลยครับ”
“........” ฮารังทำปากยื่น สะบัดหน้าแล้วยืนเกาพุงต่อเหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น ในขณะที่อูฮยอนพยายามหายใจช้าๆ
“ฮารัง ขอโทษฮยอง” เขากดเสียงต่ำขมวดคิ้วใส่ ฮารังเหลือบตามามองแล้วอูฮยอนถึงได้รู้ว่างานกำลังจะเข้าในอีกไม่ช้า มือป้อมทั้งสองข้างกำลังกดแนบลงกับแก้มตัวเอง ดวงตาคู่เล็กแดงก่ำที่มองมาก็ทำเอาอูฮยอนถลาเข้าไปดึงเด็กน้อยมาซุกอกแทบไม่ทัน
“อึก ..”
อูฮยอนปลอบคนไม่เป็นหรอกนะ . .
“ฮ ฮึก ..อ ปะป๊า”
“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับๆ”
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่เขาพูด เพราะต่อจากนั้นเด็กชายฮารังก็แหกปากร้องไห้เสียงดังจนอูฮยอนกลายเป็นจุดสนใจทันที ช้อนตัวอุ้มฮารังมืออีกข้างก็ลูบหลังลูบหัว อูฮยอนพูดคำว่าหยุดร้องนะครับเด็กดีตลอดทางแข่งกับเสียงแหลมที่ตะโกนใส่หูว่าจะฟ้องปะป๊ามาตลอดทางเหมือนกัน นึกอยากวางเด็กนี่ทิ้งไว้ข้างฟุตบาธแล้วเดินไปตบโต๊ะซองยอลพร้อมพูดกรอกหูมันดังๆเลยว่ากูไม่ทนแล้วเว้ย!
แต่ก็นั่นล่ะ คำว่าค่าเช่ามันยังค้ำคอเขาอยู่ ..น่าโมโหจริงเชียว ทำไมอูฮยอนไม่ทำงานเก่งๆจะได้รวยแบบเพื่อนมั่งเนี่ย
“ฮืออออ ปะป๊า ..ยอนนิสัยไม่ดี ฮารัง ฮึก ..ฮารังจะฟ้องปะป๊า อึก”
เอะอะก็จะฟ้องแต่ปะป๊าอยู่นั่นล่ะ ทำไมไอ้พ่อลูกคู่นี้มันนิสัยเสียเหมือนกันขนาดนี้ นี่อูฮยอนควรไปตีพ่อหรือตีลูกดีหะ!
b a b y s i t t e r .
งานเข้าจริงๆด้วยแหละ
อูฮยอนกำลังก้มหน้างุด หรี่ตามองปะป๊าของฮารังที่นั่งอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้าม ขาข้างซ้ายใต้กางเกงแส็คเนื้อดีถูกกดทับโดยเด็กน้อยฮารังที่ยื่นปากกอดคอปะป๊าของตัวเองหลังฟ้องเรียบร้อยว่ายอนนิสัยไม่ดีเลยปะป๊าอยู่ดีๆก็มาตบฮารัง ปะป๊าหักเงินเดือนยอนเลย
ถ้าไม่ติดว่ามีสายตาดุๆส่งผ่านมาอูฮยอนคงเดินไปตบเด็กนั่นจริงๆแบบที่เจ้าตัวพูดแล้วตะโกนใส่หูไปเลยว่าไม่ได้รับเงินเดือนจากพ่อแกเว้ย ..แต่นั่นหมายถึงในกรณีที่คุณซองกยูไม่ได้มองเหมือนเขาไปฆ่าลูกชายตัวเองแล้วแบบนี้น่ะนะ
“คุณอูฮยอน เล่าให้ผมฟังมาว่าเกิดอะไรขึ้น”
เจ้าของชื่อเงยหน้าตามเสียงเรียกก็เห็นคิมซองกยูกำลังมองเขาด้วยสายตาที่บอกได้ว่าฉันคิดผิดรึเปล่าที่จ้างนายอูฮยอนเห็นแล้วของขึ้น จะมามองกันด้วยสายตาแบบนั้นได้ที่ไหน ใช่ว่าเขาจะอยากทำซักหน่อยไอ้งานนี่ เจอแต่อะไรน่าหงุดหงิดทั้งวันสู้ไปยืนจัดหนังสือคิดเงินหน้าแคชเชียร์แบบที่อยากยังสนุกกว่าอีก อุตส่าห์สละเวลาตัวเองมาช่วยเลี้ยงเด็กผีนี่ก็ดีแค่ไหนแถมลูกตัวเองก็ไม่ได้เลี้ยงง่ายเลยนะ เจอกันวันแรกก็ใส่ร้ายเขาซะแล้วจะให้ใจดีด้วยได้ยังไง ฟ้องไปได้ว่าตบ ไอ้ที่อูฮยอนทำน่ะเค้าเรียกหยิกต่างหาก ฮึ่ย ถ้าไม่ติดว่าไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าห้องนัมอูฮยอนก็ไม่คิดอยากเลี้ยงหรอกเว้ย!
“ว่ายังไง”
คุณซองกยูกดเสียงเข้มในขณะที่เขาได้แต่หงอตัวลงเรื่อยๆ
ไอ้ที่บ่นมาทั้งหมดเมื่อกี้น่ะ ไม่ได้พูดไปซักแอะเดียว ..ก็ดูหน้าคนถามซะก่อนสิ อูฮยอนอยากรู้อยู่เหมือนกันว่าจะตีหน้าขรึมดุกันไปถึงไหน แค่สายตาคมก็กดดันได้มากพออยู่แล้วยังเก๊กเสียงเข้มใส่อีก . .
น่าสงสารฮารังจริง จะรู้บ้างไหมนะว่ามีพ่อเป็นปีศาจกลายพันธุ์อย่างนี้
“งั้นผมคงต้องคุยกับซองยอล”
เห้ย
“ไม่ได้นะ!”
อูฮยอนพุ่งตัวไปเกาะแขนคนที่กำลังลุกจากโซฟาพร้อมโทรศัพท์เครื่องหรูที่ดูแวบๆเห็นโชว์เบอร์เพื่อนสนิทเด่นหรา ขืนตัวดึงสุดชีวิตไม่ให้โทรศัพท์เครื่องบางแนบใบหูอีกฝ่ายได้เพราะดูแล้วคุณซองกยูคงจะทำจริง
ไม่ได้นะ ค่าเช่าห้องของอูฮยอนละ
“ผมขอร้องละคุณห้ามบอกซองยอลเด็ดขาด สัญญาเลยต่อจากนี้ฮารังจะไม่ร้องไห้อีกแม้แต่หยดเดียว”
เขาชูนิ้วสาบานข้างขมับ กัดปากทำหน้าตาน่าสงสารเรียกคะแนนด้วยแต่ดูเหมือนอากัปกิริยาต่างๆจะไม่ทำให้คนข้างหน้าสนใจซักนิด ดูจากสายตาเนือยๆที่มองกัน . .
เอาอีกแล้ว อูฮยอนขอของขึ้นอีกซักทีเถอะ!
“นะครับคุณซองกยู”
. . ก็บอกแล้วว่าคำว่าค่าเช่ามันค้ำคอ
คุณซองกยูนิ่งไปซักพัก สายตาดุที่เคยมองกดดันกันดูจะคลายความน่ากลัวลงเมื่อเจ้าของคิดอะไรดีๆได้ ..แต่มันไม่ดีกับอูฮยอนเท่าไหร่เพราะประโยคที่คุณซองกยูพูดต่อมาทำเอาอูฮยอนแทบตาถลน
“มาอยู่กับผม”
หะ!?
“คุณว่าอะไรนะ”
“ผมบอกให้ย้ายมาอยู่กับผม”
” คือ ..ให้ผมดูฮารังไปเช้าเย็นกลับดีกว่านะคุณจะได้มีเวลาส่วนตัวอยู่กับลูกคุณบ้างไง”
พูดติดๆขัดๆขึ้นมาเมื่อรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายส่งแรงกดดันผ่านสายตามาให้ อูฮยอนรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นการ์ตูนเด็กเนิร์ดยืนจิ้มนิ้วอยู่ข้างหน้านักเลงหัวไม้ที่ทำแค่ยืนกอดอกมองต่ำแต่ก็ทำเอาเด็กเนิร์ดอย่างเขาขวัญเสียได้อยู่โขแล้ว
คนตรงหน้าถอนหายใจแรงจนอูฮยอนรู้สึกเหมือนหน้าม้าตัวเองปลิว
“งั้นเดี๋ยวผมคุยกับซองยอลเองแล้วกัน”
“เห้ยไม่ได้ๆๆๆๆ นั่นยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย!”
คุณซองกยูหลุดกระตุกยิ้มตอนเขากระโจนไปขวางหน้า แต่ก็ไม่ใช่ยิ้มโลกสดใสหรอกนะมันคือยิ้มดับโลกต่างหาก เห็นหน้าตาแบบนั้นแล้วอูฮยอนก็อยากข่วนซักทีถ้าไม่ติดว่าเขาเป็นรองในทุกๆด้าน หมั่นไส้นักคนแบบนี้ รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองถือไพ่สูงกว่ายังจะไล่ต้อนกันให้จนมุม แล้วอูฮยอนจะไม่หงุดหงิดขนาดนี้เลยถ้าคิมซองกยูไม่ทำหน้าตาท่าทางกวนประสาทใส่เขาอยู่
“แล้วคุณจะเอายังไง ..มาอยู่กับผม หรือโดนไล่ออกจากงาน”
“บอกผมมาก่อนสิเหตุผลที่ต้องไปอยู่กับคุณน่ะ”
ซองกยูเลิกคิ้วขึ้นแล้วพาสีหน้าตายๆของตัวเองกลับในนั่งเอนหลังบนโซฟา ยกไวน์จิบด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้กว่าเดิมเป็นทวีคูณ อีกคนปล่อยให้มีความเงียบระหว่างคำถามเขากับคำตอบตัวเองนานเสียจนอูฮยอนจะลุกไปเตะคนขึ้เก๊กอยู่แล้วถ้าไม่ติดว่าในสองวินาทีต่อมาเสียงทุ้มลึกก็ดังขึ้นขัด
“ผมอยากให้คุณอยู่ดูฮารังทั้งวัน ..คุณคงรู้ว่าเค้าค่อนข้างขาดความอบอุ่น”
“ผมเองก็งานยุ่งมากบางคืนผมแทบไม่ได้นอนด้วยซ้ำ ไม่มีเวลาไปดูแลเค้าหรอก”
“เพราะถ้าผมมีผมก็คงไม่จ้างคุณมา”
“..แถมดูแล้วคุณก็น่าจะไม่มีงานทำ คงไม่เสียเวลาเท่าไหร่”
อูฮยอนถลึงตาใส่จังหวะที่อีกฝ่ายไม่ได้มอง ก็ดูปากแบบนี้มันน่าไหมละถ้าไม่ติดคำว่าค่าเช่าห้องนะอูฮยอนจะคว้าขวดไวน์ข้างตัวไปตีแสกหน้าจริงๆด้วย
แล้วขอเถอะ ไอ้ที่มานั่งหัวโด่รับคำสั่งจากเจ้านายอยู่เนี่ยไม่เรียกว่าทำงานรึไง เดี๋ยวก็เสยซะหรอก
“แต่ถ้าคุณไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร ผมว่าซองยอล..”
“เดี๋ยวคุณอย่าเพิ่งสิ!”
อูฮยอนอยากร้องไห้ เกิดมาไม่เคยต้องยอมใครขนาดนี้มาก่อน กับคิมมยองซูรุ่นน้องขวางโลกที่โรงเรียนมัธยมอูฮยอนยังเล่นหัวได้โดยไม่กลัวจะโดนแกล้งกลับซักนิดเลย แล้วคิมซองกยูนี่อะไร กะอีแค่ผู้ชายชอบทำตัวแก่ที่เอาแต่ดุคนอื่นเค้าไปทั่ว กับลูกตัวเองก็ยังดูไม่อ่อนโยนเท่าที่ควรเขาไม่เห็นจำเป็นต้องไปกลัวเลย
ก็แค่ผู้ชายแก่หน้าดุคนนึง ที่กุมเงินค่าเช่าห้องอีกครึ่งนึงของนัมอูฮยอนเท่านั้นเอง . .
“ก็ได้ ผมตกลง ผมจะย้ายของเข้ามาวันนี้เลย”
คิมซองกยูสิ่งที่เกลียดอันดับหนึ่งเคาะนิ้วกับโต๊ะยกยิ้มพอใจในคำตอบ กุญแจรถสีเงินบนโต๊ะถูกอีกฝ่ายเก็บรวบไปแล้วคนขี้เก๊กก็เดินอ้อมมาดึงมือเขาให้ลุก อูฮยอนถูกยัดใส่รถก่อนคุณพ่อใจยักษ์จะส่งลูกตัวเองมาเหยียบตักทึ้งหัวเขาที่นั่งงงอยู่เบาะหน้า
“ยอนเกะกะจัง นี่ที่ฮารังนะ”
เด็กเวร ไปบอกพ่อแกนู่น
“คุณจะพาผมไปไหน”
เลิกสนใจเด็กผีข้างหน้าไปถามคนที่ดูน่าจะคุยกันรู้เรื่องมากกว่า แต่ก็เหมือนจะคิดผิดเมื่อคุณซองกยูทำมาแค่ตอบคำถามแบบกำกวมแถมยังชวนให้ตั๊นหน้าซักที
“อยู่นิ่งๆไปเถอะน่า ผมมีงานให้คุณทำก็แล้วกัน”
เขาเพิ่งค้นพบก็วันนี้ว่าสองสิ่งที่เกลียดที่สุดในโลกคือคิมซองกยูและคิมฮารัง
to be continued
ความคิดเห็น